เทวดาบุญน้อยถอยไป เปรต/อสุรกายมาแล้ว

ถาม : เคยได้ยินว่าเปรตนี่น่าสงสารกว่า ...แต่ว่ามีคนเขาบอกว่าอันนี้เป็นคาถากันพิษเปรต เปรตมีพิษเป็นอย่างไรครับ ?
ตอบ : อาตมาไม่รู้เหมือนกันว่ามีอย่างไร รู้แต่ว่ามีอยู่ประเภทหนึ่งเขาเรียก “มหิทธิกเปรต” มหิทธิกเปรตในอดีตนี่ส่วนใหญ่แล้วเขาจะเป็นพวกที่ได้ฌานแต่ใช้ผิด อย่างเช่น พวกหมอผี พวกอะไรอย่างนี้ ในเมื่อใช้ฌานในลักษณะมิจฉาสมาธิ ตายแล้วเป็นสัตว์นรก เศษกรรมที่เหลือทำให้มาเกิดเป็นมหิทธิกเปรต คือจะมีฤทธิ์มีอำนาจ พวกนี้มีฤทธิ์เยอะ เทวดาศักดานุภาพน้อย ๆ ต้องหลีกให้เขา ส่วนใหญ่ก็จะตั้งตัวเป็นเจ้าพ่อ เจ้าแม่ เจ้าป่า เจ้าเขา อะไรพวกนั้น ใครเข้าไปในเขตเขาถ้าไม่พอใจเขาก็จะทำร้ายเอาก็มี อะไรก็มี เรื่องเข้าทรงเป็นงานปกติของเขา นั่นแหละ ก็อย่าลืมว่าผีเขามีอาชีพก็คือหลอกคน ถ้าเกิดว่ามันหลอกเรานี่เป็นเรื่องปกติ เรื่องของกันพิษเปรต กันอะไรของเขาว่า ไม่รู้ แต่ว่าเปรตที่มีอันตรายกับเรานั้นมี


สนทนากับพระเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
เดือนมิถุนายน ๒๕๔๖(ต่อ)
ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ



ถาม : เปรต อสุรกาย ถือว่าเป็นภูมิท้าย ๆ..?
ตอบ : อสุรกายจะสูงกว่าเปรตอีกระดับหนึ่ง แต่ยังจัดอยู่ในอบายภูมิเหมือนกัน

ถ้าเป็นกาลกัญจิกอสุรกาย พวกนี้จะมีฤทธิ์มาก ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นผู้ที่ทรงฌาน ทรงสมาบัติได้ แต่ว่าใช้ไปในทางมิจฉาทิฐิ อย่างเช่น พวกพ่อมด หมอผี เป็นต้น

พอได้รับโทษในนรกแล้ว ก็ไปเกิดเป็นเปรต แล้วก็จะไปเกิดเป็นอสุรกาย พวกนี้ดูถูกเขาไม่ได้นะ พวกนี้เขามักจะตั้งตัวเป็นเจ้าพ่อเจ้าแม่ เจ้าป่าเจ้าเขา เทวดาที่มีศักดานุภาพน้อยยังต้องหลบให้เขา

สมมติว่าคุณเป็นตำรวจ แต่บังเอิญว่ายศคุณแค่พลตำรวจ หรือนายสิบเท่านั้น ไปเจอเจ้าพ่อชลบุรีเข้า ก็ขาสั่นใช่ไหม ? ก็แบบเดียวกันนั่นแหละ..!

สนทนากับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ เดือนธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๔๔



ถาม : เจ้าพ่อเจ้าแม่คือใคร ?
ตอบ : เจ้าพ่อเจ้าแม่คือใคร ? เอ้า ตอบกันตรงไปตรงมาอย่างที่เราคิดเลยนะ คือผู้ที่เป็นใหญ่ในสถานที่ใดสถานที่หนึ่ง ท่านทั้งหลายเหล่านั้น อาจจะเป็นพรหมก็ได้ เป็นเทวดาก็ได้ เป็นเปรตอสุรกายก็ได้ แต่ว่าส่วนใหญ่เท่าที่พบมาบรรดาเจ้าพ่อเจ้าแม่ทั้งหลาย ถ้าไม่ใช่กาลกัญจิกอสุรกายก็เป็นมหิทธิกาเปตร พวกนี้จะเป็นพวกที่มีความยึดมั่นถือมั่นในอัตตาตัวเองสูงมาก อยู่ในบริเวณไหนก็คิดว่าเขตนั้นเป็นของตัว ท่านไม่ชอบให้ใครล่วงล้ำเข้าไปโดยปราศจากความอ่อนน้อมถ่อมตน ถ้าหากว่าเราทำถูกท่านให้การสงเคราะห์ก็เป็นอันว่าอยู่ได้ ถ้าทำผิดเมื่อไหร่อาจจะเดือดร้อนเพราะว่าของท่านอยู่ในภพภูมิที่ต่ำ ท่านไม่กังวลที่จะเล่นงานเราเพื่อสิ่งที่ท่านคิดว่าดีแล้ว
ถาม : ถึงแม้ว่าในสถานที่นั้นจะตั้งพระพุทธรูปเอาไว้ก็ตาม ?
ตอบ : ตั้งเอาไว้เถอะ ถ้าหากว่าไม่ได้อาราธนาหรือว่าอัญเชิญทำพิธีอย่างถูกต้อง ท่านจะเจ๋งกว่า มหิทธิกาเปรตกับกาลกัญจิกอสุรกาย ในอดีตเคยเป็นคนเจริญสมาธิได้กำลังสูงมาก แต่ใช้อำนาจสมาธิไปในทางที่ผิด อย่างเช่นว่าใช้ทำร้ายคนอื่นเขาอย่างพวกพ่อมดหมอผีอะไรพวกนั้น พวกนี้พอตายแล้วลงนรก เศษกรรมจะทำให้เป็นมหิทธิกาเปรตหรือกาลกัญจิกอสุรกาย ด้วยที่เคยสร้างกำลังจากสมาธิมาทำให้เขามีฤทธิ์มีอำนาจสูงมาก เทวดาที่ศักดานุภาพน้อย ๆ ยังไม่กล้าปะทะเขาเลย
เพราะฉะนั้นการที่เราเอาพระพุทธรูปไปตั้งอยู่เฉย ๆ ถ้าไม่ได้อาราธนาอัญเชิญอย่างถูกต้องตามวิธี เทวดาที่รักษาอยู่ถ้ามีอานุภาพน้อยต้องหลบให้เขา

ช่วงแรกของเล่ม "งานฉลองวัดหนองบัว"
สนทนากับพระเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
เดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๔๖(ต่อ)
ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ


หมายเหตุ บทความที่ผมรวบรวมขึ้นมานี้ เพื่อสื่อสารว่า ขอทุกท่านจงมาร่วมปฏิบัติธรรมเจริญสมาธิกันเถอะ เพราะถึงแม้ท่านเป็นคนชั่วตายไปต้องตกนรก แต่อย่างน้อยผลบุญที่ท่านทำกัมมัฏฐานก็จะมาตอบแทนท่าน แต่ผมไม่ได้เชิญชวนให้ทุกท่านมาเป็นหมอผี :boo::boo::boo:

 

ต้องทำตัวเจี๋ยมเจี้ยมทุกที่...
เด๋วทำให้ใครไม่พอใจ ซวยขึ้นมาไม่มีใครคุ้มกะลาหัวละแย่แน่

แม้แต่เดินผ่านกระทงข้าวที่เขาวางไว้ให้สัมภเวสี หรือศาลที่เขาตั้งไว้ อิชั้นยังต้องขออนุญาติก่อนเดินผ่าน

อยู่ยากขึ้นทุกวัน 555 แค่คนบนโลกนี้ก็ต้องระวังสุดตัว ต้องมาระวังตัวกับโลกอื่นอีก..

 

ตามเนื้อหาที่นำมาลงเลยครับ..พวกนั้นบางทีห่มเหลืองที่ธุดงค์ก็เสร็จ
มาแล้วหลายรายครับ แต่ส่วนมากจะอยู่เฉพาะที่และมักอยู่ในป่าลึก
ถ้าเราไม่เข้าไปเขตเค้าก็ไม่ค่อยมีปัญหาครับ.
ส่วนเปรตที่เราเห็นได้ตามในเมืองส่วนตัวไม่ทราบว่าพวกไหน
ต้องดูดีๆนะครับ จะมีพวกที่ร้องเสียงโหยหวนแบบร่างกายดูผอมๆ
พวกนี้สังเกตุง่ายๆมือจะยาวถึงหัวเข่าครับ บางตนตาจะมีสีออกแดงๆด้วยครับ.
ดูดีๆนะครับ เด่วจะนึกว่ามนุษย์ต่างๆดาว.๕๕๕..
พวกนี้พอที่จะทำบุญให้ได้อยู่แต่ว่ายากหน่อยครับ
ต้องทำหลายๆครั้งเพราะพวกนี้จะติดวิบากกรรมเรื่องที่ขวางไม่ให้จิต
เค้าวางใจเป็นกลาง เลยเป็นเหตุที่ทำให้เค้ารับบุญเราไม่ค่อยได้ครับ....
ยกเว้นท่านๆที่บารมีสูงๆพอจะทำให้ได้ครั้งเดียวอย่างนี้ ส่วนมากจะเป็นห่มเหลือง
และก็ยังมีเปรตอีกประเภทนะครับ พวกนี้จะมีวิมานลอยอยู่ในอากาส มีบริวาร
คอยรับใช้ แต่ว่าจะไม่สามารถยื่นส่วนหนึ่งส่วนใดออกจากวิมานได้
เพราะจะมีจักรมาตัดส่วนที่ยื่นออกจากวิมานภายในเสี้ยววินาทีและจักร
ที่ตัดนี้ไม่ใช่จักรที่มาจากท่านที่เรารู้จักกันที่พระวรกายสีเขียวๆนะครับ.
แต่ส่วนตัวก็ไม่ทราบว่าจักรมาจากไหนเหมือนกันครับ....
และก็ที่ดูเหมือนเปรตอีกประเภทพวกนี้ไม่รู้ว่าตำราเรียกว่าอะไรนะครับ
แต่ว่าตัวจะสูงประมาณตึก ๔ ถึง ๕ ชั้นได้ครับ กลุ่มนี้จะตัวใสๆ หน้าตา
ดูอิ่มเอิมรูปร่างดูสมส่วนปกติเหมือนมนุษย์ทั่วไป แต่ว่าจะตัวสูงมากๆ.
ถ้าแบบนี้อย่าไปนึกว่าเป็นเปรตแบบที่ต้องการบุญหรือว่าเค้าทำไม่ดี
มานะครับ แบบนี้เค้าจะเป็นเหมือนๆผู้ดูแลประจำบริเวณนั้นๆที่คอย
เดินตรวจตราดูแลความสงบเรียบร้อยบริเวณนั้นๆครับ..

เรื่องที่นำมาลงนี้ สอนให้รู้ว่า ถ้าเราพัฒนาตัวเองจนมีความสามารถทางจิต
ขึ้นมาใช้ได้จริง ควรจะใช้ในทางที่ก่อเกิดประโยชน์ต่อบุคคลอื่นๆและใช้ใน
ทางธรรมครับ..อย่านำไปใช้ในทางอกุศลต่างๆที่ส่งเสริมกิเลสด้านต่างๆ
ของตนเอง ไม่ว่า ด้านรัก โลภ โกรธ หรือ หลง อย่างใดอย่างหนึ่ง..
ไม่งั้นมันก็จะเทห์อยู่ครับ แต่ว่าเทห์แบบเปรตๆ อย่างเรื่องที่นำมาลงนี่หละครับ...

 

เคยทำงานที่สมุทรปราการ หลับตาจะนอน เห็นเป็นก้อนเนื้อใหญ่มาก ลอยเข้ามาหา ลืมตาแทบไม่ทัน รีบกระโดดเปิดไฟเลย ไม่รู้เป็นเปรตชนิดไหน(มันเข้ามาตรงช่องระบายอากาศ แล้วขนาดก็ขยายขึ้น ลอยมา ภาพเห็นแบบสว่าง แต่ในความเป็นจริงปิดไฟนอน และไม่ใช่เคลิมๆ เพราะรู้สึกตัว 100% เพียงแต่พึ่งหลับตา แบบปิดตาปุ๊ปเห็นปั๊ป เห็น สามสี่ครั้ง สุดท้ายเลยนอนเปิดไฟดีกว่า )

 

เทห์แบบเปรตๆ

กึ๋ย.....

แล้วพวกที่รูปร่างหน้าเหมือนคนแต่ตัวใหญ่กว่าคนประมาณ 2 เท่าหละ ตาแดงก่ำ ดูท่าทางน่าจะมีฤทธิ์ เคยเจอะมาขอขาหมู 1 ขา แล้วบอกว่าจะคอยคุ้มครองเราด้วย ยังไม่ให้เลย

แล้วอีกตัวก็เป็นสัมพเวสี ตาแดงเหมือนกันแต่เต็มไปด้วยเลือด นี่ก็ให้ตังค์มา 1100 บอกฝากซื้อเหล้าขาว กะไก้ต้ม 1 ตัว ให้เอาไปวางใต้ต้นไม้ในซอยแถวบ้าน นี่ก็ยังไม่ทำให้เหมือนกัน แหมเล่นฝากเป็นเงินลม ๆ อย่างนั้น ใครจะเอาไปใช้ได้

เลยแค่อุทิศบุญให้แทน ทั้งคู่นั่นแหละค่ะ

 

พวกก้อนเนื้อ ลอยๆได้มีรูปร่างไม่แน่นนอน หรือ ลอยๆได้แบบคนดูแต่งตัวไม่เรียบร้อย
แต่งตัวคล้ายๆในหนังแฮรรี่พอตเตอร์ บางทีก็มาแบบผู้สูงอายุ แต่หลักสังเกตุง่ายๆคือ
ขาจะไม่ติดพื้น และจะลอยแบบพริ้วๆ ที่สำคัญสามารถเปลี่ยนรูปร่างได้หรือแปลงกายได้
และจะไม่โดนตัวเรา แต่จะห่างตัวเราประมาณ ๑ คืบ พวกนี้เป็นภูมิภูต
แม้มีฤิทธิ์แต่จะไม่ทำร้าย มีแต่จะหลอกทำให้กลัวเฉยๆ กลุ่มนี้ต้องทำเป็นเฉยๆ
ส่วนมากจะมาทดสอบนักปฏิบัติ....
ส่วนที่ตัวสูงกว่าคนประมาณ๒ เท่าตัวนั้นตัวสีดำๆด้านๆมักไม่ค่อยใส่เสื้อ
เป็นกลุ่มจัดว่าอยู่ภูมิอสูรกายได้ ยกเว้นว่าจะมาชุดขาวแล้วมีประกายเป็นอีกแบบนะ
เป็นภูมิเจ้าที่ๆในอดีตชอบปฏิบัติธรรม
และพวกตาแดงพวกนี้อยู่มานานมากๆๆๆๆๆแล้วไม่ต่ำกว่ายุคพระชัยวรมันที่ ๗ หรือ ๘ นี่หละ
จำไม่ได้.. ระดับความสามารถเทียบเท่าภูมิเทวดา
แต่ติดวิบากกรรมเรื่องการใช้ความสามารถทางจิตในทางที่ผิด ตาจะออก
สีแดงๆอย่างนั้น
แต่ถ้าเป็นภูมิอสูรกายกึ่งเทพ ตาจะออกสีเหลืองๆชัดเจน
พวกหลังนี้จะไม่ค่อยชอบสบตาเรา เห็นได้ตามประตูสถานที่สำคัญๆ
ระดับที่ไม่สูงเกินพื้นโลกมาก เช่น ทางเข้าป่าเม็ดมะม่วงเป็นต้น
และพวกตาแดง..ถ้าเค้าบอกว่าจะตามคุ้มกันเราก็ดีมิต้องห่วง
เพราะว่า..ภพภูมิที่ตามคุ้มกันเรา สามารถมีเพิ่มได้เรื่อยๆขึ้นอยู่กับ
ความสามารถในการขยายวงการอุทิศส่วนกุศลของเราเองและสามารถ
ยกระดับได้เรื่อยๆตามแต่ระดับความดีในจิตของเรา..เพียงแต่เราไม่ต้อง
ไม่ยึดติดเพราะถึงเวลาเค้าจะไปเองตามแต่วาระของเค้า...
เพราะถ้าเรายึดจิตเราก็จะไม่เกินระดับนั้น รวมทั้งความสามารถต่างๆด้วย..

ส่วนถ้าตาเขียวๆผิวขาวๆเป็นภูมิเทียบเท่าเทวดา ผู้ชายถือศีล สร้างความดี
ใหม่ๆต้องระวังให้ดีเพราะท่านอาจโดนลวนลามได้
ส่วนพวกที่ดำทั้งตาทั้งตัวที่เค้าใกล้ตัวเราได้
นั้นเป็นส่วนวิบากกรรมส่วนตัว ที่อยู่นานแล้วด้วยในอดีต
พวกนี้แม้เราท่องคาถาหรือจิตเรามีฤิทธิ์
ก็ทำอะไรเค้าไม่ได้ ขึ้นอยู่กับการตัดสัญญาในจิตเราไม่ให้ไปเชื่อม
พูดง่ายๆว่าต้องเหมือนกับว่าไม่มีพวกนี้ในโลกเลย.
และการรู้จักอุทิศส่วนกุศล
ถึงจะไม่มีผลใดๆกับเรา
ปล.ประมาณนี้ ทั่วๆไปประมาณนี้ไม่มีไร ขำๆ...

 

และพวกตาแดงพวกนี้อยู่มานานมากๆๆๆๆๆแล้วไม่ต่ำกว่ายุคพระชัยวรมันที่ ๗ หรือ ๘ นี่หละ
จำไม่ได้.. ระดับความสามารถเทียบเท่าภูมิเทวดา


นี้น่าจะใช่เลยค่ะ เพราะเขาบอกว่าเป็นกัมพูชา ชื่อ ต้นฮี่น ค่ะ
งั้นสรุปว่าไม่ต้องให้อย่างที่เขาขอ แต่อุทิศบุญแทนได้เลยใช่ไหมคะ

 

เข้ามาอ่านเสริมความรู้ครับ

 

เป็นก้อนเนื้อ ทรงหยดน้ำ แต่เห็นเป็นเนื้อสดๆ แดงๆดำๆ ไม่ราบเรียบ เหมือนชิ้นเนื้อมาเกาะกัน มันลอยตรงเข้าหา จนจะชนหน้า เป็นช่วงที่ลืมตาขึ้นพอดี พอเจอแบบนี้สองสามครั้ง ทำให้วันอื่นๆ พอเริ่มเห็นมันลอยเข้ามาในห้อง ก็รีบลืมตา .ระยะหลัง พอปิดไฟจะยังไม่หลับ แต่จะมองช่องลม รอสังเกตุดูก่อน จะเห็นเป็นเงาดำๆ ลอยลอดเข้ามา และก็จะลอยเข้ามาหา แต่เหมือนมันเห็นว่าเราดูมันอยู่ มันก็เลยลอยลอดออกไป ประจวบกับเราลาออกจากงาน เลยย้ายกับบ้าน เลยเก็บความสงสัยไว้เฉยๆ จนลืมค่ะ ขนาดก้อนเนื้อตอนขยายตัว ใหญ่ประมาณ จอทีวี 18 นิ้วค่ะ แต่ตอนที่มองแบบลืมตา จะเห็นเป็นเงาดำขนาดไม่ใหญ่มาก ไม่ได้เห็นทุกคืนนะคะ แต่มันก็หลอนพอควร เพราะจะหลับไม่สนิท ตื่นกลางดึก เพื่อดูว่ามันจะมาอีกไหม และก็ไม่รู้ว่าทำไมมันจึงลอยเข้าหา (ตอนนั้นกลัวมันมาสิงร่าง 555 คือวัยรุ่นคิดไปเรื่อยเปื่อยค่ะ)

 

คับ รอบแรกเพื่อให้ปรับภพภูมิก่อน เราจะคิดหรือพูดก็ได้
. รอบสองบอกให้แปรสภาพเป็นอะไรก็ได้
ที่เค้าขอนั้นขอนี้เพราะติดสัญญาเดิมๆตอนมีชีวิต
เด่วพอภูมิจิตเค้าสูงขึ้น จะมีความเข้าใจเรื่อง
ความเป็นทิพย์ในการเนรมิตรได้เอง


ส่วนการเห็นวิญญานแล้วกลัวเรื่องปกติ
เราก็คนปกติเนาะก็มีบ้างที่ต้องหลอนๆบ้าง
ส่วนถ้าไม่กลัวได้ก็ดี. ไม่มีไรหรอก
ถ้าเป็นภูตแบบที่เล่าให้ฟังนะ

 

คุณนพครับ นายbigtoo โดนแบนรึครับไม่เห็นกระทู้มาหลายวันแล้วครั้งสุดท้ายโดนผมแนะไปหลายข้อหา จากนั้นหายไปเลยท่านเห็นบ้างรึเปล่าครับ

 

พูดเรื่องเปรตมีครั้งนึงรู้สึกขำตัวเองมากๆๆๆ ไม่รู้คิดไปเองมั้ย นะ สวดมนต์แผ่บุญ ระบุว่าขอให้อุทิศบุญให้เปรตในวัดนี้ด้วย(บ้านอยู่ใกล้วัด) พอตึกกลางคืน ฝันเห็นเปรตใส่ชุดโจงกระเบนสีแดง ตัวสูงยาว ถือหอก วิ่งมายิ้มให้ เราเห็นเปรตแบบนั้นก็ตกใจกลัว วิ่งหนีเปรต เปรตก็ตกใจที่เรากลัว เปรตเลยวิ่งหนีเข้าวัด ไป ต่างคนต่างวิ่งหนีกัน คนละทิศละทาง รู้สึกตลกดี ฝันอะไรบ๊องๆได้

 

เท่าที่เจอมา ก็มี หลายรูปแบบ เช่น ชายดำร่างใหญ่ เหี่ยวๆ หน่อย ตาสีแดง / ตัวสีดำๆ แต่นิ้วมือ เหมือนใบมีดโกน / ครึ่งหนึงเป็นคนปกติ แต่อีกครึ่งเป็นซากเน่า / เหมือนคนธรรมดา แต่ตัวสูงยังกะตึกคอนโด / หัวโล้น ตัวสีซีดๆ แต่ปากโดนเย็บไว้ / งูขนาดยักษ์ แต่หน้าเป็นคน / ปากฉีกถึงหู ฟันคม ยังกะ ฉลาม / ห่มจีวรพระ แต่ เนื้อตัว เน่าเฟะ / หัวโดนจักรเสียบไว้ เลือดอาบ / มาแต่เสียงกรี๊ด แต่ไม่เห็นตัว / ตัวเหมือนเส้นเลือด รวมเข้าเป็นร่างคล้ายคน / อยู่กันเป็นกลุ่มตามวัด ตัวเท่าคนธรรมดา แต่ เหี่ยวแห้ง ผิวสีออกเทาๆ แถม บางตน ยังมี กระบอง/พลองไว้ ทำอะไร ก็ไม่รู้

 

เคยอ่านเรื่องบันทึกเกี่ยวบันทึกของพระผู้มีอภิญญา ท่านนึง กล่าวว่า มีปรทัตตุปชีวิกเปรตตนนึง ได้เที่ยวขอส่วนบุญชาวบ้านตามปกติ แต่ดันเพลินไปหน่อย จนไปล้ำเข้าเขตของ มหิทธิกเปรต เมื่อสองเปรต จ๊ะเอ๋กันเข้า ฝั่งเจ้าถึ่นก็ กาตื๊บ ปรทัตตุปชีวิกเปรต ผู้น่าสงสารซะน่วม

ว่านะ แม้แต่ภพภูมิเดียวกันยังเล่นกันซะน่วม เลย แล้วเราเป็นคนธรรมดาก็เสียวสันหลังแล้ว แม้แต่ พระที่มี พลัง จิต คาถา อาคม อภิญญา ยังพลาดถูกเล่นทีเผลอพลาดถูกอัดซะน่วม

 

เรื่อง พระพุทธรูป เเม้เป็นเพียงรูปภาพ หากบุคคล เคารพบูชาอย่างเเท้จริง เวลาไหว้บูชา ให้ระลึกนึงถึงพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ นึกเอาท่านมาตั้งอยู่บนหัว นึกบูชา เทวดาทุกชั้น ต้องเคารพอย่างเเท้จริงด้วยนะ ต่อให้เป็นมาเฟียเปรตก็เถอะ หงอย

 

พี่นพ "การวางใจเป็นกลาง" มันไม่ดีหรือครับ ทำไมเปรตท่านไม่ได้รับบุญเมื่อวานใจเป็นกลาง ผมยังเขลานัก เมตตาไขข้อสงสัยผมด้วยครับ

 

ขออนุญาติช่วยตอบนะคะ อ่านดี ๆ จ้า คุณนพเขาหมายถึงว่า พวกนี้วางใจเป็นกลางยังไม่ได้เพราะวาระกรรมยังขวางเขาอยู่ค่ะ

 

อุย...เขิลเลย ขอบคุณมากๆครับพี่ พี่นพแยกบันทัดอะ ผมก็รีบอ่านเกิน 555

 

อืมได้รับคำตอบแล้วเนาะ
มีคนช่วยตอบให้แล้ว....

 

พวกก้อนเนื้อ ลอยๆได้มีรูปร่างไม่แน่นนอน หรือ ลอยๆได้แบบคนดูแต่งตัวไม่เรียบร้อย
แต่งตัวคล้ายๆในหนังแฮรรี่พอตเตอร์ บางทีก็มาแบบผู้สูงอายุ แต่หลักสังเกตุง่ายๆคือ
ขาจะไม่ติดพื้น และจะลอยแบบพริ้วๆ ที่สำคัญสามารถเปลี่ยนรูปร่างได้หรือแปลงกายได้
และจะไม่โดนตัวเรา แต่จะห่างตัวเราประมาณ ๑ คืบ พวกนี้เป็นภูมิภูต
แม้มีฤิทธิ์แต่จะไม่ทำร้าย มีแต่จะหลอกทำให้กลัวเฉยๆ กลุ่มนี้ต้องทำเป็นเฉยๆ
ส่วนมากจะมาทดสอบนักปฏิบัติ....

... แบบยายคนที่มาเยี่ยมชมบ้านหนูนะเหรอคะป๋า ... อันนี้ทำหนูเงิบเลยนะเขาตั้งใจมาทำร้ายกันเลยทีเดียว .. บินรอบบ้านอย่างสบายใจไม่เว้นแม้แต่ห้องนอนนี้ก็ไม่ไหวนะคะ