ก้อนหิน

ในห้อง 'จิตวิทยา & สุขภาพ' ตั้งกระทู้โดย raming2555, 10 กรกฎาคม 2013.

  1. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,552
    ค่าพลัง:
    +18,998
    ความรู้นี้ ก็เป็นดั่งดาบสองคม...
    บางคนเอาไปใช้เพื่อทำร้ายผู้อื่น เอาเปรียบผู้อื่นก็ได้
    บางคนเอาไปใช้เพื่อพัฒนาตัวเองและคนรอบข้างก็ได้...

    บางคนดีใจที่สามารถหากลยุทธ์ไปเอาชนะผู้อื่นได้...
    บางคนก็คิดหาวิธีชนะใจตัวเอง เพื่อให้ดูยิ่งใหญ่กว่า...
    แต่ก็มีบางคน ที่ใช้ทุกวิธี เพื่อให้ พวกเราชนะไปด้วยกัน...

    คนเก่ง สามารถทำเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่าย
    แต่ก็มีบางคนที่ สอนคนไม่เก่ง ให้สามารถทำเรื่องยากๆ ได้ด้วยวิธีการง่ายๆ...

    เราเลือกได้ เลือกที่จะเป็น เลือกที่จะพยายาม เลือกอยู่บนเส้นทาง ที่เราเห็นว่าสมควร...
     
  2. ราคุเรียวซาย

    ราคุเรียวซาย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    2,940
    ค่าพลัง:
    +8,516
    สิ่งใด มีคุณอนันต์ สิ่งนั้นมีโทษมหันต์

    เรามีวาสนา มีกรรมเก่า เขาก็มารุมเองค่ะ

    เหมือนหลับในบ้าน แล้วราชรถบรรทุก มาเสยถึงเตียงก็มี


    ความรู้ข้อมูลคือฐานอำนาจค่ะ
     
  3. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,552
    ค่าพลัง:
    +18,998
    กำลังคิดว่าหากจะเล่าถึงแนวความคิด มุมมองของคนที่จะเป็นเจ้าของกิจการ จะต้องศึกษาอะไรบ้าง พิจารณาอะไรบ้าง สงสัยว่า กว่าจะอธิบายจบ คงจะเซ็ง แห้งเหี่ยวหัวโตไปซะก่อน...
    โลกสมัยนี้หมุนไว ... ธุรกิจต่อไปคงต้องโลดแล่นอยู่บนอินเตอร์เนต...
    เดี๋ยวนี้ซื้อตู้เย็น เตาแก๊ส ฯลฯ ซื้อผ่านอินเตอร์เนตไปหมดแล้ว...

    ธุรกิจที่จะมีการแข่งขันกันอีกก็คือ โลจีสติกส์ หรือระบบการขนส่งที่แม่นยำ ตรวจสอบได้ แต่ธุรกิจนี้ก็จะมีความเสี่ยงเรื่องปลาใหญ่กินปลาเล็ก เมื่อระบบการขนส่งด้วยโดรน เข้ามาแทนที่ และเมื่อบริษัทฯยักษ์ใหญ่ควบรวมกิจการด้านการขนส่งไว้เสียแล้ว อาการก็น่าเป็นห่วง...

    ธุรกิจที่จะตายไปก่อนเลยคือ ธุรกิจขนาดกลาง เพราะจะโดนบริษัทฯขนาดใหญ่ ทุ่มตลาดเพื่อทำลาย หรือไม่ก็ซื้อขึ้นมา เรียกอีกอย่างว่า บีบซื้อ...

    ดังนั้นธุรกิจที่จะอยู่รอดได้ คือ ธุรกิจขนาดเล็กๆๆๆๆ...เล็กจนรอดหูรอดตา ...
    กับธุรกิจขนาดใหญ่ ที่ใหญ่จนไม่มีใครล้มพวกเขาได้ นอกจากพวกเขาจะล้มตัวเอง...

    การทำตลาดออนไลน์ เป็นเรื่องใหม่สำหรับผมอีกเรื่องนึง ที่ต้องศึกษา หรือจะเรียกว่ากำลังศึกษาอยู่ก็ได้...
    โดยมีพื้นฐานจากเรื่องของคน...
    เพราะไม่ว่าจะทำธุรกิจติดต่อการค้าใดๆ ด้วยวิธีไหนๆก็ตาม หนีไม่พ้นที่เราจะต้องติดต่อกับคน จะซื้อก็จากคน จะขายก็จากคน ดังนั้น การเรียนรู้วิถีทางของคน จึงเป็นเรื่องจำเป็น สำหรับการทำธุรกิจ...และหลักการส่วนใหญ่ ที่หนีไม่พ้น ก็คือ

    "เอาใจเขา มาใส่ใจเรา"

    ถ้าเราไปแท็คหน้าเพจคนอื่นเพื่อโฆษณาสินค้าตัวเอง เป็นเราโดนเข้า เราก็รำคาญ พอรำคาญแล้วก็เลยพาลไปมีอคติกับผลิตภัณฑ์นั้นๆไปเลย...

    แต่ถ้าเล่นกับพฤติกรรมของคนล่ะ อันนี้ไม่ผิดสักเท่าไร ไม่น่าโกรธกัน
    ยกตัวอย่างเช่น

    คนไทย ชอบของฟรี ถ้าเราประกาศไปว่า แจกเมล็ดพันธุ์ ราสเบอรี่ แบล็คเบอรี่ มะเดื่อฝรั่ง ... แลกกับการที่เขาจะกดไลค์ กด แชร์ หรือกดเข้าไปดูลิงค์ แบบนี้ คนที่อยากได้ มีความรู้สึกว่า เขาไม่ได้เสียอะไร เพียงแค่กด แล้วก็ส่งซองมารับเมล็ดพันธุ์จากเรา...

    แต่สิ่งที่แจกต้องมีคุณค่า เป็นสิ่งที่คนอยากได้ด้วย ในขณะที่ต้นทุนของสิ่งที่แจกสำหรับเราแล้ว มีมูลค่าน้อย...นี่จึงจะคุ้มค่ากัน...

    คนเราส่วนมากชอบสอดรู้สอดเห็นครับ
    จนมีคำว่าไทยมุง
    แขกก็มุงเหมือนกันนะ มุงกันยิ่งกว่าไทยเสียอีก
    อะไรบอกว่าห้ามเปิดดู คนจะนิยมเปิด
    อะไรที่บอกว่า ให้ระวังนะ หรือ 18+ จะมีคนสนใจมิใช่น้อย...
    และอะไรที่ทิ้งไว้เป็นปริศนา ไม่มีอะไรเลย โต้งๆ คนจะสงสัย...
    สงสัยแล้วจะกดเข้าไปดู เมื่อดูแล้ว อาจจะสนใจ อาจจะคิดว่าไม่เห็นมีอะไร อาจจะคิดว่า โดนไอ้นี่มันหลอกให้กดนี่หว่า...
    แต่นั้น ก็ทำให้ยอดการเข้าชม มีมากขึ้น ซึ่งมีผลต่อการแสดงผลของ เสริจช์เอ็นจิน นั้่นเอง...

    SAMATHAN : Inspired by LnwShop.com
    เก้าอี้สวดมนต์ Prayer chair || OLX
    เก้าอี้สำหรับนั่งสวดมนต์Prayer Chair
    SAMATHAN - Weloveshopping
    https://www.facebook.com/samathan.luck

    แล้วใจคอจะไม่กดเข้าไปดูกันหน่อยเลยเหรอ????
    เพื่อจะได้เป็นข้อมูลว่า สมมติฐานของผมเรื่องการตลาดออนไลน์ มันพอจะใช้ได้บ้างไหมนะ...
    ถ้ารวบรวมแนวทางได้แล้ว อนาคตจะได้มาสรุปให้เพื่อนพ้องน้องพี่ ไว้เป็นความรู้ในการประกอบกิจการออนไลน์ โดยไม่ได้เสียเงินลงทุนกับค่าโฆษณามากมาย...

    เรามาศึกษาแนวทางนี้ไปด้วยกันนะครับ...
     
  4. คมสันต์usa

    คมสันต์usa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 เมษายน 2012
    โพสต์:
    1,879
    ค่าพลัง:
    +11,861
    นึกถึงเจ้าของหินถิ่นต้องสาป
    แม้นราบคาบงาบไม่เหลือถึงเนื้อหิน
    ต้องนิทราจนเวลาเปลื่ยนแผ่นดิน
    พร้อมสามชิ้นแยกหินคนนินทา

    มีผู้คนล้มตายบ้างหายจาก
    นับได้มากตั้งแต่มีเนื้อสีหิน
    สีน้ำเงินน้ำงามค้ำแผ่นดิน
    สยามไพรินยังฝังอยู่คู่เคียงกาย


    หินก้อนดีหนีห่างทางถูกสาป
    เป็นตราบาปเพราะก้อนหินสิ้นสงสัย
    หนึ่งก้อนแบ่งสามเสี่ยงเลี่ยงทางไป
    ถึ่นแดนไทยเริ่มจะแยกแตกสามทาง
     
  5. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,552
    ค่าพลัง:
    +18,998
    น่าเสียดายครับน่าเสียดาย ตายตอนจบ...
    เริ่มต้นคำสาปจากหินสีเขียว...ต้องมาจบด้วยคำสาปจากหินสีน้ำเงิน...
    รู้จักพอ ก็ไม่เป็นทุกข์....เพราะในที่สุดก็เอาอะไรไปไม่ได้แม้แต่อย่างเดียว
    ที่ไม่เข้าใจจริงๆคือ พระโพธิสัตย์ขั้นปรมัตถบารมี ทำไมจึงทำเช่นนี้...
    พ่อแม่ครูบาอาจารย์ก็คุ้มครองปกป้องอย่างเต็มที่...แล้วทำไมจึงเป็นเช่นนี้..


    [​IMG]

    ภาพประกอบ ที่ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเรื่องที่บ่นเลย...ภาพจากน้องชื่อ หิวจัง
     
  6. คมสันต์usa

    คมสันต์usa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 เมษายน 2012
    โพสต์:
    1,879
    ค่าพลัง:
    +11,861
    Should the rise of conflicts across the Middle East and Ukraine serve as a warning sign that something much more dangerous is approaching?

    According to Jim Rickards, the CIA's Asymmetric Warfare Advisor, the answer is yes.

    In a startling interview he reveals that all 16 U.S. Intelligence Agencies have begun to prepare for World War III.

    Making matters worse, his colleagues believe it could begin within the next 6 months.

    However, the ground zero location for this global conflict is what makes his interview a must-see for every American.
    [/COLORเครดิตข้อมูลจากยาฮูนิวส์
    ทางสหรัฐอเมริกาเตรียมความพร้อมที่จะทำสงครามโลกครั้งที่ ๓ แล้ว
    ที่จะเกิดขึ้นในไม่ช้า บ้านเมืองเรายังแบ่งผลประโยชน์ไม่ลงตัว และยังมัวแต่ค้นหากฏกติกา
    และหาทางลงยังไม่พบครับ .
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1 universe.jpg
      1 universe.jpg
      ขนาดไฟล์:
      130.5 KB
      เปิดดู:
      68
  7. padome

    padome Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    13
    ค่าพลัง:
    +58
    ขอบคุณเจ้าของกะทู้ครับ อ่านแล้วได้กำลังใจและข้อคิดเยอะเลยครับ
     
  8. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,552
    ค่าพลัง:
    +18,998
    "วิริเยนะ ทุกขมัจเจติ"
    ผมจำได้ตั้งแต่เรียนอยู่ ป.5 ผมมั่นใจและปักใจที่จะพิสูจน์ พุทธพจน์นี้อย่างจริงจัง
    ที่มาโพสนี่เพราะไปอ่านเจอในบอร์ด กฎแห่งกรรม ที่ไม่เชื่อเรื่องทำความดีว่าจะได้ดี เนื่องจาก ทำดีอย่างไร สารพัดจะทำแม้แต่บนบานศาลกล่าว ไหว้โน่น นี่ นั่น ฯลฯ ก็ไม่ทำให้ชีวิตดีขึ้น คือ บรรลัยหมดทั้งการงานครอบครัว...

    คนไม่เคยซวยจริงๆ ต่อเนื่อง อย่างยาวนาน...ไม่เข้าใจความรู้สึกแบบนี้หรอกครับ...
    คนที่มันซวยจริงๆนี่ จะหยิบจะจับอะไรเป็นต้องเจอแต่เรื่องซวยๆทั้งนั้นครับ ทำดีได้ชั่ว พูดดีๆเขาหาว่าแช่ง...
    ยิ้มเฉยๆ เขาก็หาว่ามันด่า
    นั่งเฉยๆ คนยังหาว่ากวนบาทา
    จะทำงานก็เจอแต่ปัญหาอุปสรรค ความจัญไรทั้งปวงจะมีมาบังเกิดในชีวิต ประหนึ่งพระเจ้าสาป พระพรหมแช่ง หมู่มารกระทืบซ้ำ เป็นที่รังเกียจยิ่งเสียกว่าหมาขี้เรื้อน...

    น่าเห็นใจ แต่เชื่อไหมครับว่า ไม่มีใครเห็นใจ มีแต่สมน้ำหน้า กับหมั่นไส้ รำคาญ มันทุเรศ ยิ่งมันร้องไห้ครวญคราง ผู้คนยิ่งสาปแช่ง ฯลฯ

    ในครั้งพุทธกาลก็มีพระอรหันต์ที่ประสบภัยแบบนี้เหมือนกัน มื้อแรกและมื้อสุดท้ายที่ได้ฉันอิ่มคือพระสารีบุตรจับบาตรเอาไว้ ให้ได้ฉันอิ่ม อิ่มเสร็จก็ดับขันธุ์เข้าสู่นิพพาน...
    ท่านพ้นทุกข์ไปแล้ว ... แต่มีมนุษย์จำนวนมากที่ยังทุกข์ยากลำบากอยู่...

    ผมเคยต้องทนทุกข์ยากลำบากแสนสาหัส ต่อเนื่องยาวนานถึง 17 ปี...
    ผมรู้และเข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงคำว่า"ซวยจริงๆ" จนผมมั่นใจแล้วว่า นี่แหละครับ เพื่อนแท้ ที่ไม่เคยจากผมไปไหนเลย...

    คนจำนวนมากเลือกที่จะฆ่าตัวตาย เพราะทนรับทุกข์เวทนาขนาดนี้ไม่ไหวอีกแล้ว
    ขนาดว่ามีคนยื่นมือเข้ามาช่วย กำลังจะยื่นมืออยู่นั้น มีอันต้องเกิดเหตุให้ฉิบหายไม่สามารถช่วยได้ในวินาทีสุดท้ายนั้นเอง...

    "วิริเยนะ ทุกขมัจเจติ"
    พูดก็พูดได้สิ...เวลามันซวยสุดขีด...
    ชีวิตที่ทุกข์ยาก อับจน ไร้หนทาง...ทุกปัญหาและความเลวร้ายล้วนพุ่งเข้ามาพร้อมเพรียงกันโดยไม่ได้นัดหมาย...ซวยขนาดนั้นน่ะ จะทำยังไง...ตายไปซะเลยยังง่ายกว่า...

    มีซวยยิ่งกว่านั้นอีกไหม?
    มีครับ...คือซวยขนาดว่ามันทุกข์แสนสาหัสแล้ว คิดจะฆ่าตัวตายมันยังทำไม่ได้อีก เพราะมันทุกข์ไปจนเกินคำว่าฆ่าตัวตายแล้วครับ...

    ต่อให้คุณทำความดีทุกอย่าง...ทั้งทางโลก ทางธรรม ตั้งแต่พุทธ ไปจนสุดที่ผี ปล่อยนกตกปลาไม่ต้องไปพูดถึง จนกระทั่งงมงายสุดๆก็ทำมาแล้ว ซึ่งไม่รู้ว่าจะมีอะไรบ้างก็ตาม...ถ้าคุณทำหมดทุกอย่างแล้ว แม้แต่นั่งร้องไห้หน้าหิ้งพระ ฯลฯ ยอมสาบานบั่นทอนอายุขัยตัวเอง ถ้าคุณทำมาแล้วทุกอย่างจริงๆ...แล้วมันยังไม่ได้ผล...ซึ่งผมก็รู้อยู่แล้วว่ามันต้องไม่ได้ผล...

    โพสหน้าจะมาเล่าให้ฟังว่า...
    วิธีเดินไปกับความซวย เปลี่ยนความซวยให้เป็นความเฮงซวย คือมีทั้งเฮงและทั้งซวย ไม่ใช่ซวยซะอย่างเดียว...

    ต้องทำยังไง...ไม่ต้องคิดฆ่าตัวตาย...ไม่ต้องงมงาย...
    ผมไม่ได้บอกนะว่าทำแล้วจะต้องรวย...เอาแค่ให้มันซวยน้อยลง หรือมีเฮงบ้าง...มันก็ดีมากมายมหาศาลแล้วนะครับ...
    เดี๋ยวโพสหน้ามาว่ากันครับ...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 มีนาคม 2015
  9. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,552
    ค่าพลัง:
    +18,998


    อเมริกาช้ามากนะครับ...เรื่องการเตรียมตัวนี่ยังช้ากว่าบางประเทศที่เตรียมจะไปอยู่ดาวอังคารกันแล้วครับ...แม้ว่าถนนลูกรังจะยังไม่เสร็จก็ตามที...
    ส่วนผมเนี่ย...กำลังว่าจะอพยพกลับไปอยู่แถบเทือกเขาอัลไต...คือหนีน้ำท่วมได้ด้วยนะครับ:cool::cool:
    ใครจะไปด้วย...ยกมือขึ้น...:boo::boo:
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 มีนาคม 2015
  10. parichatkreepat

    parichatkreepat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    463
    ค่าพลัง:
    +538
    กรี๊สสสสสส ชอบ อินุยาฉะ ๕๕๕๕ โทษค่ะนอกเรื่อง ไปตามหา คาโงเมะ แพ๊บบบ ๕๕๕๕
     
  11. กิ่งสน

    กิ่งสน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2012
    โพสต์:
    1,068
    ค่าพลัง:
    +2,327
    ขอขอบคุณเจ้าของกระทู้ที่มาให้ความรู้ต่างๆ คล้ายๆกับอ่านเรื่อง คิดใหญ่ไม่คิดเล็ก สนุกดี เข้ามาเว็ปพลังจิตก็รู้สึกว่ากระทู้นี้แหละเอามาใช้ในชีวิตประจำวันได้ ชอบแบบนี้มาก ยังมาคิดอยู่เลยว่าฉันไม่อ่านเรื่องนี้ได้ไง เลยอ่านมันให้หมดทุกหน้าภายใน 2 วัน (ช่วงนี้มีเวลา) อุดมการณ์ของข้าพเจ้าเคยบอกไปบ้างแล้วในบางกระทู้แต่บอกไม่หมด แต่ที่ข้าพเจ้าชอบใจนักก็เรื่องที่ท่านจะแชร์ประสบการณ์นี่สิ กดไลค์และอนุโมทนามามากแล้ว ขอวิจารณ์เก้าอี้สวดมนต์เลยแล้วกัน เข้าไปบางเว็ปมันปิดไปแล้ว บางที่ก็มีอยู่ ความรู้สึกคือ มันแพงไป มันแก้เมื่อยจริงไหม เพราะการ์ตูนหญิงดูวัยรุ่นมาก แล้วเวลาเอาขาเข้าออกจากเก้าอี้มันยากไหม คนอ้วนคนผอม คนต่ำคนสูงใช้แล้วต่างกันอย่างไร ถ้าโฆษณาคล้ายกับเครื่องออกกำลังกายหรือเครื่องทุ่นแรงต่างๆแนวทีวีไดเร็กจะเห็นภาพชักจูงใจคนได้มากกว่านี้ เพราะมันเป็นนวัตกรรมใหม่ เอาไปวางไว้ คนจะไม่เข้าใจ(อะไรว่ะ) ที่กล่าวมาหวังว่าจะเป็นการแชร์ความคิดนะท่าน:cool:
     
  12. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,552
    ค่าพลัง:
    +18,998
    ขอบคุณสำหรับความเห็นของคุณกิ่งสนครับ...
    ทำให้ทราบว่า เราก็มีแฟนคลับเหมือนกันนะเนี่ย....

    เรื่องเก้าอี้สวดมนต์ เป็นตัวอย่างของผลผลิต ที่เกิดความย้อนแย้งในตัวเองครับ แต่เดิมไม่ได้คิดจะทำไว้เป็นสินค้าออกมาจำหน่าย...เพียงแต่ต้องการจะทำไว้ใช้เองเท่านั้นครับ...

    ที่ว่าย้อนแย้ง เป็นเพราะว่า เก้าอี้สวดมนต์ ทำเพื่อพระพุทธศาสนาดังนั้นจึงไม่เหมาะจะมาทำเป็นเชิงพาณิชย์ เนื่องจากจะมีคนจำนวนไม่น้อยที่จ้องมองว่า เกาะกระแสวัดเพื่อหากิน...ซึ่งการที่มีคนมองแบบนี้ก็ไม่แปลก เพราะเมืองไทยมีคนสร้างวัตถุมงคลต่างๆ อาศัยความเชื่อ มาขายวัตถุมงคลกันมาก จนทำให้ภาพลักษณ์ของพุทธกลายเป็นพุทธพาณิชย์และวัตถุนิยมไป...

    ปรัชญาในทางศาสนา ความดีคือ บุญ ความชั่วคือ บาป
    ปรัชญาในทางเศรษฐศาสตร์ กำไรคือ บุญ ขาดทุนคือ บาป

    ดำเนินรอยตามพระศาสดา คือ การเดินสวนกระแส
    ดำเนินรอยตามการตลาด คือ การสร้างกระแส ตามกระแส

    คำสอนของพระศาสดา สอนให้ ลด ละ เบื่อหน่าย คลายกำหนัด ให้ออกจากกาม...
    คำสอนของนักการตลาด สอนให้ กระตุ้นความต้องการของผู้บริโภค ให้เกิดความอยากได้ เพื่อความสะดวก เพื่อให้ตัวเองดูดี เพื่อให้ได้รับการยอมรับในสังคม...

    เก้าอี้สวดมนต์ จึงอยู่ท่านกลางความย้อนแย้งดังกล่าว ....
    ผมทดลองทำสิ่งที่ย้อนแย้งนี้ขึ้นมา เพื่อเป็นกรณีศึกษาการตลาดและพุทธศาสตร์ ไปในเวลาเดียวกัน ซึ่งผมค่อนข้างมั่นใจว่า ต้องไม่สำเร็จครับ...
    มันเป็นการเหยียบเรือสองแคม จะบอกว่าโลกไม่ช้ำ ธรรมไม่เสีย เป็นไปได้ยากครับ...

    หลังจากได้ทดลองกับตลาดออนไลน์ดูแล้ว ทำให้ได้ข้อมูลบางอย่างเพิ่มขึ้นมา ซึ่งก็ไม่ได้นอกเหนือจากความคาดหมาย เพียงแต่ว่าถ้าเอาแต่คาดหมายแล้วไม่ทำการทดสอบ นานๆเข้าจะกลายเป็นมโนไปเอง แล้วก็จะกลายเป็นเรื่องดราม่าต่อๆไป....

    ปัญหาหลักของการนั่งสวดมนต์ ไม่ใช่อยู่ที่การนั่งนานแล้วปวดเมื่อยครับ แต่เป็นความขี้เกียจที่จะสวดมนต์ เรื่องปวดเมื่อยเป็นเรื่องรองลงมา...

    - คืนนี้กลับบ้านดึก เหนื่อยแล้ว เอาไว้ก่อนละกัน...
    - นอนสวดก็ได้นะ สวดไปแล้วหลับไปเลย หลวงพ่อฤษีเคยบอกว่า หลับไปแบบนี้ก็ถือเป็นการเข้าฌาณไว้ได้เหมือนกัน
    - นั่งสมาธิได้บุญมากกว่าสวดมนต์มาก เรานั่งสมาธิแล้วเรื่องสวดมนต์ก็ไม่จำเป็นสักเท่าไรนะ
    - ปกติเราก็สวดมนต์ในใจ เวลาเดินทางไปไหนมาไหนอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องมานั่งสวดมนต์หน้าหิ้งพระนานๆก็ได้...

    ...................

    ประเด็นเรื่องราคาก็เช่นกันครับ มันเกิดความย้อนแย้งขึ้นมาว่า ถ้าเอาตามหลักการตลาด ต้องทำต้นทุนให้ต่ำที่สุด เพื่อให้ได้กำไรสูงสุด
    แต่ถ้าทำเพื่อพระศาสนา ต้องทำให้ผลิตภัณฑ์มีคุณภาพสูงสุด โดยไม่หวังผลกำไร หรือขาดทุนนิดๆได้ก็จะดีมาก

    ถ้าจะทำให้ผลิตภัณฑ์ได้รับการยอมรับในตลาด ต้องมีค่าใช้จ่ายทางการตลาดอยู่ที่ 30 %
    ถ้าทำเป็นโครงการร่วมกับภาครัฐ จะมีค่าใช้จ่ายที่ไม่มีบิลรวมภาษีแล้วที่ 50%
    ถ้าทำเป็นโครงการร่วมกับศูนย์วิจัย ของมหาวิทยาลัย จะมีค่าใช้จ่ายที่ไม่มีบิลอยู่ที่ 60-65%

    ผมเคยทำมาแล้วทุกแบบที่ว่ามา...
    แต่พอถึงเก้าอี้สวดมนต์แล้วมาติดคำว่า เพื่อพระพุทธศาสนา...นี่ไงครับ คำว่าขัดแย้งกัน...
    เป็นเจตนาครับ ที่จะทำให้เกิดข้อขัดแย้ง เพื่อสำหรับเป็นกรณีศึกษา...


    [​IMG]
     
  13. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,731
    พายุ รีบยกมือเร็วค่ะ ๕๕๕
    สำหรับพี่ติงอาจไปอยู่บนดอยที่ไหนสักแห่ง
    ไม่ก็ตามเพื่อนๆไปเที่ยวดาวอังคาร...
    ช่วงนี้ขอตุนปลาร้าก่อนนะคะ ขาดอะไรก็ขาดได้แต่ปลาร้านี่อาหารหลักค่ะ
     
  14. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,552
    ค่าพลัง:
    +18,998
    ครับเดียวแม่มีโอกาศไปนอนวัด คงได้ใช้แบบจริงๆ จังๆ แล้วจะสอบถามและแจ้งให้ทราบอีกทีครับ
    แต่ที่ให้ท่านลองที่บ้านตอนมาส่ง ก็เห็นบอกนั่งสบายดีครับ

    ขอบคุณครับ


    จากเก้าอี้ ตอนนี้กลายเป็นโต๊ะไปเสียแล้ว คุณลูกท่านหนึ่ง ซื้อไปให้คุณแม่ใช้งานครับ แล้วเรียกว่า"โต๊ะสวดมนต์"

    มีบางท่านยังเข้าใจไปว่า เมื่อนั่งลงไปแล้ว เก้าอี้สวดมนต์นี้จะส่งเสียงสวดมนต์ให้เอง ตัวเองนั่งพนมมือเฉยๆก็พอ...เพราะชื่อที่ตั้งไว้ว่า"เก้าอี้สวดมนต์" ที่ถูกแล้วต้องเรียกกว่า "เก้าอี้สำหรับนั่งสวดมนต์" ใช่ไหมล่ะครับ..

    บางคนก็ได้รับบาดเจ็บ จากการที่นอนกลิ้งตกเตียงลงมาแล้วแขนไปฟาดเข้ากับเก้าอี้สวดมนต์ จึงเห็นควรให้ลบมุมเก้าอี้ให้มากกว่านี้

    บางคนพยายามจะสอดขาเข้าไปที่ใต้เก้าอี้ ทำให้รู้สึกว่า ไม่ถนัดเลย แต่พอเห็นรูปที่วาดไว้ก็เข้าใจได้ว่า ต้องคุกเข่าก่อนแล้วยกเก้าอี้มาวางทับแถวๆน่อง จึงค่อยขยับตัวให้พอดี มันก็ง่ายขึ้น

    บางท่านบอกว่าเป็นผู้หญิงแต่ตัวโตมาก อยากได้ไซท์ผู้ชาย พอได้ไปใช้แล้วก็พบว่า แบบผู้หญิงก็ใช้ได้นี่นา...ก็ออกแบบมาสำหรับผู้หญิง ใช้ได้ทั้ง อ้วน ผอม เตี้ย สูง ฯลฯ
    แต่นั่นแหละครับ...ปัญหาสำคัญคือ ขี้เกียจสวดมนต์ซะมากกว่าครับ...
    จนกระทั่งวันหนึ่ง เมื่อเครียด ทุกข์ใจ หาทางออกไม่ได้ จึงจะเริ่มหันกลับมาสวดมนต์ เพื่อหวังจะให้ คลายทุกข์ คลายร้อน ....ซึ่งปี2558-2560นี่แหละครับ...ทุกข์จริง ร้อนจริง เครียดจริง จะมีมาให้เห็น ...

    อีกประเด็นหนึ่ง สำหรับพุทธศาสนิกชนไทยส่วนมาก คือการทำบุญ การบริจาคเงินเพื่อสร้างสิ่งต่างๆ ภาษาที่ไม่สุภาพนัก คือ การซื้อบุญ ซื้อสวรรค์
    การอ้อนวอนขอ เอาจากวัตถุมงคล เครื่องราง ของขลัง...
    ไม่นิยมลงมือทำด้วยตนเอง...
    เล่ามานี่ไม่ใช่ด่าใครนะครับ เป็นการวิเคราะห์พฤติกรรมชาวพุทธบางกลุ่มซึ่งเป็นกลุ่มใหญ่พอสมควร
    ส่วนท่านที่ปฏิบัติธรรมเป็นอย่างดีแล้ว ท่านจะไม่สนใจสิ่งใดๆภายนอก มีสติเพียรตามดูจิต อย่างนี้ก็มีอยู่เหมือนกัน แต่ไม่มากนัก และไม่ค่อยนิยมแสดงตัว

    จะค่อยๆทดสอบการตลาด จากเก้าอี้สวดมนต์ ในแง่มุมของพุทธศาสตร์
    มุมของเศรษฐศาสตร์
    ในประเทศ และต่างประเทศ
    การทำตลาดแบบออนไลน์ แบบออฟไลน์ ระบบอุปถัม ฯลฯ
    การเปลี่ยนความย้อนแย้งให้เป็นความสร้างสรรค์
    เป็นเรื่องยากที่พอจะเป็นไปได้อยู่...
    เพื่อจะได้นำเอาองค์ความรู้ จากการทดลองจริงๆ มาเผยแพร่สู่เพื่อนพ้องน้องพี่ ให้เห็นมุมมองที่แตกต่าง ในหลายๆแง่มุม..ประสา "ก้อนหิน...ก้อนหนึ่ง"
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 เมษายน 2015
  15. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,552
    ค่าพลัง:
    +18,998
    ปลาร้า กับ ถั่วเน่า เป็นอาหารสองอย่างที่กลัวมากๆ...ยอมทานข้าวกับน้ำปลาเลยอ่ะ....:':)':)'(
     
  16. กิ่งสน

    กิ่งสน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2012
    โพสต์:
    1,068
    ค่าพลัง:
    +2,327
    จริงๆแล้วมันเป็นไอเดียที่สร้างสรรค์มาก เพราะยังไม่เคยมีใครทำ การอำนวยความสะดวกบางครั้งก็จำเป็นนะ เพราะอายุที่มาก(สังขาร) บางครั้งมันก็ไม่ไหว คนเราไม่ได้แข็งแรงดีทุกคน มีโต๊ะสำหรับสวดมนต์ด้วยก็ดีไม่ต้องก้มมาก คนไทยเราบางทีใครมีความคิดสร้างสรรค์ดีๆก็จะสกัดดาวรุ่งซะงั้น ถ้าเป็นชาติอื่นเขาก็จะมาช่วยกันคิดแล้วว่าทำอย่างไรให้พัฒนาต่อไป เปิดตลาดส่งขายทั่วโลก
    แต่ก็อย่างที่คุณว่าบางคนก็จะแปลเจตนาว่าจะมาหากินซะงั้น สมัยข้าพเจ้าเป็นนักศึกษาเขาให้ชมรมต่างๆขายฟิล์มวันรับปริญญา ข้าพเจ้าก็ขายในโควต้าของชมรมพุทธ คือ ขายทั้งฟิล์ม น้ำ ดอกไม้ กะหาเงินเข้าชมรมเพื่อทำกิจกรรมต่างๆ ก็มีรุ่นพี่คนหนึ่งเดินมาซื้อแล้วถามว่าทำอย่างนี้ไม่เป็นพุทธพาณิชย์หรือ ตอนนั้นข้าพเจ้าไม่ได้ตอบอะไรไป รุ่นน้องข้าพเจ้าก็หน้าเสีย ข้าพเจ้าก็คิดว่าการที่ข้าพเจ้าขึ้นป้ายชมรมเพราะข้าพเจ้าทำตามระเบียบมหาวิทยาลัย และการที่ข้าพเจ้าต้องการเงินเพราะการทำกิจกรรมนักศึกษาจะอาศัยเพียงแค่เงิน ม. เงินส่วนตัว หรือเงินบริจาคไม่ได้ เพราะเราก็ไม่ได้หาเงินเองกันสักคน ฉะนั้นข้าพเจ้าจึงทำต่อไปในเมื่อ ม. เปิดโอกาส เมื่อข้าพเจ้าจบรุ่นน้องก็บริหารต่อไป จนปัจจุบันชมรมก็ยังอยู่ เคยมีเพื่อนถามตอนนี้ชมรมเราเป็นไงมั้ง บอกเขาไปได้เลยหายห่วงเพราะประธานรุ่นน้องที่ต่อจากเราอีก 2รุ่นกลายเป็น อ.ที่ปรึกษาประจำชมรมไปแล้ว
     
  17. กิ่งสน

    กิ่งสน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2012
    โพสต์:
    1,068
    ค่าพลัง:
    +2,327
    สิ่งข้าพเจ้าคิดก็มีคนคิดก่อนข้าพเจ้า ดังที่ข้าพเจ้าตามไปร่วมบุญ ข้าพเจ้าขอออกความเห็นที่กระทู้ห้องนี้แล้วกัน เพราะว่าข้าพเจ้าเห็นว่ากลยุทธ์หรือวิธีการที่ทำอยากให้คนร่วมบุญมากๆ มีสองกระทู้ที่เข้าไปอ่านแล้วอยากทำมาก ท่านลองเข้าไปศึกษาดู ไม่ได้อยากให้ไปแข่งอะไรหรอกเพียงแต่ว่าการชักชวนคนมาร่วมบุญไม่ได้ชวนเขาทำบาปสักหน่อยมันอาจต้องมีสิ่งจูงใจ เช่น ตั้งชื่อกองบุญต่างๆ การจองหมายเลขเก้าอี้ ท่านอาจจะแย้งข้าพเจ้าในใจนะ แต่เมื่อเราจะทดลองเรื่องการตลาดก็น่าจะลองทำดู ถ้าสำเร็จผลพี่น้องเว็บพลังจิตเรา จะได้มีสตางค์ไปทำทานกัน แล้วชักชวนคนอื่นได้ด้วย ชาวพุทธเราต้อง รวย สวย ฉลาด สามัคคี มีนำ้ใจ สุขภาพแข็งแรง สบายทั้งกายและใจ เมื่อหมดภาระทางโลกบ้างแล้วก็จะได้ทำความเพียรเต็มกำลัง
     
  18. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,552
    ค่าพลัง:
    +18,998
    เรื่องกลยุทธ์ทางการตลาดนั้น ไม่ใช่เรื่องยากสักเท่าไรครับ...
    โดยเฉพาะนำมาใช้กับเรื่องทางด้านศาสนา ที่อาศัยศรัทธาเป็นตัวตั้งแล้วนั้น ยิ่งง่ายเข้าไปใหญ่...คือลงนรกได้ง่ายๆเหมือนกัน...

    ผมรู้จักกับนักการตลาดระดับต้นๆของเมืองไทยที่ทำการตลาดด้านศาสนาเช่นนี้อยู่ครับ เคยประดาบกันมาแล้วในสมัยก่อน แม้ว่าผมจะอายุน้อยกว่าหลายปี แต่ก็ทันกันอยู่ครับ เพียงแต่ใจผม ไม่กล้าพอที่จะทำ...จริงอยู่ที่เงินหลักร้อยล้าน มันก็น่าสนใจอยู่นะครับ ออกแรงไม่มากด้วย ตีหน้าใสใจบุญเอาไว้ ... แต่พอนึกถึงหน้าครูบาอาจารย์ และระลึกถึงความตายขึ้นมา ผมก็คิดว่าผมหาเงินทางอื่นได้ดีกว่า แม้จะยากลำบากกว่าก็จะสู้ทนเอาครับ...

    เก้าอี้สวดมนต์ ที่จะทำถวาย 9 วัด 108 ชุดนี้ ตั้งใจว่าจะทำเอาบุญ ชวนเพื่อนพ้องน้องพี่ทำบุญร่วมกัน คงเกิดขึ้นครั้งเดียวครับ วัดแรกเป็นวัดถ้ำเมืองนะ ซึ่งแม่ชีหนูนา โมทนาร่วมด้วย จะให้ไว้ใช้สวดบทจักรพรรดิ์ในถ้ำ...ใน 9 วัดนี้จะไปให้ไกลถึงฝั่งพม่าและลาว ด้วยเลยครับ..

    หลังจากหมดงานบุญแล้ว จะเป็นงานเชิงพาณิชย์แล้วครับ...เรื่องกลยุทธ์ทางการตลาดผมไม่เคยมีกลยุทธ์เดียว และไม่เคยใช้เครือข่ายช่องทางเดียว เนื่องเพราะมีโอกาสพลาดได้...เวลาใช้กลยุทธ์การตลาด จึงเป็นการระดม กระหน่ำ ไปเป็นระลอกๆ ติดต่อกันไป จนบรรลุเป้าหมายแล้ว ก็รีบถอนตัว...ให้เหมือนน้ำทะลักเขื่อน
    ที่ต้องถอนตัวเพราะว่าจะต้องมีคนมาทำตามหลังและเลียนแบบวิธีการบ้าง...

    มุกตลก เล่าซ้ำก็ไม่ขำแล้ว...กลยุทธ์ทางการตลาด ใช้ซ้ำก็ไม่เกิดผลดีอย่างเดิมแล้ว...
    ใครเดินตามหลังก็จะต้องคอยเก็บซากปรักหักพังเท่านั้นเอง...
    ความเป็นจริงของโลกเรานี้ โหดร้ายเสมอ...
    เรื่องเล่าก็มักจะเล่าได้ตอนที่สงครามจบลงไปแล้ว...นับศพทหารเสร็จแล้วจึงเอามาเล่าครับ...


    [​IMG]
     
  19. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,552
    ค่าพลัง:
    +18,998
    ความตั้งใจเดิม ที่เอาเรื่องเก้าอี้สวดมนต์ออกมานั้น ประสงค์แรกคือ ต้องการให้เพื่อนพ้องน้องพี่ได้ใช้สวดมนต์ ภาวนา โดยไม่ต้องปวดเมื่อยมากนัก...เพราะผมนี่ปวดมากเลยครับ เวลาสวดมนต์นานๆ...

    อีกวัตถุประสงค์นึง คือ ทำมาเพื่อให้คนที่กำลังจนมุม อับจน สิ้นหนทาง คิดอะไรไม่ออก เครียด คิดจะฆ่าตัวตาย
    ให้คนเหล่านี้ได้ใช้นั่งสวดมนต์ นานๆๆๆๆ....
    เพราะเวลาทุกข์ คนมักจะวิ่งเข้าหาวัดบ้าง ไปสวดมนต์อ้อนวอนขอบ้าง มันคิดอะไรไม่ออก...
    การสวดมนต์นานๆ จะช่วยให้ใจที่ฟุ้งซ่านเริ่มสงบลง ความเครียดได้รับการบำบัด การคิดจะฆ่าตัวตาย ก็จะมีเวลายั้งคิดได้มากขึ้น เมื่อจิตใจเริ่มสงบลงได้บ้างแล้ว ก็จะมีปัญญาหาทางออกได้มากขึ้น...

    เจตนาที่นำเก้าอี้สวดมนต์ออกมานี้ จึงเป็นองค์ประกอบส่วนหนึ่ง ที่จะทำร่วมกับการเขียนบทความเพื่อช่วยป้องกันการฆ่าตัวตาย จากภัยพิบัติทางด้านเศรษฐกิจ เพราะลำพังบทความอย่างเดียว คนอ่านที่มีจิตใจเครียด ฟุ้งซ่าน มันช่วยไม่ได้เท่าไร สมองมันตื้อไปหมดแล้ว จำเป็นต้องมีอะไรสักอย่างมาเหนี่ยวนำใจให้สงบสักชั่วครู่หนึ่งก่อน...

    คนไม่เคยฝึกสมาธิเลย พอเครียดมากๆอยากฆ่าตัวตาย จะให้มานั่งสมาธิ ย่อมเป็นไปไม่ได้ แต่ถ้าให้นั่งบ่นๆๆๆ พูดๆๆๆๆ แบบนี้ทำได้...เพียงแต่ไม่มีใครยอมฟัง การเปล่งเสียงสวดมนต์จะพอช่วยได้ แต่ก็อีกนั่นแหละ คนเราร้อยละ120 ไม่ทุกข์ก็ไม่หันหน้าเข้าวัด ปกติไม่เคยสวดมนต์มานั่งสวดสัก 10 นาที มันไม่ไหวแล้ว ทุกข์เข้าไปอีก ตายดีกว่า...
    แต่ถ้าสวดสัก 1-2 ชั่วโมงแล้วไม่ปวดล่ะ...ก็พอสวดไปได้...สวดไปได้สักพัก ผมก็จะมาสอนวิธีการปลง...ปลงแล้วค่อยวาง ...วางแล้วค่อยปล่อย...อะไรที่ยึดไว้ก็อย่าให้มั่น อะไรที่ถือไว้ ก็อย่าให้มั่น ให้พอขยับได้หน่อย...
    จากนั้นจึงชี้ทางออกให้ว่า...ทุกปัญหา มีทางแก้ไขนะ...

    ผมไม่ชอบวิธีการหากินบนความเจ็บปวดของคนอื่น
    และก็ไม่ชอบวิธีการหากินบนความหวาดกลัวของคนอื่น
    รวมถึงการหากินบนความงมงายของคน อันนี้ก็ไม่ชอบเหมือนกัน

    ผมชอบเห็นคนที่ทุกข์ยาก ลำบาก กลับใจ ได้คิด แล้วลุกขึ้นมา กัดฟัน กำหมัด แล้วสู้ ด้วยกำลังของตัวเอง...แพ้ก็ยังภูมิใจ...ชนะได้ก็สะใจ...

    ผมไม่ชอบวิธีจับปลาให้กิน....สอนวิธีจับปลาก็ดีอยู่หรอกครับ แต่เมื่อสถานการณ์เปลี่ยนไป ปลาหาจับได้น้อยลง จะทำยังไง?...
    สอนวิธีเลี้ยงปลาดีกว่าไหมครับ?
    จะได้มีปลากินตลอดไป..ไม่ต้องหวังพึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ อิทธิฤทธิ์ ปาฏิหาริย์ ให้จับปลาได้มากๆ...เอาแบบขยันมากก็ได้มากหน่อย ขยันน้อยก็ได้น้อยหน่อย ..
    ให้อัตตาหิ..เป็นอัตโนนาโถ....


    [​IMG]
     
  20. กิ่งสน

    กิ่งสน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2012
    โพสต์:
    1,068
    ค่าพลัง:
    +2,327
    ตะกี้ไปเปิดดูโพสต์โน้น ขนลุกเลย ปิติใจมาก ทุกสิ่งอย่างนั้นก็เกิดจากกำลังใจของท่าน เจตนาเราไม่ได้ไปในทางพาณิชย์จริงๆไม่เป็นไรหรอกท่าน เราทำเพื่อให้ผู้อื่นได้ศึกษาต่อก็แค่นั้นเขาอาจจะทำได้ดีกว่าเราก็ได้ สิ่งนี้ต่างหากที่ครูบาอาจารย์ท่านเลยสงเคราะห์ศิษย์ เพราะเห็นท่านเป็นคนที่มีความคิดสร้างสรรค์ ปฏิบัติมาก็ดีแล้ว ทีมงานก็ดี อยากให้บุคคลทั่วไปได้ร่วมบุญ กับเจ้าของไอเดียที่เป็นคนคิดแล้วทำน่ะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...