ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,674
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Araya Visunee

    [​IMG]

    ความขัดแย้งระหว่างชนกลุ่มน้อยกับรัฐบาลพม่า
    ( Conflict of the Burmese Government and the Ethnic Minority Groups )
    ความหมายของชนกลุ่มน้อย
    ►“ชนกลุ่มน้อย” หมายถึง ชนเผ่า หรือคนต่างเชื้อชาติ ต่างชาติพันธุ์ที่อาศัยรวมกันกับชนเผ่าอื่นที่มีจำนวนมากกว่า หรือมีจำนวนน้อยเมื่อเทียบกับชนกลุ่มใหญ่ของประเทศ เป็นชนกลุ่มที่มีความแตกต่างจากชนส่วนใหญ่ในด้านต่างๆ กลุ่มชนที่ได้ชื่อว่าชนกลุ่มน้อยนั้น มักจะเป็นกลุ่มชนที่อพยพมาจากประเทศอื่นและเข้ามาพักอาศัยอยู่ชั่วคราว
    ปัญหาความขัดแย้งทางชาติพันธุ์
    ►ปัจจุบันปัญหากลุ่มชาติพันธุ์ชนกลุ่มน้อยกำลังเป็นปัญหาของสังคมโลก โดยเฉพาะกระแสการเรียกร้องปกครองตนเองมากขึ้น ทั้งนี้เพราะชนกลุ่มน้อยมีความเป็นชาติพันธุ์ เชื้อชาติ วัฒนธรรมประเพณี วิถีชีวิต ทัศนคติ ความเชื่อ ลัทธิ ศาสนา ประวัติศาสตร์ เอกลักษณ์และค่านิยมของตน แต่ต้องอยู่ร่วมกับชนกลุ่มใหญ่หรือกับชนกลุ่มน้อยชาติพันธุ์อื่น จึงมักเกิดปัญหาความขัดแย้งในการอยู่ร่วมกันและนำมาซึ่งปัญหาต่างๆ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และมักเป็นปัญหาที่สะสมมาเป็นระยะเวลายาวนาน
    ►สาเหตุประการหนึ่ง เป็นผลมาจากการกระทำของชนกลุ่มใหญ่ โดยเฉพาะการเลือกปฏิบัติและการกีดกัน (Prejudice and discrimination) ตลอดจนความไม่สมดุลทาง การเมือง เศรษฐกิจและสังคม และขาดการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์
    ความเป็นมาและภูมิหลังของความขัดแย้งทางชาติพันธุ์ในพม่า
    ►ความขัดแย้งระหว่างทหารรัฐบาลพม่าและกองกำลังชนกลุ่มน้อยกลุ่มต่างๆ เป็นสงครามที่ยึดเยื้อกินเวลาช้านาน นับตั้งแต่สมัยที่พม่าได้รับเอกราชจากอังกฤษในปี ค.ศ.1948 ความขัดแย้งระหว่างเชื้อชาติภายในพม่าซึ่งวิวัฒนาการมาเป็นสงครามกลางเมืองนี้ อาจนับถอยหลังไปได้จนถึงสมัยพม่าตกเป็นอาณานิคมของอังกฤษตั้งแต่ปี ค.ศ.1824 เป็นต้นมา

    สาเหตุความขัดแย้งมีหลายประเด็น
    ►ประเด็นแรก: ก่อนพม่าจะตกเป็นอาณานิคมของอังกฤษอย่างสมบูรณ์ ในปี ค.ศ.1886 อังกฤษได้ผนวกพม่าและดินแดนของชนกลุ่มน้อยต่างๆ เข้าเป็นมณฑลหนึ่งของอินเดีย ซึ่งอังกฤษเป็นเจ้าอาณานิคมในขณะนั้น รัฐบาลอังกฤษซึ่งเข้ามาปกครองพม่าโดยใช้นโยบาย “แบ่งแยกและปกครอง” (divide and rule) เพราะอังกฤษได้แบ่งแยกรัฐของกลุ่มน้อยออกจากรัฐของชาวพม่า และใช้ระบบการปกครองที่ต่างกันออกเป็น 2 ส่วนคือ “พม่าแท้” (Burma proper) กับ “เขตชายแดน” (Frontier Areas)

    สาเหตุความขัดแย้งมีหลายประเด็น (ต่อ)
    ►อังกฤษถอนตัวออกจากพม่าอย่างกะทันหัน พร้อมกับทิ้งปัญหาความขัดแย้งของกลุ่มชาติพันธุ์ไว้ให้รัฐบาลกลางของพม่าซึ่งเข้ามารับภาระหน้าที่แทนผู้นำรัฐบาลพม่าในช่วงที่ได้รับอิสรภาพแล้ว
    ►นับตั้งแต่นายพลออง ซาน อู นุ และนายพลเนวิน ต่างก็มีทัศนคติต่อการรวมชาติและความเป็นเอกภาพในบริบทที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ ในพม่าที่แตกต่างกันออกไป
    สาเหตุความขัดแย้งมีหลายประเด็น (ต่อ)
    ►สงครามกลางเมืองที่ได้เริ่มก่อตัวตั้งแต่ปี ค.ศ. 1948 จนถึงช่วงวิกฤตในทศวรรษที่ 1960
    ►นับแต่นั้นมา พม่าก็ได้กลายเป็นดินแดนแห่งการสู้รบระหว่างรัฐบาลกลางกับกองกำลังชนกลุ่มน้อยกลุ่มต่างๆ จนถึงปัจจุบัน

    สาเหตุความขัดแย้งมีหลายประเด็น (ต่อ)
    ►ประเด็นต่อมา จากสภาพภูมิประเทศซึ่งแยกชุมชนของกลุ่มชาติพันธุ์ออกจากกัน ด้วยเทือกเขาสูง ป่าทึบและแม่น้ำ
    ►อีกทั้งยังส่งเสริมให้เกิดความแตกต่างระหว่างวัฒนธรรมและภาษาของกลุ่มชาติพันธุ์โดยการคงเอกลักษณ์เด่นของตนไว้ ไม่มีการผสมผสานเพื่อก่อให้เกิดการเรียนรู้และการยอมรับซึ่งกันและกัน
    ►ปัญหาความขัดแย้งระหว่างรัฐบาลพม่าและกองกำลังชนกลุ่มน้อย ได้กลายสภาพเป็นปัญหาที่บั่นทอนความมั่นคงและเอกภาพของรัฐ
    ►ดังนั้นความจำเป็นของรัฐบาลพม่าในการที่จะธำรงไว้ซึ่งความเป็นเอกภาพของรัฐด้วยการทำสงครามสยบกองกำลังชนกลุ่มน้อยกลุ่มต่างๆ เหล่านี้ และได้กลายเป็นภารกิจความสำคัญอย่างยิ่งยวดในเชิงนโยบายเป็นสำคัญอันดับแรกของประเทศ
    กลุ่มประชากรหรือชาติพันธุ์ในพม่า
    ►ชาวพม่าซึ่งเป็นประชากรส่วนใหญ่ (ประมาณร้อยละ 68) จะอาศัยอยู่ในบริเวณพม่าแท้หรือบริเวณราบริมแม่น้ำ
    ►นอกจากชาวพม่าแล้วยังประกอบด้วยชาวมอญและกะเหรี่ยงที่อพยพลงมาจากภูเขาสูง ในขณะที่ชนกลุ่มอื่นจะอาศัยอยู่ในบริเวณที่ราบสูงหรือเทือกเขาสูงบริเวณชายแดน ซึ่งประกอบด้วยกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ อาทิ ไทยใหญ่ (Shan) กะเหรี่ยง (Karen) คะฉิ่น (Kachin) ฉิ่น (Chin) ว้า (Wa) ยะไข่ (Arakanist) และชาวเขาเผ่าต่างๆ เช่น มูเซอ อีก้อ ลีซอ ปะหล่อง จีนโกกัง เป็นต้น ชนกลุ่มน้อยชนต่างๆ เหล่านี้รวมกันประมาณร้อยละ 32 ของประชากรพม่า โดยมีกลุ่มไทยใหญ่ กลุ่มกะเหรี่ยง กลุ่มมอญ และกลุ่มคะฉิ่น จะมีจำนวนเป็นรองลงมาจากชาติพันธุ์พม่าตามลำดับ
     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,674
    ค่าพลัง:
    +97,150
    อียูทำโฆษณาต้านสินค้าประมงไทย
    โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 20 พ.ค. 2558 05:15

    [​IMG]

    นายธวัชชัย เดชาเชษฐ์ อัครราชทูตที่ปรึกษา องค์การการค้าโลก (ดับบลิวทีโอ) เปิดเผยว่า ขณะนี้มีกลุ่มองค์กรพัฒนาเอกชน (เอ็นจีโอ) ในสหภาพยุโรป (อียู) ได้สร้างโฆษณาเรื่องประมงไทย รณรงค์ให้ผู้บริโภคในอียูเกิดความรังเกียจ และเลิก หรือเลี่ยงการบริโภคสินค้าประมงจากประเทศไทย ซึ่งหากเกิด กระแสต่อต้านมากขึ้นเรื่อยๆ กระแสการต่อต้านสินค้าไทยจะเป็นตัวผลักดันการพิจารณาใบเหลือง กรณีการทำการประมงที่ผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน ไร้การควบคุม (ไอยูยู) ให้เป็นใบแดงได้ และเมื่อนั้นสินค้าประมงไทยก็จะถูกอียูห้ามนำเข้า กระทบและซ้ำเติมการส่งออกของไทย “ขณะนี้คณะผู้แทนไทยที่ดับบลิวทีโอ และบริษัทที่ปรึกษาทางกฎหมายอยู่ระหว่างเตรียมความพร้อมเพื่อชี้แจงความคืบหน้าการแก้ปัญหาไอยูยูของไทย ในประเด็นที่อียูตั้งข้อสงสัยว่าไทยเอาเปรียบคู่ค้า โดยใช้แรงงานผิดกฎหมาย เพื่อให้ต้นทุนการค้าต่ำกว่าคู่แข่ง หากผลการตรวจสอบออกมาว่าไทยไม่ได้เอาเปรียบคู่ค้า ไม่ได้ทำการค้าผิดกฎหมาย อียูก็จะประกาศยกเลิกใบเหลือง เหมือนกรณีเกาหลีและฟิลิปปินส์ ขณะนี้รัฐบาลไทยกำลังเร่งดำเนินการเพื่อปรับปรุงให้การทำประมงไทยได้มาตรฐานสากล หากแก้ปัญหาได้ ภาพพจน์สินค้าประมงไทยจะดีขึ้น”

    นายผณิชศวร ชำนาญเวช ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ สมาคมอาหารแช่เยือกแข็งไทย ที่ปรึกษานายก กล่าวว่า ไทยต้องร่วมกันแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง เป็นไปได้อยากให้นายกรัฐมนตรีประกาศห้ามส่งออกสินค้าประมง 2 ปี เพื่อปรับอุตสาหกรรมทั้งระบบจนกว่าอียูจะให้การยอมรับ.

    อียูทำโฆษณาต้านสินค้าประมงไทย - ข่าวไทยรัฐออนไลน์
     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,674
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เสริมแกร่งยามฝั่งบังกลาเทศสกัดแก๊งค้ามนุษย์ | เดลินิวส์
    „เสริมแกร่งยามฝั่งบังกลาเทศสกัดแก๊งค้ามนุษย์ ทางการบังกลาเทศได้เพิ่มความแข็งแกร่งให้แก่หน่วยยามฝั่ง เพื่อสกัดกั้นแก๊งค้ามนุษย์ วันพุธที่ 20 พฤษภาคม 2558 เวลา 8:14 น.

    [​IMG]

    สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงธาก้าประเทศบังกลาเทศ เมื่อวันที่20 พ.ค.ว่า บังกลาเทศเพิ่มประสิทธิภาพให้แก่เจ้าหน้าที่หน่วยยามฝั่งในความพยายามหยุดยั้งแก๊งค้ามนุษย์และการกระทำผิดกฎหมายอื่นๆท่ามกลางวิกฤตผู้อพยพในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

    นายมุสตาฟาคามาล รมว.เพื่อการวางแผนของบังกลาเทศเปิดเผยว่า ทางการได้จัดสรรงบประมาณ59 ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือเกือบ2,000 ล้านบาทเพื่อเพิ่มศักยภาพให้แก่หน่วยยามฝั่งและปราบปรามแก๊งค้ามนุษย์โดยเงินเหล่านี้จะนำไปใช้จ่ายซื้ออุปกรณ์ทันสมัยมากขึ้น ขณะที่สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติระบุว่า ในช่วง 3เดือนแรกของปีนี้ ชาวบังกลาเทศและชาวโรฮีนจาจากเมียนมาเดินทางอพยพด้วยเรือราว25,000 คนมากกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วถึงเท่าตัว เมื่อต้นเดือนพ.ค.กองทัพเรือและหน่วยยามฝั่งบังกลาเทศช่วยผู้อพยพกว่า100 คนรวมทั้งเด็กหลายคนในเรือที่ล่องลอยอยู่ในอ่าวเบงกอล ขณะเดินทางไปยังมาเลเซีย ก่อนหน้านี้ มาเลเซียอินโดนีเซีย และไทยได้ผลักดันเรือผู้อพยพให้ออกไปจากน่านน้ำของตนทำให้สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติเรียกร้องต่อประเทศทั้งสามให้เพิ่มปฏิบัติการช่วยเหลือทางทะเลและเลิกขัดขวางการเข้าถึงฝั่งของผู้อพยพ“

    อ่านต่อที่ : เสริมแกร่งยามฝั่งบังกลาเทศสกัดแก๊งค้ามนุษย์ | เดลินิวส์
     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,674
    ค่าพลัง:
    +97,150
    'อุดมเดช' ย้ำไม่เคยขับไล่ โรฮีนจา ขู่กำลังพลเอี่ยว เจอโทษหนัก
    โดย ไทยรัฐออนไลน์ 20 พ.ค. 2558 10:42

    [​IMG]

    “อุดมเดช” ชี้ดูแลโรฮีนจา ไม่เหมือนผู้หนีภัยจากการสู้รบ ยันไม่เคยขับไล่-ละเมิดสิทธิมนุษยชน ตามที่ถูกบางประเทศจับจ้อง ขู่เชือดกำลังพลหากร่วมเอี่ยว เจอโทษขั้นเด็ดขาด

    เมื่อวันที่ 20 พ.ค. พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม และผู้บัญชาการทหารบก ระบุถึงความคืบหน้าการแก้ปัญหาโรฮีนจา ว่า จากการประเมินขณะนี้ยังไม่ถึงขั้นต้องจัดพื้นที่ดูแลชาวโรฮีนจาเพิ่มเติม เพราะพื้นที่ของตำรวจตรวจคนเข้าเมืองยังสามารถรองรับได้ และการดูแลชาวโรฮีนจาไม่เหมือนผู้หนีภัยจากการสู้รบ ซึ่งมีศูนย์พักพิงฯ ตามแนวชายแดน 9 แห่งอยู่แล้ว เป็นคนละกรณีกัน เนื่องจากชาวโรฮีนจาเข้าเมืองโดยไม่ถูกต้อง จึงต้องดำเนินการตามกฎหมาย

    พร้อมย้ำว่า ที่ผ่านมาไทยไม่เคยขับไล่ชาวโรฮีนจา และไม่มีการละเมิดสิทธิมนุษยชนใดๆ ตามที่ถูกบางประเทศจับจ้อง แต่เป็นการแก้ปัญหาชาวโรฮีนจาตามขั้นตอน และไทยเป็นเพียงประเทศกลางทาง ซึ่งไม่ใช่ประเทศปลายทางที่ชาวโรฮีนจาต้องการจะเดินทางเข้ามา

    “หากประเทศใดที่มีความพร้อมและเห็นใจชาวโรฮีนจาจริง ก็น่าจะรับไปดูแล เพื่อร่วมมือกันช่วยแก้ปัญหาชาวโรฮีนจา ซึ่งการจัดประชุม 15 ชาติ ในวันที่ 29 พ.ค.นี้ ที่ประเทศไทย น่าจะมีแนวทางแก้ปัญหาชาวโรฮีนจาที่ชัดเจนขึ้น”

    ทั้งนี้ หากมีกำลังพลของกองทัพบกเข้าไปเกี่ยวข้องกับขบวนการค้ามนุษย์โรฮีนจาจะถูกลงโทษขั้นเด็ดขาด โดยได้ประสานกับทางตำรวจไว้แล้วให้เข้าจับกุมได้ทันทีตามขั้นตอนทางกฎหมาย

    ขณะที่ พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เยือนประเทศมาเลเซีย ตามคำเชิญของ ดาโต๊ะ ซรี อะนิฟาห์ อามาน รัฐมนตรีต่างประเทศมาเลเซีย เพื่อหารือร่วมกับ นางเร็ตโน เลสตารี เปรียนซารี มาร์ซูดี รัฐมนตรีต่างประเทศอินโดนีเซีย เกี่ยวกับปัญหาการโยกย้ายถิ่นฐานแบบไม่ปกติในภูมิภาค ที่เมืองปุตราจายา ประเทศมาเลเซีย.

    'อุดมเดช' ย้ำไม่เคยขับไล่ โรฮีนจา ขู่กำลังพลเอี่ยว เจอโทษหนัก - ข่าวไทยรัฐออนไลน์
     
  5. Tossaporn K.

    Tossaporn K. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,565
    ค่าพลัง:
    +7,747
    Somkiat Osotsapa
    18 พฤษภาคม เวลา 13:10 น. · มีการแก้ไข ·
    รัฐบาลไทยวางแผนทำลายขบวนการค้ามนุษย์ข้ามชาติล่วงหน้ามาหลายเดือน
    ต่างชาติ>> ผู้สื่อข่าว หน่วยข่าวกรอง นักการทูต NGO องค์กรต่างประเทศ รัฐบาลต่างประเทศรู้กันล่วงหน้า วงในของพรรคการเมืองก็รู้ เพราะวางเส้นสายเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ภาคใต้ไว้เอง ใช่ไหม
    ต่างชาติ และพรรคการเมืองจืงมีการวางหมาก เดินเกม ขยับเบี้ยต่อหมากของรัฐบาล โดยเล็งเห็นผลล่วงหน้าว่าจะเกิดอะไรขื้น จะได้ประโยชน์อะไร ตั้งวงออร์เคสตรากันได้รวดเร็ว ฝรั่งก็มาเอาสื่อมวลชนไทยเป็นเบี้ยหมากด้วย
    จู่ๆก็มีคนไปชี้เป้าว่าให้ไปที่นั่นที่นี่ซี จะเจอหลุมศพ บอกไปทั้งสหประชาชาติ บอกอเมริกา บอกรัฐบาลไทย คนที่บอกคือขบวนการโรฮิงยาซื่งมีการจัดตั้งในองค์กรสิทธิ ประสานกับพวกอื่นๆ
    พวกมากับเรือก่อนที่จะมีมรสุมเดินเรือไม่ได้จืงกลายเป็นเหยื่อของขบวนการนี้ ซื่งตั้งใจจะตั้งรัฐแนวปาเลสไตน์ในพม่า
    เมื่อหมากไทยเดิน บีบีซีก็มา อเมริกาก็มา ยูเอ็นก็มา มันก็ไปกดหมากมาเลย์ พม่า อินโด บังกลาเทศเป็นเบื้องต้น แล้วจะมีเรื่องตามมาอีกยาว
    งานนี้มีคนร่วมด้วยช่วยกันหลายฝ่าย >>ขบวนการสร้างรัฐโรฮิงยา มหาอำนาจตะวันตก NGO
    ถ้าคนไทยอยู่เฉยๆ ประเทศไทยจะโดนรุม ต้องช่วยกันสร้างอำนาจต่อรองให้รัฐบาลไทย เพราะถืงจะมาบีบรัฐบาลไทยอย่างไร ถ้าประชาชนไม่ยอม รัฐบาลก็ไม่มีอำนาจชักศืกมาเข้าบ้าน
    @@@
    งานนี้ซับซ้อนครับ ผมจะบอกว่าจากเรื่องนี้คนวางเกมเขาต้องการโยงไปสู่เป้าหมายอะไร ก็สร้างความแตกแยกปั่นป่วนในเอเซียไง แบบที่เคยทำสำเร็จในตะวันออกกลาง
    หนื่ง ระวังความสัมพันธ์ไทย พม่า
    ผมเคยศืกษาเรื่องนี้ครับ เคยเดินทางไปแถวนั้น
    รัฐยะไข่มีประชากรราว 3ล้านคน เป็นโรฮิงยาอยู่ราว40% โรฮิงยาอยู่ตอนเหนือ และชายฝั่งทะเล การอพยพ จืงง่าย
    ยะไข่พม่าอยู่ตอนใต้ เดิมสัดส่วนไม่เยอะเท่านี้ แต่โรฮิงยาประชากรเพิ่มเร็วมาก ลูกดก อพยพมาเรื่อยๆ
    เมื่อสามปีที่แล้ว พม่าจัดโรฮิงยาว่าเป็นผู้อพยพไร้รัฐ ทำให้สัดส่วนโรฮิงยาทีได้รับการยอมรับเหลือเพียง 20 % ของประชากร ถ้า UN เข้าไปจัดเลือกตั้งแยกดินแดน พม่าก็เสร็จซีครับ
    ในสายตาที่ผมเห็น ศืกษา ที่รัฐบาลพม่าพูดน่ะถูก สมัยที่อินเดียยังไม่ได้เอกราช ปากีสถาน บังกลาเทศอยู่กับอินเดีย โดยชาติพันธ์นี่คือประชากรอินเดีย เมื่อแยกมาเป็นบังกลาเทศนี่คือชาวบังกลาเทศครับ
    ที่รัฐบาลพม่าแถลงมาถูกต้องทั้งหมด อย่าไปเชื่อสื่อตะวันตกมาก
    บังกลาเทศได้เอกราชเมื่อปี 2513 พอปี 2521 ก็เกิดรบกันระหว่างสองประเทศนี้ พม่าก็ผลักดันโรฮิงยากลับไปบังกลาเทศสามแสนคน ตั้งค่ายให้ UNHCR ดูแลจนปัจจุบันนี้ สองประเทศนี้อยู่ในสถานการณ์ขัดแย้งและสงครามกันมาเรื่อยๆ
    พศ 2535 ก็รบใหญ่กันอีกครั้ง สิบปีที่ผ่านมาสองประเทศนี้อยู่ในสถานการณ์สงครามครับ ทัพเรือ ทัพบกประชิดชายแดน ปีที่แล้วจมเรือกันไปหลายลำ ก็เรื่องนี้
    นี่คือปัญหาของเอเซียใต้ ไม่ใช่เอเซียตะวันออกเฉียงใต้ตามที่ฝรั่งมายัดให้
    ต้องระวังว่าการประชุมที่เจะมีขื้นที่กรุงเทพ ไม่ทำให้บังกลาเทศได้เปรียบ มีบทบาทใช้เป็นเวทีเล่นงานพม่า ไม่งั้นพม่าจะโกรธไทยมากๆๆๆๆ
    ฝรั่ง UNHCR องค์กรต่างๆ คือตัวแทนของบังกลาเทศ และตะวันตก ตอนนี้ดูแลไม่ไหว จะมาให้ไทยตั้งศูนย์ ไม่เอาครับ บังกลาเทศมี168 ล้านคน ออกมาอยู่นอกประเทศได้แล้วร่วมสิบล้านคน ยังมีโรฮิงยาอีกล้านสามแสน ประเทศไทยรับไม่ไหว
    อีกเรื่องที่สำคัญคือ รัฐยะไข่นั้นมีแก้สมาก จีนได้สัมปทานขุด ส่งไปจีน อินเดียก็มาซื้อด้วย ทุกชาติจืงตาโต รัฐยะไข่นั้น ตั้งอยู่ริมอ่าวเบงกอล สำรวจในอ่าวแล้วมีแก้ส น้ำมันมาก ฝรั่งจืงสนใจมาก เดินเกมกันใหญ่
    ถ้าพม่ายอมรับโรฮิงยา ก็เท่ากับยกอ่าวเบงกอลทางออกทะเลให้บังกลาเทศไป ตอนนี้สองชาติกำลังทะเลาะกันเรื่องพื้นที่ทับซ้อนในอ่าว อย่าไปยุ่งกับเขา
    เรื่องเขตอำนาจอธิปไตยของพม่าตรงนี้เรื่องใหญ่มากนะครับ เปลี่ยนชื่อการประชุมเป็นเรื่องผู้อพยพทางเรือน่าจะดี ไปยุ่งกับเขาเรื่องนี้เสียหายหนักมาก
    สอง รัฐยะไข่ในฐานะจุดยุทธศาสตร์ของพม่า จีน อินเดียในสมรภูมิปักหมุดเอเซียของอเมริกา
    เมื่อสองสามอาทิตย์ที่แล้ว อเมริกามาขอใช้อู่ตะเภา บินไปเนปาลวันละ 8-9 เที่ยวบิน หนื่งเดือน ร่วมสองร้อยกว่าเที่ยว นี่เป็นโอกาสไปสอดส่องดูโน่นนี่แถวชายแดนจีน อินเดีย สองประเทศนี้เพิ่งประกาศเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์กัน
    ด้านทะเลจีนใต้อเมริกาจะเอาเรือรบไปจ่อที่เกาะที่ขัดแย้งกัน
    มาเล่นเรื่องผู้อพยพทางพม่าเพื่อจะใช้ UN ไปตั้งฐานที่รัฐยะไข่หรือเปล่า แถวนี้ติดกับอินเดีย และฐานพลังงานของจีนมาก เป็นทางออกทะเลของจีน ในกรณีถูกปิดล้อม มีคนบอกว่ามีนิวเคลียร์แถวนั้น
    ประชุมเรื่องนี้สองชาตินี้จ้องเขม็งเชียวหละ
    ตอนนี้อเมริกาเปิดยุทธการโอบล้อมจีนรอบด้าน
    สาม ระวังความสัมพันธ์ทางศาสนาระหว่างประเทศในเอเซีย
    โรฮิงยาในรัฐยะไข่นั้นมีการจัดตั้งองค์กรทางการเมือง การสู้รบ การระดมความช่วยเหลือจากต่างประเทศ ได้รับการสนับสนุนจากลิเบีย ซาอุ โอไอซี เมื่อสงครามกับบังกลาเทศรั้งแรก สถานการณ์คล้ายๆภาคใต้ของไทย แนวโน้มคือรัฐแนวปาเลสไตน์
    ผู้อพยพนั้นเขาต้องการไปประเทศมุสลิมนะครับ เขาไม่ต้องการมาอยู่ในไทย ที่นายเคอรี่บอกให้ไทยมาตั้งศุนย์รับในไทย ต่อไปไทยจะมีฐานะแบบรัฐยะไข่ องค์การก่อการร้ายมากันตรืม คิดอะไรของมืง
    สามจังหวัดภาคใต้ยังไม่จบเลย
    สี่ ถ้าไทยเปิดศูนย์รับโรฮิงยาจะเกิดอะไรขื้น
    NGO จะแห่มาตั้งฐานในไทย พวกนี้เคลื่อนไหวไม่ได้ในพม่า บังกลาเทศ มาเลย์ อย่าเอาเข้ามา ประเทศนี้จะถูกด่าทุกวัน รู้จักม้าอารีไหม
    อเมริกาจะใช้องค์กรของ UN เข้ามาวุ่นวายมาก โลกยุคนี้ไม่มีประเทศที่สามที่จะมารับไปแน่นอน
    ประเทศนี้จะกลายเป็นฐานทัพสู้รบกับพม่า จีน ในด้านข่าวสาร อาวุธ งานซวยแท้ๆ
    ประชากรจากบังกลาเทศ จากโรฮิงยาจะมากันทุกปี เมื่อมาแล้วจะขนตรอบครัวมาเพิ่มเรื่อยๆ มี UNHCR คอยรอรับ กำกับดูแล ไหวหรือ
    @@@
    เรื่องผู้อพยพทางเรือเที่ยวนี้ มีคนวางแผนล้ำลืกไว้
    ทำไมไม่ขอให้มาเลย์จัดประชุม
    ถ้ารัฐบาลจะรับพวกนี้เข้ามาซื่งเป็นภัยถืงสิ้นชาติ จะต้องทำประชามติ ต้องถามความเห็นชุมชน ต้องถามผู้เสียภาษี ต้องทำการศืกษาด้านสิ่งแวดล้อมก่อนสองสามปี
    มีสื่อไทยแทนที่จะช่วยประเทศได้ กลับกลายเป็นเบี้ยหมากของต่างชาติ
    มีสื่อรัฐบาลก็ไม่รู้จักพูดกลับว่าไทยมีคนต่างชาติมาอยู่ตั้งสามสี่ล้านแล้ว มีปัญหาทางใต้อยู่
    นี่เป็นเรื่องระดับทวีป ไม่เอาออสเตรเลีย อินเดีย จีนมาด้วยหรือ
    ช่วยลงแรงกันครับ รักษาประเทศของเรา
    เสียงของคนไทยต้องดังกว่าบีบีซี องค์กรนี้รับลูกจากอเมริกาประสาปิงปองฝรั่ง ไม่ให้อังกฤษมารับไปเหรอ ประเทศไทยไม่เคยยืดพม่าหรืออินเดียนะครับ
     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,674
    ค่าพลัง:
    +97,150
    บูรพา ไม่เเพ้
    มาดูสิ่งที่ โรฮิงจา ทำกับชาวพุทธ ที่บังกลาเทศ เเละพม่า

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG] [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    สงครามกลางเมืองรัฐยะไข่ เริ่มต้นจาก ชาวโรฮิงญาได้ฆ่าพระและข่มขืนหญิงพุทธชาวบ้าน เรื่องจึงบานปลายจนถึงทุกวันนี้ เมืองไทย ตอนนี้สงสาร รับไว้ แต่อนาคต ลูกหลานพวกเราจะต้องวุ่นวายแน่นอน ใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ
    พวกเขาไม่ใช่เชื้อชาติพม่า ทางพม่าจึงปฏิเสธ หากรับไว้วันหนึ่งเขาก็จะเรียกร้องสัญชาติ เรียกร้องสิทธิต่างๆ สุดท้ายคงต้องเฉือนดินแดนออกไปให้พวกเขา ตอนนี้พม่าก็เกิดปัญหานี้ เหตุเคยสงสารเมื่อ หกสิบปีก่อน ตอนนี้จึงเกิดสงคราม เขาเคยให้แผ่นดินเพื่อเข้ามาพักพิงจนวันหนึ่งกลับบอกว่า แผ่นนดินนั้นๆคือบ้านที่บรรพบุรุษครอบครองนั้นไม่ถูก
    cr จิรนันท์ ยกเว้นข้าวมันไก่
    ประเทศไทยเลี้ยงดูโรฮิงยาด้วยอาหารสามมื้อแถมยังมีคนล้างจานทำครัวให้ ทำให้ขนาดนี้มันยังมาประท้วงเรียกร้องให้เพิ่มค่าอาหารรายหัวในค่ายอพยพ ทั้งที่พวกนี้กินดีอยู่ดีกว่าคนไทยรอบๆค่าย งบประมาณเลี้ยงดูยังสูงกว่าเงินให้รายเดือนกับคนสูงอายุที่เป็นไทยแท้ๆเสียภาษีให้รัฐมาตลอดชีวิตเสียอีก
    ได้คืบจะเอาศอก ข่าวเก่า ไทยรัฐออนไลน์ 25 ม.ค. 2556 18:30
    'โรฮิงญา'อดข้าว ประท้วงตม.ประจวบฯ จี้ปรับปรุงคุณภาพ
    'โรฮิงญา'อดข้าว ประท้วงตม.ประจวบฯ จี้ปรับปรุงคุณภาพ - ข่าวไทยรัฐออนไลน์
    ชาวโรฮิงยา เรียกร้องอาหาร เช้า เป็นขนม น้ำชา กาแฟ และโอวัลติน และยังเรียกร้องให้นำเนื้อวัวมาปรุงให้ทาน โดยใช้วิธีประท้วงไม่กินอาหารเพื่อ เรียกร้องให้ได้สิ่งที่ตัวเองต้องการ และยังไม่ยอมทำความสะอาดที่นอน
    https://www.youtube.com/watch?v=xTUSi3rCuaQ
     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,674
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช
    สหรัฐฯและนาโต้ไม่รับมุกยูเครน รีบปฏิเสธทันทีว่าไม่มีแผนจะติดตั้งระบบป้องกันขีปนาวุธในยูเครน

    [​IMG]

    -------------
    เมื่อวานนี้พึ่งลงข่าวเรื่อง "รัสเซียจะออกมาตรการตอบโต้ทันทีหากยูเครนติดตั้งระบบป้องกันขีปนาวุธของสหรัฐฯในประเทศ" สรุปอีกครั้งโดยย่อว่ารัฐบาลยูเครนออกมาปล่อยข่าวว่าจะติดตั้งระบบป้องกันขีนปนาวุธของสหรัฐฯในยูเครน จากนั้นไม่นานทางรัสเซียก็ออกมาตอบโต้ทันทีเลยว่า เออดี... งั้นรัสเซียก็จะไม่เกรงใจหละนะ แบบนี้ถือว่าเป็นการคุกคามความมั่นคงและความปลอดภัยของสหพันธรัฐรัสเซียนี่นา รัสเซียจะตอบโต้ทุกรูปแบบเพื่อเป็นการป้องกันตัวเองเช่นกัน S-300, S-400, S-500 และ ballistic missiles ติดหัวรบนิวเคลียอีก 3,900 ลูก (ปี 2010) หรือจะเป็นข้าวหลามยักษ์อย่าง Topol-M และ RS-24 Yars ICBM ทั้งยิงจากฐานใต้ดินและแบบเคลื่อนที่มีหมดแล้วเช่นกัน ที่สำรองไว้ในเรือดำน้ำก็มีอีกเยอะ จะเอาแบบไหนเลือกเมนูมาเลยเดี๋ยวปูตินจัดเสริฟให้ถึงกรุงเคียฟเลย จะให้ไปเสริฟถึงกรุงวอชิงตันก็ได้ ไม่เอาทิปด้วย สนใจป๊ะ?
    แค่นั้นแหละ... ภายในวันเดียวกันนี้ (20 พ.ค.58) ทางสหรัฐฯรีบส่ง Marie Harf คนสวยรองโฆษกกลาโหมของสหรัฐฯออกมาปฏิเสธข่าวของรัฐบาลยูเครนทันทีเลยว่า ไม่จริ๊งไม่จริง เอาที่ไหนมาพูดว่าสหรัฐฯจะกล้าไปติดตั้งระบบป้องกันขีปนาวุธ (ballistic missile defense systems) ในยูเครน นาโต้ไม่เคยพูดอย่างนี้และไม่มีแผนการที่จะทำเช่นนั้นด้วย อย่าไปเชื่อเด็กกะโปโรมันเลย นะพี่ปูตินนะ ใจเย็นๆนะพี่ปูติน มีอะไรค่อยๆพูดค่อยจากันก็ได้
    Marie Harf กล่าวว่า "ดิฉันไม่คิดว่าพวกเรามีความมั่นใจกับสิ่งที่พวกเขาอ้างถึง ระบบป้องกันขีปนาวุธแบบ ballistic ของนาโต้เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้ว ที่มีอยู่ทั้งหมดและตามที่ได้วางแผนไว้นั้นล้วนอยู่ในดินแดนของกลุ่มประเทศสมาชิกนาโต้เท่านั้น" (ยูเครนไม่ได้เป็นสมาชิกของนาโต้ ดังนั้นจึงไม่มีการติดตั้งที่ยูเครน)
    Marie Harf ยังกล่าวอีกว่า "ระบบป้องกันขีปนาวุธของนาโต้ไม่ได้มุ่งโจมตีรัสเซีย แต่มีไว้เพื่อป้องกันภัยคุกคามจากตะวันออกกลาง ไม่มีข้อเสนอหรือแผนใดๆที่จะติดตั้งระบบป้องกันขีปนาวุธจากสหรัฐฯหรือจากนาโต้ในยูเครนเลย (ให้ดิ้นตายสิเอ้า!)"
    อุบ๊ะ… พวกนี้กลัวรัสเซียกันมากขนาดนั้นเลยหรือนี่? ตอนแรกเห็นทำเป็นกร่างนักหนาไม่ใช่รึ เอาเข้าให้จริงก็กลายเป็นลูก... ซะนี่ สหรัฐฯคงจะนึกในใจว่าโปโรเชนโก้นะโปโรเชนโก้ จะทำให้ลูกพี่ใหญ่ซวยไปด้วยแล้วไหมหละ อุตส่าห์ส่งจอห์น แคร์รี่กับนางนูแลนด์ไปถึงรัสเซียเพื่อเจรจาขอนุญาตยกเลิกแซงชั่นรัสเซีย ดันจะมาทำให้แผนพังซะนี่ โปโรเชนโก้ไม่รู้หรือไงว่าตอนนี้รัสเซียกับจีนเขากำลังจะเซ็ตราคาทองคำโลกใหม่แล้ว เขาจะไม่อ้างอิงราคาทองคำเป็นเงินดอลล่าร์ของสหรัฐฯอีกต่อไปแต่จะใช้เงินหยวนกับรูเบิลแทน ยูเครนยังจะหาเรื่องเดือดร้อนมาให้ลูกพี่อีก ช่างไม่ดูทิศทางลมซะบ้างเล๊ยยยย
    The Eyes
    21/05/2558
    ----------
    US, NATO Have ‘No Plans’ to Place Missile Defense Systems in Ukraine / Sputnik International
    Russia Promises Response to US Missile Defense Systems in Ukraine / Sputnik International
    Topol-M ballistic missile / Sputnik International
    RS-24 Yars ICBM / Sputnik International
    US Actions May Prompt Russia to Consider Increasing Nuclear Arsenal / Sputnik International
     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,674
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช
    ฝันร้ายกำลังจะมาเยือนสหรัฐฯ ชาวอเมริกันหวาดกลัวว่าจีนกับรัสเซียจะร่วมมือกันกำหนดมาตรฐานทองใหม่

    [​IMG]

    -------------
    เมื่อวานนี้ (20 พ.ค.58) สำนักข่าว Sputnik news พาดหัวข่าวว่า "Americans Fear Beijing, Moscow May Introduce New Gold Standard" อัยย๊ะ! ทำเป็นเล่นไปนะสหรัฐฯเอ๋ย จีนกับรัสเซียเอาจริงนะนี่
    Sputnik อ้างสำนักข่าว Deutsche Wirtschafts Nachrichten (DWN) ว่า "จีนกำลังวางแผนเสนอกำหนดราคาอ้างอิงทองคำเป็นเงินหยวน ชาวอเมริกันหวาดกลัวว่าจีนอาจจะกำหนดมาตรฐานทองคำครั้งใหม่แทนเงินดอลล่าร์ (ของสหรัฐฯ)"
    รายงานข่าวบอกว่า การแข่งขันในตลาดทองคำกรุงลอนดอนมีการเติบโตขึ้นหลังจากที่ตลาดค้าทองคำ Shanghai Gold Exchange (SGE) ได้ก่อตั้งหอการค้านานาชาติขึ้นเขตการค้าเสรีขึ้นมา ซึ่งสนับสนุนการเคลื่อนย้ายเงินทุนอย่างเสรี สำนักข่าวบูมเบิร์กอ้างอิงคำพูดของ Jiang Shu นักวิเคราะห์ทองคำอาวุโสจาก Industrial Bank Co. ในเซี่ยงไฮ้ว่า "รัฐบาลกลางของจีนกำลังค่อยๆเปิดกว้างตลาดทองคำด้วยการอนุญาตให้มีผู้เข้าร่วมในการค้าขายมากขึ้น"
    เนื่องจากจีนเป็นผู้ผลิตทองคำรายใหญ่ของโลก โดยตรรกะแล้วจีนจึงมีความสนใจถึงความเป็นไปได้ในการที่จะมีอิทธิพลต่อการกำหนดราคาทองคำ นิตยสาร Financial Times รายงานอ้างแหล่งข่าวจากภายในตลาด SGE ซึ่งกล่าวว่าจีนจะกำหนดราคาตายตัวของทองคำ (fixing price) ก่อนสิ้นไปนี้ เนื่องจากจีนกำลังเผชิญกับการพัฒนาอย่างรวดเร็วในตลาดทองคำ
    คาดว่าบริษัทเหมืองและโรงกลั่นของจีนที่เก็บทรัพย์สินของตนเองไว้ในต่างประเทศจะต้องขนทองคำของพวกเขากลับมาที่จีน เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ทางรัฐบาลจีนได้ยกเลิกความเข้มงวดในการนำเข้าและส่งออกทองคำเพื่อสนับสนุนการค้าโลหะมีค่าหลายชนิดในกลุ่มตัวแทนผู้จำหน่ายภายในประเทศ
    การเคลื่อนไหวครั้งนี้ของจีนทำให้สหรัฐฯรู้สึกเป็นกังวลใจเป็นอย่างมาก เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้จีนได้ซื้อทองคำเป็นจำนวนมาก ซึ่งตรงกันข้ามกับแนวโน้มของนานาชาติ และสหรัฐฯกลัวว่ากรุงปักกิ่งและกรุงมอสโคว์อาจจะร่วมมือกันเพื่อกำหนดมาตรฐานราคาทองคำใหม่
    ตายหละหว่า!... ม่องเท่งแน่ๆ ดอลล่าร์สหรัฐฯเอ๋ย... ช่วยไม่ได้ อยากจะหาเรื่องใส่ตัวเองก่อนด้วยการถล่มค่าเงินรูเบิลของรัสเซียก่อนทำไม เจอหมีขาวกับหมีแพนด้ารวมพลังกันเข้าให้ คราวนี้อินทรีปีกหักกลางอากาศแน่ๆ
    The Eyes
    21/05/2558
    ----------
    Americans Fear Beijing, Moscow May Introduce New Gold Standard / Sputnik International
     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,674
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช
    รัสเซียจะออกมาตรการตอบโต้ทันทีหากยูเครนติดตั้งระบบป้องกันขีปนาวุธของสหรัฐฯในประเทศ

    [​IMG]

    -------------
    เอาหละสิ... ปัญหาเก่าก็ยังแก้ไขกันไม่ได้ บางคนนี่ก็ช่างขยันสร้างปัญหาใหม่ขึ้นมาได้เรื่อยๆจริงๆเลย วันนี้ (20 พ.ค.58) นาย Oleksander Turchynov เลขาธิการฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติของยูเครนออกมากล่าวว่า "กรุงเคียฟ อาจจะพิจารณาติดตั้งระบบป้องกันขีปนาวุธในดินแดนของยูเครนหลังจากที่มีการปรึกษาหารือกันแล้ว"
    ทางโฆษกรัฐบาลรัสเซียรีบออกมาเตือนยูเครนทันทีเลยว่า "หากที่ว่ามานั้นหมายถึงยูเครนมีแผนที่จะติดตั้งระบบป้องกันขีปนนาวุธของสหรัฐฯ (ระบบป้องกันขีปนาวุธที่ผลิตในสหรัฐฯ) ภายในประเทศยูเครน ดังนั้น เห็นได้ชัดว่าการตัดสินใจดังกล่าวอาจจะทำให้รัสเซียเข้าใจไปในทางลบได้โดยสิ้นเชิง เนื่องจากว่า นั่นจะกลายเป็นภัยคุกคามต่อสหพันธรัฐรัสเซีย หากยูเครนเดินหมากแบบนี้ ดังนั้นรัสเซียก็ถูกบังคับให้ต้องตอบโต้เช่นกัน เพื่อเป็นการรักษาความปลอดภัยของตนเอง"
    ตาต่อตา ฟันต่อฟันหละงานนี้ ดูซิว่าสหรัฐฯจะแถไปทางไหนได้อีก พวกนักการเมืองยูเครนนั้นไม่คิดอะไรมาก ขอให้มีเปอร์เซ็นจากการซื้อขายอาวุธและการทำสัญญาต่างๆก็พอ หากเกิดสงครามหนักจริงๆ ก็จะพากันหอบเงินหนีออกนอกประเทศ ไม่สนใจว่าประชาชนของตนเองจะเป็นอยู่อย่างไร
    ตอนนี้ที่แย่หนักสำหรับเกษตรกรของยูเครนก็คือ บริษัทและนายทุนต่างชาติได้เข้าไปกว้านซื้อที่ดินอันอุดมสมบูรณ์สำหรับทำการเกษตรในยูเครนไปเป็นจำนวนมากแล้ว โดยการรู้เห็นเป็นใจของผู้มีอิทธิทางการเมืองยูเครนเองนั่นแหละ รายงานจากสถาบัน Oakland Institute (พวกธิงค์แท้งค์) ของสหรัฐฯระบุว่าปัจจุบันนี้พื้นที่ทำการเกษตรอันอุดมสมบูรณ์ของยูเครนจำนวน 1.6 ล้านเฮกตาร์(hectare) อยู่ภายใต้การครอบครองของบริษัทมหาชนต่างชาติ นักวิจัยบางคนคาดการณ์ว่าพื้นที่ทำการเกษตรของยูเครนอาจจะตกอยู่ในมือของบริษัทต่างชาติไปแล้วไม่ต่ำกว่า 2.2 ล้านเฮกตาร์ (ha)
    จากข้อมูลเบื้องต้นบอกว่า กลุ่มบริษัท Trigon Agri ของเดนมาร์กครอบครองที่ดินทางการเกษตรในยูเครนจำนวน 52,000 ha บริษัท United Farmers Holding Company ของซาอุดิอาระเบียครอบครอง 33,000 ha ขณะที่กองทุนบำเหน็จบำนาญ NCH Capital ของสหรัฐฯ 450,000 ha
    กระบวนการฮุบที่ดินโดยชาวต่างชาติแบบนี้เกิดขึ้นเพียงไม่กี่ปีหลังจากที่สหภาพโซเวียตล่มสลาย โดยกลุ่มทุนต่างชาติทั้งจากสหรัฐฯ ซาอุดิอาระเบียและยุโรปจะพากันเข้าไปกว้านซื้อที่ดินดีๆราคาถูกสำหรับทำการเกษตรในกลุ่มประเทศอดีตสหภาพโซเวียตไว้เป็นจำนวนมาก เมื่อสบโอกาสเหมาะพวกนี้ก็จะทำให้เกิดสงครามและหาทางส่งคนของตนเข้าไปทำมาหากินในผืนดินเหล่านั้นเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ค่อยๆกลืนไปทีละนิดๆ ในขณะที่เจ้าของประเทศส่วนใหญ่ถูกปิดหูปิดตา มารู้อีกที ที่ดินในประเทศของตัวเองกลายเป็นของต่างชาติเกือบจะไปหมดแล้ว นี่คงเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทางอียูอยากจะได้ยูเครนมาเป็นสมาชิกของสหภาพยุโรปให้ได้โดยเร็ว จนเกิดความวุ่นวายทางการเมืองตามมาอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้
    The Eyes
    20/05/2558
    ----------
    Russia Promises Response to US Missile Defense Systems in Ukraine / Sputnik International
    US Actions May Prompt Russia to Consider Increasing Nuclear Arsenal / Sputnik International
    Ukraine's Soil Changes Hands: Foreign Investors Grabbing Arable Lands / Sputnik International
     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,674
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช
    สหรัฐฯและอียูจริงใจสานสัมพันธ์กับรัสเซียจริงหรือ?

    [​IMG]

    -------------
    ในโพสต์ก่อนหน้านี้พูดถึงแผนการขยายความขัดแย้งในสาธารณรัฐมาซิโดเนียโดยนาโต้และตะวันตกซึ่งอาจจะเป็นการจุดชนวนสงครามให้เกิดขึ้นในภูมิภาคอดีตยูโกสลาเวียกันไปแล้ว คราวนี้หันมาดูความเคลื่อนไหวของสหรัฐฯและอียูที่เกี่ยวข้องกับรัสเซีย พร้อมทั้งมุมมองจากอดีตนายกรัฐมนตรีของเยอรมันดูบ้างว่ามีมุมมองเกี่ยวกับท่าทีในปัจจุบันจากฝั่งตะวันตกต่อรัสเซียอย่างไรบ้าง
    เมื่อวันที่ 12 พ.ค. 58 ที่ผ่านมาสหรัฐฯได้ส่งจอห์น แคร์รี่ รมว.ต่างประเทศของสหรัฐฯเข้าพบปูตินพร้อมคณะ ทำทีเป็นขอเจรจาสานสัมพันธ์ระหว่างรัสเซียกับสหรัฐฯอีกครั้ง ในขณะที่มืออีกข้างหนึ่งยังซ่อนมีดไว้ข้างหลัง พร้อมที่จะจ้วงแทงรัสเซียได้ทุกเมื่อ ซึ่งได้ลงข่าวนี้ให้ทราบไปแล้ว หลังจากจอห์น แคร์รี่เดินทางกลับ หนึ่งสัปดาห์ต่อมา สหรัฐฯก็ส่งนาง Victoria Nuland (เจ้าของคำพูด "F*ck the EU!") ผู้ช่วยรมว.ต่างประเทศของสหรัฐฯประจำอียูเดินทางมาพบรมช.ต่างประเทศของรัสเซียที่กรุงมอสโควในวันที่ 18 พ.ค. 58 ที่ผ่านมา
    ต่อมาวันท่ี่ 18 พ.ค.58 ทางนาย Sergei Lavrov รมว.ต่างประเทศของรัสเซียก็ออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการกดดันรัสเซียจากสหรัฐฯว่า "การที่จอห์น แคร์รี่เดินทางมาที่เมือง Sochi ประเทศรัสเซียในครั้งนี้ได้พิสูจน์แล้วว่าสหรัฐฯล้มเหลวในความพยายามที่จะโดดเดี่ยวรัสเซีย ประเด็นต่างๆที่สหรัฐฯยกขึ้นมาปรึกษากับรัสเซียที่เมืองโซชินี้ไม่ใช่มีเฉพาะเรื่องยูเครนเท่านั้น แต่ยังรวมถึงซีเรีย เยเมน และเรื่องอื่นๆอีกด้วย ชุดคำถามเหล่านี้บอกให้รู้ว่าปัญหาเหล่านี้ยากที่จะแก้ไขได้หากปราศจากรัสเซีย"
    ทางรัสเซียได้แนะนำสหรัฐฯไปว่า กรุงวอชิงตันควรจะกล่อมกรุงเคียฟไม่ให้ใช้กำลังทางทหารในภูมิภาคดอนบาสส์ (Donbass) โดยเน้นการแก้ไขวิกฤตด้วยการเจรจาตามข้อตกลงกรุงมินส์ก
    หลังจากแคร์รี่กลับไปแล้ว สหรัฐฯก็ส่งนาง Victoria Nuland มาที่กรุงมอสโคว์ แต่คงไม่มีวาสนาได้เข้าไปจับมือกับปูตินได้หรอก เพราะว่าฐานะทางการเมืองและการทูตมันคนละระดับกัน นางจึงทำได้แค่เข้าไปคุยกับรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงต่างประเทศของรัสเซียเท่านั้น ประเด็นที่นางจะมาคุยกับทางรัสเซียในครั้งนี้ก็คือเรื่องยูเครน นาง Victoria Nuland กล่าวว่าการพูดคุยกันครั้งนี้จะมุ่งไปที่การจัดการเลือกตั้งโดยอิสระและยุติธรรมและการให้ความร่วมมือในการหยุดยิงในยูเครนตะวันออกเพื่อให้เป็นไปตามข้อตกลงกรุงมินส์ก
    ในวันเดียวกันนี้ทางเพนตาก้อนของสหรัฐฯก็ออกแถลงการณ์ที่มีท่าทีแข็งกร้าวต่อรัสเซียโดยยังยืนยันที่จะให้การสนับสนุนอาวุธแก่กรุงเคียฟทุกช่องทางที่เป็นไปได้ ก.กลาโหมของสหรัฐฯได้ให้การสนับสนุนทางกองทัพยูเครนเฉพาะส่วนที่เปิดเผยได้มาแล้วมีมูลค่าเกือบ $200 million (ประมาณ 6.7 พันล้านบาท) เช่นเครื่องแบบทหาร ยานพาหนะติดอาวุธ ระบบเรด้าต่อต้านปืนใหญ่ เวชภัณฑ์ การฝึกอบรมให้กับทหารของยูเครน...สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่าสภาคองเกรสของสหรัฐฯได้อนุมัติแผนการสนับสนุนอาวุธหนักให้กับยูเครนแล้ว ซึ่งเสนอโดยรัฐบาลของนายบารัคโอบาม่า
    ในขณะที่นาง Victoria Nuland ยังอยู่ในมอสโคว์เจรจาเรื่องหยุดยิงในยูเครนตะวันออกอยู่นั้น วันที่ 19 พ.ค.59 สำนักข่าว RT news ของรัสเซียก็รายงานว่า กองทัพของยูเครนได้ยิงจรวดโจมตีอพาร์ทเม้นท์แห่งหนึ่งซึ่งทางยูเครนอ้างว่าเป็นที่อยู่ของฝ่ายกบฎในโดเน็ทส์กในตอนกลางคืนของวันที่ 18 พ.ค.58 ทำให้มีพลเรือนเสียชีวิต 1 ราย รายงานข่าวบอกว่าการโจมตีครั้งนี้ยาวนานถึง 2 ชั่วโมง และถือว่าเป็นการโจมตีที่ร้ายแรงที่สุดในเดือนนี้
    ส่วนนาง Victoria Nuland ออกมากล่าวว่า "ไม่มีตัวบ่งชี้จากการข่าวในฝ่ายของพวกเรา (สหรัฐฯ) หรือจากที่ปรึกษาของเราในกรุงเคียฟว่ามีบุคคลใดๆที่อยู่ฝั่งยูเครนหรือผู้นำคนใดในยูเครนมีเจตนาที่จะเปิดสงครามขึ้นมาใหม่"
    นั่นแหละนิสัยของสหรัฐฯ ก็มันบึ้มๆกันอยู่หล่อนก็ยังบอกว่าไม่มีการข่าวว่าจะสงครามครั้งใหม่เฉยเลย ขนาดครั้งนี้ก็ยังไม่จบเลยหล่อนยังคิดไปถึงครั้งใหม่เลยรึ? ถึงมีการข่าวเชื่อหรือว่าหล่อนจะพูดความจริงออกมา หล่อนก็เป็นเพียงตุ๊กตาตัวหนึ่งที่เขาส่งมาสร้างภาพให้ดูว่าสหรัฐฯกำลังหันมาเจรจากับรัสเซียอยู่นะ แต่ในขณะเดียวกันทางกลาโหมของสหรัฐฯ บอกว่าจะสนับสนุนอาวุธทุกช่องทางให้กับยูเครนนี่นะ?
    Ron Paul อดีตส.ส.จากรัฐเท็กซัสและอดีตที่ปรึกษาด้านกิจการต่างประเทศของสหรัฐอเมริกากล่าวว่า "การถล่มโดเน็ทส์กในครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากที่นาง Nuland ได้ยกส้นเท้าของเธอออกจากกรุงเคียฟและไปเยี่ยมกรุงมอสโคว์ ซึ่งไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่นอน แต่ละครั้งที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯได้เข้าไปยังภูมิภาคนั้น ก็จะเกิดการโจมตีตามหลังขึ้นมา (หมายถึงโจมตีกันระหว่างคู่ขัดแย้ง ไม่ใช่โจมตีเจ้าหน้าที่ของสหรัฐฯ) จำได้ว่าผอ.ซีไอเอ ได้ไปอยู่ในที่นั่นสองครั้ง และจากนั้นก็เกิดการโจมตีกันขึ้นมาทันที นี่จึงมองว่าเป็นเพียงรูปแบบหนึ่งเท่านั้น"
    คราวนี้มาดูความคิดเห็นจากนาย Gerhard Schröder อดีตนายรัฐมนตรีของเยอรมันนีเกี่ยวกับท่าทีของยุโรปที่มีต่อรัสเซียในช่วงนี้กันบ้างว่า มหาอำนาจยุโรปต้องการจะเป็นมิตรกับรัสเซียจริงๆหรือไม่? นาย Gerhard Schröder กล่าวว่า "ชาติตะวันตกดำเนินนโยบายด้านต่างประเทศกับรัสเซียอย่างไม่เหมาะสมมาโดยตลอด กลุ่มประเทศในตะวันตกคุยกันแต่เรื่องจะขยายการแซงชั่นต่อรัสเซียให้รุนแรงขึ้นเท่านั้น และแทบจะไม่มีการพูดถึงว่าจะหยุดมันได้อย่างไรเลยหลังจากที่กระบวนการบางอย่างในยูเครนบรรลุเป้าหมายแล้ว"
    เมื่อวานนี้ (19 พ.ค.58) มีรายงานข่าวจากทำเนียบขาวมาว่าทางกลุ่ม G7 จะจัดประชุมกันขึ้นที่โรงแรม Schloss Elmau ในเยอรมัน ระหว่างวันที่ 7-8 มิถุนายนนี้ ตามรายงานข่าวบอกว่าจะมีการนำเรื่องการแซงชั่นรัสเซียมาพูดคุยด้วย ทางเลขาฯโฆษกของทำเนียบขาวกล่าวว่า การแซงชั่นได้มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจของรัสเซียเป็นอย่างมาก (ไม่ใช่เฉพาะรัสเซียหรอก โดนกันทั่วหน้าแหละ สหรัฐฯเองก็โดนไม่น้อย อียูอ่วมยิ่งกว่ารัสเซียซะอีก ไม่งั้นสหรัฐฯจะส่งจอห์น แคร์รี่ไปง้อรัสเซียถึงที่รึ)
    นักวิเคราะห์มองว่าเดิมทีนั้นสหรัฐฯและอียูยกเรื่องไคร์เมียเป็นข้ออ้างในการทำแซงชั่นรัสเซีย ต่อมาก็ยกเรื่องวิกฤตในยูเครนตะวันออกเป็นข้ออ้างในการทำแซงชั่นรัสเซียอีกเช่นกัน แต่ดูเหมือนว่าปัจจุบันนี้ประเด็นเรื่องไคร์เมียจะตกจากโต๊ะประชุมไปซะแล้ว โดยหันมาเล่นเรื่องการไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงกรุงมินส์กแทน ซึ่งทางสหรัฐฯและอียูมักจะใช้เป็นข้ออ้างเพื่อที่จะไม่ยกเลิกแซงชั่นและเพิ่มการกดดันรัสเซียว่ามีการฝ่าฝืนข้อตกลงเจรจาสันติภาพ เป็นเหตุให้ยังไม่สามารถยกเลิกแซงชั่นรัสเซียได้
    ก็พอเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯไปถึงยูเครนหรือรัสเซียทีไร พวกกองทัพยูเครนก็บึ้มใส่ DPR/LPR ทุกที พวกนั้นก็ต้องตอบโต้กลับเพื่อเป็นการป้องกันตัวเอง แล้วอย่างนี้จะให้สงบและหยุดยิงกันได้อย่างไร? มันก็เหมือนกรณีซาอุดิบอกให้กลุ่มฮูติวางอาวุธในขณะที่ตัวเองส่งเครื่องบินรบไปทิ้งระเบิดใส่บ้านเขาและส่งกองกำลังภาคพื้นดินเข้าไปในเยเมนนั่นแหละ เมื่อเกิดเหตุการณ์ปะทะกันขึ้นระหว่างกองทัพทั้งสองฝ่าย พวกอียูกับสหรัฐฯก็มาลงรัสเซียอีก ก็หาเรื่องกันไปอย่างนี้แหละ แต่อย่าลืมนะรัสเซียก็ไม่ได้อยู่เฉยเหมือนกัน มิตรประเทศในอียูหลายประเทศก็เอียงมาทางรัสเซียเพิ่มขึ้น ไหนจะนอกอียูเช่นในเอเซีย แอฟริกาและลาตินอเมริกาอีกเล่า ถ้าจะวัดสายป่านกันนั้นเศรษฐกิจที่กำลังง่อนแง่นของอียูจะสู้รัสเซียไหวรึ?
    The Eyes
    20/05/2558
    ----------
    Kerry's Visit to Sochi Proves Attempts to Isolate Russia Failed - Lavrov / Sputnik International
    US Considering All Options for Arming Ukraine - Pentagon / Sputnik International
    US Sets Up Direct Contact With Moscow, Kiev on Ukraine Crisis - Nuland / Sputnik International
    http://rt.com/…/259825-civilian-killed-ukraine-shelling-do…/
    Gerhard Schröder: West Treats Russia in Wrong Way / Sputnik International
    G7 to Discuss Sanctions Against Russia During Meeting in June / Sputnik International
    Why the US is Finally Talking to Russia / Sputnik International
    Western Isolation of Moscow Helps Putin, Opens New Opportunities for Russia / Sputnik International
     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,674
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ทหารปฏิรูปประเทศไทย
    วันที่ 21 พ.ค.58 งง..ชาวโรฮินจาและบังคลาเทศขึ้นเรืออพยพที่ท่าเรือใกล้สำนักงาน UNHCR นั่นเอง

    [​IMG]

    ที่เห็นนี้คือค่ายอพยพชาวโรฮินจา ชื่อ คอกซ์บาซา ชายแดนบังกลาเทศ กับรัฐยะไข่ ของพม่า " ภายใต้การควบคุมของ UNHCR " จุคนได้ร่วม 300,000 คน แต่ตอนนี้ในค่ายมีชาวโรฮินจาอยู่แค่ราวๆ 20,000 คนเท่านั้น (ทั้งหมดมีราว 3-4 ล้านคน) เพราะ UNHCR ทำเอาหูไปนา เอาตาไปไร่ ให้เจ้าหน้าที่ตนเองบางส่วน เก็บส่วยค้ามนุษย์ ปล่อยให้คนพวกนี้ออกไปจากค่าย

    พวกเขาไม่มีระบบคุมกำเนิด แม้ค่ายนี้จะอยู่ภายใต้การควบคุมของ UNHCR ก็ยังคุมกำเนิดไม่อยู่ และมีเวลาว่างมาก เอาเข้าค่ายมา 1 แสนคน ภายใน 5 ปี สามารถงอกเด็กเพิ่มอีก 4 แสนคนได้ และอยู่ยาวมาหลายปีโดยปิดไม่ได้ สร้างความปวดหัวให้รัฐบาลบังคลาเทศ ที่มีประชากรของตนเองกว่า 178 ล้านคน

    จะกินเข้าไปยังไม่พอ ต้องจัดสรรทรัพยากรมาให้ชาวโรฮินจา ที่ไม่ใช่พลเมืองตามกฎหมายของตนเองอีกด้วย นอกจากค้ามนุษย์แล้ว อเมริกา กับ UN จะมาคัดพันธุ์โรฮินจา ที่ดีๆ เอาไป คนบังคลาเทศเอง ยังถูกคนของ UNHCR ไปรวบรวมจัดหามาจากจุดต่างๆ ทั่วประเทศ เอามารวมกันที่เมืองท่าจิตตะกองของรัฐ

    ส่วนที่ป่วย พิการ ง่อยเปลี้ยเสียขา บ้า ใบ้ ก็ปล่อยเป็นภาระของบังคลาเทศรับไป และคนของ UNHCR กับพวกนายหน้าค้ามนุษย์ ก็เลยหากินกับชาวโรฮินจาเหล่านี้ เรียกเก็บหัวคิวคนละ 6,000 บาท และให้เตรียมเงินจ่ายระหว่างทางอีกหลายด่านคนละ 74,000 บาท

    จากนั้นก็ทำเอกสาร พาออกจากค่ายที่เห็น พาชาวโรฮินจา และ บังคลาเทศที่จ่ายส่วย ไปลงเรืออพยพที่เตรียมไว้ใกล้ๆ สำนักงาน UNHCR นั่นแหละ แล้วบริการลากจูงออกทะเลหลวงสากล จากนั้นก็จะไปเย้วๆๆ ทั่วโลกว่า อาเซียนช่วยรับผู้อพยพเหล่านี้ขึ้นฝั่งไปหน่อยซิ และต้องดูแลอย่างดีนะ

    ---------------------------->
    ไทยเคยเจอประสบการณ์เลวร้ายแบบนี้มาแล้ว สมัยเขมร และลาวอพยพ เพิ่งจบปัญหาไปได้สักราวปีเดียว แต่ยังมีค่ายพม่าอพยพตามแนวชายแดน คารูตูดอีกหลายแสนคน ทางการไทยต้องเสียงบประมาณภาษีประชาชน

    ในการดูแลชาวต่างชาติเหล่านี้ ไม่เห็นหัวอเมริกา และ UN มาช่วยแบ่งเบาจ่ายอะไรให้ จะเลิกค่ายอพยพก็ไม่ได้ เพราะคนเพียบเลย ขยายพันธ์ออกลูกกันทุกวัน นี่คือความจริง สังเกตไหมกรณีโรฮีนจา มีเพียงอเมริกา กับเด็กในคาถา คือ UN ที่ออกโรงกดดันไทยเต้นเหย็งๆ เพราะมีผลประโยชน์

    ** ใครอยากรู้ว่า อเมริกา คือ ประเทศที่ผลักดันผู้อพยพลี้ภัยมากที่สุด อย่างไร้มนุษยธรรมอย่าไร พลาดไม่ได้ต้องไปอ่าน คลิ๊กไที่

    https://www.facebook.com/topsecretthai/posts/351130048410362
    แต่ทางฝั่ง EU และออสเตรเลีย ซึ่งปกติจะชอบจิกไทย เรื่องสิทธิมนุษยชน แต่หนนี้เงียบเป็นเป่าสาก เพราะก็กำลังปวดหัวกับผู้อพยพจากแอฟริกา และย่านตะวันออกกลาง เช่น ลิเบีย อยู่เหมือนกันโดยใช้การขับไล่กีดกันไม่ให้เข้าน่านน้ำตนเอง
    ออสเตรเลีย นี่รู้ดีกว่าใคร เพราะเจอปัญหาปวดเศียรเวียนเกล้า กับผู้อพยพโรฮีนจา ที่ถูกผลักดันจากอินโดนีเซีย ไม่กล้ารับเข้าประเทศเหมือนกัน...หัวอกเดียวกันว่างั้นเถอะ !!
    อเมริกา มีเกาะอาณานิคมว่างเปล่าชื่อ "เกาะดิเอโกกราเซีย" ระยะเดินทางจากค่ายคอกซ์บาซา ชายแดนบังกลาเทศ ถึงเกาะนี้ใกล้กว่าเดินทางลอยเรือมาไทยและมาเลย์ฯ เสียอีก อเมริกาก็ลากจูงเรือผู้อพยพไปที่เกาะนี้ก็สิ้นเรื่อง กว้างขวางจุคนได้เป็นล้านคน
    จะหวงไว้ทำไมแค่ฐานทัพลับบนเกาะเอาไว้ป่วนประเทศอื่น เอาไปให้ชาวโรฮินจา และบังคลาเทศอพยพอยู่เกาะนี้ไม่ดีกว่าหรือ จะได้หุบปากเหมือนใส่ตระกร้อได้บ้าง
    @ เสธ น้ำเงิน2 : กดปุ่ม “ติดตาม” ด้านบนเพจ เพื่อรับข่าวครั้งต่อไป
    http://www.facebook.com/thailandcoup
     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,674
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ทหารปฏิรูปประเทศไทย
    วันที่ 20 พ.ค.58 ผลประชุม มาเลเซีย กับ อินโดนีเซีย จัดตั้งที่พักพิงชั่วคราวให้ผู้อพยพ ส่วนไทยไม่เกี่ยว

    [​IMG]

    ในที่ประชุมฉุกเฉิน 3 ประเทศ สถานการณ์ผู้อพยพทางเรือ ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ รัฐมนตรีต่างประเทศอินโดนีเซีย กับ มาเลเซีย เสนอจะจัดตั้งที่พักพิงชั่วคราวให้กับผู้อพยพราว 7,000 คน ที่ยังอยู่บนเรือในทะเล แต่ประเทศไทยไม่ร่วมในแผนดังกล่าว
    มาเลเซีย กับ อินโดนีเซีย รับปากว่าจะช่วยเหลือ และตกลงว่าจะไม่ลากจูงเรือออกไปจากน่านน้ำตน โดยการจัดตั้งที่พักพิงชั่วคราวจะเริ่มต้นได้ทันที แต่ทั้งสองประเทศ " ขอให้ประชาคมระหว่างประเทศจัดสรรเงินช่วยเหลือ " และให้ผู้อพยพสามารถเดินทางไปตั้งถิ่นฐานได้ภายในหนึ่งปี
    ประเทศไทย ไม่รวมอยู่ในข้อเสนอนี้ เพราะไทยรับผู้อพยพเพิ่มเติมอีกไม่ได้แล้ว เนื่องจากขณะนี้ยังคงแบกภาระผู้ลี้ภัยหลายพันจากเมียนมาร์ แต่ไทยจะยังคงให้การช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม
    ในการประชุม 15 ชาติ ในวันที่ 29 พ.ค.นี้ ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ จะมีความชัดเจนขึ้น ขณะนี้ยังเมียนมาร์เผยว่าอาจจะไม่เข้าร่วมประชุมด้วย หากมีการใช้คำว่า “โรฮินจา” ในคำเชิญ หรือหากมีการตำหนิเมียนมาร์ว่าเป็น “ต้นตอของปัญหา”
    ----------------------------------->
    จบปัญหาไปสำหรับ 7,000 คน ที่ UNHCR เอามาปล่อยยังลอยอยู่ในทะเล เพราะมาเลย์ ฯ กับ อินโดฯ รับไปตั้งศูนย์พักพิง และฟิลิปปินส์ ก็อาสาเจ้านายอเมริกา รับไปอีก 3,000 คน แต่ไทยไม่เกี่ยวเพราะอเมริกา และองค์กรสิทธิฯ บ่นว่าไทยละเมิดสิทธิมนุษยชน
    เราคนไทยก็พาลซื่อ ก็เลยไม่ร่วมในเรื่องศูนย์พักพิงด้วย แต่ให้การช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเท่านั้น เพราะคำว่า "ศูนย์พักพิง" กับคำว่า "มนุษยชน" สะกดไม่เหมือนกัน เราก็ต้องซื่อๆ ช่วยเฉพาะด้านสิทธิมนุษยชน เช่น เอาน้ำ อาหาร ไปให้กลางทะเล
    เหมือนเรือชาวโรฮินจาลำวันก่อน ที่วันนี้ไปถึงอินโดฯ เรียบร้อยแล้ว นี่คือผลงานของไทยล้วนๆ ใครจะมาว่าไทยละเมิดสิทธิมนุษยชนไม่ได้ เพราะเราทำตามคำนั้นเป๊ะ แต่ปัญหาคือ ยังมีชาวโรฮินจา และบังคลาเทศ อีกหลายแสน หลายล้านคน ที่พรมแดนพม่า
    ที่ได้ยินข่าวนี้แล้วหูผึ่ง พร้อมจะจ่ายเงินค่านายหน้าให้คนของ UNHCR เพื่อพาลงเรือ ตามกันมาเป็นกองทัพบุกมาเลย์ และ อินโดทันที ทั้ง 2 ชาตินี้จะทนได้สักกี่น้ำ เมื่ออเมริกา วางแผนปักหมุดเอเซีย ป่วนความมั่นคงอาเซียน ด้วยหมากชื่อ "โรฮินจา" ที่แฝง "นักรบโรฮินจามูจาฮีดิน" มากับผู้อพยพด้วย
    @ เสธ น้ำเงิน4 : กดปุ่ม “ติดตาม” ด้านบนเพจ เพื่อรับข่าวครั้งต่อไป
    http://www.facebook.com/thailandcoup
     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,674
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ทหารปฏิรูปประเทศไทย

    [​IMG]

    วันที่ 20 พ.ค.58 ไขปริศนา นกทะเลตายเกลื่อนหาดเต็มไปหมดในชิลี
    เมื่อปี 2553 มีการพบนกทะเลตาย บริเวณชายหาด ของเมืองเลกกา ทางตอนใต้ ของประเทศชิลี จำนวนหลายร้อยตัว ครั้งนั้นเจ้าหน้าที่ระบุว่าสาเหตุมาจากติดอวนประมง ล่าสุดราว 3 วันผ่านมา เจ้าหน้าที่สำนักงานปศุสัตว์และการเกษตร ของชิลี พบนกทะเลจำนวนกว่า 1,300 ตัว ตายอย่างเป็นปริศนาบนชายหาดอีกครั้ง
    นกที่พบเป็นนกในตระกูลนกจมูกหลอด เจ้าหน้าที่ต่างคาดเดากันไปต่างๆ นาๆ ถึงสามเหตุการตาย บางก็ว่าโรคไข้หวัดนก แต่โรคนี้ก็ไม่เคยเกิดที่ประเทสนี้ และได้ตรวจสอบตัวอย่างซึ่งได้จากซากนก เพื่อสืบสวนหาสาเหตุการตายของพวกมัน แต่ก็ยังมึนอยู่
    ในที่สุดปริศนานั้นก็เฉลย เมื่อเกิดการปะทุภูเขาไฟ Villarrica ที่อยู่ใกล้แหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม ในภาคใต้ของประเทศชิลี จนเกิดวงของเมฆขนาดใหญ่ในอากาศ เกิดเรืองแสงจ้าเป็นสีแดงเลือดประหลาดจากลาวา
    ----------------------------->
    ประเทศชิลี อยู่ในแนวเกิดแผ่นดินไหว และภูเขาไฟระเบิดอยู่บ่อยๆ ครั้งนี้นกจาก "ลม" ส่งสัญญาณเตือนล่วงหน้าถึง 3 วัน ว่าจะเกิดอะไรกับ "ดิน และ ไฟ " นกพวกนี้มีสัญชาติญาณแม่นกว่าอุปกรณ์ทางวิทยาศาสตร์ที่ทันสมัยที่สุดของมนุษย์เสียอีก
    @ เสธ น้ำเงิน4 : กดปุ่ม “ติดตาม” ด้านบนเพจ เพื่อรับข่าวครั้งต่อไป
    http://www.facebook.com/thailandcoup
     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,674
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ทหารปฏิรูปประเทศไทย

    [​IMG]

    วันที่ 20 พ.ค.58 หมึกยักษ์เกยตื้นตาย มันกลัวอะไร ??
    วันก่อนนี้ พบปลาหมึกยักษ์ ถูกคลื่นพัด ขึ้นมาเกยตื้นตายที่ฝั่งทางเกาะใต้ของนิวซีแลนด์ ศูนย์วิจัยทางทะเลไคคูรา บอกว่าวัดหนวดเส้นที่ยาวที่สุดของหมึกตัวนี้ปรากฏว่ายาวเกิน 5 เมตร
    อือ..ทำไมตัวมันใหญ่ขนาดนี้ ลองเปรียบเทียบขนาดตัวคนดู แต่ว่ามันพยายามหนีอะไรมาจากใต้ทะเลกันแน่ ??..แถวนิวซีแลนด์ คือแนววงแหวนแห่งไฟ ?? และภูเขาไฟเซนต์เฮเลนส์ ตั้งอยู่ใน รัฐวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา ที่คุกรุ่นมานาน 35 ปี ได้เกิดการปะทุเเมกม่าออกมาแล้ว
    และเริ่มมีแผ่นดินไหวที่แนววงแหวนแห่งไฟหลายจุดทั่วโลก เกิดเหตุพายุฝนพัดถล่มพื้นที่หลายรัฐของสหรัฐฯ ตั้งแต่รัฐเท็กซัส ไปจนถึงมินเนโซตา ทอร์นาโดพัดถล่ม และต้องอึ้ง เมื่อมีลูกเห็บตกขนาดใหญ่เท่าลูกเบสบอล
    ในจีนเกิดน้ำท่วมใหญ่อย่างฉับพลันจากฝนตกแบบฟ้ารั่ว ให้จับตาช่วง 2-3 วันนี้ว่าจะเกิดอะไรที่ไหนอีก
    @ เสธ น้ำเงิน4 : กดปุ่ม “ติดตาม” ด้านบนเพจ เพื่อรับข่าวครั้งต่อไป
    http://www.facebook.com/thailandcoup
     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,674
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ทหารปฏิรูปประเทศไทย
    วันที่ 20 พ.ค.58 ช่วยด้วยๆๆ อเมริกาถีบหัวส่ง เอาปืนยิงขู่ผู้อพยพเรือคิวบากลางทะเล

    [​IMG]

    เมื่อสัปดาห์ก่อน เรือสำราญ Carnival Breeze อันหรูหราไฮโซของอเมริกา พบเรือผู้อพยบชาวคิวบาลอยลำอยู่ในทะเลแคริบเบียน อ่าวแม็กซิโก บนเรือมีผู้อพยพชาวคิวบา อยู่ในสภาพหิวโหย อ่อนเพลีย จะตายมิตายแหล่ ราว 25 คน แต่กัปตันเรือ Carntval Breeze ไม่สามารถรับผู้อพยพจากเรือเล็กเหล่านี้ขึ้นบนเรือสำราญขนาดใหญ่ได้
    เพราะอเมริกามีกฎหมาย "ห้ามช่วยเหลือผู้อพยพมาทางเรือให้ขึ้นฝั่งอย่างเด็ดขาด" เขาก็เลยแจ้งวิทยุสื่อสารให้ยามชายฝั่งอเมริกาทราบ สุดท้ายทางการอเมริกา ก็ได้นำเรือตรวจการพร้อมอาวุธหนัก มายิงปืนขู่ ขับไล่ผลักดันผู้อพยพคิวบาใกล้ตายทั้ง 25 คน ให้กลับคิวบาไป จากนั้นก็ไม่มีใครพบพวกเขาอีกเลย
    ลองนึกภาพตามที่บนเรือสำราญมีอาหาร สิ่งอำนวยความสะดวก ฟิตเนต สระว่ายน้ำ ดนตรี ฯลฯ โดยมีชาวอเมริกันเสวยสุขอย่างฟุ่มเฟือย แต่บนเรืออพยพลำนิดเดียว หลังคาไม่มี กลับอัดแน่นไปด้วยผู้อพยพชาวคิวบา แต่ทางการอเมริกา ก็ผลักดันพวกเขาไม่ให้เข้าฝั่ง
    ------------------------------->
    ขอเรียกร้องให้ องค์การนิรโทษกรรมสากล (สำนักงานเลขาธิการใหญ่ แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล) ที่กรุงลอนดอน ออกปฏิบัติการด่วน เรียกร้องสมาชิกกว่า 7 ล้านคนทั่วโลกส่งจดหมายถึงรัฐบาลอเมริกา เพื่อแสดงความห่วงใยกรณีผู้ลี้ภัย และผู้อพยพหลายพัน หลายหมื่น คนเสี่ยงต่อความตายอยู่กลางทะเล เพราะรัฐบาลอเมริกาผลักดันเรือ ของคนเหล่านี้ออกไป...แทงกิ้วทรีทาม !!
    แชร์กันไปให้ชาวโลกรู้กันทั่วๆ ครับพี่น้อง ผู้อพยพเหล่านั้นรับผิดชอบเอง เพราะพวกเขาต้องการประจานถึงความไร้มนุษยธรรมของอเมริกา ต่อผู้อพยพ ที่ไม่ยอมให้ที่พักพิงในดินแดน
    @ เสธ น้ำเงิน4 : กดปุ่ม “ติดตาม” ด้านบนเพจ เพื่อรับข่าวครั้งต่อไป
    http://www.facebook.com/thailandcoup
     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,674
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ทหารปฏิรูปประเทศไทย

    [​IMG]

    วันที่ 19 พ.ค.58 แปลก..เมฆม้วนตัวแนวยาวขอบฟ้าที่หนองบัวลำภู
    มีผู้พบเห็นท้องฟ้าเหนือจังหวัดหนองบัวลำภู มีเมฆลักษณะประหลาด คือ ยาวเหมือนขนมปังฝรั่งเศส จากทางทิศใต้ไปทิศเหนือ เรียกว่าเมฆม้วน ( Roll Cloud ) เกิดขึ้นเป็นเวลานานนับชั่วโมง เมฆแบบนี้ก่อตัวต่ำ เกิดขึ้นจากมวลอากาศเย็นปะทะมวลอากาศอุ่นชื้น
    ผลักมวลอากาศอุ่นชื้นขึ้นไปด้านบน จากนั้นกระแสลมแรงได้ทำให้เมฆม้วนตัวเป็นทางยาวขนานไปกับพื้นผิวโลก..ลม น้ำ ไฟ ดิน ล้วนมีสายสัมพันธ์ลึกซึ้งมาแต่โบราณ เมื่อสิ่งหนึ่งไม่สมดุล อีก 3 สิ่งจะต้องได้รับผลกระทบด้วย
    แต่จะเกิดอะไรขึ้นต่อไปที่ใดนั้น วิทยาศาสตร์อาจไม่สามารถระบุที่ชัดเจนแม่นยำ 100% ได้ แต่บอกช่วงเวลากว้างๆ และความน่าจะเป็นในช่วง 2-3 วันจากนี้ได้
    @ เสธ น้ำเงิน4 : กดปุ่ม “ติดตาม” ด้านบนเพจ เพื่อรับข่าวครั้งต่อไป
    http://www.facebook.com/thailandcoup
     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,674
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ทหารปฏิรูปประเทศไทย
    วันที่ 19 พ.ค.58 เอาแล้ว..ประเทศ EU ตอกหน้า UN และอเมริกา แถลงการณ์ให้ทหารลุยยิงเรือผู้อพยพ

    [​IMG]

    ประเทศในกลุ่มสหภาพยุโรป (EU) กดดันสหปนะชาชาติ (UN) และอเมริกาบ้างแล้ว โดยเรียกประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศ และรัฐมนตรีกลาโหมกันเอง จัดทำข้อตกลง และออกแถลงการณ์ว่า " ให้มีการจัดตั้งการปฏิบัติการของกองทัพเรือ เพื่อทำลายเรือที่ลักลอบขนผู้อพยพในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน "
    ปฏิบัติการนี้มีชื่อว่า EUNAVFOR Med มีเป้าหมายเพื่อทำลายโครงสร้างของการลักลอบขนผู้อพยพ ในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ในระยะเวลา 12 เดือนจะใช้เงินทุนราว 450 ล้านบาท เป็นค่าจัดซื้ออาวุธ กระสุน จรวด ลูกปืนใหญ่ ยิงเรือผู้อพยพ และค่าดำเนินการบริหารจัดการของเจ้าหน้าที่
    การปฏิบัติการนี้จะมีหลายขั้นตอน นับตั้งแต่ การเก็บข้อมูลข่าวกรองของขบวนการลักลอบขนผู้อพยพ การลาดตระเวณค้นหาแบบไฮเทค ไปจนถึงเป้าหมายสุดท้ายคือ ใช้จรวดและปืนใหญ่ ยิงทำลายเรือ ที่ใช้ในการขนส่งผู้อพยพในทะเลเปิด หรือบนฝั่ง ขึ้นอยู่กับกฎหมายที่ทาง UN อนุมัติ
    แต่การปฏิบัติการดังกล่าว จำเป็นต้องได้รับการรับรองจากคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) ในเดือน มิ.ย. นี้เสียก่อน คาดว่ารัสเซีย อิหร่าน จีน คงคัดค้าน เพราะโหดร้ายเกินกว่าเหตุ
    ประเทศลิเบีย เป็นจุดที่นำผู้อพยพออกมาสู่ท้องทะเล ดังนั้นทางกลุ่ม EU จะต้องไปตั้งฐานทัพในลิเบียก่อน..นั่นแน่ !! แต่ทว่า รัฐบาลลิเบียรู้ทัน ฮาเท็ม อัล-ยูไรบาย โฆษกรัฐบาลลิเบีย แถลงว่า “ทางรัฐบาลลิเบียไม่ยอมรับการตัดสินใจนี้ และขอปฏิเสธการรุกล้ำพรมแดน หรืออำนาจอธิปไตยในลิเบียทุกรูปแบบ”
    ------------------------------>
    เออ..เอากะเขาซิ ประเทศกลุ่ม EU ที่วุ่นวายเรื่องสิทธิมนุษยชนกับไทยมาตลอด กลับจะผลักดันกฎหมายใช้จรวดและปืนใหญ่โจมตีเรือผู้อพยพมือเปล่า ยิงไปตูมเดียว แค่นี้ก็ต้องส่งผลให้ผู้อพยพตายด้วย 300 -500 คนแล้ว คิดได้ไงเนี่ย..มันเป้านิ่งชัดๆ
    งั้นประเทศในอาเซียน ก็ควรประชุมกันและออกมติ ฯ เลียนแบบกลุ่ม EU ในยุโรปบ้าง แล้วเสนอ UN พิจารณา ถ้าอนุมัติให้กลุ่ม EU ลงมือทำได้แต่ไม่ยอมอนุมัติให้อาเซียนทำ ก็แสดงว่า "สองมาตรฐาน"..กิีวๆๆ สนุกล่ะงานนี้ !!
    @ เสธ น้ำเงิน4 : กดปุ่ม “ติดตาม” ด้านบนเพจ เพื่อรับข่าวครั้งต่อไป
    http://www.facebook.com/thailandcoup
     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,674
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Jeerachart Jongsomchai

    [​IMG]

    ... "บังคลาเทศ : ประเทศส่งออกผู้อพยพรายใหญ่ของโลก"
    ... นับตั้งแต่สมัยที่ยังเป็นส่วนหนึ่งของอินเดียใต้การปกครองของอังกฤษคนเชื้อสายแขกทั้งอินเดีย ปากีสถาน บังคลาเทศ ( คนเบงกาลี ) รวมทั้ง โรฮีนจา ก็ออกเดินทางอพยพไปทั่วโลกเพื่อหนีภัยความยากจนและอังกฤษเองก็สนับสนุนคนเชื้อสายแขกออกไปทั่วโลกส่วนหนึ่งก็เป็นแรงงานราคาถูก จนมีชุมชน "ชาวเบงกาลี" ไปทั่วโลก ที่ตอนนี้มีลูกหลานเกิดที่โน่นได้สัญชาติประชาชนถูกกฎหมายของชาตินั้นๆมากมาย ทั้งยุโรป อังกฤษ อาฟริกาใต้
    ... ทั้งรุ่นที่ไปมาหลายสิบหรือเป็นร้อยปีจนกลายเป็นคนเบงกาลี่รุ่นที่สองสามในประเทศนั้น และจนปัจจุบัน ก็ยังมีผู้อพยพจากประเทศนี้ หลังจากที่ได้เอกราชจากอังกฤษ และแยกตัวมาจากปากิสถาน ( เพราะบังคลาเทศเคยเป็นปากีสถานตะวันออกมาก่อน ) ไม่ขาดสาย
    ... จนป่านนี้ประเทศนี้ก็ยังไม่หยุดส่งคนออกไปทั่วโลก โดยเน้นประเทศที่เจริญ พัฒนาแล้ว เป็นอิสลามเหมือนกัน หรือมีทรัพยากรมากมาย เป็นจุดหมาย ( บังคลาเทศมีทั้งอิสลาม และ ฮินดู )
    .. เช่น ในซาอุดิอาระเบีย มี "ชาวเบงกาลี" ประมาณ 1.2 ล้านคน, ในปากีสถานก็มีขุมชนชาวเบงกาลี, ในอาหรับหลายประเทศ หรือบริเวณอ่าวเปอร์เซีย ก็ล้วนมีชาวเบงกาลี่ เมื่อคนรุ่นแรกอพยพไปตั้งรกรากได้ดีก็ส่งเงินมาให้ครอบครัวที่ประเทศบ้านเกิด ก็เกิดการอพยพไปอีกเป็นรุ่นต่อๆไป เป็นเส้นทางการอพยพที่ปูด้วยถนนที่หนาแข็งราบเรียบ
    ... ในปี 2001 ใน "อังกฤษ" แค่ในเขตลอนดอนตะวันออกมีคนอังกฤษเชื้อสาย "เบงกาลี" ประมาณ 300,000 โดยส่วนใหญ่มากจากเขตตะวะนออกเฉียงเหนือในเขต Sylhet ถึง 95% ของทั้งหมด ที่เหลือก็เป็น จิตตะกอง และอื่นๆ โดยรวมทั้งประเทศอังกฤษมีคนเชื้อสาย "เบงกาลี" 500,000 คน
    ... ที่เหลือก็มีอพยพไป ญี่ปุ่น มาเลเซีย เกาหลีใต้ อเมริกา แคนาดา อิตาลี ( ในกรณีนี้ จะไปแวะผ่านที่ลิเบียก่อนจะข้ามไป อิตาลี )
    ...เฉพาะในตะวันออกกลางย่านอาหรับที่เดียวมีชาว "เบงกาลี" อยู่มากถึง 2,820,000 คน ที่ถือว่ามากที่สุดในโลก โดย "ซาอุดิอาระเบีย" บอกว่าแรงงานของ บังคลาเทศสำคัญต่อประเทศมาก ที่เป็นแรงงานไร้ทักษะรายวัน และแรงงานทักษะก็มี
    ... ในมัลดีฟ มีชาว "เบงกาลี" อยู่ 50,000 คนจากชาวมัลดีฟเองทั้งหมด 400,000 คน ( ใครไปที่โน่นอาจจะคิดว่าชาวบังคลาเทศเป็นมัลดีฟก็ได้ )
    ... ในมาเลเซีย มีแรงงานที่ทั้งถูกและผิดกฎหมายที่นั้นเป็นชาว "เบงกาลี" ประมาณ 500,000 มากกว่าประเทศอื่นมาก ซึ่งรวมทั้งชาวโรฮินจาด้วย เช่นแรงงานพม่า ฟิลิปปินส์ ( ด้วยเหตุนี้ มาเลเซียจึงไม่รับชาวโรฮิงจา อีกแล้ว )
    ... ในเกาหลีใต้ มี 13,000 , ญี่ปุ่นมี 11,055 คน, ใน "อเมริกาเอง" มีอย่างน้อย 150,000 คน ในอิตาลีมีทั้งหมด 113,811 คน ซึ่งคนบังคลาเทศเองก็ขยันขันแข็งทำงานจนสร้างชุมชนในประเทศนั้นๆได้และเติบโตเรื่อยๆ จนทำให้รุ่นต่อมาเห็นเป็นตัวอย่างจึงเดินตามคนรุ่นก่อนๆ จนเราเห็น "ชาวโรฮีนจา" ที่ก็เป็นส่วนหนึ่งของชาว เบงกาลี อพยพมาในย่านเอเชีย
    ... ซาอุดิอาระเบีย เป็นเจ้าหนี้ในการให้ยืมเงินแก่บังลาเทศอันดับใหญ่ๆ ขณะที่บังคลาเทศก็เป็นผู้ไปร่วมงานพิธีฮัจญ์ในเมกกะอันดับต้นๆของซาอุดิอาระเบียเช่นกัน
    ... การที่อพยพไปทั่วโลก และสนิทสนมกับบ้างประเทศเช่น "ซาอุดิอาระเบีย" มีกระแสข่าวถึงความสนิทสนมของสองประเทศมากกว่าการงานจนถึงการร่วมมือกันเป็นกลุ่มการการร้าย โดยแฝงตัวมากับ "การอพยพ" ดังนั้นการมองเรื่องนี้ในปัจจุบัน จึงต้องมองให้รอบคอบและละเอียด ไม่เช่นนั้นอาจจะเป็นการรับเอา "ผู้ก่อการร้าย" เข้าประเทศเสียเอง
    ... กลายเป็นแบบสุภาษิตโบราณที่ว่า "ทำคุณบูชาโทษ" ก็ได้
    .
    Bangladeshi diaspora - Wikipedia, the free encyclopedia
    Bangladesh–Saudi Arabia relations - Wikipedia, the free encyclopedia
     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,674
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Jeerachart Jongsomchai

    ... "ยะไข่ สำคัญอย่างไร ทำไมตะวันตกถึงต้องการป่วนพม่า ต้นทางของยะไข่ ... หรือเพราะสกัดการโตของอินเดีย จีน จึงสร้างปัญหาขึ้น"

    [​IMG]

    อาระกัน-ยะไข่ ดินแดนแห่งพันธะสัญญาของชาวโรฮีนจา
    โดย ผศ.ดร.ปิติ ศรีแสงนาม 20 พฤษภาคม 2558 10:39 น.


    อ่านข่าวเรื่องโรฮีนจาติดต่อกันมาหลายสัปดาห์แล้วนะครับ ทางการไทยกำลังจะจัดการประชุมครั้งสำคัญที่ว่าด้วยการอพยพอย่างผิดปกติในอ่าวเบงกอลในปลายเดือนนี้ สิ่งหนึ่งซึ่งผมอยากจะชี้ให้เห็นประเด็นที่สำคัญก็คือทำไมต่างชาติโดยเฉพาะตะวันตกพยายามอย่างยิ่งที่จะโบ้ยว่ากลุ่มมนุษย์เรือโรฮีนจาเหล่านี้หนีภัยคุกคามด้านสิทธิมนุษยชนมาจากเมียนมาร์ ทั้งที่ในความเป็นจริงเมียนมาร์ปิดชายแดนไม่ให้คนโรฮีนจาอยู่ในประเทศมานานแล้ว (อย่าง น้อยๆ ก็เกินกว่า 30 ปีมาแล้ว) นั่นทำให้ในความเป็นจริงแล้ว ชาวโรฮีนจาและบังคลาเทศที่ตะวันตกหลายๆ ฝ่ายอ้างตัวเลขการเดินทางอพยพว่ามีมากกว่า 125,000 คนนั้น ส่วนใหญ่มาจากประเทศบังคลาเทศครับ ไม่ใช่เมียนมาร์

    ดูการอพยพย้ายดินแดน คนชาติพันธุ์หนึ่งถูกตีแผ่ว่ากำลังโดนทารุณกรรมอาจจะถึงการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ โดยประเทศที่ครั้งหนึ่งตะวันตกมองว่าเป็นตัวร้ายในเวทีโลก เหตุการณ์คล้ายๆ กับช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ครับ หลังจากเสร็จสิ้นสงครามลง ประเทศอิสราเอลก็ถูกก่อตั้งขึ้น นัยว่าเพื่อเป็นดินแดนแห่งพันธะสัญญาสำหรับชาวยิวซึ่งถูกทารุณกรรมโดยนาซีในช่วงสงคราม แน่นอน ชาติที่ตกอยู่ในที่นั่งลำบากในตอนนั้นคือ ปาเลสไตน์ ครับ ถึงปัจจุบันนี้คนปาเลสไตน์ก็กำลังตกทุกข์ได้ยาก บ้านแตกสาแหรกขาด ไม่มีชาติจะอยู่เพราะดินแดนที่ตนเคยเรียกว่าบ้านปัจจุบันกลายเป็นอีกประเทศหนึ่งซึ่งตะวันตกหลายๆ ประเทศสนับสนุน

    เมียนมาร์ โดยเฉพาะในบริเวณ ยะไข่-อาระกัน กำลังสุ่มเสี่ยงที่อาจจะถูกทำให้เกิดเหตุการณ์เช่นนั้น คำถามคือ ทำไมใครๆ ก็อยากได้ยะไข่ หนึ่งในเมืองขึ้นที่ทำให้คนอย่างบุเรงนอง และอลองพญากลายเป็นกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ของเมียนมาร์ ก็เป็นเพราะเขาสามารถตีอาระกันได้ และทำให้ยะไข่เป็นส่วนหนึ่งของเมียนมาร์ อาระกัน-ยะไข่เป็นเมืองป้อมค่าย มีภูเขาล้อมรอบเป็นกำแพงเมือง มีทางออกสู่มหาสมุทรอินเดีย ในอดีตเป็นที่แหล่งของโจรสลัดที่สร้างความมั่งคั่งจากการปล้นเรือเดินทะเลในอ่าวเบงกอล อาระกัน-ยะไข่เป็นพื้นที่ที่อุมสมบูรณ์ทั้งในแง่เกษตรกรรมและทรัพยากรธรรมชาติ รวมทั้งยังมีวัฒนธรรมประเพณีประวัติศาสตร์ที่เก่าแก่ พระมหามัยมุณี พระพุทธรูปที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของเมียนมาร์ก็อัญเชิญมาจากบริเวณนี้

    และในปัจจุบันอาระกัน-ยะไข่กำลังจะกลายเป็นพื้นที่ที่สำคัญที่สุดในทางยุทธศาสตร์การเมืองความสัมพันธ์ระหว่างประเทศพื้นที่หนึ่งในโลก เนื่องจากเราเห็นภาพการจับมือกันของขั้วอำนาจหนึ่งนั่นคือ จีนและอินเดีย (อาจจะมีอาเซียนเข้าไปรวมอยู่ด้วย) กับอีกค่ายหนึ่งซึ่งกำลังดำเนินนโยบายปิดล้อมจำกัดเขตประเทศจีน นั่นก็คือ สหรัฐอเมริกา ดังนั้นอาระกัน-ยะไข่ จึงเป็นพื้นที่ที่เหมือนทางสามแพร่ง เชื่อมโยงเมียนมาร์ (อาเซียน) เข้ากับจีน และอินเดีย

    การสร้างกระแสเรื่องสิทธิมนุษยชนที่กำลังละเมิดกันอยู่ในบังคลาเทศว่าเกิดขึ้นในเมียนมาร์ และในที่สุดหากจะนำไปสู่การแทรกแซงด้วยกองกำลังรักษาสันติภาพ การขีดเส้นลากเส้นว่าบริเวณนี้กลายเป็นพื้นที่ใหม่ เป็นพื้นที่ที่เมียนมาร์ไม่มีสิทธิเข้ามาดูแล และให้อิสรภาพกับประเทศตะวันตกอย่างเต็มที่ในการเข้ามาแทรกแซง ทำให้อดนึงถึงกรณีปาเลสไตน์-อิสราเอลไม่ได้

    คำถามคือปัจจุบันอาระกัน-ยะไข่น่าสนใจอย่างไร? คำตอบ เพราะอาระกัน-ยะไข่คือจุดเชื่อมโยงสำคัญสู่จีนและอินเดียครับ ถ้าจะเข้าใจเรื่องนี้ให้ดีต้องเข้าใจ 2 Megaproject ในพื้นที่นี้นั่นคือ Sittwe- Kaladan Multi-modal Transit Transport Project ของอินเดีย และ Kyaukphyu Sino-Burma Pipelines ของจีนครับ

    ท่าเรือ Sittwe อ่านว่า ชิตตเว่ ท่าเรือแห่งนี้ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกสุดของประเทศเมียนมาร์ อยู่ในรัฐยะไข่ (Rakhine) ท่าเรือชิตตเว่ตั้งอยู่บริเวณปากแม่น้ำสายสำคัญที่สุดทางด้านตะวันตกของเมียนมาร์นั่นคือ แม่น้ำ Kaladan (คาลาดาน) ท่าเรือแห่งนี้ถูกผนวกเข้ากับโครงการพัฒนาระบบการขนส่งและเขตเศรษฐกิจพิเศษที่ใหญ่ที่สุดแห่งของเมียนมาร์ที่เรียกว่า “Kaladan Multi-modal Transit Transport Project” ซึ่งโครงการนี้เกิดขึ้นจากการสนับสนุนของรัฐบาลอินเดีย เฉพาะตัวท่าเรือเพียงอย่างเดียวก็ได้รับการสนับสนุนเงินทุนจากรัฐบาลอินเดียกว่า 120 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยอินเดียเองก็หวังเป็นอย่างยิ่งที่จะใช้ท่าเรือและการขนส่งทางน้ำตลอดเส้นทางของแม่น้ำ Kaladan เพื่อหาทางออกทะเลให้กับ 8 รัฐในภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศอินเดียซึ่งมีลักษะเป็นแผ่นดินที่ไม่มีทางออกทะเล (Land Lock Country) และยังเกือบจะตัดขาดกับแผ่นดินใหญ่ (มีเพียงช่องเขาเล็กๆ เรียกว่า Siliguri Corridor เท่านั้นที่ต่อติดภูมิภาคนี้เข้ากับแผ่นดินใหญ่ของอินเดีย)

    โครงการ Kaladan KMTTP แห่งนี้ได้รับการสนับสนุนเงินทุนจากรัฐบาลอินเดียกว่า 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยแบ่งการเชื่อมโยงอินเดียและเมียนมาร์ออกเป็น 3 ส่วนในลักษณะ Multi-modal Transit Transport นั่นคือ

    • ท่าเรือ Sittwe ที่จะเชื่อมโยงการค้าขายและการขนส่งทางทะเลของเมียนมาร์ เข้ากับเมืองท่าสำคัญที่สุดทางตะวันออกของอินเดีย คือ เมืองกัลกัตตา โดยการขนส่งในมหาสมุทรอินเดีย ช่วยให้สามารถลัดเส้นทางการขนส่งทางทะเลจากเดิมได้มากกว่า 1,320 กิโลเมตร และคาดว่าท่าเรือแห่งนี้ซึ่งสร้างโดยบริษัท Essar Group ของอินเดียจะเสร็จสมบูรณ์ในปี 2014
    • เส้นทางการขนส่งในแม่น้ำ Kaladan จากท่าเรือ Sittwe ไปสู่ปลายทางด้านบนของแม่น้ำที่ท่าเรือ Paleta ในรัฐชิน (Chin) โดยการขนส่งทางแม่น้ำนี้ได้รับการสนับสนุนทางวิชาการจาก Inland Waterways Authority of India (IWAI) และก่อสร้างโดย Essar Projects Ltd ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ Essar Group
    • เส้นทางการขนส่งทางถนนและระบบรางจากท่าเรือ Paletwa ไปสู่เมือง Mywikwa ซึ่งเป็นพรมแดนระหว่างรัฐ Mizoram ของอินเดีย และเมียนมาร์ ในขณะที่การสำรวจเส้นทางสร้างระบบรางรถไฟให้เชื่อมต่อกับระบบของประเทศอินเดียก็ได้ดำเนินการไปแล้วโดย Rail India Technical and Economic Services (RITES)

    ทั้งนี้ นอกจากการสร้างเส้นทางการเชื่อมโยง 2 ประเทศเข้าด้วยกันแล้ว เขตเศรษฐกิจพิเศษ นิคมอุตสาหกรรม ตลอดจนโรงผลิตไฟฟ้าพลังน้ำขนาดใหญ่อีก 2 โครงการคือ Chhimtuipui และ Lungleng ก็อยู่ในแผนพัฒนาพื้นที่ส่วนนี้อีกด้วย

    เมื่ออินเดียเข้าไปลงทุนมากๆ ในชิตตเว่ มหาอำนาจอย่างจีนก็ไม่น้อยหน้าเพราะเป็นผู้ลงทุนหลักในโครงการจ้าวผิว โครงการพัฒนาท่าเรือในบริเวณนี้เริ่มขึ้นในปี 2007 เมื่อกลุ่ม Asia World อาณาจักรธุรกิจยักษ์ใหญ่ในเมียนมาร์ซึ่งมีสายสัมพันธ์อันดีกับรัฐบาลทหารประกาศจะสร้างท่าเรือขนาดใหญ่ที่เกาะ Maday ในบริเวณนี้เพื่อเป็นศูนย์กลางในการค้าขายระหว่างย่างกุ้ง กัลกัตตา (Kolkata, อินเดีย) และจิตตะกอง (Chittagong, บังคลาเทศ) จากนั้นโครงการพัฒนาในเขตนี้ก็ยิ่งคึกคักมากยิ่งขึ้นเมื่อทางการจีนสามารถตกลงกับรัฐบาลเมียนมาร์ในโครงการความร่วมมือ “Sino-Burma Pipelines” ในปี 2008 และในปี 2010 ธนาคาร China Development Bank และ Myanmar Foreign Investment Bank ก็บรรลุข้อตกลงในการกู้ยืมเงินในวงเงินกว่า 2.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในการสร้างท่อส่งน้ำมันความยาว 1,060 กิโลเมตรจากบริเวณนี้เข้าไปถึงเมืองคุนหมิงในมลฑลยูนนาน โดยคาดว่าโครงการนี้จะเสร็จในปี 2015 และสามารถลำเลียงส่งน้ำมันทางท่อได้กว่า 4 แสนบาร์เรลต่อวัน นั่นก็จะทำให้จีนสามารถนำเข้าน้ำมันดิบจากตะวันออกกลางได้โดยไม่ต้องผ่านช่องแคบมะละกาหรือผ่านทางสิงคโปร์ซึ่งระยะทางยาวไกลและมีต้นทุนที่สูงกว่ามาก

    นอกจากท่อส่งน้ำมันแล้ว ก๊าซธรรมชาติจากแหล่ง Shwe ซึ่งอยู่ใกล้เคียงกันก็สามารถลำเลียงทางท่อส่งก๊าซผ่านมาทางเกาะ Maday เพื่อส่งต่อไปยังประเทศจีนได้แล้วเช่นกัน โดยเริ่มส่งก๊าซธรรมชาติแล้วตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ปี 2013 ที่ผ่านมา ทั้งนี้ท่อส่งก๊าซและสถานีควบคุมในโครงการนี้ก่อสร้างโดย บริษัท Daewoo International ของประเทศเกาหลีร่วมทุนกับรัฐวิสาหกิจเมียนมาร์ Myanmar Oil and Gas Enterprise (MOGE) โดยมีศักยภาพในการส่งก๊าซได้ 12 พันล้านคิวบิคเมตรต่อปี

    โครงการท่อส่งน้ำมันและท่อส่งก๊าซธรรมชาติทั้งหมดนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ เขตเศรษฐกิจพิเศษจ้าวผิว (Kyaukpyu Special Economic Zone) ซึ่งคาดว่าจะมีโครงการลงทุนภายในเขตเศรษฐกิจพิเศษนี้มากกว่า 3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ มีคนทำงานในพื้นที่มากกว่า 2 แสนตำแหน่งงาน มีท่าเรือ นิคมอุตสาหกรรม และในอนาคตรัฐบาลจีนและรัฐบาลเมียนมาร์ก็มีการวางแผนที่จะพัฒนาโครงการขนส่งระบบรางระยะทาง 1,215 กิโลเมตรเพื่อเชื่อมโยงจ้าวผิวเข้ากับนครคุนหมิง มณฑลยูนนาน

    อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันโครงการเหล่านี้ยังมีเสียงคัดค้านอยู่บ้างโดยเฉพาะจากภาคประชาสังคมในแง่ของผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม อาทิ รายงานจากกลุ่ม Arakan Oil Watch ซึ่งจับตามองการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษจ้าวผิวในบริเวณเกาะ Ramree ว่าจะส่งผลกระทบต่อสุขภาวะของคนในพื้นที่กว่า 40 หมู่บ้าน และจะทำลายป่าชายเลนที่อุดมสมบูรณ์มากที่สุดเป็นอันดับที่ 2 ของประเทศเมียนมาร์ โดยคาดว่าผลกระทบจะเกิดเป็นวงกว้างในพื้นที่กว่า 120 ตารางกิโลเมตรรอบๆ ชายฝั่งของรัฐยะไข่

    เห็นแล้วใช่มั้ยครับว่าพื้นที่อาระกัน-ยะไข่สำคัญอย่างไร ไทยรีบเข้ามามีบทบาทยุติความขัดแย้ง ทวงคืนบทบาทผู้นำอาเซียนที่เราเสียรังวัดไปสมัยเสื้อแดงบุกการประชุมอาเซียน +6 ที่พัทยา หาทางออกที่ไม่ให้มหาอำนาจตะวันตกเข้ามาแทรกแซง กดดันภายในภูมิภาค จึงนับเป็นการเคลื่อนไหวทางยุทธศาสตร์ที่สำคัญที่สุดในนาทีนี้ครับ เพราะเราคงไม่อยากเห็นเขตมิคสัญญีอย่างในฉนวน Gaza Strip และ West Bank เกิดขึ้นในพื้นที่ใกล้ๆ บ้านเราครับ




    .http://manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9580000057227
     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,674
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Thanong Fanclub

    [​IMG]

    5. วาระโลกใหม่ของปีเสียงแตร (Year of Jubilee)
    นายบัน คีมูน เลขาธิการองค์การสหประชาชาติอาจจะดูเป็นคนมีอำนาจ เพราะว่ามีตำแหน่งใหญ่โตในการประสานงานและขับเคลื่อนองค์การนานาชาตินี้ที่ต้องการเป็นรัฐบาลโลก แต่เอาเข้าจริงแล้วนายบันคีมูนทำงานให้ดีซี ลอนดอนและโรม
    ในวันที่28 เมษายน 2015ที่ผ่านมา นายบันคีมูนไปร่วมประชุมสุดยอดสุดยอดของวาติกันเรื่องการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศและปัญหาความยากจนที่กรุงโรม ปรากฎว่าโรมชิงประชุมเรื่องการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศและเรื่องการพัฒนาที่ยั่งยืนก่อนการประชุมเรื่องเดียวกันนี้ที่จะจัดโดยยูเอ็นที่นิวยอร์คกลางเดือนกันยายน
    มองดูเผินๆ อาจจะเข้าในผิดคิดว่าโรมแย่งซีนยูเอ็น แต่เอาเข้าจริงแล้ว โรมเป็นผู้กำหนดอาเจนด้าให้ยูเอ็นประชุมมากกว่า และนายบันคีมูนถูกเรียกตัวให้ไปประชุมวาติกันซัมมิทก็เพื่อแสดงให้โลกเห็นว่านายที่แท้ของนายบันคีมูนเป็นใคร
    เจ้าภาพของวาติกันซัมมิตคือPontifical Academy of Sciences ที่ทำงานใกล้ชิดร่วมมือกับCERNในการค้นคว้าหาอนุภาคพระเจ้า โดยที่จุดมุ่งหมายคือต้องการยกระดับความสำคัญของมิติทางด้านศีลธรรมในการปกป้องสิ้งแวดล้อมก่่อนที่โป๊ปฟราสซิสจะออกจดหมายเวียนเพื่อสร้างขบวนการระดับโลกเพื่อจัดการกับปัญหาภาวะอากาศที่แปรเปลี่ยนและการพัฒนาที่ยั่งยืน
    นายบันคีมูนพูดในที่ประชุมวาติกันว่า เขาเชื่อว่าคำแถลงของโป๊ปฟราสซิสที่มีต่อบิชอป และสุนทรพจน์ที่โป๊ปฟราสซิสจะกล่าวที่องค์การสหประชาชาติและที่ประชุมสภาร่วมของสหรัฐจะมีผลกระทบอย่างลึกซึ้งต่อการเจรจาเรื่องการลดภาวะโลกร้อน
    "คำแถลงของโป๊ปฟราสซิสจะส่งข้อความให้โลกได้รับรู้ว่าการปกป้องสิ่งแวดล้มเป็นเรื่องทางศีลธรรมที่เร่งด่วนที่สุด และเป็นหน้าที่อันศักดิ์สิทธิ์สำหรับมนุษย์ทุกคนที่มีความศรัทธาในศาสนาต่างๆ หรือมนุษย์ทุกคนที่มีจิตสำนึก" นายบันคีมูนกล่าว
    ไม่รู้เหมือนกันว่า นายบันคีมูนทำตัวเป็นโฆษกของโรมได้อย่างไร แต่ก็ทำไปแล้ว หรือว่ายูเอ็นเป็นหน่วยงานหนึ่งของโรม
    thanong
    20/5/2015
    Vatican official calls for moral awakening on global warming | Environment | The Guardian
     

แชร์หน้านี้

Loading...