นั่งสมาธิก่อนนอนแล้วรู้สึกสดชื่น มีความสุข ร่างกายแอกทีฟ นอนหลับวันละ 4-5 ชม. จะมีผลเสียต่อร่างกายหรือไม่

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย Dewmaytung, 4 พฤศจิกายน 2015.

  1. Dewmaytung

    Dewmaytung สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ตุลาคม 2015
    โพสต์:
    42
    ค่าพลัง:
    +20
    ก่อนหน้านั้น นอนหลับ 22:30 - 04:30น. (6 ชม.) จะตื่นมานั่งสมาธิทุกวัน จ-ศ. ก่อนไปทำงาน 04:30 - 05:30น. (1 ชม.) โดยการตั้งนาฬิกาปลุกนั่งนานกว่านั้นจะเตรียมตัวไปทำงานไม่ทัน แล้วไปวิ่งออกกำลังกาย 05:30 - 06:30น. (1 ชม.) แล้วอาบน้ำแต่งตัวไปทำงานและทำงาน 08:00 - 20:00 น. (12 ชม.) จ-ศ. อยากนั่งสมาธิโดยไม่มีนาฬิกาปลุก คือ นั่งจนหมดกำลังสมาธิแล้วให้จิตออกมาจากสมาธิเอง โดยมีสติกำหนดรู้อยู่ตลอด พบว่า สามารถนั่งสมาธิได้ 2 ชม. (22:00 - 24:00 น.) แล้วจะออกจากสมาธิ เป็นแบบนี้เป็นประจำทุกวัน ออกจากสมาธิแล้วรู้สึกสดชื่น มีความสุข ร่างกายแอกทีฟ มากๆ เหมือนจิตได้พักผ่อนเต็มที่ ยื่งกว่าการนอนหลับ นอนหลับไป 8 ชม. ยังไม่รู้สึกสดชื่นเท่านั่งสมาธิแค่ 2 ชม. เลย ทำให้หลังจากออกจากสมาธิไม่มีความง่วงเลย มีแต่ความสุข ต้องไปเวลาเป็น ชม. จึงจะนอนหลับได้ ทำให้บางวันนอนหลับแค่ 4-5 ชม. เป็นประจำ แม้ว่าตื่นมาวิ่งทุกวัน 05:30 - 06:30น. (1 ชม.) และทำงาน 08:00 - 20:00 น. (12 ชม.) ก็ยังรู้สึกสดชื่น มีความสุข ร่างกายแอกทีฟมากๆ ดีกว่านอนหลับ 8 ชม. เสียอีก เคยได้ยินมาว่า การนั่งสมาธิเป็นการทำให้จิตได้พักผ่อน แต่ร่างกายไม่ได้พักผ่อน ถ้าทำแบบนี้เป็นประจำทุกวันจะมีผลเสียต่อร่างกายไหมครับ
     
  2. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    แล้วแต่ " ชีวตา " ของแต่ละคน จะไปถามเพื่อเทียบเคียงกันไม่ได้

    กายนั้น เอาเข้าจริงๆ มันเป็นของทิ้ง กายผักผ่อนนอนหลับ เป็น
    เรื่องของจิตที่ยังละ "นิสัย" ไม่ได้ ถ้าละได้ ก็จะมี ประวัติหลวงปู่...
    อะไรหว่า ร่วมสมัยกับ หลวงปู่มั่น ท่านไม่นอน 7ปี !!!

    ถ้าเอาตามประวัตบุคคลในพระไตรปิฏก ก็มี พระจักขุบาล ที่ไม่เอน
    กายลงขนานกับพื้น ตลอดชีวิต

    ส่วนเรื่อง " เนสัชชิก " จะเป็น กรรมฐานกองหนึ่ง เป็นธรรมคู่ เอาไว้
    ปรับแก้จิต ที่ติดการนอน ติดนิสัยสำคัญว่าเป็นสัตว์

    ***************

    ถ้า ชีวตา การเลี้ยงชีพ การงานไม่ต้องอิงอาศัย กล้ามเนื้อ หรือ สมอง
    การไม่นอน แล้วเอาไปทำ "ฌาณ" ย่อมมีประโยชน์กว่า และ ทำได้

    แต่ถ้า ชีวตา ต้องอาศัยกำลังกาย กำลังสมอง(กายนั่นแหละ) ก็ต้องนอนบ้าง

    ปัญหามันไม่ได้อยู่ที่ " การนอน " ถ้า "ติดการนอน"(สำคัญว่า ต้องนอน
    ไม่นอนไม่ได้ )อันนี้ถึงจะมีเชื้อของการเห็นว่าเป็นสัตว์ ยังไม่มี ภูมิธรรมโสดาบัน

    การนอน เป็นเพียง วิบากจากการมีกาย กายที่เป็นอัพยากตาธรรม เราไม่ได้
    เบียดเบียนใครเพื่อให้ แขน ขา มันทำงานได้

    แต่การติดการนอน สำคัญว่าการนอนเป็นสุข สำคัญว่าการนอนเป็นสิ่งจำเป็น
    อันนี้มันจะเป็นเรื่อง ทิฏฐิ ความเห็นผิด ถ้าอะไรแบบนี้ ก็จะต้อง ทำเนสัชชิก
    เพื่อเข้าไปย้อนแย้ง ความเห็นผิดนั้น พอข้ามได้แล้ว จะนอน หรือไม่นอน
    ก็ไม่ใช่ปัญหา

    *************************************

    แต่..........

    แต่ถ้า ทำสมาธิเพื่อแทนการนอน อันนี้ ระวังให้ดี จัดเป็นความเห็นผิด
    อีกอย่าง

    อันเกิดจากยังไม่เคย ยกวิปัสสนา

    ถ้า ยกวิปัสสนาได้ ยกเป็น จะรู้เลย การเข้า " ฌาณ " จมอยู่ใน ฌาณ
    เป็น ความวิบัติเรือหาย เป็น วิบากของสัตว์อีกชนิดหนึ่งเท่านั้น เป็นอาการ
    สำคัญตนของสัตว์อีกชนิดหนึ่งเท่านั้น

    ถ้า ยกวิปัสสนาได้ แค่ช้างกระดิกหู งูแล๊บลิ้น นี่ "การพัก" อันเป็นที่สัปปายะที่สุด
    มันอยู่ตรงนี้ รสชาติแห่งความสงบ เบา เย็น มันอยู่ตรงนี้ ความเบาความสงบ
    จากฌาณ แค่ ขี้ตี !!!

    *************

    ปล.ลิง : อนึ่ง พึงทราบว่า บุคคลบางอิทรียในโลก บางคนก็สามารถ
    ยกวิปัสสนาเป็นวิหารธรรม เป็นสมาบัติได้ ดังนั้น บุคคลบางจำพวก
    ก็สำคัญผิด ติดตายอยู่ด้วยการวิปัสสนาเป็นวิหาร แทนที่จะจบกิจ ก็
    โน้นนนนนไปโน้นน ไปนั่งวิปัสสนาจนกว่า พุทธศาสนาจะอันตรธาน
    ถึงได้เห็น อ้าว !!!
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 พฤศจิกายน 2015
  3. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    อีกกรณี

    บางคนทำสมาธิ แบ่งคาบ กำหนดเวลาเข้า ออก

    ถ้าไปกำหนดคาบเวลา ปฏิบัติ แบ่งชีวิตเป็นตอนๆ แรกๆ เนี่ยะ กิเลสมันจะ
    แกล้ง ทำให้เหมือนว่ามี วสี เข้าออกได้ตรงเวลา เป๊ะ !!

    หากไปยินดี พอใจ สำคัญว่านี่คือ วสี เข้าออก ฌาณ อีกไม่นานหลอก
    กิเลสมันจะเอาคืน

    ส่วนใหญ่ จะได้ " ญาณม้วนเสื่อ " ...คือ ญาณการออกจากสมาธิ
    เห็นจิตสบาย เบา แล้วแทนที่จะลุกไปทำงาน บางคน พอใจสมาธิที่ได้
    แล้ว หลังจากนั้นก็ปรารภการนอน นอนหลังจากทำสมาธิ ...อะไรแบบนี้
    กว่าจะรู้ตัว ทำสมาธิแป๊ปเดียวออกจากสมาธิ ไหลลงไปนอนเลย จิตมัน
    หลอกให้ติดนอน พอนอนมันจะเหมือนทำสมาธิต่อ ออกไปรู้โน้น รู้นี่ได้
    พอคราวหน้า จะออกรู้โน้นนี่ ไม่นั่งสมาธิแล้ว นอนเลย หัวถึงหมอนปั๊ป
    ออกเลย แบบนี้ก็มี ........ระวังให้ดี แบบนี้ เป็นกิเลสหลอกเอาก็มี เช่น...
    ฝาหรั่ง ชื่ออะไรจำไม่ได้ เขานอนแล้วออกรู้ แล้วเขียนหนังสือทำนายอนาคต
    ไปโน้น ปีเท่าไหร่ก็ไม่รู้ แล้วเรื่องส่วนใหญ่ตรง จนฝาหรั่งด้วยกัน อึ้ง
    แต่เป็นพระอริยเจ้าไหม ......คงไม่ ถ้าจำไม่ผิด ฆ่าตัวตาย หรือไงนี่แหละ
    เพราะ จิตมันไหลออกไปตลอด ควบคุมไม่ได้

    ส่วนกิเลสเอาคืน ออกจากสมาธิ แล้วไปในโลก ไปทำงาน ไปกวาดบ้าน
    อันนี้ หากกิเลสเอาคืน ก็มักจะ ฆ่าคนตาย ฆ่าสัตว์ตาย กว่าจะ รู้ตัว
    ก็อาจจะตายกันทั้งตำบล ตายทั้งสำนักงาน อันนี้ก็มี


    *******************************************

    วสี ต้องทำความเข้าใจให้ดีๆ จะต้อง ชำนาญในทุกเวลา ไม่ใช่ชำนาญ
    เป็นคาบๆ ถ้าถือเอาการชำนาญในทุกเวลา อันนี้ จะยกวิปัสสนาเข้า
    มาได้ง่าย สมาธิเจริญก็ช่าง เสื่อมก็ช่าง ไม่หน่ายการปฏิบัติ เพื่อตาม
    เห็นความแปรปรวนของ "...." ลูกเดียว เคี้ยวหมากง่าย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 พฤศจิกายน 2015
  4. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    จิตเบา จิตหนัก ล้วนแต่เป็น สภาวะการมีน้ำหนักของจิต

    การเห็น "ลักษณะ" ของจิต เป็นรสของธรรม จะถูก กิเลสหลอกให้ติดรูปวจรจิต อรูปวจรจิต

    การกำหนดรู้ว่า ยังหิวรสจิตเบา ยังหิวจิตเป็นดวง เป็นจุด เป็นต่อม จะเป็นอีกเรื่องหนึ่ง

    ถ้าไม่กำหนดรู้เลย เกยตื้น ติดเพ่ง ติดฌาณ ทันที แก้ยาก (ไม่ต้องแก้ แค่กำหนดรู้)
     
  5. Dewmaytung

    Dewmaytung สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ตุลาคม 2015
    โพสต์:
    42
    ค่าพลัง:
    +20
    คุณเอกวีร์ เข้าใจหลักสมาธิและหลักธรรมขั้นสูงจริงๆ ขอบคุณครับ
     
  6. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    ถ้ายัง ทนฟังได้ ลองอดทนฟังต่อ นะครับ

    จากครั้งที่แล้ว เคส " อวกาศธาตุ อวกาศธรรม " มาวันนี้ มันยัง
    คล้ายๆกัน แต่ จิตมันรู้เข้ามาที่กาย รู้อยู่ที่กาย เพื่อ สัมปชัญญะ ได้มากขึ้น

    แต่ก็เห็น ความอัศจรรย์ของธรรม บางประการ ที่มัน ละการถือมั่นในกายลงบางส่วน
    กลายเป็น ความสุขโดยส่วนเดียว ( เหมือนว่า มันพ้นทุกข์กองนั้นๆ ที่พิจารณาอยู่)


    ทีนี้ ความอัศจรรย์ของธรรม มันจะละเอียดเรือยๆ อย่างเช่น "ไม่นอนเลยได้ไหม"
    จากคำตอบ และ จากพยานบุคคลาธิษฐาน หรือ สงฆ์ที่ท่านเป็นพยานให้แก่ธรรม
    ของพระพุทธองค์ ก็เห็นอยู่ว่า " ไม่นอนเลยก็ได้ " " ทำฌาณตลอดเลยก็ได้ เช่น
    ตำนานพระอุปคุต "

    ความอัศจรรย์ มันจะมีเรื่อยๆ ไม่จบ .....ตรงเนี่ยะ อยากให้ยก สังเกตุ


    นักภาวนาจะติดไปเรื่อยๆ เดี๋ยว ความว่าง เดี๋ยวแสง เดี๋ยวพลังจักวาล เดี๋ยวแสงธรรม
    แสงทิพย์ เดี๋ยวเสียงทิพย์เสียงธรรม เดี๋ยวโรงลิเกมหาสัตว์น้อยใหญ่ องค์กระโถน
    มัดยม เต็มไปหมด ติดตาย ไปเรื่อยๆ รวมเรียกว่า " อาการยินดีในปฐวีธาตุ "(เป็นส่วนใหญ่)

    เพราะอะไร

    เพราะไม่รู้ วิธีกำหนดนขอบเขตการรบ ให้ดีๆ

    เลยอยากฝากพระสูตรนี้ ไว้ให้ พิจารณา ลองยกดู หากยกได้
    เวลาไปเจอเรื่องอะไร จะสักแต่ว่า เอิ่ม ก็สภาวะธรรมอย่างหนึ่ง
    ที่เกิดภายใต้กรอบการศึกษา ....แล้วมันจะไม่ติด จะรู้เห็นไปนี่แหละ
    แต่ไม่ติดข้องความวิจิตร ความอัศจรรย์ของธรรมเหล่านั้น


    *************************************************


    ภิกษุในธรรมวินัยนี้
    เป็นผู้ฉลาดในฐานะ ๑
    เป็นผู้ยิงได้ไกล ๑
    เป็นผู้ยิงได้เร็ว ๑
    ทำลายข้าศึกหมู่ใหญ่ได้ ๑

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุเป็นผู้ฉลาดในฐานะอย่างไร

    ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เป็นผู้มีศีล ฯลฯ สมาทานศึกษาในสิกขาบททั้งหลาย
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุเป็นผู้ฉลาดในฐานะอย่างนี้แล

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุเป็นผู้ยิงได้ไกลอย่างไร ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมเห็นด้วย
    ปัญญาอันชอบตามความเป็นจริงอย่างนี้ว่า รูปอย่างใดอย่างหนึ่งทั้งที่เป็นอดีต อนาคตและปัจจุบัน เป็นภายในหรือภายนอก หยาบหรือละเอียด
    เลวหรือประณีต ทั้งไกลและใกล้รูปทั้งหมดนั้นไม่ใช่ของเรา ไม่เป็นเรา ไม่ใช่
    ตัวตนของเรา

    ย่อมเห็นด้วยปัญญาอันชอบตามความเป็นจริงอย่างนี้ว่า เวทนาอย่างใดอย่างหนึ่ง ... สัญญาอย่างใดอย่างหนึ่ง ...
    สังขารเหล่าใดเหล่าหนึ่ง ...
    วิญญาณอย่างใดอย่างหนึ่ง ทั้งที่เป็นอดีต อนาคตและปัจจุบัน เป็นภายในหรือภายนอก
    หยาบหรือละเอียด เลวหรือประณีต ทั้งไกลและใกล้ วิญญาณทั้งหมดนั้นไม่ใช่ของเรา
    ไม่เป็นเรา ไม่ใช่ตัวตนของเรา ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุเป็นผู้ยิงได้ไกลอย่างนี้แล

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุเป็นผู้ยิงได้เร็วอย่างไร ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมรู้ชัดตาม
    ความเป็นจริงว่า นี้ทุกข์ นี้เหตุให้เกิดทุกข์ นี้ความดับทุกข์ นี้ปฏิปทาให้ถึงความดับทุกข์
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุเป็นผู้ยิงได้เร็วอย่างนี้แล

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุเป็นผู้ทำลายข้าศึกหมู่ใหญ่ได้อย่างไร ภิกษุในธรรมวินัยนี้
    ย่อมทำลายกองอวิชชาใหญ่เสียได้ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุเป็นผู้ทำลายข้าศึกหมู่ใหญ่
    ได้อย่างนี้แล

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุประกอบด้วยธรรม ๔ ประการนี้แล ย่อมเป็นผู้ควร
    ของคำนับ เป็นผู้ควรของต้อนรับ เป็นผู้ควรแก่ทักษิณา เป็นผู้ควรทำอัญชลี
    เป็นนาบุญของโลก ไม่มีนาบุญอื่นยิ่งกว่า ฯ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 พฤศจิกายน 2015
  7. Jera

    Jera เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2009
    โพสต์:
    1,001
    ค่าพลัง:
    +2,040
    ถ้าระบบร่างกายทำงานน้อยลง

    จะทำให้เราเเก่ช้าใช่ไหมครับ
     
  8. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    ไม่ขยัน ไม่มีการงาน ชราลงอีกวัน ก็อสจจะถุกเรียก แก่กะโหลกกะลาได้

    จีจี ถ้าอดนอนแล้ว จะได้ ท้องพร่อง ด้วย

    จะเหนประโยชน์ จากการกินน้อยๆ
     
  9. Jsus Christ

    Jsus Christ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2015
    โพสต์:
    138
    ค่าพลัง:
    +82
    ้เคยเห็น พระที่เพิ่งออกจากสมาบัติ 15 วัน แล้วไปวิ่ง 100 เมตรทันที บ้างไม๊หละ

    ฉันใดฉันนั้น

    สมาธิเพื่อสุขภาพ ต่างกับ ฌานสมาธิ อยู่เหมือนกัน
    ถ้าจะทำฌานสมาธิ ก็เลือกวันให้เหมาะกับกิจกรรมที่จะต้องเผชิญ
     

แชร์หน้านี้

Loading...