" ปอบ " คืออะไร ? อาถรรพ์ ความเชื่อ เรื่องผี!!

ในห้อง 'Black Hole' ตั้งกระทู้โดย กาลีนะ, 27 เมษายน 2013.

  1. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,552
    ค่าพลัง:
    +18,998
    http://www.winitcq.com/b_Bhistory.html

    ไปหาประวัติครูบาแบ่ง มาให้อ่านครับ
     
  2. Kalina

    Kalina เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2013
    โพสต์:
    931
    ค่าพลัง:
    +4,042
    ... ต่อไปนี้กะว่าคงทำส่งออกต่างประเทศกันได้เลยใช่ไหม๊คะ .. ชาวจีน ฮ่องกง สิงคโปร์ นี้ชอบมากเลย เครื่องรางของคลังแนวนี้มากวาดต้อนซื้อจากไทยเยอะมากคะเพื่อเป็นชาวสิงคโปร์ยังเคยเอาเขี้ยวสัตว์ให้ดูบอกว่าแม่เขาซื้อมาตอนมาไทยแต่เขาจะเอาทิ้งคะ พอเราดู ... นี้มันเขี้ยวหมูตันของแท้ขนาดใหญ่เสียด้วย ..บอกขนาดนี้เขายังไม่รู้จักเลยคะว่าเป็นของหายาก .. เขาบอกแม่เขามีของแบบนี้เต็มบ้านเลย แถมมีทั้งกุมารทองสารพัดของขลัง เพราะร้านเขาเป็นร้านอาหารที่สิงคโปร์คะ .. เห้อ ๆ เขาบอกแถวบ้านเขานิยมมาหาเช่าบูชาในไทยมาก ..
     
  3. Kalina

    Kalina เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2013
    โพสต์:
    931
    ค่าพลัง:
    +4,042
    ... แต่เท่าที่รู้ตุ๊กตาพวกนี้ไม่ใช่ผู้ห่มเหลืองทำมาหรอกนะคะ .. มาจากพวก " ตำหนักทรง " คะจัดทำขึ้นมาเพราะพวกดารานี้จะเข้าหาพวกนี้เพื่อให้ตนเองเจริญรุ่งเรืองในหน้าที่การงาน .. ตลาดสำคัญเลยคะขอบอก

    ... อ้อ แล้วที่เคยเห็นทำใส่ตุ๊กตาแบบนี้จะทำที่ร้อยเอ็ดคะ ... เขาทำมานานแล้ว แต่ไม่รู้ว่าบูชามาจากที่เดียวกันไหม๊ .. แต่คำที่ใช้เรียกนี้เหมือนมันจะคุ้น ๆ หูยังไงพิกล
     
  4. ราคุเรียวซาย

    ราคุเรียวซาย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    2,940
    ค่าพลัง:
    +8,515
    แล้ว ควายธนู ล่ะคะ

    ที่เค้าใช้สู้กะเสือสมิง น่ะค่ะ

    เดี๊ยวนี้ไม่ได้ยินข่าวเลย สูญพันธุ์ รึยังคะ
     
  5. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,424
    ค่าพลัง:
    +35,040
    ควายธนู วัวธนู เสือสมิง ไม่เคยเจอ...
    เคยเห็นแต่รูปวัวปั้น รูปควายปั้น แต่พอบอกได้ว่า
    ลักษณะพลังงานเป็นอย่างไร...ควายธนูกับวัวธนู
    คล้ายๆกัน แยกแทบไม่ออก คงต้องดูหน้าเอาเอง..
    แม้มีความสามารถแต่ไม่มีการสนับสนุนจากข้างบน..
    ส่วนเสือสมิงแม้มีความสามารถแต่ระบบกระแสพลังงาน
    จะวนลงข้างล่าง Only
    และปัจจุบัน นิยมใช้การทำรูปร่าง
    ออกมาเป็นรูปคล้ายๆเสือมากกว่า..เพราะกำลังจะสูงกว่า
    ทั้งวัวธนูและควายธนู.และเกิดจากกำลังสมาธิ
    .เพราะจะมีกระพลังงานหนุนจากระดับ
    สูงๆข้างบนร่วมด้วย..เรียกว่า แบ๊กดีกว่านั้นเอง..
    และแม้ว่าจะทำเป็นรูปเสือ แต่ภาคทิพย์
    เป็นคนก็ได้(หน้าคล้ายๆเสือผมหน้าม้าอีกต่างหาก ๕๕๕)
    หรือถ้าเป็นสัตว์ก็เป็นสิงโตตัวใหญ่ขนเยอะเหมือนในเรื่อง นาเนีย...
    แต่ถ้า ท่านที่ธุดงค์ในป่าโดยมากจะไม่ค่อยกลัวเสือสมิง
    จะกลัวแต่''พรายช้าง''มากกว่า..เพราะมีด้านพลังงานเยอะ..
    ส่วนพรายช้าง เป็นไงก็ยังไม่เคยเจออีกเหมือนกัน..
    แต่ถ้าในป่าลึกมีชื่อว่า ภูเขาควาย
    .จะมีเสือตัวสูงเท่ารถหกล้อ หน้าตามีลายคล้ายเสือโคร่ง
    แต่ว่าลายที่ตัวดูเหมือนว่าจะมีแต่ขนเรียบๆไม่เห็นลาย..
    เคยหลงๆไปทีหนึ่งเลยพอจำได้บ้าง..
    ปล.ประมาณนี้...
     
  6. Kalina

    Kalina เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2013
    โพสต์:
    931
    ค่าพลัง:
    +4,042
    .. สนใจแม่เสือสมิงสาว ( รุ่นใหญ่ ) เพื่อนเก่าหนูไหมคะป๋าที่ป๋าเคยดูให้นะคะ .. ยังมีชีวิตอยู่นะคะ ... ชักไปสิบกว่ารอบแล้ว แต่นางยังคงทนคะ ...
     
  7. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,424
    ค่าพลัง:
    +35,040
    อะจึย!! เอาปกตินี่หละ ๕๕๕
     
  8. Kalina

    Kalina เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2013
    โพสต์:
    931
    ค่าพลัง:
    +4,042
    .........พอดีไปเจอข้อมูลน่าสนใจจาก " มนต์ตรา มหาเวทย์ "มาคะ เกี่ยวกับ " ปอบ "เลยนำมาเสนอ .. แต่ยังไม่ได้ทดลองนะคะ

    ..................... ทมบ คือ ปอบ


    ผีปอบ

    .... เมื่อพูดถึงผีปอบทุกคนคง นึกสยองขึ้นมาแน่นอน เพราะผีปอบเป็นผีร้าย กินเลือกินไส้ดิบๆเป็นอาหาร ผีปอบ สามารถเป็นได้หลายทาง ไม่สามารถอธิบายได้หมด ปอบเหมือนเชื้อโรคชนิดหนึ่งที่อาศัยอยู่ในร่างของคนเหมือนปรสิต แต่มันมีความพิเศษอยู่หลายอย่างด้วยกัน โดยเฉพาะเวลากลางคืนมันจะมีฤทธิ์มีเดชมาก ยิ่งเป็นวันอุบาทโลกาวินาศมันจะมีอำนาจมากมาย

    ........ การเป็นผีปอบนั้น ที่ฮิตที่สุดคือการสืบทายาท เป็นผีปอบกันเป็นตระกูล (คล้ายกระสือ) แต่ถ้ายังไม่ได้รับเชื้อปอบก็จะไม่เป็นปอบถึงแม้ว่าจะเป็นลูกเป็นหลานผีปอบก็ตาม เชื่อผีปอบจะอยู่ในเลือดที่ผีปอบกระอักออกมาตอนที่จะสืบทอดทายาท (ดูเหมือนอาเจียนเป็นเลือด แต่มันคือเลือดที่ไม่มีอะรัยปนเปื้อน มีสิ่งเดียวที่ปนเปื้อนคือเชื้อปอบ) จากนั้นลูกหลานที่จะมารับช่วงปอบต่อก็จะต้องดื่มเลือดนั้นให้หมด แล้วนำเอาของที่มีผีปอบสิงสู่อยู่มาใส่ เช่น สร้อย แหวน กำไล เป็นต้น ที่ได้มาจากผีปอบคนที่ให้เลือดเชื้อปอบมา หลังจากนั้นผู้ที่ให้เชื้อปอบจะถูกปอบกินตายในช่วงเวลาที่ไม่นานนัก ลูกหลานผู้ที่รับช่วงต่อก็จะเป็นปอบต่อไป

    ....... ผีปอบอีกประเภทหนึ่ง เป็นผีร้ายมากๆ เป็นจำพวกผีเหนือผี ปอบชนิดนี้จะเข้าสิงสู่ในร่างของคนได้หลายๆคนในเวลาเดียวกัน สำหรับคนที่เรียนวิชาอาคมโดยไม่มีครู เรียนจนของเข้าตัว ผิดคำครูบาอาจารย์หรือมีของที่มีพลังปอบอยู่ในมือ แต่ควบคุมไม่ได้ ผีปอบก็จะเข้าสิงได้ ผีปอบชนิดนี้สามารถออกหากินในเวลากลางวันได้เป็นบางครั้ง และการหากินทั้งกลางวันและกลางคืนของมันจะแตกต่างไปจากปอบประเภทอื่นคือ ตามองตา ก็จะเข้าสิง กินจากข้างในออกข้างนอก กว่าจะรู้ว่าปอบกินก็ตายไปแล้ว สภาพศพดูไม่ได้เลยคับ เน่าเละ แห้งๆ และที่ท้องจะเหมือนถูกแหวก ไม่มีทั้งตับไตใส้พุง แต่บางครั้งมันก็ออกหากินแบบผีปอบทั่วไปคือ ควักไส้ควักตับออกมากินสดๆ น่ากลัวกว่าที่สิงอีกนะคับ ปอบประเภทนี้ก็จะมี ปอบผีฟ้า ปอบผีกะตายโหงและผีกะอาคม เป็นต้น

    ..... ผีปอบทั่วไป คือ คนที่ตะกะจนไม่รู้ผิดชอบชั่วดี ไปกินของเซ่นที่เขาเอามาเซ่นผี ไปหลบหลู่ผีร้ายที่สามารถสิงคนได้ คนพวกนี้ก็จะถูกปอบสิงได้ ปอบมันก็เข้าใจคิดนะคับ บางคนมันก็สิงเข้าไปกินคนที่สิง บางคนมันก็สิงเข้าไปอยู่ เพื่อใช้เป็นร่างในการออกหากิน

    .........ผู้ที่เป็นปอบสามารถเลิกเป็นได้แต่มันยากมาก เพราะผู้ที่เป็นปอบเหมือนกับผู้ที่กำลังรับผลกรรมชั่วอยู่ จะตายก็ไม่ได้ตาย โดยแทงโดยยิงก็เจ็บปวดครวญครางแต่ผ่านไปสักคืนก็หายดี ปอบจะไม่มีฤทธิ์ตอนกลางวัน ดังนั้นเวลากลางวันมันมักจะนอนหลับ หรืออยู่ในที่มืดๆ ไม่ออกไปไหน พอตกกลางคืนเท่านั้นแหละคับ ปอบที่แก่ชราก็กลายเป็นปอบหญิงสาว เดินแคล่วคล่องว่องไวเกินมนุษย์ สามารถหาตัวในระยะทางสั้นๆได้ สามารถสะกดคนในหลับได้ เมื่อปอบเข้าสิงคนจะกลายเป็นผี เล็บจะยาวและคม สามารถที่จะแทงทะลุหนังหนาๆของคนได้ เขี้ยวจะงอก หน้าซีด ผิวคล้ำ ตาแดงตาดำ (หน้ากลัวนะคับ อย่างนี้ต้องปราบ) มันกินได้ทั้งคน สัตว์โดยเฉพาะเป็ดไก่ แต่ถ้าปอบที่แกร่งจริงเท่านั้นที่จะกินสัตว์ใหญ่เช่น วัว ควาย ช้าง ม้า เป็นต้น เพราะถ้าปอบที่ไม่มีฤทธิ์มาก ก็คงถูกวัวถีบ ม้าเตะ ควายขวิด ช้างกระทืบแน่ ๆ

    ......... การปราบปอบ หรือทำลายปอบ ง่ายกว่าการหายเป็นปอบ แต่ยากกว่าการไล่ปอบ ผีฟ้ามีอำนาจไล่ปอบได้ วิชาอาคมก็ไล่ปอบได้ พระพุทธคุณก็ไล่ปอบได้ สำหรับการปราบปอบนั้นปืนธรรมดายิงมันไม่เข้าถึงเข้าก็แค่ชั้นผิวหนังเลือดออกมาก แต่ไม่ตาย ปืนอาคมที่มีอานุภาพสูงๆ แม้เพียงกระสุนลมจากกระบอกปืนอาคมก็อาจทำให้ปอบสาหัสได้ มีดพร้าดาบต้องมีอาคมเท่านั้นจะปราบปอบได้ น้ำมนต์ก็ปราบได้ การเผาก็ปราบได้ แต่ว่าป่าเถื่อนเกินไป บาปอีกต่างหาก และถ้าปอบจองล้างจองผลาญมีหวังตายยกหมู่บ้านเลย สายสินญ์สามารถจับผีปอบได้ และอื่นๆอีกมากมาย ส่วนวิธีทำลายปอบที่มีฤทธิ์มากๆ ผมขอไม่บอกวิธีไว้เพราะเดี๋ยวจะเป็นภัยต่อผู้ที่ได้รู้ทั้งหลาย

    ..... การเลิกเป็นผีปอบ ยากหน่อยนะคับ แต่ถ้าอยากหายก็จำเป็นต้องอดทน ออกจะเจ็บอยู่บ้างถ้าอยากหายเร็วๆ และหายแน่นอน ต้องมีน้ำทิพย์จากบ่อน้ำทิพย์ น้ำพระพุทธมนต์ สายสินธ์ ไม่กินสัตว์หรือแมลง (กินเจ มีแต่ผัก) ผู้ที่เป็นปอบและอยากเลิกเป็นต้องบวชเนกขัมพรหมจารีตลอดชีวิต เพราะอานิสงค์ของศีล ๘ นี้มีอำนาจมากพอที่จะเอาชนะปอบได้ ซึ่งข้อที่สำคัญคือปานาติบาต และ วิกาลโภชนา ไม่ฆ่าสัตว์ และไม่กินอาหารยามวิกาล จะทำให้ปอบอยู่ไม่ได้ ช่วงแรกๆก็ต้องปรับตัวกันหน่อย สายสิญจ์สานเป็นตาข่ายขึงไว้โดยรอบเลยคับ ถ้าปอบจะเข้าไม่ได้ ถ้าสิงแล้วก็ออกไปไหนไม่ได้ ถ้าโดยสิงแล้วโดยสายสิญจ์ก็จะเจ็บปวด ปวดแสบปวดร้อนอยู่บางนะคับ แต่ถ้าพ้นกลางคืนไปได้ก็อย่ารื้อทิ้งตอนกลางวันล่ะ กินน้ำมนต์กินน้ำทิพย์ อาบน้ำมนต์อาบน้ำทิพย์ และถือศีลแปด ทำสมาธิไปเรือยจนกว่าเราจะมีอำนาจเหนือปอบคือ ไม่ย่อมให้ปอบเข้าสิงได้ ถึงตอนนั้นก็กินเนื้อได้(แบบสุกเท่านั้น) และต้องถือศีลแปด ไปตลอดชีวิตด้วย สามารถเอาสายสิญจ์ออกได้ และถ้าเลิกศีลแปด จะต้องเป็นปอบไปตลอดชีวิตอย่างแน่นอนคับ หรือถ้าบุญเยอะอาจจะหายจากการเป็นปอบถือศีล ๕ เป็นคนสามัญธรรมดาทั่วไปได้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 มิถุนายน 2015
  9. Kalina

    Kalina เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2013
    โพสต์:
    931
    ค่าพลัง:
    +4,042
    ................. ทมบ ว่าด้วยปอบในภาคอีสาน

    ...... ทมบ เป็นภาษาเขมร ที่แปลเป็นไทยว่า “ผีปอบ” ผีปอบจะอุดมสมบรูณ์มากเมื่ออยู่ทางภาคเหนือและภาคอีสาน ปอบโดยทั่วไปมีอยู่ 2 พันธ์ ตามภาคเหนือ หรือ ล้านนา ผีปอบจะอำมหฤตกว่าผีปอบเขมร ความเชื่อเรื่อง ทมบ จแกคเมา อาบ เป็นความเชื่อทั้ง 3 ที่เป็นต้นกำเนิดผีปอบเป็นความเชื่อของชุมชนเขมรส่วย อันมีมาช้านานเป็นที่กล่าวขาลมาหลายชั่วอายุคน และในตำรายา ตำราเวทมนต์คาถาอาคมก็มีการบันทึกวิธีการปราบผีร้ายเหล้านี้ไว้เป็นอันมาก ดังจะกล่าวต่อไปนี้

    ...... ทมบ เป็นคำที่ออกเสียงคล้ายปอบและมีความหมายว่าผีปอบ คือ คนเลี้ยงผีและผีที่คนเลี้ยงไว้เพื่อป้องกัน และใช้ทำร้ายคนอื่น คนเลี้ยงผีและผีที่เลี้ยงไว้นี้ ถ้าสามารถปรากฏกายไห้คนเห็นในรูปร่างหมาดำ เพื่อหลอกหลอนคน เรียกว่า จะแก คเมา หรือหมาดำ ที่ชาวเหนือเรียกกันว่าผีหมาดำ ผีหมาจอกวอ และถ้าคนเลี้ยงผีและผีที่เลี้ยงไว้ไม่ดุร้าย ชอบกินของคาว เช่น น้ำคลำ มูลหมู มูลไก่ มูลสัตว์ เป็นต้น จะเรียกว่า อาบ ซึ่งคนไทยเรียกว่ากระสือ กระหัง ภาคเหนือว่าผีสือ ผีโพง

    ....... การทำร้ายคนนั้น คือวิญญาณร้าย ชาวเขมรเรียกว่า “สัตว์ขย็อล” แปลว่า สัตว์ลม เข้าสิงสูคนทางนิ้วหัวแม่มือหรือนิ้วหัวแม่เท้า แล้วกัดกินตับไตใส่พุง หรือทำให้เลอะเลือน หรือเจ็บเป็นป่วยไข้ต่างๆ โดยมีการใช้คาถาเพื่อผูกและปล่อยวิญญาณร้ายก็จะคาดปิดเปิดที่ข้อเท้าผู้ป่วย มีผ้าหรือด้ายคาดไว้
     
  10. Kalina

    Kalina เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2013
    โพสต์:
    931
    ค่าพลัง:
    +4,042
    ตามตำนานการเป็นทมบนั้น

    การเกิดของทมบ จะแกคเมา และอาบ มีด้วยกันหลายตำนาน

    ...... ตำนานวิชาคงกระพัน 1

    ผู้ที่เรียนวิชาคงกระพัน เพื่อให้ฟันแทงไม่เข้า ยิงไม่ออก เผาไม่ไหม้ไม่พอง วิชาอยู่ยงคงกระพันนี้ต้องมีตลับใส่สีผึ่งไว้ ส่วนผสมก็จะประกอบไปด้วย ว่านโพรง น้ำมันผีตายโหง เข็มเย็บผ้า ทองคำ “ว่านโพรง” คือต้นว่านเป็นกอคล้ายขมิ้นชันมีหัวเหมือนขมิ้น ต้นว่านมีอายุอยู่ได้ถึง 2 ปี หัวว่านจะเรืองแสงในเวลากลางคืน และ จะกินสัตว์ต่างๆ เช่น กบ เขียดและแมลงโดยเข้าไปในว่านโพลงแล้วถูกดูดตาย แล่วเน่าเหลือแต่กระดูก หมอมนต์บอกว่า ส่วนผสมที่เป็นขี้ผึ่งนี้จะต้องออกหากินทุกวัน โดยเอากบ เลือดไปวางไว้ใกล้ๆก็จะมีอาการเหมือนถูกดูดชักดิ้นจนตาย ว่านชนิดนี้จะเหาะ หรือ ลอยไปมาได้สีเหลืองเป็นแสงออกมา เพือหาอาหารและไล่กันในอากาศเกิดเป็นประกายไฟสวยงาม หากผู้ใดเรียนวิชาคงกระพันนี้แล้วละเมิดข้อห้ามจะถูกเรียกว่า แบกทมบ หรือ แตกเป็นปอบ ผู้เรียนและครอบครองวิชา ตลับสีผึ่งก็จะเป็นปอบ

    ..... ตำนานวิชาคงกระพัน 2

    ...... ตลับใส่สีผึ่งอื่กประเภทหนึ่งเป็นเสมือนวิญญาณของเจ้าของ ส่วนผสมหลัก ๆ ว่านเฒ่าหนังแห้ง น้ำมันผีตายโหง ว่านนางคำ โดยว่านเฒ่าหนังแห้ง เป็นต้นเถาไม้เลื่อยคล้ายเถาคันแดง มีหัวคลายหัวมันเทศ มีรากสีดำคุมหัวคล้ายขนสุนัข ว่านนางคำก็คล้ายว่านโพรง คือ มีกอคล้ายขมิ้น และ จะดูดกินสัตว์กบเขียดแมลงที่หลงเข้าไปในกอ เมื่อนำเอามาผสมแล้วเสก ต้องให้อาหารทุกวัน หากละเมิด หรือ ไม่ให้อาหาร ผู้เรียนจะกลายเป็นหมาดำ จะแกคเมา หรือ ตลับสีผึ่งจะกลายเป็นจะแกคเมาแล้วทำร้ายใครก็ได้ หากจะใช้ก็ปลอยจะแมคเมาทำร้ายใครก็ตามเจ้าประสงค์ ลักษณะก็จะปรากฏเป็นหมาดำไล่กัด เข้าสิงแล้วตายในที่สุด

    ....... ตำนานเสกข้าวเหนียว

    การเรียนวิชาเสกข้าวไห้ได้ผลมาก ๆ เป็นมนต์เรียกข้าวให้งอกงามในนาของตน เล่ากันว่าจะต้องใช้ให้ผีช่วย หากทำผิดข้อห้ามผู้เรียนหรือใช้วิชาจะกลายเป็นปอบ และ จำเป็นต้องให้อาหารผีโดยตลอด ถ้าไม่ให้ก็จะกลายเป็นปอบ ปอบชนิดนี้จะกลัวข้าวเหนียวดำ จะไม่ยอมกินข้าวเหนียวดำ และกลัวต้นข้าวเหนียวดำ คือ ต้นข้าวที่ต้นสีม่วงใบสีม่วง


    ........ ตำนานเสน่ห์ยาแฝด

    ยาแฝดใช้ให้คนรักคนหลง หรือ ทำให้อย่าร้างกัน มีตลับสีผึ่ง ที่ประกอบด้วยน้ำมันพรายผีตายทั้งกลม ผู้เรียนหากระเมิดคำครูบาอาจารย์ก็จะกลายเป็นปอบในที่สุด
     
  11. Kalina

    Kalina เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2013
    โพสต์:
    931
    ค่าพลัง:
    +4,042
    แปลงไปล่ การกระทำด้วยคุณไสย์ใส่ผู้อื่น


    แปลงไปล่

    ________การแปลงไปล่ เป็นภาษาเหนือ อ่านว่า “แป๋งไป๋” แปลว่า กระทำให้ขึ้นรูปหรือเข้าที่เข้าทาง ประนีประนอมรอมชอมและจัดตั้งแล้ว ในแง่ไสยศาสตร์มีความหมายว่า การทำร้ายผู้อื่นบุคคลอื่นด้วยไสยศาสตร์ คาถาอาคม ทำให้บุคคลที่ถูกกระทำมีปกติวิสัยเปลี่ยนไป ทำให้ผู้ถูกกระทำเป็นทุกข์ จนถึงกับล่มจมสูญเสียทรัพย์สิน สูญเสียทรัพย์สมบัติ ทั้งนี้การแปลงไปล่ มีวิธีการทำได้หลายวิธีที่คนในสมัยโบราณนิยมทำกัน ดังนี้

    ๑. การใช้ข้าวสารจากหลังโลงศพ กล่าวคือมีการหามศพไปสู่ป่าช้าแล้ว การนำข้าวสารที่อยู่ในกระทงบนโลงศพไปโปรยที่กอไผ่ของคู่อริศัตรู เชื่อว่าจะทำให้กอไผ่นั้นออกดอก จากนั้นก็จะตายทั้งกอ เรียกว่า “ไผ่ตายขุย” ซึ่งย่อมเป็นที่เสียดายของเจ้าของ เพราะตันไผ่ในสมัยก่อนเป็นไม้เศรษฐกิจที่ต้องใช้ในการจักสานเครื่องมือเครื่องใช้เกือบทุกชนิด ใช้ในการปลูกเรือนที่อยู่อาศัย ใช้ล้อมรั้วบ้าน เป็นต้น ซึ่งกว่าจะปลูกใหม่ให้ได้ใช้การได้ต้องใช้เวลานานหลายปี

    ๒. ไปผ่าเอาไม้ “แม่ช้าง” คือไม้คานที่วางรับเรือนศพ เพื่อหามศพไปป่าช้า ถ้านำเอากีบไม้แม่ช้างแม้กีบเล็กๆ ไปแอบเสียบไว้ใต้ถุนบ้านของคู่อริศัตรู จะทำให้ครอบครัวของผู้ถูกไปล่ถูกแปลงนั้นเกิดความร้อนไหม้ จนถึงกับฉิบหายล่มจมลงในที่สุด

    ๓. การไปขอหรือบังคับผู้มีตั้งแต่ผีชั้นสูงคือเทวดาอารักษ์ ผีเสื้อวัด เสื้อบ้าน ผีเจ้าที่ ลงไปถึงผีชั้นเลวอย่างผีตายโหง ให้ไปรบกวนสร้างความเดือดร้อนให้แก่คู่อริศัตรู ให้เกิดการเสียข้าวของ เจ็บป่วยล้มตาย อย่างนี้เรียกว่า การแปลงไปล่อีกวิธีหนึ่งด้วย

    ๔. การที่นำพริกนำเกลือ พร้อมเขียนชื่อคู่อริใส่ไปด้วย นำไปเผาแล้วกรวดน้ำ ทำการแช่งชักหักกระดูกให้คู้คู่อริศัตรูเกิดความร้อนใจ เร่าร้อนเป็นกังวล ให้เกิดเภทภัยต่างๆ อย่างนี้ก็เรียกว่า การแปลงไปล่ ด้วยเช่นกัน

    ๕. การฝังรูปฝังหุ่น คือการนำเอาขี้ผึ้งหรือดินเหนียวมาปั้นเป็นรูปสมมติว่าเป็นคนที่เป็นคู่อริศัตรู โดยใส่ชื่อคู่อริศัตรูเขียนใส่ไปด้วยมีการนำเอาเข็มหรือหนามแหลมทิ่มแทง แล้วนำไปทำพิธีฝังในหลุมกลางวัดร้างบ้าง นำไปฝังกลางป่าช้าบ้าง ทำให้ผู้ถูกกระทำเจ็บปวด เสียดแทงในหัวอกหัวใจ อยู่ที่ใดไม่เป็นสุข

    ๖. การไปบังคับ หือบนบานศาลกล่าวให้แก่ผีตั้งแต่ผีชั้นสูงลงไปถึงผีชั้นเลว ให้ช่วยทำให้ชายหรือหญิงที่ตนหมายปองมาหลงรักตน เพื่อให้สมหวังในความรัก

    ๗. การลงอักขระยันต์ในกระดาษสาแล้วทำเป็นไส้เทียน เพื่อนำไปจุดให้ชายหญิงหลงรักตนก็ดี ลงใส่ใบตองกล้วยก็ดี ในใบไม้บางชนิดก็ดี ให้สัตว์กินหรือเอารองนั่งรองนอน เพื่อให้หญิงชายที่ตนหมายปองมาหลงรักตน หรือจุดเพื่อทำให้ผู้ใหญ่ หรือผู้บังคับบัญชารักตนชอบตน เอ็นดูแล้วประทานยศศักดิ์ให้ หรือจุดเพื่อให้พ้นผิดคือทำผิดมีโทษ ก็แปลงไปล่ให้เจ้าหน้าที่หรือผู้พิพากษาสั่งไม่ฟ้องหรือบอกว่าไม่ผิด เป็นต้น

    ............. การรักษา ป้องกัน การป้องกันการกระทำแปลงไปล่

    นี้ก็คือการใช้ไสยศาสตร์นั่นเองเป็นเครื่องแก้ โดยการไปให้หมอไสยศาสตร์ช่วยกระทำให้อาคมคุณไสยที่ได้รับเสื่อมลง หรือหารให้พระช่วยรดน้ำมนต์ คนโบราณโดยเฉพาะทีเป็นผู้หญิงจึงมีวิธีการป้องกันตัวไม่ให้ถูกแปลงไปล่หรือถูกกระทำได้ง่าย เช่น เมื่อเวลานอน ท่านสอนให้หญิงสาวเอาผ้าถุงคลุมหัว เป็นต้น เชื่อว่าคาถาคุณไสยจะไม่เข้าไปหาของต่ำ

    ... มันจะมีขั้นตอนการทำอีกนะคะ เขาไม่เปิดเผยคะให้มาแค่บางส่วนเท่านั้นนะคะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 มิถุนายน 2015
  12. Kalina

    Kalina เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2013
    โพสต์:
    931
    ค่าพลัง:
    +4,042
    ยาสั่ง

    __________ยาสั่ง เป็นยาพิษชนิดหนึ่งที่นิยมในกันมากในหมู่ชาวเขาเผ่าต่างๆในภาคเหนือ และชาวไทย-เขมร ในเขตพื้นที่จังหวัดสุรินทร์และศรีสะเกษ โดยเฉพาะบริเวณอำเภอสังขะและอำเภอขุขันธ์ ในอดีตสมัยที่ยังไม่มีโรงพยาบาล และบริการสาธารณสุขแผนใหม่เข้าไปสู่ชุมชนนั้น ชาวบ้านในเขตพื้นที่ดังกล่าวจำนวนไม่น้อยที่กล่าวได้ว่าล้มตายไปเพราะถูกยาสั่ง จนทำให้เกิดความหวาดระแวงหวาดผวากันตลอดเวลา การคบหาสมาคมระหว่างกันก็ต้องระมัดระวังมากยิ่งขึ้น แต่ปัจจุบันนี้ชาวบ้านเห็นว่าไม่มีความจำเป็นอีกแล้วที่จะต้องทำลายล้างกันด้วยยาสั่ง จึงได้ลดความสนใจลง และเชื่อกันว่าผู้ที่เรียนวิชาอาคมประเภทนี้จะหาความเจริญมาสู่ตนนั้นไม่ได้ มีแต่จะทำให้ชีวิตตนและครอบครัวไปสู่ความหายนะ ดังนั้นในหมู่คนรุ่นใหม่ปัจจุบันจึงมีคนเล่าเรียนวิชาเหล่านี้เป็นจำนวนน้อยที่ได้สืบต่อมาจากคนรุ่นเก่าก่อน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นพวกนักเลงอันธพาลและอีกประการหนึ่งคนรุ่นเก่าที่มีวิชาเหล่านี้อยู่ก็สำนึกได้ว่าการมีวิชาพวกนี้เป็นสิ่งไม่ดี ถ้าใช้ไม่ระมัดระวัง และดูแลรักษากิจวัตรปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฏเกณฑ์ที่กำหนดแล้ว จะเป็นอันตรายต่อตัวเอง จึงไม่นิยมถ่ายทอดให้ใครอื่นอีกต่อไป
    อย่างไรก็ตามจากการบอกเล่าของชาวบ้าน พบว่าชาวบ้านยังมีความเชื่อและหวาดกลัวเรื่องนี้อยู่มาก และสามารถที่จะบอกได้ว่าใครบ้างที่มีวิชายาสั่งอยู่ในขณะนี้ จากสภาพที่พบเห็นพวกนี้จะแยกตัวเองอยู่โดดเดี่ยวจากสังคม เช่น ทำกระท่อมอยู่ตามหัวไร่ปลายนาบ้างหรือไม่ก็อยู่ห่างจากชุมชนพอประมาณ การคบหาสมาคมกับชาวบ้านอื่นๆจะมีน้อย เนื่องจากไม่มีชาวบ้านคนไหนอยากจะคบด้วย เพราะกลัวจะถูกยาสั่ง ในด้านบุคคลิกส่วนตัวก็จะดูแปลกกว่าคนอื่น คือมีความหวาดกลัว เคร่งเคียด ไม่ไว้ใจใคร มีแววตาที่บ่งบอกว่ามีอำนาจอยู่ในตัว ทำให้เกิดความน่ากลัวต่อผู้พบเห็น ส่วนการดูแลรักษาตนเองนั้นค่อนข้างจะมีน้อย จะปล่อยผม เล็บยาว และอาบน้ำไม่บ่อยนัก ดูแล้วผิดแปลกไปจากชาวบ้านอื่นอย่างเห็นได้ชัด แต่ไม่ใช่ทุกคนที่มีวิชายาสั่งจะเป็นแบบนี้ บางคนก็อยู่ในชุมชน คบหาสมาคมกับชาวบ้านแบบสามัญชนคนธรรมดา ไม่ผิดแปลกอะไรจากคนอื่นๆ

    ประเภทของยาสั่ง

    ____________ยาสั่งที่ชาวบ้านเชื่อกัน และใช้ทำร้ายกันอยู่มี ๒ ประเภท คือ

    ๑. ยาสั่งชนิดที่เมื่อผู้ใดได้รับแล้วจะตายภายใน ๒-๓ ชั่วโมง หรือ มากกว่านั้น

    .... ถ้าหากไม่สามารถเยียวยารักษาไว้ได้ทัน ซึ่งแท้จริงแล้วก็ คือ ยาพิษ หรือ ยาเบื่อนั่นเอง เมื่อยาสั่งเข้าไปในร่างกายของผู้ถูกใส่แล้ว ยาก็จะออกฤทธิ์ ทำให้มีอาการผิดปกติ เช่น ปวดหัว ปวดท้อง ง่วงซึม อาเจียน ขบกราม นอนนิ่ง และหลับไปเลยไม่ฟื้น ซึ่งชาวบ้านจะไม่ค่อยนิยมใช้ยาสั่งประเภทนี้เท่าไหร่นัก เนื่องจากเรงว่าผู้ถูกใส่ยาจะสงสัย หรือล่วงรู้เพราะยาสั่งออกฤทธิ์เร็วเกินไป


    ๒. ยาสั่งชนิดที่เมื่อรับเข้าไปแล้ว จะออกฤทธิ์ หรือ มีผลต่อเมื่อรับประทานอาหาร หรือเครื่องดื่มที่จะทำปฏิกิริยากับยาสั่งนั้นเข้าไป

    ..... จะเป็นอาหารหรือเครื่องดื่มอะไรนั้นแล้วแต่ผู้ที่ใส่ยาสั่งนั้นจะประสงค์ เช่น เหล้า เนื้อวัว หน่อไม้ เนื้อไก่ เป็นต้น ถ้าไม่กินสิ่งเหล่านี้เข้าไปจะไม่เกิดผลแต่อย่างใด ไม่ว่าจะนานกี่ปีกี่เดือน ชาวบ้านส่วนใหญ่จะนิยมใช้ยาสั่งประเภทนี้ และเมื่อพูดถึงยาสั่งแล้วเป็นที่เข้าใจกันว่าเป็นยาสั่งชนิดที่ว่านี้

    ลักษณะของยาสั่ง

    ........ ลักษณะของยาสั่งที่นิยมใช้กันมาก ได้แก่ ชนิดที่เป็นผงสีเทา ซึ่งประกอบไปด้วยยาหลายชนิดแล้วแต่ผู้ทำว่าจะใช้สูตรใด บางสูตรก็มี ๓ ชนิด บางสูตรก็มี ๖-๗ ชนิด ส่วนรายละเอียดของตัวยาว่ามีอะไรบ้างผสมกับอะไรนั้น ผู้เขียนไม่อาจจะเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวนั่นได้ ตัวอย่างเช่น “ส่วนผสมของยาสั่งประกอบด้วยพืช และ สัตว์บางชนิด หรือ อาจจะใช้ทั้งพืชและสัตว์ผสมกัน ส่วนที่ผสมจากพืชนั้นเช่น

    ๑. ผลของต้นสบู่ดำ

    ๒. หัวกระเทียมบดใส่ขวดฝังดินไว้เอาส่วนที่เป็นเชื้อราใช้

    ๓. รากมะกอก

    ๔. รากจำปูเม็ดสีแดงเห็ดร่างแห

    ๕. หัวต้นหนอนตายหยาก

    ๖. ฯลฯ บางชนิดใช้ลำต้นเสียบเนื้อย่างให้รับประทาน จะทำให้ผู้รับประทานนั้นนอนหลับตาย

    ..... ส่วนผสมที่มาจากสัตว์นั้น เช่น ดีนกยูง ดีปลาช่อน ปั๊วแดง คางคกแดง จิ้งเหลนแดง ค้างคาวแดง หนูหริ่งหรือหนูยวง หัวงูเห่า

    ..... นอกจากนี้ยังมีส่วนผสมที่เป็นสารเคมี เช่น น้ำกรด ยาฆ่าแมลง ยาฆ่าหญ้า วิธีการปรุงยาสั่งส่วนใหญ่จะเอาส่วนผสมเหล่านั้นย่างไฟ แล้วเอามาบดรวมกัน เอาให้สัตว์กินเข้าไป เมื่อสัตว์นั้นตาย เอาสัตว์นั้นไปย่างให้กรอบ แล้วนำมาบดเป็นผง แล้วนำไปปลุกเสกตามวิธีทางไสยศาสตร์ เวลาจะสั่งให้ใครตาย ก็นำยานั่นผสมกับน้ำหรืออาหารให้ดื่มกินเข้าไป ยานั้นก็จะเกิดปฏิกิริยาทางเคมีขึ้น ถ้ารักษาไม่ทันก็ต้องตายในที่สุด”


    ...... นอกจากนี้ยาสั่งยังมีลักษณะเป็นผงสีเทาดังกล่าวแล่วยังมีชนิดอื่นๆ เช่น ชนิดเม็ด ชนิดผงสีแดง หรือ สีอื่น ๆ ตามส่วนผสมของสมุนไพร ที่ผู้ปรุงยาต้องการให้เป็นชนิดน้ำ หรือ ชนิดผง แม้แต่ชนิดที่เป็นยางเหนียว ๆ คล้ายครีม หรือ วาสรีนก็มี ซึ่งแต่ละอย่างแต่ละชนิดจะมีคุณสมบัติและความเหมาะสมในการใช้ที่แตกต่างกัน เช่น ถ้าต้องการใส่กับเหล้าให้กิน ก็ต้องใช้ยาชนิดผงที่มีสักษณะสีเทาคล้ายกับเหล้าสาโท และ ถ้าต้องการใส่กับอาหารก็อาจจะใช้ประเภทน้ำ เป็นต้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเจตนาและโอกาสของผู้ที่จะใส่ยาสั่งนั้นต้องการอย่างไร เมื่อกล่าวโดยสรุปแล้วจะเห็นว่ายาสั่งนั้นมีลักษณะ ดังนี้

    ๑. ผง เป็นผงสีเทา หรือสีอื่นๆ ตามส่วนผสมของสมุนไพร

    ๒. เม็ด เป็นเม็ดสีเทา หรือสีอื่น ตามส่วนผสมของสมุนไพร

    ๓. น้ำ หรือยางเหนียวๆ

    ๔. เป็นส่วนผสมของของตัวยาที่ทำจากพืชและสัตว์หลายชนิดรวมๆกัน

    ๕. เป็นสารพิษในตัวเอง เป็นสารพิษในตัวเอง เมื่อกินไปแล้ว แก้ไขรักษาไม่ทันอาจถึงตายได้


    วิธีใส่ยาสั่ง

    ...... เนื่องจากยาสั่งเป็นสารที่มีพิษและเป็นอันตรายต่อผู้ได้รับสารนั้นเข้าไป การใส่ยาสั่งก็คือการทำให้ยานั้นเข้าไปอยู่ในร่างกายของผู้ที่จะถูกใส่ เช่น ใส่ปนเข้าไปกับอาหาร เครื่องดื่ม หรือของกิน ของขบเคียวทุกชนิด โดยซ่อนไว้ไม้ให้อีกฝ่ายหนึ่งรู้ตัว ส่วนใหญ่มักใส่ลงในเหล้า ในขณะที่นั่งดื่มด้วยกัน โดยซ่อนตัวยาไว้ที่ปลายเล็บของนิ้วโป้งหรือนิ้วหัวแม่มือ เวลารินเหล้าและยกแก้วเหล้าให้กิน ก็จะจับแก้วเหล้าแล้วถือโอกาสจุ่มปลายนิ้วหัวแม่มือลงไปในแก้ว ตัวยาก็จะละลายอยู่ในน้ำเหล้า ในกรณ๊ที่คนดื่อมเหล้าไม่ได้ หรือไม่ดื่มเหล้าก็ใส่ยาสั่งลงไปในอาหาร หรือเครื่องดื่มในขณะที่ผู้ที่จะถูกใส่ลืมตัวเผลอตัว ไม่คิดระแวงในเรื่องนี้ เมื่อใส่ยาสั่งเข้าไปในอาหารและดื่มกินเข้าไปในร่างกาย โดยส่วนใหญ่ยาสั่งจะไม่ออกฤทธิ์ทันที ซึ่งการออกฤทธิ์จะอาศัยผู้ใส่ยาจะไปทำพิธีทางไสยศาสตร์ โดยร่ายมนต์คาถา บางคนใช้หุ่นขี้ผึ่งแทนตัวผู้ถูกใส่ยาสั่งวางไว้หน้าโต๊ะพิธี แล้วเสกคาถาใส่หุ่นขี้ผึ่งนั้น ปล้วก็สั่งไปว่าจะให้ผู้ถูกใส่ยาสั่งมีอาการเป็นอย่างไร จะให้ตายเร็วหรือตาช้าๆอย่างทรมาน หรือจะให้ตายเฉพาะกินอาหาร หรือเครื่องดื่มชนิดใดลงไป ซึ่งเป็นชนิดที่สั่งกำกับมากับตัวยาสั่งชนิดนั้นๆ และเมื่อผู้ถูกใส่ยาสั่งไปกินอาหาร หรือเครื่องดื่มชนิดนั้นเข้าไปเมื่อใด ยาสั่งก็จะออกฤทธิ์ภายในหนึ่งวันหรือหนึ่งคืนหลังจากกินอาหารหรือเครื่องดื่มชนิดนั้นเข้าไป

    วิธีป้องกันยาสั่งและรักษาเบื้องต้น

    ...... ชาวบ้านส่วนใหญ่นอกจากหมอทางไสยศาสตร์แล้ว ไม่มีใครรู้วิธีการป้องกันรักษาเมื่อถูกยาสั่งเลย แต่เชื่อกันว่ามีทางป้องกันรักษาโดยหมอไสยศาสตร์เท่านั้น ส่วนหมอแผนปัจจุบันยังไม่เชื่อว่าจะสามารถรักษาได้ เพราะเท่าที่ผ่านมาก็จะทำการรักษากันเองตามแบบไสยศาสตร์ โดยคาถาอาคมควบคู่กับสมุนไพรบางชนิด ซึ่งมีทั้งชนิดต้ม และ ชนิดผงใส่น้ำดื่ม หลังจากดื่มแล้วก็จะถ่าย และ อาเจียนออกมาหมด เหมือนกับการกินยาถ่าย และ วันต่อมาก็จะหายเป็นปกติ

    สำหรับตัวยาที่ใช้ป้องกันรักษาเมื่อถูกยาสั่งนั่นเท่าที่จะสังเขปออกมาได้มี ดังนี้

    ๑. ป้องกันก่อนดื่มหรือกินน้ำอาหารนั้น ต้องทำการทดสอบก่อนว่าในนั้นมียาสั่งเจือปนอยู่หรือไม่ ซึ่งทำได้โดยการเอางาช้างที่ตัวมันเองไปแทงหักไว้กับต้นไม้ แล้วนำงาช้างนั่นออกมาให้อาจารย์ไสยศาสตร์ลงของหรือลงคาถาให้ ซึ่งเมื่อลงคาถาปล้วเชื่อว่าเป็นของดี ไปไหนมาไหนถือติดตัวไปด้วย เมื่อเวลาสงสัยว่าในอาหารมียาสั่งปนอยู่หรือไม่ก็ เอางาช้างนั้นจุ่มลงไปในอาหารนั้น ถ้าหากงาช้างปกติแสดงว่าไม่มีอะไร แต่ถ้าหากงาช้างนั้นเปลี่ยนสีจากสีขาวเป็นสีคล้ำก็แสดงว่าในอาหารหรือเครื่องดื่มนั้นมียาสั่ง ก็ให้งดอาหารหรือเครื่องดื่มนั้นเสย หรือหากเผลอกินเข้าไปแล้วต้องรีบไปหาหมอทางไสยศาสตร์มารักษาทันที ไม่เช่นนั้นอาจตายได้

    ...... ในบางครั้งอาจจะใชโลหะเงินตรวจดูซึ่งปกติแล้วยาพิษจะทำปฏิกิริยากับเงินเป็นสีดำคล้ำ แต่โดยการทดสอบหายาสังบางประเภทแม้จะใช้เงินตรวจ หรือตรวจด้วยวิธีอื่นแบบหายาพิษโดยทัวไปบางครั้งก็ไม่อาจจะพบได้ ยาสั่งบางชนิดไม่สามารถที่จะตรวจสอบได้ด้วยวิธีการหายาพิษในอาหรเช่นปัจจุบัน เห็ดพิษอาจจะตรวจสอบด้วยกระเทียมหรือข้าวสาร แต่ถ้าถูกนำมาทำเป็นยาสั่งก็ไมอาจจะจับได้ว่ามียาพิษ


    ..... หลักการตรวจสอบที่ตายตัวจริงๆนั้น ท่านให้ใช้จิตทีฝึกมาดีแล้ว ตรวจด้วยสมาธิ และคถกันคุณไสย์ต่างๆก็สามารถใช้จับทิศกรหาว่าในอาหารนั้น พิจารณาว่ามียาสั่งอยู่หรือไม่ก็ทำได้

    ๒. เมื่อเผลอกินอาหาร หรือ เครื่องดื่มที่มียาสั่งปนอยู่เข้าไปแล้ว ก็ให้รีบไปหาหมอทางไสยศาสตร์หรืออาจจะใช้ตัวยาสมุนไพรต่อไปนี้มาต้มกินหรือฝนกับน้ำให้กิน ซึ่งสามารถช่วยชีวิตไว้ได้เช่นกันหรืออาจจะถ่วงเวลาได้ในระยะหนึ่งกว่าจะหายาแก้ยาสั่งนั้นได้

    ๒.๑ ชนิดยาต้ม ปนะกอบไปด้วยสมุนไพร ๔ ชนิด และมีการเสกคาถาอาคมใส่เข้าไปด้วย ได้แก่

    ๑. สารส้มเขียว

    ๒. ต้นประเดียลกรัญ หรือโลทนงแดง

    ๓. ต้นตระยอง หรือ ประยงค์ป่า หรือพระเจ้าห้าพระองค์

    ๔. ว่านพญาขาว ทั้งตัวผู้และตัวเมีย

    ๒.๒ ชนิดฝนกับน้ำมี ๕ ชนิด ได้แก่

    ๑. สารส้มเขียว

    ๒. รากขปงต้นรุไร หรือเสลดพังพอนตัวผู้

    ๓. ต้นและรากของรุกัด

    ๔. รากของต้นตะขบ หรือตะขบ

    ๕. พระเจ้าห้าพระองค์

    ๒.๓ ชนิดว่าน ใช้ใบว่านจืด หรือ รางจืด ประมาณ ๑๒ ใบ ตำผสมน้ำซาวข้าวประมาณ ๖ ช้อนโต๊ะ หรือจะใช้รากรางจืดฝนกับน้ำซาวข้าวให้ดื่มก็ได้ จะทำให้ผู้ถูกยาสั่งปลอดภัยได้ภายใน ๑ ชั่วโมง

    บทความยังไม่สมบูรณ์ ... ท่านผู้เขียนได้ให้ข้อมูลน่าสนใจมากคะวันหลังจะนำมาเสนออีกคะ
     
  13. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,552
    ค่าพลัง:
    +18,998
    เราควรหายาเสน่ห์มาใส่ในลาบ น้ำตก ซกเล็ก เลือดแปง เพื่อให้ลูกค้ากินแล้วหลงเสน่ห์ปลายจวัก กลับมากินที่ร้านบ่อยๆดีไหมล่ะ
     
  14. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,424
    ค่าพลัง:
    +35,040
    ช่วงนี้พอมีประสบการณ์เรื่อง ลมเพลมพัดบ้างแล้ว...
    แหมๆ เสียงที่มาชัดเจนจริงๆด้วยครับ ป๋า มิงค์ แอน กาลีนะ ฟัง
    เป็น ๒ ช และ ๑ ญ ร่วมกันทำครับ
    ..ว่าไปแล้วก็ตื่นเต้นไปอีกแบบ..
    เมื่อก่อนเคยแต่ได้ยินเขาเล่าให้ฟังเฉยๆ แต่ก็เฉยๆไม่ได้สนใจนะ..
    ขอดูสถานะการณ์ไปก่อน.เพราะไม่คิดโต้ตอบกลับ
    และไม่เคยคิดทำร้ายใครก่อนครับ แต่ถ้ายังไม่เลิกและมีเหตุการณ์แบบนี้อีก
    ในระบบภาคทิพย์และพันธมิตที่สนับสนุน
    จำเป็นจะต้องมีการป้องกันตัวและโต้ตอบกลับบ้าง
    ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบโดยตรงกลับคนที่ทำได้...
    ส่วนระบบภาคหยาบแบบลืมตาปกติ ก็จำเป็นจะต้องป้องกันตัวเช่นกัน...
    เล่าให้ ป๋า มิงค์ฟังและเล่าสู่กันฟังเล่นๆขำเน้อ..
    ปล.เบื่อมากกลับการไปไล่เก็บซากสัตว์ตายเนี่ย ๕๕๕..
     
  15. Kalina

    Kalina เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2013
    โพสต์:
    931
    ค่าพลัง:
    +4,042
    ... ห่วย แบบป๋านบยังมีคนจะทำอีกเหรอคะ .. หนูก็ไม่เข้าเว็ปนี้นานละคะ มาแบบแว๊บ ๆ ไม่มีอารมณ์อยากเขียนเล่าอะไร .. เพื่อน ๆ ก็พากันยุให้กลับมาเขียนเหมือนกัน .. แต่ส่วนตัวอยากพักดีกว่า .. บ้าบอไปวัน ๆ ไม่เครียดดี จนบางคนเป็นห่วงหาว่าหนูเข้าขั้นเพ้อไปแหละ ... แต่ตัวจริงไม่มีอะไรคะยังคงใช้ชีวิตปกติไปวัน ๆ เช่นเดิม .. แค่เบื่อหน่ายหลาย ๆ อย่างเท่านั้น ...

    .... ส่วนการส่ง " ลมเพลมพัดใส่คนอื่น " ก็มีคนไม่กี่จำพวกหรอกคะที่คิดจะทำ คือ พวกที่อยากหันหลังให้พระพุทธเจ้าเท่านั้นแหละคะ ... เพราะของพวกนี้ .. โดยมากก็สายดำทั้งนั้น ... ส่วนตัวไม่นิยมคะ .. ถ้าไม่ชอบใครอย่างมากก็ด่าเฉย ๆ ไอ้จะส่งของไปทำร้ายคนอื่นนี้ไม่คะ .. กลัวตกนรกเหมือนกันนะคะ .. แถมเาแก้ของได้ ... จะตายไม่ดี แถมซวยอีกต่างหาก ...

    ... ขอเป็นกำลังใจให้ป๋านะคะ .. คนเราทุกคนย่อมมีลิมิตของตนเองทั้งนั้น ..
     
  16. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,552
    ค่าพลัง:
    +18,998
    ผมว่าลมเพลมพัด...(นี่เกือบจะร้องเป็นเพลงแล้วนะ...แต่ว่าเสียงอุบาทว์มาก ต้องแอบร้องในใจ..ผิดคีย์อีกตะหาก...เวงกำ)
    คือลมเพลมพัด เป็นการปล่อยของจากการร้อนวิชา...ปล่อยไปไม่เจาะจง...ใครซวยก็โดนไป...มักนิยมปล่อยกันช่วงหัวค่ำของวันโกน...

    ถ้าไม่มีกฎของกรรมเข้ามาแทรก...ยังไงซะก็ไม่โดนเข้ากับสิ่งเหล่านี้...
    แต่ถ้าทำคุณไสยนี่เจาะจงกันตรงๆตัว...ทำใส่มา ถ้าอารมณ์ดีๆก็แผ่เมตตาไป ของที่ทำมาก็เบี่ยงออก...มันไม่เข้าตัว...
    ถ้ารำคาญมาก็ ดับวิชาฝ่ายตรงข้ามก่อน แล้วใช้กสิณขยายสิ่งที่ทำมา จากนั้นก็ซัดกลับไปแบบหมดแม็ค....แล้วก็โหสิๆๆๆๆ....โสๆๆๆๆๆ....(อันนี้ประชด...เพราะขนาดนี้แล้วคงไม่อโหสิล่ะนะ....)

    ปกติผมไม่ค่อยไปยุ่งวุ่นวายอะไรกับใคร...พยายามอยู่ห่างๆอย่างห่วงๆ คุณไสยทั้งหลายก็ไม่ได้เข้าไปยุ่งด้วย...ให้ไว้แต่คำแนะนำดีๆประสาเพื่อนพ้องน้องพี่...ก็ไม่ค่อยมีใครจะมาอะไรสักเท่าไรนะ...วันๆสวดมนต์แผ่เมตตา ตีหัวหมาด่าแม่เจ๊ก ของเราไปเรื่อยเปื่อย...ไม่มีอะไรนิ...
     
  17. ราคุเรียวซาย

    ราคุเรียวซาย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    2,940
    ค่าพลัง:
    +8,515
    อืม...

    หนูว่าดี น่ะค่ะ

    ถ้าว่าเราโดนของถูกของ แล้วก็ รู้ว่า ผิดปกติ เราโดนของ

    ข้าน้อยยังคิดๆ ว่าถ้า ตัวเอง ต้องอาถรรพ์ นี้ ตัวเองจะสังเกตุตัวเองออกรึป่าว
    รึ ทางบ้านจะ ดูออกเข้าใจ อาการเรารึป่าว

    ไม่แน่ใจ เลย คิดแล้ว ก็ กลุ้มใจ
     
  18. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,424
    ค่าพลัง:
    +35,040
    พอเข้าใจกาลีนะ คนที่ทำคงมีเหตุผล
    หลายๆอย่างแต่ที่แน่ๆคือคงอยาก
    เปลี่ยนภพภูมิก่อนเวลาอันควร ๕๕๕
    และคงมีความมั่นใจตัวเองสูง ว่าสิ่งที่ตนมี
    จะคุ้มกะลาหัวตัวเองได้ ๕๕ กับที่ราคุที่เล่ามา
    ก็พอเข้าใจถือว่าเป็นวิบากกรรมของเค้า
    แต่สิ่งที่จะสูญเสียตามมาคือความเป็นตัวของตัวเอง
    และสติที่จะหายไป
    ว่าไป
    เรื่องเสียงก็เหมือนที่ ป๋า มิงค์ ว่าจริงๆคับ
    จะว่าออกแนวอุบาทว์หรือน่ารักก็ได้ครับ ๕๕๕
    และมานึกดูก็มาวันโกนจริงๆด้วยครับ
    มาก่อนวัน พุทธาพิเษก พระมหาเจดีย์ฯด้วยครับ
    ดีนะว่าไปฉิ้งฉ่องเสร็จเรียบร้อยแล้ว เลยอารมย์ดี
    ไม่โมโหเพราะปวดฉิ้งฉ่อง เลยไม่ได้ระเบิดฟอร์ม
    เหมือนตอนที่พวกภูตอสูรกายที่คิดจะมาทำร้ายเหมือน
    สมัยที่พึ่งได้กสิณใหม่ๆเมื่อ ๓ ถึง ๔ ปีก่อนครับ
    พวกนี้เหมือนกันอย่างคือมาให้เห็นให้รู้แม้กระทั่งตอนที่ลืมตาปกติ
    ก็เลยจำเป็นต้องทำตอนลืมตาปกติเช่นกันคับ

    พวกนี้มันคงคิดว่าทำได้แค่ในจินตนาการเหมือนที่พวกมันเป็นครับ
    มันคงไม่เคยเจอแบบที่ทำให้สัมผัสได้รับรู้ได้
    ใช้ได้แม้ในเวลาลืมตาปกติครับ
    เคยคิดเล่นๆคับ(แค่อารมย์ชั่ววูบ)ถ้ามันไม่เลิกทำ
    จะเปลี่ยนพิกัดไปดึงพวกภูมิ
    อสูรที่เป็นเบื้องหลังพวกนี้ออกไปให้เหี้ยน ล้างบาง
    ยกแก๊งไปเลยอยู่ครับ
    ปกติทำเฉพาะคนที่โดนแทรกที่ถึงวาระต้องช่วย
    หรือคนที่โดนของหรือดึงเฉพาะวัตถุเท่านั้น
    สุดท้ายก็เลยแผ่เมตตาไปให้
    (เกี่ยวกันไหม ๕๕๕)
    มานึกๆดู ถ้าระเบิดฟอร์มไปวันนั้น คงสอบตกเรื่องเมตตาแน่
    ไม่งั้นวันต่อมาท่านช้างเอราวัณ
    กับท่านที่มาด้วยบวกกับกองทัพเทวดาทั้งหลาย
    ท่านคงไม่มาเรียกผมถึงห้องแน่นอนว่าพิธี
    จะเริ่มแล้วนะก็เป็นได้ครับ ทำให้ได้รูปพระอาทิตย์
    ทรงกลดสวยๆเอาให้ชมกันในกะทู้ปถุชน
    คนช่างสงสัยในห้องหลุมดำนั่นหละครับ
     
  19. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,552
    ค่าพลัง:
    +18,998

    ถ้าพายุ กลายเป็นคน สุภาพ เรียบร้อย พูดน้อย ใจเย็น...แบบนี้ชัดเจนว่าโดนของ...หนักมาก...แก้ยาก...
    แต่ถ้าพายุ บ้าๆบอๆ ติงต๊อง...ไร้สาระ...แบบนี้แสดงว่าไม่ได้โดนของ...แต่ว่าอาการดูเหมือนจะหนักกว่าโดนของ...เพราะแก้ไม่ได้...:':)'(
     
  20. ราคุเรียวซาย

    ราคุเรียวซาย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    2,940
    ค่าพลัง:
    +8,515
    วันไหนง่วง ๆ หนูก็สุภาพ เรียบร้อย นะคะ

    ตอนหลับ แม่ก็ชมประจำว่า ลูก ขรึม เรียบร้อย น่ารักมากด้วยค่ะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...