บวชพราหมถือศีล 8 ตลอดชีวิตต้องทำอย่างไรบ้าง ?

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย manymoons123, 7 มีนาคม 2015.

  1. ZIGOVILLE

    ZIGOVILLE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    196
    ค่าพลัง:
    +792
    ครับ จะทำดีมันก็ยากแบบนี้แหละครับ ตอนผมได้มาผมก็คิดหนักเหมือนพี่แหละ เป็นกุศโลบายไว้กำราบจิตได้ดีอย่างหนึ่งครับ...อย่างว่าต้องฝืน ต้องอด ต้องทน ต้องทวนกระแส ค่อยๆ ทำไปทีละนิดเดี๋ยวจิตมันก็ชินเองนะครับพี่ ผมเองก็ยังต้องฝึกอีกเยอะเหมือนกัน...อายุพี่ก็ไม่น้อยแล้วอย่าประมาทนะครับ สู้ต่อไปเป็นกำลังใจให้เสมอครับ เราเป็นเพื่อนร่วมทางกัน หวังว่าคงได้เจอกันที่จุดหมายปลายทางคือนิพพานไวๆ นะครับพี่
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 มีนาคม 2015
  2. pukub

    pukub เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2014
    โพสต์:
    113
    ค่าพลัง:
    +219
    แนะนำให้ถือ อุโบสถศีล อาทิตย์ละครั้งพอละครับ คือถือในวันพระ
    แล้วค่อยขยับเพิ่ม
    ถ้าเรายังไม่พร้อมแล้วไปหนักเลยเนี่ย
    มันเหมือนคนไม่เคยยกน้ำหนัก แล้วอยู่ดี ๆ จะมายก 100 โล
    เจ็บเปล่า ๆ

    เราต้องรู้กำลังเราเองครับ ว่าควรทำประมาณไหน แล้วจะดี
    สวมเสื้อให้พอดีตัว แล้วจะออกมาดูดี
    เยอะไป ในขณะที่เราไม่พร้อมก็จะเป็นทุกข์ สะเปล่า ๆ

    เราปฏิบัติเพื่อให้พ้นทุกข์ ใช่ไหมครับ?
    ไม่ใช่เพื่อให้ ทุกข์มากกว่าเดิม

    วิธีนี้เป็น วิธีดั้งเดิม และใคร ๆ ก็ปฏิบัติครับ
    เป็นวิธีที่มีมาแต่โบราณกาล พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ ไม่ปฏิเสธ

    แม้แต่พระพุทธองค์เอง สมัยเป็นโพธิสัตว์ ก็ยังใช้

    เพราะฉะนั้น ไม่ต้องไปทำอะไรให้มันพิสดารมากครับ
    ง่าย ๆ เรียบ ๆ ตรงประเด็น สม่ำเสมอ

    คุณลองถืออุโบสถศีล แบบนี้ให้ได้สักปีสิ โดยต่อเนื่อง
    แบบไม่มีหยุด

    แค่อาทิตย์ละครั้ง ที่เหลือก็ศีล 5 ปกติ
    เด่วคุณก็จะเริ่มเห็นความเสื่อม ภัยของกามเอง
    จิตมันจะคลายจากความกำหนัดได้เอง
    พอมันค่อย ๆ คลาย เด่วมันจะค่อย ๆ หยุดได้
    แล้ววิบากกรรมไม่ดี ที่กำลังเสวยอยู่ มันก็จะเบาบางลงด้วย

    แต่ว่า อยู่ดี ๆ จะให้ไปหยุดเลยเนี่ย
    ระวัง เด่วตัวแตกก่อน เพราะจิตยังไม่พร้อม (กลับไปดูข้างบนเรื่องคนยกน้ำหนัก)








     
  3. manymoons123

    manymoons123 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    123
    ค่าพลัง:
    +416
    กระผม ถือศีล 8 ในสัปดาห์นี้ ได้ 3-4 วัน ครับ

    แต่วันนี้ ศีลขาด เพราะอดใจไม่ได้ คือ ละเมิดศีลข้อ

    อพรหมจริยา เวรมณี ครับ คือ สำเร็จความใคร่ด้วยตัวเอง ครับ

    ผมไม่เคยมีแฟนเลย ตั้งแต่เกิดมาครับ เพราะมีความรักครั้งแรก ก็

    ผิดหวัง จากนั้นก็หันไปเสพยาเสพติด ไม่มีแฟนอีกเลย

    เสพยาเสพติดอยู่ประมาณ 3 ปีกว่า เสพจนเป็นโรคจิตประสาท เข้าโรงพยาบาล

    จิตเวช ชีวิตผมไม่เคยสัมผัส ความรัก ความอบอุ่นจากเพศตรงข้ามเลย

    คือ หมายถึงในฐานะแฟน น่ะครับ หมายถึง สัมผัสจากเพศตรงข้ามด้วยครับ

    ไม่รู้พรุ่งนี้ จะเป็นอย่างไรบ้างหนอ จะได้ศีล 8 หรือ ศีล 5 หนอ...

    ศีล 8 ที่ถือได้ ก็กระท่อนกระแท่น เหลือเกิน ครับ


    @ ขอพระคุณ คุณ ZIGOVILLE และ คุณ pukub ที่ให้คำแนะนำ ครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 มีนาคม 2015
  4. pukub

    pukub เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2014
    โพสต์:
    113
    ค่าพลัง:
    +219
    น่าจะเป็นผลมาจากเศษกรรมนะครับ
    ถืออุโบสถศีล ไปเรื่อย ๆ เด่วชีวิตดีขึ้นเองครับ

    ไม่ต้องห่วงครับ ไม่ใช่แค่คุณคนเดียวครับที่ไม่สมหวังเรื่องความรัก
    ต้องบอกว่าจะมีสักกี่คนที่สมหวังต่างหาก...

    แทบจะไม่มีเลยด้วยซ้ำ
    คนที่หวังอย่าง ก็ได้อีกอย่าง
    คนที่สมหวัง ก็สมหวังไดัไม่นาน

    ความรักมันมีความแปรปรวนสูง
    มันคือความทุกข์อย่างหนึ่ง
    แต่คนมักเห็นมันว่าเป็นสุข (เพราะถูกอวิชชาบังไว้)
    จริง ๆ แล้ว มันคือความทุกข์

    ยิ่งรักมาก ยิ่งยึดมั่นถือมั่นมาก ยิ่งมีความกำหนัดมาก
    การคลายจากความกำหนัดนั้นแหละ จะเริ่มมีความสุขที่แท้จริง ขึ้นเรื่อย ๆ

    ประเด็นคือเราต้องฝึกจิต จนมันเห็นว่าเป็นอย่างนั้นจริง

    การเริ่มจากศีลนั้นถูกแล้ว
    แต่ศีลเป็นแค่ฐาน ยังไม่ใช่ทั้งหมด
    สิ่งต่อไปที่ต้องการคือปัญญา

    หาได้จากไหน
    ได้จากการฟังธรรม
    ก็คือการนั่งอ่านไตรปิฏก + กับการฟังพระที่สอนเก่งๆ พูด
    สอนเก่ง คือ สามารถนำเอาสิ่งที่พระพุทธเจ้าต้องการจะสื่อ มาแปลให้คนที่บางทีปัญญาน้อย
    ฟังภาษาพระพุทธเจ้าพูดไม่รู้เรื่อง เลยต้องให้พระมาแปล เป็นภาษาบ้าน ๆ อีกที ในบางกรณี
    และต้องอยู่ในบริบทที่พระพุทธเจ้าต้องการจะสื่อแค่นั้น ไม่ใช่ปรุงแต่งสะเยอะเกินไปจนหลุดประเด็น หรือเพี้ยนไปเป็นคนละเรื่อง

    พอมีปัญญาจะได้รู้ว่า ถือศีลมาเพื่ออะไร
    ทำไมต้องถือศีล? เอะนี่ฉันทำไปทำไมเหรอ??
    เพราะรู้ว่าทำไมต้องทำ มันก็เลยทำให้ปฏิบัติง่าย
    ไม่ต้องฝืนมาก

    แต่ถ้าเรายังไม่รู้ว่าทำไมต้องถือศีล
    เราก็จะถือไปแบบฝืน ๆ
    มันก็จะเหนื่อย
    เพราะฉะนั้น ถ้ารู้ตัวว่าเหนื่อยแบบนี้
    แสดงว่าต้องรีบไปอับปัญญาเพิ่มให้มาก ๆ ก็คือฟังธรรมมาก ๆ
    มันจะได้สนับสนุน เสริมแรง
    การถือศีลของเราจะได้ไม่เหนื่อย
    คือถือศีลด้วยปัญญา ไม่ใช่ถือด้วยความเชื่อ
    และพอมันเข้าใจ มันก็จะอ่อ ๆ ๆ ทำไมพระพุทธเจ้าถึงห้ามทำแบบนี้
    ทำไมทำแบบนี้แล้วดี
    พอมันเข้าใจขึ้นเรื่อย ๆ มันก็จะอยากทำมากขึ้นเรื่อย ๆ
    พอเข้าใจมากเข้า ๆ มันก็เลยง่ายเลยพอถึงตอนนั้น

    และเพิ่มอีกอันคือ สมาธิ หรือสติ
    เอาไว้ใช้ตอนที่กำลังจะหลุดศีล หรือเจอสิ่งเร้าแรง ๆ
    ถ้าคนมีสมาธิดี สติดี ก็จะผ่านพ้นไปได้ด้วยดี
    ถ้าไม่ดี ก็ต้องไปฝึกสมาธิเพิ่มอีกเยอะ ๆ

    สรุปคือ สามอย่างนี้มันล้อกัน มาด้วยกัน ไปด้วยกัน
    ทำพร้อมกันแล้วมันก็จะเจริญ รุ่งเรือง

    ส่วนผมเองก็ยังทำได้ไม่หมด ทำเท่าที่ทำได้นั้นแหละ
    มันก็ดีขึ้นมาเรื่อย ๆ ตามที่บอก
    คือทุกอย่างที่พูดมานี้ ก็พูดมาจากประสบการณ์ตัวเองนั้นแหละ
    ไม่ได้อ่านเอา นึกเอา แต่เพราะทำมาแล้ว ถึงเอามาพูด

    ศีลผมก็เริ่มอยู่ตัวแล้ว ปัญญาผมก็สะสมมาได้พอสมควรละ
    ตอนนี้ ที่ผมขาดคือสมาธิ ผมก็เริ่มจะอับตรงนี้ด้วยเหมือนกัน


     
  5. pukub

    pukub เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2014
    โพสต์:
    113
    ค่าพลัง:
    +219
    คุณก็จะเริ่มเหมือนผมก็ได้นะ
    ผมเริ่มจากฟังธรรมก่อน แล้วถึงมีศีล นะ
    ไม่ใข่ว่าอยู่ดี ๆ ก็จะมาเป็นคนมีศีลได้เลย
    เมื่อก่อน ก็กินเที่ยว เมา โน้น นั้น นี้ เหมือนคนทั่วไป

    แต่โชคดีได้สดับฟังธรรมดี ๆ มา หลังจากนั้นเลยเริ่มอยากถือศีล
    พอถือศีลแล้ว ก็ฟังธรรมต่อไป ทำทั้งคู่นี้แหละ
    แรก ๆ ก็ลำบากเหมือนกัน หลุดบ้าง อะไรบ้าง แต่ก็ทำต่อไป
    ศีลผมเริ่มจากศีล 5 ก่อน พอศีล 5 แข็งแรงแล้ว ถึงจะเริ่มขยับไปศีล 8
    ศีล 8 ก็ไม่ได้ทำทุกวันนะ ทำในวันพระ แล้วเดือนก่อน ๆ บางเดือนก็ไม่ได้ทำนะ
    มันต้องมีอารมณ์ด้วย มันถึงจะทำได้
    ถึงได้บอกว่าศีล 8 ไม่ใช่ของง่าย
    มันต้องไฟค์กับตัวเองมากพอควรเลยละ
    ถูกแล้ว ที่พระพุทธเจ้าให้ทำแค่วันพระ
    อาทิตย์ละครั้งก็พอไหว
    แต่ลองทำทุกวันดูสิ รับรองตัวแตกแน่นอน
    มันจะเกิดปรากฏการณ์ที่เหมือนโยโย่ เอฟเฟค
    คือคนอดอาหาร เพราะหวังอยากผอม
    แต่พออดมากเข้า ๆ ร่างกายหิวทนไม่ไหว
    ปรากฏว่า พอกิน กินมากกว่าเดิม แถมระบบเผาผลาญก็พัง
    สรุปเลยออกมาอ้วนกว่าเดิม

    เหมือนกัน อยากชนะกาม เลยข่มกามเอาไว้ ด้วยพลังของศีล 8
    ก็ข่มได้แค่ตอนอยู่ในศีล 8 เท่านั้นแหละ
    แต่พอหลุดศีล 8 เมื่อไร วิ่งปรี๊ดเข้าหากามทุกชนิด เหมือนหมีที่พึ่งออกมาจากถ้ำหลังจำศีล
    คือหิวโซมาก กระโจนเข้าหาอาหารทุกชนิด
    มันก็เป็นแบบนั้นเลย
    นี้คือ เพราะว่าทำเกินกำลัง ทำเกินพอดี

    มันต้องค่อย ๆ ทำ คือเริ่มจากศีล 5 แข็งแรงก่อน
    แล้วค่อยเริ่มศีล 8 ทีละนิด
    ถ้าศีล 5 ยังไม่ได้ ก็ไม่ต้องพูดเลย ศีล 8 โบกมือบ๋ายบายได้เลย
    เพราะศีล 2 ตัวนี้ เลขห่างกันแค่ 3 หน่วย แต่ความยากต่างกันราวฟ้ากับเหว
    พอศีล 8 เริ่มได้บ้างแล้ว ทีนี้ก็เริ่มพิจารณาความเสื่อม
    อสุภะ คุณจะเพ่งศพก็ได้นะ แต่ผมไม่ทำหรอก
    ผมไม่ใช่พระธุดงค์ ให้มามองภาพศพเน่า สมองไหล กะโหลก เลือด อะไรแบบนี้ ไม่ไหวหรอก
    ดูไปดูมา เด่วกลาบเป็นโรคจิต ขึ้นมายุ่งเลย

    ผมทำแบบนี้ คือ พิจารณาว่า ทุกอย่างเป็นของไม่เที่ยง มีความแปรปรวน มีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา
    ร่างกายไม่เที่ยง มีความแปรปรวน มีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา
    คือ
    ไม่ได้อาบน้ำแค่วันเดียว ก็เริ่มมีกลิ่น
    ไม่ได้แปรงฟันแค่คืนเดียว ก็เปรี้ยปาก ปากบูด ปากเน่า ละ
    ผมนอนไปคืนเดียว ตื่นมารกรุงรัง ไม่สวยงาม
    เวลาป่วย เวลาไข้ มีแต่น้ำมูก น้ำอะไรก็ไม่รู้เต็มไปหมด ไม่สวยงาม
    เวลาเป็นโรค ยิ่งไม่สวยงาม
    เจอร้อนมากก็ไม่ได้ เจอหนาวมากก็ไม่ได้ ตากฝนมากก็ไม่ได้ ตากลมมากก็ไม่ได้ ตากแดดมากก็ไม่ได้ มากเกินไปก็คือป่วยหมด
    เป็นร่างที่เรื่องมากจริง ๆ
    เวลาผ่านไป หุ่นที่เคยดี ก็เริ่มดูแลยากขึ้น
    ผิวที่เคยสวยก็เริ่มดูแลยากขึ้น
    หน้าที่เคยใสก็เริ่มดูแลยากขึ้น
    นานเข้า ๆ ก็แก่ ก็เยิน ก็ไม่สวยงาม ไม่น่าดูแบบตอนหนุ่ม ๆ สาว ๆ เอาสะเลย
    สุดท้ายพอตายไปก็ ไม่น่าดูสุด ๆ
    นี้คือวิธีการพิจารณาอสุภะของผม

    ความรักก็เหมือนกัน
    ความรักนั้นไม่เที่ยง มีความแปรปรวน
    รักไป เด่ววันหนึ่งก็กลายเป็นคนเกลียดกันได้
    เราเคยหลงรักใครสุด ๆ แต่เขาไม่สนใจเราเลย
    มีคนมาหลงรักเราแบบสุด ๆ เราก็ไม่สนใจเขาเหมือนกัน
    ขนาดคนมารักเราแล้วแท้ ๆ เรายังบังคับตัวเราเองให้ไปรักเขาไม่ได้
    นับประสาอะไรกับจะไปรักคนอื่น แปรปรวนสุด ๆ อันนี้
    ก็พิจารณาอะไรแบบนี้เหมือนกัน

    ทำบ่อย ๆ แล้วมันจะเริ่มคลายจากความกำหนัดได้เอง
    คลายจากความกำหนัดคืออะไร ก็อย่างเช่น
    เมื่อก่อน "กูจะเอา กูจะเอา"
    พอคลายแล้ว ก็จะเป็น "เออ กูไม่เอาก็ได้วะ"
    แบบนี้แหละ คลายจากความกำหนัด ขั้นต้น
    พอเริ่มคลายจากความกำหนัดได้แล้ว เด่วทุกอย่างดีขึ้นมาตามลำดับ


     
  6. pukub

    pukub เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2014
    โพสต์:
    113
    ค่าพลัง:
    +219
    อย่างเรื่องคนรัก รักกันแทบตาย ก็รักกันได้แค่ชาติเดียวเท่านั้นแหละ
    เด่วตายไปก็ลืมหมดแล้ว เกิดมาใหม่ชาติหน้าเจอกัน กว่าจะรื้อฟื้น กว่าจะอะไร ก็ใช้เวลาอีก

    อย่างบางคน เคยเป็นคู่รักเรา เจอกันชาตินี้ อาจมีโอกาสแค่ได้สบตากัน แล้วก็ต่างคนต่างแยกย้ายกันก็ได้
    ทั้ง ๆ ที่อดีตชาติ คือรักกันมากอะ

    เห็นแบบนี้แล้วมันสุดจะปลง คลายยยยยออกจากความกำหนัดได้อย่างเยอะเลยละ

     
  7. manymoons123

    manymoons123 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    123
    ค่าพลัง:
    +416
    พุทโธ ธัมโม สังโฆ

    ศีล 8 ...ยาก... หนอ ... ... ..
     
  8. pukub

    pukub เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2014
    โพสต์:
    113
    ค่าพลัง:
    +219
    ยากครับ
    ศีลน้อง ๆ พระอริยะ
    แต่ทำได้ ได้บุญมหาศาลครับ

    เคยมีนางคนหนึ่งจำชื่อไม่ได้ แต่เป็นคนที่ได้โสดาบันเร็วที่สุดในยุคพระพุทธเจ้า คือ 7 ขวบ
    หลังจากนั้น ก็เป็นอรหัตน์

    พระพุทธเจ้าเล่าอดีตที่มาของนางนี้ให้พระฟัง เหตุที่นางเป็นโสดาบันได้เร็วขนาดนี้ เพราะว่า
    ครั้งก่อนสมัยพระพุทธเจ้าอีกยุคหนึ่ง เขานิยมถืออุโบสถกัน น
    างคนนี้ก็เลยทำตาม แล้วถือไปถือมา เกิดติดใจ เลยถือไปตลอดชีวิตเลย
    (แค่อุโบสถศีล นะครับ คือถือศีล 8 ในวันพระเฉยๆ ไม่ได้ถือศีล 8 ทุกวันตลอดชีวิตนะครับ
    แน่นอนว่าวันปกติก็ต้องศีล 5 อยู่แล้ว เป็นที่รู้กัน)

    แล้วไง? ปรากฏว่า พอนางตายเท่านั้นแหละ
    นางก็เกิดเป็นเทวดา พรหม กษัตริย ลูกกษัตริย ลูกคนรวย ฯลฯ ฯลฯ ฯลฯ ฯลฯ
    คือเกิดแต่ที่ดี ๆ ที่ ๆ ทุกคนอยากไปเกิด แบบนี้ ไปตลอด 72 กัลป์ (ถ้าจำไม่ผิด)
    ก็คือเกิดที่ดี ๆ ตลอดทุกภพ ทุกชาติ จนถึงชาติสุดท้าย คือชาติที่ได้มาเจอพระพุทธเจ้ายุคประจุบัน
    แล้วก็เข้านิพพานไปด้วยกันกับสาวกทั้งหลาย

    แรงไหมละครับ? ถืออุโบสถศีลแค่ชาติเดียว เกิดในที่เจริญทุก ๆ ชาติ
    นี้ยังไม่นับไอ่ที่เป็น เทวดา พรหม เลยนะ

    พูดถึงเทวดานะ อุโบสถศีล ขนาดมีคนถือแค่ครึ่งวัน (แต่สมบูรณ์ ไม่ศีลแตก)
    แค่ครึ่งวัน ก็ได้ไปเกิดเป็นเทวดาต้นไม้แล้ว

    ขนาดถือแค่ครึ่งวัน ดูเอาละกันว่า อุโบสถศีล แรงขนาดไหน

    ขนาดพระพุทธเจ้าเองยังบอกเลยว่า ได้ถืออุโบสถศีลแค่คืนเดียว
    อานิสงฆ์ที่จะได้รับ เยอะกว่า การที่จะได้เกิดเป็นกษัตริย์ที่มีดินแดนกว้างไปถึง 16 แขวงอีก...
    คือไม่ได้เกิดเป็นลูกคนรวยนะ แต่เป็นลูกกษัตริย์เลย ชี้นกเป็นนก ชี้ไม้เป็นไม้ เจ้าของทวีปนั้น ๆ
    แต่ก็ยังไม่เทียบเท่า กับการถืออุโบถศีล แค่คืนเดียว เพราะความสุขทิพย์ ของหยาบในโลกหาเทียบได้ยากนัก.....

    แม้แต่สมัยพระพุทธเจ้าเกิดเป็นลูกกษัตริยของพญานาค สมัยเป็นโพธิสัตวที่มีชื่อว่าภูริทัต
    ยังอยากไปอยู่บนสวรรค์เลย
    ขนาดมีสมบัติมากมาย ที่เป็นทิพย์แล้วนะ
    แล้วก็มีลูกแก้วสมปราถนา แบบว่านึก ๆ อยากได้ตัง ก็ได้ตัง (ยิ่งกว่ากด atm อีก)
    แล้วก็ปราสาท อะไรต่อมีอะไร สุดวิจิตร อลังกาล งานสร้าง
    มีบริวาร นางรับใช้ ทั้งเยอะทั้งงาม แบบ โอ้ ๆๆ ๆ ๆ แม่เจ้า
    ก็ยังพูดเองว่า ของพวกนี้เทียบเทวโลกไม่ติดเลย
    เปรียบความสุขพวกนี้เป็นแค่ฝุ่น ความสุขในเทวโลกเป็นภูเขา
    (อะไรจะต่างกันขนาดนั้น O o)
    คือคนไม่เชื่อก็ว่าบ้าได้เลยนะ แต่เราเชื่อไง

    แล้วไปด้วยวิธีใด??
    ถืออุโบสถศีล นี้แหละ

    เขาทำกันแค่วันเดียวในอาทิตย์เองนะ แต่ทำต่อเนื่อง
    อานิสงฆ์มหาศาลสุดจะบรรยาย ยิ่งอ่านยิ่งอัศจรรย์นะ จะบอก

    ศีล 8 ไม่ใช่ของเด็กเล่นนะ
    เป็นของวิเศษ ที่มีมาแต่โบราณกาล พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ไม่ปฏิเสธ...

    ถ้าตั้งใจจริง ก็ทำได้ไม่ยากเกินที่จะปฏิบัติ
    สามารถเริ่มได้เองเลย จะวันนี้ พรุ่งนี้ เมื่อไรก็ได้
    ขอแค่มีศรัทธา ในสิ่งที่พระพุทธเจ้าสอน หรือในตัวพระพุทธเจ้า แค่นี้ก็ทำได้แล้วละ

    ผมก็ทำมาแล้ว บอกได้เลย ชีวิตดีขึ้นจริงอะไรจริง แบบไม่ต้องไปรอดูผลในโลกหน้าเลย
    แค่โลกนี้ ก็เห็นชัดแล้ว มีหรือจะไม่ทำต่อ?

     

แชร์หน้านี้

Loading...