ผิดหวังเรื่องรักซ้ำๆ รักคนที่เขาไม่รัก เกิดจากกรรมอะไร

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย CJchonly, 11 กันยายน 2015.

  1. CJchonly

    CJchonly สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2014
    โพสต์:
    17
    ค่าพลัง:
    +4
    อยากรู้ว่าทำกรรมอะไรไว้ถึงได้ออกหักและผิดหวังเรื่องรักอยู่บ่อยๆ ไม่เคยสมหวังสักที และก็ยังจำอยู่คนเดียวๆที่เขาไม่ชอบเรา :':)':)'(
     
  2. ddman

    ddman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    2,046
    ค่าพลัง:
    +11,941
    กรรมให้ผิดหวังจากความรักคือกรรมประเภทมากชู้หลายใจในอดีตที่ตนทำไว้ กรรมย่อมจัดสรรค์ให้พบเจอคนหลายใจ ไม่จริงจัง ..นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่นเช่นหน้าตา รูปร่าง หรือจิตใจที่ขี้งอนขีโกรธ จู้จี้ ขี้หึง ฯลฯ หรือคำพูดเสียหายขี้บ่นฯลฯ เป็นต้น

    รักตนเองให้มากนั่นจะดีที่สุด เพราะเมื่อรักตนมากจะไม่คิดทิ้งตนไปหาคนอื่นให้มาอยู่ด้วย..

    เกิดมาคนเดียว ตายคนเดียว ฝึกอยู่คนเดียว ไม่กลัวการอยู่คนเดียว ย่อมหมดภาระหมดทุกข์หมดความกระสับกระส่ายในที่ทั้งปวง...
     
  3. CJchonly

    CJchonly สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2014
    โพสต์:
    17
    ค่าพลัง:
    +4
    ขอบคุณค่ะ :VO
     
  4. VERAJAK

    VERAJAK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    998
    ค่าพลัง:
    +1,579
    ความรัก ถ้ารักด้วยการยึดผลที่ออกมาย่อมเป็นทุกข์ พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า กามมีผลเป็นทุกข์ แต่ถ้ารักด้วยการให้ท่านจะได้รับโดยมิสิ้นสุด ความรักที่แท้จริงคือการให้ ให้ผู้ที่เรารักมีความสุขตามอัตภาพ มิใช่รักเพื่อการยึดมั่นถือมั่นว่าของเราถ้าเป็นรักแบบนี้รับรองผลได้นั้นคือทุกข์ แต่ถ้ารักด้วยการให้ท่านจะมีความสุขมีปิติ เหตุเพราะเมื่อท่านให้ความรักที่มีแต่เมตตาส่งออกไปไม่ว่าผู้รับจะเป็นใครเป็นมนุษย์เป็นสัตว์เมื่อเค้าได้รับความรักความปราถนาดีจากเราเค้าจะมีความสุข เราเองก็จะมีความสุข ดังเช่นท่านเห็นคนแก่จะข้ามถนนแต่รถเยอะท่านจึงช่วยพาคนแก่คนนั้นข้ามถนน คนแก่นั้นจะหันมาขอบคุณท่านและท่านจะอิ่มใจปิติสุขแค่คำขอบคุณเพียงคำเดียวเท่านั้นสามารถทำให้ท่านมีสุขมีปิติได้มากมายจริงๆ ถ้าไม่เชื่อท่านลองทำดูได้ครับ. แต่ถ้าท่านรักแบบจะเอาคือฉันรักเค้าเค้าต้องรักฉันต้องเอาใจฉันต้องทำนั้นโน่นนี้ให้ฉันไม่รู้จักพอ ท่านว่าเค้าจะรักท่านรึหนีจากท่านครับแต่ถ้าท่านรักและทำให้เค้าด้วยใจที่ปราถนาให้เค้ามีความสุขเมื่อเค้าไม่รับสิ่งที่ท่านให้ท่านก็ให้แก่คนที่เค้ารับไม่ดีกว่ารึครับการให้แก่ผู้ที่ไม่รับไม่ว่าท่านจะให้แค่ไหนเท่าไรเค้าจะไม่มีวันพอหรอกครับ แต่ถ้าท่านให้ด้วยสติด้วยปัญญาท่านจะรู้และเข้าใจว่าท่านควรทำและไม่ควรทำแค่ไหน จริงใหมครับ. เพราะฉะนั้นความรักที่มีสติและปัญญาจะทำให้ท่านมีความสุขมีปิติ แต่ถ้าท่านรักด้วยความโลภความอยากท่านจะทุกข์และผิดหวังและไม่มีความสุขตลอดเวลา. ท่านก็ใช้ปัญญาเลือกเอานะครับว่าจะรักแบบมีสติและปัญญารึจะรักแบบโลภและความอยาก. สาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 กันยายน 2015
  5. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    หลายใจหรือป่าว ^^ เห็นคนโน้นก็รัก เห็นคนนี้ก็รัก เห็นคนนั้นก็รัก ในอนาคต เห็นคนที่บลาๆๆๆก็รัก ทำให้ผิดหวังเรื่องความรักบ่อยๆ

    ในเมื่อเค้าไม่ได้รักเรา แล้วเราจะไปรักเค้าทำไม

    รักหรือหลงเค้าข้างเดียว

    แนะนำว่า รักคนที่เค้ารักเรา ดูนะครับ ^^

    .
     
  6. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819

    พระพุทธองค์ได้ตรัสแล้วว่า นอกจากจะเคยอยู่ร่วมกันมาแต่ชาติปางก่อน ก็มีอีกสาเหตุ ก็คือ ด้วยช่วยเหลือเกื้อกูลกันในปัจจุบัน



    บุคคล ที่เป็นเนื้อคู่กัน ต้องมีทานเสมอกัน มีศีลเสมอกัน มีปัญญาเสมอกัน


    แนะนำ จขกท ว่า ทำทาน รักษาศีล ภาวนา ให้มากๆครับ

    ถ้ายิ่งไกล้จะพ้นทุกข์ ปฏิบัติดีๆมากเท่าไหร่ มารเค้าจะพยายามขวางทางปฏิบัติเรา จะเข้ามาขวาง เค้าจะส่ง คู่กรรม มาขวางแน่นอนครับ
    หุๆ

    .
    .

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 กันยายน 2015
  7. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    บุคคล ที่เป็นเนื้อคู่กัน ต้องมีทานเสมอกัน มีศีลเสมอกัน มีปัญญาเสมอกัน


    ถาม :
    คนหนึ่งเข้าวัด อีกคนหนึ่งไม่เข้าวัด ?

    ตอบ: อยู่กันยากจ้ะ พระพุทธเจ้าท่านบอกเอาไว้ชัดเลยว่าบุคคล ที่เป็นเนื้อคู่กัน ต้องมีทานเสมอกัน มีศีลเสมอกัน มีปัญญาเสมอกัน อันใดอันหนึ่งบกพร่องก็รังแต่จะขัดกัน แล้วเกิดการทะเลาะเบาะแว้ง ถ้าขัดกันมากก็คงต้องเลิกรากันไป ทาน ศีล ภาวนา ต้องเสมอกัน คงจะยากนะ ตัดใจบวชชีเสียเถอะลูก เดี๋ยวนี้เขาส่งหาคู่ทางอินเตอร์เน็ตไม่ใช่เหรอ เฮ้อ...ไอ้การแต่งงานน่ะลูก มันเหมือนกะซื้อหวยแล้วหวังรางวัลที่ ๑ แต่ละงวดๆ มันพิมพ์มากี่สิบกี่ร้อยล้านก็ไม่รู้ แล้วมันก็มีรางวัลที่ ๑ อยู่รางวัลเดียวอย่างนี้ ลำบากจ้ะ

    เอกายโน อะยัง ภิกขเว มัคโค สัตตานัง วิสุทธิยา พระพุทธเจ้าท่านบอกว่า เป็นหนทางของคนเดียว สามารถนำพาสัตว์เข้าถึงความบริสุทธิ์ สองคนก็ไม่ใช่ โสกะปริเทวานัง สมติกะมายะ สามารถล่วงพ้นความทุกข์โศกทั้งหลายได้ ทุกขโทมนัส สานัง อัตถังคะมายะ ล่วงพ้นความทุกข์ความเศร้าเสียใจได้ ยายัสสะ อธิคะมายะ ธรรมทั้งหลายก็เจริญ จัตตาโร สติปัฏฐานา อันนี้เรียกว่า สติปัฏฐานทั้ง ๔ กตะมาจัตตาโร ๔ อย่างมีอะไรบ้าง อิธะ ภิกขเว ดังนี้ ภิกษุทั้งหลาย กาเย กายานุปัสสี วิหรติ ท่านให้พิจารณากายในกาย ว่าต่อไม่ได้จ้ะ เดี๋ยวหนูบรรลุ

    ธรรมดาของการเกิดมา ราคะ โลภะ โทสะ โมหะ เป็นสมบัติประจำร่างกายนี่ เมื่อเราอาศัยอยู่ในร่างกายนี้ มันต้องมีเป็นปกติธรรมดา เพียง แต่ว่ามันอยากมี ก็ให้มันมีไป เราไม่ไปใส่ใจกับมันก็หมดเรื่อง รัก โลภ โกรธ หลง ถ้าหากว่าเราไปนึกคิดปรุงแต่งกับมัน มันก็จะสนุกสนานไปใหญ่โตเลย ถ้า เราไม่ไปนึกคิดปรุงแต่งกับมัน ก็เหมือนกับก๋วยเตี๋ยวปรุงใส่น้ำเปล่าๆ ไม่มีชูรส ไม่มีน้ำปลา ไม่มีน้ำส้ม ไม่มีพริกขึ้นมา มันไปไม่รอดหรอก จืดสนิท ตายแหงแก๋ สำคัญตรงที่ว่าเราอย่าเผลอไปร่วมมือกับมัน ถ้าเผลอไปร่วมมือกับมัน ตัวจิตสังขาร คือตัวปรุงแต่ง มันก็ปรุงไปเรื่อย ต้องหล่ออย่างนั้น ต้องสวยอย่างนี้ไปเรื่อยเปื่อย ก็ทำให้ราคะ โลภะ โทสะ โมหะกำเริบ

    ถ้า เราหยุดอยู่กับการภาวนา หยุดอยู่กับลมหายใจเข้าออก ไม่ปล่อยให้จิตเคลื่อนไปในอดีต แล้วก็ไม่ให้ไปในอนาคต หยุดอยู่เฉพาะหน้า เป็นอันว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ทำอันตรายเราไม่ได้ เพราะงั้น อย่าเผลอไปร่วมมือกับมัน ร่วมมือกับมันเมื่อไร ก็มีแต่จะพาให้เราทุกข์ แค่รักเขาก็ทุกข์แล้วเห็นเขาว่า ที่ใดมีรักที่นั่นมีทุกข์ เริ่มรักก็เริ่มหลง พอหลงแล้วก็หวาดระแวง พอหวาดระแวง คราวนี้ก็ชักจะกินไม่ได้ นอนไม่หลับ มันไปของมันเรื่อยแหละ เพราะงั้นต้องระวังให้ดี รักษาไว้ให้ดี ไม่มีใครรักเราเท่ากับตัวเราเอง คนไหนมันบอกว่ามันรักเรามาก ขาดเราไม่ได้ ให้มายืนคู่กัน แล้วเราเอาถ่านร้อนๆ แดงๆ วางบนหัวมันพร้อมกันดูสิ จะปัดของใครก่อน ถ้ารักคนอื่นมาก ต้องปัดให้คนอื่นก่อน เห็นปัดให้ตัวเองทุกทีเลย ลองดูมั้ย ? มาถึงก็ถ่านแดงๆ คนละก้อน หย่อนใส่หัวมัน เธอรักฉันมาก เธอต้องปัดให้ฉันก่อน ไม่มีซะหรอก ปัดของมันเองก่อน

    ใน เมื่อเรารักตัวของเราเอง ก็ให้รักในทางที่ถูก เมตตา...ตัวของเราเอง ก็อย่าทำชั่ว เพราะว่าการทำชั่ว พาให้เราตกสู่อบายภูมิ ต้องเกิดเป็นสัตว์นรก เป็นเปรต เป็นอสุรกาย เป็นสัตว์เดรัจฉาน ทนทุกข์ทรมานนับชาติไม่ถ้วน ถ้าหากว่ารักตัวเอง ให้ตั้งใจปฏิบัติ ทาน ศีล ภาวนา ให้มากไว้ ถึงเวลาตัวเองจะได้รับแต่ผลดี หลวงปู่มหาอำพันท่านว่า รักษาตัวกลัวกรรมอย่าทำชั่ว จะหมองมัวหม่นไหม้ไปเมืองผี จงเลือกทำแต่กรรมที่ดีดี จะได้มีความสุขพ้นทุกข์ภัย

    อยู่ใกล้พ่อก็ดีขึ้นมาจึ๋ง ห่างอีกก็ไปยาว เอาเหอะอย่างน้อยๆ มันก็ยังมีอยู่บ้าง อย่าให้ตลอดชีวิต ๓๐ กว่าปีมันเลวซะหมดละกัน

    การที่คนเราจะรักกัน จะแต่งงานแต่งการอยู่กินเป็นคู่ครองกัน พระพุทธเจ้าบอกว่าเกิดจากสาเหตุ ๒ ประเภทด้วยกัน ประการที่หนึ่งเรียกว่า บุพเพสันนิวาส บุพพะ บุพเพ แต่ปางก่อน สันนิวาสการอยู่ร่วม การอยู่ร่วมกันมาแต่ปางก่อน แสดงว่าเคยเป็นคู่กันมา ท่านทั้งหลายเหล่านี้ถ้าเกิดเป็นคู่กันมาหลายชาติหลายภพ ถ้าเจอหน้ากันมันหลีกไม่พ้น ประเภทเห็นปุ๊บ ปิ๊งเลย ที่วัยรุ่นสมัยนี้เขาว่าอะไร ใช่เลย ไม่ของมันน่ะ ใช่แล้วเลย ส่วนใหญ่มันใช่ไม่จริง เพราะว่าคนเราไม่ได้เกิดชาติเดียว แต่ละชาติแต่ละภพเกิดมาก็ไม่ใช่หมายความว่าจะเจอคนเดิมตลอดไป เพราะฉะนั้นมันก็จะมีใช่เลย ใช่เลยๆ ไปเรื่อยๆ ระวังเอาไว้ให้ดี คนเราถ้าไม่มีศีลควบคุมก็จะใช่ไปเรื่อย ยิ่งใช่มากเท่าไรก็ลงนรกไปมากเท่านั้น

    ส่วนอีกอย่างหนึ่งท่านว่าเกิดจากการเกื้อกูลกันในปัจจุบัน จนเห็นอกเห็นใจกัน ดังนั้นไม่ใช่หมายความว่า ถ้าไม่ใช่เนื้อคู่ คือไม่ใช่บุพเพสันนิวาสแต่ปางก่อน แล้วจะแต่งกันไม่ได้ เสร็จแล้วการแต่งงานกันไปมันก็ต้องลดทิฐิมานะลง ต่างคนต่างต้องฟังอีกฝ่ายหนึ่ง เพราะตอนนี้มันเป็นสภาพครอบครัวแล้ว ไม่ใช่ตัวคนเดียว เราจะเคยทำอะไรก็ทำอย่างนั้นไม่ได้ ตอนนี้มันแบกขันธ์ ๕ ขึ้นมาเป็นขันธ์ ๑๐ แล้วนี่ ขันธ์ ๕ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ของตัวเอง คนเดียวมันก็แย่แล้ว ไปหาเข้ามาขันธ์ ๑๐ คราวนี่แย่ตรงที่ว่าก่อนนี้ ถึงเวลากิน เราไม่กินก็ได้ คราวนี้ถึงเวลากินขึ้นมา นี่เราไม่กิน มันได้อยู่ แต่เขาไม่กินไม่ได้เพราะเขาหิวแล้ว มันก็ต้องทุกข์ในการหามาเลี้ยงปากเลี้ยงท้องเขาเพิ่มอีกคนหนึ่ง มีลูกขึ้นมาก็เป็นขันธ์ ๑๕ มี ๒ ลูกก็ขันธ์ ๒๐ มีแต่จะทุกข์หนักขึ้นไปเรื่อยๆ บรรดาเทวดาจ้อย นางฟ้าจิ๋ว นี่มันเจ้านายใหญ่ ถึงเวลาพ่อเจ้าประคุณ แม่เจ้าประคุณจะเอายังไงก็แหกปากจ๊ากจึ้นมา ก็ต้องตามใจ ไม่ตามใจก็เสร็จ เพราะว่าเขามีการร้องไห้เป็นกำลัง ผู้หญิงมีน้ำตาเป็นกำลังใช่มั้ย ? ถ้าหากว่าถึงเวลาความทุกข์ทั้งหลายเหล่านี้มันมีแต่จะพอกพูนเพิ่มขึ้นๆ แต่ก็อย่างว่านั่นแหละ

    พระพุทธเจ้าท่านตรัสเอาไว้ว่า การ กินหนึ่ง การนอนหนึ่ง การเสพกามหนึ่ง การเสวยอำนาจหนึ่ง บุคคลจะไม่มีวันเบื่อเด็ดขาด ยกเว้นผู้เห็นภัยในวัฏฏสงสาร พยายามหลีกหนีมันให้ได้เท่านั้น การมีเนื้อคู่ถือว่าเป็นการเสพ กามใช่มั้ย ? เพราะฉะนั้นการกิน การนอน การเสพกาม การเสวยอำนาจอยู่ คนจะไม่เบื่อ มีอยู่อย่างเดียวก็คือว่า พยายามหลีกหนีมัน เพราะเห็นโทษเห็นภัย ก็ลองคิดดูว่าเราอยู่คนเดียวสบายละ เหนื่อยจากงานมานอนแผ่หลาไม่อาบน้ำก็ได้ ไม่กินข้าวก็ได้

    คราวนี้กลับมาบ้าน เจ้านายใหญ่นั่งรอยอยู่ ต่างคนต่างเหนื่อยมา แทนที่จะช่วยเราไม่มีหรอก รอเราช่วยอย่างเดียว มันแทนที่จะทุกข์คนเดียวก็เลยทุกข์หนักขึ้น แล้วอะไรจะเกิดขึ้น ถ้าหากว่าวันไหนเหนื่อยมากๆ แล้ว สติแตกกลับมาแทนที่เราจะช่วยกัน เปล่าหรอก นั่งเต๊ะจุ๊ยอ่านหนังสือพิมพ์รอเราทำกับข้าว โอ๊ยแทบจะขาดใจ มาจากที่โน่น มาถึงจะสลบเหมือด ก็ต้องมาเจอเจ้านายใหญ่อีก ไม่เป็นไรจ้ะ ค่อยๆ ดูไป อนุญาตให้ลอง ทดลองแล้วไปไม่รอดแล้วค่อยว่ากัน

    หลายคนเขาบอกว่า แต่งงานเพราะถึงเวลาแก่ตัวไปจะได้มีคนดูแล ฝันไปเถอะ แก่ตัวไปแล้วล้วนแล้วแต่มีคนให้เราดูแล ฟังให้ดีๆ ไม่ใช่แก่ตัวไปจะได้มีคนดูแล แก่ตัวไปจะได้มีคนให้เราดูแล แต่งไปไม่ต้องฝันหรอกว่ามันจะดูแลเรา รับรองได้รายไหนรายนั้น แล้วต้องไปดูแลเขาทั้งนั้น

    สมัยก่อนหมวยนี้ไปกับหลวงพ่อบ่อยๆ เขาก็ซึมซับเอาสิ่งต่างๆ ที่หลวงพ่อพาไป ไม่ว่าจะเป็นทาน ศีล ภาวนา รับเข้าไปๆ บวกกับการปฏิบัติของตัวเอง เขาตั้งใจว่าไม่แต่งงาน ทางบ้านพ่อเอย แม่เอย อากู๋ อากิ๋มอะไรให้ยุ่งไปหมด พยายามจะแงะให้แต่งให้ได้ แกก็ฝืนมาเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงปัจจุบันนี้ มีแต่คนเปลี่ยนความคิดละ พูดว่าเป็นหมวยนี้ก็สบายจังเลยเนอะ มันชักเห็นทุกข์แล้วตอนก่อนนี้ล้วนแต่ว่าทุกข์น่ะดี มีครอบครัวไหนบ้างที่ไม่ทะเลาะกัน ถามจริงๆ หนูเคยเห็นมั้ย ? ดีแสนดีมันต้องมีวันผีเข้าซักวันหนึ่ง

    อยู่คนเดียวเปลี่ยวกายแสนสบายแต่ไม่สนุก อยู่สองครองทุกข์ถึงสนุกก็ไม่สบาย เลือกเอาก็แล้วกัน

    พระเจ้าฑีฆีติโกศล ตรัสกับฑีฆาวุกุมารว่ารักยาวให้บั่น รักสั้นให้ต่อ เพราะ ฉะนั้นถ้าเห็นแก่อนาคตอันยืดยาวเบื้องหน้า อยากจะไปดี รักในการปฏิบัติธรรม เพื่อความหลุดพ้นจริงๆ ก็รีบๆ ตัดกรรมซะ รักยาวให้บั่น ถ้าเห็นแก่ความสุขเฉพาะหน้าในระยะสั้นๆ รักสั้นให้ต่อ สร้างกรรมต่อไปไม่มีใครว่า พระเจ้าฑีฆีติโกศลโดนพระเจ้าอชาตศัตรูบุกแคว้นโกศลน่ะ จับได้ไปประหารชีวิต เพื่อยึดเอาแว่นแคว้นมาเป็นของตัว ฑีฆาวุกุมารซึ่งเป็นลูกชายหลบไปได้ ถึงเวลาเขาประหารชีวิตก็ย่องมาดู พ่อก็รู้ว่าลูกชายต้องอยู่แถวๆ นั้นก็เลยตะโกนบอก รักยาวให้บั่น รักสั้นให้ต่อ คนอื่นฟังไม่เข้าใจ แต่ฑีฆาวุกุมารฟังแล้วเข้าใจเลย

    คราวนี้ก็พยายามไปร่ำเรียนวิชาศิลปะศาสตร์อะไรต่างๆ นานา จนกระทั่งเติบใหญ่ขึ้นมาก็ไปสมัครเป็นข้าราชบริพารในสำนักพระเจ้าอชาตศัตรู จะได้หาโอกาสฆ่าพระเจ้าอชาตศัตรูเพื่อล้างแค้นให้พ่อ มีอยู่วันหนึ่งพระเจ้าอชาตศัตรูออกเสด็จประพาสป่าพร้อมด้วยข้าราชบริพาร ฑีฆาวุกุมารตอนนั้นเป็นมหาดเล็กตัวโปรด ก็ทำหน้าที่สารถีขับรถให้ ฑีฆาวุกุมารก็แกล้งให้ม้ามันตกใจ วิ่งเตลิดเปิดเปิงจะได้ทิ้งพวกข้าราชบริพารให้ไกลๆ จนกระทั่งเตลิดเข้าไปในป่าลึก พระเจ้าอชาตศัตรูเหนื่อยเต็มที่ ก็บอกพักก่อนเถอะ เราไม่ไหวแล้ว ฑีฆาวุกุมารก็พัก พระเจ้าอชาตศัตรูก็หนุนตักฑีฆาวุกุมารก็หลับเหนื่อย พระเจ้าแผ่นดินไม่ใช่ว่าประเภทได้มาออกกำลังหนักหนาอย่างเรา ฑีฆาวุกุมารเห็นได้โอกาสก็เลยชักมีดสั้นที่ซ่อนไว้ จะจ้วงซะให้เต็มๆ ก็นึกถึงคำพูดของพ่อว่า รักยาวให้บั่น รักสั้นให้ต่อ ก็ลดมีดลง พอขยับจะแทงอีก นึกได้ก็ลดมีดลง ๓ ครั้งด้วยกัน พระเจ้าอชาตศัตรูลืมตาขึ้นมาจ๊ะเอ๋เข้าพอดีก็ตกใจ ร้องขอชีวิต ถามฑีฆาวุกุมารว่าเป็นใคร ฑีฆาวุกุมารก็เล่าให้ฟังว่าเป็นลูกของพระเจ้าฑีฆีติโกศล พระเจ้าอชาตศัตรูก็สำนึกได้ว่า ตัวเองไม่ควรที่จะไปแย่งบ้านชิงเมืองคนอื่นเขาถึงขนาดนั้น ทำให้เดือดร้อนกันไปหมด ฑีฆาวุกุมารก็บอกว่าไม่ต้องกลัวหรอก ตอนนี้เชื่อในสิ่งที่พ่อบอก ก็ให้อภัยพระเจ้าอชาตศัตรูแล้วแต่ว่าต่อไปจะไม่อยู่รับราชการ เพราะการอยู่ใกล้พระราชาเหมือนกับการอยู่ใกล้เสือหรือไฟ จะโดนเสือกัด โดนไฟไหม้เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ จะขอลาออก พระเจ้าอชาตศัตรูก็ได้สำนึกเห็นในความมีน้ำใจ แล้วก็เห็นแก่บุญคุณที่ไว้ชีวิต ก็เลยบอกไม่เป็นไรหรอกเดี๋ยวจะยกแคว้นโกศลคืนให้ เธอกลับไปครองแว่นแคว้นของเธอตามเดิมก็แล้วกัน เรื่องก็เลยแฮปปี้เอ็นดิ้ง ไอ้คำว่าเวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวรก็มาจากเรื่องนี้แหละ



    สนทนากับพระเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    เดือนธันวาคม ๒๕๔๕(ต่อ)
    ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ

    http://palungjit.org/threads/จะเป็นเนื้อคู่กันต้องมี-ทาน-ศีล-และปัญญา-เสมอกัน.194127/
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 กันยายน 2015
  8. CJchonly

    CJchonly สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2014
    โพสต์:
    17
    ค่าพลัง:
    +4
    ขอบคุณค่ะ จะเอาไปปรับใช้นะคะ มีไปบวชชีนั่งสมาธิอยู่บ่อยๆค่ะ เพราะชอบวิปัสสนามากๆ ส่วนเรื่องความรักคงจะลดละเลิกคิดแล้วค่ะ อยู่คนเดียวสบายใจดี ^^
     
  9. Celine_kt

    Celine_kt Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2015
    โพสต์:
    19
    ค่าพลัง:
    +43
    เป็นกำลังใจให้จขกท.นะคะ
    ดิฉันเข้าใจความรู้สึก อกหักมันทรมาน

    เข้มแข็งไว้ พยามอยู่คนเดียวให้ได้ ทำบุญ สวดมนต์ ฟังธรรมเยอะๆ
    การอยู่คนเดียวชาตินึงมันช่างยาวนาน
    แต่พอนึกถึงวัฏสงสาร เวียนวายตายเกิด ถ้าไม่หาทางหลุดพ้น ก็ต้องกลับมาทรมานแบบนี้อีกไม่รู้กี่ภพกี่ชาติ... สะสมบุญไว้เยอะๆ สักวันผลบุญจะส่งคนดีๆมาให้จขกท.เองค่ะ
     
  10. Jsus Christ

    Jsus Christ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2015
    โพสต์:
    138
    ค่าพลัง:
    +82
    กรรม ที่ยังติดอยู่กับ กิเลสของตนเอง

    เพื่อนแท้ คือ พระพุทธรูป ที่ตั้งบนหิ้งพระ นั่นแหละ ... ไม่มีกิเลส
     

แชร์หน้านี้

Loading...