เทคนิคและประสพการณ์การเอาตัวรอดในต่างแดนยุคเก่า..ของคนรุ่นก่อน..

มีความรู้สึกเหมือนคุณลุงเลยอ่ะจ่ะ

เดินถ่ายรูปตากแดดร้อนเปรี้ยง
ได้รูปมาก็มาแต่ง มาย่อให้เล็กลง
แล้วก็นำมาเขียนเรื่องราว ตั้งกระทู้
หาข้อมูลมาเรียบเรียงใหม่
ทำไปจนปวดเอ็นข้อมือ ปวดตา

ส่วนมากเข้ามาดู แต่ไม่มีปฏิกริยาตอบกลับ
เหมือนคุยอยู่คนเดียว
ไม่รู้จะ ตั้งกระทู้ไปทำไม
คิดว่า จะเพื่อเผยแพร่ความรู้
แต่ทำแล้ว ท้อ....

 

......................................
...ผมเห็นผลงาน..หลานสร้อยฟ้า..แล้ว..ผมก็รู้สึกว่า..
..ห้องนี้แปลก...ไม่มีปฎิกริยาอะไร..ขนาด..รูปของหลาน..นี่..ฐานะผมก็นักถ่ายภาพรุ่นก่อน..ถือว่า...
..ทั้งไอเดีย..มุมกล้อง..ความเข้าใจใน..แสง..และ..เงา..ก็ถ้าเป็นมือสมัครเล่น..ก็แถวหน้า..
..ของประเทศเลย....คนถ่ายภาพ"เป็น"นี่..กว่าเขาจะเลือกอย่างที่ต้องการได้แต่ละช็อต..เขาต้องเสียเวลาคิด..ประสาน..ไอเดีย..จัดภาพ..แสง-เงา..เข้าด้วยกัน...แล้ว..หลานก็ถ่ายเยอะมาก..เลือกเอามาลง..ก็ระดับ..ประกวดได้ทั้งนั้น...แถมยังอุตส่าห์เล่าเรืองการเดินทางเอง..เหมือนนำเที่ยวไปในตัว....
.............
...มันยิ่งกว่าของลุงอีก..แต่ผลตอบรับ..แทบไม่มี...
..การสละตัวอักษร..ที่จะพิมพ์แค่..ไม่ถึง..สิบตัว..เพื่อสร้างกำลังใจ..ให้เจ้าของกระทู้อย่างหลานนี่..มีน้อยเจ้ามาก..มีก็เจ้าเดิมๆ..สองสามคน..แล้วก็จบ..
................
.....ผมไม่แปลกใจหรอก..ที่หลังๆนี่..หลานสร้อยฟ้า..ไม่เอา..เรื่อง..เอารูป..มาลง..อีก..ก็ดีแล้วที่นี่..เขาชอบเงียบๆ..ก็ปล่อยให้เงียบไป...ผมสงสัยเหมือนกันว่า...ชื่ออะไรแน่.."ห้องท่องเที่ยว-อาหารการกิน"...
.............หรือ.............
...."....ห้องหุ่น..."

 

...................
.........เขียนต่อ..เพราะขอมา.............
...................................
.........................
..............ป่าไม้ที่แทรกตัวอยู่ใน..ตัวมหาลัยนั้น..มันลงตัวมาก..ร่มรื่นสวยงาม..ไม่ว่าไปที่ไหน
..ยกเว้นสนามกีฬา..ก็อยู่ใต้ร่มเงาไม้ใหญ่ที่สวยงาม..ทั้งสิ้น..หลายคนศิษย์เก่าม.เกษตร..
บางเขน..หรือ.จุฬาฯ..อาจเถียงว่า..ของข้อยก็เป็นหยังซี่...แต่บ้านเรามัน..ตั้งใจปลูก..และ..
ความหลากหลายของ..พันธุ์ไม้..น้อย..แล้วก็เป็นกลุ่มๆ....แต่ที่นี่..เขาสร้างมหาวิทยาลัย..
บนพื้นที่ๆเป็นป่าเดิม..เขาได้ธรรมชาติของแท้..มาเป็นหลัก..แล้วบางส่วนก็เสริมเข้าไป..
แต่ยึดหลักเลียนแบบ..ธรรมชาติ..ตรงนั้น....
.........ดังนั้นบรรยากาศใน..มหาวิทยาลัย..มันก็เหมือนเข้าไปอยู่ในป่าเขาชายทะเล..จริงๆ..
แต่..คนที่อยู่พื้นราบเป็นหลัก..แล้วมาเรียนที่นี่..ก็คงต้องใช้เวลาปรับตัวพอสมควร...อยู่ใน
อาคารเรียน..หอประชุม..หอพัก..คุณเดินราบได้..แต่พอออกนอกอาคาร..ก็ต้องเจอ..
เดินขึ้น..เดินลง..เป็นส่วนใหญ่..แต่ผมว่า..สุขภาพของนักศึกษาที่นี่..ส่วนใหญ่ต้องแข็งแรง
แน่...ต้นไม้..ก็จะมีทั้ง..เมเปิล..กิงโกะ(ใบหยักๆ..ที่บ้านเราเอามาทำเป็นชาใส่ขวด..แปะก๊วย)
..เชสนัท..และ..ฯลฯ....กระจัดกระจาย..ไม่รวมเป็นกลุ่มแบบธรรมชาติจริงๆ....
......นอกเหนือจาก..มีมหาวิทยาลัยที่สวยงาม...แล้ว..ยังมีย่านวัฒนธรรมตะวันตก..หรือเรียกว่า
..ย่านยุโรป(คงรวมอเมริกาด้วย)..ซึ่งผมก็ไม่ทราบว่า..หลังแผ่นดินไหวใหญ่แล้ว..เขากลับ
มาสร้างได้เหมือนเดิม..รึเปล่า..แต่ยังไง..มันก็คงไม่ได้ความรู้สึกแบบเดิม...
...................ที่นี่เดิมนั้น..จะต่างจาก..นางาซากิ..เพราะ..ยุโรปพวกแรกที่มาติดต่อกับ..ญี่ปุ่น
นั้น..มีมาก่อนหน้า..สมัยเอโดะ(ยุคปกครองโดยโชกุนตระกูลโทกุกาวะ)..มีมาตั้งแต่ยุค..ที่เรียก
ว่ายุค..เซ็นโกขุ..หรือ..ยุคสงครามกลางเมือง..กว่า ๔๐๐ ปีก่อน..ซึ่งจะเข้ามาทางใต้..
...ซึ่งเมืองท่าหลักคือ..นางาซากิ..จนมีชาวยุโรปตั้งบ้านเรือนกัน..มากมาย.....
.........แต่..ยุโรป..ที่เข้ามาทีหลังมีไอ้กัน..เป็นตัวนำ..เข้ามาในปลายยุคเอโดะ..(โดนไอ้กันเอา
เรือมาปิดอ่าว..บังคับให้เปิดประเทศ..)..พอเข้ายุคเมจิ(ยุคของจักรพรรดิเมจิ..ตรงกับ..สมัย
รัชกาลที่ ๕ )...ทั้งยุโรปกับไอ้กัน..ก็แห่กันเข้ามา..ทำมาค้าขาย...แล้วท่าเรือสำคัญในการติดต่อ
..ก็คือ..โกเบ....ดังนั้น..จึงเกิดชุมชนของฝรั่ง..ที่มาทำมาค้าขายที่นี่...อยู่กันเป็นย่านเลย...
...นอกจากวัฒนธรรมที่เอามาเผยแพร่จน..เรียกว่า..คนญี่ปุ่นที่อยู่ที่โกเบนี่..อาจจะทันสมัย..
หัวก้าวหน้า..เป็นฝรั่ง..ยิ่งกว่า..โอซาก้า..นาโงย่า..โยโกฮามา..หรือ..โตเกียวด้วยซ้ำ...
....บ้านเรือนฝรั่งที่มาปลูกที่นี่..ไม่เหมือน..กับที่ฝรั่งไปปลูกในแถบ..เอเซียอาคเนย์..เอเซียใต้
..หรือ..ในเซี่ยงไฮ้..มาเก๊า..ฮ่องกง...เนื่องจาก..โกเบ..มีภูมิอากาศ..เหมือนกับ..ยุโรป..
...คือ..มีอากาศเย็น..แม้จะอยู่ในหน้าร้อน..และ..หิมะตก..ในหน้าหนาว..มีฤดูใบไม้ร่วง..ที่
อากาศเข้าขั้นหนาว....ที่เป็นเช่นนั้น..เพราะ..โกเบ..อยู่ติดทะเล..ลมจากทะเลเข้ามาลดความ
ร้อน..ในช่วงหน้าร้อน..ขณะเดียวกัน..เมืองอยู่เลาะอยู่เชิงเขาสูง..หิมะ..จึงตกได้มาก..
.........ฝรั่งมันก็เลย..เอารูปแบบ..บ้านเมืองที่มันอยู่จริงๆ..มาสร้างกันอยู่ที่นี่..มีเตาผิง...
...ต่างจากแถบ..บ้านเราที่เรียกกันว่า..โคโลเนียลสไตล์..ที่มีการดัดแปลง..ไม่ว่าจะเป็นปูน..
หรือ..ไม้..เพื่อรับมือกับ..อากาศที่ร้อนชื้น..ไม่ใช่สไตล์ที่แท้จริงของบ้านมัน....
.........มันก็เลยเกิด..สีสรรและบรรยากาศที่แปลกตา..คือถ้าคุณไปอยู่แถวย่านนั้น..มันจะมี
บรรยากาศ..เหมือนคุณอยู่..ยุโรป..เพราะ..เพราะมีบ้านแบบนี้อยู่กันเป็นจำนวนมาก..เท่าที่
ผม..สอบถามกับเจ้าหน้าที่..ท้องถิ่น..บอกว่า..เมื่อก่อนมีสงครามโลกครั้งที่สอง..ชุมชนยุโรป
ที่นี่ใหญ่มาก..มีบ้านแบบยุโรป..มากกว่าที่ผมเห็นในตอนนั้นเป็นเท่าตัว..แต่เนื่องสงคราม..
ทำให้ฝรั่ง..ส่วนใหญ่..อพยพกลับ..อีกส่วน..ก็โดนไอ้กันมาทิ้งระเบิดทำลาย..บ้านหลังสงคราม
ก็ไม่มีใครอยู่..เป็นส่วนใหญ่..ส่วนนึงก็ถูกรื้อแปรสภาพไป..แต่อีกหลายส่วน..เหล่าผู้มีฐานะ..
ที่เป็น..คนโกเบ..และ..ต่างเมือง..ก็มาซื้อไว้..เพราะเสียดายความงาม..และช่วงพัฒนาหลัง
สงคราม..เมืองโกเบเองก็เห็นความสำคัญว่า..ที่นี่มันเหมือนเป็นเอกลักษณ์ของเมือง..ก็เลย
ช่วยสนับสนุน..อนุรักษ์ไว้.....
............ช่วงตอนนั้น..ที่ผมไปเดินดู..ผมก็ว่ามันสวยดีเท่ห์..คล้ายๆรูปถ่ายบ้านพวกฝรั่ง....
..แต่ผมไม่ได้ความรู้สึกเต็มที่..เพราะตอนนั้น..ผมไม่เคยไปยุโรป..รู้จักแต่ในรูป..ในหนัง....
....จนเมื่อ..ได้ไปยุโรปแล้ว..จึงGETได้เต็มที่....
...........................
......อีกอย่างที่..ทำให้เมืองนี้มีเสน่ห์สำหรับผมคือ..”เมืองบน”..ผมเรียกของผมเองนะครับ..
ใครมาอ่าน..แล้วไปหาข้อมูล..แล้วหาไม่เจออย่าแปลกใจ...เพราะ..ผมแยก...โกเบ..ออก
เป็น..สองส่วน...ที่ผมเล่าไปแล้ว...นั่นผมเรียกว่า..”เมืองล่าง”....แต่ที่ทีเด็ด..ทำให้คนทั่วไป
..หรือ..แม้แต่คนต่างชาติ..รู้จักนะ..มันอยู่ที่..”เมืองบน”..ครับ...

...........

CREDIT : JAPANVISITOR.COM.....

................

CREDIT : city.kobe.lg.jp


...............................................
...ถ้าอยากอ่านต่อ...ต้องขอมา....
................................................

..................

 

*******************
ท่านสร้อยฟ้ามาลาน้อยใจนี่เองจึงเงียบหายไป ที่จริงคนที่เข้ามาดู ในใจพี่เองก็คิดว่าไม่ค่อยกล้าถามหรือเม้นอะไรเพราะจะทําให้ขาดตอนคล้าย Interruption นะคะ พี่อายุมากหน่อย บางคนเขียนตัวเล็ก อยากอ่านแต่สายตามันไม่สู้ คนเราต่างจิตต่างใจ (ถ้าเขียนแบบ บรรเทิงเริงลม คงจะมีคนเข้าเป็นล้าน เคยแวะไปดูพวกหนังหรือเพลงรักๆใคร่คนเข้าเป็นล้านๆ พอมาดูทางศาสนา คนเข้าฟังหรือดูไม่กี่พัน...น่าเศร้า) ดูจากตําราหรือการเขียนสมัยเก่าสิคะที่คนรุ่นเราไปงัดไปค้นเอามาอ่านมาแปล....ของลายครามมีค่าเสมอ (f)
*ไปต่างประเทศนี่ เขาว่ากันว่า"พูดภาษาอังกฤษเสียเมื่อยมือเลย"

 

เมื่อ ๗ ปีก่อน ห้องนี้จะครึกครื้นมากอ่ะจ่ะ คุณลุง

พอโพสต์ปุ๊บ คนจะเข้ามาเยอะมาก
ทั้งสมาชิก ทั้ง คนนอก
จะเข้ามาคุยเล่นกัน
ทั้งสมาชิกที่เป็นเพื้่อนคุยกันประจำ และสมาชิกที่ไม่รู้จักก็มาทักทายกัน

จะไม่เป็นเหมือนตอนนี้ เงียบมาก
คงจะเป็น ห้องหุ่น อย่างที่คุณลุงว่าอ่ะจ่ะ

 

ไม่ถึงกับน้อยใจอ่ะจ่ะ คุณพี่ supatorn
แต่เบื่อและท้อ

ตอนนี้ถ้าจะเขียนกระทู้อีก ก็ยังมี ๒ เรื่อง ที่สามารถเขียนได้
หลายครั้งจะย้ายไปเขียนห้องอื่น ก็เป็นการตั้งกระทู้ไม่ตรงห้อง

 

****************
ทําๆไปเถอะค่ะ ถึงจะไม่มีตัวตนก็เป็นการทําความดีและเป็นวิทยาทานค่ะ (หุ่นก็ยังมีคนดูนะคะ ทําให้นึกถึงสมัยเด็กๆ ชอบดูมากเลย)({)({)

 

ติดตามอ่านมาตลอด...เป็นกำลังใจให้ครับ

 

................................
...ขอบคุณครับ.........

 

:'(All I can do is read. ( Company computer ) Not allowed me to modify my key board..555
Kop Kun Krup

 

หาไม่เจอค่ะ ยังนิํกว่าคุณเลิกเขียนแล้วเสียอีก วันนี้พบแล้วด้วยความบังเอิญแท้ๆ
ขอบอกว่า ดีใจค่ะ รีบอ่านต่อทันที เรื่องของคุณมีค่าน่าติดตามอ่านมากค่ะ ยังจำได้ไหมคะ ที่คุณบอกว่าเรื่องของคุณเขียนได้ยาวจนกระทั่งถิํงวันลอยกระทงเลย ขออย่าได้หมดกำลังใจที่จะเขียนเลยนะคะ ยังมีผู้อ่านอีกมากที่ติดตามอ่านอยู่ค่ะ แต่เป็นพวกไทยมือเฉยไงคะ เลยไม่ได้โพสต์ส่งกำลังใจมาให้คุณ

 

หนุกอ่ะลุง ชอบ ๆ ๆ ๆ

 

ปีกว่าๆ แล้ว ที่คุณลุงไม่ได้เข้ามาเขียนอีก....

 

นั่งอ่านกระทู้ของตนเองที่เคยเขียนไว้
ก็มาเจอโพสต์ที่คุณลุงเคยเขียนตอบ
ก็เลยมาเยือนกระทู้นี้แห่งอีกครั้ง

...ด้วยความเงียบงัน...