นิทาน กาแลคติกที่ซ่อนเร้น

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย สกายวอร์ค, 26 ตุลาคม 2015.

  1. สกายวอร์ค

    สกายวอร์ค สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2015
    โพสต์:
    17
    ค่าพลัง:
    +12
    [​IMG]
    กาแลคติกที่ซ่อนเร้น Galactic Hide​

    หลายคนมักสนใจในสิ่งลี้ลับแต่อีกหลายคนกลับมองว่าไม่มีประโยชน์ไร้สาระพร้อมกล่าวหาคนเหล่านั้นว่า เพี้ยน!
    ...สุริยัน ชายหนุ่มผู้เปี่ยมด้วยความฝันเขาเกิดมาในยุคที่มีวัตถุทันสมัยเจริญมากมายจนคนส่วนมากหลงในแสง สี เสียง จิตใจค่อยๆมืดบอดเพราะมีกิเลสตัณหา
    โลกกำลังเสื่อมไม่เว้นกระทั่งนักบวช ก็เปลี่ยนไปมีของใช้สะดวกสบายมีอุปกรณ์ไฮเทคใช้แล้วบอกว่าตนประพฤติชอบแล้ว ทว่าสุริยันกลับมองว่านี้คือจุดเริ่มต้นของความเสื่อม
    ผู้คนติดสบายจนละลายความเป็นคน เห็นสัตว์เป็นอาหาร..ฆ่าเขามากินอย่างอร่อย
    คนกินก็ไม่รู้สึกผิดเพราะตนไม่ได้ฆ่า สุริยันกินทีไรต้องพูดขอบคุณในใจตลอดทุกครั้ง
    เขาเฝ้ามองดูท้องฟ้ายามค่ำคืนทำให้คิดได้หลายเรื่อง จนตอนนี้เขาได้ความคิดที่แปลกใหม่มาคือ"ทำไมบางศาสนาถึงบอกว่าเราเกิดมาได้เพราะพระผู้สร้างกันนะ แต่ศาสนาที่เรานับถือกลับไม่ได้กล่าวถึง"ไม่กล่าวใช่ว่าจะไม่มี..เขาเคยอ่านตำราว่าจักรวาลเกิดจากความว่างเปล่าไม่มีอะไรเลยแต่ตำราก็บอกว่ามีฝนตกท่วมจักรวาล สุริยันปิดตำราทันทีไม่มีอะไรเลยแล้วฝนมาจากไหนแต่เขากลับคิดว่าศาสนาอื่นไม่เคยมีบอกว่าตรัสรู้ด้วยตนเองทว่าอาจจะได้หน้าที่สื่อองค์ความรู้จากพระเจ้าก็ได้ เวลาสอนแต่ละครั้งถึงเอ่ยถึงพระผู้สร้างเสมอ มิเคยเอาดีใส่ตนเลย น่านับถือๆ แต่ศาสนาเราตรัสรู้ได้ด้วยตนเองท่านจึงมิได้กล่าวถึงไว้ พระศาสดายังเคยสอนไว้ว่าบางอย่างเป็นอจิณไตย ยิ่งอธิบาย ก็ยิ่งงง
    ยิ่งไม่เข้าใจ สิ่งที่สุริยันจดจำไว้มากที่สุดคือ"เราคือโลก โลกคือเรา" จากนั้นเขาจึงมองดูรอบตัวเห็นคนเราทำลายธรรมชาติซะยับเยินเพ่ราะความโลภในอำนาจจึงเกิดภัยพิบัติมากมาย..ไอ้โลกที่มันเจริญแบบนี้มันอยู่ได้อีกไม่นานหรอก คนทำลายธรรมชาติซึ่งเป็นครูและลางบอกเหตุต่างๆไปเอง สุริยันมีความฝันถึงการได้เห็นสิ่งลึกลับ เขามองดูดวงดาวกระพริบแต่บางดาวก็ไม่กระพริบ..สุริยันเอ๊ะใจเพราะเคยเห็นภาพถ่ายโลกเพราะมันก็มีแสงไฟแวววับของเมืองหลวง เขาคิดว่าดาวที่กระพริบต้องมีคนอาศัยแน่และแสงกระพริบอาจเป็นเมืองหลวง..ส่วนดาวที่ไม่กระพริบอาจเป็นดาวที่ไม่มีสิ่งมีชิวิตหรือมีแต่ยังไม่เจริญก็เป็นได้ ทันใดนั้นเขานึกถึงชาติมหาอำนาจเขาคิดว่ามันต้องปกปิดอะไรไว้แน่ เมื่อก่อนมันเจริญพอๆกับชาติของเขา แต่ตอนนี้มันมีอะไรไฮเทคเจริญรวดเร็วมากเกินไปแถมยังรู้ด้วยว่าเทคโนโลยีจะเจริญเติบโตไปในทิศทางใด สุริยันไม่รอช้ารีบออกเดินทางค้นหา แหวกกรอบความเชื่อเดิมๆโดยการทำใจให้กว้างดั่งท้องฟ้า แต่นี้ต่อไปเขาไม่ต้องมีชีวิตแบบเดิมๆที่แสนน่าเบื่ออีกต่อไปแล้ว แล้วคุณละกล้าจะแหวกกรอบความคิดแล้วเดินไปข้างหน้าอย่างเขาหรือเปล่า??? ล่ะหะ เหล่านักวิชาเกินเหล่าผู้ฉลาดทั้งหลาย..
    ความจริงอาจถูกปกปิด ความจริงอาจถูกนำออกมาทำเป็นสิ่งเพลิดเพลินเพื่อที่จะทำให้คนเชื่อว่าไม่จริง โลกกว้างใหญ่ยังรู้ไม่ทั่ว จักรวาลใหญ่มหาศาล แต่กลับตัดสินว่าไม่มีอะไรนอกจากดวงดาว อะไรที่ยังไม่รู้ อะไรที่ยังไม่เห็น อะไรที่ยังไม่ชัด อย่าเพิ่งปฏิเสธ
    "คนไม่สามารถมองเห็นที่มืดได้ดีเท่าสุนัขหรือแมว"จงจุดไฟให้ตนเอง ณ ตอนนี้!
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 ตุลาคม 2015
  2. uthaimai

    uthaimai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    550
    ค่าพลัง:
    +1,344
    หลายคนมักสนใจในสิ่งลี้ลับแต่อีกหลายคนกลับมองว่าไม่มีประโยชน์ไร้สาระพร้อมกล่าวหาคนเหล่านั้นว่า เพี้ยน!
    ...สุริยัน ชายหนุ่มผู้เปี่ยมด้วยความฝันเขาเกิดมาในยุคที่มีวัตถุทันสมัยเจริญมากมายจนคนส่วนมากหลงในแสง สี เสียง จิตใจค่อยๆมืดบอดเพราะมีกิเลสตัณหา
    โลกกำลังเสื่อมไม่เว้นกระทั่งนักบวช ก็เปลี่ยนไปมีของใช้สะดวกสบายมีอุปกรณ์ไฮเทคใช้แล้วบอกว่าตนประพฤติชอบแล้ว ทว่าสุริยันกลับมองว่านี้คือจุดเริ่มต้นของความเสื่อม
    ผู้คนติดสบายจนละลายความเป็นคน เห็นสัตว์เป็นอาหาร..ฆ่าเขามากินอย่างอร่อย
    คนกินก็ไม่รู้สึกผิดเพราะตนไม่ได้ฆ่า สุริยันกินทีไรต้องพูดขอบคุณในใจตลอดทุกครั้ง
    เขาเฝ้ามองดูท้องฟ้ายามค่ำคืนทำให้คิดได้หลายเรื่อง จนตอนนี้เขาได้ความคิดที่แปลกใหม่มาคือ"ทำไมบางศาสนาถึงบอกว่าเราเกิดมาได้เพราะพระผู้สร้างกันนะ แต่ศาสนาที่เรานับถือกลับไม่ได้กล่าวถึง"ไม่กล่าวใช่ว่าจะไม่มี..เขาเคยอ่านตำราว่าจักรวาลเกิดจากความว่างเปล่าไม่มีอะไรเลยแต่ตำราก็บอกว่ามีฝนตกท่วมจักรวาล สุริยันปิดตำราทันทีไม่มีอะไรเลยแล้วฝนมาจากไหนแต่เขากลับคิดว่าศาสนาอื่นไม่เคยมีบอกว่าตรัสรู้ด้วยตนเองทว่าอาจจะได้หน้าที่สื่อองค์ความรู้จากพระเจ้าก็ได้ เวลาสอนแต่ละครั้งถึงเอ่ยถึงพระผู้สร้างเสมอ มิเคยเอาดีใส่ตนเลย น่านับถือๆ แต่ศาสนาเราตรัสรู้ได้ด้วยตนเองท่านจึงมิได้กล่าวถึงไว้ พระศาสดายังเคยสอนไว้ว่าบางอย่างเป็นอจิณไตย ยิ่งอธิบาย ก็ยิ่งงง
    ยิ่งไม่เข้าใจ สิ่งที่สุริยันจดจำไว้มากที่สุดคือ"เราคือโลก โลกคือเรา" จากนั้นเขาจึงมองดูรอบตัวเห็นคนเราทำลายธรรมชาติซะยับเยินเพ่ราะความโลภในอำนาจจึงเกิดภัยพิบัติมากมาย..ไอ้โลกที่มันเจริญแบบนี้มันอยู่ได้อีกไม่นานหรอก คนทำลายธรรมชาติซึ่งเป็นครูและลางบอกเหตุต่างๆไปเอง สุริยันมีความฝันถึงการได้เห็นสิ่งลึกลับ เขามองดูดวงดาวกระพริบแต่บางดาวก็ไม่กระพริบ..สุริยันเอ๊ะใจเพราะเคยเห็นภาพถ่ายโลกเพราะมันก็มีแสงไฟแวววับของเมืองหลวง เขาคิดว่าดาวที่กระพริบต้องมีคนอาศัยแน่และแสงกระพริบอาจเป็นเมืองหลวง..ส่วนดาวที่ไม่กระพริบอาจเป็นดาวที่ไม่มีสิ่งมีชิวิตหรือมีแต่ยังไม่เจริญก็เป็นได้ ทันใดนั้นเขานึกถึงชาติมหาอำนาจเขาคิดว่ามันต้องปกปิดอะไรไว้แน่ เมื่อก่อนมันเจริญพอๆกับชาติของเขา แต่ตอนนี้มันมีอะไรไฮเทคเจริญรวดเร็วมากเกินไปแถมยังรู้ด้วยว่าเทคโนโลยีจะเจริญเติบโตไปในทิศทางใด สุริยันไม่รอช้ารีบออกเดินทางค้นหา แหวกกรอบความเชื่อเดิมๆโดยการทำใจให้กว้างดั่งท้องฟ้า แต่นี้ต่อไปเขาไม่ต้องมีชีวิตแบบเดิมๆที่แสนน่าเบื่ออีกต่อไปแล้ว แล้วคุณละกล้าจะแหวกกรอบความคิดแล้วเดินไปข้างหน้าอย่างเขาหรือเปล่า??? ล่ะหะ เหล่านักวิชาเกินเหล่าผู้ฉลาดทั้งหลาย..
    ความจริงอาจถูกปกปิด ความจริงอาจถูกนำออกมาทำเป็นสิ่งเพลิดเพลินเพื่อที่จะทำให้คนเชื่อว่าไม่จริง โลกกว้างใหญ่ยังรู้ไม่ทั่ว จักรวาลใหญ่มหาศาล แต่กลับตัดสินว่าไม่มีอะไรนอกจากดวงดาว อะไรที่ยังไม่รู้ อะไรที่ยังไม่เห็น อะไรที่ยังไม่ชัด อย่าเพิ่งปฏิเสธ
    "คนไม่สามารถมองเห็นที่มืดได้ดีเท่าสุนัขหรือแมว"จงจุดไฟให้ตนเอง ณ ตอนนี้!

     
  3. สกายวอร์ค

    สกายวอร์ค สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2015
    โพสต์:
    17
    ค่าพลัง:
    +12
    เพื่อนร่วมชะตา​


    สุริยันออกเดินทางมาได้ 3 วันแล้ว เขาได้เดินเข้าไปพักในร้านอาหารแห่งหนึ่งสั่งน้ำดื่มกิน ากพักมีชายท่าทางอันธพาลเดินเข้ามา พร้อมเด็กหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกับสุริยัน ชายอันธพาลคนนั้นสั่งให้เด็กหนุ่มไปหาเรื่องคนในร้าน เพื่อสอนให้เด็กหนุ่มคนนั้นประกาศศักดิ์ดา เด็กหนุ่มไม่รอช้าวิ่งเข้าไปซัดหมัดคนที่อยู่ใกล้ที่สุด คนๆนั้นคือสุริยัน สุริยันงงต่ก็โต้กลับกันจนร้านเละเทะ จนมีชาวบ้านแถวนั้นเอาปืนมายิงขู่ให้มันแตกกระเจิง ทั้งสองซัดกันไปวิ่งกันไป ส่วนชายอันธพาลหนีไปอย่างขี้หดตดหาย มาถึงคู่ทังสองต่อยกันจนหมดแรง จึงนั่งลงบริเวณต้นไม้ทึบห่างจากร้านไป 1 กิโลเมตร สุริยัน:"ทำไม! กูทำอะไรให้มึงเนี่ย มาต่อยกูทำไม" เด็กหนุ่ม:"กูใช่ว่าจะอยากทำ กูไม่มีพ่อแม่เป็นเด็กกำพร้า ถูกไอ้พวกจัญไรนั่นเอามาเป็นลูกน้องในแก๊งมัน ไอ้หัวโจ๊กมันมีเชิงมวย กูขัดขืนไม่ได้ ถ้าไม่ทำตามที่มันบอก กูสิจะแย่"สุริยัน:"พูดจริงเหรอ?! แล้วมึงชื่ออะไร"เด็กหนุ่ม:"กูชื่อพยัคพวกมันตั้งให้กู"สุริยัน:"กูสุริยัน ตอนนี้กูก็ไม่มีที่อยู่ เป็นคนพเนจร มึงมากับกูสิ มาเดินทางร่วมกับกู"พยัค:"ก็อยากไป แต่คงไปไม่ได้ กูจะเอาคืนในสิ่งที่พวกมันข่มเหงกูเอาไว้เมื่อก่อน"สุริยัน:"หยิบไม้ข้างๆมาคนละอัน แล้วไปกระทึบมนกัน" พยัคไม่รอช้าเพราะรอเวลานี้มานาน จึงร่วมมือกับสุริยันไปจัดการแก๊งอันธพาล
    เมื่อไปถึงสุริยันกล่าวว่า"ขอโทษ"จากนั้นก็ใช้ไม้ฟาดพวกมันจนสลบอย่างรวดเร็ว พยัคเองก็ฟาดได้เร็วไม่แพ้กัน ด้วยความห้าวหาญดุจพญาราชสีห์หลุดกรงของทั้งสองทำให้มีชัย และชาวบ้านแถวนั้นจดจำถึงวีรกรรมอันบ้าบิ่นของเด็กหนุ่มทั้งสอง สุริยันและพยัครีบหนีไปทางเหนือ ทั้งสองสาบานว่าจะร่วมเป็นร่วมตายกันดุจพี่น้องท้องเดียวกัน โดยที่ทั้งสองมิอาจรู้เลยว่า จะมีอะไรรออยู่ข้างหน้า สองสหายเดินมาถึงป่าแห่งหนึ่ง แล้วพบถ้ำอยู่ที่นั่น สุริยันเห็นชายฉกรรจ์มีหนวดเคราน่าเกรงขามร่างกายกำยำดูแข็งแรง ชายฉกรรจ์:"ข้ากำลังรอพวกเอ็งอยู่" สุริยัน พยัค งง!! ชายฉกรรจ์:"ต่อแต่นี้พวกเอ็งจะได้เรียนรู้ศาสตร์และวิทยายุทธที่สุดยอดที่สุดเท่าที่เคยมีมา มีศัตรูฉกาจกำลังรอพวกเอ็งอยู่ เด็กในคำทำนายเอ๋ย" ทั้งสองอึ้ง งง สุริยัน:"ลุงพูดอะไร เด็กในคำทำนายอะไร" ชายฉกรรจ์:"ข้าชื่อสิงห์ มาอยู่กับข้าเถอะ นี่เป็นชะตาของพวกเอ็ง ถ้าพวกเอ็งไปจากข้า พวกเอ็งจะทำพลาดอย่างใหญ่หลวง สิ่งที่ทำให้พวกเอ็งเดินมาที่นี่ก็เพราะโชคชะตาของพวกเอ็ง เพื่อพร้อมที่จะเผชิญสิ่งที่น่ากลัวในกาลข้างหน้าที่จะมาเยือนที่นี โลกนี้"สุริยันรู้สึกเหมือนมีแรงกดดัน จึตอบตกลงพยัคเองก็ตามสุริยันไป ชีวิตทั้งสองกำลังจะเปลี่ยนไป คำทำนายคืออะไร
    สิงห์:ข้าว่าก่อนอื่นต้องสอนเรื่องคุณธรรมให้พวกเอ็งสักก่อนละ!"
     
  4. Louis SLC29

    Louis SLC29 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    13
    ค่าพลัง:
    +36
    เริ่มสนุกแล้วครับอย่าให้ขาดตอนนาน
     
  5. สกายวอร์ค

    สกายวอร์ค สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2015
    โพสต์:
    17
    ค่าพลัง:
    +12
    ฝึกฝน​


    สิงห์:"ผู้คนเดี๋ยวนี้จิตใจอ่อนแอ ไซึ่งความเข้มแข็งและอดทน เพราะความสะดวกสบายมากเกินไป การตามใจตัวเอง ปล่อยเนื้อปล่อยใจตนเองไปกับสิ่งยั่วยุทั้งหลายเกินไป จิตใจจึงไร้ซึ่งกำลัง พอเจอเรื่องร้ายๆกระทบเข้ามา ใจตกไปอยู่ตาตุ่มหมด ทำให้เกิดความกลัว ความโกรธ จิตเกิดอกุศล พวกเอ็งทั้งสองจงจำไว้ จงมีใจที่เข้มแข็ง มีพลังใจที่มั่นคงแกร่งกล่า อย่าได้เอาอย่างคนข้างนอกที่เอาแต่หลงในตัณหาจนจิตเสียพลังเสียสมดุล จงอย่าทำแบบนั้น ควบคุมใจตนเองให้ได้ จำไว้ เอ็งจะสู้กับผู้ใดมิได้หากจิตเอ็งไม่อยู่กับเนื้อกับตัว จำไว้ให้ดีๆละ
    สิงห์ผู้เป็นอาจารย์ได้สอนศิลปะวิทยายุทธอย่างเข้มข้น สุริยันและพยัค พวกเขากำลังถูกหล่อหลอมจากเหล็กกลายเป็นดาบที่สามารถเอาไปใช้ได้จริงในวันข้างหน้า ฝึกกันมาหลายวัน หลายเดือน จนเดือนที่ 6 สิงห์เห็นว่าทั้งสองมีพรสวรรค์สูงมาก บางทีคำทำนายต้องเป็นจริงแน่ สิงห์เรียกศิษย์ทั้งสองมาคุย สิงห์:"พวกเอ็ง! รู้ไหมทำไมข้าถึงได้ฝึกให้กับพวกเอ็ง" ทั้งสอง:"ไม่รู้ครับ! แต่ก็อยากรู้เหมือนกัน"สิงห์:"ฟังให้ดีๆละ"ทั้งสอง:"ครับ" สิงห์:"มีคำทำนายกล่าวไว้ว่า เมื่อใดที่จักรวาลตกสู่เปลวไฟแห่งจ้าวมืด แสงสว่างแห่งจักรวาลหายไป เมื่อนั้นจะมีบุรุษสองคู่จากดวงดาวที่มีสิ่งมีชีวิตที่ประเสริฐเกิดขึ้น จะทำการดับเปลวเพลิงมัจจุราชที่ลุกไหม้ในจักรวาลให้ดับไปจากความมืด แล้วแสงสว่างจะกลับมาตระหง่านขึ้นกลางจักรวาลอีกครั้ง"สุริยัน:"พวกผมเนี่ยหรอ?? ทำไมถึงได้มั่นใจละครับว่าเป็นพวกผม"สิงห์:"สักวันเอ็งจะรู้เอง ข้ามีประสบการณ์มากมาย มีเรื่องราวมากมาย ข้าไปมาหลายที่ หลายดวงดาว"สุริยัน:"ท่านเคยออกไปในอวกาศด้วยหรอ!!"สิงห์:"เคยสิ ไม่งั้นข้าจะเก่งและมีความรู้ขนาดนี้ได้ไงละ และการที่ข้าไปมาเยอะนี่แหละทำให้มั่นใจได้เลยว่าพวกเอ็งนี่แหละ พลังงานมันสั่นสะเทือนออกไปไกลมากในจักรวาล ชาวอวกาศต่างดาวทั้งหลายรู้หมด ว่ามีจิตวิญญาณที่ทรงพลังสองดวงมาจุติลงบนโลกนี้ ชาวต่างดาวเขานิยมเรียกว่าดาวเสรีมากกว่าอะนะ ตัดสินใจทำได้ทุกอย่าง จะดีจะเลวก็ได้ แต่ดาวดวงอื่น เลวก็เลวเลย ดีก็ดีเลย เกิดมาเป็นอะไรก็เป็นไปทั้งชีวิต"พยัค:"อาจารย์ แล้วเปลวงเพลิงกับจ้าวมืดคืออะไร??"สิงห์:"ฮ่าฮ่าฮ่า! เฮ้ออ.. เขาเป็นชาวต่างดาว เป็นดาวแห่งสงคราม ดาวคาร์ก เหล่าคนเก่งมักจะอยู่ที่นั่น ผู้ปกครองดาวดวงนั้นกระหายสงครามมาก แต่ก็ไม่คยคิดไปรุกรานใครอะนะ เอาแต่ฝึกซ้อมกันทั้งชีวิต ข้าเองก็เคยไปที่ดาวนั่นอะนะ และสิ่งที่ข้าสอนพวกเอ็งก็มาจากดาวดวงนั้นแหละ แต่วันนึงดาวดวงนั้นเกิดการปฏิวัติ บุรุษผู้โหดเหี้ยมนาม คาเวน ซึ่งเป็นโอรสของผู้ปกครองดาวดวงนั้น เขาฆ่า คาซูร์ ผู้เป็นบิดาของเขา เพราะเห็นว่า กองทัพของพวกเขาสามารถไปได้ไกลกว่านี้ มิใช่ต้องมาฝึกซ้อมกันโดยที่ไม่ได้ใช้มัน จรืงๆแล้วคาซูร์แค่ต้องการให้ประชากรบนดาวเขานั้นแข็งแกร่ง แข็งแรง พร้อมเสมอเวลามีศึกจะได้ไม่ต้องกลัวแพ้เหมือนดาวดวงอื่น คาเวนไม่ชอบใจ เขาต้องการทำสงครามให้สมกับฉายาของดวงดาว หลังจากที่ฆ่าบิดาแล้วตั้งตนเป็นผู้ปกครอง เขาได้นำกำลังโจมตีดาวดวงอื่นล่าเป็นดาวขึ้นของดาวคาร์ก ดาวไหนไม่ยอม จะต้องโดนล้างเผ่าพันธุ์ ด้วยฝีมือที่ฉกาจฉกรรจ์ของเขา บวกกับชื่อเสียงเรียงนามในด้านชั่วร้ายพร้อมพลังจืตที่รุนแรง ไม่ว่าใครได้ปะหน้ากับเขาก็เกรงกลัวทุกคน คสเวนรวบรวมดาวต่าๆที่ยึดได้ สร้างกองทัพที่มหาศาล ทำลายแสงสว่างซึ่งตั้งอยู่แกนกลางจักรวาลทำหน้าที่ดูแลพิทักษ์ดวงดาว คาเวนนำกองทัพถล่มจนย่อยยับ สุดท้ายแสงสว่างได้หายไป ดวงดาวทั้งหลายอยู่ท่ามกลางไฟสงคราม เขาได้รับฉายาว่าจ้าวมืด ยังดีนะที่เขาไม่คิดมายึดดาวเสรีดวงนี้เพราะเห็นประชากรที่นี่อ่อนแอ ใช้การไม่ได้ หรือไม่บางทีเขาอาจจะรอการมาของวีรบุรุษสองคนก็ได้นะ ฮ่าๆ พวกเอ็งรู้ไหมแสงสว่างที่เขาทำลายไปนั้น คือดาวกาแลคติก มีรูปธรรมชั้นสูงที่นั่นมากมาย แต่สุดท้ายก็หายไปด้วยน้ำมือของจ้าวมืดคาเวน"สุริยัน:"อาจารย์!! มาฝึกต่อเถอะ ผมลักจะของขึ้นแล้ว"พยัค:"เห้ยสุริยัน! พูดดีวะ"สิงห์:"ไป พวกเอ็งจะได้ฝึกฝนสุดหฤโหด" การฝึกได้เริ่มต้นต่อไป
    ...กาลเวลาได้ล่วงเลยผ่านไป 5 ปี ทั้งสองอายุ 21 ปีแล้ว ได้เรียนวิชาครบจากอาจารย์หมดแล้ว ต่อแต่นี้ทั้งสองจะได้พบสิ่งที่มหัศจรรย์ในไม่ช้า สิงห์:"อะ! พวกเอ็งก็โตมากแล้ว อีกไม่กี่ปี พวกเอ็งก็จะได้เป็นชายฉกรรจ์แล้ว ที่นี่เห็นทางใต้ดินนั่นไหม ไม่เคยมีคนไหนเห็นหรือค้นพบ เพราะไม่มีวาสนาจะได้เห็นสิ่งที่อยู่ข้างในนี้ เดินมาก็เดินมาที่เดิมอยู่อย่างนั้นละนะ เอาละ พวกเอ็งทั้งสองจะได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์จริงจากข้างในนี้ ข้าจะรอวันที่พวกเอ็งกลับออกมา" ทั้งสองเดินเข้าไปในรูใต้ดินจนหายไปในความมืดของใต้ดินนั้น
    สิงห์:"ผจญภัยให้สนุกละ ศิษย์ข้า"
    โอ้ววว!!!นี่มันอะไรกันวะเนี่ยยยยยยยยย!!!! เสียงของทั้งสองดังขึ้น
    เสียงปริศนา:"มีผู้บุกรุก"....
     
  6. สกายวอร์ค

    สกายวอร์ค สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2015
    โพสต์:
    17
    ค่าพลัง:
    +12
    อาณาจักรเทวะ​


    จับตัวมันไปยังพระราชวัง!!!
    สุริยัน:"เข้ามาก็โดนเลยหรอหรอเนี่ย พี่นักรบชุดเกราะ พยัค:"ทีหลังโผล่มาดีๆหน่อย ตกใจหมด สูงยังกับ...อะไรไม่รู้" นักรบ:"ช็อตพวกมันให้สลบ" ฟึ้ดด ตุ้บ สุริยัน:"ที่นีที่ไหนกัน??"พยัค:"ลุกมาได้แล้วเพื่อน เร็วๆมาดูอะไรนี่เร็วๆ"สุริยันลุกเดินไป สุริยัน:"ว้าวววว!! กูฝันอยู่หรอเนี่ย" ทุกอย่างที่นี่สวยงามราวเทพนิยาย มีสิ่งมีชีวิตแปลกๆมากมายที่นี่ "พระราชามาแล้ว"ทั้งสองคน:"เอ๊ะ?"นักรบ:"คุกเข่าสิ"พระราชา:"ไม่ต้องหรอก ข้าต้องขออภัยแทนทหารของข้าด้วยนะ ขอต้อนรับสู่นครนาฮาย"สุริยัน:"นาฮาย นตรหรอ! นี่พวกผมมาอยู่ที่ใดกัน?"พระราชา:"โลกใต้ดิน เรียกง่ายๆก็เมืองลับแลละมั้งนะสำหรับคนบนพื้นโลก มีหลายนครในโลกใต้ดินนี้ มีแสงอาทิตย์สอดส่องมาถึงด้วยพลังอำนาจทิพย์ ดูพวกเธอจะแข็งแกร่งและเป็นพวกชอบต่อสู้นะ"พยัค:"ถ้าทหารท่านไม่ช็อตข้าซะก่อน ป่านนี้คงเป็นศพไปแล้ว"นักรบ:"บังอาจ!!"นักรบได้เตะพยัคจนกระเด็น พยัคหยิบดาบท่วางอยู่บนโต๊ะใกล้ตัวสู้กับนักรบ พยัค:"สุริยัน ไม่ต้องเข้ามายุ่งน่ะ แต่ถ้าอยากมีส่วนร่วมก็ได้"สุริยัน:"หยุดนะพยัค!"ด้วยเพลงดาบที่สุดยอดทำให้นักรบผู้นั้นต้องพ่ายในที่สุด พระราชา:"ล้ำเลิศ ฝีมือน่ากลัวจริงๆ" พยัค:"นี่แค่น้ำจิ้มนะจะบอกให้"พระราชา:"ก่อนที่ข้าจะให้ท่านมีอิสระ ข้ามีเรื่องบางเรื่องจะขอร้อง" สุริยัน:"เรื่องอะไร?" พระราชา:"มีจอมอสูรประจำจตุรทิศทั้ง 4 ของโลกใต้ดิ้นนี้ ข้าต้องการอร้องพวกเธอช่วยไปจัดการมันให้หน่อย คนละ 2 ตัว แบ่งกันไปคนละภาค"พยัค:"ฆ้าปีศาจหรอ! แหล่มเลย"สุริยัน:"ใจเย็นๆ"พยัค:"จำที่อาจารย์สอนไม่ได้หรอ กายยิ่งเคลื่อนยิ่งแข็งแรง จิตยิ่งนิ่งยิ่งมีพลัง"
    สุริยัน:"เออๆ เอาก็เอา"พยัค:"แจ่มโบ๊ะ!"
    นักรบ:"เจ้าพวกนี้ช่างไม่รู้เรื่องอะไรเลยจริงๆ"
     
  7. mananee

    mananee สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2015
    โพสต์:
    3
    ค่าพลัง:
    +2
    การที่เรามีศรัทธาความเชื่อนั้น มันเป็นเรื่องที่ดี แต่อย่าให้คำว่าศรัทธา เลยพ้นขีดจำกัดไปเกินจนคำว่า "งมงาย"

    holiday casino</pre>
     
  8. สกายวอร์ค

    สกายวอร์ค สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2015
    โพสต์:
    17
    ค่าพลัง:
    +12
    อาวุธประจำกาย​


    สุริยัน:"พยัค มาเดินเล่นแถวหมู่บ้านกัน เรามีเวลาสนุกเพลิดเพลินแค่ 2 วันเท่านั้นนะ เอาให้คุ้ม"
    พยัค:"รู้แล้วๆ หวังว่าคงสนุกนะ"
    ทั้งสองเดินเล่นไปแถวหมู่บ้านในนครนาฮาย จนมาถึงร้านขายอาวุธ ทั้งสองเดินเข้าไป เห็นอาวุธมากมาย มีทั้งปืน ดาบ และของมีคม พ่อค้า:"พ่อหนุ่ม ดาบที่สะพายน่ะ มันล้าสมัยแล้วนะ"สุริยัน:"ดาบนี่อะหรอ มันก็เหมือนๆกับดาบร้านลุงนั่นแหละ"พ่อค้า:"ไม่เหมือน"พยัค:"ไม่เหมือนยังไงตาแก่"พ่อค้า:"ดาบของพวกเธอทำมาจากเหล็ก แต่ที่นี่ทำมาจากเหล็กแร่ธาตุที่มีคุณค่ามากกว่าทองบนพื้นโลกของพวกเธออีกนะ"พยัค:"งั้นเชียว?"สุริยัน:"แล้วมันต่างกันอย่างไร?"พ่อค้า:"มันจะไม่กร่อน ไม่หัก ไม่ขึ้นสนิม คุ้มนะ"สุริยัน:"น่าสนใจ ทำไมโลกที่พวกผมอยู่ถึงไม่มีนะ"พ่อค้า:"ฮ่าๆๆ แร่ธาตุนี้มีเยอะแยะมากมายบนโลกข้างบน แต่เพราะคนข้างบนมีจิตใจต่ำลงๆ เต็มไปด้วยกิเลส แร่ธาตุทรงคุณค่าจึงไม่โผล่ให้เห็น แร่ธาตุเหล่านี้ละเอียดอ่อนประดุจทิพย์ คนข้างบนยังไม่พร้อมสำหรับเรื่องนี้ละนะ ฮ่าๆๆ แต่รู้รึเปล่าชาวต่างดาวอาวุธของพวกเขาส่วนมากก็ทำมาจากแร่พวกนี้ละ!"พยัค:"เอ้าา ทำไมพวกเขาถึงมีละ บางพวกก็ชั่วน่ะ"พ่อค้า:"แร่นี่มีทั่วไปในสากลจักรวาล ชาวต่างดาวส่วนมากพลังจิตสูงแกร่งกล้ากันทั้งนั้น พวกที่ชั่วก็ไม่ได้ชั่วเหมือนคนบนดาวเสรีนี้ คนที่นี่ชั่วแบบต่ำ ทราม สถุน หลายๆอย่าง แต่ชาวต่างดาวนั้นจะดุร้าย เหี้ยม ไม่เสแสร้ง เปิดเผยตน แต่คนบนดาวเสรี ลิ้นพันกันให้วุ่นหลอกลวงให้ตนเองได้ดี ข้าก็ไม่อยากจะพูดมากอะนะ ฮ่าๆๆ"สุริยัน:"ช่างมันเถอะ ลุงพอจะตีอาวุธให้พวกผมได้ไหม"พ่อค้า:"ได้สิ เดี๋ยวตีให้ฟรีด้วย"พยัค:"จริงดิ น้ำใจๆ นับถือๆ"พ่อค้า:"ฮ่าๆๆ ข้มองเห็นพวกเธอตะไปได้ไกลน่ะ รัศมีของความยิ่งใหญ่มันแผ่ อยากได้อะไรบอกมา"สุริยัน:"ผมดาบคู่"พยัค:"ข้าของ้าวละกัน"สุริยัน:"นี่มึงเอาจริงดิ"พยัค:"จริงดิวะ อยากแหวกแนว"สุริยัน:"ตามใจ"พ่อค้า:"ได้เลย!! ย้าขอเวล่หนึ่งวัน พรุ่งนี้ยามเที่ยง พวกเธอมาเอาได้เลย"สุริยัน:"ของคุณเป็นอย่างสูงครับ" ทั้งสองเดินออกมาจากร้าน
    พยัค:"คราวนี้ ไปดูร้านยานอวกาศตรงนู้นกัน"
     
  9. สกายวอร์ค

    สกายวอร์ค สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2015
    โพสต์:
    17
    ค่าพลัง:
    +12
    มีเรื่องอีกแล้ว​


    ยานบินพวกนี้ทำมาจากอะไรหรือครับ สุริยันถาม
    ลุงแก่:"อ่อ เจ้าพวกนี้อะเรอะ ทำมาจาก แร่ธาตุสำคัญๆน่ะนะ มีหลักๆอยู่ 2 แร่"พยัค:"แบบนี้ความฝันของมึงคงใกล้เข้ามาแล้วละสิ สุริยัน"สุริยัน:"มาได้ขนาดนี้กูก็ดีใจแล้วละนะ ฮ่าๆ แล้วแร่สองอย่างทร่ว่ามาคืออะไรหรอครับ"ลุงแก่:"อย่างแรกเลยคือแร่ที่เขาใล้ตีอาวุธกัน เรียกว่าแร่มิลิโน ทำให้ใล้การได้ตลอดไม่ว่าจะผ้านไปนานสักแค่ไหน ก็ยังทนทานอยู่เสมอ ส่วนแร่ท่สองคือแร่ดูฟว์ ดูฟว์เป็นแร่ที่ละเอียดมากๆ มันจะตอบสนองได้ดีถ้าใช้คลื่นอะนะ คลื่นพวกนี้ก็คือพลังจิต ดังนั้นจานบินทั้งหลายล้วนขับเคลื่อนด้วยพลังจิตทั้งสิ้น ลดการเกิดอันตรายได้เยอะเลยทีเดียว"สุริยัน:"ถ้าโลกข้างบนมีก็คงจะดี"ลุงแก่:"โลกข้างบนมีนะ แต่ถูกพวกเธอกันเองนั่นแหละที่ปกปิดไว้ เพื่อคงอำนาจของชาติไว้น่ะนะ ไอ้คนพวกนั้นมันมีชาวต่างดาวเป็นข้างด้วยนะ แต่มันปกปิดไว้"สุริยัน:"คิดไว้แล้วเชียว ว่ามันต้องปกปิดอะไรไว้แน่ ไอ้ชาติมหาอำนาจนั่น"ลุงแก่:"ข้าเกรงเหลือเกินว่าไอ้พวกจ้างบนมันจะทำสงครามฆ่ากันเองอีก เป็นคาเหมือนกันแท้ๆฆ่กันเพราะความโลภ ความหลงในอำนาจที่สมมุติขึ้นมาเองกันทั้งนั้น"พยัค:"ขอบใจนะลุง แต่เราต้องไปแล้ว เรามีเวลาเที่ยวไม่มากอะนะ"พยัคลากสุนิยันไปเดินเที่ยวต่อ มาถึงชายแม่น้ำ พยัคเหลือบไปสบตากับสาวนางหนึ่ง สวยงามมาก พยัคถึงกับตกหลุมรักเลยทีเดียว สักพักมีชายเดินเข้ามาหา ชาย:"มึงมองอะไรวะ"พยัค:"กูมองสาววะ"สุริยันหัน สุริยัน:"มีอะไรกัน"ชาย:"เพื่อนมึงมองหญิงอะ กูชอบอยู่"พยัค:"เอ้า กูก็ชอบอะ"แม่นางคนนั้นมองแล้วเดินเข้ามา แม่นาง:"มีอะไรกันหรือ"ชาย:"ลูน่า เราทักทายกันนิดหน่อยนะจ๊ะ"พยัค:"เธอชื่อ ลูน่าหรอ แล้วชายคนนี้เป็นใครกัน"ลูน่า:"เขาลื่อ กาลู เขาเป็นเพื่อนข้าเอง"กาลู:"เพื่อนหรอ!"สุริยัน:"ทะเลาะกันเรื่องสาวงามคนนี้นี่เอง"กาลูเสียใจมากอุตส่าจีบมาตั้งนานได้แค่เพื่อน จึงบันดาลโทสะใส่พยัค ทั้งสองสู้กันอย่างดุเดือดปางจะฆ่ากันด้วยเชิงมวย ลูน่า:"หยุดนะ หยุดเดี๋ยวนี้" ทั้งสไม่ยอมหยุด น่าทึ่งมากที่เชิงมวยของกาลูสามารถต่อกรได้อย่างสูสีกับพยัค จากนั้นสุรืยันเข้ามาห้ามดวยการเตะไปที่ทั้งสองคนด้วยทีเดียว ศึกจึงสงบได้ ลูน่า:"ท่านช่างแข็งแกร่ง ไม่เคยมีใครหยุดกาลูได้ด้วยเชิงมวย ท่านเป็นใคร"สุริยัน:"ข้าสุริยัน ส่วนเพื่อนย้าคนนั้นพยัค เราสองคนมาจากโลกข้างบนน่ะ"ลูน่า:"นานๆทีจะได้เห็นคนโลกข้างบนที่แข็งแกร่งแบบนี้"สุริยัน:"ท่านมองพวกเราอ่อนแอหรือ"ลูน่า:"ก็ไม่เชิงหรอกนะ เพราะคนข้างบนส่วนมากจะติดกับความสบายมากกว่า จนร่างกายอ่อนแอ นานๆทีจะมีคนแข็งแกร่งขึ้นมาสักคนไม่ใช่ง่ายๆหรอกนะ"สุริยัน:"ออ เข้าใจแล้ว" พยัคกับกาลูลุกขึ้นมา พยัค:"เข้ามายุ่งทำไมสุรืยัน"กาลู:"มึงเป็นใคร เตะมาตอนไหนกูมองไม่ทัน"สุริยัน:"ก็พวกมึงทั้งสองใล้อารมณ์เข้าห่ำหั่นกัน จะมองเห็นฝ่าเท้าที่เปี่ยมไปด้วยสติได้อย่างไรกันละ" พยัค:"เออๆ ช่างมันเหอะ ว่าแต่ลูน่า เธอสวยมากๆเลยนะ"ลูน่า:"ลุกขึ้นมาก็ปากหวานเชียวนะ"กาลู:"เฮ้ออ เออนี่ มึงอะชื่อสุริยันใช่ไหม กูอยากสนทนาด้วยหน่อย"สุริยัน:"ได้สิ แล้วเจอกันนะ พยัค ลูน่า" ทั้งสองเดินจากไป เหลือพยัคกับลูน่าสองคน ลูน่า:"เพื่อนท่านช่างแข็งแกร่ง"พยัค:"จะไปสนใจทำไมกัน" พยัคสบตาลูน่า
    ลูน่า:"อย่ามองข้าแบบนั้นนะ"พยัค:"ข้ากำลังให้ท่านดูความรู้สึกข้างในผ่านดวงตาของข้าต่างหาก"
     
  10. สกายวอร์ค

    สกายวอร์ค สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2015
    โพสต์:
    17
    ค่าพลัง:
    +12
    ปรมาจารย์แห่งนาฮาย​


    สุริยัน:"มึงมีเรื่องอะไรจะคุยกับกูรึ"กาลู:"กูเห็นแววในตัวมึง กูอยากจะพามึงไปหาคนๆนึง"สุริยัน:"นี่มึงหายเคืองเรื่องเมื่อกี้แล้วเรอะ"กาลู:"นางบอกเป็นได้แค่เพื่อน กูก็ต้องตัดใจ กูไม่เหมือนพวกข้างบนหรอกนะ ที่เสียเวลาเสียใจไปกับเรื่องแบบนี้ นางจะเป็นเพื่อนกู กูจะปกป้องนางด้วยชีวิต"สุริยัน:"ดีแล้ว" กาลูพาสุริยันเดินไปยังที่ๆนึง
    -------จอดำ---------
    เสียงปริศนา:"อีกไม่นานหรอก คาเวน
    คาเวน:"ดีมากน้องชายข้า ข้าจะรอวันที่มันมา เจ้าจะต้องพามันมาสยบแทบเท้าข้าให้ได้ เมื่อเจ้าได้พบกับพวกมันอีก จงใช้วิธีของเจ้าดึงมันมาเป็นพวกเราให้ได้ คาลาน"
    คาลาน:"ข้าเตรียมแผนไว้แล้ว ถึงจุดแตกหักระหว่างมิตรภาพของพวกนั้น ด้วยหญิงนางหนึ่ง"
    คาเวน:"ข้าจะรอคอยวันนั้น"
    -------------กลับมายังเมื่อกี้-----------------
    กาลู:"นี่แหละ เข้าไปข้างในสิ"สุริยัน:"ไม่ยักรู้ว่ามีคนรักสันโดษมาสร้างบ้านเดี่ยวๆอยู่แถวนี้ด้วยแฮะ"ทั้สองเดินเข้าไปข้างใน พบผู้เฒ่าท่านหนึ่ง กาลู:"ท่านผู้นี้เป็นอาจารย์ข้าเอง นาม คิม่อน"สุริยัน:"ข้ารู้สึกถึงพลังแห่งธรรมชาติในตัวของท่านผู้นี้ได้"คิม่อน:"มากันแล้วเรอะ สุริยัน"สุริยัน:"ท่านรู้จักข้าหรอ"คิม่อน:"ด้วยอำนาจของสมาธิน่ะนะ"สุริยัน:"กาลูเขาแนะนำให้ผมมาที่นี่นะครับ"คิม่อน:"ข้ารู้อยู่แล้ว ข้าสัมปัสได้ถึงแสงสว่างในตัวเจ้า ถ้าเจ้าฝึกกับข้า เจ้าจะแข็งแกร่งยิ่งกว่านี้ ด้วยพลังธรรมชาติ เจ้าจะมีแสงสว่างอยู่ในตัว ความมืดตะไม่สามารถบงกานใจของเจ้าได้เลย"กาลู:"ฝึกเถอะ สุริยัน"สุริยัน:"เอ่อ ผมก็อยากนะ แต่ผมมีเวลาไม่มาก ผมรับปากพระราชาไว้ว่าจะไปจัดการอสูร 4 ทิศให้น่ะ"คิม่อน:"ข้ารู้ๆ จ้าจะฝึกเจ้าในสมาธิต่างหากละ ไม่มีเวลาอนาคตหรออดีตทั้งนั้น แค่วันเดียว เจ้าจะสัมฤทธิ์ผลแน่นอน"สุริยัน:"ถ้าอย่างนั้นก็อย่านอช้าเลยดีกว่าครับ ฮ่าๆๆ"กาลู:"งั้นผมขอออกไปหาเพื่อนเขาอีกคนนะครับ"คิม่อน:"เจ้าคนที่ชื่อพยัคนั่นไม่สามารถฝึกได้หรอก"สุริยัน:"เอ๊ะ ทำไมละครับ"คิม่อน:"ตอนนี้มันกำลังมีความรัก มันไม่สนใจอะไรแบบนี้หรอก"สุริยัน:"จริงๆเลยนะไอ้พยัค"กาลู:"ครับ อาจารย์ งั้นผมจะไปคุยกับมันดีๆ เพื่อที่จะได้เป็นเพื่อนกัน"คิม่อน:"ประเสริฐแล้ว กาลู จงยึดถือคุณธรรมเป็นหลักในการดำเนินชีวิตแบบนี้แหละนะ"
    ได้เวลาฝึกฝน!
     
  11. สกายวอร์ค

    สกายวอร์ค สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2015
    โพสต์:
    17
    ค่าพลัง:
    +12
    ความรัก​


    ลูน่า:"ข้าชอบมานั่งที่นี่ มาดูสายน้ำ มาฟังเสียงนกร้อง มันทำให้ข้ามีความสุข"พยัค:"ข้าเองก็ชอบเหมือนกัน"ลูน่า:"เจ้าดูเหมอนคนที่ชอบความรุนแรงมากกว่านะ"พยัค:"ส่วนนั้นข้ายอมรับ ข้าเติบโตมาในกลุ่มคนชั่วน่ะ ไม่มีพ่อไม่มีอม่ขาดความรัก ข้าไม่เคยรู้ด้วยซ้ำว่าการจะมีความรู้สึกดีๆกับคนๆนึงมันเป็นยังไง ในวัยเด็กข้า ข้ามักจะถูกกลั่นแกล้งด้วยวิธีที่รุนแรงมาตลอด"ลูน่า:"ชีวิตเจ้าช่างน่าสงสารจัง"พยัค:"แต่ข้าอาจจะไม่ได้มานั่งอยู่ตรงหน้าเจ้าตอนนี้ถ้าสุริยันไม่เข้ามาในชีวิตข้า มันเปรียบเสมือนชีวิตข้าอีกชีวิตที่ข้ารักและห่วงว่ามันจะเป็นอะไร"ลูน่า:"ดีใจด้วยนะพยัค ท่ได้เพื่อนดีๆ"พยัค:"เจ้าละ มีชีวิตเป็นมายังไงหรอ"ลูน่า:"ข้าเป็นชาวไร่พ่อแม่ข้าตายตั้งแต่ข้ายังเด็ก มันน่าเศร้ามากๆ เขาตายเพราะโรคร้าย ซึ่งในตอนนั้นยังไม่มียารักษา"พยัค:"ข้าเสียใจด้วย"ลูน่า:"เจ้านี่ก็น่ารัหเหมือนกันนะ"พยัค:"แล้วรักไหม?"ลูน่า:"เดะๆเถอะ"พยัค:"ฮ้าๆๆ ข้าเย้าเจ้าเล่น"ลูน่า:"เจ้าดูไม่เหมือนคนที่ข้าเห็นเมื่อกี้เลย ตอนที่สู้กับกาลู"พยัค:"กาลูคนนั้น ดูท่าเขาจะชอบเจ้านะ"ลูน่า:"กาลูสำหรับข้านั้นเป็นแค่เพื่อนกัน ข้ารู้สึกกับเขาแบบนั้นมากกว่า"พยัค:"แล้วกับข้าละ"ลูน่า:"ข้าไม่รู้"พยัค:"นั่นอะไรน่ะ!"พยัคชี้ลูน่าหันไปมองพยัครีบหอมแก้มลูน่าทันที ลูน่า:"หึ้ย ไอ้บ้า ทำอะไรน่ะ"พยัค:"แล้วทีนี้เจ้ารู้สึกอย่างไรกับข้าละ"ลูน่า:"บ้า!!"พยัค:"ฮ่าๆๆ เจ้าแก้มแดงน่ะ"ลูน่า:"เปล่าซะหน่อยนะ"พยัค:"ข้าดีใจที่เห็นท่านยิ้มนะ"ลูน่า:"ข้าเปล่ายิ้มซะหน่อย" พยัค:"ไปเดินเล่นกันเถอะ พรุ่งนี้ข้าต้องไปรับอาวุธแล้วไปจัดการกับอสูร 4 ทิศ ข้ามีเวลาอยู่กับเจ้าแค่ตอนนี้เท่านั้น"ลูน่า:"กำจัดอสูรหรอ มันอันตรายนะ"พยัค:"เจ้าเป็นห่วงข้าหรอ"ลูน่า:"เปล่าซะหน่อย แค่บอกว่าอันตรายเฉยๆ"พยัค:"เจ้าน่ารักจริงๆลูน่า ข้าจะกลับมาหาเจ้าแน่นอน"ลูน่า:"อยากเจอตายแหละ แบร๊ๆๆ"พยัค:"ฮ่าๆๆ ไอ้ตัวน้อย" ทั้งสอฝไปเดินเล่นกันในตัวเมือง
    กาลู:"เฮ้อเหนื่อย อ่าว หายไปไหนกันแล้ว"
     
  12. Chosen

    Chosen สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +3
  13. สกายวอร์ค

    สกายวอร์ค สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2015
    โพสต์:
    17
    ค่าพลัง:
    +12
    กาลูกับพยัค​


    กาลู:"เจอแล้วโว้ยย!!" กาลูวิ่งตามหาพยัคกับลูน่าจนเจอในตัวเมือง พยัคกับลูน่าเห็นกาลูก็พูดว่า
    พยัค:"นี่มึงอีกแล้วหรอ"ลูน่า:"มีอะไรหรอกาลู"กาลู:"ช้าก่อน ข้าไม่ได้จะมาหาเรื่องทะเลาะอีกน่ะนะ ข้ามาที่นี่ในฐานะเพื่อนของลูน่าต่างหาก"ลูน่า:"อ๋อ"พยัค:"แล้วมีอะไรละ แล้วไอ้สุริยันมันไปไหน"กาลู:"มันกำลัง.."ลูน่า:"พยัคดูนั่นสิ"ลูน่าชี้ไปที่หนึ่ง กำลังเกิดความวุ่นวาย กาลู:"ยักษ์ในเขตป่าทางเหนือนี่ เอาเป็นว่าสุริยันมันกำลังทำธุระของมันอยู่ละกัน เดี๋ยวข้าไปจัดการก่อน"พยัค:"เห้ยเดี๋ยว สถานการณ์แบบนี้กูชอบ"กาลู:"งั้นก็ไปสำแดงฤทธิ์ด้วยกันเลย"พยัค:"จัดไปเลย ลูน่ารอนี่ก่อนนะ"
    ทั้งสองวิ่งลุยเข้าไปหายักษ์ตนนั้นที่กำลังอาละวาดฆ่าคนฉีกแขนฉีกขาแถวนั้นอยู่ กาลูใช้พลังหมัดกระแทกไปที่ ต้นขา พยัคพุ่งลูกถีบอันทรงพลังไปที่ท้องของยักษ์ แต่กลับไม่เป็นอะไรเลย พยัค:"อะไรวะ ต่อให้แข็งแค่ไหนเจอกูมันต้องร่วงทุดคนนี่หว่า แต่นี่แม่งไม่เป็นอะไรเลย"กาลู:"นี่ไม่ใช่คู่ปรับกระจอกๆนะ จำไว้ถ้ายักษ์ตัวนี้ยังจัดการไม่ได้ ก็ล้มเลิกความคิดที่จะไปจัดการอสูร4ทิศได้เลย"พยัค:"ยังงี้สิชอบ ความท้าทายแบบใหม่ กูจะจัดการให้ดูกาลู"พยัควิ่งเข้าไปด้วยความเร็วสูง ทันใดนั้นหมัดของยักษ์ก็ได้ซัดเข้าไปที่พยัคอย่างแรง ลูน่า:"แย่แล้ว!!" ลูน่านึกถึงเรื่องอาวุธที่พยัคได้เคยเล่าไว้ว่าฝากทำอยู่ ลูน่ารีบวิ่งไปที่ร้าน ทางฝ่ายกาลูและพยัคกำลังสู้กับยักษ์อย่างดุเดือดชาวบ้านชาวเมืองต่างวิ่งหนีกันอลหม่าน กาลูพุ่งพลังหมัดอย่างไม่ยั้ง พยัคลุยเข้าไปอย่างบ้าเลือดด้วยความโกรธ เจ้ายักษ์จับพยัคได้ ฟาดกระแทกลงกับพื้นอย่างรุนแรง พยัคกระอักเลือด แทบหมดสติ
    กาลู:"เห้ยย พยัค"กาลูทำอะไรไม่ถูก กาลู:"อย่างที่ใครเขาบอกไว้จริงๆว่าการจะจัดการยักษ์ได้มันไม่มีทางเป็นไปได้เลย เรื่องอสูร4ทิศคงต้องหมดหวังซะแล้ว" ตุบ!!! กาลูถูกยักษ์ต่อยกระเด็น กาลูลุกแทบไม่ขึ้น กาลู:"อะ อะ อัก... ข้าจะโดนมันฉีกเนื้อกินไหมวะเนี่ย"พยัค:"กาลู มึงหนีไปซะ" พยัคพูดขึ้นมาในขณะที่กำลังร่อแร่ กาลู:"ถ้ากูไปมึงตายแน่พยัค กูจะไม่ทิ้งมึง"พยัค:"กูไม่ตายง่ายๆหรอก อะๆๆ อัก หนีไปซะ กูจะจัดการมันเอง" พยัคลุกขึ้นจับตอยกาลูให้สลบและจับเหวี่ยงไปมห้ไกลสุดแรงเกิด หลังจากนั้นพยัคหันมาเปชิญหน้ากับยักษ์ พยัค:"ถ้าเป็นมึงสุริยัน ไอ้ตัวประหลาดนี่คงจะสูสีกับมึง แต่เวลานี้แหละคือเวลาที่กูจะพัฒนาขึ้นไปอีกขั้น ย๊ากก"พยัคพุ่งกระโจนสู้กับยักษ์ด้วยมือเปล่าอย่างดุเดือด
    ทางฝั่งลูน่าได้วิ่งมาถึงร้านอาวุธเปิดประตูเข้าไป ผ่างง!!! พ่อค้า:"เห้ยยยย ตกใจหมด ผับพ่าสิ"ลูน่า:"ลุง อาวุธที่พยัคกับสุริยันฝากไว้ ทำเสร็จรึยัง" พ่อค้า:"พยัคกับสุริยันใครวะ"ลูน่า:"ก็ชายหนุ่มจากโลกข้างบนสองคนไง"พ่อค้า:"อ้ออ จำได้ๆ แล้วเธอรู้จักพวกเขาด้วยเรอะ"ลูน่า:"เรื่องนั้นช่างมันก่อนเถอะลุง อาวุธเสร็จรึยัง"พ่อค้า:"โอ้ยยย บอกให้เอามาเอาพรุ่งนี้ไง ง้าวอะเสร็จแล้วแต่ดาบคู่ยังไม่ได้ทำเลย จะรีบไปไหน"ลูน่า:"ยักษ์น่ะสิมันหลงเข้ามาในเมือง ตอนนี้พวกเขากำลังสูอยู่ด้วยมือเปล่า คงไม่ไหวแน่"พ่อค้า:"ยักษ์เรอะ!! อะน่ง้าวเอาไปเลย ส่วนดาบคู่คงไม่ทัน"พ่อค้าเดินไปหยิบป้าห่อหนึ่ง แล้วเปิดออกมา พ่อค้า:"ไม่คิดเลยว่าจะต้องเสียดาบคู่นี้ไปแล้ว"ลูน่า:"แร่เหล็กพวกนี้ไม่หนักสมคำร่ำรือจริงๆ แล้วทำไมหรอลุงดาบคู่นั้นอะ"พ่อค้า:"นี่เป็นดาบของอัศวินระดับสูงแหางดาวกาแลคติกในสมัยก่อนเชียวนะ ดาบคู่ของเอเรน"ลูน่า:"เอเรนหรอ จริงหรอลุง"พ่อค้า:"จริงสิ จ้าอุตส่าได้มาจากเพื่อนของเขาผู้นั้นก่อนดาวจะแตกแท้ๆ เป็นดาบที่ทรงคุณค่าและเป่ยมด้วยอำนาจ"ลูน่า:"ลุง แต่หนูไม่มีเวลาแล้ว"พ่อค้า:"หึ้ยยย เอาไปเลย เอาดาบคู่นี้ไปให้กับๆนั้นที่สั่งดาบคู่ไว้ ข้าเชื่อมั่นว่ามันต้องเหมาะกับเขาแน่ ถึงจะเสียดายก็เถอะ แต่นี่คงเป็นโชคชะตา รับไป แล้วรีบไปซะ จัดการยักษ์ให้ได้อย่าให้มันเข้ามาในเขตนี้ละ"ลูน่า:"ขอบใจนะลุง ข้าไปก่อนละ" ลูน่ารีบวิ่งไปหาพยัค
    ฝั่งสุริยัน คิม่อน:"อย่าให้อารมณ์เข้าควบคุมสิ"สุริยัน:"ผมกำลังพยายามครับ ว่าแต่ผมรู้สึกถึงอะไรบางอย่างไม่ดีชอบกล"คิม่อน:"มัาไม่ใช่ลิขิตของเจ้า ลิขิตของเจ้าในตอนนี้คือฝึกต่อไป"สุริยัน:"แสดงว่ามันต้องเกิดอะไรขึ้นแน่ๆใช่ไหมครับ"ตุ้บ!! สุริยัน:"เขกหัวผมทำไมครับอาจารย์"คิม่อน:"เจ้าหลบมะเงกข้าไม่ได้ เจ้ายังไม่มั่นคงพอ ฝึกจิตต่อไป"สุริยัน:"ครับ อาจารย์"
    ลูน่าวิ่งมาถึง ลูน่า:"พยัค กาลู!!!" พยัคกำลังสะบักสะบอม และหลบการโจมตีของยักษ์อยู่
    พยัค:"ลูน่า กาลูข้าเหวี่ยงมันให้รอดไปแล้ว ไม่ต้องห่วง"ลูน่า:"พยัค รับง้าวไป ลุงเขาทำเสร็จแล้ว"พยัค:"เสร็จแล้วหรอ โยนมาเลย"พยัครับแล้วหลบมาให้ไกล แล้วหันมาบอกลูน่าว่า พยัค:"แล้วอีกอันคือ"ลูน่า:"ดาบของสุริยันเขาน่ะ:"พยัค:"เท่านี้อาวุธก็พร้อมกันหมดแล้ว" พยัคบอกใก้ลูน่าถอยไปให้ห่างๆ พยัค:"ลูน่า รีบถอยไปห้างๆเลย เพราะย้าจะใส่มันเต็มที่แล้ว"ลูน่า:"โอเคได้เลย!"
    พยัคชี้ง้าวไปที่ยักษ์ตัวนั้น พยัค:"ถึงกูหัดใช้ง้าวครั้งแรก แต่ถ้ากูโค่นมึงได้ ก็เท่ากับว่ากูข้ามไปอีกขั้นจริงๆแล้ว กูขอสาบานเลยว่ายกนี้มึงไม่รอดแน่ไอ้ยักษ์!!!!" พนัคพุ่งเข้าไปปะทะอีกครั้งอย่างกล้าหาญ
     
  14. สกายวอร์ค

    สกายวอร์ค สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2015
    โพสต์:
    17
    ค่าพลัง:
    +12
    ง้าวพิโรธ​


    ฉับบบ!!!! เสียงง้าวฟันแขนซ้ายของเจ้ายักษ์ขาด ยักษ์ร้องคำรามด้วยความเจ็บปวด
    พยัค:"เป็นไงละ! โดนซะบ้างจะได้จำ" พยัคกระโดดฟันซ้ำเข้าไปที่แขนขวาอีกข้าง แต่เจ้ายักษ์กลับมีใบมีดแหลมยาวโผล่ออกมาแทนแขนซ้ายที่ขาดไป ฟันไปที่พยัค เฉี่ยวแขนพยัคไปนิดหนึ่ง
    พยัค:"เห้ยย! อะไรอีกวะเนี่ย" เป้งงง!!!! เสียงคมมีดปะทะง้าวดังสนั่น พยัค:"ฮึ่บบๆ ถ้าเป็นเหล็กธรรมดาคงหักไปแล้ว แร่มิลิโนนี่สุดยอดจริงๆ คงไม่ต้องกังวลเรื่องหักเลย ฮึ่บย่ะ!" พยัคกระโดดมาตั้งหลัก ทันใดนั้น...
    คมมีดได้งอกทะลุมาจากมือขวาของยักษ์อีกเล่ม ฟาดไปที่พนัค แต่หลบได้ เศษหินอาคารบ้านเรือนได้กระเด็นเศษเล็กเศษน้อยได้กระเด็นไปโดนลูกหลงลูน่าที่คอยยืนหลบอยู่ห่างๆจนศรีษะแตกโลหิตไหล ลูน่าร้องด้วยความเจ็บปวด พยัคหันมามองลูน่า พยัค:"ลูน่าาาา!!! ไม่เป็นไรใช่ไหม"ลูน่า:"ข้าไม่เป็นไร ข้าทนได้"พยัคหันมาเผชิญหน้ากับยักษ์ พยัค:"มึงคิดจะยั่วโมโหกูรึไอ้ยักษ์?"
    ยักษ์ตนนั้นพูดขึ้นมา ยักษ์:"ถ้าข้าจะยั่วเจ้า แล้วเจ้าจะทำไม"พยัค:"นี่มึงพูดได้ด้วยหรอ แล้วตั้งนานทำไมไม่พูด"ยักษ์:"เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาสั่งให้ข้าพูดละ"พยัค:"เดี๋ยวเถอะมึง!"ยักษ์:"เน้ายังอ่อนแอนักไอ้มนุษย์ ยักษ์อย่างพวกข้าไม่ได้มีตนเดียว ข้าเป็นแค่ยักษ์ธรรมดาเจ้ายังจัดการแทบไม่ได้เลย"พยัค:"อะไรนะ อย่าบอกนะว่า..."ยักษ์:"ในเขตทางเหนือในใจกลางป่าเชาว์ลาสเป็นที่อาศัยของพวกข้า เรามีทหารรวมไปถึงระดับขุนพลมากมายและที่สำคัญเรามีราชายักษ์นาม โทไร... ทีนี้เข้าใจรึยังละว่าเจ้ามันอ่อนแอแค่ไหน"พยัคเงียบสักครู่...ยักษ์:"เป็นอะไรไป กลัวจนพูดไม่ออกไปไม่ถูกเลยรึไง!"พยัค:"เรื่องอสูรคงต้องตัดทิ้งไปเสียแล้ว"ยักษ์:"พึมพำๆอะไร"พยัค:"กูดีใจ"ยักษ์:"ดีใจหรอ บ้าไปแล้วรึไง"พยัคเงยหน้ามองยักษ์ พยัค:"กูดีใจที่กูจะได้มีที่ที่จะให้กูเหลาฝีมือตัวเองแล้ว"ยักษ์:"เพ้อฝัน"พยัคเงียบพุ่งง้าวใส่ยักษ์อย่างรวดเร็วจนมองไม่ทีน ไปที่หัวใจทะงุออกข้างหลังยักษ์ ยักษ์:"ขะขะข้า พลาดอะไรไป ข้ามองไม่ทัน"พยัค:"สติอาจจะเป็นพลังของมึงสุริยัน แต่สิ่งที่เป็นพลังให้กับกูคือโทสะ!!!"ตุ้บบบ ยักษ์สิ้นชีพแล้ว พยัคหมดแรงทรุดนอนลูน่าวิ่งมารับ ลูน่า:"สำเร็จแล้วๆ"พยัค:"เจ้าไม่เป็นอะไรนะ"ลูน่า:"ข้าไม่เป็นไร ข้านะพาเจ้าไปในเมืองไปให้หมอรักษา"พยัคสลบเพราะหมดแรงบวกสาหัส ลูน่าพยุงพยัคเข้าไปสู่ใจกลางเมืองนครนาฮาย
    นี่เป็นวันที่ต้องจดจำ...ความพิโรธอย่างสงบของพยัคจะเป็นชนวนสำคัญที่จะเปลี่ยนชีวิตเขาไปอย่างที่จินตนาการไม่ถึงกันเลยทีเดียว
    ---------ดาวคาร์ก----------
    คาเวน:"อะไรนะ!!!! ดาบของเอเรนหรอ"
    ทหาร:"ครับท่านเวน! คนของเราที่แฝงตัวอยู่ที่นั่นได้ยินมากับหูตัวเองตอนที่มีหญิงเข้าไปเอาอาวุธในร้านแห่งนครนาฮาย พ่อค้าคนนั้นมีมันไว้ในครองครอง"
    คาเวน:"ยังงั้นเรอะ"
    ทหาร:"จะทำยังไงดีครับท่านเวน"
    คาเวน:"ปล่อยไป ข้าไม่อยากเสียแผน"
    ทหาร:"ตะแต่ว่า น่าเสียดายนะครับ"
    คาเวน:"ข้ายอมเสียดาบนั้น เพื่อที่ไม่ให้แผนการของน้องข้าเสีย อีกไม่นานเกินรอ ข้าจะมีขุนศึกที่เก่งกล้า ก่อนจะถึงเวลานั้นข้าต้องรออย่างเดียว"
    ทหาร:"แต่ท่านเวน"
    คาเวน:"หุบปากเดี๋ยวนี้"
    ทหารเงียบไม่กล้าพูด
    คาเวนลุกออกจากที่นั่งกษัตริย์แล้วพึมพำ
    คาเวน:"ข้าไม่เคยลืมเจ้า เอเรน แม็กนั่ม ข้าไม่เคยเลยย..."

    ........บุรุษที่ข้าสรรเสริญ.......
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 พฤศจิกายน 2015
  15. สกายวอร์ค

    สกายวอร์ค สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2015
    โพสต์:
    17
    ค่าพลัง:
    +12
    เรื่องราวเอเรนแห่งกาแลคติก​


    เสียงเอเรน:"ข้าไม่เคยเห็นเจ้าเป็นศัตรู สหายข้า!" คาเวนนึกถึงคำพูดของเอเรนในอดีตตามลำพัง
    สิ่งนี้เป็นสิ่งเดียวที่แสดงให้เห็นว่าจ้าวมืดนั้นยังมีแสงสว่างอยู่บ้าง คาเวน:"ถึงเจ้าจะเปลี่ยนข้าไม่ได้ แต่ความศรัทธาในตัวเจ้าไม่เคยเปลี่ยน ข้ายอมได้แค่เจ้าเท่านั้น...."คาเวนพึมพำอยู่คนเดียว
    สักพักจึงได้โทรจิตไปน้องชายคาลานพูดคุยกัน คาเวน:"น้องข้า"คาลาน:"มีอะไรหรือเปล่าท่านพี่"
    คาเวน:"ทหารข้าบอกว่าเจ้าพวกนั้นมีดาบคู่ของเอเรนไว้ครอบครอง"คาลาน:"แล้วท่านพี่ต้องการมันรึไม่"คาเวน:"ไม่หรอก เดี๋ยวเจ้าจะเสียแผนทั้งหมด"คาลาน:"ตามบัญชา!"คาเวน:"มันแค่ทำให้ข้านึกถึงเขา"คาลาน:"ข้าเข้าใจท่านพี่"คาเวน:"รู้ยังงี้ตอนแรกข้าไม่น่าปลอมตัวไปที่ดาวกาแลคติกเพื่อสืบค้นข้อมูลกำลังทหารเลย"คาลาน:"ข้าเข้าใจท่าน!"คาเวน:"อืมม..ตอนที่ข้าปลอมตัวเป็นคนอดอยาก ก็ดันไม่มีกินจริงๆอีก แล้วข้าได้พบกับเขา นั่นคือวันที่ข้าจำได้"คาลาน:"แต่เขาเปลี่ยนท่านไม่ได้"คาเวน:"ใช่! แต่ข้าสรรเสริญเขา เอเรนกับข้าสนิทดันตั้งแต่นั้นมา จนถึงวันที่ดาวถูกทำลาย ข้าพยายามชวนเขามากับข้า เขาไม่มาข้าจำได้ไม่เคยลืม ข้าสู้กับเขาข้าเป็นฝ่ายแพ้ ถ้าเขาฆ่าข้าในตอนนั้นทุกอย่างคงจบสิ้นแต่เขาไม่ทำ"คาลาน:"ข้ารู้! ข้าเป็นคนไปรับท่านขึ้นยานแม่"คาเวน:"ข้าแค่อยากระบายออกมา...ในวิทานี้นั้นเขาคว้ายานของเขามาให้แล้วผลักข้าที่ร่อแร่ขึ้นไปบนอวกาศ จนเจ้ามารับข้าเข้าไปในยานแม่" คาเวน:"คำพูดสุดท้ายที่ข้าคุยกับเขา" คาเวนนึกถึงเสียงพูดในวันนั้น
    คาเวน:"ฆ่าข้าซะ ทุกอย่างก็จะจบ"
    เอเรน:"ข้าทำไม่ได้"
    คาเวน:"ถ้าเจ้าไม่ทำก็เท่ากับว่าเจ้าทำพลาดมหันต์"
    เอเรน:"สักวันเจ้าจะมีคู่ปรับเอง แต่สำหรับข้าไม่ใช่"
    คาเวน:"ห๊ะ! ทำไม ทำไมถึงไม่ทำ ทั้งที่โอกาสอยู่ตรงหน้า"
    เอเรน:"เพราะข้าไม่ฆ่าเพื่อน!"
    คาเวน:"อย่ามาพูดบ้าๆ"
    เอเรน:"ข้าจัดการเจ้าไม่ได้ข้าก็สมควรตายไปพร้อมกับผู้คนและดาวดวงนี้ ลาก่อนสหาย!"
    คาเวน:"ม่ายยยยยยยยยย!!!!"
    เสียงถอนหายใจ เฮ้อออ.. คาลาน:"ท่านพี่ แล้วตอนนั้นดาบของเอเรนได้อยู่รึเปล่า"คาเวน:"ไม่ เขาใช้มือเปล่าจัดการข้าที่ใล้ดายาวใหญ่ได้อย่างสบาย เขาไร้เทียมทาน"คาลาน:"ข้าเข้าใจแล้ว"
    คาเวน:"อย่างไรก็ตามเจ้าต้องทำตามแผนต่อไป เรื่องดาบเล่มนั้น สักวันผู้ที่ครอบครองดาบจะเอามันมาเผชิญหน้ากับข้าเอง"คาลาน:"ท่านพี่ ข้ามีข่าวดีมาแจ้งให้กับท่าน ข้าเกือบลืม"คาเวน:"ใครสั่งใครสอนให้เป็นคนขี้ลืมกัน อย่าลืมอะไรง่ายๆเด็ดขาด"คาลาน:"ขออภัยครับท่าน"คาเวน:"มีอะไรละ?"คาลาน:"พวกชาติมหาอำนาจบนดาวเสรีนี้มันดัดแปลงพันธุกรรมมนุษย์ให้มีพละกำลังสุดจะพรรณนา"คาเวน:"สำเร็จแล้วงั้นรึ"คาลาน:"ครับท่าน พวกนั้นตั้งรหัสชื่อว่า สี่กร"คาเวน:"มนุษย์สี่แขนรึ ดีเลย!"คาลาน:"ทำยังไงดีท่าาพี่ระหว่างรอเจ้าสองคนนั้นกลับออกมา"คาเวน:"เจ้าพวกนั้นอยู่โลกใต้ดิน ส่วนโลกข้างบนก่อสงครามซะ ให้พวกมันฆ้ากันเอง"คาลาน:"ข้าจะจัดการเดี๋ยวนี้" เสียงโทรจิตหายไป
    คาเวนนั่งลงบัลลังค์ คิดในใจ คาเวน:"อีกไม่นาน!" คาเวน:"ทหารร!" ทหาร:"ครับท่านเวน!"คาเวน:"เตรียมกองทัพขนาดย่อมพร้อมไปดาวเสรีเดี๋ยวนี้"ทหาร:"รับคำสั่งท่านเวน!"
    -------ทางฝั่งใต้ดินโลกเสรี-------------
    ผ่างง!!! กาลู:"เป็นอะไรมากไหมพยัค"ลูน่า:"อะกาลู มาพอดี ไม่เป็นไรมากหรอกแต่สาหัสต้องพักหลายวัน"กาลู:"ยังงี้ก็ไปจัดการอสูรไม่ได้ซะแล้วสิ"พยัค:"ข้ารู้ แต่ข้าคิดอีกอย่าง ยักษ์ไง ข้านะไปจัดการมันให้หมด"กาลู:"แต่เจ้ายักษ์นานๆครั้งมันจะสร้างความเดือดร้อนให้เรานะเพราะไม่ค่อยมีใครไปทางป่าเชาว์ลาสอยู่แล้ว จึงไม่ค่อยจำเป็น"พยัค:"ไม่เป็นไรหรอกหน่าา ฝีมือของมันก็พอๆกับอสูรไม่ใช่หรอ"กาลู:"ก็ใช่ แล้วอสูรอีกสองตัวละ"ผ่าง!!! กาลู:"เห้ยย!! สุริยัน" สุริยัน:"เรื่องอสูรกูจะจัดการทั้งสี่ตัวเอง"กาลู:"ฝันกลางวันอยู่รึไง แล้วนี่..."สุริยัน:"ทำธุระเสร็จแล้วน่ะ พยัคนี่ก็ค่ำแล้วนอนพักซะ"
    พยัค:"ทำธุระอะไมาวะ"สุริยัน:"ไปนอนเล่นกับธรรมชาติมา"พยัค:"อะไอ้บ้านี่! จริงๆเลย"ลูน่า:"เขาสู้กับยักษ์มาน่ะ"สุริยัน:"ข้าได้ยินชาวบ้านบอกแล้วละ พักผ่อนซะ พรุ่งนี้ข้าจะไปคนเดียว"พยัค:"ขอโทษน่ะเพื่อน!"กาลู:"ไม่ต้องเป็นห่วง เดี๋ยวข้าจะไปเป็นเพื่อนสุริยันเอง"สุริยัน:"เอ๊ะ! เจ้าเนี่ยนะ"พยัค:"กาลู กูจอฝากคนบ้ากูด้วยละ!"สุริยัน:"พักเถอะ เดี๋ยวกูจะไปเตรียมตัวละ"พยัค:"เฮ้! กล้าหาญเข้าไว้"สุริยัน:"ลาก่อนเพื่อน กล้าหาญเข้าไว้!"กาลู:"ไปละนะ พยัคดูแลลูน่าให้ดีๆละ"ลูน่า:"เจ้าตัวยังเดินไม่ได้เลยยังจะให้มาดูแลคนอื่น"พยัค:"ฮ่าๆๆๆ"กาลู:"ไปละ ลาก่อน" ตุ้บบ!!!
    กาลู:"นี่เจ้าฝึกวิชาเสร็จตอนไหน"
    สุริยัน:"ถ้าไม่เสร็จจะมายืนอยู่ตรงนี้ไหมละ"
    กาลู:"อั่นแหนะ! ได้วิลากวนบาทามาด้วยใช่ไหมเนี่ย"
    สุริยัน:"ก็อาจจะนะ ฮ่าๆๆ"
    กาลู:"ไปเตรียมตัวกันเถอะ ฆ่าอสูร ฆ้าอสูรร ฮ่าๆๆๆๆๆๆ"
     
  16. สกายวอร์ค

    สกายวอร์ค สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2015
    โพสต์:
    17
    ค่าพลัง:
    +12
    ออกเดินทาง​


    กาลู:"อาจารย์คิม่อนว่าไงบ้างตอนที่ฝึกสำเร็จ"สุริยัน"เขาบอกแค่ว่า ชะตาของข้าจะเปลี่ยนไปอีกไม่นาน" กาลู:"อ่อ! นอนเถอะ พรุ่นี้ต้องไปแล้ว ราตรีสวัสดิ์"สุริยัน:"ราตรีสวัสดิ์"
    ทั้งสองหลับอย่างสบายใจ
    เอ๊กอี่เอ้กเอ๊กกกก!!!เสียงไก่ขัน ลูน่า:"พยัค กินยาซะหน่อยนะ"พยัค:"ข้าเป็นห่วงเจ้าสองคนนั้น"ลูน่า:"ข้าก็เหมือนกัน แต่พวกเขาจะไม่เป็นอะไร"พยัค:"ทำไมกันนะ ข้ารู้สึกว่าจะไม่ได้เจอกับพวกเขาอีก"ลูน่า:"เจ้าคิดมากไปแล้วนะพยัค!"พยัค:"เจ้าสวยจัง"ลูน่า:"เดี๊ยะๆๆ อีบ้านี่!"
    ------
    พระราชา:"เอ้า! ไม่เป็นไรๆ ข้ายอแค่จัดการให้ครบสี่ตัวก็พอจะไปด้วยกันหรือแยกกันก็ได้ตามอัธยาศัย"สุริยัน:"ขอบพระคุณฝ่าบาท"กาลู:"ฝ่าบาทไม่ต้องกังวลไป ถึงเขาคนนั้นจะบาดเจ็บแต่เขาหายเมื่อไหร่ ยักษ์แห่งป่าเชาว์ลาสอาจจะโดนล้างบางเกลี้ยงเลยนะ"พระราชา:"ดีสิ! ถ้าพวกเจ้าและเพื่อนเจ้าอีกคนทำสำเร็จ ข้าจะมอบกำไลให้อย่างงาม"สุริยัน:"ด้วยความยินดีฝ่าบาท"กาลู:"ทหารของท่านไม่คิดจะมาล่วยเราบ้างหรอ"พระราชา:"พวกเขาอ่อนแอเกินไป ข้าต้องขออภัย"สุริยัน:"ไม่เป็นไรฝ่าบาท อสูรไม่เกินมือเราสองคนหรอก ข้าจะกลับมาพร้อมความสำเร็จข้สัญญา!"พระราชา:"เจ้าช่างน่านับถือ" สุริยันกับกาลู:"พวกข้าไปละ" พระราชา:"ดูตามแผนที่ที่ข้าให้ไว้นะจะได้ไม่หลงทาง"สุริยัน:"ครับผม!" ทั้งสองเดินจากไปอย่างเงียบๆ
    นักรบ:"ฝ่าบาท คิดว่าพวกเขาจะทำได้ไหม"
    พระราชา:"เขาทำได้อยู่แล้ว"
    ------
    กาลู:"ตามแผนที่มันไกลจริงๆ"
    สุริยัน:"เอาตัวที่ใกล้ที่สุดสิ"
    กาลู:"อสูรกอริลล่ายักษ์น่ะไปทางตะวันออกผ่านนครอูรุปปานครเดียวก็เจอแล้ว"
    สุริยัน:"ดี! งั้นไปเตะตูดลิงเปิดงานกันก่อนเลย"
     
  17. สกายวอร์ค

    สกายวอร์ค สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2015
    โพสต์:
    17
    ค่าพลัง:
    +12
    ผจญภัย​


    สุริยัน:"ทำไม๊ทำไม ไอ้ที่แห้งแล้งแบบนี้มันถึงได้กว้างนักนะ"กาลู:"เออดิ เดินมาจนตะแห้งตายอยู่และ"สุริยัน:"นั่นสิ"กาลู:"ว่าแต่ดาบที่หลังน่ะสวยดีนะ"สุริยัน:"ลูน่าเขาเอามาให้จากร้านน่ะ บอกว่าดาบนี้ดีให้ข้าดูแลดีๆน่ะ"กาลู:"ดาบสองมือตะสู้ดาบยาวอย่างข้าได้เรอะ ฮ่าๆๆ"สุริยัน:"ไม่ได้เกี่ยวกับอาวุธหรอกของแบบเนี่ย อยู่ที่คนมากกว่า"กาลู:"นั่นสินะ ถ้าพยัคมันมาด้วยก็คงจะดี"สุริยัน:"นี่ขนาดเจ้าไปสู้กับยักษ์มานะ ข้าได้ยินว่าเจ้าโดนไม่ใช่น้อย แต่เจ้าดูเหมือนไม่เป็นอะไรเลย"กาลู:"ข้ากินผักทุกวัน ร่างกายข้าซ่อมแซมเร็ว แก่ช้าด้วย ฮ่าๆๆ"สุริยัน:"สงสัยข้ายะต้องหักดิบเนื้อสัตว์ซะแล้ว"
    ทั้งคู่เดินทางมาหลายวันหลายเดือน จนมาถึงน้ำตกในแถบเทือกเขาแห่งหนึ่ง กาลู:"โฮ้ยยย!!! น้ำตกโว้ยยย สดชื่นโว้ยยยย!!!"สุริยัน:"จะตะโกนหาป๊ะป๋าเจ้ารึไง เราไม่รู้ว่าที่นี่มีอันตรายหรือไม่"กาลู:"คิดมากหน่า"สุริยัน:"ฟังนะ เจ้าไปตรวจดูทางฝั่งโน้นส่วนข้าจะไปฝั่งนี้เอง"กาลู:"ได้ๆ แปปเดียวแหละ มันไม่มีอะไรหรอก" เมื่อทั้งสองเดินตรวจไป จากป่าไม้ธรรมชาติสวยงามหายไปมีแต่หมอกหนาๆ เมื่อหมอกจางลง ปรากฎว่าที่ๆทั้งสองอยู่นั้นมีแต่ซากปรักหังพัง ซากกระดูก ซากไม้ พร้อมเสียงโหยหวนที่ชวนสยดสยอง กาลู:"เห้ยยย!!! อะไรวะเนี่ย ต้นไม้เขียวๆหายไปไหน" ฝั่งสุริยัน สุริยัน:"อะไรกัน! เมื่อกี้เป็นภาพลวงตาหรอ แล้วไอ้สถานที่พวกนี้มันอะไร หรือว่าต้องมีใครสร้างภาพลวงเพื่อหลอกเราให้เข้ามาที่นี่" สุริยัน:"กาลู! กลับมารวมกันเดี๋ยวนี้" สุริยันตะโกนเรียกหากาลู แต่ไม่ได้เสียงตอบรับกลับจากสวรรค์เลยแม้แต่น้อย สุริยัน:"มันลักทะแม่งๆแล้ว" เฉือบ! สุริยันฝักดาบแล้วเดินตรวจตราเพื่อตามหากาลู สุริยัน:"กาลู ถ้าได้ยินข้าโปรดตอบด้วย" สักพักมีเงาขนักรบลุดเกราะตัวใหญ่น่าเกรงขามโผล่มาต่อหน้าสุริยัน เงานักรบ:"เจ้าเป็นใคร?"สุริยัน:"หะ! ข้าชื่อสุริยัน เป็นคนจากโลกข้างบน"เงานักรบ:"พลัง ทำไมพลังจิตของเจ้าถึงได้มีอำนาจมากขนาดนี้ เต้ามาจากโลกที่มีแต่กิเลส จิตใจเจ้าน่าจะลุ่มหลงมัวเมาเหมือนคนทั่วไป ไฉนเจ้าถึงแตกต่าง"สุริยัน:"ข้าได้รับการฝึกมา แล้วเพื่อนข้าเขาอยู่ไหน"เงานักรบ:"เจ้าช่างโง่เขลา เพื่อนของเจ้าก็อยู่ข้างๆเจ้า" สัริยันมองไปเจอแต่ไม่สามาาถสัมผัสกันได้ สุริยันตกใจว่าทำไม เงานักรบ:"เห็นรึยังล่ะ?"สุริยัน:"ทำไมข้าถึงแตะตัวเขาไม่ได้ ทำไมเขาไม่เห็นข้า"เงานักรบ:"ข้าดึงเจ้าเข้ามาในอีกมิติ เขาอยู่ในมิติทางโลก แต่เจ้าอยู่ในมิติทางจิตวิญญาณ"สุริยัน:"ท่านทำเช่นนี้ได้อย่างไร ท่าเป็นใครกันแน่?"เงานักรบ:"ข้า จ้าวแลคนัส"สุริยัน:"จ้าวหรอ? ท่านเป็นจ้าวมืด"สุริยันชี้ดาบไปที่เงานักรบ จ้าวแลคนัส:"เจ้ากลัวข้างั้นรึ!"สุริยัน:"ข้าไม่ได้กลัว"จ้าวแลคนัส:"ข้ารู้สึกได้ เจ้าชี้ดาบใส่ข้า เจ้าคิดจะสู้งั้นรึ!"สุริยัน:"ข้าจำต้องป้องกันตนเอง"จ้าวแลคนัส:"เจ้าทำได้ดีสมเป็นนักรบ มารวมจิตของเจ้ากายของเจ้าจิตของข้า เจ้าจะแข็งแกร่งเกินคณานับ"สุริยัน:"ด้วยเหตุผลอะไร?"จ้าวแลคนัส:"เพื่อที่ข้าจะทำให้เจ้าได้กลายเป็นจ้าวมืดคนใหม่แทนคาเวน"สุริยัน:"ท่านรู้จักคาเวน?"จ้าวแลคนัส:"จ้าวมืดนั้นมีมานานหลายแสนปี เมื่อใดที่มีจอมมารที่แข็งแกร่งและชั่วร้ายโผล่มาในจักรวาล ทุกชีวิตจะเรียกจอมมารเหล่านั้นว่าจ้าวแห่งความมืดทันที ความชั่วร้ายที่รุกรานไปทั่วจักรวาล ทำให้เกิดการต่อต้าน สุดท้ายจึงได้มีการรวมกลุ่มผู้กล้าแห่งแสงสว่างมาจัดการกับจอมมารจ้าวมืดทั้งหลาย อัศวินขุนศึกแห่งดาวที่ประเสริฐที่สุด แสงสว่างมากมายอยู่ที่นั่น นั่นคือกาแลคติก"สุริยัน:"แล้วมันทำไม?"จ้าวแลคนัส:"เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นเด็กในคำทำนายอย่างที่อาจารย์คนแรกของเจ้าโม้ไว้รึไง"สุริยัน:"หมายความว่าไง"จ้าวแลคนัส:"นี่เป็นเรื่องแห่งโชคชะตาของเจ้า มารวมกับข้า แล้วเจ้าจะมีอำนาจยิ่งกว่าคาเวน"สุริยัน:"ท่านเอาชนะคาเวนไม่ได้รึไง ถึงได้มาขอข้า"จ้าวแลคนัส:"คาเวนแข็งแกร่งก็จริงแต่ยังอ่อนมากนัก ข้าตายที่นี่ ข้าถูดสังหารโดยอัศวินที่ยิ่งใหญ่ มันสะกดวิญญาณข้าให้เป็นสัมภเวสีอยู่ที่นี่ ด้วยอำนาจมืดของข้า เจ้าจงมารวมกับข้าเดี๋ยวนี้!"สุริยัน:"เจ้าใช้อำนาจมืดบงการใจข้าไม่ได้หรอก ข้ามีวิลาที่เรียนมาจากอาจารย์คนหนึ่ง แสงสว่างของข้าจะขับไล่อำนาจมืดไปให้สิ้น ย๊ากก!"สุริยันดึงแสงสว่างในตัวแผ่ออกไปทั่วรอบบริเวณ จ้าวแลคนัสหายไปอย่างเงียบๆ กาลู:"เห้ยยย!! โผล่มาจากไหนเนี่ย"สุริยัน:"ก็นะ"กาลู:"มีอะไรเปล่า ทำหน้าเหมือนเด็กเก็บกด"สุริยัน:"ไม่มีอะไรหรอก"กาลู"ไม่มีก็ดีแล้ว รีบออกไปจากที่สยดสยองแห่งนี้สักทีเถอะ"สุริยัน:"คราวนี้ห้ามแยกกันอีกนะ"
    กาลู:"เจ้ากลัวหรอ?"
    สุริยัน:"ข้าไม่อยากเสียเพื่อนไป"
    กาลู:"ข้ายังไม่ตายซะหน่อยนะ!"
    สุริยัน:"นั่นสินะ!"
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 พฤศจิกายน 2015
  18. สกายวอร์ค

    สกายวอร์ค สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2015
    โพสต์:
    17
    ค่าพลัง:
    +12
    ผจญภัย ๒

    ทั้งสองคนเดินทางมาเรื่อยๆตามป่าเขา ทั้งสองเย้าป่าลึกจนแทบนะไม่มีแสงสว่างเล็ดรอดเย้าไปได้
    สุริยัน:"กาลู อีกไกลไหมกว่าจะถึงนครอูรุปปา"กาลู:"เท่าที่ดูในแผนที่เนี่ยอะนะ เรามายังไม่ถึงครึ่งทางเลย"สุริยัน:"นี่มันจะกินเวลากี่วันวะเนี่ย"กาลู:"ข้าว่าคงจะเป็นปีละ"สุริยัน:"อาจารย์สิงห์คงรอหนังเหี่ยวแน่ๆเลย กว่าจะกลับไปหาเขา"กาลู:"อาจารย์คนแรกของเจ้าเป็นคนยังไงหรอ?"สุริยัน:"เขาเป็นคนที่เก่งมากๆในศาสตร์วิทยายุทธ เขาว่าเขาเรียนมันมาจากดาวคาร์ก"กาลู:"ดาวคาร์กหรอ? นั่นมันดาวสงครามนี่"สุริยัน:"เจ้ารู้จักด้วยหรอ"กาลู:"ชื่อเสียงเรียงนามออกจะโด่งดัง"สุริยัน:"ใครๆเขาก็พูดแบบนั้น" ทั้งสองเดินคุยกันมาเรื่อยๆ เดินมาในสถานที่หนึ่ง มีอสูรกายรูปร่างเหมือนจระเข้ยักษ์ กำลังแหวกว่ายอยู่ในแม่น้ำใหญ่ข้างหน้า กาลู:"แม่เจ้า! ตัวมันบึ้มจังวะ"สุริยัน:"เราต้องข้ามแม่น้ำนั่นใช่ไหม?"กาลู:"ใช่ เราต้องข้าม แต่ถ้าอ้อมก็ได้นะ แต่ว่าจะไกลมากๆ"สุริยัน:"กาลูเจ้าคิดเหมือนที่ข้าคิดไหม"กาลู:"อย่าบอกนะ ว่าคิดจะปู้ยี่ปู้ยำกับมันอะ"สุริยัน:"แน่นอน!" สุริยันกระโดดชักดาบคู่แทงไปที่ตัวจระเข้ยักษ์ เกล็ดของมันแข็งจนแทงไม่เข้า กาลู:"นี่ข้าต้องมาสู้กับสัตว์ตายยากอีกแล้วเรอะ"สุริยัน:"มัวทำอะไรอยู่ ช่วยกันหน่อย"กาลู:"เอาก็เอาวะ" กาลูกระโดดลงไป จู่ก็มีจระเข้ยักษ์โผล่มาอีกตัว กาลูเกาะเกล็ดของจระเข้อีกตัวไว้ จรเข้ทั้งมุดน้ำดำน้ำโผล่ขึ้นน้ำเผื่ให้กาลูหลุดและตัดกำลัง
    กาลู:"อะอะ อัก... เวรจริงๆ"สุริยัน:"จงมีสติ อย่าแตกตื่น" สายน้ำเริ่มสั่นไหว แล้วน้ำก็กระทุ้งออกอย่างแรง คราวนี้ทั้งสุริยันกับกาลูกำงังจะเผชิญหน้ากับจระเข้ยักษ์ ๕ ตัวที่อยู่เบื้องหน้า สุริยัน:"นี่เราตกลงมาในรังจระเข้รึไง"กาลูกระโดดออกจากจระเข้ตัวนั้นมาที่จระเข้สุริยัน จระเข้ที่ทั้งสองยืนประทับ กำลังแหวกว่ายทางตรงด้วยความเร็ว กาลู:"ข้าบอกแล้วให้คิดก่อน"สุริยัน:"เจ้าบอกข้าตอนไหนกัน"
    กาลู:"ช่างมันเถอะ! เห็นยังงี้ยังจะสู้อีกไหม"
    สุริยัน:"ลงเอยแบบนี้ต้องใช้วิชาตีนหมาแล้ว!"
    กาลู:"วิชาใหม่หรอ??!"
     
  19. สกายวอร์ค

    สกายวอร์ค สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2015
    โพสต์:
    17
    ค่าพลัง:
    +12
    ตำนานแห่ง ๔ มืด​


    สุริยัน:"กาลู ตามมาเร็วๆ" ทั้งสองวิ่งบนหลังจระเข้ยักษ์ที่ว่ายด้วยความเร็วไปยังหลังของจระเย้อีกตัวเพื่อขึ้นฝั่งทางนั้น บางตัวก็งับระหว่างกระโดด บางตัวก็ใช้หางอันทรงพลังฟาดไปที่ทั้งคู่ ทั้งสองวิ่งหลบมาจนถึงจระเข้ตัวท้ายซึ่งอยู่ใกล้ ระหว่างที่ทั้งสองกระโดดถึง แม่น้ำสายน้ำได้กลายเป็นหลุมน้ำขนาดใหญ่ จระเข้ยักษ์แหวกว่ายลงไปข้างใต้นั่น จระเข้ตัวสุดท้ายก็ว่ายลงไปด้วย สุริยัน:"คราวนี้อะไรอีก"กาลู:"ได้ไปเฝ้าพระอินทร์แน่เลยงานนี้!!" จระเข้ดิ่งลงไป จนหมด เสียงว๊ากของทั้งสองดังสะท้อนยึ้นมาด้านบนผิวน้ำหมุน เมื่อหางของจระเข้ตัวสุดท้ายลงไป สายน้ำที่กลายเป็นหงุมขนาดใหญ่ก็กลับมามีสภาพแน่นิ่งดังเดิม ทั้งสองลืมตาขึ้นมา มีเสียงดังเอกเกริกข้างหูว่า"ชาวัล ชาวัล ชาวัล!!!" สุริยัน:"อะไรกันเนี่ย"กาลู:"เห้ยยยๆ นี่อะไรอีก"สุริยัน:"ทำไมคนพวกนี้ถึงมีเกล็ดบนแผ่นหลังเหมือนจระเข้เลย"กาลู:"นั่นมันหางของจระเข้นี่!!!"สุริยัน:"เมืองจระเข้หรอ!!!??"
    ------------ฝั่งอาจารย์คิม่อน ปรมาจารย์แห่งนาฮาย---------------------
    ชายชุดคลุมปิดหน้าปิดตาปริศนาเดินเข้ามายังบ้านพักของอาจารย์คิม่อน
    ชายปริศนา:"ท่านเรียกข้ามา มีอะไรหรือเปล่า"
    คิม่อน:"เรื่องที่น่ากลัวได้เกิดขึ้นแล้ว"
    ชายปริศนา:"หมายความว่ายังไงครับท่าน"
    คิม่อน:"ศิษย์ของข้าคนหนึ่งได้เผชิญกับแลคนัส"
    ชายปริศนา:"แลคนัส!!! ท่านแน่ใจรึ?"
    คิม่อน:"ข้ามีญาณหยั่งรู้ในสิ่งที่เกิดขึ้นไปแล้ว แต่ข้าไม่ได้เห็น ข้าก็สามารถย้อนกลับไปดูได้ด้วยอำนาจแห่งฌาน จ้าวแลคนัสตื่นขึ้นแล้วว แลัการที่ได้พบเจอกับศิษย์ข้าคนนั้นทำให้ข้ากลัวอย่างยิ่ง"
    ชายปริศนา:"ศิษย์ของท่านแข็งแกร่งมิใช่หรอ แลคนัสไม่สามารถคืนชีพได้หรอกหากไม่มีใครยินยอม"
    คิม่อน:"ศิษย์ข้าคนนั้นข้าไม่ห่วงหรอก ข้าห่วงสหายของเขามากกว่า แลคนัสคงหมายตาไว้แน่"
    ชายปริศนา:"เอาเขามาฝึกพลังแสงสว่างสิ จะได้จบๆกันไป อีกอย่างคนที่ท่านกังวลนั้นก็คงไม่เดินสุรุ่ยสุร่ายไปยังอาณาเขตที่แลคนัสถูกสะกดไว้หรอก"
    คิม่อน:"เขาฝึกไม่ได้ ใจเขาโทสะแรง เขาเคยเป็นอดีตอันธพาลเกเรมาก่อน ยากนักที่ข้าจะหักนิสัยดิบเถื่อนของเขาได้ ถ้าเขาฝึกไม่สำเร็จจะยิ่งทำให้เขามีโทสะมากขึ้นที่ตัวเองทำไม่ได้ทั้งที่เพื่อนตัวเองทำได้ ข้าต้องรอบคอบ"
    ชายปริศนา:"ผมทำอะไรไม่ได้หรอกนะ ผมไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว"
    คิม่อน:"ข้ารู้ แต่ช่วยมาเป็นหูเป็นตาให้ได้ไหม"
    ชายปริศนา:"เป็นหูเป็นตาในเรื่องอะไรรึครับท่าน"
    คิม่อน:"ทุกเรื่องในนครนี้ หากมีอะไรแปลกๆช่วยค้นหาและสืบเสาะได้ไหม ข้ารู้สึกถึงอันตรายที่จะดึงึนๆหนึ่งสู่ความชั่วร้าย"
    ชายปริศนา:"ขออภัยครับ แต่ผมมีเด็กคนหนึ่งที่ต้องดูแลเขา ผมจะดูแลเขาเท่านั้น"
    คิม่อน::เจ้าเห็นเรื่องของเจ้าสำคัญกว่าเปลวไฟที่จะลุกขึ้นในไม่ช้ายังงั้นเรอะ"
    ชายปริศนา:"ผมรู้จักจ้าวมืดดีครับท่าน ผมมีชีวิตมานาน มากมาย จนตอนนี้ผมแก่ชรา ถึงผมจะไม่ได้เห็นจ้าวมืดคนก่อนๆแต่ผมเกิดมาในยุคของแลคนัส ตอนนั้นผมไม่คิดเลยด้วยซ้ำว่าแลคนัสจะกลายเป็นตำนานที่ ๔ แห่งพวกมืด"
    คิม่อน:"แลคนัสสามารถดึงพลังของจ้าว อีก ๓ จ้าวได้นะ อย่าลืมสิ ถ้ามันได้ร่างที่แข็งอกร่งเมื่อไหร่มันจะคืนชีพขึ้นมาอีกครั้ง เจ้าก็รู้ดีอยู่แก่ใจ สาเหตุที่อัศวินกาแลคสะกดเขาไว้ในเขตนั้นเพราะอะไร แม้แต่ขุนศึกท่านนั้นยังมิสามารถสังหารแลคนัสได้เด็ดขาดเลย แลคนัสได้ดึงพลังของ ๓ มืด มาไว้ให้กับตน
    แลคนัสสามารถดึงพลังได้อีกแค่คนเดียวเท่านั้นถ้าเขาคืนชีพขึ้นมาได้ ด้วยกำลังที่อ่อนลง แล้วข้าก็คิดว่าคนที่แลคนัสจะดึงพลังมาคนสุดท้ายคือ คาเวน!! นี่แหละสิ่งที่ข้ากลัว ถ้ามันได้ร่างใครสักคน แล้วถ้าร่างนั้นแข็งแกร่ง ก็ลองคิดดูพลังแห่ง ๓ มืด พลังของร่างใหม่ กับพลังใหม่ที่จะดึงจากคาเวน แลคนัสจะกลายเป็นจอมมารที่แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์จักรวาลที่เคยมี"
    ชายปริศนา:"จ้าวราห์ จ้าวธูส จ้าววิเวีย ๓ มืดในตำนาน ผมรู้ดีถึงพลังของพวกเขา แต่ผมขอพูดปฏิเสธเหมือนเดิม"
    คิม่อน:"เราควรจะสังเกตุการณ์เสียแต่ต้นลมนะ"
    ชายปริศนา:"สักวันเด็กชายที่ผมเลี้ยงอยู่ เขาจะทำให้ท่านคลายกังวลเอง"
    คิม่อน:"ทำไมถึงได้มั่นใจนัก"
    ชายปริศนา:"ก็เขาคือเด็กในคำทำนายนี่ครับ ลาละครับอาจารย์"

    ............ผู้ที่จะจุดประกายแห่งแสงสว่างขึ้นมาอีกครั้ง..............
    คิม่อน:"คำทำนายมันยังไงกันแน่นะ ช่างซับซ้อนเหลือเกิน..."
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 พฤศจิกายน 2015
  20. สกายวอร์ค

    สกายวอร์ค สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2015
    โพสต์:
    17
    ค่าพลัง:
    +12
    ผจญภัย ๓​


    สุริยันกับกาลูตกอยู่ในท่ามกลางของครึ่งมนุษย์ครึ่งจระเข้ในถ้ำใต้แม่น้ำอันกว้างใหญ่
    เป็นอาณาจักรแห่งหนึ่งเลยทีเดียว ทั้งสองถูกจับกุมนั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้าถ้ำแห่งหนึ่ง ภายนอกถ้ำถูกตกแต่งด้วยเครื่องเพชรจินดาสวยงามมากมาย สักพักก็มีร่างของชายคนหนึ่งเดินออกมาจากเงามืดของถ้ำ รูปร่างสูงใหญ่ ใบหน้าหล่อเหลา สุริยันกับกาลูเห็นดังนั้นจึงกล่าวว่า
    สุริยัน:"พวกข้าอยู่ที่ใดกัน แล้วพวกเจ้าเป็นใคร!!?"ชายปริศนา:"ข้ามีนามว่า ชาวัล เป็นกษัตริย์แห่งอาณาจักรโครได"กาลู:"ไม่ชื่อชาละวันไปเลยละ"ผู้คุม:"หยาบคาย!! เจ้าพวกผู้ต่ำต้อยคิดจะเทียบบารมีของกษัตริย์รึไง"กาลู:"ขะข้าขออภัย"ชาวัล:"พวกเจ้ามาทำอะไรที่นี่"สุริยัน:"ข้าต่างหากที่ต้องถามท่านกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ เหตุใดข้าถึงได้มาโผล่ที่นี่ได้"กาลู:"เราสองคนไม่ได้ต้องการจะมาที่นี่ เราแค่กำลังข้ามแม่น้ำ จู่ๆก็มีจระเข้ยักษ์โผล่มามากมาย"ชาวัล:"พวกเราไม่ชอบให้ใครย้ามแม่น้ำข้างบนได้ง่ายๆหรอกนะ แม่น้ำนั้นใสสะอาดบริสุทธิ์ ข้าต่องการจะรักษาความงดงามเหล่านั้นไว้ ข้าจึงมิให้ผู้ใดมาที่นี่ ถึงมาก็อย่าหวังว่าจะได้กลับไปง่ายๆ ยิ่งมีผู้มาอาศัยมากขึ้นแหล่งน้ำที่สวยงามจะเริ่มไม่บริสุทธิ์ แล้วจระเข้ที่พวกเจ้าเผชิญกันนั้น คือพวกเราต่างหาก"สุริยัน::อะไรนะ? พวกท่านเป็นจระเข้ยักษ์พวกนั้นเหรอ!"ชาวัล:"พวกเราสามารถกลายร่างเป็นจระเข้ยักษ์ได้ ตำนานของพวกเราที่นี่เกิดจากเทพเจ้าผู้ซึ่งมีร่างกายเป็นมนุษย์ไปตกหลุมรักกับจระเข้สาวตัวหนึ่ง"กาลู:"พูดเป็นเล่น คงรสนิยมแปลกน่าดู"กาลูคิดในใจ ชาวัล:"จระเข้นางนั้นสวยงามถูกตาเทพองค์นั้นมาก"สุริยัน:"แล้วจีบกันตกหลุมรักกันและมีลูกมีหลานกันใช่ไหมท่าน ข้าเดาถูกรึเปล่า"ชาวัล:"ประมาณนั้นละนะ ข้ายังไม่รู้สาเหตุที่พวกเข้าข้ามแม่น้ำที่นี่เลย พวกเจ้ามาทำไมที่นี่ มันห่างไกลจากนครมากมาย"สุริยัน:"พวกข้ากำลังจะไปจัดการกับอสูรสี่ทิศ"ทุกอย่างเงียบสงบ กษัตริย์ชาวัลอึ้งสักพัก แล้วจึงพูดว่า ชาวัล:"เจ้าคิดจะเผชิญหน้ากับอสูรร้ายจริงๆหรอ"สุริยัน:"ใช่! ข้าคือสุริยัน ข้าเป็นมนุษย์โลกจากโลกข้างบน"ชาวัล:"เป็นมนุษย์จากแดนที่มีกิเลสตัณหามากมายซะด้วย ช่างน่าตกใจนัก แล้วเพื่อนเจ้าละ เขาด้วยใช่ไหม"สุริยัน:"กาลู เขาคือกาลู เขาเป็นมนุษย์ในโลกนี้ โลกที่ท่านอยู่"กาลู:"แต่ก็ยังมีเพื่อนเขาอีกคนที่เป็นเล่นเดียวกับเขาแต่มิได้มาด้วยกับเรา"ชาวัล:"ยังงี้นี่เอง อสูรสี่ทิศน่ะข้าจะบอกอะไรให้ ทางลัดที่จะจัดการทีเดียวรวดสี่ตัวนั้น คือต้องตามหาคนๆหนึ่งที่ควบคุมมัน ต่อให้เจ้าเก่งแค่ไหนก็มิอาจสู้กับมันได้ แตาถ้าหากเจ้าฆ่าเขาผู้นั้นได้ อสูรจะตายทันทีเพราะไร้ซึ่งผู้ควบคุมมัน"กาลู:"จริงหรอ ถึงว่าไม่เคยมีใครกำจัดมันได้ซะที แล้วใครละ"ชาวัล:"โทไร ราชาเผ่ายักษ์แห่งเชาว์ลาส"กาลู:"พยัค!"สุริยัน:"มีอะไรงั้นรึ กาลู"กาลู:"พยัค ถ้าพยัคหายดีแล้ว ต้องไปจัดการกับยักษ์แน่ ซึ่งนี่เราเดินทางมาก็หลายเดือนแล้วด้วย คงจะหายดีพอสมควร"สุริยัน:"ถ้างั้นต้องรีบกลับไป"กาลู:"มันจะทันเหรอสุริยัน คงใช้เวลาร่วมปีแน่ เดินมาก็ไกลมากด้วย คงอีกหลายเดือน"สุริยัน:"แต่นั้นคือเพื่อนข้านะ"กาลู:"ข้ารู้"ชาวัล:"ฮ่าๆๆ คิดว่ายะได้ออกไปง่ายๆรึไง"สุริยัน:"หมายความว่าไง"ชาวัล:"มีลูกศิษย์ของยอดอาจารย์อย่างคิม่อนตั้งสองคนอยู่ตรงหน้าแล้ว ข้าจะได้แสดงให้รู้กันซะทีว่าข้านั้นเก่งขนาดไหน ว่าข้านั้นเก่งแม้แต่คิม่อนยอดปรมาจารย์แห่งนาฮายซะอีก"กาลู:"มันยังไงกันแน่เนี่ย"ชาวัล:"หากจัดการข้าไม่ได้ก็อย่าหวังเลยว่าจะไปจัดการกับโทไร แม่น้ำสายนี้มีผู้กล้ามากมายเดินมาเพื่อจะไปฆ่าอสูรแต่ก็ต้องมาจบชีวิตลงที่นี่ทุกคน รวมทั้งเจ้าสองคนด้วย!!!!"สุริยัน:"แย่แล้ว!"เหล่าทหารโครไดยืนง้อมสองคนไว้ กษัตริย์ชาวัล ตะโกนคำรามร้องออกมาอย่างเสียงดัง ร่างกายจากมนุษย์ค่อยๆกลายเป็นสีเขียวมีเกล็ดจระเข้ ฟันแหลมคมขึ้น ดวงตากลายเป็นดวงตาจระเข้ รูปร่างเหมือนมนุษย์แต่ผิวหนังนอกกายเป็นจระเข้ มีหางที่อัดแน่นไปด้วยกำลัง กาลู:"น่ากลัวจริงๆ"สุริยัน:"ปีศาจรึไง!!"ชาวัล:"นี่คือร่างที่แท้จริงของข้า พละกำลังของเทพเจ้า"กาลู:"มันจะขนาดนั้นเลยรึไง"ตุ้บบบ!!!กาลูโดนเตะเสยคางอย่างรวดเร็วมองไม่ทัน กาลูลงไปนอนแน่นิ่งอยู่กับพื้นอย่างง่ายดาย สุริยัน:"กาลู!!!! มไม่เห็นเลย มันทำได้ยังไง"ชาวัล:"ตกใจละสิ อสูรสี่ทิศเด็กๆสำหรับข้า เจ้าไม่มีวันรอดกลับไปเหมือนผู้กล้าคนอื่นๆ"สุริยันกระชากเชือกที่ถูกผูกไว้ที่มือออก แล้วชักดาบออกมา สุริยัน:"พวกเจ้าพลาดแล้วที่ปล่อยให้ข้ามีอาวุธ"ชาวัล:"พวกข้ารู้อยู่แล้ว ก็เพราะอาวุธมันทำอะไรไม่ได้ต่างหากพวกย้าถึงไก้อนุโลมให้พกไว้ป้องกันตัวเล่นๆเท่านั้นเอง ฮ่าๆๆ หือ??"ชาวัลมองดูดาบของสุริยัน ชาวัล:"ดาบนั่น เจ้าไปได้มาจากไหน"สุริยัน::ร้านข้าวมั้งถามได้ก็ร้านอาวุธสิ"ชาวัล:"ดูเหมือนเจ้าจะไม่รู้สินะ"สุริยัน:"มาสู้กัน ท่านชาวัลผู้ยิ่งใหญ่"ชาวัล:"เกล็ดของข้าแข็งมาก ของมีคมธรรมดาฟันไม่เข้าหรอก แต่สำหรับดาบเจ้ามันทรงพลังกว่าที่เจ้าคิดนัก"สุริยัน:"นเย้าหรอ ทำไมตอนสู้กับจระเข้ยังแทวไม่เข้าเลย"สุริยันหันไปรอบตัวพบว่ามีลายคนหนึ่งนอนตายอยู่เพราะทนบาดแผลไม่ไหวและกำลังถูกพวกตนเองกัดกินเนื้ออย่อย่างสดๆ สุริยัน:"เข้าจริงๆด้วย สยองวะ"ชาวัลหยิบขวานมาหนึ่งเล่ม สุริยัน:"พร้อมแล้วสินะ จากที่ท่านพูดท่านกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ดูเหมือนว่าดาบของข้าจะไม่ธรรมดาสินะ"
    ชาวัล:"ใช่แล้ว!!"
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 พฤศจิกายน 2015

แชร์หน้านี้

Loading...