นรก - กฎนรกไร้ความปรานี

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย นิรยะ, 4 ธันวาคม 2015.

แท็ก: แก้ไข
  1. นิรยะ

    นิรยะ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ตุลาคม 2015
    โพสต์:
    43
    ค่าพลัง:
    +30
    กฎนรกไร้ความปรานี ตอนที่ ๑๗
    ร่วมฟังการไต่สวนพิพากษาคดี ได้พบเห็นท่านสุวรรณและท่านสุวานด้วยตาของตัวเอง

    *สำนึกคุณพลังพรแห่งพุทธานุภาพ ขึ้นดอกบัวขาวออกเดินทาง
    *อาอวี้คารวะผู้พิพากษาค่ะ !
    *ผู้พิพากษาบอกว่า : “ วันนี้มีการพิจารณาและตัดสินคดีที่ห้องโถงใหญ่ วิญญาณบาปชายหญิงทั้ง ๒คนที่มารับการไต่สวนพิจารณาคดี ผู้ชายคือคนที่ล่อลวงผู้หญิงไปขายตัว ส่วนผู้หญิงเป็นแม่เล้า ”
    *ข้าพเจ้าพูดว่า : “ ขอบคุณผู้พิพากษาที่ให้อาอวี้เข้าไปร่วมฟังในฐานะผู้สังเกตการณ์ ”
    *อ่า ! ถึงแล้ว ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงตบโต๊ะบนบัลลังก์พิพากษาอย่างแรง
    *เห็นแล้ว ! พญายมขุมที่ ๗ ไท่ซันหวัง ลักษณะท่าทางกำลังโมโหอย่างมาก โมโหจนแทบจะลุกเดินออกมาจากเก้าอี้บนบัลลังก์พิพากษาอยู่แล้ว พญายมลุกขึ้นยืนแล้วโน้มตัวลงมาที่วิญญาณบาปพร้อมทั้งตวาดด้วยเสียงอันดังว่า “ วิญญาณบาป ! เจ้าบังอาจมากช่างใจกล้าจริงๆ อยู่ในนรกยังกล้าเถียงออกมาได้ข้างๆคูๆ อะไรคือเธอกับฉันต่างยินยอมพร้อมใจกันทั้ง ๒ฝ่าย อะไรคืออาหารและความกำหนัดในกามเป็นเรื่องธรรมชาติ แก้ไขความกลัดกลุ้มของชีวิต ฉวยโอกาสพูดจาส่งเดช ! พวกเจ้า ๒ คนผัวเมียเดิมทีเมื่อสมัยมีชีวิตอยู่ เพื่อให้ครอบครัวมีอันจะกิน ให้ชีวิตผ่านไปอย่างมั่นคง ดังนั้นจึงไม่ประกอบอาชีพที่สุจริต เพราะเห็นแก่เงินทองจึงโกหกหลอกลวงผู้หญิงและเด็กสาววัยรุ่นที่โง่เขลาขาดความรู้ให้มาประกอบอาชีพขายตัวเป็นโสเภณี นี่คือความผิดข้อแรก ต่อมายังวางแผนหลอกลวงให้ผู้หญิงเหล่านั้นตกสู่กับดักหลุมพรางของพวกเจ้าทั้ง ๒คน เพื่อที่พวกเจ้าจะได้ขูดรีดเงินทองที่พวกเขาเหล่านั้นแลกมาด้วย เลือดเนื้อและร่างกาย นี่คือความผิดข้อที่ ๒ พวกเจ้าเจตนาให้ผู้หญิงและเด็กสาววัยรุ่นเหล่านั้นเสพสิ่งเสพติด ดื่มเหล้า สูบบุหรี่ เล่นการพนันเพื่อที่จะให้พวกเขาเหล่านั้นติดหนี้สินเป็นจำนวนมากๆ และอาศัยหนี้สินเหล่านั้นมาเป็นข้อผูกมัดในการควบคุมพวกเขาทั้งหลายให้พวกเขาไม่สามารถหลุดพ้นจากอาชีพขายตัวและต้องเป็นโสเภณีต่อไป นี่คือความผิดข้อที่ ๓ เมื่อผู้หญิงและเด็กสาววัยรุ่นเหล่านั้นโชคไม่ดีเกิดตั้งครรภ์ขึ้นมา พวกเจ้าก็เจตนาจัดการให้พวกเขาทำแท้ง ทำลายชีวิตที่ไม่มีความผิด นี่คือความผิดข้อที่ ๔ พฤติกรรมเหล่านี้เป็นพฤติกรรมที่โหดเหี้ยมอำมหิตไม่ใช่จิตของมนุษย์ เป็นสิ่งที่น่าอัปยศอดสูอย่างยิ่ง ”
    *ข้างๆของพญายมไท่ซันหวังมีข้าราชการชั้นสูงของทำเนียบนรกอยู่ ๒ท่าน
    *ท่านหนึ่งคือท่านสุวรรณ ท่านสวมชุดคลุมยาวสีม่วงดำ หน้าตาอ่อนโยน ค่อนข้างจะมีสีหน้ายิ้มๆเล็กน้อย อยู่ในนรกพูดได้เลยว่าเป็นเรื่องที่ยากมากที่จะสามารถพบเห็นสีหน้าแบบนี้ เพระว่าข้าราชการในนรกที่อาอวี้ได้พบเห็นล้วนมีลักษณะท่าทางที่น่าเกรงขามน่าสะพรึงกลัวและยังโหดร้ายเป็นอย่างยิ่ง
    *อีกท่านหนึ่งคือท่านสุวาน ท่านสวมชุดยาวสีเขียวเข้ม ลักษณะท่าทางโมโหร้าย ตาของท่านส่งประกายแสงสลัวๆสีขาวมัวๆออกมา ท่านมองมาแวบหนึ่งก็ทำให้รู้สึกไม่สบายไปทั่วทั้งตัว
    *ทั้ง ๒ท่านสวมหมวกยาวเหมือนกัน หมวกกับชุดมีสีสันที่เข้าชุดกัน
    *ตอนนี้ได้ยินพญายมไท่ซันหวังพูดว่า : “รีบเอาบัญชีบาปอ่านออกมา ! ”
    *ท่านสุวานหยิบสมุดบันทึกออกมา โอ้โห ! สมุดบันทึกยาวมากๆ ท่านสุวานมีลักษณะที่ดุดันเป็นอย่างยิ่ง เริ่มอ่านความผิดบาปทั้งหมดของวิญญาณบาปทั้ง ๒คนออกมา วิญญาณบาปทั้ง ๒ชั่วร้ายมากจริงๆ ก่อกรรมชั่วมากมายเต็มไปหมด ข้าพเจ้าจะอธิบายเพียงส่วนหนึ่งออกมาให้ทุกท่านได้เข้าใจดังนี้
    *วิญญาณบาปทั้ง ๒เมื่อสมัยที่มีชีวิตอยู่ เพื่อที่จะควบคุมเด็กสาววัยรุ่นที่หน้าตาสะสวยจำนวนหนึ่งเอาไว้เป็นเครื่องมือในการหาเงินให้กับตัวเอง จึงให้เด็กสาวเหล่านั้นทำแท้งเป็นประจำอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังเสี้ยมสอนให้ติดสิ่งที่ไม่ดีไม่ว่าจะเป็นสิ่งเสพติด เหล้า บุหรี่และการพนัน ต่อมาภายหลังมีเด็กสาวจำนวนหนึ่งได้พบเจอกับผู้ชายที่มีบุพเพสันนิวาสต่อกัน ผู้ชายเหล่านั้นก็พาพวกเธอกลับไปที่บ้านแล้วแต่งพวกเธอเป็นภรรยา บ้างก็แต่งพวกเธอเป็นภรรยาหลวง บ้างก็แต่งพวกเธอเป็นภรรยารอง แต่ทว่าเป็นเพราะพวกเธอที่แต่งออกไปแล้วนั้น ส่วนหนึ่งไม่สามารถที่จะมีลูกได้ จึงทำให้เกิดปัญหาครอบครัวร้าวฉาน และเป็นเพราะว่าพวกเธอส่วนหนึ่งเคยเสพสิ่งเสพติดและเคยทำแท้งมาก่อนทำให้ร่างกายเกิดโรคแทรกซ้อนที่รักษาไม่หายไปตลอดชีวิต เช่น โรคเรื้อรังบางโรคที่เป็นโรคเฉพาะในผู้หญิง อาการระบบประสาทส่วนกลางผิดปกติ รวมทั้งเกิดอาการมือเท้าชาเป็นต้น บางคนถึงขั้นวิกลจริตจึงทำให้ถูกสามีทอดทิ้ง ต่อมายังถูกคนในครอบครัวเอาไปทิ้ง ปล่อยให้พวกเธอเป็นคนเร่ร่อนเที่ยวซัดเซพเนจรตามข้างถนน และยังมีเรื่องราวต่างๆอีกมากมายที่ไม่สามารถทนฟังต่อไปได้
    *พญายมไท่ซันหวัง : “ เจ้าหน้าที่ ! ลากวิญญาณบาปทั้ง ๒คนไปที่นรกเกลือกกลิ้งประเวณี ให้รับการลงโทษหนึ่งแสนปีก่อน ลองดูซิว่าจะมีจิตใจที่สำนึกผิดหรือไม่ หลังจากนั้นค่อยมาทำการตัดสินใหม่ ” เวลานี้วิญญาณบาปทั้ง ๒เกิดอาการขาสั่นตัวสั่นอย่างแรง แต่ทว่าทั้งหมดนี้มันสายเกินไปแล้ว
    *ผู้พิพากษาพูดว่า : “ วิญญาณบาปประเภทนี้ ตามปกติจะต้องอยู่ในนรกรับการลงโทษที่ยาวนานมากๆช่วงระยะเวลาหนึ่ง และจะต้องรอจนกว่า คนที่พวกเขาเคยทำลายทั้งหมดจะสามารถหลุดพ้นจากบ่วงกรรมและผลกระทบต่างๆที่เป็นผลพวงมาจากการกระทำของพวกเขาได้ เป็นเพราะว่าพวกเขาทั้ง ๒คนเสี้ยมสอนและยุยงส่งเสริมให้คนอื่นเสพสิ่งเสพติด ทำแท้ง และอื่นๆเป็นเหตุให้คนอื่นทำบาปและยังเกิดโรคแทรกซ้อนที่รักษาไม่หาย บาปกรรมและผลกระทบต่างๆเหล่านี้ทั้งหมดจะต้องหมดไปเสียก่อน พวกเขาจึงจะสามารถพ้นออกไปจากนรกได้ ”
    *อาอวี้ขอถามผู้พิพากษา : “ ถ้าหากว่าพฤติกรรมที่ไม่ดีบางอย่างมันส่งผลกระทบอยู่ในความคิดและจิตใจของคนที่ถูกทำลายเหล่านั้นอย่างลึกซึ้ง อีกทั้งผลกระทบต่างๆจากการเสพยา การทำแท้ง ก็เป็นพิษร้ายที่เรื้อรังและยาวนาน อาจจะต้องใช้เวลาหลายภพชาติจึงสามารถหายดีเป็นปกติ อย่างนี้วิญญาณบาปทั้ง ๒ก็ต้องรออย่างยาวนานหลายภพชาติเลยสิค่ะ ”
    *ผู้พิพากษาตอบกลับมาว่า : “ ถูกต้อง ! แต่ละคนที่ถูกทำลายต่างก็ได้รับความเสียหายในลักษณะที่ต่างๆกัน ระยะเวลาในการฟื้นฟูจนกลับคืนสู่สภาพเดิมก็ต่างกัน บ้างใช้เวลาสั้น บ้างก็ใช้เวลาที่ยาวนาน ระยะเวลายิ่งสั้นก็ยิ่งดี แต่ก็มีวิญญาณบางส่วนที่มีความยึดติดที่รุนแรง และความยึดติดนี้ทำให้วิญญาณเหล่านั้นอาศัยอยู่ตามสถานที่ต่างๆไม่ยอมจากไปไหน ในอดีตที่ผ่านมาเคยมีโสเภณีวัยรุ่นคนหนึ่งรูปร่างหน้าตาดี โสเภณีคนนี้โชคดีที่ไม่ได้ติดสิ่งเสพติดและสิ่งที่ไม่ดีอื่นๆเป็นพิเศษ มีเพียงแค่หัดดื่มเหล้าและสูบบุหรี่เท่านั้น ความจริงแล้วโสเภณีคนนี้ก็ไม่ได้ชอบดื่มเหล้าหรือสูบบุหรี่เลย แต่เพื่อทำงานหาเงินจึงต้องมาหัดเรียนรู้สิ่งที่ไม่ดีเหล่านี้ ต่อมายังถูกแม่เล้าและคนที่ล่อลวงผู้หญิงมาขายตัวเสี้ยมสอนและยุยงส่งเสริมให้ทำแท้ง คิดไม่ถึงเลยว่าในช่วงเวลาเพียงแค่ ๑ปีครึ่งจะทำแท้งไปแล้วถึง ๖ครั้ง ภายหลังมีพ่อค้าคนหนึ่งพาโสเภณีคนนี้กลับบ้านและแต่งเข้าเป็นภรรยา พ่อค้าไม่รู้ว่าโสเภณีคนนี้อายุยังน้อยยังเป็นวัยรุ่นอย่างนี้จะเคยทำแท้งมาแล้วถึง ๖ครั้ง เพราะการทำแท้งทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนรวมทั้งโรคที่เป็นเฉพาะในผู้หญิง ทำให้โสเภณีคนนี้ไม่สามารถมีลูกได้ตลอดชีวิต ต่อมาไม่นานพ่อค้าก็แต่งงานใหม่กับคนอื่นเพื่อให้กำเนิดทายาทสืบทอดวงศ์ตระกูล เพราะว่าโสเภณีคนนี้ไม่สามารถมีลูกได้ จึงถูกทอดทิ้งโดยที่ในใจไม่ยินยอม เมื่อสิ้นอายุขัยวิญญาณจึงอยู่ในภพภูมิผีนานถึง ๑๐๐๐ปีไม่ยอมจากไปไหน จนกระทั่งได้พบเจอกับผู้มีบุญสัมพันธ์ที่มีสัมมาธรรมจึงยอมไปจากภพภูมิผี ”
    *ผู้พิพากษายังกล่าวต่อไปอีกว่า : “ ที่พูดให้ท่านฟังนี้เป็นสภาพเนื้อหาอย่างคร่าวๆให้พอเข้าใจ เพราะว่าวิญญาณบาปแต่ละคนที่มารับการลงโทษในนรกต่างก็มีความพัวพันเกี่ยวเนื่องกัน เมื่อวิญญาณบาปทำลายเวไนยกลุ่มหนึ่ง เวไนยกลุ่มนั้นก็จะส่งผลกระทบถึงเวไนยกลุ่มอื่นๆพัวพันกันเป็นลูกโซ่ โดยพื้นฐานแล้ว ไม่ว่าเวไนยที่ถูกวิญญาณบาปทำลายนั้นจะอยู่ในภพภูมิใดของ ๖ภูมิวิถีแห่งการเวียนว่ายก็ตาม ก็จะต้องรอให้เวไนยเหล่านั้นพ้นจากความทุกข์เสียก่อน วิญญาณบาปจึงสามารถพ้นไปจากนรกได้ สำหรับวิญญาณบาปทั้ง ๒คนเมื่อครู่จะต้องรับโทษในนรกเป็นระยะเวลายาวนานเท่าไหร่ ขณะนี้ยังไม่สามารถสรุปแน่นอนได้ นี่เพิ่งแค่เริ่มต้นเท่านั้น ”
    *“ เอาล่ะ ! วันนี้ก็พอเพียงเท่านี้ กลับไปก่อนเถอะ ”
    *อาอวี้กราบลาผู้พิพากษา สำนึกคุณผู้พิพากษา ขึ้นดอกบัวขาวกลับ
     
  2. นิรยะ

    นิรยะ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ตุลาคม 2015
    โพสต์:
    43
    ค่าพลัง:
    +30
    กฎนรกไร้ความปรานี ตอนที่ ๑๘
    ผลกรรมในนรกของผู้ที่นำหนังสือและนิตยสารรวมทั้งซีดีลามกไปแบ่งปันให้ผู้อื่นหมุนเวียนเปลี่ยนกันดูอย่างทั่วถึง

    *สำนึกคุณพระพุทธะโพธิสัตว์ประทานพร ! ขึ้นดอกบัวขาวออกเดินทาง !
    *ฉับพลันถึงนรกทันที ! อาหมีถัวฝอ ! อาอวี้คุกเข่ากราบผู้พิพากษา !
    *วันนี้อาอวี้อยากถามผู้พิพากษาว่า การนำหนังสือและนิตยสารรวมทั้งซีดีลามกไปแบ่งปันให้คนอื่นๆหมุนเวียนเปลี่ยนกันดูอย่างทั่วถึงนั้นจะมีผลกรรมอย่างไร
    *ผู้พิพากษาพูดว่า : “ ถามได้ดีมาก ขณะนี้บนโลกมนุษย์มีวัยรุ่นเยาวชนจำนวนมากที่กำลังมีพฤติกรรมที่ไม่ดีประเภทนี้ อาอวี้ ! ท่านกลับไปจะต้องไปเตือนเวไนยบนโลกมนุษย์ที่มีนิสัยที่ไม่ดีประเภทนี้ทันที ให้พวกเขารีบแก้ไขความผิดบาปต่างๆในอดีตเหล่านี้อย่างถึงที่สุด รีบสร้างบุญสร้างกุศลจะได้ไม่ต้องพบเจอกับผลกรรมอันน่ากลัวในนรก การแบ่งปันสิ่งลามกให้กับผู้อื่นนั้นเป็นภัยกับตัวเองและเป็นภัยกับผู้อื่นด้วย เรื่องนี้สำคัญมาก จำไว้ !
    *“ รับทราบค่ะ ผู้พิพากษา ! อาอวี้กลับไปจะรีบเขียนออกมาทันที ”
    *ผู้พิพากษาพูดว่า : “ การนำหนังสือและนิตยสารรวมทั้งซีดีลามกไปแบ่งปันให้คนอื่นๆหมุนเวียนเปลี่ยนกันดูอย่างทั่วถึงนั้น ไม่ว่าจะเป็นการแบ่งปันให้คนอื่นดูโดยตรงด้วยตัวเองหรือเป็นการแบ่งปันโดยการแชร์ผ่านทางอินเตอร์เน็ตให้คนอื่นเข้าไปดูก็ตาม ผลกรรมนั้นจะเทียบเท่ากับผลกรรมของการขายหนังสือหรือนิตยสารรวมทั้งซีดีลามก ซึ่งจะต้องรับโทษในนรก ๑แสนปี นี่คือการลงโทษโดยทั่วไป แต่ถ้ารุนแรงกว่านั้นก็จะต้องรอจนกระทั่งสิ่งลามกทั้งหมดที่พวกเขาเอาออกไปแบ่งปันให้คนอื่นๆดูนั้น ได้สูญสิ้นหมดไปจากโลกมนุษย์ พวกเขาจึงจะสามารถพ้นจากความทุกข์ยากในนรกได้ นั่นคือความทุกข์ที่ยาวนานอย่างไม่มีขอบเขตจำกัด เวไนยที่เพิ่งจะเริ่มนำหนังสือลามกหรือนิตยสารลามกรวมทั้งซีดีลามกไปแบ่งปันให้ผู้อื่นดู ในแต่ละครั้งที่ทำเช่นนั้นก็จะถูกเทพสหเทวาที่อยู่ข้างๆกายจดบันทึกลงในบัญชีบุญบาปทันที ต้องถูกลดบุญวาสนาและบั่นทอนอายุขัยลง ในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ก็จะถูกนายนิรยบาลจับเอาวิญญาณเป็นๆไปลงโทษในนรกกระบองเหล็ก สำหรับนรกกระบองเหล็กนั้นได้เคยแนะนำให้รู้จักไปแล้วก่อนหน้านี้ ก็จะไม่พูดถึงรายละเอียดในนั้นอีก เมื่อวิญญาณของคนเป็นๆถูกลงโทษ เวไนยบนโลกมนุษย์จะรู้สึกว่าตัวเองปวดหัว สติเลอะเลือนสับสนไม่ค่อยชัดเจน คนส่วนมากจะรู้สึกตัวร้อน นอนฝันร้าย เมื่อตื่นขึ้นมาก็รู้สึกเจ็บปวดไปทั่วทั้งตัวเหมือนถูกทิ่มแทงด้วยของแหลม ถ้าหากว่าตอนที่มีชีวิตอยู่เคยถูกจับวิญญาณเป็นๆไปรับโทษในนรกกระบองเหล็กมาแล้ว และสามารถแก้ไขความผิดบาปกลับตัวเป็นคนใหม่ได้ ก็สามารถได้ลดโทษหรืออาจจะได้รับการยกเว้นโทษในนรกได้ แต่ข้อสรุปที่แน่นอนจะเป็นอย่างไรนั้นจะต้องดูจากความเป็นจริงในการปฏิบัติของแต่ละคนแต่ละกรณีมาใช้ตัดสินในตอนสุดท้าย ถ้าหากยังคงลุ่มหลงไม่รู้จักตื่น ใช้บุญวาสนาจนหมด เมื่อสิ้นอายุขัยแล้วก็จะต้องไปรับโทษในนรกกามาขุมต่างๆต่อไป ซึ่งจะต้องดูถึงชนิดลักษณะของหนังสือและนิตยสารรวมทั้งซีดีลามกที่พวกเขานำไปแบ่งปันให้คนอื่นๆดูหรือแชร์ออกไปผ่านทางอินเตอร์เน็ตด้วยว่ามีเนื้อหาประเภทไหน ถ้าหากเป็นประเภทสำเร็จความใคร่ด้วยตัวเองเพียงอย่างเดียวก็รับโทษในนรกอมอัณฑะ ถ้าหากเป็นซีดีลามกเซ็กซ์หมู่เพียงอย่างเดียวก็รับโทษในนรกล้อเฟืองงูและหมาป่า ถ้าหากเป็นภาพลามกในคอมพิวเตอร์เพียงอย่างเดียวก็รับโทษในนรกแสงกระทบตา ถ้าเป็นซีดีลามกที่มีเนื้อหาร่วมเพศกันในหมู่เครือญาติเพียงอย่างเดียวก็รับโทษในนรกฝ้าเพดานน้ำแข็งกงล้อหมุน และอื่นๆอีกมากมายนับไม่ถ้วน ถ้าหากว่าเคยแบ่งปันให้คนอื่นดูทั้งหมดทุกข้อที่กล่าวมาข้างต้น ก็จะต้องรับการลงโทษทุกชนิดในนรกแต่ละขุมจนครบทุกขุม สำหรับนรกขุมต่างๆที่กล่าวไปเมื่อครู่นั้น อาอวี้ ! ท่านเคยไปเข้าชมมาหมดแล้ว ตอนนี้เมื่อท่านกลับไปแล้ว ให้ท่านไปบอกกับเวไนยทั้งหลายบนโลกมนุษย์ว่า ใครก็ตามที่นำหนังสือและนิตยสารรวมทั้งซีดีลามกไปแบ่งปันให้คนอื่นๆหมุนเวียนเปลี่ยนกันดูอย่างทั่วถึงหรือใครก็ตามที่นำสิ่งลามกไปแชร์ผ่านทางอินเตอร์เน็ต พวกเขาเหล่านั้นกำลังสร้างอกุศลกรรมที่จะเป็นเหตุทำให้ตัวเองต้องไปรับโทษในนรกอย่างยาวนานแบบไม่มีขอบเขตจำกัด พวกเขาจะต้องรีบแก้ไขเปลี่ยนแปลงนิสัยที่ไม่ดีเหล่านั้นให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ อย่าทำเรื่องที่เป็นภัยต่อตนเองและผู้อื่นอีก ปัจจุบันนี้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเจริญก้าวหน้าขึ้นอย่างมาก ขอเพียงต้องการแชร์ข้อมูลผ่านทางอินเตอร์เน็ต ข้อมูลข่าวสารเหล่านั้นก็จะถูกเผยแพร่ออกไปทั่วโลกอย่างรวดเร็วในเวลาเพียงไม่กี่วินาที แต่เคยคิดบ้างหรือไม่ว่าข้อมูลเหล่านั้นเป็นอันตรายที่ทำลายจิตญาณของตัวเองและผู้อื่นอย่างไม่รู้ตัว แค่เพียงชั่วพริบตาเดียว ตัวเองก็ได้ปลูกเพาะเหตุแห่งอกุศลกรรมที่จะนำไปสู่ความทุกข์ทรมานในนรกอย่างยาวนานแบบไม่มีขอบเขตจำกัดเสียแล้ว ขอให้เวไนยบนโลกมนุษย์รักถนอมกายสังขารของมนุษย์นี้ให้มากๆ เพราะกายสังขารของมนุษย์นี้เป็นสิ่งที่ได้มาโดยยาก อย่าใช้กายสังขารของมนุษย์ที่ได้มาโดยยากนี้ไปทำเรื่องที่ไม่ดี มิฉะนั้นสัจพลังของฟ้าดินก็จะสูญสิ้นไป ทำให้ธรรมชาติสูญเสียความสมดุล โลกมนุษย์เกิดภัยพิบัติ ถึงตอนนั้นจึงหันกลับมาย้อนมองส่องตนก็สายเกินไปเสียแล้ว เพราะเวลาที่ภัยพิบัติมาถึงก็คือช่วงเวลาที่บาปกรรมทั้งหลายสุกงอมอย่างเต็มที่ โลกมนุษย์จะต้องทุกข์ทรมานเป็นอย่างยิ่ง ความโศกเศร้าเสียใจจะเกิดขึ้นให้เห็นทั่วทุกๆพื้นที่ พระพุทธะของเราทรงเมตตา ส่งอาอวี้มาเข้าชมนรก ท่านรีบกลับไปแล้วนำสภาพเหตุการณ์ที่เป็นจริงต่างๆที่ได้ยินได้พบเห็นบอกกับเวไนยบนโลกมนุษย์เถอะ ! ”
    *อาอวี้คุกเข่ากราบสำนึกคุณผู้พิพากษา เหน็ดเหนื่อยลำบากท่านแล้ว
    *ขึ้นดอกบัวขาวกลับ
     
  3. นิรยะ

    นิรยะ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ตุลาคม 2015
    โพสต์:
    43
    ค่าพลัง:
    +30
    กฎนรกไร้ความปรานี ตอนที่ ๑๙
    กอบกู้ร่างกายที่เปี่ยมด้วยพลังหยางของเวไนยกลับคืนมา มุมมองของผู้มีอำนาจในยมโลกต่อการแก้ไขปัญหาสิ่งลามกในโลกมนุษย์

    *สำนึกคุณพุทธานุภาพประทานพร ! ขึ้นดอกบัวขาวออกเดินทาง !
    *อาหมีถัวฝอ ! อาอวี้สวัสดีผู้พิพากษา !
    *วันนี้อยากถามผู้พิพากษาว่า : “ มีวิธีการแก้ไขปัญหาสิ่งลามกอย่างไรและการทำลายสิ่งลามกให้พินาศนั้นมีบุญกุศลอย่างไร ? ”*ผู้พิพากษาพูดว่า : “ วิธีการแก้ไขปัญหาสิ่งลามกก็คือ จะต้องทำลายสิ่งลามกทั้งหลายให้พินาศย่อยยับแบบถอนรากถอนโคนไม่ให้หลงเหลืออยู่ในโลก เพราะว่าสิ่งลามกเหล่านั้นทำให้จิตญาณแห่งฟ้าปางก่อนของมนุษย์ต้องแปดเปื้อน และยังทำลายแสงอันสว่างโชติช่วงของจิตญาณแห่งฟ้าปางก่อนที่อยู่ในตัวของมนุษย์ให้พินาศไปอย่างรวดเร็ว
    *ทุกคนที่เกิดมาต่างก็มีพลังหยางแห่งฟ้าปางก่อนติดตัวมาด้วยตั้งแต่เกิด เป็นพลังหยางที่บริสุทธิ์อย่างที่สุดและสว่างไสวอย่างที่สุด ถ้าหากความสว่างไสวแห่งจิตญาณของมนุษย์ตกต่ำเสื่อมทรามลงจนมืดมิดไร้ความสว่างไปซะแล้ว ชาติหนึ่งของชีวิตคนๆหนึ่งก็ย่างก้าวเข้าสู่บทสรุปของชีวิตแล้ว มีคนบางส่วนรู้สึกว่าการดูสิ่งลามกก็ไม่เห็นจะเสียหายอะไรตรงไหน ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย แค่ดูเฉยๆ ดูแล้วก็ไม่ได้ออกไปมีเพศสัมพันธ์กับใคร ดูไว้เพื่อเป็นความรู้ทางเพศอย่างหนึ่ง เป็นการเรียนรู้เพศศึกษา ความจริงแล้วความคิดเห็นเช่นนี้ เป็นความคิดเห็นที่ผิด
    *สิ่งลามกทั้งหลายถึงแม้จะดูเพียงแค่ครั้งเดียวก็ดูไม่ได้ เพราะดูเพียงแค่ครั้งเดียวก็จะทำให้จิตญาณที่สว่างไสวแห่งฟ้าปางก่อนต้องถูกแปดเปื้อน และยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นการปลูกเพาะเมล็ดพันธุ์แห่งกามตัณหาลงไปในผืนนาใจเรียบร้อยแล้ว ครั้งต่อไปเมื่อได้พบเจอกับเหตุปัจจัยที่ไม่ดีและเอื้อต่อการละเมิดศีล จิตใจก็จะเกิดความหวั่นไหวและยากที่จะควบคุม
    *ถ้าหากเด็กวัยรุ่นเยาวชนได้ดูสิ่งลามกเหล่านี้ แน่นอนว่าจิตใจของพวกเขาย่อมต้องเกิดความหวั่นไหว เพียงแต่ว่าจิตใจของพวกเขาแต่ละคนจะหวั่นไหวในระดับที่แตกต่างกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปัจจุบันเป็นยุคไฮเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ เว็บไซต์ลามกต่างๆก่อกรรมทำชั่วกันอย่างไร้ยางอายโดยไม่เกรงกลัวอะไรทั้งสิ้น เด็กวัยรุ่นเยาวชนจำนวนหนึ่งเมื่อจิตใจหวั่นไหวก็ไม่สามรถที่จะควบคุมจิตใจของตัวเองได้ ทำให้พวกเขาสำเร็จความใคร่ด้วยตัวเอง พลังหยางบริสุทธิ์ในกายของเด็กวัยรุ่นก็สูญสิ้นไปทันที ถึงแม้จะไม่สูญสิ้นไปทั้งหมด แต่ก็จะค่อยๆสูญสิ้นไป นานวันเข้า พวกเขาก็จะประพฤติผิดในกามข้ออื่นๆตามมา
    *สิ่งลามกทำลายศีลธรรมจรรยาและเกียรติศักดิ์ศรีแห่งพรหมจารีอย่างร้ายกาจ ทำให้เวไนยสูญสิ้นความละอาย ไม่มีความเกรงกลัวต่อบาป ศีลธรรมจรรยาเสื่อมถอย ชาตินี้จะต้องถูกลดบุญวาสนาและอายุขัยลง ทั้งยังเป็นการทำลายเกียรติของบรรพชนและตัดความสัมพันธ์กับคนรุ่นหลัง ยิ่งเป็นการสร้างเหตุแห่งอกุศลกรรมที่จะนำไปสู่นรกแห่งกามา ต้องรับความทุกข์ทรมานอย่างยิ่งยวดต่างๆนานาในแดนนรก
    *ก่อนหน้านี้ก็ได้แนะนำเกี่ยวกับบทลงโทษต่างๆที่ยาวนานอย่างไม่มีขอบเขตจำกัดในนรกแห่งกามาไปอย่างละเอียดแล้ว เป็นความทุกข์ที่ยาวนานไม่สามารถที่จะหลุดออกมาได้ มีผู้คนมากมายที่บ้านแตกสาแหรกขาดเกิดโศกนาฏกรรมทำให้มีคนตาย ทั้งหมดนี้ล้วนมีจุดเริ่มต้นมาจากการผิดศีลกาเมสุมิจฉาจารเป็นเหตุ สิ่งลามกเป็นตัวการที่ทำให้คนก่อกรรมทำชั่วประพฤติผิดในกาม มันคือสิ่งที่มีพิษร้ายในใจคน ทำลายหลักธรรมแห่งสวรรค์ ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์เกิดความสบสนวุ่นวาย เมื่อเทียบกับยาพิษในโลกมนุษย์แล้วยังรุนแรงยิ่งกว่า ยาพิษในโลกมนุษย์ก็เพียงแค่ทำลายชีวิต ๑ชาติของคนให้พินาศดับสูญไป แต่สิ่งลามกเป็นพิษร้ายที่ทำลายชีวิตปัญญาญาณและจิตญาณของคนให้พินาศย่อยยับ สิ่งลามกทำลายร่างกายที่เปี่ยมด้วยพลังหยางบริสุทธิ์ของมนุษย์ ทำให้มนุษย์สิ้นอายุขัยลงก่อนเวลาที่กำหนดและต้องตกสู่นรกรับการลงโทษที่ยาวนานอย่างไม่มีขอบเขตจำกัด ยากมากที่จะได้ออกมาจากนรก นอกจากนี้ยังมีผลกรรมของกาเมสุมิจฉาจารอีกมากมายที่ต้องชดใช้อย่างต่อเนื่อง อาทิเช่น เจ็บป่วยด้วยโรคต่างๆที่มีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับการประพฤติผิดในกาม ยังมีความเจ็บปวดรวดร้าวต่างๆทางด้านจิตใจ และอื่นๆอีกมากมายจนไม่สามารถบรรยายออกมาเป็นข้อๆได้หมด
    *ถ้าหากเวไนยมีกำลังทรัพย์อาจจะสละทรัพย์สินส่วนตัว พยายามซื้อสิ่งลามกมาเผาทำลายอย่างถึงที่สุด ถ้าหากเป็นเจ้าของสำนักพิมพ์หรือเจ้าของร้านหนังสือก็จะต้องไม่ตีพิมพ์ ไม่จัดจำหน่ายหนังสือลามก ถ้าหากเป็นผู้กำกับการแสดงหรือเป็นนักแสดงก็จะต้องไม่รับจ้างถ่ายทำภาพยนตร์ลามกและจะต้องไม่ถ่ายทำภาพยนตร์ลามกเอง ถ้าหากเป็นนักเขียนนักประพันธ์หรือผู้จัดพิมพ์หนังสือ ไม่ว่าอย่างไรก็แล้วแต่ จะต้องไม่เขียน ไม่ประพันธ์เรื่องลามก ไม่ตีพิมพ์หนังสือ นิตยสารลามก ถ้าหากเป็นจิตรกรก็จะต้องไม่วาดภาพลามก ถ้าหากเป็นเจ้าของบริษัท หรืออาจจะเป็นหัวหน้า เป็นผู้นำในท้องที่ เขต ภูมิภาคต่างๆ หรือบางทีอาจจะเป็นผู้นำประเทศ เป็นบุคคลสำคัญที่มีอำนาจในการดำเดินการใดๆที่สามารถส่งผลกระทบต่อสิ่งลามกได้ พวกเขาควรจะต่อต้านสิ่งลามกทั้งหลายอย่างเด็ดขาด รวมทั้งยับยั้งและทำลายสิ่งลามกที่มีอยู่ เมื่อรู้ว่าที่ไหนมีสิ่งลามกก็เข้าปราบปรามทำลายล้างให้หมดสิ้นไปอย่างถึงที่สุดในทันที ถ้าหากไม่มีกำลังทรัพย์อีกทั้งไม่มีสถานภาพต่างๆดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้นแม้แต่ข้อเดียวก็สามารถปรับใช้ให้เหมาะสมตามสภาพแวดล้อมและเหตุปัจจัยของตนเอง พยายามอย่างสุดความสามารถในการพูดแนะนำตักเตือน โน้มน้าวใจผู้คนที่มีส่วนเกี่ยวข้องเชื่อมโยงไปถึงบุคคลสำคัญที่มีอำนาจในการปราบปรามทำลายล้างสิ่งลามก
    *ถ้าหากเวไนยใช้ความพยายามอย่างสุดความสามารถในการทำลายสิ่งลามกทั้งหลาย ไม่ว่าจะด้วยวิธีการใดก็ตามที่กล่าวมาแล้วข้างต้น ในชาตินี้จะได้บุญวาสนาและอายุขัยเพิ่มขึ้น ได้รับความเคารพจากผู้คน ทรัพย์สินไม่กระจัดกระจายไปตกอยู่ในมือของคนอื่น มีปัญญาเพิ่มพูน ถ้าหากเป็นผู้บำเพ็ญปฏิบัติตามพระธรรมคำสอน มีความมุ่งมั่นปรารถนาจะหลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด ปณิธานนั้นจะสมปรารถนาสำเร็จเป็นขั้นๆ สมุดบันทึกบัญชีบุญบาปในยมโลกก็จะจดบันทึกไว้เป็น ๑มหากุศล อาศัยมหากุศลนี้ก็สามารถที่จะได้รับการลดหรือยกเว้นโทษในนรกอันเนื่องมาจากความผิดบาปที่เคยทำไว้ในอดีต ซึ่งรายละเอียดนั้นจะต้องเชิญพระพุทธะโพธิสัตว์รวมทั้งเจ้าหน้าที่ชั้นสูงของยมโลกมาตัดสินตามแต่กรณีของแต่ละคน
    *อาอวี้ ! วันนี้ก็พอเท่านี้ก่อน รีบกลับไปเขียนหนังสือเถอะ ”
    *“ ค่ะ ผู้พิพากษา ” อาอวี้กราบสำนึกคุณ
    *ขึ้นดอกบัวขาวกลับ
     
  4. นิรยะ

    นิรยะ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ตุลาคม 2015
    โพสต์:
    43
    ค่าพลัง:
    +30
    กฎนรกไร้ความปรานี ตอนที่ ๒๐
    ผลตอบสนองของการทำแท้งและวิญญาณเด็กทารกใน“เมืองร้องไห้ตายอย่างไม่เป็นธรรม”

    *สำนึกคุณพุทธานุภาพประทานพร ขึ้นดอกบัวขาวออกเดินทาง
    *อาหมีถัวฝอ ! ผู้พิพากษา !
    *วันนี้อาอวี้อยากเรียนถามผู้พิพากษาถึงผลกรรมของการทำแท้งค่ะ
    *ผู้พิพากษา : “ คนที่ทำแท้งจะต้องรับโทษที่รุนแรงจากนรก กฎนรกกำหนดไว้ว่า กุศลลับๆที่ทำแล้วไม่มีใครรู้ไม่มีใครเห็น มี ๓ข้อ
    *ข้อ ๑ ช่วยชีวิตคน
    *ข้อ ๒ ส่งเสริมให้หญิงหม้ายรักษาเกียรติศักดิ์ศรีแห่งพรหมจารี
    *ข้อ ๓ แฝงเร้นคุณธรรมความดีงามสูงส่งของตนไว้ไม่ให้ใครรู้
    *ท่ามกลางเหตุต้นผลกรรม ชะตาชีวิตที่ได้ถูกกำหนดไว้อย่างตายตัวนั้น กุศลลับๆที่ทำแล้วไม่มีใครเห็น สามารถเปลี่ยนแปลงแก้ไขชะตาชีวิตได้ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันก็มีตัวอย่างจริงๆจากบุคคลที่มีชื่อเสียงปรากฏให้เห็นอยู่มากมาย ที่ได้เป็นข้าราชการชั้นสูงและคนสูงศักดิ์ต่างก็มีมูลเหตุมาจากการสร้างกุศลอย่างลับๆ ลูกหลานต่างก็มีชื่อเสียงที่โด่งดัง การทำแท้งนั้นแท้ที่จริงก็คือการลิดรอนชีวิตของเวไนย ละเมิดศีลปาณาติบาต โดยเฉพาะอย่างยิ่งจิตธรรมญาณของเด็กทารกที่ยังไม่คลอดออกมานั้น เป็นจิตที่ดีงามบริสุทธิ์ การทำแท้งจึงมีบาปเท่ากับการฆ่าพ่อแม่ของตัวเองหรือบาปเท่ากับการทำให้พระพุทธเจ้าต้องห้อเลือด ทั้งยังเป็นการผูกกรรมที่ไม่ดีกับเด็กทารก ถ้าหากไม่มีบุญคุณความแค้น ก็ไม่ได้เกิดมาเป็นญาติพี่น้องครอบครัวเดียวกัน
    *พ่อแม่ลูกมีกรรมผูกพันกันมา มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกันอยู่ ๒อย่าง คือ ถ้าไม่มาเพื่อทวงหนี้ ก็มาเพื่อตอบแทนคุณ ถ้าหากว่าเป็นลูกที่มาเกิดเพื่อตอบแทนคุณพ่อแม่ แต่เพราะถูกทำแท้งจึงทำให้เกิดจิตที่คิดอาฆาต จากที่เดิมทีมาเพื่อตอบแทนคุณก็เลยกลายเป็นผูกเวรผูกกรรมกันไปซะแล้ว ถ้าหากเดิมทีลูกที่มาเกิด ตั้งใจมาเพื่อทวงหนี้ ก็จะยิ่งเพิ่มความโกรธแค้นให้เดือดดาลมากยิ่งขึ้น ผลลัพธ์คือทำให้ยิ่งติดค้างหนี้มากยิ่งขึ้น ความแค้นยิ่งเกาะกินลึกมากยิ่งขึ้น
    *การทำแท้งมีอยู่ ๓ประเภท
    *ประเภทที่ ๑ พ่อแม่ไม่ได้มีเจตนาที่อยากจะทำแท้ง แต่เป็นเพราะลูกที่จะมาเกิดมีบุญไม่พอ อย่างเช่น ลูกตายในครรภ์ ตั้งครรภ์ไข่ปลาอุก หรือคุณแม่ที่ตั้งครรภ์อาจจะมีโรค และอื่นๆอีกมากมายที่เป็นมูลเหตุทำให้เด็กทารกไม่สามารถคลอดออกมาได้ เมื่อเป็นเช่นนี้ผู้เป็นพ่อเป็นแม่จะต้องสำนึกขอขมาแก้ไขความผิดบาป สวดมนตร์เพื่ออุทิศบุญกุศลให้กับเด็กทารก ให้เด็กทารกสามารถพ้นจากความทุกข์ได้รับความสุขในเร็ววัน
    *ประเภทที่ ๒ ทำแท้งเพราะความเป็นอยู่ขัดสน กฎของนรกไม่อนุญาตให้ทำแท้งด้วยเรื่องประเภทนี้ ไม่ใช่ว่าพอเกิดปัญหาทางด้านการเงินก็จะสามารถทำแท้งได้ วิธีการในการแก้ไขปัญหาเรื่องราวต่างๆมีความสำคัญมาก ถึงแม้ว่าอยู่บนโลกมนุษย์จะยากลำบากอย่างไรก็ตาม แต่นั่นก็ยังเทียบกันไม่ได้เลยกับความทุกข์ยากในนรกซึ่งเป็นผลกรรมจากการทำแท้ง ความทุกข์ทรมานในนรกนั้นมากมายกว่าบนโลกมนุษย์เป็นพันเท่าหมื่นเท่า จงจำไว้ ! บางทีเด็กทารกอาจจะมาเกิดเพื่อทดแทนบุญคุณ หลังจากที่ให้กำเนิดเขาแล้ว การเงินก็จะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น ร่ำรวยมีฐานะดี ครอบครัวมีอันจะกินขึ้น ซึ่งก็ต้องดูที่การปฏิบัติของแต่ละคนแต่ละกรณี สำหรับคนที่ทำแท้งจะต้องถูกลดบุญวาสนา ( ไม่ว่าทางด้านสุขภาพร่างกาย หน้าที่การงาน โชคลาภด้านการเงินและอื่นๆ ทั้งหมดจะต้องถูกบั่นทอนให้ลดน้อยลงไป ) เมื่อสิ้นอายุขัยก็ต้องรับการลงโทษในนรกป่าดาบ ๑๐๐๐ปี ถ้าหากตั้งครรภ์ทั้งๆที่ยังไม่ได้แต่งงานแล้วยังไปทำแท้งอีก ก็จะต้องรับโทษในนรกกระบองเหล็กก่อน ๕๐๐ปี เมื่อได้กลับมาเกิดเป็นคนอีกก็ยังต้องชดใช้เศษกรรมปาณาติบาตที่ยังเหลืออยู่ เช่น เป็นโรคเฉพาะที่เป็นในผู้หญิง ถ้าเกิดเป็นชายก็จะเป็นโรคเกี่ยวกับระบบสืบพันธุ์
    *ประเภทที่ ๓ ในปัจจุบันคนที่ทำแท้งประเภทนี้มีเยอะที่สุด มีชายหญิงมากมายที่ยังไม่ได้แต่งงาน ก็ตั้งครรภ์แล้วไปทำแท้ง พฤติกรรมเช่นนี้ผลกรรมหนักที่สุด จะต้องถูกลดบุญวาสนา เมื่อสิ้นอายุขัยลงจะต้องรับโทษในนรกกระบองเหล็กก่อน ๘๐๐ปีแล้วค่อยรับโทษในนรกป่าดาบอีก ๒๐๐๐ปี บาปของผู้หญิงจะหนักกว่าบาปของผู้ชาย เพราะว่าในตอนท้ายที่สุดคนที่ตัดสินใจว่าจะทำแท้งหรือไม่ก็คือผู้หญิง ดังนั้นบาปของผู้หญิงจึงหนักกว่า อาอวี้ ! ไปเข้าชมหน่อยไหม ? ”
    *ข้าพเจ้าพูดว่า : “ ดีค่ะ” แป๊บเดียวก็ถึงแล้ว ที่นี่ไม่เหมือนกับนรกกามา นรกกามาเต็มไปด้วยความคิดของกามตัณหาและเสียงร้องอันทุกข์ทรมาน แต่ที่นี่เต็มไปด้วยเสียงร้องไห้อันเจ็บปวดรวดร้าวและแรงอาฆาตแค้นที่รุนแรงมาก ด้านบนมีตัวหนังสือเขียนว่า “ เมืองร้องไห้ตายอย่างไม่เป็นธรรม ”
    *โห ! เด็กน้อยมากมายเต็มไปหมดเลย ทั้งมากมายและเนืองแน่น เสียงร้องไห้ของพวกเขาช่างน่าเวทนานัก ข้าพเจ้าเห็นแล้วถึงกับหลั่งน้ำตาออกมา เด็กทารกบางคนกำลังร้องตะโกน เด็กทารกบางคนก็ดูเหมือนกับก้อนเลือด
    *ผู้พิพากษาบอกว่า : “ ตอนที่ทำแท้ง หมอที่ทำแท้งทำให้เขากลายสภาพเป็นแบบนี้ วิญญาณเด็กทารกนั้นหวาดกลัวเกินไป ตอนนี้เขายังขดตัวเป็นกลุ่มอยู่ตรงนั้น ความจริงตอนนี้เขาสามารถเหยียดตัวออกได้แล้ว แต่เขายังยึดติดอยู่ในความทุกข์ทรมานนั้นอยู่ ไม่ยอมออกมาจากความทุกข์ทรมานนั้น ”
    *ข้าพเจ้าถามผู้พิพากษาว่า : “ เมื่อไหร่เขาจะสามารถพ้นจากความทุกข์ทรมานนี้ ? ”
    *ผู้พิพากษาบอกว่า : “ ต้องดูว่าพ่อแม่ของวิญญาณเด็กทารกนี้สำนึกขอขมาแก้ไขความผิดบาปต่อเขาหรือไม่ และได้สร้างบุญกุศลอะไรอุทิศให้เขาหรือป่าว
    *มีทารกหญิงคนหนึ่งร้องเรียกหาแม่ ข้าพเจ้าถามผู้พิพากษาว่าวิญญาณทารกที่ยังไม่ทันได้คลอดออกมา ทำไมถึงร้องเรียกแม่ได้ ? ผู้พิพากษาบอกว่า ถ้าหากเด็กทารกเหล่านี้คลอดออกมาเป็นคนมีชีวิตอยู่บนโลก ต้องมีอายุ ๑ขวบขึ้นไปแล้วถึงจะเริ่มหัดพูด แต่ตอนนี้พวกเขาไม่ได้อยู่บนโลกมนุษย์ พวกเขาเป็นจิตญาณอยู่ในนรก จิตญาณมีอภินิหารอาศัยจิตสื่อจิตถึงกันได้
    *สรุปแล้ววิญญาณทารกในนี้ช่างน่าเวทนาจริงๆ ต่างร้องไห้ตะโกนกันไม่หยุด เฮ่อ ! ฟ้ามีบุญคุณต่อทุกชีวิต รักทะนุถนอมทุกชีวิต มีคุณธรรมไม่เข่นฆ่า พวกเราอย่าได้สังหารชีวิตของเด็กน้อยที่ไม่มีความผิดเพียงเพราะความเห็นแก่ตัวของตัวเองอย่างเด็ดขาด
    *ผู้พิพากษาบอกกับข้าพเจ้าว่า “ เมืองร้องไห้ตายอย่างไม่เป็นธรรม ” เป็นเมืองที่เพิ่งสร้างขึ้นมาใหม่ ขณะที่พวกเรากำลังพูดคุยสนทนากันอยู่ก็ยังมีวิญญาณเด็กทารกเข้ามาในนี้เรื่อยๆไม่หยุด ช่างมากมาย มากมายจริงๆ
    *เวลานี้ข้าพเจ้ามองเห็นว่ามีเด็กทารกกลุ่มใหญ่กลุ่มหนึ่งเหาะออกมา ในมือของพวกเขาถือกระดาษสีเหลืองมาด้วย ๑ฉบับ ข้าพเจ้ากำลังรู้สึกแปลกใจ ผู้พิพากษาก็พูดขึ้นว่า ที่พวกเขาถืออยู่ คือคทาสิทธิ์จากพญายม มีคทาสิทธิ์นี้นายนิรยบาลก็จะยอมให้พวกเขาออกไปจากที่นี่ สามารถออกไปตามหาพ่อแม่ของพวกเขา โดยส่วนมากพวกเขาจะไปเกาะติดอยู่ตามร่างกายของผู้เป็นแม่ ทำให้ผู้เป็นแม่รู้สึกไม่สบายตัว วิญญาณทารกจะเกาะที่ส่วนไหนของร่างกายนั้นขึ้นอยู่กับความพอใจของพวกเขา วิญญาณทารกบางส่วนชอบกลับเข้าไปอยู่ในท้องของผู้เป็นแม่แล้วเกาะอยู่ในมดลูก บางส่วนก็ชอบเกาะอยู่ที่ทรวงอกของผู้เป็นแม่ ฯลฯ บางส่วนก็ตามพ่อหรือแม่ตลอดเวลา บางส่วนก็ไม่ยอมให้พ่อแม่ได้นอนหลับ สรุปคือ ทุกเวลาคอยรบกวนสร้างความลำบากยุ่งยากให้กับพ่อแม่ ถ้าหากพ่อแม่ยอมให้กำเนิดลูกๆคนอื่นๆ วิญญาณทารกก็จะทำลายความสมานฉันท์ของครอบครัว อย่างเช่น ทุบตีน้องๆของเขา เจตนาทำให้เกิดเรื่องต่างๆขึ้นมากมาย เพื่อเป็นการแสดงความโกรธแค้นที่เขามีต่อพ่อแม่ออกมา
    *ทางด้านขวาของเมืองนี้มีเมืองเก่าเมื่อสมัย ๗๐ปีก่อนตั้งอยู่ ชื่อว่า “ เมืองคราบเลือด” ปัจจุบันเมืองคราบเลือดนี้มีพื้นที่ไม่พอใช้แล้ว ข้าพเจ้าสัมผัสได้ว่าวิญญาณทารกในเมืองคราบเลือดนั้นมีความรู้สึกโดดเดี่ยวอ้างว้างเป็นอย่างยิ่ง ผู้พิพากษาบอกว่า : “วิญญาณทารกทั้งหมดที่อยู่ในเมืองนี้ไม่ใช่วิญญาณที่ถูกทำแท้งด้วยความเจตนา” อ๋อ ! ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง มิน่าล่ะ ! พวกเขาถึงได้ร้องไห้สะอึกสะอื้นอย่างโดดเดี่ยวอ้างว่าง
    *ผู้พิพากษายังบอกอีกว่า : “ เมื่อ ๗๐ปีที่แล้วน้อยคนนักที่จะมีเจตนาทำแท้ง เวลานั้นวิญญาณเด็กทารกส่วนใหญ่ไม่มีบุญมากพอที่จะได้คลอดออกมา แต่ตอนนี้คนบนโลกมนุษย์ส่วนใหญ่กลับมีเจตนาทำแท้ง หากใช้ยาคุมกำเนิดฉุกเฉินก็ถือว่าเป็นการละเมิดศีลปาณาติบาตด้วยเช่นกัน เพราะตอนที่ไข่กับอสุจิปฏิสนธิกันนั้น วิญญาณของทารกก็ได้เข้าไปปฏิสนธิในครรภ์ของผู้เป็นแม่แล้ว แต่เพราะการใช้ยาคุมกำเนิดฉุกเฉินทำให้ไข่ที่ได้รับการปฏิสนธิแล้วไม่สามารถฝังตัวที่มดลูกได้สำเร็จ คนที่ใช้วิธีนี้ก็มีจำนวนนับไม่ถ้วน”
    *ผู้พิพากษายังกล่าวต่อไปอีกว่า : “ ขณะนี้มีวิญญาณทารกที่ถูกทำแท้งจากโลกมนุษย์มารายงานตัวกันทุกวัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งจำนวนร้อยละ ๙๐ของคนที่ทำแท้ง มีสาเหตุมาจากการละเมิดศีลกาเมสุมิจฉาจาร เพราะประพฤติผิดในกามจึงสร้างบาปหนักด้วยการทำปาณาติบาตซ้ำ กาเมสุมิจฉาจารบวกกับการทำปาณาติบาต แรงกรรมเหล่านี้เมื่อรวมตัวกันมากขึ้นจะทำให้ฟ้าดินสูญเสียความสมดุล โลกจะต้องเกิดภัยพิบัติซึ่งภัยพิบัติเหล่านั้นก็มาจากความอาฆาตแค้น อาอวี้ ! ท่านรีบกลับไป แล้วนำผลกรรมของการทำแท้งไปป่าวประกาศเตือนเวไนยบนโลกมนุษย์เถอะ!”
    *ค่ะ ! วันนี้ลำบากท่านผู้พิพากษาแล้ว !
    *อาอวี้สวัสดีผู้พิพากษา ! ขึ้นดอกบัวขาวกลับ !
     
  5. นิรยะ

    นิรยะ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ตุลาคม 2015
    โพสต์:
    43
    ค่าพลัง:
    +30
    กฎนรกไร้ความปรานี ตอนที่ ๒๑
    วิญญาณเด็กทารกฟ้องร้องครั้งใหญ่คทาสิทธิ์สีเหลืองของพญายม

    *สำนึกคุณพรแห่งพุทธานุภาพ ขึ้นดอกบัวขาวออกเดินทาง
    *อาหมีถัวฝอ ! อาอวี้สวัสดีผู้พิพากษาค่ะ !
    *ตอนนี้ผู้พิพากษากำลังจัดการแก้ไขปัญหาให้กับวิญญาณเด็กทารกแต่ละคนที่อยู่ในเมืองร้องไห้ตายอย่างไม่เป็นธรรม
    *ข้าพเจ้าได้ยินเสียงของวิญญาณเด็กทารกเพศหญิงกำลังส่งเสียงร้องอย่างดัง : “ ฉันเกลียดพวกแก เกลียดพวกแกไปจนวันตาย ตลอดชั่วนิรันดร์ก็จะไม่ปล่อยพวกแกไป ทุกภพทุกชาติพวกแกจะต้องไม่ได้ตายดี ตลอดชั่วนิรันดร์ก็จะไม่มีวันปล่อยพวกแกไป ฉันจะต้องกลับไปหาพวกแก ไปล้างแค้นพวกแก” เขาร้องเสียงดังอย่างเจ็บปวดรวดร้าวอยู่อย่างนี้ตลอด คิดไม่ถึงเลยว่าวิญญาณทารกตัวน้อยๆจะมีจิตที่คิดอาฆาตแค้นได้อย่างน่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ วิญญาณทารกหญิงนี้ดูเหมือนจะโตกว่าวิญญาณทารกคนอื่นๆ ผู้พิพากษาบอกว่าวิญญาณทารกหญิงนี้มีอายุได้ ๖เดือนแล้ว เมื่อพ่อแม่ของเขารู้ว่าเขาเป็นเด็กผู้หญิง เขาจึงโชคร้ายถูกทำแท้งอีกเป็นครั้งที่ ๒ เขาถูกทำแท้งมาแล้ว ๒ครั้ง แล้วทั้ง ๒ครั้งก็ถูกทำแท้งตอนอายุครรภ์ได้ ๖เดือน ด้วยเหตุนี้วิญญาณทารกหญิงจึงมาร้องเรียนต่อพญายม และพญายมก็ได้อนุญาตให้เขาไปเกิดใหม่อีกครั้งเป็นครั้งที่ ๓ เพื่อทวงหนี้
    *เดินไปเชื่อมสัมพันธ์ทำความรู้จักกับวิญญาณทารกหญิงกันหน่อยเถอะ ! ข้าพเจ้าทักทายเขาด้วยการสวดอาหมีถัวฝอไป ๑คำแล้วถามเขาว่าเพราะเหตุใดถึงได้อาฆาตแค้นพ่อแม่มากมายขนาดนี้ เลิกแล้วต่อกันไปไม่ดีกว่าหรือ ไม่ต้องไปหาพวกเขาหรอก ไม่ว่าอย่างไรก็ตามพวกเขาก็ไม่ได้ต้องการลูกสาว เมื่อเธอไปเกิดแล้ว พวกเขาก็ไม่ได้ปฏิบัติดีต่อเธอ แล้วอย่างนี้มันจะคุ้มกันหรือ ?
    *ครั้นแล้ววิญญาณทารกหญิงก็ร้องไห้โฮออกมายกใหญ่ เขาพูดว่า ไม่ได้ ต่อให้ไกลจนสุดหล้าฟ้าเขียว ก็จะต้องตามไปล้างแค้นให้จงได้ จะไม่ยอมปล่อยพ่อแม่ไปอย่างเด็ดขาด วิญญาณทารกหญิงสะเทือนใจเป็นอย่างยิ่ง พูดออกมาอย่างเจ็บปวดรวดร้าวว่า พวกเขาฆ่าฉันมา ๒ครั้งแล้ว ตอนที่ทำแท้งครั้งที่ ๒ แม้แต่หมอยังบอกว่าทำอย่างนี้จะเป็นอันตราย แต่พวกเขากลับพูดว่าไม่เป็นไร สำคัญที่สุดคือให้ผู้ใหญ่ปลอดภัยเท่านั้นก็พอ เด็กก็ไม่เอาแล้ว ให้ใช้วิธีที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ใหญ่ที่สุดมาจัดการก็แล้วกัน
    *วิญญาณทารกหญิงร้องห่มร้องไห้บอกว่า ตอนนั้นเขาอยู่ในท้องแม่ ใช้ทั้งมือและเท้าเตะถีบอย่างสุดแรง หวังว่าจะสามารถออกไปได้ก่อนกำหนด แต่ทว่า หมอได้ใช้มือกดลงที่หัวของเขาแล้วฉีดยาเข้าไป ๑เข็ม เขาก็เริ่มรู้สึกเจ็บปวดไปทั่วทั้งตัว หมดเรี่ยวหมดแรงในทันที จากนั้นหมอก็ใช้กรรไกรตัดมือขวาของเขาออกเป็น ๒ชิ้น แล้วใช้คีมคีบออกมา เอาขาของเขาตัดออกเป็น ๔ชิ้น แล้วใช้เครื่องดูดสุญญากาศดูดขาของเขาออกมา ความรู้สึกในตอนนั้นมันหนาวเหน็บเข้าไปจนถึงกระดูกและเจ็บปวดทรมานมาก เมื่อได้เจอกับเรื่องที่โหดร้ายแบบนี้ ร่างกายก็เลยมีสภาพอย่างที่เห็นนี่
    *วิญญาณทารกหญิงยังคงร้องไห้ไม่หยุดและพูดต่อไปว่า : “ ส่วนหัวของฉัน หูของฉัน ตาของฉัน ถูกตัดเป็นชิ้นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตอนถูกตัดที่ส่วนหัวเจ็บปวดทรมานที่สุด หมอตัดที่ส่วนหัวหลายครั้ง แล้วยังใช้ตะขอปลายแหลมเกี่ยวฉันออกมา ใช้คีมคีบฉันและอื่นๆอีกมากมาย แต่ละครั้งที่หมอตัดลงไปบนร่างกายของฉัน ฉันเจ็บปวดทรมานเหลือเกิน ทั้งตัวไม่มีเรี่ยวแรงที่จะต่อต้านขัดขืน เลือดไหลตลอดไม่หยุด ความเจ็บปวดทรมานแบบนี้ถึงแม้เวลาจะผ่านไปเนิ่นนานซักแค่ไหนฉันก็จะไม่ลืม โดยเฉพาะอย่างยิ่งหมอที่ทำแท้งครั้งนี้เป็นคนที่ไม่ค่อยมีประสบการณ์ ทำงานช้ากว่าหมอที่ทำแท้งครั้งแรก แถมยังทำพลาดบ่อยๆ ความจริงแล้วตัดเพียงไม่กี่ครั้งเท่านั้น แต่เป็นเพราะหมอคนนี้ทำพลาดบ่อยก็เลยทำให้ต้องโดนตัดหลายครั้ง ใช้เครื่องมือหลายชิ้นก็ยิ่งทำให้เพิ่มความเจ็บปวดทรมาน เช่น ใช้เครื่องดูดสุญญากาศ ใช้ไม้กวน ใช้ตะขอ และอื่นๆอีกมาก ทุกอย่างที่ทำล้วนใช้จำนวนครั้งในการทำมากกว่าหมอคนแรกทั้งสิ้น ความเจ็บปวดทรมานต่างๆเหล่านี้ ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะพวกเขาทั้ง ๒คนไม่ต้องการฉัน ฉันจะไม่ไปตามจองเวรกับหมอที่ทำแท้งหรอก เพราะหมอเคยเสนอความคิดเห็นให้พวกเขาเก็บฉันไว้ ให้พวกเขาคลอดฉันออกมา แต่พวกเขาก็ไม่ฟัง พวกเขาไม่ยอมให้ฉันได้คลอดออกมาลืมตาดูโลก เป็นความผิดของพวกเขา ครั้งแล้วครั้งเล่าที่ต้องการให้ฉันตาย ฉันเกลียดพวกเขาทั้ง ๒คน เกลียดไปจนวันตาย เนิ่นนานชั่วนิรันดร์ฉันก็จะเกลียด ฉันต้องการให้พวกเขาทั้ง ๒คนไม่ได้ตายดี ไม่ได้ตายดี ตลอดชั่วนิรันดร์กาลฉันก็จะไม่ยอมปล่อยพวกเขาไป”
    *นี่คือเรื่องราวจากเสียงร้องไห้ที่เจ็บปวดรวดร้าว เฮ่อ ! จิตอาฆาตที่คิดอยากจะล้างแค้นช่างหนักหน่วงจริงๆ เห็นที่พ่อแม่บนโลกมนุษย์จำเป็นที่จะต้องใช้ความจริงใจมาสำนึกขอขมาแก้ไขความผิดบาปอย่างจริงๆจังๆซะแล้ว อันที่จริงแล้วจะให้กำเนิดลูกชายหรือลูกสาวทำไมถึงต้องมีการแบ่งแยกด้วยละ !
    *ผู้พิพากษาบอกว่า : “ ตอนนี้พญายมได้อนุญาตให้วิญญาณทารกหญิงนี้ไปเกิดใหม่อีกครั้งในครอบครัวเดิมเพื่อทวงหนี้ ครั้งนี้วิญญาณทารกหญิงสามารถถือคทาสิทธิ์สีเหลืองเข้าไปอยู่ในมดลูกของผู้เป็นแม่ เมื่อพัฒนาการของทารกในครรภ์มีลักษณะรูปร่างเป็นคนแล้ว คทาสิทธิ์สีเหลืองนี้จะอยู่ในตำแหน่งของอวัยวะเพศของทารกพอดี ทำให้หมอเข้าใจผิดคิดว่าเป็นเด็กผู้ชาย ด้วยเหตุนี้ในช่วงระหว่างที่ทารกหญิงอยู่ในท้องของแม่จะได้รับความรักความเอาใจใส่จากพ่อแม่เป็นอย่างดี พ่อแม่ของเขาจะเฝ้ารอคอยวันเวลาที่เขาจะคลอดออกมาลืมตาดูโลกอย่างใจจดใจจ่อ และในท้ายที่สุดก็จะต้องให้กำเนิดทารกเพศหญิงออกมาอย่างสิ้นหวัง นี่คือคำบัญชาของพญายม เนื่องจากพวกเขาไม่ประพฤติตัวให้อยู่ในกรอบของประเพณี ละเมิดกฎของนรก ทำแท้งซึ่งเป็นบาป เดิมทีฐานะครอบครัวของพวกเขาก็นับได้ว่าไม่เลวเลยทีเดียว แต่เพราะว่ามีพฤติกรรมทำแท้งฆ่าลูกในท้องถึง ๒ครั้ง อายุขัยรวมทั้งบุญวาสนาต่างๆในทุกๆด้านของพวกเขาจึงถูกบั่นทอนลง ไม่ว่าจะเป็นสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง กิจการงาน โชคลาภด้านการเงินต่างๆ และในอนาคตยังต้องเจอกับผลกรรมตามสนองต้องชดใช้หนี้กรรมให้กับลูกสาวที่อกตัญญูคนนี้อีก ถึงจะบอกว่านี่คือคำบัญชาของพญายม แต่ความจริงแล้วจะเป็นคำบัญชาของพญายมให้พวกเขาต้องรับความทุกข์เช่นนี้ก็หาไม่ ทั้งหมดนี้ก็เพราะตัวของพวกเขาเองที่ละเมิดฝ่าฝืนกฎทำปาณาติบาตฆ่าลูกในท้อง ซึ่งเป็นการฝ่าฝืนกฎของจักรวาล ถ้าหากว่าพวกเขาให้กำเนิดเด็กทารกตั้งแต่ครั้งแรกที่ตั้งครรภ์ก็ไม่ต้องถูกบั่นทอนบุญวาสนาและอายุขัยลง เมื่อสร้างเหตุเช่นนี้ก็ต้องรับผลเช่นนี้ ไม่ว่าจะฆ่าใครก็แล้วแต่ ต่อไปภายหน้าก็จะต้องรับผลกรรมตอบสนอง จะต้องถูกเขาฆ่า จะต้องอายุสั้น มีโรคภัยมากมายมารุมเร้า ถึงแม้ยุคสมัยจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีจะเจริญก้าวหน้ารวดเร็วฉับไวแค่ไหน แต่มหากุศลลับทั้ง ๓ข้อ ซึ่งเป็นกฎพื้นฐานของนรก คือ ช่วยชีวิตคน ส่งเสริมให้หญิงหม้ายรักษาเกียรติศักดิ์ศรีแห่งพรหมจารี และแฝงเร้นคุณธรรมความดีงามสูงส่งของตนไว้ไม่ให้ใครรู้ ทั้ง ๓ข้อนี้ยังคงยั่งยืนไม่เปลี่ยนแปลง หลักคุณธรรมสัมพันธ์1ของมนุษย์ก็ยังคงยั่งยืนไม่เปลี่ยนแปลงเช่นกัน แต่ละชีวิตต่างก็มีสิทธิ์ในการดำรงชีวิตของตนเองให้อยู่รอด ทุกๆวันมีวิญญาณเด็กทารกที่ถูกทำแท้งโดยเจตนาไปรายงานตัวในนรกเป็นจำนวนมาก กฎนรกจะลงโทษคนที่ทำแท้งอย่างหนัก แม้แต่คนที่เสี้ยมสอนหรือยุยงส่งเสริมให้คนอื่นทำแท้งก็จะต้องถูกลดบุญวาสนาและอายุขัยลงด้วยเช่นกัน ในทางตรงกันข้ามถ้าหากพูดจาตักเตือนคนอื่นไม่ให้ทำแท้งก็จะได้รับอายุขัยและบุญวาสนาเพิ่มขึ้น บนสมุดเกิดตายบัญชีบุญบาปก็จะได้รับการจดบันทึกเป็น ๑มหากุศล เพราะว่าการทำเช่นนี้เป็นการยังประโยชน์ให้กับตนเองและผู้อื่น”
    *ผู้พิพากษาสั่งสอนอาอวี้ต่อไปว่า : “ ปัจจุบันเวไนยบนโลกมนุษย์ขาดการปลูกฝั่งความคิดเรื่องเหตุต้นผลกรรม คิดว่าเด็กทารกที่ยังไม่ได้คลอดออกมาจะไม่รู้เรื่องอะไร อันที่จริงหลังจากที่ตั้งครรภ์แล้ว ชีวิตทารกที่อยู่ในครรภ์ก็มีชีวิตเหมือนกับคนทั่วไป เพียงแต่ชีวิตของพวกเขาเปราะบางมาก พวกเขามีความรู้สึกนึกคิด มีความทรงจำ สามารถรู้สึกถึงความเจ็บปวด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพัฒนาการของพวกเขามีรูปร่างลักษณะออกมาเป็นคนแล้ว ความรู้สึกถึงความเจ็บปวดของพวกเขาจะยิ่งมีความชัดเจนมากยิ่งกว่าตอนที่เพิ่งตั้งครรภ์ได้ ๑เดือน อาอวี้ ! ท่านลองฟังคำร้องของวิญญาณทารกเหล่านี้ดูท่านก็จะรู้ว่าโรคเฉพาะในผู้หญิงที่เกิดขึ้นกับหญิงที่ทำแท้ง รวมถึงอาการปวดเอว ปวดหัว และโรคเรื้อรังต่างๆที่รักษาไม่หาย ล้วนมีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับวิญญาณเด็กทารกเหล่านี้”
    *ดูๆไปแล้วเมืองร้องไห้ตายอย่างไม่เป็นธรรมนี้ช่างกว้างใหญ่อย่างหาที่สุดมิได้จริงๆ อาศัยพลังความสามารถของเราไม่สามารถที่จะมองเห็นถึงขอบฝั่งของเมืองได้ เสียงร้องไห้ในเมืองนี้ดังทอดยาวต่อเนื่องกันไม่ขาดสาย ดังสั่นสะเทือนจนหูแทบแตก น่าเวทนาอย่างที่สุด
    *ก่อนออกไปจากที่นี่ ไปดูๆวิญญาณทารกหญิงที่กำลังจะไปเกิดคนนั้นกันหน่อยเถอะ ข้าพเจ้าพูดว่า : “ อาหมีถัวฝอ ! เด็กน้อยอย่าร้องไห้เลย ไปเกิดแล้วจะต้องกตัญญูต่อพ่อแม่นะ จำไว้ ! แม่จะต้องอุ้มท้องนานถึง ๑๐เดือน ลำบากเป็นอย่างยิ่ง อย่าจองเวรกันอีกต่อไปเลย แก้แค้นกันไปแก้แค้นกันมา แล้วเมื่อไหร่จะจบสิ้น ในเมื่อพญายมมอบคทาสิทธิ์ให้ไปเกิดใหม่แล้ว ครั้งก่อนๆที่ถูกทำแท้งก็เลิกแล้วกันไปเถอะ” วิญญาณทารกหญิงโกรธแค้นขึ้นมาทันที แล้วตอบกลับมาว่า “ไม่ได้ ! จะปล่อยพวกเขาไปไม่ได้เด็ดขาด”
    *ข้าพเจ้าพูดว่า : “ อย่างนี้นะ! ถ้าหากไม่มีคทาสิทธิ์จากพญายมก็ไม่รู้ว่าจะต้องรอคอยต่อไปอีกยาวนานแค่ไหนถึงจะสามารถได้ไปเกิด เธอจะต้องสำนึกคุณของพญายมนะ” วิญญาณทารกหญิงฟังคำพูดของข้าพเจ้าก็เริ่มหยุดร้องไห้ คล้ายกับว่าเห็นด้วย ที่จะต้องสำนึกคุณของพญายม เขาตอบกลับมาว่า “ต้องสำนึกคุณของพญายม แต่จะไม่ยอมปล่อยพ่อแม่ไป”
    *“เอาล่ะเด็กน้อย ! อาอวี้ขอตัวก่อน อาหมีถัวฝอ ! หวังว่าต่อไปจะไม่เกิดเรื่องอะไรที่ทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจ ดูแลรักษาสุขภาพให้ดีนะ”
    *ขอบคุณค่ะผู้พิพากษา วันนี้อาอวี้ขอตัวก่อน ขึ้นดอกบัวขาวกลับ
     
  6. นิรยะ

    นิรยะ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ตุลาคม 2015
    โพสต์:
    43
    ค่าพลัง:
    +30
    กฎนรกไร้ความปรานี ตอนที่ ๒๒
    ผลกรรมตอบสนองของหมอที่ทำแท้งทั้งชาตินี้และชาติหน้า นรกแหลกเป็นชิ้นลงทัณฑ์นักโทษ ๑แสนปี

    *ขอวิงวอนให้พุทธานุภาพปกป้อง ! ขึ้นดอกบัวขาวออกเดินทาง !
    *อาหมีถัวฝอ ! อาอวี้คารวะผู้พิพากษา !
    *วันนี้อยากถามผู้พิพากษาว่า หมอที่ทำแท้งให้คนอื่น มีผลกรรมอย่างไร ?
    *ผู้พิพากษาบอกว่า : “ หมอที่ทำแท้งเมื่อสมัย ๗๐ปีก่อน เพียงแค่รับโทษในนรกร้องตะโกน ๑๐๐๐ปี นรกใบดาบ ๑๐๐๐ปี นรกประหารใจ ๑๐๐๐ปี นรกยิงตา ๑๐๐๐ปี และต้องรอจนกว่าวิญญาณเด็กทารกที่ถูกทำแท้งจะได้ไปเกิดยังโลกมนุษย์ หมอที่ทำแท้งจึงสามารถได้หลุดพ้นจากความทุกข์ทรมานในนรก แต่ก็ยังต้องดูอีกว่าจิตญาณของพวกเขาได้รับการฟื้นฟูขึ้นหรือไม่ แล้วจึงตัดสินว่าเมื่อไหร่ถึงจะได้กลับไปเกิดบนโลกมนุษย์ เมื่อกลับมาเกิดใหม่ก็จะเป็นคนที่อายุสั้น มีโรคภัยไข้เจ็บมารุมเร้า โดยทั่วไปจะเกิดอาการชาที่ไหล่ คอ มือ เท้า และส่วนอื่นๆของร่างกาย เป็นโรคประสาท ปวดหัว ปวดเอวปวดหลัง เป็นโรคลมชัก โรคจมูกอักเสบเรื้อรัง โรคเฉพาะในผู้หญิงทุกชนิด โรคมะเร็งเต้านม โรคมะเร็งมดลูก โรคปัสสาวะรดที่นอน และอื่นๆอีกมากมาย ไม่สามารถที่จะใช้เวลาสั้นๆพูดลักษณะของโรคออกมาได้อย่างชัดเจนทั้งหมด สรุปคือ หมอที่ทำแท้งในเวลานั้นทำให้วิญญาณเด็กทารกต้องรับความทุกข์ทรมานแบบไหน เมื่อได้กลับมาเกิดใหม่เป็นคนบนโลกมนุษย์ก็จะต้องได้รับความทุกข์ทรมานแบบนั้น ด้วยโรคชนิดต่างๆโดยที่ยาบนโลกมนุษย์ไม่สามารถรักษาให้หายได้ นอกจากจะสลายแรงกรรมเหล่านั้นโรคถึงจะหาย นี่คือผลกรรมของหมอที่ทำแท้งให้คนอื่นเมื่อ ๗๐ปีที่แล้ว
    *สำหรับผลกรรมของหมอที่ทำแท้งในยุคปัจจุบัน ตอนที่มีชีวิตอยู่จะต้องถูกลดอายุขัยและบุญวาสนาในทุกๆด้าน ไม่ว่าจะเป็นดวงชะตาของครอบครัว ดวงชะตาด้านอาชีพการงาน โชคลาภทางการเงิน ทั้งหมดจะถูกตัดทอนให้เหลือน้อยลง มีอาการปวดหัว ปวดเอวปวดหลัง ปวดมือปวดไหล่ เมื่อสิ้นอายุขัยก็จะต้องไปรับโทษในนรกแหลกเป็นชิ้นก่อน ๑แสนปี ต่อจากนั้นจึงจัดแบ่งไปรับโทษในนรกขุมต่างๆที่กล่าวไว้เมื่อครู่ข้างต้น อัตราการทำแท้งที่เพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆในแต่ละวันทำให้หมอที่ทำแท้งในปัจจุบันต้องพัวพันกับชีวิตของผู้อื่นเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเครื่องมือทำแท้งในสมัยนี้เป็นอันตรายต่อวิญญาณของทารก และยังทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนมากกว่าในสมัยก่อน ดังนั้นหมอที่ทำแท้งในยุคปัจจุบันจึงสร้างบาปกรรมที่หนักมาก
    *เป็นเพราะว่าพ่อแม่เหล่านั้นทำแท้ง จึงทำให้วิญญาณเด็กทารกเกิดความอาฆาตแค้นและก่อให้เกิดปัญหาวิญญาณตามราวี วิญญาณทารกที่ท่านเห็นอยู่เบื้องหน้าเหล่านี้ ในมือของพวกเขาถือคทาสิทธิ์สีเหลือง กำลังจะออกไปตามหาพ่อแม่เพื่อล้างแค้น ที่เรียกว่าวิญญาณตามราวี ถ้าเบาหน่อยวิญญาณก็จะเกาะติดตามร่างกายทำให้เกิดโรคเรื้อรังต้องกินยารักษาเป็นระยะเวลายาวนาน ถ้าหนักขึ้นก็เป็นอันตรายต่อชีวิตและอื่นๆ สำหรับระดับที่รุนแรงและกว้างขึ้นก็จะเป็นกรณีของการเกิดภัยพิบัติ และที่สำคัญยิ่งกว่านั้น เด็กทารกมากมายที่มาเกิด เดิมทีแล้วก็คือวิญญาณบรรพชนของพวกเขาเองที่กลับชาติมาเกิดใหม่
    *อาอวี้ ! ตอนนี้ท่านไปชมนรกแหลกเป็นชิ้นซักหน่อยเถอะ จะได้กลับไปเขียนหนังสือให้ละเอียดยิ่งขึ้นเพื่อเตือนชาวโลกให้ตื่นตัว
    *ดีค่ะ ! สำนึกคุณผู้พิพากษา เพียงชั่วพริบตาเดียวก็ถึงนรกแหลกเป็นชิ้นแล้ว ข้าพเจ้าสัมผัสได้ว่านรกแต่ละขุมจะมีจุดเด่นเฉพาะตัวที่แตกต่างกัน ยังไม่ทันได้เข้าประตูนรกขุมนี้ก็ได้ยินเสียงร้องดังสนั่นสั่นสะเทือนจนหูแทบแตก เสียงเจ็บปวดทรมาน เสียงร้องโอดครวญ นี่คือลักษณะของนรกที่ยั่งยืนไม่เปลี่ยนแปลง ความทุกข์ยากลำบากที่สุดก็คือความทุกข์ยากลำบากในนรก เพราะฉะนั้นอย่ามานรกเด็ดขาด
    *ตอนนี้ข้าพเจ้ามองเห็นวิญญาณหญิงจำนวนหนึ่งกำลังถูกยักษ์จำนวนมากไล่ต้อนไปที่รูเหล็กกลมสีแดงที่เล็กมาก ภายในรูเหล็กเต็มไปด้วยกลิ่นเหม็นคาว รูเหล็ก ๑รู สำหรับ ๑วิญญาณบาป วิญญาณหญิงพยายามจะฝืนดันตัวเองเข้าไปในรูแต่ก็ไม่สำเร็จ เพราะรูเหล็กนั้นเล็กเกินกว่าที่วิญญาณหญิงจะเข้าไปได้ วิญญาณหญิงหันหลังวิ่งกลับแต่ก็ไม่มีประโยชน์ ยักษ์ดุร้ายมาก ร้องคำรามเสียงดังสนั่น ใช้หอกง่ามปลายแหลมที่อยู่ในมือโกยวิญญาณหญิงไปยังรูเหล็กแล้วยัดเข้าไปในรู วิญญาณหญิงเลือดไหลไปทั่วทั้งตัว มือเท้าขาดออกจากกัน ในที่สุดทั้งตัวก็ถูกยัดเข้าไปในรูได้สำเร็จ จากนั้นยักษ์ก็ใช้พัด พัดไปที่รูเหล็ก ๑ที วิญญาณหญิงก็ฟื้นคืนสู่สภาพเดิมราวกับไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น แล้วยักษ์ก็หยิบมีดแหลมที่มีลักษณะเป็นตะขอ เกี่ยวเอาวิญญาณหญิงออกมาจากรูเหล็ก วิญญาณหญิงกรีดร้อง ว้าย ! ว้าย ! ด้วยความเจ็บปวด แต่รูเหล็กเล็กมากไม่สามารถเกี่ยวเอาวิญญาณหญิงออกมาได้ ยักษ์จึงใช้กรรไกรตัดวิญญาณหญิงแบ่งออกเป็นชิ้นๆ เลือดไหลนองเต็มพื้น เมื่อนำทุกส่วนของร่างกายออกมาจากรูเหล็กได้แล้ว ยักษ์ก็ใช้เครื่องดูดสุญญากาศดูดทุกส่วนของร่างกายทั้งหมดมารวมกัน แล้วฟื้นคืนชีพขึ้นมาใหม่อีกครั้ง รับการลงโทษที่ทุกข์ทรมานวนเวียนกลับไปกลับมาอยู่แบบนี้อย่างต่อเนื่องไม่หยุด เฮ่อ ! น่าเวทนาจริงๆ ไม่อยากมองต่อไปอีกแล้ว ทุกข์ทรมานจริงๆ
    *อาหมีถัวฝอ ! อย่าทำแท้งเด็ดขาด เพราะความทุกข์ทรมานในนรกยังทุกข์ยากลำบากยิ่งกว่าการให้กำเนิดลูกไม่รู้ตั้งกี่ร้อยกี่พันเท่า
    *ลำบากผู้พิพากษาแล้ว อาอวี้สวัสดีผู้พิพากษา ขึ้นดอกบัวขาวกลับ
     
  7. นิรยะ

    นิรยะ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ตุลาคม 2015
    โพสต์:
    43
    ค่าพลัง:
    +30
    กฎนรกไร้ความปรานี ตอนที่ ๒๓
    หนูน้อยอย่าร้องไห้เลย ผู้พิพากษาอธิบายวิธีแก้ไขผลกรรมทำแท้งอย่างละเอียด

    *สำนึกคุณพุทธานุภาพปกปักคุ้มครอง ขึ้นดอกบัวขาวออกเดินทาง
    *อาหมีถัวฝอ ! อาอวี้คุกเข่ากราบผู้พิพากษา !
    *วันนี้อยากถามผู้พิพากษาว่า : “ วิธีแก้กรรมจากการทำแท้งต้องทำอย่างไร และพวกท่านมองปัญหานี้อย่างไร ?”
    *ผู้พิพากษาพูดว่า : “ พ่อแม่ที่ทำแท้งไม่ว่าจะทำแท้งด้วยสาเหตุใดก็ตาม ถ้าหากทำแท้งได้สำเร็จ และเกิดกรรมปาณาติบาตขึ้นแล้ว บนสมุดเกิดตายในนรกก็จะจดบันทึกว่า วันไหน? เดือนไหน? ปีไหน? ได้ฆ่าเด็กทารกที่ยังไม่เกิด เมื่อสิ้นอายุขัยจะต้องไปรับการไต่สวนลงโทษในนรก ถ้าหากเป็นเพราะตัวของเด็กทารกเองมีบุญวาสนาไม่เพียงพอที่จะได้เกิดมาดูโลก พ่อแม่ประเภทนี้ก็ไม่ต้องรับการลงโทษในนรก แต่พวกเขาจะต้องสำนึกขอขมาแก้ไขความผิดบาปต่อแรงกรรมนี้ด้วยตัวเอง ที่ตัวเองมีบุญน้อยไม่สามารถประคองรักษาทารกในครรภ์ให้คลอดออกมาลืมตาดูโลกได้สำเร็จ สำนึกขอขมาความผิดบาปนี้อุทิศให้วิญญาณทารก หวังว่าวิญญาณทารกจะสามารถได้ไปเกิดในแดนสุคติภูมิในเร็ววัน ทุกสิ่งมีเหตุต้นผลกรรมเชื่อมโยงเกี่ยวข้องสัมพันธ์กัน แรงกรรมที่ส่งผลแน่นอนของกฎนรกไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ นั่นก็คือวิญญาณทารกกับพ่อแม่เคยผูกกรรมกันมาก่อน เคยผิดศีลการฆ่า ลักขโมย และประพฤติผิดในกาม ซึ่งแรงกรรมเหล่านั้นได้ตามมาส่งผล
    *การทำแท้งนั้น ต่อวิญญาณของทารกแล้วสามารถพูดได้ว่าเป็นความทุกข์ทรมาน สภาพของวิญญาณทารกจำนวนมากมายได้รับความทุกข์ทรมานมากแค่ไหน ต่อไปภายภาคหน้า คนที่เป็นพ่อแม่ก็จะต้องได้รับความทุกข์ทรมานแบบเดียวกัน นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอีก ๒ข้อที่จะเพิ่มระยะเวลาในการรับโทษให้ยาวนานขึ้นอีกเป็น ๒เท่า
    *ข้อที่ ๑ คือ ถ้าหากเวลามีช่วงระยะที่ยาวนานก็จะต้องบวกเพิ่มเป็น ๒เท่า
    *ช่วงระยะเวลาที่ยาวนานจะคิดคำนวณตั้งแต่ตอนที่ทำแท้ง พ่อแม่บางคนหลังจากที่ทำแท้งแล้วไม่เคยสำนึกขอขมาแก้ไขความผิดบาปเลย ทำเหมือนไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น ไม่เชื่อเรื่องกฎแห่งกรรมตอบสนอง ส่วนวิญญาณของทารกที่ถูกทำแท้งนั้น กลับโดดเดี่ยวเดียวดาย อยู่ในเมืองร้องไห้ตายอย่างไม่เป็นธรรม ร้องไห้อย่างทุกข์ทรมานด้วยความอาฆาตแค้น ช่วงเวลาที่วิญญาณทารกรับความทุกข์ทรมานนี้ ถ้าหากว่ายิ่งยาวนานมากเท่าไหร่ ความอาฆาตเคียดแค้นก็จะยิ่งเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น เป็นเพราะว่าพ่อแม่บางคนมีบุญวาสนามากจึงทำให้ผลกรรมไม่สามารถตอบสนองได้ในทันที จะต้องรอจนกว่าพวกเขาจะใช้บุญวาสนาของพวกเขาจนหมด ผลกรรมจึงจะตามมาตอบสนอง บางคนอาจจะต้องรอไปจนตลอดชั่วชีวิต กว่าที่ผลกรรมจะตามมาส่งผล ถึงแม้ว่าจะใช้เวลานานหน่อย แต่ทว่ากฎนรกรวมทั้งเหตุต้นผลกรรมมีความยั่งยืนตลอดกาล ไม่เปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัยของกาลเวลา ถึงแม้จะไปทำศัลยกรรมเปลี่ยนแปลงรูปร่างหน้าตาหลอกลวงคนอื่นๆให้เกิดความสับสนเข้าใจผิดได้ แต่ยังไงก็หนีเหตุต้นผลกรรมและกฎนรกไปไม่พ้น เหตุต้นผลกรรมไม่ใช่ว่าจะไม่ตอบสนอง เพียงแต่เวลายังมาไม่ถึง เหตุต้นผลกรรมเป็นกฎตายตัวที่ไม่คลาดเคลื่อนแม้แต่น้อย ผลกรรมเหล่านี้ทั้งหมดจะต้องตามมาส่งผลแก่พ่อแม่ที่ทำแท้งอย่างแน่นอน ดังนั้นพ่อแม่ทั้งหลายที่เคยผ่านการทำแท้งมาแล้วจะต้องรีบบังเกิดจิตที่มีความจริงใจมาสำนึกขอขมาแก้ไขความผิดบาป เผชิญหน้าแก้ไขปัญหานี้ มิฉะนั้นก็จะต้องประสบกับแรงกรรม วิญญาณทารกตามทวงหนี้ และยากที่จะหนีพ้นจากกฎนรกที่ไร้ความปรานี
    *ข้อที่ ๒ คือ ถ้าหากวิญญาณทารกนั้นมีความยึดติดที่รุนแรงมากก็จะต้องเพิ่มระยะเวลาในการลงโทษขึ้นเป็น ๒เท่า
    *หลังจากที่พ่อแม่ทำแท้งแล้ว คนที่เป็นแม่จะมีบาปหนักกว่าคนที่เป็นพ่อ เพราะว่าชีวิตของทารกอยู่ในกำมือของคนที่เป็นแม่ ในตอนท้ายที่สุดมีเพียงคนที่เป็นแม่เท่านั้นที่จะตัดสินใจว่าจะทำแท้งหรือไม่ บนโลกมนุษย์มีคุณแม่มากมายที่เกิดเปลี่ยนใจในวินาทีสุดท้าย ตัดสินใจไม่ทำแท้ง เท่ากับคุณแม่ประเภทนี้ได้สะสมบุญกุศลความดีความชอบในการช่วยชีวิตเอาไว้ สำหรับวิญญาณทารกที่มีความยึดติดที่รุนแรงนั้น ส่วนมากจะเป็นวิญญาณทารกที่มาเกิดเพื่อทวงหนี้ แต่กลับโชคร้ายโดนทำแท้ง กรรมที่ไม่ดีที่เคยผูกพันกันเอาไว้ก็จะยิ่งเพิ่มมากขึ้น ในเมื่อเดิมทีก็มาเกิดด้วยความอาฆาตแค้นอยู่แล้ว เมื่อเพิ่มความเคียดแค้นทรมานจากการถูกทำแท้งเข้าไปอีก ความอาฆาตแค้นก็มีแต่จะเพิ่มทวีขึ้น ระยะเวลาในการรับผลกรรมก็จะต้องเพิ่มขึ้นเป็น ๒เท่า
    *สำหรับวิธีแก้กรรมจากการทำแท้งนั้นมี ๒ข้อ ข้อแรกคือ อาศัยแรงจากภายใน ซึ่งก็คือการบังเกิดความคิดที่มีความจริงใจมาสำนึกขอขมาแก้ไขความ ผิดบาป อาศัยจิตที่มีความจริงใจนี้รวมทั้งพลังแห่งการสำนึกขอขมาแก้ไขความผิดบาปมาสลายความแค้น ส่วนข้อที่ ๒คือ อาศัยแรงจากภายนอก ซึ่งก็คือการสร้างความดี สะสมบุญกุศลอุทิศให้กับวิญญาณทารก ค่อยๆสลายความอาฆาตแค้นของวิญญาณทารก มีเพียงวิธีการ ๒ข้อนี้จึงจะสามารถแก้กรรมจากการทำแท้งได้
    *จะต้องใช้ระยะเวลายาวนานเท่าไหร่นั้น ขึ้นอยู่กับแต่ละคนแต่ละกรณี ไม่สามารถพิจารณาโดยใช้มาตรฐานเดียวกันได้ ถ้าหากทำแท้งยิ่งมากก็จะต้องใช้เวลาที่ค่อนข้างยาวนาน เพราะว่าแต่ละครั้งที่ทำแท้งนั้นล้วนเป็นการผูกกรรมสัมพันธ์ที่ไม่ดีกับวิญญาณทารกทำให้เกิดความอาฆาตแค้น สำหรับระดับความตื้นลึกของกรรมที่ผูกกันไว้จะมีความตื้นลึกแค่ไหน ก็ต้องดูว่าตัวของพ่อแม่กับวิญญาณของทารกนั้น ในอดีตชาติมีแรงกรรมผูกพันกันมาอย่างไร ถ้าหากว่าเป็นกรรมสัมพันธ์ที่ดี ก็จะดีหน่อย พวกเขามาเกิดเพื่อตอบแทนบุญคุณ เมื่อพวกเขาเกิดมา ความยากลำบากต่างๆก็จะลดน้อยลง แต่เป็นเพราะถูกทำแท้งทำให้วิญญาณทารกเกิดความทุกข์ทรมาน ดังนั้นจากเดิมทีที่เคยมีกรรมสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ก็เปลี่ยนเป็นกรรมสัมพันธ์ที่ไม่ดีไปซะแล้ว ถ้าหากวิญญาณของทารกมาเกิดด้วยแรงกรรมที่ไม่ดี เมื่อถูกทำแท้ง ความแค้นก็จะยิ่งคุโชนมากยิ่งขึ้น ยิ่งอาฆาตแค้นมากยิ่งขึ้น แต่ละครั้งที่ทำแท้ง วิญญาณทารกจะเกิดความทุกข์ทรมานมาก ส่วนจะทุกข์ทรมานขนาดไหนนั้น ขึ้นอยู่กับแต่ละคนแต่ละกรณีซึ่งมีความแตกต่างกัน โดยพื้นฐานแล้วความเจ็บปวดทรมานจะค่อยๆเพิ่มขึ้นตามขนาดของทารกในครรภ์ ทารกยิ่งโตความเจ็บปวดทรมานก็ยิ่งมาก จิตอาฆาตแค้นก็ยิ่งรุนแรง
    *การทำแท้งมีสาเหตุจากหลายด้าน ปัจจุบันมีวิญญาณของทารกจำนวนมากที่ถูกทำแท้งเพราะสาเหตุมาจากการประพฤติผิดในกาม นี่คือปัญหาที่ร้ายแรงในขณะนี้ คนที่มีส่วนพัวพันเกี่ยวข้องกับการทำแท้งไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ หมอทำแท้ง คนที่เสี้ยมสอนและยุยงส่งเสริม ทุกคนล้วนต้องรับผลกรรมในนรกทั้งหมด
    *ถ้าหากทำแท้งทารก ๑คน จะต้องดูว่าวิญญาณทารกนั้นมีจิตอาฆาตแค้นและจิตที่ยึดติดรุนแรงแค่ไหน แต่ไม่ว่าจะอาฆาตแค้นและยึดติดมากหรือน้อยกรรมสำพันธ์ที่ไม่ดีก็ได้ถูกผูกขึ้นมาแล้ว คนที่จะปลดกระดิ่งออกจากคอเสือได้ก็จะต้องเป็นคนที่ผูกกระดิ่งเท่านั้น ไม่ว่าการทำแท้งจะมีสาเหตุมาจากอะไรก็ตาม พ่อแม่ที่อยู่บนโลกมนุษย์จะต้องบังเกิดจิตที่สำนึกขอขมาแก้ไขความผิดบาปอย่างจริงๆจังๆ ทุกๆวันจะต้องใช้จิตใจที่มีความจริงใจมาขอร้องให้วิญญาณทารกให้อภัย อาศัยจิตใจที่มีความจริงใจนี้มาสลายความอาฆาตแค้นของวิญญาณทารก เพราะว่าวิญญาณทารกคือวิญญาณ พวกเขามีกระแสจิตสามารถรับรู้ถึงความคิดของพ่อแม่บนโลกมนุษย์ได้ ดังนั้นจะต้องมีความจริงใจ ถ้าหากการสำนึกขอขมาแก้ไขความผิดบาปเป็นเพียงรูปแบบที่ทำตามสูตรสำเร็จโดยให้ผู้อื่นไปทำแทน อย่างนี้ก็ไม่ใช่การสำนึกขอขมาความผิดบาปอย่างจริงใจ นั่นไม่มีประโยชน์ จะต้องใช้จิตที่มีความจริงใจ และจะต้องเป็นความจริงใจที่มากพอ รวมทั้งจะต้องมีความตั้งใจจริง สำนึกขอขมาแก้ไขความผิดบาปทุกๆวัน ตอนที่เพิ่งจะเริ่มต้นสำนึกขอขมาแก้ไขความผิดบาป ร่างกายอาจจะรู้สึกไม่ค่อยสบายอย่างมากๆ ที่พบเห็นได้บ่อยที่สุดคือ ปวดหัว ปวดทรวงอก ปวดมือปวดขา ปวดเอวปวดหลัง เกิดความตึงเครียดทางอารมณ์ และอื่นๆอีกนับไม่ถ้วน อาการของแต่ละคนจะแตกต่างกัน มีเพียงส่วนน้อยที่จะเกิดอาการเจ็บปวดในจุดที่พิเศษของร่างกายซึ่งขึ้นอยู่กับแรงกรรมของวิญญาณทารก
    *ที่กล่าวมาข้างต้น พ่อแม่โดยส่วนใหญ่จะมีอาการเจ็บปวดเกิดขึ้นเพียงจุดเดียว แต่พ่อแม่บางส่วนก็มีอาการเจ็บปวดทั้งหมดทุกจุดที่กล่าวมาแล้วข้างต้น พ่อแม่บางส่วนก็มีแรงกรรมจากการทำแท้งไม่หนักมาก เพราะว่าไม่ได้มีเจตนาที่จะทำแท้ง แต่เป็นเพราะลูกในครรภ์มีบุญวาสนาไม่พอที่จะได้เกิดออกมาลืมตาดูโลก จึงจำใจต้องทำแท้ง พ่อแม่ประเภทนี้จะมีปฏิสัมพันธ์กับวิญญาณทารกดีกว่าพ่อแม่ประเภทอื่นนิดหน่อย แต่ก็จะต้องสำนึกขอขมาแก้ไขความ ผิดบาป ทำความดีสะสมบุญกุศลอุทิศให้วิญญาณทารกสามารถไปสู่สุคติได้ในเร็ววัน เพราะว่าตั้งแต่วันที่วิญญาณทารกถูกทำแท้ง พวกเขาก็ไปพักอยู่ที่เมืองร้องไห้ตายอย่างไม่เป็นธรรมด้วยความโศกเศร้าเสียใจและเคืองแค้น เฝ้ารอคอยให้พญายมสอบสวนและอนุมัติคทาสิทธิ์สีเหลืองให้กับพวกเขา เมื่อได้รับคทาสิทธิ์ พวกเขาก็สามารถกลับมาล้างแค้นบนโลกมนุษย์ได้ เมื่อถึงตอนนั้นพ่อแม่บนโลกมนุษย์ก็จะถึงคราวดวงตก ดวงชะตาโชคลาภในทุกๆด้านไม่ว่าจะเป็น การงาน กิจการ สุขภาพ ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล และอื่นๆอีกมากมาย ทั้งหมดจะเกิดอุปสรรคต่างๆคอยขัดขวาง เพราะว่าบนโลกมนุษย์มีพ่อแม่จำนวนมากทำแท้งกันทุกวัน ทำให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บต่างๆขึ้นมากมาย เช่น เป็นไมเกรนครั้งแล้วครั้งเล่ารักษาไม่หาย เป็นโรคเฉพาะในผู้หญิงชนิดต่างๆที่รักษาไม่ได้ โรคทางเพศสัมพันธ์ โรคประสาท เป็นต้น เหล่านี้ล้วนมีจุดเริ่มต้นมาจากการทำแท้ง โรคเหล่านี้จะต้องอาศัยพลังของการสำนึกขอขมาแก้ไขความผิดบาปอย่างจริงใจ ทำความดีสะสมบุญกุศลอุทิศให้กับวิญญาณทารกจึงจะสามารถรักษาได้ มิฉะนั้นก็จะเป็นการสิ้นเปลืองเงินทองและเสียเวลาไปกับยาของหมอบนโลกมนุษย์เปล่าๆ บางทีชาตินี้ทั้งชาติก็อาจจะรักษาไม่หาย จะต้องยืดเวลาออกไปถึงชาติหน้าและชาติต่อๆไปตราบใดที่แรงกรรมยังไม่หมดสิ้น ดังนั้นจะต้องเกิดจิตที่สำนึกขอขมาแก้ไขความผิดบาปแล้วไปดำเนินปฏิบัติออกมา การบังเกิดความคิดเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะหนึ่งความคิดสามารถทะลุผ่านมิติกาลเวลา หนึ่งความคิดสามารถทำเรื่องที่ดีหรือไม่ดีให้สำเร็จลงได้
    *จำไว้ว่าคนที่ทำแท้งจะต้องสำนึกขอขมาแก้ไขความผิดบาปด้วยตัวเอง ไม่ใช่จ่ายเงินจ้างคนอื่น ให้คนอื่นช่วยเป็นธุระให้ ตัวเองจะต้องตั้งใจสวดท่องพระสูตรอุทิศให้วิญญาณทารกด้วยตัวเอง สำนึกขอขมาแก้ไขความผิดบาปด้วยตัวเอง บนโลกมนุษย์มีสถานที่เซ่นไหว้ดวงวิญญาณเด็กทารกมากมาย ความจริงแล้วสถานที่เหล่านั้นส่วนใหญ่จะไร้ประโยชน์ สิ้นเปลืองเงินทองโดยสูญเปล่า
    *พ่อแม่ที่ทำแท้ง ด้านหนึ่ง ทุกๆวันจะต้องใช้ความจริงใจสำนึกขอขมาแก้ไขความผิดบาปต่อวิญญาณเด็กทารก วอนขอให้วิญญาณทารกให้อภัย ส่วนอีกด้านหนึ่งก็จะต้องสวดท่อง《กษิติครรภ์โพธิสัตว์มูลปณิธานสูตร》ด้วยตัวเอง หรืออาจจะเป็นพระสูตรคัมภีร์อื่นๆของศาสนาพุทธเพื่ออุทิศบุญกุศลให้กับวิญญาณทารก ถ้าหากพอจะมีกำลังทรัพย์ก็ควรจะทำบุญปล่อยชีวิตสัตว์ให้มากๆเพื่อเป็นการอุทิศบุญกุศลให้แก่วิญญาณเด็กทารกด้วยอีกทางหนึ่ง
    *การทำแท้งคือการฆ่าชีวิต ทำให้เกิดบาปเวรมากมาย นำมาซึ่งความเจ็บ ปวดทรมาน แม่ที่ทำแท้งทุกคนภายในใจจะมีความรู้สึกผิดเกิดขึ้น ความรู้สึกผิดนี้เกิดขึ้นจากแรงกรรมของการทำแท้ง ต้องอาศัยพลังของการสำนึกขอขมาแก้ไขความผิดบาป ขอให้วิญญาณทารกให้อภัยจึงจะสามารถขจัดความรู้สึกนี้ออกไปได้ แม่บางคนอาจจะบอกว่าไม่มีความรู้สึกนี้ ความจริงไม่ใช่ไม่มี เพียงแต่นิสัยที่ไม่ดีของพวกเขา ความกลัดกลุ้มที่มากเกินไป ทั้งยังมีกรรมกีดขวางที่หนักมาปิดกั้นความรู้สึก ปล่อยชีวิตสัตว์ก็คือการช่วยชีวิต นำมาซึ่งความโชคดีมีสิริมงคล เวลาที่ปล่อยชีวิตสัตว์ สัตว์ที่ถูกปล่อยก็จะดีใจ มีความสบายใจและรู้สึกสำนึกบุญคุณ ทั้งยังเป็นการผูกกรรมสัมพันธ์ที่ดี ควรจะปล่อยชีวิตสัตว์เพื่ออุทิศบุญกุศลให้วิญญาณเด็กทารกได้หลุดพ้นจากความทุกข์ ได้รับความสุขในเร็ววัน ได้ไปเกิดในแดนวิสุทธิภูมิ
    *นรกให้ความสำคัญกับวิธีการแก้กรรมจากการทำแท้ง โลกมนุษย์ตอนนี้เป็นยุคที่ผู้คนจิตใจว้าวุ่นลุ่มหลงในกามตัณหา การประพฤติผิดในกามนำมาซึ่งการทำแท้งจนกลายเป็นกิจวัตรประจำวันของวัยรุ่น ก็เพราะว่าโลกมนุษย์เต็มไปด้วยบรรยากาศอัปมงคลจากการประพฤติผิดในกาม และความอาฆาตแค้นจากการทำแท้ง จึงส่งผลกระทบต่อความสมดุลของธรรมชาติทำให้เกิดภัยธรรมชาติและภัยจากน้ำมือของมนุษย์ขึ้น
    *พญายมราชของเรามีบัญชา สำหรับเวไนยที่มีความจริงใจสำนึกขอขมาแก้ไขความผิดบาปเพื่อแก้ไขปัญหาเรื่องการทำแท้งจะต้องตั้งปณิธานว่านับจากนี้เป็นต้นไปตัวเองจะตัดขาดจากพฤติกรรมของการทำแท้งตลอดไปและต้องนำข้อมูลข่าวสารนี้ไปบอกต่อให้ผู้อื่นได้รับรู้ ห้ามปรามและตักเตือนคนที่ทำแท้งคนอื่นๆ ทำความดีชดใช้ความผิด บนสมุดบันทึกบัญชีบุญบาปของแต่ละคนก็จะได้รับการจดบันทึกเป็น ๑มหากุศล สามารถได้รับการพิจารณาลดโทษหรืออาจจะได้รับการยกเว้นโทษในนรกทำแท้ง โดยข้อสรุปที่แน่นอนในตอนสุดท้ายจะต้องพิจารณาจากการปฏิบัติของแต่ละคนแต่ละกรณี”
    *“เอาล่ะ! อาอวี้ วันนี้ก็พอเท่านี้ก่อน กลับไปรีบเขียนหนังสือเถอะ”
    *อาหมีถัวฝอ ! อาอวี้คุกเข่ากราบสำนึกคุณผู้พิพากษา
    *ขึ้นดอกบัวขาวกลับ
     
  8. นิรยะ

    นิรยะ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ตุลาคม 2015
    โพสต์:
    43
    ค่าพลัง:
    +30
    กฎนรกไร้ความปรานี ตอนที่ ๒๔
    ลูกจ๋า แม่รักลูก คำพูดที่จริงใจแฝงด้วยความหมายอันลึกซึ้งของผู้พิพากษาชี้แนะคุณแม่ทั่วหล้า

    *สำนึกคุณพุทธานุภาพปกปักคุ้มครอง ขึ้นดอกบัวขาวออกเดินทาง
    *อาหมีถัวฝอ ! อาอวี้สวัสดีผู้พิพากษาค่ะ!
    *ผู้พิพากษาพูดว่า : “อาอวี้ ! ดูเหมือนท่านไม่ได้มาที่พักหนึ่งแล้วนะ”
    *“ใช่ค่ะผู้พิพากษา อาอวี้รู้สึกละอายใจเหลือเกิน ช่วงระยะใกล้ๆนี้มัวยุ่งอยู่กับธุระทางโลก จะต้องศึกษาเลียนแบบผู้พิพากษา ทุกเช้าค่ำคอยบริการรับใช้เวไนย ต่อไปจะมาให้บ่อยๆ”
    *วันนี้อาอวี้มีหลายคำถามอยากถามผู้พิพากษาเกี่ยวกับวิญญาณเด็กทารกที่ถูกทำแท้ง ขอเรียนถามผู้พิพากษาว่า
    *ข้อ ๑ ถ้าหากคุณแม่ที่ทำแท้ง อยู่บนโลกมนุษย์สวดท่องพระสูตรรวมทั้งปล่อยชีวิตสัตว์ บุญกุศลเหล่านี้วิญญาณเด็กทารกที่อยู่ในเมืองร้องไห้ตายอย่างไม่เป็นธรรมจะได้รับหรือไม่ ?
    *ข้อ ๒ สวดท่องพระสูตรคัมภีร์ใดดีที่สุด ? แล้วจะต้องสวดนานเท่าไหร่จึงจะมีผล ?
    *ข้อ ๓ เมื่อวิญญาณทารกได้รับบุญกุศลแล้ว พวกเขาจะไปที่ไหน ?
    *ข้อ ๔ ใช่หรือไม่ว่าต้องทำป้ายวิญญาณของเด็กทารกวางตั้งไว้ในบ้านของตัวเองหรือวางตั้งไว้ที่ตำหนักพระให้ได้รับควันธูป ได้ฟังเสียงสวดมนตร์ ? ทำอย่างนี้มีประโยชน์หรือไม่ ?
    *ข้อ ๕ วิญญาณเด็กทารกในเมืองร้องไห้ตายอย่างไม่เป็นธรรมจะเติบโตขึ้นอีกหรือป่าว ? พวกเขาอาศัยสิ่งใดในการประคองชีวิต ?
    *ผู้พิพากษาตอบกลับมาว่า : ข้อที่ ๑ ได้รับ เมื่อพ่อแม่หรือญาติพี่น้องที่อยู่บนโลกมนุษย์ทำความดีสร้างบุญกุศลแล้วอุทิศให้ พวกเราจะนำบุญกุศลนั้นมาแบ่งให้กับวิญญาณเด็กทารก อย่างเช่น การปล่อยชีวิตสัตว์ สวดท่องพระสูตรคัมภีร์ ถวายพุทธบูชา ให้ทาน ซ่อมสะพาน ทำถนน และอื่นๆ ถ้าหากมีบุญกุศลมาก ส่วนแบ่งที่วิญญาณเด็กทารกได้รับก็จะมากหน่อย ถ้าหากมีบุญกุศลน้อย ส่วนแบ่งที่วิญญาณเด็กทารกได้รับก็จะน้อยลง
    *การกุศลแต่ละเรื่องจะได้บุญกุศลมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับจุดประสงค์ของผู้ที่สร้างบุญกุศล ถ้าหากผู้ที่สร้างบุญกุศลมีจุดประสงค์เพื่อช่วยเหลือให้ผู้อื่นพ้นจากความทุกข์ได้รับความสุข ต้องการปลดเปลื้องความทุกข์ยากให้กับผู้อื่นโดยที่ไม่ได้คิดหวังให้ผู้อื่นมาตอบแทนบุญคุณเลยแม้แต่น้อย และตัวเองก็ไม่ได้มีจิตที่ยึดติดกลัดกลุ้มเป็นกังวลอยู่ในบุญกุศลนั้น ไม่ได้หวังวอนให้ตัวเองได้รับบุญกุศล เช่นนี้แล้ว บุญกุศลที่ได้รับนั้น กลับยิ่งมากมายมหาศาลอย่างไร้ขอบเขตจำกัด หากใช้บุญกุศลที่มากมายมหาศาลนี้อุทิศให้กับวิญญาณเด็กทารกในเมืองร้องไห้ตายอย่างไม่เป็นธรรม ทารกนั้นจะต้องเป็นทารกที่เพิ่งตายได้ไม่เกิน ๔๙วันจึงจะสามารถได้ไปเกิดใหม่ในสุคติภูมิ
    *พูดถึงการแบ่งบุญกุศล ถ้าหากแบ่งบุญกุศลออกเป็น ๗ส่วน ผู้สร้างบุญกุศลจะได้รับไป ๖ส่วน วิญญาณเด็กทารกจะได้รับ ๑ส่วน
    *ข้อ ๒ สำหรับการสวดท่องพระสูตรควรจะสวด《กษิติครรภ์โพธิสัตว์มูลปณิธานสูตร》เพื่อฉุดช่วยดวงวิญญาณของผู้ตายจึงจะเหมาะสมที่สุด
    *พระกษิติครรภ์โพธิสัตว์เปี่ยมด้วยมหาเมตตา มหากรุณา ตั้งมหาปณิธานว่า “ หากนรกไม่ว่างเว้นจากหมู่สัตว์ที่ทุกข์ทรมานจะไม่ขอสำเร็จเป็นพระพุทธะ” พระกษิติครรภ์โพธิสัตว์มีบุญสัมพันธ์กับเวไนยในนรกมากที่สุด อย่างน้อยที่สุดต้องสวด ๔๙จบ นี่เป็นสิ่งที่ได้รับการบันทึกไว้ในแดนนรกภูมิของพวกเราว่าเป็นวิธีที่เร็วที่สุดที่จะทำให้วิญญาณได้ไปเกิดใหม่ ดังนั้นให้สวด《กษิติครรภ์โพธิสัตว์มูลปณิธานสูตร》อย่างน้อย ๔๙จบ ( ๑จบมี ๑๓ปริเฉท ) ยิ่งไปกว่านั้นหากคุณแม่ที่ทำแท้งสามารถบังเกิดมหาปณิธาน ทำความดีสร้างบุญกุศลอย่างต่อเนื่อง วิญญาณทารกก็จะได้ไปเกิดใหม่ แล้วคุณแม่ก็จะกลายเป็นผู้บำเพ็ญปฏิบัติธรรมอันวิสุทธิ์สงบที่ยังประโยชน์ให้กับตนเองและผู้อื่นอย่างแท้จริง โดยคิดคำนวณนับตั้งแต่วันแรกที่ทำแท้งไปจนกระทั่งถึงวันที่ ๔๙ เมื่อครบ ๔๙วันวิญญาณทารกก็จะได้ไปเกิดใหม่ แต่ทว่าคุณแม่ที่ทำแท้งประเภทนี้มีน้อยนัก สามารถพูดได้เลยว่าในหนึ่งหมื่นคนไม่มีเลยแม้แต่คนเดียว วิญญาณเด็กทารกเกือบจะทั้งหมดที่มาถึงนรกในขณะนี้เป็นวิญญาณที่พ่อแม่ต่างก็ไม่ยอมรับ พ่อแม่ที่ทำแท้งบนโลกมนุษย์มีน้อยเหลือเกินที่จะสามารถบังเกิดจิตสำนึกขอขมาแก้ไขความผิดบาปอย่างแท้จริงต่อสิ่งที่ได้ทำลงไป คนทั่วๆไปต่างก็คิดว่าเรื่องอะไรก็แล้วแต่ที่ตาเนื้อมองไม่เห็นก็คือไม่มี ที่จริงแล้วความคิดนี้เป็นความคิดที่ผิด วิญญาณทารกทั้งหลายที่อยู่ในเมืองร้องไห้ตายอย่างไม่เป็นธรรม ทุกๆวันผ่านไปอย่างทุกข์ทรมาน พ่อแม่ของพวกเขาอยู่บนโลกมนุษย์กลับไม่เคยบังเกิดจิตที่จะไปสลายความแค้นเลย ความอาฆาตแค้นที่ผูกไว้ก็มีแต่จะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆตามวันเวลาที่ผ่านไปอย่างรวดเร็ว เมื่อใดที่บุญวาสนาของพ่อแม่หมดลง เมื่อนั้นเหตุปัจจัยต่างๆก็ถึงพร้อม วิญญาณทารกจะต้องตามมาคิดบัญชีอย่างแน่นอน กฎนรกก็เช่นกัน ยากนักที่จะหลีกหนีกฎของนรกได้ ถึงตอนนั้นความหวานชื่นปีติสุขก็จะหมดไป มีแต่ความทุกข์ยากขื่นขมเข้ามาแทนที่ ทุกข์อย่างไรนั้นยากจะอธิบายให้หมดได้ด้วยคำพูดสั้นๆเพียงไม่กี่คำ อาจจะเป็นโรคเจ็บป่วยมากมายตั้งแต่หัวจรดเท้า หรือแม้แต่บ้านแตกสาแหรกขาด มีคนตาย และอื่นๆ
    *วิญญาณเด็กทารกแต่ละคนต้องการบุญกุศลไม่เท่ากัน เพราะบุญคุณความแค้นของแต่ละคนไม่เหมือนกัน บุญคุณความแค้นมีแบ่งแยก ถ้าหากทารกมาเพื่อตอบแทนบุญคุณแต่ถูกทำแท้ง ก็จะทำให้เกิดเป็นความอาฆาตแค้นครั้งใหม่ ทำให้บุญคุณความแค้นพัวพันกันยุ่งเหยิง แม้แต่คนปกติทั่วไปก็อาจจะสร้างบุญคุณความแค้นใหม่ๆออกมาเรื่อยๆตามกาลเวลาเช่นกัน ถ้าหากทารกมาเพื่อล้างแค้นก็จะยิ่งเพิ่มความอาฆาตแค้นมากยิ่งขึ้น ทุกข์จนพูดไม่ออก
    *ข้อ ๓ เมื่อวิญญาณทารกได้รับบุญกุศลมากพอ ก็จะยกระดับขึ้นตามแรงบุญของตัวเอง สามารถหลุดพ้นจากเมืองร้องไห้ตายอย่างไม่เป็นธรรม สำหรับการไปเกิดใหม่ของวิญญาณทารกสามารถแบ่งตามสภาพการเกิดใหม่อย่างคร่าวๆได้ ๓ประเภท ประเภทที่ ๑มีบุญกุศลเพียบพร้อมสมบูรณ์สามารถอาศัยบุญกุศลนี้ไปเกิดยังแดนสุขาวดีของพระอมิตาภะพุทธเจ้า แต่วิญญาณทารกที่ได้ไปเกิดยังแดนสุขาวดีของพระอมิตาภะพุทธเจ้า ประเภทนี้มีน้อยมาก ประเภทที่ ๒ได้ไปเกิดเป็นเทวดาบนสวรรค์ ประเภทที่ ๓ได้ไปเกิดเป็นมนุษย์ ไม่ว่าจะได้ไปเกิดยังแดนสุขาวดีของพระอมิตาภะพุทธเจ้า สวรรค์ หรือโลกมนุษย์ ก็ยังต้องแบ่งระดับเป็นระดับบนระดับล่างตามแต่กำลังของบุญกุศลที่วิญญาณทารกมี แดนสุขาวดีของพระอมิตาภะพุทธเจ้าแบ่งการเกิดเป็นบัว ๓ระดับ คือ ระดับล่าง ระดับกลาง ระดับบน แต่ละระดับยังแบ่งอีกเป็น ๓ระดับ คือ ล่าง กลาง บน รวมทั้งหมดเป็น ๓ชั้น ๙ระดับ สวรรค์ก็แบ่งเป็นชั้นกามภพ รูปภพ อรูปภพ โลกมนุษย์ก็แบ่งเป็นคนร่ำรวย คนฐานะปานกลาง คนยากจน หลังจากที่วิญญาณเด็กทารกได้รับบุญกุศลแล้ว จะได้ไปเกิดที่ไหนนั้น ก็ต้องดูว่าบุญกุศลของพ่อแม่บนโลกมนุษย์มีมากน้อยแค่ไหน เพียงพอจะแบ่งให้วิญญาณทารกได้ไปเกิดหรือไม่ วิญญาณเด็กทารกได้ไปเกิดไว หายนะภัยพิบัติของพ่อแม่ที่ทำแท้งก็สามารถได้รับการแก้ไขในเร็ววัน ขอเพียงพ่อแม่ที่เคยทำแท้งรีบบังเกิดจิตสำนึกขอขมาแก้ไขความผิดบาปจากการทำแท้ง ทำความดีสะสมบุญกุศลให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อฉุดช่วยเลือดเนื้อเชื้อไขที่น่าเวทนาสงสารของตัวเองในเมืองร้องไห้ตายอย่างไม่เป็นธรรม
    *ข้อ ๔ พูดถึงการตั้งป้ายวิญญาณของเด็กทารก พ่อแม่บนโลกมนุษย์อย่าได้ตั้งป้ายวิญญาณไว้ในบ้านของตัวเอง เพราะทำอย่างนี้มีแต่จะเหนี่ยวรั้งการไปเกิดใหม่ของวิญญาณ ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นการแส่หาเรื่องให้กับตัวเอง เพราะอาจจะมีภูต ผี วิญญาณอื่นมาอาศัยอยู่ในป้ายวิญญาณนั้น สำหรับการตั้งป้ายวิญญาณไว้ในตำหนักพระให้ได้รับควันธูป ได้ฟังเสียงสวดมนตร์ การทำอย่างนี้ย่อมมีผลดีอย่างแน่นอน แต่ตำหนักพระนั้นจำเป็นจะต้องมีความวิสุทธิ์สะอาด และดำเนินตามหลักสัจธรรมจริง เป็นสัมมาธรรมที่ไม่ผิดเพี้ยน จึงจะสามารถส่งผลดีต่อการไปเกิดใหม่ของวิญญาณเด็กทารก ซึ่งในขณะนี้บนโลกมนุษย์มีตำหนักพระเกิดขึ้นมากมาย เรียกตัวเองว่าตำหนักพระชื่อนั้นชื่อนี้ มีเทพชั้นสูงที่มีสติปัญญาญาณสูงส่ง มาเพื่อฉุดช่วยดวงวิญญาณเด็กทารกและอื่นๆโดยเฉพาะ แต่เมื่อพิจารณาดูจากการกระทำของพวกเขาแล้ว แท้ที่จริงคือการต้มตุ๋นหลอกลวงเงินทอง คนที่หลงเชื่อก็จะสิ้นเปลืองเงินทองและสูญเสียเวลารวมทั้งแรงกายแรงใจ ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นการแส่หาเรื่องให้ภูตผีปีศาจมาเกาะหรือมาสิงร่างของตน ความอาฆาตแค้นของวิญญาณทารกที่ถูกทำแท้ง พ่อแม่ที่อยู่บนโลกมนุษย์จะต้องเป็นผู้แก้ไขเอง คนที่ปลดกระดิ่งออกจากคอเสือได้ก็คือคนที่ผูกกระดิ่งบนคอเสือเท่านั้น จ่ายเงินทองจ้างคนอื่นให้มาช่วยสำนึกขอขมาแก้ไขความผิดบาปต่อวิญญาณทารกแทนตัวเอง มิสู้ตัวเองใช้ความจริงใจของตัวเองมาสำนึกขอขมาแก้ไขความผิดบาปด้วยตัวเองยังจะเห็นผลที่ดีกว่าและเร็วกว่า
    *ข้อ ๕ เมื่อทารกถูกทำแท้งตาย กลายเป็นวิญญาณมาอยู่ที่เมืองร้องไห้ตายอย่างไม่เป็นธรรม โดยส่วนใหญ่จะปรากฏรูปลักษณ์ของเด็กทารกอายุ ๖เดือน และจะคงอยู่สภาพเช่นนี้ไปจนกว่าจะได้ไปเกิดใหม่หรือได้ไปสู่สุคติภูมิ
    *วิญญาณทารกในเมืองร้องไห้ตายอย่างไม่เป็นธรรมอาศัยอาหารหยาบที่มีรูปลักษณ์ ถ้าหากพ่อแม่บนโลกมนุษย์มีการนำอาหารมาเซ่นไหว้วิญญาณทารก วิญญาณทารกจะสูดกินส่วนละเอียดที่เป็นโอชารสของอาหาร แต่ช่างเป็นเรื่องที่น่าเศร้า เพราะความจริงแล้ววิญญาณเด็กทารกเหล่านี้คือผู้ที่ถูกทอดทิ้ง ไม่มีคนเซ่นไหว้ มีเพียงความเจ็บปวดทรมานเท่านั้นที่คอยอยู่เคียงข้างเป็นเพื่อนของพวกเขา ด้วยเหตุนี้วันแล้ววันเล่าพวกเขาจึงได้แต่ร้องไห้อย่างทุกข์ทรมาน จิตที่อาฆาตแค้นของวิญญาณทารกจะทำให้บุญวาสนาของพ่อแม่ค่อยๆสูญสิ้นหมดไปเรื่อยๆอย่างต่อเนื่องโดยไม่รู้ตัว จนกระทั่งอายุขัยของพ่อแม่หมดลง แต่บุญคุณความแค้นความทุกข์ทรมานต่างๆที่ผูกมัดกันไว้ก็ยังไม่จบสิ้น ยังจะต้องกลับมาพบเจอกันอีก ดังนั้นขอเตือนชาวโลกทุกคนว่าอย่าทำแท้งเด็ดขาด ใครที่เคยทำแท้งจะต้องทำความดีสะสมบุญกุศล สร้างคุณงามความดีให้แผ่ขยายออกไปอย่างกว้างขวาง นำบุญกุศลมาชดใช้ความผิดบาป ถ้าหากนำข่าวสารของกฎนรกนี้บอกต่อๆกันไปให้คนอื่นๆได้รับรู้ ทำให้คนบาปเกิดความสำนึกผิดอย่างจริงใจ ผู้ที่เผยแพร่ข้อมูลเหล่านี้ก็สามารถได้รับการพิจารณาลดโทษในนรกให้เบาลงได้
    *อาอวี้สำนึกคุณผู้พิพากษา ขึ้นดอกบัวขาวกลับ
     
  9. นิรยะ

    นิรยะ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ตุลาคม 2015
    โพสต์:
    43
    ค่าพลัง:
    +30
    กฎนรกไร้ความปรานี ตอนที่ ๒๕
    《กฎนรก》ผู้หญิงที่บริสุทธิ์ไร้มลทินกับผู้หญิงที่มีเพศสัมพันธ์ก่อนแต่งงาน

    *อาหมีถัวฝอ ! อาอวี้คารวะผู้พิพากษา วันนี้อาอวี้อยากถามผู้พิพากษาว่านรกปฏิบัติอย่างไรต่อผู้หญิงที่บริสุทธิ์ไร้มลทินกับผู้หญิงที่มีเพศสัมพันธ์ก่อนแต่งงาน ?
    *ผู้พิพากษาพูดว่า : “ ผู้หญิงควรจะให้ความสำคัญกับคุณธรรมสตรี6 คุณธรรมนี้บอกให้รักษาความบริสุทธิ์ไร้มลทิน หากคุณแม่บ้านต้องเผชิญกับความสูญเสีย สามีตายจากไปหรือมีการหย่าร้าง จะต้องครองตัวเป็นหญิงหม้าย ซื่อสัตย์ต่อสามีไปจนวันตาย รักษาความบริสุทธิ์ไร้มลทินจนกว่าชีวิตจะหาไม่ ในสมุดบัญชีบุญบาปก็จะได้รับการจดบันทึกไว้เป็นบุญกุศลของการรักษาความบริสุทธิ์ไร้มลทิน หากตอนที่มีชีวิตอยู่ไม่ได้ทำความผิดบาปอะไรที่หนักหนาสาหัสมาก เมื่อสิ้นอายุขัยก็จะได้ขึ้นสวรรค์หรือถ้าได้เกิดใหม่ก็สามารถได้กายสังขารเป็นผู้ชายและยังมีผลบุญตอบสนองอื่นๆ ถ้าหากไม่รักษาความบริสุทธิ์ไร้มลทินก็จะต้องถูกลดบุญวาสนาและอายุขัย อีกทั้งยังเป็นแบบอย่างที่ไม่ดีให้กับคนรุ่นหลังได้เลียนแบบทำตาม แต่ทว่าผู้หญิงในสมัยนี้ก็ไม่ได้ให้ความสำคัญกับการรักษาความบริสุทธิ์ไร้มลทินอีกต่อไปแล้ว
    *สังคมในยุคปัจจุบันขาดการอบรมสั่งสอนเรื่องเหตุต้นผลกรรมอย่างเข้มงวด ต่างจากในสมัยก่อนที่มีการอบรมสั่งสอนทางด้านศีลธรรม จรรยา สมัยก่อนผู้หญิงจะต้องปฏิบัติตามคุณธรรมของสตรี จะต้องให้ความสำคัญกับคุณธรรมความประพฤติ คำพูด หน้าที่อันพึงปฏิบัติ และกิริยามารยาท แม้แต่การเดิน รูปโฉม จังหวะและน้ำเสียงในการพูดจาก็ล้วนแต่เป็นสิ่งที่ผู้หญิงจะต้องเรียนรู้ แต่ผู้หญิงในสมัยปัจจุบันไม่เหมือนกับผู้หญิงในสมัยก่อนที่ไม่กล้าก้าวเท้าออกจากบ้าน ปัจจุบันผู้หญิงส่วนใหญ่ก้าวออกมาสู่สังคมภายนอกเพื่อทำงานหาเงิน พวกเขาต่างก็มีประวัติการศึกษาที่สูง ทั้งยังมีความสามารถในการทำงานที่มีประสิทธิภาพดี ผู้หญิงบางคนมีความสามารถในการทำงานที่เก่งกาจกว่าผู้ชายในหลายๆด้าน ซึ่งต่างจากผู้หญิงในสมัยก่อน ถึงแม้ผู้หญิงในสมัยก่อนจะไร้ความสามารถแต่ก็มีคุณธรรม เป็นเพราะผู้หญิงในปัจจุบันขาดการอบรมสั่งสอนทางด้านคุณธรรมความคิดภายในจิตใจ และความเจริญก้าวหน้าทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในสมัยนี้ ทั้งโทรทัศน์ ทั้งสื่อออนไลน์ทางอินเตอร์เน็ต ล้วนส่งผลกระทบต่อความคิดและจิตใจ ทำให้ความคิดและจิตใจถูกแปดเปื้อน มองข้ามความสำคัญของการรักษาความบริสุทธิ์ไร้มลทินที่ผู้หญิงควรมี
    *เกิดเป็นผู้หญิงจะต้องรู้จักควบคุมตัวเอง เมื่อตัวเองมีอารมณ์ทางด้านโลกีย์วิสัยเกิดขึ้น จะต้องระมัดระวังหมั่นย้อนสำรวจตรวจตราตนเองเป็นพิเศษ อย่าไปทำพฤติกรรมอะไรที่ออกนอกลู่นอกทาง มิฉะนั้นก็จะสูญเสียความบริสุทธิ์ทำให้มีมลทิน การประพฤติผิดในกามคือการปลูกเหตุให้ต้องรับผลของความทุกข์ทรมานในนรกอย่างยาวนานแบบไม่มีขอบเขตจำกัด หวังว่าผู้หญิงทุกคนทั่วหล้านี้จะสามารถรักษาความบริสุทธิ์ไร้มลทิน
    *สำหรับผู้หญิงที่มีเพศสัมพันธ์ก่อนแต่งงานนั้นเป็นการทำลายความสว่างไสวของจิตญาณอย่างร้ายแรง แต่ละคนที่เกิดมาเมื่ออยู่ในช่วงวัยพรหมจรรย์จิตญาณของแต่ละคนจะมีความสว่างไสว เพียงแต่ระดับของความสว่างไสวของแต่ละคนมีไม่เท่ากัน เมื่อถูกแปดเปื้อนไปตามกระแสของโลกโลกีย์ความสว่างไสวก็จะค่อยๆลดลงจนกลายเป็นความมัวหมองไปในที่สุด เมื่อจิตญาณมัวหมองลง ภัยพิบัติก็จะเริ่มมาเยือน จะต้องอาศัยการบำเพ็ญปฏิบัติธรรมเพื่อทำให้จิตญาณที่มัวหมองสามารถฟื้นฟูกลับมาสว่างไสวใหม่อีกครั้ง
    *อันที่จริงแล้วการแต่งงานก็คือการให้มนุษยชาติสามารถมีโอกาสได้ให้กำเนิดทายาทเพื่อสืบสกุล การร่วมเพศของสามีภรรยาก็คือการปฏิบัติตามความสัมพันธ์ของสามีภรรยาเพื่อให้กำเนิดทายาท การร่วมเพศต้องทำอย่างเหมาะสม อย่าให้มากเกินไป มิฉะนั้นจะถูกลดบุญวาสนาและอายุขัย พูดถึงกฎนรก ทุกคนจะต้องมีความเคร่งครัดปฏิบัติตามเงื่อนไข ห้ามมีเพศสัมพันธ์ก่อนแต่งงาน ต้องปกป้องคุณธรรมและความประพฤติของตัวเอง จนถึงวันที่แต่งงานแล้วเมื่อไหร่วันนั้นจึงจะสามารถร่วมเพศกันได้ ถ้ายังไม่ได้แต่งงานกัน ก็มีเพศสัมพันธ์กันก่อน ก็ถือว่าเป็นการประพฤติผิดในกาม ถึงแม้ต่อไปภายหลังทั้งคู่จะได้แต่งงานกัน ก็ยังถือว่าผิดศีลอยู่ดี จะต้องถูกลดบุญวาสนาและอายุขัยลง ถ้าหากว่ายังไม่ได้แต่งงานแต่มีเพศสัมพันธ์กับคนอื่นๆมากกว่า ๑คนขึ้นไป ก็ยิ่งจะต้องถูกลดบุญวาสนาและอายุขัยมากยิ่งขึ้นและยังเป็นการปลูกเพาะเหตุแห่งนรก ซึ่งรายละเอียดที่ลึกลงไปจะต้องดูเฉพาะแต่ละคนแต่ละกรณีแล้วจึงสรุปออกมาเป็นรูปธรรมที่แน่นอน
    *เมื่อมนุษย์ถูกเปิดบริสุทธิ์เป็นครั้งแรกโดยมีเพศสัมพันธ์กันก่อนแต่งงาน ก็จะสูญเสียพรหมจรรย์ตั้งแต่วินาทีแรกที่เริ่มมีเพศสัมพันธ์ จิตญาณที่สว่างไสวของตนก็จะมัวหมองลง ความมัวหมองนี้ทำให้เกิดความตกต่ำในด้านอื่นๆตามมา ครอบคลุมไปถึงบุญวาสนา โชคลาภทางการเงิน และอายุขัยที่ลดลง ดังนั้นทุกคนจะต้องให้ความสำคัญกับปัญหานี้ อย่าเป็นเพราะตัวเองถูกกระตุ้นอารมณ์เพียงชั่วครู่แล้วคิดอยากจะทำอะไรก็ทำ ทำเช่นนี้ก็เป็นการเสียแรงเปล่าที่อุตส่าห์ได้เกิดมาเป็นคน ยังมีเรื่องราวอีกมากมายที่ต้องอาศัยช่วงเวลาที่ยังเป็นวัยรุ่นหนุ่มสาวไปทำให้สำเร็จ มนุษย์ควรใช้แรงกายแรงใจของตนไปทำเรื่องราวที่มีคุณค่ามีความหมาย ไม่ควรใช้แรงกายแรงใจหมดไปกับความยึดติดในเรื่องของความรักความเสน่หาและกามารมณ์ เพราะไม่เพียงไม่มีคุณค่าไม่มีความหมายยังเป็นการปลูกเหตุให้ต้องรับความทุกข์ทรมานในนรกอีกด้วย ”
    *“ เอาล่ะ! อาอวี้ วันนี้ก็พอแค่นี้ก่อน เชิญกลับไปก่อน ครั้งหน้าค่อยมาใหม่ ”
    *“ อาหมีถัวฝอ ! สำนึกคุณผู้พิพากษาที่สอนสั่ง ”
    *อาอวี้โค้งคำนับสำนึกคุณ ขึ้นดอกบัวขาวกลับ

    *คำอธิบายเพิ่มเติม

    *คุณธรรมสตรี ( ซันฉงซื่อเต๋อ ) คุณธรรมของสตรีที่พึงปฏิบัติมี สามคล้อยตามและสี่คุณธรรม


    *สามคล้อยตาม ( ซันฉง )
    ๑. ยังไม่แต่งงานต้องเชื่อฟังพ่อแม่ ไม่โต้เถียง
    ๒. แต่งงานแล้วโอนอ่อนผ่อนตามสามี ให้เกียรติสามี
    ๓. เป็นหม้ายต้องยืนหยัดอยู่ในสถานภาพเดิม เลี้ยงดูลูกจนเติบใหญ่ และเคารพในทัศนคติของลูก


    *สี่คุณธรรม ( ซื่อเต๋อ )
    ๑. งามด้วยคุณธรรมความประพฤติ
    ๒. งามด้วยวาจาคำพูด รู้จักสงวนคำ พูดให้น้อย รู้จักพูดเมื่ออยู่ในสถานการณ์ที่เหมาะ สม วาจาไพเราะ รู้จักพูดให้กำลังใจผู้อื่น ไม่พูดคำหยาบ ต้องรู้ว่าควรพูดอะไรและไม่ควรพูดอะไร ฯลฯ
    ๓. งามด้วยรูปลักษณ์ งามด้วยรูปลักษณ์ในที่นี้ไม่ใช่ความงามจากหน้าตาหรือการแต่งหน้าแต่งตัว แต่เป็นความงามจากกิริยามารยาท ลุกนั่งยืนเดินต้องเรียบร้อย เสื้อผ้าหน้าผมต้องเรียบร้อยและรู้จักรักษาความสะอาดของตัวเอง รู้จักควบคุมอารมณ์ดีใจโศกเศร้าให้แสดงออกมาอย่างพองาม ฯลฯ
    ๔. งามด้วยการงาน รู้จักการปฏิบัติตัวต่อสามี มีความเคารพผู้ใหญ่ ปรนนิบัติพ่อแม่สามี อบรมเลี้ยงดูสั่งสอนลูก ขยัน ทำงานเก่ง มีฝีมือในการบ้านการเรือนเช่นงานเย็บปักถักร้อย มีเสน่ห์ปลายจวัก ฯลฯ
     
  10. นิรยะ

    นิรยะ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ตุลาคม 2015
    โพสต์:
    43
    ค่าพลัง:
    +30
    กฎนรกไร้ความปรานี ตอนที่ ๒๖
    《กฎนรก》ปริศนาของฟ้าผ่าคนตาย

    *อาหมีถัวฝอ ! อาอวี้แสดงความเคารพผู้พืพากษา !
    *วันนี้อยากถามผู้พิพากษาว่า : “ ในสมัยโบราณมีกรณีที่ประพฤติผิดในกามแล้วถูกฟ้าผ่าตาย เพราะเหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น ? แล้วทำไมถึงไม่ใช้วิธีอื่นมาสนองผลกรรม อย่างเช่น ทำให้ป่วยด้วยโรคร้าย ? ”
    *ผู้พิพากษาพูดว่า : “ กรณีที่ประพฤติผิดในกามแล้วถูกฟ้าผ่าตายในสมัยโบราณมีสาเหตุอยู่ ๒ข้อ
    *ข้อ ๑ ยมโลกใช้วิธีฟ้าผ่ามาลงโทษเวไนยที่ประพฤติผิดในกาม ด้วยวิธีนี้ทำให้เวไนยบนโลกมนุษย์รู้ว่าคนที่ประพฤติผิดในกามจะไม่ได้ตายดี เป็นวิธี การลงโทษโดยใช้รูปลักษณ์ที่สามารถมองเห็นได้เพื่อเป็นการเตือนให้เวไนยที่อยู่ร่วมกันในสมัยนั้นเกิดความตื่นตัว
    *ข้อ ๒ คนที่ประพฤติผิดในกามคนนั้นเป็นคนที่มีจิตใจชั่วร้ายมากเกินไป ไม่รู้จักสำนึกผิดแก้ไขปรับปรุงตัว ทั้งประพฤติผิดในกามและยังสร้างบาปเวรอื่นๆที่หนักหนาสาหัสมาก ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ถูกฟ้าผ่าตาย ตายแล้วยังต้องไปรับความทุกข์ทรมานต่างๆในนรกเนิ่นนานเป็นหมื่นกัปไม่มีวันได้ออกมา
    *ความจริงแล้วเทพสายฟ้าเป็นเทพจากสวรรค์ที่รับผิดชอบหน้าที่ทำให้เกิดฟ้าแลบฟ้าร้องตอนฝนตกหรือตอนที่สภาพอากาศไม่ดี ในแต่ละครั้งจะทำให้เกิดฟ้าร้องฟ้าแลบเท่าไหร่ล้วนถูกกำหนดมาแล้ว ถ้าหากใครถูกฟ้าผ่าตาย นั่นย่อมไม่ใช่เรื่องบังเอิญอย่างเด็ดขาด แน่นอนว่าเทพสายฟ้าได้รับอนุมัติอย่างเป็นทางการจากยมโลกแล้วว่า วันไหน เวลาไหน ที่ไหน บ้านไหน คนไหน จะต้องถูกฟ้าผ่าตายกลางแจ้ง โดยปกติก่อนที่จะเกิดฟ้าผ่า เทพสายฟ้าจะทำให้เกิดฟ้าร้องฟ้าแลบก่อน จากนั้นจึงกดดันให้คนบาปออกมาอยู่กลางแจ้งแล้วใช้สายฟ้าผ่าลงไปอย่างแม่นยำมากจนถึงแก่ความตาย เพราะอะไรจึงต้องนำคนบาปออกมาโดนฟ้าผ่ากลางแจ้ง ? เพราะว่าสายฟ้าทำให้เกิดเปลวไฟลุกไหม้ หากไม่ทำเช่นนี้ผู้บริสุทธิ์ก็จะพลอยได้รับอันตราย ดังนั้นโดยส่วนใหญ่แล้วจะนำคนบาปออกมาอยู่กลางแจ้งก่อนแล้วจึงดำเนินการสำเร็จโทษ
    *ในสมัยโบราณคนที่ถูกลงโทษด้วยฟ้าผ่ามีหลายกรณี สมัยก่อนคนที่ประพฤติผิดในกามมีไม่มากเหมือนสมัยนี้ เมื่อเกิดเหตุมีฟ้าผ่าคนตายขึ้นครั้งหนึ่งก็จะเป็นเรื่องที่สะท้านสะเทือนไปทั่วทั้งปฐพี สามารถทำให้เวไนยจำนวนมากเกิดความตื่นตัวและหันมาบำเพ็ญจิตหล่อเลี้ยงธรรมญาณ จิตใจของคนในสมัยก่อนมีความซื่อสัตย์และบริสุทธิ์เรียบง่าย ต่างจากจิตใจของคนในสมัยนี้ จิตใจของคนในสมัยนี้ไม่ซื่อสัตย์และบริสุทธิ์เรียบง่ายอีกต่อไปแล้ว
    *ความชั่วทั้งปวงกามตัณหามาเป็นอันดับหนึ่ง ความดีทั้งมวลกตัญญูมาเป็นอันดับแรก การประพฤติผิดในกามนอกจากจะทำให้บุญวาสนาและอายุขัยของตัวเองต้องถูกบั่นทอนลงไปแล้ว ยังเป็นการทำลายวัฒนธรรมในสังคมอย่างร้ายแรง เป็นภัยต่อตนเองและผู้อื่น เป็นพฤติกรรมที่ไม่กตัญญู จากอดีตจนถึงปัจจุบันมีวีรบุรุษชายชาตรีมากมายตั้งเท่าไหร่ที่ต้องสูญสิ้นหมดอนาคตไปเพราะประพฤติผิดในกาม
    *กาเมสุมิจฉาจารทำให้คนตกต่ำ จิตใจหลงผิด หมกมุ่นลุ่มหลงอยู่ในกามตัณหา แม้แต่ชีวิตก็ต้องมาจบสิ้น ตามกฎของนรก กุศลสูงสุดคือคนที่กตัญญูกตเวที คนที่ประพฤติผิดในกามก็ต้องลงโทษอย่างหนัก ขอแนะนำให้ทุกคนปฏิบัติตามคุณธรรมสามัญ ๕ อย่างเคร่งครัด ทำความดีสะสมบุญกุศลให้มากๆ ธำรงรักษาไว้ซึ่งแสงสว่างอันโชติช่วงของจิตญาณแห่งฟ้าปางก่อนให้คงอยู่ตลอดไป อย่าสร้างเหตุให้ต้องตกนรก ”
    *อาอวี้สำนึกคุณผู้พิพากษา ขึ้นดอกบัวขาวกลับ
     
  11. นิรยะ

    นิรยะ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ตุลาคม 2015
    โพสต์:
    43
    ค่าพลัง:
    +30
    กฎนรกไร้ความปรานี ตอนที่ ๒๗
    ที่ไปของคนรักร่วมเพศ – นรกเชื่อมโยงใจ

    *สำนึกคุณพระโพธิสัตว์เมตตากรุณาฉุดช่วยเวไนย ทุกความคิดของพระพุทธะโพธิสัตว์คิดถึงแต่เวไนย เวลาบนโลกมนุษย์ผ่านไปแล้ว ๒๔ชั่วโมง อาอวี้ขึ้นดอกบัวขาวมาถึงนรกอีกครั้งหนึ่งแล้ว แต่พระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ก็ยังคงโปรดเวไนยสัตว์ในนรกอยู่ แท้ที่จริงเป็นเพราะเมื่อวานนี้มีการชุมนุมร่วมฟังพระธรรมเทศนา จนถึงตอนนี้ก็ยังชุมนุมกันอยู่ ยังไม่แยกย้ายไปไหน
    *รู้สึกดีใจที่ได้พบเจอพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ อาอวี้ขอคุกเข่ากราบพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์แทนเวไนยทั้งปวงในอากาศธรรมธาตุ พุทธรังสีของพระโพธิสัตว์ฉายส่องเต็มไปทั่วพื้นที่ในอากาศ ช่างวิสุทธิ์สะอาดอะไรขนาดนี้ ยังความแช่มชื่นใจอะไรขนาดนี้ ช่างมีเมตตากรุณาอะไรขนาดนี้ ทำให้ข้าพเจ้านึกถึง《อวตังสกสูตร》พระพุทธองค์ทรงตรัสว่า : “ มีความเมตตาอันวิสุทธิ์ไม่มีสิ่งใดในโลกมาขวางกั้น ด้วยเหตุนี้จึงเปล่งรัศมีส่องสว่างอย่างเสมอภาค มีความเมตตาอันวิสุทธิ์เต็มไปทั่วพื้นที่ว่างในอากาศ ด้วยเหตุนี้จึงช่วยเหลือ เวไนยสัตว์ทั่วทุกที่โดยไม่มีที่ใดที่เข้าไปไม่ถึง มีความเมตตาอันวิสุทธิ์ผูกพุทธสัมพันธ์ด้วยสัมมาธรรม ด้วยเหตุนี้จึงประจักษ์แจ้งในพระสัทธรรมดุจดั่งตถาคต มีความเมตตาอันวิสุทธิ์ต่อเวไนยที่ไม่มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกัน ด้วยเหตุนี้จึงเข้าสู่แดนแห่งโพธิสัตว์หลุดพ้นจากเกิดตาย มีความเมตตาอันวิสุทธิ์ยังประโยชน์อันไพบูลย์ ด้วยเหตุนี้จึงเอื้อประโยชน์ตามเหตุปัจจัยทำให้เวไนยทั้งปวงเกิดความเปรมปรีดิ์ มีความกรุณาอันวิสุทธิ์ไม่เหน็ดเหนื่อยไม่เบื่อหน่าย ด้วยเหตุนี้จึงรับทุกข์แทนเวไนยทั้งปวงโดยไม่คิดว่าเป็นคุณงามความดีของตน มีความกรุณาอันวิสุทธิ์ไปอุบัติในสถานที่ๆมีความยากลำบาก ด้วยเหตุเพื่อฉุดช่วยเวไนย มีความกรุณาอันวิสุทธิ์ไปอุบัติในแดนสุคติภูมิ ด้วยเหตุนี้จึงสำแดงความอนิจจังให้ปรากฏ มีความกรุณาอันวิสุทธิ์เพื่อฉุดช่วยเวไนยที่มีมิจฉาสมาธิ ด้วยเหตุนี้กัปแล้วกัปเล่าจึงไม่ละทิ้งมหาปณิธาน บำเพ็ญจริยาแห่งโพธิสัตว์อย่างต่อเนื่องไม่หยุดยั้ง อาศัยจิตมหากรุณามาอนุเคราะห์เวไนย ”
    *พระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ทรงมีมหาเมตตาต่อเวไนยทั้งปวงอย่างเสมอภาคถึงแม้ว่าเวไนยจะไม่มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องอะไรกับพระองค์ ทรงมีมหากรุณามองเห็นกายของเวไนยกับกายของพระองค์คือกายเดียวกัน เห็นความทุกข์ยากของเวไนยคือความทุกข์ยากของพระองค์เอง พุทธรังสีอันเมตตาของพระโพธิสัตว์มีความสะอาดบริสุทธิ์ ในพุทธรังสียังเปล่งธรรมสำเนียงออกมามากมายไม่อาจประมาณได้ อาอวี้จะต้องฝึกฝนเรียนรู้แบบอย่างจิตที่มีมหาเมตตา มหากรุณาของพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์เพื่อคอยบริการรับใช้เวไนย เพราะพุทธรังสีอันเมตตาและสะอาดบริสุทธิ์ของพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ประทานพร ทำให้นรกแปรเปลี่ยนเป็นความแช่มชื่น
    *อาอวี้ขออธิบายให้ทุกท่านเข้าใจซักเล็กน้อยว่านรกมีความกว้างใหญ่เป็นอย่างยิ่งและยังแบ่งเป็นประเภทต่างๆ ขณะนี้ที่ข้าพเจ้ากำลังเข้าเยี่ยมชมอยู่คือนรกกามา นรกกามาเป็นชื่อเรียกโดยรวมของนรกที่เกี่ยวข้องกับการประพฤติผิดในกามทั้งหมด นรกกามามี ๑๘ขุมย่อย ทั้ง ๑๘ขุมย่อยมีการลงทัณฑ์ตามลักษณะของการประพฤติผิดในกามที่แตกต่างกันออกไป
    *อาอวี้ขอคารวะผู้พิพากษา วันนี้อยากขอคำชี้แนะเกี่ยวกับรักร่วมเพศ
    *ผู้พิพากษาบอกว่า : “ รักร่วมเพศถือว่าเป็นการประพฤติผิดในกาม เมื่อสิ้นอายุขัยต้องตกนรกเชื่อมโยงใจรับโทษในนั้น ๕๐๐ปี หากมีการประพฤติผิดในกามข้ออื่นๆร่วมด้วยก็จะต้องไปรับโทษในนรกกามาขุมอื่นๆต่อไป ”
    *เวลานี้ผู้พิพากษาพาข้าพเจ้ามาถึงนรกเชื่อมโยงใจแล้ว วิญญาณทั้งหลายชายหญิงในนรกขุมนี้ต่างก็ถูกลงทัณฑ์จากมนุษย์พฤกษาเหมือนกัน แต่ในความเหมือนกันนั้นก็มีความแตกต่างกันอยู่บ้างนิดหน่อย ในนั้นมีวิญญาณชายที่ข้าพเจ้ารู้จัก เขาเป็นนักร้องที่มีชื่อเสียงมาก คือ นักร้อง BLX ตอนที่เขามีชีวิตอยู่มีแฟนเพลงมากมาย เปิดการแสดงคอนเสิร์ตมาแล้วหลายต่อหลายรอบ ตอนนี้ข้าพเจ้าเห็นท่าทางของเขาเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ จากนั้นก็มีมนุษย์พฤกษาต้นหนึ่งเดินเข้ามา มนุษย์พฤกษาคือต้นไม้ที่มีรูปร่างลักษณะเป็นมนุษย์ เมื่อเขาเห็นมนุษย์พฤกษาก็เกิดความเบิกบานใจ ดึงมือของมนุษย์พฤกษานั้นเข้ามาโอบกอดอย่างสนิทสนมและอบอุ่น ทันใดนั้นมนุษย์พฤกษาก็ใช้กิ่งและใบพันรัดตัวเขา ใช้กิ่งก้านทุบตีที่หัวของเขา เขาถูกตีจนหัวแตกเลือดไหลเป็นลมตาย หลังจากนั้นมนุษย์พฤกษาก็เป่าลมใส่เขาไป ๑ที เขาก็ค่อยๆฟื้นฟูกลับมาเป็นปกติ แล้วมนุษย์พฤกษาก็เดินจากไป
    *ดูถึงตรงนี้ ข้าพเจ้าขอถามผู้พิพากษาว่า ในเมื่อมนุษย์พฤกษาเดินจากไปแล้ว ถ้างั้นก็แสดงว่านักโทษพ้นโทษแล้วใช่หรือไม่ ? ผู้พิพากษาตอบว่า : “ไม่ใช่ ! เป็นเพราะคนที่รักร่วมเพศมีความคิดในด้านความรักที่วิปริตผิดเพี้ยน เมื่อครู่นี้ท่านจะเห็นได้ว่าวิญญาณเหล่านั้นบังเกิดความคิดขึ้นมาก่อน หลังจากนั้นมนุษย์พฤกษาจึงออกมา บางคนคิดช้าหน่อย ก็แสดงว่ามีความหมกมุ่นในกามที่เบาบางกว่านิดหน่อย บางคนคิดไวหน่อยก็ต้องรับโทษหนัก”
    *ขอเรียนถามผู้พิพากษา : “ ใช่หรือไม่ว่า ถ้าหากวิญญาณบาปไม่คิดก็ไม่ต้องรับการลงโทษ ? ”
    *ผู้พิพากษาพูดว่า : “ ถ้าหากตลอดเวลาเขาไม่คิดเลยก็สามารถพ้นจากนรกขุมนี้ได้ เพราะแรงกรรมทั้งหมดเกิดจากความคิดที่วิปริตผิดเพี้ยนไม่ถูกทำนองคลองธรรม นอกจากนี้ยังมีคนรักร่วมเพศบางคนที่มีกรรมในนรกเบาหน่อย อย่างเช่น คนที่ร่างกายของเขาเป็นผู้ชายแต่เป็นเพราะเขาเคยเกิดเป็นผู้หญิงมาแล้วหลายชาติ เมื่อได้เกิดเป็นผู้ชาย จิตใต้สำนึกของเขายังคงเป็นผู้หญิงอยู่ เขายังไม่สามารถเปลี่ยนรูปแบบความคิดให้เป็นผู้ชายได้ เลยไม่ชอบผู้หญิงแต่กลับมาชอบผู้ชายเหมือนกัน ในทางตรงกันข้าม สำหรับผู้หญิงที่รักชอบเพศเดียวกันก็มีหลักเหตุผลแบบเดียวกัน นี่คือสาเหตุส่วนใหญ่ที่ทำให้คนบนโลกมนุษย์ประพฤติผิดในกามเรื่องรักร่วมเพศ คนรักร่วมเพศเหล่านี้ถ้าหากไม่ได้ประพฤติผิดในกามเรื่องอื่นๆ เพียงแค่ต้องการใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันกับคนรักของเขาในลักษณะของสามีภรรยา พวกเขาก็ต้องมารับโทษในนรกเชื่อมโยงใจ ๕๐ปี ถ้าหากในช่วงเวลา ๕๐ปีที่รับโทษอยู่นี้ วิญญาณบาปสามารถขจัดเมล็ดพันธุ์แห่งกาเมสุมิจฉาจารภายในใจให้สะอาดหมดจดลงได้ ก็สามารถพ้นจากนรกขุมนี้ได้ก่อนกำหนด ถ้าหากไม่สามารถขจัดเมล็ดพันธุ์แห่งกาเมสุมิจฉาจารภายในจิตใจให้สะอาดหมดจดได้ ก็ต้องเพิ่มโทษอีก ๓๐ปี”
    *ด้านข้างของนรกเชื่อมโยงใจมีนรกใหญ่อยู่ขุมหนึ่ง ภายในไม่มีอะไรเลย ข้าพเจ้ารู้สึกแปลกใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะว่าปกติแล้วภายในนรกแต่ละขุมจะต้องเต็มไปด้วยวิญญาณบาปมากมายที่กำลังรับความทุกข์ทรมาน ไม่เคยเห็นนรกที่ว่างเปล่าไม่มีอะไรเลยแบบนี้ ข้าพเจ้าจึงเรียนถามผู้พิพากษาว่าเพราะเหตุใดนรกขุมนี้จึงว่างเปล่าเช่นนี้ ? ผู้พิพากษาบอกว่า : “ นรกขุมนี้ก็คือ ในขณะนี้คนบนโลกมนุษย์กำลังศึกษาค้นคว้าผลิตยาปลุกเซ็กซ์ชนิดหนึ่ง ตอนนี้พวกเขากำลังอยู่ในช่วงค้นคว้าวิจัยและพัฒนา หลังจากที่พัฒนายาได้เป็นผลสำเร็จแล้ว พวกเขาก็จะผลักดันออกสู่ตลาดเพื่อขาย นรกขุมนี้จึงตระเตรียมไว้ลงโทษผู้ที่มีส่วนร่วมในการศึกษาค้นคว้าวิจัยและพัฒนายาปลุกเซ็กซ์ ”
    *ขอถามผู้พิพากษาต่ออีกว่า : “ ถ้าอย่างนี้ก็พูดได้ว่า เพียงแค่เกิดความคิดที่จะละเมิดศีลกาเมสุมิจฉาจาร ก็นับได้ว่าเป็นการละเมิดศีลแล้วใช่ไหมค่ะ? ”
    *ผู้พิพากษาพูดว่า : “ ใช่แล้ว! แต่ละครั้งที่ความคิดมีการขับเคลื่อน พลังชี่ที่แท้จริงของร่างกายก็จะมีการขับเคลื่อนเช่นกัน สัจพลังก็จะถูกทำลายลง ”
    *วันนี้ได้เก็บเกี่ยวความรู้ที่มีประโยชน์มาก อาอวี้สำนึกคุณผู้พิพากษา ! คุกเข่ากราบผู้พิพากษา ! ขึ้นดอกบัวขาวกลับ !
     
  12. นิรยะ

    นิรยะ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ตุลาคม 2015
    โพสต์:
    43
    ค่าพลัง:
    +30
    กฎนรกไร้ความปรานี ตอนที่ ๒๘
    เข้าสักการะพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ที่หมิงกวงชูจ่วนถัง

    *สำนึกคุณพุทธานุภาพปกปักคุ้มครอง ขึ้นดอกบัวขาวออกเดินทาง
    *อาหมีถัวฝอ ! อาอวี้สวัสดีผู้พิพากษาค่ะ!
    *“ ผู้พิพากษาค่ะ! พระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ฉุดช่วยเวไนยอย่างไรค่ะ ข้าพเจ้าสามารถไปดูๆซักนิดหนึ่งได้ไหมค่ะ ? ”
    *ผู้พิพากษาบอกว่า : “ พระกษิติครรภ์โพธิสัตว์อยู่ในนรกภูมิคอยฉุดช่วยวิญญาณบาปที่ทุกข์ทรมานออกจากทะเลทุกข์อยู่ตลอดทุกเวลาทุกนาทีไม่เคยได้หยุดพักเลย ในนรกของพวกเรามีสถานที่ประชุมธรรมอยู่สถานที่หนึ่งชื่อว่า “ หมิงกวงชูจ่วนถัง ” 「冥光初轉堂」พระกษิติครรภ์โพธิสัตว์อยู่ที่หมิงกวงชูจ่วนถัง คอยแสดงธรรมโปรดเวไนยในนรกอยู่ที่นั่นตลอดเวลา ”
    *ข้าพเจ้าถามต่อไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นว่า : “ วิญญาณบาปที่อยู่ในนรกจะต้องรับการลงโทษอยู่ตลอดเวลาไม่ใช่หรือ ? แล้วจะมีเวลาที่ไหนมาสดับฟังธรรม ? เมื่อรับการลงโทษจนหมดสิ้น สามารถได้พ้นโทษแล้ว ก็ต้องไปเวียนว่ายตายเกิดในวัฏสงสารอย่างต่อเนื่องทันทีไม่ใช่หรือ ? ”
    *ผู้พิพากษาพูดว่า : “ ความจริงแล้ววิญญาณบาปในนรกกับคนบนโลกมนุษย์ก็เหมือนกัน พวกเขาเหล่านั้นล้วนอยู่ใน ๖ภูมิวิถีแห่งการเวียนว่ายตายเกิด บางคนทำชั่ว จิตญาณตกต่ำก็ตกนรก บางคนทำดีก็ได้ขึ้นสวรรค์ บางคนก็ไปเวียนว่ายอยู่ในภูมิอสูร ภูมิมนุษย์ บางคนก็เวียนว่ายอยู่ในภูมิเปรต ภูมิเดรัจฉาน ไม่ว่าจะเวียนว่ายอยู่ในภพภูมิใดก็แล้วแต่ พวกเขาต่างก็มีจิตญาณเหมือนกัน เป็นจิตญาณที่สว่างไสวแห่งฟ้าปางก่อน ซึ่งมีความสมบูรณ์เพียบ พร้อมอยู่แล้วในตัวเอง เพียงแต่พวกเขามีความคิดที่ผิดเพี้ยนไม่ถูกทำนองคลองธรรมทำให้จิตญาณของพวกเขาลุ่มหลงไป จึงแหกกฎละเมิดศีลก่อกรรมทำชั่ว เข่นฆ่าชีวิต เป็นภัยต่อตนเองและผู้อื่น ทำให้จิตญาณตกต่ำ ถึงแม้จิตญาณของเวไนยในยุคนี้จะตกต่ำลงจนแตกต่างจากจิตญาณเดิมแรกเริ่มราวฟ้ากับเหว แต่ก็จะต้องมีซักวันหนึ่งที่จิตญาณเหล่านั้นสามารถฟื้นฟูกลับคืนสู่สภาพเดิมที่มีความสว่างไสวและวิสุทธิ์สะอาด วิญญาณบาปที่มารับโทษในนรกจะต้องใช้เวลาในการฟื้นฟูความสว่างไสวของจิตญาณแห่งฟ้าปางก่อนเป็นระยะเวลาที่ยาวนานมากๆ เพราะวิญญาณเหล่านั้นแปดเปื้อน มีนิสัยความเคยชินที่ไม่ดีมากเกินไป บาปหนาสาหัส ถึงแม้จะมีวิญญาณบาปจำนวนน้อยมากที่มีจิตสำนึกขอขมาแก้ไขความผิดบาปเกิดขึ้น แต่ก็มีจิตเช่นนั้นเกิดขึ้นเพียงแค่ชั่วแวบเดียวเท่านั้น เพราะความทุกข์ทรมานจากบาปกรรมที่กำลังรับอยู่ ทำให้จิตที่สำนึกขอขมาแก้ไขความผิดบาปของพวกเขาหายไปอย่างรวดเร็ว พระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ได้ตั้งมหาปณิธานไว้ว่า “ หากนรกไม่ว่างเว้นจากหมู่สัตว์ที่ทุกข์ทรมานจะไม่ขอสำเร็จเป็นพระพุทธะ หากเวไนยยังไม่ได้รับการฉุดช่วยจนหมดสิ้น จะไม่ขอประจักษ์ในอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ ” พระกษิติครรภ์โพธิสัตว์มีเมตตากล่าวกับพญายมว่า “ เมื่อใดก็ตามที่วิญญาณบาป ที่รับการลงโทษอยู่ในนรกสามารถบังเกิดจิตที่สำนึกขอขมาแก้ไขความผิดบาป ถึงแม้จะเป็นระยะเวลาเพียงแค่ชั่วครู่ วิญญาณบาปนั้นก็สามารถมาสดับฟังธรรมที่หมิงกวงชูจ่วนถังได้ และไม่ต้องรับการลงโทษชั่วคราว ”*ข้าพเจ้าพูดว่า : “ ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้เอง ช่างดีจริงๆ อย่างนี้เวไนยในนรกจำนวนมากก็มีโอกาสได้ไปผุดไปเกิดแล้ว”
    *ผู้พิพากษากล่าวว่า : “ เวไนยที่รับโทษในนรกมีมากมายจนไม่อาจประมาณได้ ก่อนหน้านี้ท่านก็เคยเข้าชมนรกกามามาแล้ว ในนรกกามามีนรกอยู่ขุมหนึ่งคือนรกกระบองเหล็ก นรกขุมนี้มีเวไนยเป็นจำนวนมาก เมื่อมองออกไปก็มองไม่เห็นขอบฝั่ง เวไนยมากมายอะไรขนาดนั้น แล้วยังมีนรกขุมอื่นๆอีกมากมายเหลือเกินที่ท่านยังไม่ได้ไปดู แต่ในทางตรงกันข้ามกลับมีเวไนยที่สามารถบังเกิดจิตที่สำนึกขอขมาแก้ไขความผิดบาปน้อยมาก น้อยจริงๆ ถึงแม้จะเป็นการบังเกิดจิตเพียงแค่ชั่วครู่ก็ตาม พระพุทธะโพธิสัตว์มีความเมตตาอยู่ตลอดทุกเวลา ทุกความคิดมีเพียงฉุดช่วยเวไนยที่ทุกข์ยาก อบรมสั่งสอนเวไนยตามวาระโอกาส ทั้งยังต้องจัดการวางแผนเรื่องราวต่างๆอย่างยอดเยี่ยมเพื่อฉุดช่วยเวไนยทั้งหลาย แต่เวไนยทั้งหลายเคยบังเกิดจิตที่ซาบซึ้งและเข้าใจอย่างแท้จริงบ้างหรือไม่ อาอวี้ ! ท่านรับภาระหน้าที่มาที่นรกเพื่อทำงานนี้ล้วนเป็นความเมตตากรุณาที่พระพุทธะได้จัดการวางแผนไว้ทั้งสิ้น ยมโลกเองก็มีความ หวังว่าจะสามารถอาศัยโอกาสนี้มาชำระล้างจิตใจคนให้สะอาดบริสุทธิ์ ทำให้ เวไนยมีความเชื่อมั่นศรัทธาในเหตุต้นผลกรรม ไม่สร้างบาปเวรที่จะพาตกสู่นรก”
    *ถึงหมิงกวงชูจ่วนถังแล้ว คุกเข่ากราบพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ ได้พบพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ก็เกิดความรู้สึกตื้นตันจนน้ำตาคลอเบ้าเองโดยปริยาย ขอคุกเข่ากราบพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์อีกครั้งแทนเหล่าเวไนย ขอให้เวไนยพ้นจากความทุกข์ได้รับความสุข ขอให้เวไนยเบิกบานใจมีความปีติสุข ขอให้เวไนยมีความพากเพียรวิริยะในการบำเพ็ญปฏิบัติธรรม สามารถได้ประจักษ์มรรคผลในเร็ววัน
    *เวลานี้พระกษิติครรภ์โพธิสัตว์กำลังชี้แนะสั่งสอนเรื่องศีล ๕ แก่เวไนยทั้งหลาย ในหมิงกวงชูจ่วนถังแห่งนี้ ข้าพเจ้าได้เห็นพระธรรมาจารย์มากมาย เมื่อมีความคิดเช่นนี้เกิดขึ้น ผู้พิพากษาก็อธิบายให้ข้าพเจ้าฟังทันที
    *ผู้พิพากษาพูดว่า : “ ธรรมาจารย์เหล่านี้มีหลายคนที่เคยเป็นผู้ละเมิดศีลกาเมสุมิจฉาจารและอทินนาทานมาก่อน ต่อมามีโอกาสได้มาสดับฟังธรรมที่นี่ ตอนนี้บางคนพ้นโทษจากนรกแล้ว บางคนก็ยังอยู่ในระหว่างการถูกลงโทษ เป็นเพราะพวกเขาสามารถบังเกิดจิตที่สำนึกขอขมาแก้ไขความผิดบาป ถึงแม้จะเป็นเวลาเพียงแค่ชั่วครู่ก็ตาม แต่ก็ทำให้พวกเขาสามารถได้เข้ามาสดับฟังธรรมที่นี่ เมื่อวิญญาณบาปมีจิตที่สำนึกขอขมาแก้ไขความผิดบาปเกิดขึ้น แสงแห่งจิตญาณของวิญญาณบาปก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นเล็กน้อย นายนิรยบาลก็จะหยุดพักการลงโทษวิญญาณบาปลงชั่วคราว แล้วพาวิญญาณบาปมาที่หมิงกวงชูจ่วนถังแห่งนี้เพื่อสดับฟังธรรม วิญญาณที่มาสดับฟังธรรมที่นี่มีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกัน นั่นก็คือพวกเขารู้ว่าเมื่อมาที่นี่ก็ไม่ต้องรับการลงโทษ ดังนั้นทุกคนจึงทะนุถนอมรักษาโอกาสนี้อย่างถึงที่สุด เกือบจะทั้งหมดล้วนได้รับความเมตตาอนุเคราะห์จากของพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ ”
    *ข้าพเจ้ามองเห็นแสงจากกายของวิญญาณบาปที่อยู่ในนี้ มีทั้งสีเทาเข้ม เขียวคล้ำ แดงคล้ำ บางคนก็เป็นสีดำ กายวิญญาณของพวกเขาดูเบาหวิว เวลานี้ข้าพเจ้ามองเห็นวิญญาณบาปที่ทุกข์ทรมานคนหนึ่งกำลังร้องไห้และสำนึกขอขมาแก้ไขความผิดบาปครั้งใหญ่ แสงจากกายของเขาก็เริ่มเปลี่ยนจากสีเทาเข้มเป็นสีเทาอ่อนๆ วิญญาณบาปรู้สึกเบาสบายขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
    *ผู้พิพากษาอธิบายให้ฟังว่า : “ วิญญาณบาปนี้ เมื่อชาติที่แล้วคือผีขโมยพลังธาตุ ก่อนที่จะมาเกิดเป็นผีขโมยพลังธาตุ เคยเกิดเป็นมนุษย์ผู้บำเพ็ญปฏิบัติธรรม มีจิตที่ชอบทำบุญทำทานแต่ไม่รักษาศีล เพราะไม่รักษาศีลจึงเป็นสาเหตุให้ตกสู่ภูมิเปรตเป็นผีขโมยพลังธาตุ เมื่อเป็นผีขโมยพลังธาตุก็ยังชีพด้วยการขโมยพลังธาตุของมนุษย์ และผู้บำเพ็ญปฏิบัติธรรมที่ไม่รักษาศีล ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ตกนรกไวขึ้น”
    *ตอนนี้วิญญาณบาปนั้นร้องไห้คุกเข่าสำนึกขอขมาแก้ไขความผิดบาปต่อพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์และตั้งปณิธานว่า : “ พระกษิติครรภ์โพธิสัตว์เมตตา ข้าพเจ้าสำนึกผิดแล้ว ต่อไปนี้ทุกภพทุกชาติข้าพเจ้าจะบำเพ็ญปฏิบัติอยู่ในสัมมาธรรม จะปกป้องพระสัทธรรม และจะปกป้องพระธรรมของพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ตลอดไป” พระกษิติครรภ์โพธิสัตว์มีความปีติยินดีเป็นอย่างยิ่ง รับการสำนึกขอขมาแก้ไขความผิดบาปนั้นไว้โดยไม่ปฏิเสธ จากนั้นวิญญาณบาปก็ถูกนายนิรยบาลพาตัวออกไป ผู้พิพากษาบอกว่าเขากำลังจะได้ไปเกิดใหม่บนโลกมนุษย์
    *หมิงกวงชูจ่วนถังแห่งนี้เป็นสถานที่เพียงแห่งเดียวในนรกภูมิที่ไม่รู้สึกถึงความอึมครึมและมืดมนทั้งยังออกจะคล้ายกับเครื่องทำความร้อนที่ให้ความอบอุ่น ยามปกติเมื่อข้าพเจ้ามาถึงนรก อุณหภูมิในร่างกายจะลดต่ำลงอยู่ตลอด เวลา แต่วันนี้ข้าพเจ้ารู้สึกว่าไม่เลวเลยทีเดียว ขอสำนึกคุณพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์เมตตาประทานพร
    *ข้าพเจ้าอาศัยพลังแห่งฤทธานุภาพของพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์อยู่ที่นี่แล้วดูๆวิญญาณอื่นๆต่อไปเรื่อยๆ มีแสงแห่งจิตญาณของวิญญาณบาปมาก มายกำลังยกระดับสูงขึ้น พวกเขากำลังลอยขึ้นสู่ด้านบน
    *ผู้พิพากษาพูดว่า : “ วิญญาณที่ยกระดับแสงแห่งจิตญาณแล้ว จะได้รับโอกาสให้ไปเกิดใหม่บนโลกมนุษย์อีกครั้งเพื่อฝึกฝนเคี่ยวกรำจิตญาณ”
    *น่าดีใจจริงๆ อาอวี้ขออวยพรพวกเขาทุกคน ขอให้พวกเขาพ้นจากความทุกข์ได้รับความสุข มีความพากเพียรวิริยะบำเพ็ญปฏิบัติอยู่ในสัมมาธรรม
    *เดินไปดูๆที่หน้าประตูทางเข้าอีกครั้ง ยังมีวิญญาณรายใหม่ๆอีกเป็นจำนวนมากกำลังมาที่นี่ ดูเหมือนว่าพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์คงจะไม่มีทางได้พักผ่อนแน่ๆ เพราะยังมีเวไนยอีกเยอะแยะมากมายขนาดนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งนรกกว้างใหญ่อย่างไร้ขอบเขตประมาณ ไม่รู้เลยจริงๆว่าเมื่อไหร่ถึงจะสามารถฉุดช่วยได้หมดทั้งนรก
    *อาอวี้อยากถามผู้พิพากษา : “ วิญญาณบาปที่ถูกนายนิรยบาลนำตัวออกไปเมื่อครู่นี้ ชาติต่อไปของเขาจะเป็นอย่างไร ? ”
    *ผู้พิพากษาบอกว่า : “ เราจะพาท่านไปดู ”
    *ฉับพลันพวกเราก็มาถึงห้องโถงใหญ่ที่ใช้ในการพิจารณาตัดสินคดีความในทันที ได้เห็นวิญญาณบาปคนนั้นกำลังร่ำไห้ไม่หยุด เขาคุกเข่าลงกับพื้นขอบคุณในคำตัดสินของพญายม ได้ยินเขาพูดว่า “ ขอบคุณคำพิพากษาของพญายม ขอบคุณพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์เมตตา นับจากนี้ไปข้าพเจ้าจะกลับตัวกลับใจแก้ไขความผิดบาปและบำเพ็ญปฏิบัติอยู่ในสัมมาธรรมอย่างแท้จริง” หลังจากนั้นเขาก็ถูกนำตัวไปดื่มน้ำลืมชาติของยายเมิ่ง แล้วจึงไปเกิดใหม่
    *ขอถามผู้พิพากษา : “วิญญาณนี้ต่อไปภายหน้าเขาจะเป็นอย่างไรค่ะ? ”
    *เวลานี้ผู้พิพากษาได้เปิดสมุดบัญชีเกิดตายดูแล้วพูดว่า : “ วิญญาณนี้ถูกตัดสินให้ไปเกิดในครอบครัวที่ขาดความรู้และความเห็นที่ถูกต้องตามหลักสัมมาธรรม มีชีวิตที่ร่ำรวยเงินทอง แต่ตลอดชีวิตร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง ไม่มีเรื่องเจ็บป่วยใหญ่ด้วยโรคร้ายแรง แต่มีโรคเจ็บป่วยเล็กๆเป็นประจำต่ออย่างเนื่องไม่ขาด ชะตาชีวิตลิขิตให้ถูกคนอื่นหลอกลวงต้มตุ๋นอยู่เสมอๆ พออายุได้ ๓๐ปีก็เริ่มเข้าสู่หนทางของการบำเพ็ญปฏิบัติธรรม ซึ่งจะได้พบกับนิรมาณกายของพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ที่ตั้งใจแบ่งพระภาคไปเกิดกายอยู่บนโลกมนุษย์เพื่อฉุดช่วยเขาโดยเฉพาะ การบำเพ็ญปฏิบัติธรรมในชาตินี้ของเขาจะมีมารมากมายมาคอยขัดขวาง ชั่วชีวิตไม่มีลูกอยู่ดูใจและคอยฝังศพ นี่เป็นผลกรรมตอบสนองจากเศษกรรมส่วนที่เหลือจากชาติที่เกิดเป็นผีขโมยพลังธาตุ สำหรับการที่เขาเกิดมามีชีวิตร่ำรวยก็คือผลตอบสนองจากการทำบุญทำทานในชาติที่เกิดเป็นผู้บำเพ็ญปฏิบัติธรรม ที่เกิดมาร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงทั้งยังมีมารมากมายคอยขัดขวางการบำเพ็ญปฏิบัติธรรมก็เป็นผลกรรมจากการสูดกินพลังธาตุของคนอื่น ตลอดชั่วชีวิตของเขาก็คือการฝึกฝนเคี่ยวกรำจิตครั้งใหญ่ เป็นการทดสอบจิตใจครั้งใหญ่ ถึงแม้ว่าชีวิตความเป็นอยู่จะร่ำรวยแต่ก็มักจะมีจิตที่คิดอยากจะลักขโมยเกิดขึ้นเสมอๆ เป็นเพราะแรงกรรมของเขาทำให้เขามีจิตเช่นนี้เกิดขึ้น ถ้าหากเขาสามารถปฏิบัติตัวให้อยู่ในกรอบ ไม่ออกนอกลู่นอกทาง รักษาศีลวินัยอย่างเคร่งครัด ถึงแม้สุขภาพร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงแต่ก็ไม่มีจิตที่คิดกล่าวโทษ ถึงแม้จะถูกคนอื่นหลอกลวงแต่ก็ไม่แก้แค้นตอบโต้ ถึงแม้จะมีอุปสรรคและมารคอยขัดขวางมากมายแต่ก็ยังสามารถวางใจลงปลงใจได้ไม่เกิดความกลัดกลุ้มกังวล เมื่อเกิดจิตที่คิดจะลักขโมยก็สำนึกขอขมาแก้ไขความผิดบาป ถ้าหากทำได้เช่นนี้จิตญาณก็จะสามารถยกระดับขึ้นเรื่อยๆอย่างต่อเนื่อง แต่ถ้าหากไม่สามารถทำได้ ซ้ำยังทำในสิ่งที่ตรงกันข้ามก็อาจจะได้เจอกันใหม่อีกครั้งในนรก”
    *ข้าพเจ้าพูดว่า : “ อะไรกันค่ะ! ต้องมานรกอีกเหรอ ? ”
    *ผู้พิพากษาพูดว่า : “ เรื่องแบบนี้เป็นเรื่องที่พวกเราเห็นกันจนคุ้นเคยและกลายเป็นเรื่องปกติไปแล้ว พระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ฉุดช่วยเวไนยออกจากขุมนรก เวไนยสามารถได้ไปเกิดเป็นคนอยู่บนโลกมนุษย์ แต่ไม่นานนักพวกเขาก็กลับมาที่นรกอีก ด้วยเหตุนี้พระกษิติครรภ์โพธิสัตว์จึงอยู่ที่นรกภูมิคอยฉุดช่วยเวไนยออกไปอย่างไม่หยุดยั้ง เมื่อครู่นี้วิญญาณบาปนั้นบังเกิดปณิธานที่จะปกป้องพระสัทธรรม พระกษิติครรภ์โพธิสัตว์จึงตั้งใจแบ่งพระภาคออกมา ๑พระภาคไปอวตารเกิดกายอยู่บนโลกมนุษย์เพื่อฉุดช่วยเขาโดยเฉพาะ ดังนั้นทุกคนอย่าได้ดูแคลนความคิดของตัวเอง เพราะ ๑ความคิดที่บังเกิดออกมาจากโพธิจิตสามารถสื่อถึงพระพุทธะโพธิสัตว์ให้มาฉุดช่วย พระพุทธะโพธิสัตว์ก็อยู่ข้างกายของเวไนย เพียงแต่เวไนยไม่รู้เท่านั้นเอง ”
    *“ สำนึกคุณผู้พิพากษาจริงๆค่ะ วันนี้ทำให้อาอวี้ได้เรียนรู้หลักธรรมมากมายเลย ”
    *อาอวี้สวัสดีผู้พิพากษา ขึ้นดอกบัวขาวกลับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • dz-20.jpg
      dz-20.jpg
      ขนาดไฟล์:
      183.5 KB
      เปิดดู:
      55
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 ธันวาคม 2015
  13. นิรยะ

    นิรยะ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ตุลาคม 2015
    โพสต์:
    43
    ค่าพลัง:
    +30
    กฎนรกไร้ความปรานี ตอนที่ ๒๙
    คาถาแก้ววิเศษอานุภาพไร้ขอบเขต ได้เห็นสามอริยะเจ้าแห่งทิศทักษิณกอบกู้ความทุกข์ยากในแดนนรก

    *วันนี้อาอวี้ขออาศัยฤทธานุภาพและพลังจากพรของพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์เดินทางไปชมพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ฉุดช่วยเวไนยในนรกภูมิเพื่อบันทึกเหตุการณ์จริง
    *นาโมตี้จั้งผูซ่า นาโมตี้จั้งผูซ่า นาโมตี้จั้งผูซ่า
    (ขอนอบน้อมต่อพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ )
    *นาโมต้าเอวี้ยนตี้จั้งผูซ่า นาโมต้าเอวี้ยนตี้จั้งผูซ่า นาโมต้าเอวี้ยนตี้จั้งผูซ่า
    ( ขอนอบน้อมต่อพระมหาปณิธานกษิติครรภ์โพธิสัตว์ )
    *อาอวี้ต้องเลียนแบบพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ คอยฉุดช่วยเวไนยที่ทุกข์ยากออกจากทะเลทุกข์《กฎนรกไร้ความปรานี》จะต้องตีพิมพ์ให้เร็วที่สุด เพื่อให้ชาวโลกผู้หลงผิดหันหลังกลับคืนสู่ฝั่ง ละทิ้งความชั่วฝักใฝ่ความดี ฟื้นฟูความสว่างไสวของจิตญาณแห่งฟ้าปางก่อน
    *สำนึกคุณพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ประทานพร ขึ้นดอกบัวขาวออกเดินทาง ถึงนรกแล้ว ! คุกเข่ากราบพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์
    *พระกษิติครรภ์โพธิสัตว์เมตตาเผยยิ้มเล็กน้อย เปล่งรัศมีแห่งความเมตตาสว่างไสวตราบชั่วกาลนาน
    *พระกษิติครรภ์โพธิสัตว์สำแดงกายในรูปลักษณ์ของพระภิกษุที่มีความเมตตา นั่งขัดสมาธิเพชร ครั้งนี้พระกษิติครรภ์ประทับนั่งอยู่บนดอกบัวสีเขียว เป็นครั้งแรกที่เห็นพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์นั่งบนดอกบัวเขียว มือซ้ายถือแก้ววิเศษสีชมพู ส่วนมือขวาถือคทาบรรพชิตสีทอง ข้างกายมีสัตว์พาหนะชื่อตี้ทิง ด้านซ้ายของพระกษิติครรภ์คือเต้าหมิงฝ่าซือ ด้านขวาคือหมิ่นกงฮู่ฝ่า
    *อาอวี้คุกเข่ากราบเต้าหมิงฝ่าซือและหมิ่นกงฮู่ฝ่า
    *ครั้งนี้ข้าพเจ้าอาศัยฤทธานุภาพและพลังจากพรของพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์เข้าสู่นรกโดยตรง ไม่ได้เข้าสู่นรกโดยผ่านเส้นทางอื่นๆ ขณะนี้พวกเราทั้งหมดอยู่กลางอากาศ ข้าพเจ้ายืนอยู่เบื้องใต้ของพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ได้ยินเสียงร้องตะโกนที่โศกเศร้าและได้เห็นพระกษิติครรภ์เปล่งรัศมีประทานพร
    *เต้าหมิงฝ่าซือบอกว่านรกขุมนี้คือ “นรกร้องลั่น” วันนี้พระกษิติครรภ์โพธิสัตว์มาที่นี่เพื่อฉุดช่วยวิญญาณบาปคนหนึ่งให้ได้ไปผุดไปเกิด สามารถได้รับความเมตตากรุณาจากพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์เป็นสิ่งที่โชคดีขนาดไหน
    *เต้าหมิงฝ่าซือบอกว่า ลูกของวิญญาณบาปคนนี้ได้สวด《กษิติครรภ์โพธิสัตว์มูลปณิธานสูตร》ตลอดทั้งวันทั้งคืน ทำให้พระกษิติครรภ์มาที่นี่ มีอยู่ชาติหนึ่งที่วิญญาณบาปเคยเกิดเป็นผู้บำเพ็ญปฏิบัติธรรมที่ออกบวช เนื่องจากในชาตินั้นรักษาศีลวินัยไม่ค่อยบริสุทธิ์นักจึงไม่สามารถเข้าถึงวิมุตติ(ความหลุดพ้น) ต่อมาได้ไปเกิดในครอบครัวที่ร่ำรวย จิตญาณก็เริ่มตกต่ำ ประพฤติผิดในกาม จิตญาณก็ยิ่งตกต่ำลงเรื่อยๆจนต้องตกสู่นรก
    *ตอนนี้พระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ได้ให้หมิ่นกงฮู่ฝ่าลงไปก่อน หมิ่นกงฮู่ฝ่าลงไปคุยกับนายนิรยบาล ๒นายว่าพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ต้องการพบวิญญาณชื่อ...... หลังจากนั้นแป๊บหนึ่งนายนิรยบาลก็นำนักโทษชายออกมา นักโทษชายมีลักษณะที่แสดงออกถึงความทุกข์ทรมาน ตัวสั่นเทิ้ม ทั้งตัวเต็มไปด้วยเลือด เขาเจ็บปวดทรมานจนพูดไม่ออก สรุปคือเป็นผีก็ไม่เหมือนผี จะบอกว่าเป็นคนก็ยิ่งไม่เหมือนคน ช่างเป็นวิญญาณที่ดูอ่อนแอและเปราะบาง สภาพของเขาในตอนนี้ถ้าหากว่ามีลมพัดมา เขาคงจะถูกลมพัดไปถึงไหนต่อไหนแล้วก็ไม่รู้
    *พระกษิติครรภ์โพธิสัตว์พูดกับวิญญาณชายว่า : “ วันนี้มีมนุษย์โลกชื่อว่าซั่งกวนอวี้ฮว๋ามาเยี่ยมชมนรกภูมิ เพื่อเขียนหนังสือธรรมะชื่อว่า《กฎนรกไร้ความปรานี》เพื่อฉุดช่วยชาวโลก ให้พวกเขารักษาศีล ๕ ปฏิบัติตามกุศลกรรมบถ ๑๐ ชำระล้างจิตใจให้สะอาดบริสุทธิ์ ทำความดีสะสมบุญกุศล จะได้ไม่ต้องประสบพบเจอกับเคราะห์กรรมที่ทุกข์ทรมานในนรกเมื่อสิ้นอายุขัยลง ตอนนี้ให้ประสกเล่าให้อาอวี้ฟังซิว่า ประสกตกนรกได้อย่างไร ? แล้วตอนนี้ประสกรู้สึกอย่างไร ?
    *วิญญาณชายพยักหน้าแต่ยังคงพูดไม่ออก เวลานี้เต้าหมิงฝ่าซือรับเอาแก้ววิเศษสีชมพูจากมือของพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์แล้วลงไปหาวิญญาณชาย เต้าหมิงฝ่าซือท่องมนตร์ “กษิติครรภ์โพธิสัตว์ธรรมกายมุทรา” อย่างรวดเร็ว “อม ปรามารตะเน สวาหา” ทันใดนั้นแก้ววิเศษก็เปล่งแสงสว่าง สาดส่องไปทั่วทุกอณูพื้นที่ของนรกร้องลั่นแห่งนี้ ความทุกข์ทรมานต่างๆในนรกขุมนี้ก็หยุดลงทันที กายใจของวิญญาณบาปทั้งหลายต่างเงียบสงบลง วิญญาณชายก็ไม่ทุกข์ทรมานแล้ว คล้ายกับว่าร่างกายมีความแข็งแรง รู้สึกถึงความอบอุ่นที่แผ่ซ่านไปทั่ว ในที่สุดก็สามารถพูดออกมาได้แล้ว แม้แต่ข้าพเจ้ายังรู้สึกได้ถึงพลังจากพรนี้
    *วิญญาณชายบอกว่าเมื่อชาติที่แล้วเขาประพฤติผิดในกามและเนื่องจากมีจิตที่อิจฉาริษยาผู้บำเพ็ญปฏิบัติในสัมมาธรรมคนหนึ่ง ผู้บำเพ็ญปฏิบัติธรรมคนนี้เป็นฆราวาสที่ไม่ได้ออกบวช เขาไม่พอใจที่ฆราวาสคนนี้สามารถแผ่ขยายพระสัทธรรมออกไปให้เจริญรุ่งเรืองและได้รับความเคารพนบนอบจากผู้คน เขาจึงใส่ร้ายป้ายสีฆราวาสผู้บำเพ็ญธรรมคนนี้ว่าศีลวินัยไม่สะอาดบริสุทธิ์ เพราะการใส่ร้ายป้ายสีนี้ ทำให้ผู้คนที่ศรัทธาจำนวนมากหมดความศรัทธาลงและตีตัวออกห่างจากฆราวาสผู้บำเพ็ญคนนี้ ซึ่งเป็นการตัดขาดชีวิตปัญญาญาณของผู้บำเพ็ญปฏิบัติธรรมคนอื่นๆ ยามปกติถึงแม้ตัวเองจะเป็นผู้บำเพ็ญปฏิบัติในพุทธธรรม แต่เมื่อสิ้นอายุขัยลงก็ยังต้องตกนรก ทุกๆเวลาทุกๆนาทีมีแต่ความทุกข์ทรมานอย่างถึงที่สุด ตอนนี้โชคดีที่ลูกชายโตขึ้นก็เริ่มศึกษาพุทธธรรม และที่โชคดีเป็นอย่างยิ่งก็คือลูกชายมีความพากเพียรวิริยะ ทุกๆวันสวดท่อง《กษิติครรภ์โพธิสัตว์มูลปณิธานสูตร》เพื่ออุทิศให้กับเขา
    *เวลานี้วิญญาณชายคุกเข่าลงกับพื้นร้องห่มร้องไห้ด้วยเสียงอันดังและพูดว่า : “พระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ผู้มีมหากรุณาได้โปรดช่วยข้าพเจ้าออกไปด้วยเถิด ในนี้ทุกข์ทรมานเหลือเกิน หากข้าพเจ้าได้เกิดเป็นคนอีกครั้ง ข้าพเจ้าจะทำความดีชดใช้ความผิด ข้าพเจ้าสาบานว่าทุกภพทุกชาติจะบำเพ็ญปฏิบัติอยู่ในสัมมาธรรม ปกป้องพระสัทธรรม ได้โปรดช่วยข้าพเจ้าออกไปที ตอนนี้แม้แต่ลูกชายของข้าพเจ้าก็ยังรู้จักมีความกตัญญูกตเวที ทุกๆวันสวด《กษิติครรภ์โพธิสัตว์มูลปณิธานสูตร》อุทิศให้ข้าพเจ้า แต่ข้าพเจ้ากลับสร้างบาปกรรมให้ต้องตกนรก หากข้าพเจ้าได้เกิดเป็นคนอีก ทุกภพทุกชาติข้าพเจ้าจะต้องรักษาศีลวินัยให้สะอาดบริสุทธิ์ เป็นคนดีอุทิศตนเพื่อสังคม”
    *เพราะวิญญาณชายได้รับพรจากพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ ทำให้เขาหวนนึกถึงอดีตขึ้นมาได้ว่าในสมัยก่อนตัวเขาเองก็เคยสวดท่องพุทธนามของพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ เวลานี้เขาจึงสวดพุทธนามของพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ไม่หยุด “นาโมตี้จั้งผูซ่า นาโมตี้จั้งผูซ่า นาโมตี้จั้งผูซ่า” แสงแห่งจิตญาณของเขาเปลี่ยนเป็นแสงสว่างขึ้นมาแล้ว วิญญาณชายรู้สึกว่าตัวเริ่มเบาขึ้น เขาก็ยิ่งสวดท่องพุทธนามอย่างไม่หยุดยั้ง วิญญาณก็เริ่มลอยขึ้นสู่ด้านบน
    *อาอวี้ขอถามพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ : “ เพราะเหตุใดวิญญาณชายคนนี้จึงสามารถได้ไปผุดไปเกิดไวเช่นนี้ ? ”
    *พระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ชี้แนะว่า : “ วิญญาณชายคนนี้เคยเกิดเป็นผู้ออกบวช ถึงแม้ว่าศีลจะไม่ค่อยบริสุทธิ์นัก แต่ก็เคยรักษาภิกษุศีลได้บริสุทธิ์มาก่อน เพราะผลบุญนี้จึงทำให้เขาได้เกิดในครอบครัวที่มั่งคั่งร่ำรวยบนโลกมนุษย์ถึง ๗ชาติ มีลูกที่กตัญญูกตเวที แต่ทว่าในชาติที่ ๗ เขาประพฤติผิดในกามและยังใส่ร้ายป้ายสีผู้บำเพ็ญปฏิบัติธรรม จึงต้องตกนรกรับการลงโทษ ครั้งนี้ที่เขาได้ไปเกิดใหม่ก็เป็นเพราะลูกของเขามีความกตัญญู ทำความดีสะสมบุญกุศลเพื่อพ่อของตน และยังบังเกิดจิตมหาโพธิที่มีพลานุภาพมากอุทิศมาให้ บวกกับตัวของวิญญาณบาปเองก็สามารถบังเกิดจิตที่สำนึกขอขมาแก้ไขความผิดบาปอย่างจริงใจ ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม พระพุทธะโพธิสัตว์จะไม่ยอมทอดทิ้งเวไนยที่สามารถฉุดช่วยได้ไปแม้แต่คนเดียว”
    *พระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ยังบอกว่า : วิญญาณชายคนนี้จะได้ไปเกิดเป็นผู้หญิง และจะต้องรับเศษกรรมส่วนที่เหลือจากบาปกรรมของการประพฤติผิดในกามและใส่ร้ายป้ายสีผู้บำเพ็ญปฏิบัติธรรมอย่างต่อเนื่อง ผลของเศษกรรมทำให้เกิดการหย่าร้าง พูดความจริงแต่ก็จะไม่มีใครเชื่อถือ หลังจากที่เขาได้เกิดเป็นผู้หญิงแล้ว เขาจะได้บำเพ็ญปฏิบัติในพุทธธรรม ถ้าหากเขามีจิตศรัทธาที่หนักแน่นมั่นคงเพียงพอ บำเพ็ญปฏิบัติอยู่ในสัมมาธรรมจริงๆ ปกป้องพระสัทธรรมจริงๆตามคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้เมื่อครู่นี้ จิตญาณของเขาก็จะฟื้นฟูกลับมาสว่างไสวทีละขั้นๆตามลำดับ
    *ดูวิญญาณหญิงอีกคนหนึ่งในนรกขุมนี้ นายนิรยบาลได้นำวิญญาณหญิงอีกคนหนึ่งออกมา เมื่อเต้าหมิงฝ่าซือท่องมนตร์ แก้ววิเศษก็เปล่งแสงประทานพรแก่วิญญาณหญิง สภาพของวิญญาณหญิงเกิดการเปลี่ยนแปลงจากเดิมเพียงเล็กน้อย เต้าหมิงฝ่าซือต้องใช้เวลาท่องมนตร์นานหน่อย เมื่อได้รับพลังจากพร สภาพของวิญญาณหญิงก็เริ่มฟื้นฟูขึ้นจนเขาสามารถพูดได้
    *วิญญาณหญิงพูดว่า เมื่อชาติที่แล้วเขาชอบพูดจาเหน็บแนมให้คนอื่นเกิดความเจ็บปวด โดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวเขามีความอิจฉาริษยาลูกของสามีที่เกิดจากภรรยาคนก่อน เขามักจะดุด่าและทุบตีลูกเลี้ยงให้ได้รับบาดเจ็บจนเลือดตกยางออก ทำให้ลูกเลี้ยงหิวข้าวจนเป็นลมแล้วยังตีลูกเลี้ยงจนตาย ต่อแม่สามีนั้น เขาก็ไม่มีความกตัญญู อีกทั้งยังปฏิบัติต่อแม่สามีอย่างชั่วร้าย ชอบตีหัวแม่สามี บางครั้งตีจนแม่สามีหัวแตกเลือดไหล แต่เพราะแม่สามีเห็นแก่ความสามัคคีปรองดองภายในครอบครัวจึงไม่กล้าพูดว่าถูกลูกสะใภ้ตี สุดท้ายก็ทำให้แม่สามีโมโหตาย แม่สามีและลูกเลี้ยงได้นำเรื่องนี้ร้องเรียนต่อท่านพญายม ให้ท่านพญายมช่วยพิจารณาตัดสิน เมื่อเขาสิ้นอายุขัยลงแล้วนอกจากจะถูกตัดสินให้รับโทษในนรกร้องลั่นยังถูกตัดสินให้รับโทษในนรกขุมอื่นๆต่อ ตอนนี้เพียงแค่เพิ่งจะเริ่มต้นมารับการลงโทษที่นรกร้องลั่นเท่านั้น ทุกข์ทรมานอย่างสุดขีดจนไม่รู้ว่าจะผ่านพ้นช่วงเวลาเหล่านี้ไปได้อย่างไร
    *วิญญาณหญิงคุกเข่าลงกับพื้นวอนขอให้พระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ช่วยเขาออกไปจากนรก พระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ชี้แนะต่อวิญญาณหญิงว่า : “ ถ้าหากวันนั้นรู้ก่อนตั้งแต่แรก วันนี้ก็จะไม่ต้องมีสภาพเช่นนี้ นี่คือคำพิพากษาของพญายม ความดีทั้งมวลกตัญญูมาเป็นอันดับแรก พญายมเคารพเลื่อมใสคนที่มีความกตัญญูกตเวทีที่สุด ตลอดชีวิตกตัญญูเลี้ยงดูพ่อแม่ก็ยังไม่สามารถตอบแทนพระคุณของพ่อแม่ที่ให้กำเนิด คอยเลี้ยงดูและอบรมสั่งสอน มิกล้าที่จะปฏิบัติต่อพ่อแม่อย่างหยาบคาย อกตัญญูคือบาปที่กฎนรกไม่สามารถให้อภัยได้ ตามหลักเหตุผล สีกาควรจะสำนึกขอขมาแก้ไขความผิดบาปอย่างสุดกำลัง ฟ้ามีบุญคุณต่อทุกชีวิต รักทะนุถนอมทุกชีวิต มีคุณธรรมไม่เข่นฆ่า ลูกของสามีที่เกิดจากภรรยาคนก่อนต้องสูญเสียแม่แท้ๆผู้ให้กำเนิดไปแล้ว ในจิตใจของเขาย่อมมีจุดบกพร่องขนาดใหญ่เกิดขึ้น สีกาควรจะดูแลเอาใจใส่ลูกเลี้ยงอย่างสุดชีวิตจิตใจ ปฏิบัติตัวให้เหมือนกับว่าตัวเองเป็นแม่ผู้ให้กำเนิด ช่วยชดเชยสิ่งที่ขาดตกบกพร่องภายในจิตใจของลูกเลี้ยงให้ได้รับการเติมเต็ม แต่คิดไม่ถึงเลยว่าสีกาจะดุด่าทุบตีลูกเลี้ยง ทำให้เขาหิวจนหน้ามืดเป็นลมแล้วยังตีเขาจนถึงแก่ความตาย ตีเด็กน้อยที่ไม่สามารถป้องกันตัวเองได้จนถึงแก่ความตาย มีจิตใจที่ชั่วร้ายอำมหิตจริงๆ สร้างเหตุเช่นนี้ก็ต้องรับผลเช่นนี้ จะต้องสำนึกขอขมาแก้ไขความผิดบาปอย่างถึงที่สุด คนที่จะสามารถช่วยสีกาได้ก็มีแต่ตัวสีกาเองเท่านั้น”
    *วิญญาณหญิงผู้ทุกข์ทรมานคุกเข่าอยู่บนพื้นวอนขอให้ตัวเองได้รับการให้อภัยพร้อมทั้งพูดว่า : “ พระโพธิสัตว์ได้โปรดช่วยเจ้าด้วย ข้าพเจ้าก้มกราบท่านแล้ว ได้โปรดเถอะ ชาติที่แล้วแต่ไหนแต่ไรมาก็ไม่มีใครเลยที่จะสามารถพูดถึงจุดบกพร่องของข้าพเจ้าได้ ไม่ว่าใครก็ตามที่กล้าพูดว่าข้าพเจ้าผิดแม้แต่คำเดียว ข้าพเจ้าก็จะโต้ตอบกลับไปด้วยคำหยาบคายในทันที ยิ่งกว่านั้นก็ถึงขั้นลงไม้ลงมือทุบตีคนที่กล้าพูดจาตำหนิข้าพเจ้า เวลาที่ข้าพเจ้าตีคนชอบตีที่หัวมากที่สุด ตีที่หัวสามารถทำให้ฝ่ายตรงข้ามมึนและสลบได้ ข้าพเจ้าก็จะเป็นฝ่ายชนะ ข้าพเจ้าชอบชัยชนะและไม่เคยยอมรับความพ่ายแพ้ วันนี้ได้รับฟังคำสั่งสอนของพระโพธิสัตว์ทำให้รู้ว่าตัวเองได้ทำผิดอย่างร้ายแรง ข้าพเจ้ารู้สำนึกผิดแล้ว พระโพธิสัตว์ได้โปรดช่วยข้าพเจ้าด้วยเถิด ข้าพเจ้าต้องการออกไปจากนรก” เวลานี้นายนิรยบาลได้นำตัวของวิญญาณหญิงกลับไปรับโทษตามเดิม ข้าพเจ้ามองเห็นแสงแห่งจิตญาณของวิญญาณหญิงไม่มืดมัวเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว แต่ก็ยังไม่ค่อยสว่างนัก
    *ข้าพเจ้าขอเรียนถามพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ : “ วิญญาณหญิงคนนั้นจะต้องรับการลงโทษในนรกทั้งหมดก่อน จึงจะสามารถหลุดพ้นออกไปจากนรกได้ใช่หรือไม่ ? ”
    *พระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ชี้แนะว่า : “ เหตุบุญปัจจัยในวันนี้จะทำให้ต่อไปในภายภาคหน้าเมื่อเขาได้ไปเกิดใหม่บนโลกมนุษย์สามารถได้พบเจอกับพระสัทธรรมและได้บำเพ็ญปฏิบัติในสัมมาธรรม แต่นั่นก็เป็นเรื่องในอนาคตอันไกลโพ้นที่ไกลแสนไกล ตอนนี้คือการปลูกเพาะเหตุปัจจัยบุญสัมพันธ์ที่ดีลงไปก่อน”
    *ขอสำนึกคุณพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ที่ชี้แนะ คำชี้แนะของพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ดุจดั่งน้ำทิพย์ที่ชโลมกายใจให้ชุ่มชื่น
    *อาอวี้คุกเข่ากราบลาพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์
    *คุกเข่ากราบเต้าหมิงฝ่าซือ
    *คุกเข่ากราบหมิ่นกงฮู่ฝ่า
    *ขึ้นดอกบัวขาวกลับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • dz-17.jpg
      dz-17.jpg
      ขนาดไฟล์:
      233.7 KB
      เปิดดู:
      48
  14. นิรยะ

    นิรยะ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ตุลาคม 2015
    โพสต์:
    43
    ค่าพลัง:
    +30
    กฎนรกไร้ความปรานี ตอนที่ ๓๐

    ผู้พิพากษาเปิดเผยความเป็นจริงของ《พระบรมมหารัตนเทวราชโองการ》 ปกป้อง《พระบรมมหารัตนเทวราชโองการ》และ《กฎนรกไร้ความปรานี》สุดกำลัง

    *สำนึกคุณพุทธานุภาพปกปักคุ้มครอง ! ขึ้นดอกบัวขาวออกเดินทาง
    *อาหมีถัวฝอ! อาอวี้สวัสดีผู้พิพากษาค่ะ !
    *อาอวี้ขอถามผู้พิพากษา : “เกี่ยวกับหนังสือ【玉曆寶鈔อวี้ลี่เป่าเชา 】《พระบรมมหารัตนเทวราชโองการ》 ที่เผยแพร่อยู่บนโลกมนุษย์มานานแล้ว อาอวี้อยากรู้ว่าข้อมูลในหนังสือเล่มนี้เป็นความจริงหรือความเท็จค่ะ ? ความจริงแล้วเรื่องนี้เป็นอย่างไร ? ”
    *ผู้พิพากษาตอบกลับมาว่า : “ ข้อมูลในหนังสือ《พระบรมมหารัตนเทวราชโองการ》เป็นความจริง พญายมราชฟงตูมีจิตมหากรุณาตั้งใจจะให้หนังสือเล่มนี้ได้เล่าขานสืบทอดต่อๆกันไปในโลกมนุษย์ หนังสือ《พระบรมมหารัตนเทวราชโองการ》นั้น เกิดจากผู้บำเพ็ญพรตท่านหนึ่งในศาสนาเต๋า มีอยู่ครั้งหนึ่งในระหว่างที่ตั้นชือเต้าหยินกำลังถือความสันโดษปฏิบัติฌานสมาธิ จิตญาณของเขาได้ออกจากร่างแล้วไปท่องเที่ยวในแดนนรก หลังจากนั้นเขาจึงเขียนหนังสือ《พระบรมมหารัตนเทวราชโองการ》ขึ้นมาเป็นต้นฉบับที่เขียนด้วยลายมือ ต่อจากนั้นจึงได้นำต้นฉบับที่เขียนด้วยลายมือถ่ายทอดให้กับอู้หมีเต้าหยินซึ่งเป็นลูกศิษย์ ด้วยเหตุนี้《พระบรมมหารัตนเทวราชโองการ》จึงเริ่มเผยแพร่ออกไป ตอนที่ตั้นชือเต้าหยินไปท่องเที่ยวนรกในตอนนั้นไม่ได้เผยแพร่หนังสือ《พระบรมมหารัตนเทวราชโองการ》ออกสู่สายตาชาวโลกในทันที ก่อนที่เขาจะสิ้นใจลงจึงได้ฝากฝังลูกศิษย์ซึ่งก็คืออู้หมีเต้าหยินให้เผยแพร่หนังสือนี้สู่สายตาชาวโลก
    *นรกในตอนนั้นเล็กกว่าในสมัยปัจจุบันนี้มากๆ ในเวลานั้นมีจ้าวแห่งยมโลกพญายมราชฟงตูเป็นผู้บัญชาการสูงสุดเพียงคนเดียว เบื้องล่างมีพญายมจากนรกทั้ง ๑๐ขุมเป็นรองผู้บัญชาการสูงสุดคอยรับคำสั่งจากพญายมราชฟงตู พญายมทั้ง ๑๐ขุมแบ่งการควบคุมบริหารออกเป็นนรกแต่ละขุม แต่ละขุมยังแบ่งเป็นนรกใหญ่น้อยภายใต้บังคับบัญชาอีกหลายขุม
    *นรกในสมัยปัจจุบัน ผู้บัญชาการสูงสุดของนรกยังคงเป็นจ้าวแห่งยมโลกพญายมราชฟงตู เบื้องล่างภายใต้บังคับบัญชาจากเดิมที่เมื่อก่อนมีพญายม ๑๐ท่านจากนรก ๑๐ขุม ตอนนี้ได้เพิ่มพญายมขึ้นอีก ๒ท่าน เพราะเพิ่มพญายมอีก ๒ท่าน ทำให้สามารถแบ่งเบาปริมาณงานลงไปได้ส่วนหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งปริมาณงานที่มากเกินพิกัดของนรกกามาที่พญายมแต่ละท่านจะต้องแบกรับไว้
    *ปัจจุบันนี้นรกได้ขยายพื้นที่จนมีขนาดกว้างใหญ่ขึ้นกว่าเดิมมากๆ นรกกามาที่ท่านได้เข้าชมในช่วงก่อนหน้านี้ นรกที่อยู่ทางด้านทิศเหนือและนรกที่อยู่ทางด้านทิศตะวันตกของนรกกามา ปัจจุบันนี้ที่นั่นก็มีพญายมคอยดูแลอยู่ ๑ท่าน ชื่อว่า “ชิงผิงหวัง” พญายมชิงผิงหวังควบคุมบริหารนรกใหญ่น้อยต่างๆภายในเขตภูมิภาคของนรกกามาโดยเฉพาะ นรกกามาคือนรกที่ครอบคลุมพื้นที่กว้างใหญ่ที่สุดในนรกภูมิของพวกเราในขณะนี้ ภายในนรกกามายังสร้างนรกขุมใหม่ๆเพิ่มขึ้นตามความเหมาะสม นรกบางขุมก็ผ่านการปรับปรุงภายในใหม่ นอกจากนี้ยังมีพญายมอีก ๑ท่านชื่อว่า “ไห่ซันหวัง” รับผิดชอบควบคุมบริหารนรกจิตธรรมญาณที่อยู่ทางทิศใต้ เบื้องล่างของนรกจิตธรรมญาณขุมนี้ยังมีนรกอีก ๘ขุม ด้านในมีเมืองร้องไห้ตายอย่างไม่เป็นธรรม ซึ่งท่านเคยเข้าชมไปแล้ว และยังมีนรกสิ้นเปลืองอาหาร นรกธัญพืชทั้ง ๕เก็บเกี่ยวอุดมสมบูรณ์ นรกมิจฉาทิฏฐิใส่ร้ายป้ายสี นรกวัชรยาน เป็นต้น คนในยุคปัจจุบันตกนรกเหล่านี้กันเป็นจำนวนมาก พญายมไห่ซันหวังมีหน้าที่รับผิดชอบควบคุมบริหารนรกขุมใหม่ๆเหล่านี้ และนรกขุมใหม่ๆเหล่านี้ตั้นชือเต้าหยินก็ยังไม่เคยเข้าชมเลยแม้แต่ขุมเดียว จิตใจของคนในสมัยก่อนยังบริสุทธิ์ดีงาม ต่างจากคนในสมัยนี้ที่กำเริบเสิบสานทำชั่วกันอย่างโจ่งแจ้งเปิดเผยโดยไม่เกรงกลัวใดๆ เมื่อก่อนนรกแค่ ๑๐ขุมก็เพียงพอแล้วสำหรับการลงโทษเวไนยที่ก่อกรรมทำชั่ว สร้างอกุศลกรรมบถ ๑๐ แต่ปัจจุบันคนทำชั่วกันเป็นจำนวนมาก คนที่ทำดีมีน้อยเป็นอย่างยิ่ง ใน ๕๐๐คนไม่มีซักคนเดียวที่จะทำความดีรักษาศีล คนที่ทำความชั่วละเมิดศีลมีอยู่ทั่วไปทุกหนแห่ง สามารถพบเห็นได้ทุกๆที่
    *《พระบรมมหารัตนเทวราชโองการ》และ《กฎนรกไร้ความปรานี》ทั้ง ๒เล่มนี้เป็นหนังสือล้ำค่าที่นรกแพร่งพรายออกมาเพื่อกล่อมเกลาใจคน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง《กฎนรกไร้ความปรานี》จะบรรยายได้ละเอียดชัดเจนมากยิ่งขึ้น และเป็นสภาพการเปลี่ยนแปลงที่จริงที่สุดของนรกในขณะนี้ เง็กเซียนฮ่องเต้และจ้าวแห่งยมโลกพญายมราชฟงตูมีความมุ่งหวังว่า《กฎนรกไร้ความปรานี》จะสามารถออกมาเผยแพร่สู่โลกมนุษย์ให้ไวที่สุดเท่าที่จะไวได้ เพื่อกอบกู้ใจคน ชำระล้างจิตใจคนให้สะอาดบริสุทธิ์ ให้ชาวโลกจำนวนมากมายมหาศาลที่ต้องตกนรกทุกวันอย่างต่อเนื่องไม่หยุดสามารถลดปริมาณลง
    *วันนี้พอเท่านี้ก่อน มีคำถามค่อยมาใหม่ ”
    *อาหมีถัวฝอ ! อาอวี้สำนึกคุณผู้พิพากษา ขึ้นดอกบัวขาวกลับ
     
  15. นิรยะ

    นิรยะ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ตุลาคม 2015
    โพสต์:
    43
    ค่าพลัง:
    +30
    กฎนรกไร้ความปรานี ตอนที่ ๓๑
    การลงทัณฑ์ในนรกอเวจีโหดเหี้ยมจนไม่อาจทนมองดูได้ สัตว์เทวะตี้ทิงชี้แนะให้บำเพ็ญประโยชน์แก่ผู้อื่น
    *สำนึกคุณพุทธานุภาพปกปักคุ้มครอง ขึ้นดอกบัวขาวออกเดินทาง
    *อาหมีถัวฝอ ! อาอวี้คารวะสวัสดีผู้พิพากษา !
    *ขอถามผู้พิพากษา : “ เป็นไปได้หรือไม่ค่ะที่วันนี้อาอวี้จะขอเข้าชมพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ปลดเปลื้องความทุกข์ยากให้กับเวไนยทั้งหลายในนรก ? ”
    *ผู้พิพากษาพูดว่า : “ พระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ได้แบ่งพระภาคออกมามากมายหลายพระภาค เพื่อฉุดช่วยเวไนยทั้งหลายในนรกขุมต่างๆทั้งขุมน้อยขุมใหญ่ ไม่ทราบว่าท่านจะเข้าชมการโปรดสัตว์ในนรกขุมไหนดี ? ”
    *“ ข้าพเจ้าได้ยินคนบนโลกมนุษย์พูดว่าพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์มีนิรมาณกายอยู่ ๓กาย แบ่งเป็น นิรมาณกายในนรกภูมิ ๑กาย บนโลกมนุษย์ ๑กาย และบนสวรรค์อีก ๑กาย เป็นแบบนี้จริงๆใช่ไหมค่ะ ? ”
    *ผู้พิพากษาพูดว่า : “ พระกษิติครรภ์โพธิสัตว์มีกายเดียว บังเกิดมหาปณิธานที่ยิ่งใหญ่ว่า “หากนรกไม่ว่างเว้นจากหมู่สัตว์ที่ทุกข์ทรมานจะไม่ขอสำเร็จเป็นพระพุทธะ” จนถึงตอนนี้นรกก็ยังเต็มไปด้วยวิญญาณบาป ยังไม่ว่างเว้นจากหมู่สัตว์ที่ต้องรับทุกข์ทรมาน แต่แท้ที่จริงนั้นพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์มีมรรคผลพร้อมสมบูรณ์จนสำเร็จเป็นพระพุทธะแล้ว พระกษิติครรภ์ไม่เพียงฉุดช่วยเวไนยในนรกภูมิ โลกมนุษย์ และสวรรค์เท่านั้น พระกษิติครรภ์ยังแบ่งพระภาคไปฉุดช่วยเวไนยที่ทุกข์ยากในนรกของโลกธาตุอื่นๆด้วย นรกของโลกธาตุอื่นๆก็เช่นกัน พระกษิติครรภ์โพธิสัตว์จะฉุดช่วย เวไนยเหล่านั้นจนกว่าจะฉุดช่วยได้จนหมดทั้งนรก บางทีก็อาจจะเป็นเวไนยในพื้นที่อื่นๆ โลกธาตุอื่นๆ พระกษิติครรภ์ก็แบ่งพระภาคไปฉุดช่วยด้วยเช่นกัน พระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ไม่ได้แบ่งพระภาคออกมาแค่ ๓พระภาคเท่านั้น แต่แบ่งพระภาคออกมาถึงร้อยพันหมื่นโกฏิ แต่ละพระภาคก็ฉุดช่วยเวไนยในโลกธาตุต่างๆที่แตกต่างกัน พระกษิติครรภ์โพธิสัตว์มีเหตุปัจจัยบุญสัมพันธ์กับชาว โลกเป็นอย่างยิ่ง เพราะว่าเวไนยที่ตกนรกโดยส่วนใหญ่ก็คือเวไนยจากโลกมนุษย์นี่เอง ด้วยเหตุนี้พวกเราจะต้องสำนึกคุณของพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ที่เมตตากล่อมเกลาสั่งสอน
    *บนโลกมนุษย์นั้นมีนิรมาณกายของพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์อยู่มากมาย บางนิรมาณกายก็เพิ่งจะไปเกิดอายุยังไม่ถึง ๓ขวบ บางนิรมาณกายก็ยังเรียนหนังสืออยู่ บางนิรมาณกายก็เติบโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว ซึ่งต่อไปในภายภาคหน้านิรมาณกายต่างๆเหล่านั้น จะทำงานสานต่อพุทธกิจและชีวิตปัญญาญาณของเวไนยอย่างเงียบๆ ฉุดช่วยเวไนยตามเหตุปัจจัยบุญสัมพันธ์ บางนิรมาณกายของพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ก็ฉุดช่วยเวไนยอย่างเงียบๆตลอดชีวิตโดยที่ไม่มีใครรู้จัก บางนิรมาณกายก็อยู่ในอาณาจักรธรรมนำพระสัทธรรมเผยแพร่ให้กว้างไกลออกไป ซึ่งไม่ว่าจะเป็นนิรมาณกายแบบไหนก็ตามล้วนเป็นการจัดการวางแผนจากพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ในโลกที่มองไม่เห็นทั้งสิ้น นิรมาณกายเหล่านั้นอาจจะอยู่ข้างกายของพวกเรา ทำให้ความคิดและอุปนิสัยของพวกเราค่อยๆเกิดการเปลี่ยนแปลง โดยที่นิรมาณกายเหล่านั้นจะใช้การกระทำปฏิบัติออกมาให้พวกเราเห็นเป็นแบบอย่างอย่างเงียบๆ รวมทั้งสั่งสอนศีลธรรมจรรยาให้พวกเราสามารถแก้ไขปรับปรุงตัวเองให้ถูกต้อง เพียงแต่พวกเราไม่สามารถมองออกและจำได้ ว่าแท้ที่จริงแล้วคนที่อยู่ข้างกายของพวกเราก็คือนิรมาณกายของพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ คิดว่าเขาคือปุถุชนคนธรรมดาทั่วๆไป แล้วพระกษิติครรภ์เองก็ไม่ได้เปิดเผยฐานะของท่าน พวกเราจะต้องศึกษาเลียนแบบปณิธานที่กว้างใหญ่ของพระกษิติครรภ์ พระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ตั้งปณิธานที่จะฉุดช่วยเวไนย ก็เพราะดำเนินปฏิบัติตามปณิธานดังนั้นจิตอันเมตตาของพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์จึงแผ่ขยายครอบคลุมไปทั่วทั้ง ๑๐ทิศ ปณิธานก็ครอบคลุมไปทั่วอากาศธรรมธาตุทั้ง ๑๐ทิศ ถึงแม้จักรวาลจะสิ้นสุดแต่ปณิธานของพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ไม่มีที่สิ้นสุด สมมติว่าพวกเราเกิดปณิธานขึ้นมา ๑ข้อว่าจะทำทานให้ขอทาน นั่นก็คือมีปณิธานเกิดขึ้นแล้ว ๑ครั้ง แต่การให้ทานนั้นจะต้องไปทำอย่างต่อเนื่องนับไม่ถ้วนทุกภพชาติ ภายในใจก็จะปลูกเพาะเมล็ดพันธุ์แห่งการทำทานไว้ทุกภพชาติ ถ้าหากมีเพียงครั้งเดียวที่พบเห็นขอทานแล้วไม่ให้ทานนั่นก็คือไม่ได้ไปดำเนินปฏิบัติตามแรงปณิธาน พวกเราจะต้องศึกษาเลียนแบบพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ บังเกิดปณิธานที่ดีฉุดช่วยเวไนย ทุกๆความคิดของพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ล้วนดำเนินปฏิบัติตามแรงปณิธาน หากทุกความคิดดำเนินปฏิบัติตามแรงปณิธานก็จะมีผลสำเร็จคณานับ ผลสำเร็จที่คณานับก็จะบังเกิดอภินิหาร ฉุดช่วยเวไนยยิ่งมากอภินิหารก็ยิ่งเยอะ พลังของบุญกุศลก็จะมีมาก ทุกความคิดไม่ขาดจากการฉุดช่วยเวไนย อภินิหารก็มาก มายไร้ขอบเขตประมาณ อาศัยอภินิหารที่มากมายอย่างไร้ขอบเขตประมาณนี้ก็สามารถแบ่งพระภาคได้มากมายอย่างไม่มีขอบเขตจำกัดไปฉุดช่วยเวไนยในโลกธาตุต่างๆได้อย่างไม่มีขอบเขตจำกัด
    *ในนรกภูมิของพวกเราก็มีนิรมาณกายของพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์อยู่มากมาย ครั้งที่แล้วที่ท่านได้เข้าชมสถานที่ประชุมธรรม “หมิงกวงชูจ่วนถัง” พระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ที่อยู่ที่นั่นจะแสดงพระธรรมเทศนาวันละ ๓ครั้ง เช้า กลางวัน เย็น หลังจากที่วิญญาณบาปได้สดับฟังธรรมกุศลมูลก็จะแตกหน่อ อาศัยกุศลมูลและการบังเกิดจิตที่สำนึกขอขมาแก้ไขความผิดบาปนี้ พระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ก็จะช่วยให้พวกเขาได้พ้นออกไปจากนรก และยังมีอีกประเภทหนึ่งคือวิญญาณบาปที่มีบุญมากพอ พระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ก็จะแบ่งพระภาคไปอยู่ข้างกายของพวกเขาเหล่านั้นเพื่อคอยฉุดช่วย นี่คือหนึ่งในวิธีการฉุดช่วย วิญญาณบาปในนรกภูมิของพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ ซึ่งในแต่ละวันสามารถฉุดช่วยวิญญาณบาปออกจากนรกได้สำเร็จจำนวนมากมายนับไม่ถ้วน ถ้าหากวิญญาณบาปทั้งหลายในนรกไม่ได้รับการปกโปรดฉุดช่วยจากพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ จำนวนตัวเลขของวิญญาณบาปจะเพิ่มขึ้นอีกมากมายซักเท่าไหร่ก็ยังไม่รู้
    *นอกจากนี้ยังมีอีกประเภทหนึ่ง พระกษิติครรภ์โพธิสัตว์จะดูว่าลูกหลานของวิญญาณบาปมีความกตัญญูแค่ไหน ลูกหลานได้ทำอะไรบ้างเพื่อฉุดช่วยวิญญาณบรรพชนของพวกเขา ถ้าหากลูกหลานบนโลกมนุษย์สวดท่อง《กษิติครรภ์โพธิสัตว์มูลปณิธานสูตร》 สวดท่องพุทธนามของพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ สวดมนตร์ไหว้พระ ถวายสักการะ ปล่อยชีวิตสัตว์ พิมพ์พระสูตรคัมภีร์รวมทั้งหนังสือธรรมะเพื่อกล่อมเกลาจูงใจผู้คน ช่วยเหลือคนที่โดดเดี่ยวยากจนข้นแค้น สั่งสอนคนให้ทำความดีสะสมบุญกุศล แล้วนำบุญกุศลเหล่านี้อุทิศให้แก่วิญญาณบรรพชน พระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ก็จะฉุดช่วยวิญญาณบาปประเภทนี้ออกจากนรกภูมิ
    *พระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ยังสำรวจดูอีกว่าวิญญาณบาปมีเหตุบุญปัจจัยเพียบพร้อมที่จะได้รับการฉุดช่วยหรือไม่ มีวิญญาณบาปบางส่วนที่ไม่มีญาติพี่น้องหรือลูกหลานสร้างบุญกุศลมาฉุดช่วย แต่ทว่าในชาติที่ผ่านๆมาของพวกเขาเองก็มีรากบุญและเหตุปัจจัยบุญวาสนาอยู่ส่วนหนึ่ง อย่างเช่น มีบางคนที่เป็นผู้ออกบวช ถึงแม้พวกเขาจะผิดศีลและตกนรก แต่ก็เคยมีช่วงเวลาหนึ่งที่ทำความดีและสามารถรักษาศีลได้อย่างสะอาดบริสุทธิ์ หรือในชาติที่ผ่านมาบางคนอาจจะเคยมองรูปของพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ด้วยความเคารพ ถึงแม้จะเป็นเวลาเพียงแค่ชั่วแวบหนึ่ง หรืออาจจะเคยสงบจิตตั้งใจสดับฟังหรือสวดท่องพุทธนามของพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์เพียงแค่ชั่วขณะหนึ่ง พระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ก็จะมาช่วยวิญญาณบาปประเภทนี้เองถึงแม้จะไม่ได้เชิญให้ท่านมาช่วยก็ตาม”
    *ข้าพเจ้าพูดว่า : “ ถ้าอย่างนั้นวันนี้เราก็ไปนรกอเวจีที่ทุกคนได้ยินแล้วหวาดกลัวกันเถอะ ไม่รู้ว่าวันนี้พระกษิติครรภ์โพธิสัตว์จะไปที่นรกอเวจีไหมค่ะ? ”
    *ผู้พิพากษาบอกว่า : “ พระกษิติครรภ์โพธิสัตว์จะไปโปรดสัตว์ที่นรกทุกขุม ท่านยังไม่เคยเข้าชมนรกอเวจีงั้นตามเรามาเถอะ”
    *ต้องเดินทางผ่านเส้นทางสัญจรจึงจะสามารถทะลุไปถึงนรกอเวจีได้ ระหว่างทางได้ยินเสียงร้องตะโกนอย่างน่าเวทนาอย่างต่อเนื่องไม่หยุด ในนรกเต็มไปด้วยความน่าเวทนา ทุกข์ทรมานและน่าหวาดกลัวอย่างที่สุด ตอนนี้เข้าใจแล้วว่าเพราะเหตุใดก่อนที่ข้าพเจ้าจะเริ่มเขียนหนังสือ《กฎนรกไร้ความปรานี》พระโพธิสัตว์ถึงต้องการให้ข้าพเจ้ามีความพากเพียรวิริยะอย่างจริงจังในการบำเพ็ญปฏิบัติ เป็นเพราะว่าถ้าพลังสมาธิน้อยเกินไปก็จะถูกกลืนจมดิ่งลงด้วยพลังสนามแม่เหล็กด้านลบที่มีพลังรุนแรง ที่นี่ไม่ใช่สถานที่ๆมนุษย์ทั่วไปจะเข้ามาเลยจริงๆ หวังว่าเวไนยที่ทุกข์ยากในนรกภูมิจะสามารถได้ไปผุดไปเกิดในเร็ววัน หากไม่ใช่พลังแห่งพุทธานุภาพเป็นเกราะกำบังห่อหุ้มกายไว้ พลังก็จะต้องสิ้นเปลืองหมดไปมากเกินกว่าครึ่ง สำนึกคุณพุทธานุภาพปกปักคุ้มครอง ข้าพเจ้าจะต้องทำงานนี้ให้ดีเพื่อตอบแทนพระคุณของพระพุทธะ
    *เวลานี้จังหวะการเต้นของหัวใจข้าพเจ้าเริ่มไวขึ้น เสียงที่น่าหวาดกลัวมากๆดังแพร่สะพัดไปทั่วบริเวณ ที่นี่ไม่เหมือนกับนรกกามาที่ดูทันสมัยกว่า นรกขุมนี้มีประตูเหล็กที่ใส่กุญแจอย่างหนาแน่น เป็นการปิดล้อมที่แน่นหนามาก อ่า ! อุณหภูมิสูงมาก รู้สึกร้อนโคตรๆ
    *ผู้พิพากษาบอกว่า : “วิญญาณบาปที่อยู่ในนี้เข้าได้แต่ออกไม่ได้ วิญญาณที่มาถึงนรกขุมนี้ทั้งหมดเป็นพวกที่ก่อกรรมทำชั่วนับไม่ถ้วน บาปหนาสาหัสชั่วร้ายมาก ที่อยู่ใต้พื้นคือหินแม็กมาอุณหภูมิสูงเกินกว่า ๑๐๐๐องศาเซลเซียส นรกอเวจีก็คือโทษสูงสุดในนรกของพวกเรา”
    *ฮ้า ! ๑๐๐๐องศาเซลเซียส น่ากลัวเกินไปแล้ว ! ข้าพเจ้าสามารถมองลอดลูกกรงหน้าต่างเข้าไปด้านในของนรกอเวจี นรกอเวจีขุมนี้ไม่ใหญ่นัก ลักษณะภายนอกดูคล้ายกับจมูกของคน ส่วนภายในเป็นถ้ำมืด ถ้ำมืดนี้ทะลุไปถึงหินแม็กมาที่อยู่ใต้พื้น หินแม็กมาเหล่านั้นกำลังพ่นควันออกมาราวกับว่ากำลังร้อนไหม้อย่างหาที่เปรียบไม่ได้ วิญญาณบาปถูกควันจากหินแม็กมานึ่งจนสุกเต็มที่หลังจากนั้นก็ถูกโยนขึ้นไปบนหินแม็กมาที่กำลังพ่นควันอันร้อนระอุออกมาโดยที่วิญญาณบาปไม่ได้รับการฟื้นฟูสภาพใดๆ ยังคงอยู่ในสภาพที่ทุกข์ทรมานอย่างที่สุด เสียงกรีดร้องนั้นช่างน่าเวทนานัก จากนั้นวิญญาณบาปก็ถูกหินแม็กมาที่กำลังร้อนระอุเดือดปุดๆดูดกลืนเข้าไปรับโทษอีกครั้ง ตอนนี้วิญญาณบาปก็ร้องอย่างน่าเวทนาออกมาอีก ๑ครั้ง นรกอเวจีก็คือการรับโทษวนเวียนไปเรื่อยๆแบบไม่ขาดตอนอย่างนี้นี่เอง ช่างน่าเวทนาอย่างหาที่เปรียบไม่ได้จริงๆ
    *เมื่อครู่นี้ยังรู้สึกทั้งมืดทั้งร้อนอยู่เลยแท้ๆ ทำไมอยู่ๆถึงได้รู้สึกชุ่มชื่นฉ่ำเย็นขึ้นมาอย่างฉับพลันนะ ? เมื่อเงยหน้าขึ้นไปมองดู ที่แท้พระกษิติครรภ์โพธิสัตว์มาแล้ว คุกเข่ากราบพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ วันนี้พระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ไม่ได้สำแดงกายด้วยรูปลักษณ์ที่มีความเมตตา แต่สำแดงกายเป็นพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ที่ยืนโกรธกริ้วมีรัศมีวงกลมสีทองขนาดใหญ่ เท้าเหยียบยืนอยู่บนดอกบัวสีเขียว เบื้องล่างของดอกบัวสีเขียวมีไฟที่ลุกโชน แต่ไฟนี้ไม่ได้ทำให้รู้สึกร้อน ตรงกันข้ามกลับเป็นไฟที่ขจัดความคิดมิจฉาอันไม่ถูกต้อง มือซ้ายของพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ถือแก้ววิเศษสีแดงเพลิง มือขวาถือคทาบรรพชิตสีทองบนยอดคทามีดอกบัวสีแดงเพิ่มขึ้นมา ๑ดอก วันนี้พระกษิติครรภ์โพธิสัตว์มีฤทธานุภาพกำราบมาร มองแล้วทำให้คนไม่กล้ามีความคิดมิจฉาใดๆที่ไม่ถูกต้องเกิดขึ้นภายในจิตใจ มองแล้วทำให้เกิดความศรัทธายำเกรง เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์สำแสงกายด้วยรูปลักษณ์ที่น่าเกรงขามเช่นนี้ ส่วนเต้าหมิงฝ่าซือและหมิ่นกงฮู่ฝ่าก็ไม่แตกต่างจากเดิมเท่าไหร่นัก เต้าหมิงฝ่าซือสำแดงกายด้วยรูปลักษณ์ของภิกษุที่สง่างามน่าเกรงขาม มือทั้ง ๒ข้างไขว้สลับกันทำมุทราสยบมาร ส่วนหมิ่นกงฮู่ฝ่าก็ยืนพนมมืออยู่ข้างๆพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ สัตว์พาหนะตี้ทิงวันนี้ดูตัวใหญ่ขึ้นและแสดงอาการที่โกรธกริ้วออกมา
    *ทันใดนั้นก็มีข้าราชการจากทำเนียบนรกเข้ามารายงานว่าที่ห้องพิจารณาและตัดสินคดีมีเรื่องให้ผู้พิพากษาต้องไปจัดการแก้ไข ครั้นแล้วผู้พิพากษาก็บอกให้ข้าพเจ้าอยู่ดูเหตุการณ์ต่อไปด้วยตัวเอง หากมีข้อสงสัยให้ขอคำชี้แนะจากพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ ข้าพเจ้าพนมมือขึ้นกราบขอบคุณผู้พิพากษา
    *เวลานี้พระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ให้ข้าพเจ้าเหาะขึ้นไปด้านบน เพราะว่าอีกเดี๋ยวจะเปิดประตูนรกอเวจี ท่านเป็นห่วงว่าหินแม็กมาที่ร้อนจัด จะทำให้ข้าพเจ้าได้รับบาดเจ็บ ข้าพเจ้าจึงอาศัยฤทธานุภาพของพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์เหาะขึ้นมายืนอยู่กลางอากาศ ส่วนหมิ่นกงฮู่ฝ่าก็เหาะลงไปที่หน้าประตูเหล็กของนรกอเวจี นายนิรบาล ๒นายเปิดประตูออกมาแล้วรีบปิดประตูอย่างระมัดระวัง พวกเขากลัวว่าหินแม็กมาจะกระเด็นใส่หมิ่นกงฮู่ฝ่า หมินกงฮู่ฝ่าแจ้งแก่นายนิรยบาลว่าจ้าวแห่งยมโลกพญายมราชฟงตูมีบัญชาสามารถปล่อยวิญญาณบาปจำนวนหนึ่งออกมาเพื่อนำเสนอข้อมูลเป็นกรณีตัวอย่างให้อาอวี้ใช้เป็นข้อมูลประกอบในการเขียนหนังสือ พระกษิติครรภ์โพธิสัตว์กำชับว่าต้องการหยิบยกตัวอย่างจากวิญญาณบาป ๓คน ยามปกตินรกอเวจีไม่มีทางปล่อยวิญญาณบาปออกมาเด็ดขาด จากนั้นนายนิรยบาลก็เข้าไปนำวิญญาณบาปออกมา ๓คน เป็นชาย ๒คนและหญิงอีก ๑คน พวกเขาเจ็บปวดทรมานจนยืนไม่ขึ้น พูดไม่ได้แม้แต่คำเดียว ทั้งตัวเน่าเปื่อยพุพองและเต็มไปด้วยโคลนเลนเปรอะเปื้อน น่าสงสารอย่างที่สุด ข้าพเจ้ามองเห็นแล้วก็อยากจะร้องไห้ออกมา
    *ในเวลานี้เต้าหมิงฝ่าซือรับเอาแก้ววิเศษสีแดงเพลิงจากมือของพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์มา แล้วเริ่มท่องมนตร์ แก้ววิเศษเปล่งแสงสว่างไสวสาดส่องไปทั่วทั้งนรกอเวจี ทันใดนั้นทั่วทั้งนรกอเวจีก็บังเกิดความชุ่มฉ่ำเย็นและเงียบสงบอย่างหาที่เปรียบมิได้ ไม่มีเสียงร้องที่ทุกข์ทรมาน หินแม็กมาก็ไม่ร้อนแล้ว ความตื่นเต้นและอาการหัวใจเต้นเร็วของข้าพเจ้าก็หายไป รู้สึกจิตใจสงบอบอุ่นและสบายใจ เมื่อลองตั้งใจฟังอย่างละเอียดที่แท้เป็นมนตร์《กษิติครรภ์โพธิสัตว์ธารณี》ข้าพเจ้าชอบมนตร์บทนี้มาก เต้าหมิงฝ่าซือท่องมนตร์ไปได้ประเดี๋ยวเดียว วิญญาณบาปทั้ง ๓ก็เริ่มค่อยๆฟื้นฟูสติกลับคืนมา สมองปลอดโปร่งขึ้น วิญญาณชายก็เริ่มสามารถคุกเข่าลงบนพื้นได้แล้ว
    *พระกษิติครรภ์โพธิสัตว์พูดว่า : “มนุษย์โลกซั่งกวนอวี้ฮว๋าต้องการเขียนหนังสือ《กฎนรกไร้ความปรานี》เพื่อกล่อมเกลาชาวโลกชักจูงให้ชาวโลกกลับเนื้อกลับตัวเป็นคนดี ตอนนี้ประสกบอกกับอาอวี้ซิว่าประสกมาอยู่ที่นรกอเวจีได้อย่างไร ชาติก่อนทำผิดบาปอย่างไร ? ” วิญญาณชายทุกข์ทรมานจนร้องไห้เล่าออกมาว่า เมื่อชาติที่แล้วเขามุ่งศึกษาค้นคว้าและพัฒนายากระตุ้นความต้องการทางเพศ( ยาปลุกเซ็กซ์ ) แล้วตนเองยังสร้างหนังสือและซีดีลามกประเภทสำเร็จความใคร่ด้วยตัวเอง( ชักว่าว ) สามารถสร้างรายได้ให้ตัวเองมีเงินเป็นกอบเป็นกำ ตลอดชีวิตมีเพียงทำผิดเรื่องเหล่านี้ ตอนนี้รู้ตัวว่าทำผิดไปแล้ว ขอให้พระโพธิสัตว์โปรดช่วยชีวิตด้วย พระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ชี้แนะแก่วิญญาณชายว่า : “ยากระตุ้นความต้องการทางเพศรวมทั้งหนังสือและซีดีลามก เป็นสิ่งที่ทำลายจิตใจที่ดีงามของมนุษย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งซีดีสำเร็จความใคร่ด้วยตัวเองทำให้จิตใจของเด็กหนุ่มเกิดความหวั่นไหว เมื่อเลียนแบบทำตามก็จะเป็นการทำลายพลังหยางบริสุทธิ์ของร่างกาย ถ้าหากจิตใจแปดเปื้อนนิสัยความเคยชินที่ไม่ดีจากสิ่งเหล่านี้ ก็เท่ากับเป็นการทำร้ายร่างกายทำลายชีวิตของตัวเอง เป็นการตัดขาดจากชีวิตปัญญาญาณและต้องรับผลกรรมในนรก กฎนรกจะไม่ยกโทษให้ แน่นอนว่าจะต้องรอจนกว่าสิ่งลามกที่สร้างขึ้นมาทั้งหมดจะสูญสิ้นไปจากโลกมนุษย์ ประสกจึงจะสามารถหลุดพ้นไปจากนรกได้” เมื่อพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ชี้แนะเสร็จ วิญญาณชายก็ถูกผลักกลับเข้าไปในนรกทันที”
    *ต่อมาคือวิญญาณหญิง วิญญาณหญิงเล่าว่า : “เป็นเพราะชาติที่แล้วข้าพเจ้าหน้าตาสวย การศึกษาสูง พูดเก่ง แต่เป็นคนที่หยิ่งยโสและมีจิตใจที่ละโมบโลภมาก มีจิตอิจฉาริษยาที่รุนแรง ถึงแม้จะแต่งงานแล้วแต่ก็มองไม่เห็นหัวของสามี ไม่มีความกตัญญูกตเวทีต่อพ่อแม่ของสามี ใช้คำหยาบคายกับฝ่ายตรงข้ามเสมอๆ ชอบพูดแดกดันให้ฝ่ายตรงข้ามรู้สึกเจ็บปวด ข้าพเจ้าใช้ประโยชน์จากความสวยของตัวเองไปทำเรื่องนอกใจสามีอย่างลับๆ ใช้ความสามารถในด้านการพูด ทำให้ฝ่ายตรงข้ามนำเงินมามอบให้ข้าพเจ้าจนหมด หลังจากนั้นก็ทำให้ฝ่ายตรงข้ามเกิดความอัปยศจนกระทั่งโมโหตาย คิดว่าตัวเองฉลาดไม่มีใครรู้ทัน ผู้ชาย ๓คนที่ถูกข้าพเจ้าทำให้โมโหตาย ได้ไปร้องเรียนกับพญายมให้ลงโทษข้าพเจ้า พญายมจึงมีคำสั่งให้พวกเขาทั้ง ๓คน ขึ้นมาบนโลกมนุษย์เพื่อดึงวิญญาณของข้าพเจ้าลงไปรับโทษในนรก ก่อนที่ข้าพเจ้าจะมารับโทษที่นรกอเวจี ข้าพเจ้าได้รับการลงโทษต่างๆนานาจากนรกขุมอื่นๆมาแล้ว ขอให้พระโพธิสัตว์ได้โปรดช่วยข้าพเจ้าออกไปด้วยเถิด ถ้าหากข้าพเจ้าได้ไปเกิดเป็นคนใหม่อีกครั้งข้าพเจ้าจะไม่หลอกลวงคนอีกแล้ว”
    *พระกษิติครรภ์โพธิสัตว์กล่าวว่า : “สีกามีหน้าตาสวยเพราะชาติก่อนเคยถวายดอกไม้สดบูชาพระด้วยความบริสุทธิ์จริงใจ สามารถพูดเก่งและมีสติปัญญาที่เฉลียวฉลาดก็เพราะชาติก่อนอ่านพระสูตรคัมภีร์และสดับฟังธรรม แต่เพราะสีกามีความหยิ่งยโสจึงทำให้ชะตาชีวิตตลอดชีวิตของสีกาตกต่ำ สีกาจะต้องสำนึกขอขมาแก้ไขความผิดบาปและพิจารณาใคร่ครวญอย่างลึกซึ้งถึงบุญคุณอันยิ่งใหญ่ทั้ง ๔ สีกาก็อยู่ที่นรกอเวจีนี้ แล้วตั้งใจสำนึกขอขมาแก้ไขความผิดบาปให้ดีๆ” เมื่อพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์พูดจบ วิญญาณหญิงก็ถูกนายนิรยบาลใช้หอกง่ามทิ่มให้กลับเข้าไปในนรก ได้ยินเพียงเสียงกรีดร้องที่น่าเวทนา”
    *ต่อมาเป็นวิญญาณชายอีกคนหนึ่ง วิญญาณชายคนนี้พูดว่าชาติที่แล้วเขาขายยาปลอม ขายเหล้าปลอม และแอบค้าอาวุธสงครามอย่างลับๆ สามารถมีกำไรหาเงินได้เป็นกอบเป็นกำ บริษัทยิ่งเปิดก็ยิ่งใหญ่ขึ้น และยังใส่ร้ายป้ายสีทำลายชื่อเสียงคนอื่นเพื่อเพิ่มชื่อเสียงให้กับบริษัทของตัวเอง ตอนนี้มารับโทษในนรกอเวจี รู้ตัวว่าทำผิดก็สายเกินไปซะแล้ว
    *วิญญาณชายพูดว่า : “ พระโพธิสัตว์ได้โปรดช่วยข้าพเจ้าออกไปด้วย ได้โปรดเถิด ในนี้ทุกข์ทรมานจริงๆ ให้ข้าพเจ้าเป็นสุนัขอยู่ข้างกายท่านก็ได้ ข้าพเจ้าสามารถอยู่กับสุนัขตัวนี้ของท่านได้ ให้ข้าพเจ้าเป็นสุนัขข้างกายท่านอีกตัว ข้าพเจ้าจะอดทนต่อความยากลำบากโดยไม่ปริปากบ่นเลย โพธิสัตว์โปรดช่วยข้าพเจ้าออกไปที ”
    *พระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ชี้แนะว่า : “ ขายยาปลอมและเป็นพ่อค้าๆอาวุธสงคราม คือการทำร้ายทำลายชีวิตของผู้อื่นอย่างร้ายแรง นี่เป็นกฎต้องห้ามอย่างเด็ดขาดของโลกมนุษย์ ว่ากันตามกฎของนรกแล้วก็ต้องตกนรกอเวจีตลอดกาลไม่ได้ผุดไม่ได้เกิด ประสกจำเป็นจะต้องอยู่ที่นรกอเวจีนี้ แล้วสำนึกขอขมาแก้ไขความผิดบาปให้ดีๆ และที่อยู่ข้างกายของอาตมาตัวนี้ไม่สุนัข เขาชื่อตี้ทิง ตี้ทิงตัวนี้เขาเป็นผู้บำเพ็ญปฏิบัติธรรม เขาคือร่างอวตารที่เกิดจากพุทธจิตของอาตมา ไม่ใช่สัตว์ที่มาจาก ๖ภูมิวิถีแห่งการเวียนว่าย ”
    *“ เรียนถามพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ อาอวี้คุยกับตี้ทิงได้ไหมค่ะ? ”
    *พระกษิติครรภ์โพธิสัตว์บอกว่า : “ อาอวี้คุยเถอะ”
    *ข้าพเจ้าพูดว่า : “ อาหมีถัวฝอ ! ตี้ทิง ! ที่แท้ท่านก็เป็นผู้บำเพ็ญปฏิบัติธรรม เดิมทีแล้วข้าพเจ้าคิดว่าตี้ทิงเพียงแค่ติดตามพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ไปวันๆเท่านั้นเอง ช่างน่าเลื่อมใสตี้ทิงจริงๆที่สามารถได้ติดตามพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ไปฉุดช่วยเวไนยทั่วทุกๆพื้นที่ อาอวี้ขออนุโมทนาบุญกับตี้ทิงด้วย ”
    *ตี้ทิงพูดว่า : “ อาอวี้ท่านถ่อมตนเกินไปแล้ว ! พวกเราต่างก็กำลังบำเพ็ญปฏิบัติ อยู่ในฐานะตำแหน่งหน้าที่ไหนก็ทำเรื่องราวนั้นๆ เวไนยสรรพสัตว์ทั้งหลายควรที่จะสำแดงความสามารถที่ซ่อนอยู่ภายในออกมาอย่างเต็มที่ ภาระหน้าที่อันพึงกระทำของตนก็ต้องทำออกมาให้ดี และในขณะเดียวกันก็จะต้องสอดคล้องกับหลักธรรม ไม่ทำในสิ่งที่ผิดทำนองคลองธรรม การช่วยเหลือผู้อื่นทำเรื่องที่เป็นประโยชน์ต่อผู้อื่น แท้ที่จริงแล้วก็คือช่วยเหลือตัวเองสะสมบุญกุศล พวกเรายังไม่ประจักษ์และเข้าถึงในพุทธผล การทำเรื่องที่เป็นประโยชน์ต่อผู้อื่นก็คือการทำเรื่องที่เป็นประโยชน์ต่อตัวเอง เพราะว่าบุญกุศลของพวกเรายังไม่ถึงพร้อมสมบูรณ์ เมื่อบุญกุศลยังไม่ถึงพร้อมสมบูรณ์ พวกเราก็จะต้องสะสมบุญกุศลไว้เป็นเสบียงบุญให้กับตัวเอง ดังนั้นการช่วยเหลือผู้อื่น ยังประโยชน์ให้กับผู้อื่นก็คือสะสมเสบียงบุญให้กับตัวเอง มีเพียงพระพุทธะเท่านั้นที่มีบุญกุศลเพียบพร้อมสมบูรณ์ ฉะนั้นจึงสามารถพูดได้ว่าพระพุทธะคือผู้ที่ยังประโยชน์ให้กับผู้อื่นโดยสมบูรณ์อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ตี้ทิงโชคดีได้เป็นองครักษ์ของพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ทำให้ตี้ทิงมีโอกาสได้ฝึกฝนเรียนรู้ ”
    *ข้าพเจ้าพูดว่า : “ ตี้ทิงช่างสมกับเป็นผู้พิทักษ์ธรรมที่อยู่ข้างกายของพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์จริงๆ คำพูดที่ตี้ทิงพูดออกมานั้นไม่ใช่ธรรมดาเลย อาอวี้ขออนุโมทนาๆ”
    *อาอวี้ขอเรียนถามพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ : “ วิญญาณหญิงเมื่อครู่นี้ พระโพธิสัตว์บอกว่า ชาติที่ผ่านมาเขาเคยศึกษาพุทธธรรม แต่ตอนนี้เขาตกนรกอเวจีตลอกกาลไม่ได้ผุดไม่ได้เกิด นั่นก็เท่ากับว่าเขาไม่มีความหวังใดๆอีกต่อไปแล้วใช่ไหมค่ะ ? "
    *พระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ชี้แนะว่า : “ เมื่อครู่นี้อาตมาบอกกับเขาว่า จะ ต้องสำนึกขอขมาแก้ไขความผิดบาป ถึงแม้เขาบอกว่าจะแก้ไขความผิดบาป แต่ความจริงแล้วในขณะนี้ จิตใจของเขายังไม่ได้เข้าถึงการสำนึกขอขมาแก้ไขความผิดบาปอย่างจริงใจ แต่เป็นเพราะว่าเขาได้รับความทุกข์ทรมานจากนรกอเวจี เลยทำให้เขาอยากจะรีบๆออกไปให้พ้นๆจากนรกขุมนี้เร็วๆเท่านั้นเอง รอให้เวลาผ่านไปอีกซักระยะ เมื่อจิตใจของเขาสะอาดบริสุทธิ์กว่านี้ อาตมาจะกลับมาฉุดช่วยเขาที่นี่อีกครั้ง ตอนนี้เขายังต้องฝึกฝนจิตอยู่ในนรกอเวจีแห่งนี้ต่อไปเรื่อยๆ ”
    *ข้าพเจ้าพูดว่า : “ พระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ปฏิบัติได้ถึงมหาปณิธานที่ว่า “หากนรกไม่ว่างเว้นจากหมู่สัตว์ที่ทุกข์ทรมานจะไม่ขอสำเร็จเป็นพระพุทธะ”อย่างแท้จริง อาอวี้จะต้องฝึกฝนเรียนรู้ตามแบบอย่างของพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ ”
    *อาอวี้สำนึกพระคุณอันไร้ขอบเขตของพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ที่ชี้แนะสั่งสอน ศิษย์อาอวี้ ขอก้มกราบอย่างสุดใจ ทศจักรถอดถอนออกมาซึ่งความทุกข์ยาก ยังประโยชน์ทั้งยมโลกและเมืองมนุษย์
    *มหาอริยา มหาเมตตา มหาปณิธานพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์มหาสัตว์
    *ขึ้นดอกบัวขาวกลับ

    *คำอธิบายเพิ่มเติม
    *บุญคุณอันยิ่งใหญ่ทั้ง๔ ( ซื่อจ้งเอิน ) อ้างอิงข้อมูลตามพระสูตรในพุทธศาสนาฝ่ายมหายานต้าเซิ่งเปิ่นเซิงซินตี้กวนจิง บทเป้าเอินผิ่น大乘本生心地觀經。报恩品 บุญคุณอันยิ่งใหญ่ทั้ง ๔ คือ บุญคุณของพ่อแม่ บุญคุณของมนุษยชาติ (บุญคุณของเวไนย) บุญคุณของประเทศชาติและแผ่นดิน บุญคุณของพระรัตนตรัย
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • dz-25.jpg
      dz-25.jpg
      ขนาดไฟล์:
      496.8 KB
      เปิดดู:
      53
    • 2201254020.png
      2201254020.png
      ขนาดไฟล์:
      681.7 KB
      เปิดดู:
      57
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 ธันวาคม 2015
  16. นิรยะ

    นิรยะ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ตุลาคม 2015
    โพสต์:
    43
    ค่าพลัง:
    +30
    กฎนรกไร้ความปรานี ตอนที่ ๓๒
    ผู้พิพากษาบอกว่า พระแม่มารีคือนิรมาณกายของพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ ( พระโพธิสัตว์กวนอิม )
    -พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์มาปลดเปลื้องความทุกข์ให้เวไนยในนรกภูมิ

    *สำนึกคุณพุทธานุภาพปกปักคุ้มครอง ! ขึ้นดอกบัวขาวออกเดินทาง !
    *อาหมีถัวฝอ ! อาอวี้พนมมือไหว้ผู้พิพากษา !
    *“ ผู้พิพากษาค่ะ! อาอวี้อยากรู้ว่า นอกจากพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์แล้ว ยังมีพระอริยะเจ้าองค์อื่นๆอีกหรือไม่ค่ะ ที่มาปลดเปลื้องความทุกข์ยากให้กับ เวไนยในนรกภูมิ ? ”
    *ผู้พิพากษาบอกว่า : “ มีสิ ! ยังมีพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ พระมัญชุศรีโพธิสัตว์ พระอมิตาภะพุทธเจ้า พระไภษัชยคุรุตถาคต และพระอริยะเจ้าองค์อื่นๆ พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ พระมัญชุศรีโพธิสัตว์ และพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ ถึงแม้ว่าจะสำแดงกายเป็นพระโพธิสัตว์ในการโปรดฉุดช่วยเวไนยสัตว์ แต่แท้ที่จริงแล้วทุกพระองค์ต่างมีบุญกุศลมรรคผลพร้อมสมบูรณ์สำเร็จเป็นพระพุทธะแล้ว ระหว่างพระองค์กับพระพุทธะไม่มีความแตกต่างกันเลย ที่เรียกว่า “ เมื่อมีพระพุทธะเกิดขึ้นในโลก ๑องค์ พระพุทธะนับ ๑๐๐๐องค์ต่างก็มาร่วมกันส่งเสริม ”
    *พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ได้สำเสร็จเป็นพระพุทธะตั้งแต่สมัยอดีต ในขสงไขยกัปที่เนิ่นนานประมาณมิได้ผ่านมาแล้ว มีพระนามว่า “พระสัทธรรมวิทยาตถาคต” ส่วนพระมัญชุศรีโพธิสัตว์ก็เป็นพุทธาจารย์ของ ๗พระพุทธะ พระพุทธะโพธิสัตว์ไม่มีจิตที่แบ่งแยกว่า ใครเป็นที่ ๑ ใครเป็นที่ ๒ หรือใครเป็นรองใคร ทุกพระองค์ล้วนมีความเสมอภาค รัศมีส่องสว่างซึ่งกันและกัน แสงประภาสตอบสนองซึ่งกันและกัน พระพุทธะคือผู้ที่มีรัศมีแห่งกายสว่างไสวที่สุด สะอาดบริสุทธิ์ที่สุด และมีสติปัญญาญาณสูงส่งที่สุดในจักรวาล เพียบพร้อมด้วยอภินิหาร ไม่มีสิ่งใดที่ไม่สามารถทำได้ ไม่มีสิ่งใดที่ไม่รู้ และสิ่งที่พระพุทธะโพธิสัตว์ทุกพระองค์ต่างมีเหมือนกันนั่นก็คือ มีมหาเมตตาต่อเวไนยทั้งปวงอย่างเสมอภาค ถึงแม้ว่าเวไนยจะไม่มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องอะไรกับพระองค์ มีมหากรุณามองเห็นกายของเวไนยกับกายของพระองค์คือกายเดียวกัน เห็นความทุกข์ยากของเวไนยคือความทุกข์ยากของพระองค์เอง นั่นก็คือ พระพุทธะโพธิสัตว์จะต้องรักษาระดับของสติปัญญาและความเมตตากรุณาทั้ง ๒อย่างนี้ ให้อยู่ในระดับที่สูง และจะต้องมีความสมดุลกันตลอดไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งทั้งสติปัญญาและความเมตตากรุณา ๒อย่างนี้จะต้องมีความสอดประสานกัน และสำแดงพลังทั้ง ๒อย่างออกมาพร้อมกันเป็นความรักและความเมตตาที่มีความเสมอภาค ไม่แบ่งแยกว่าเป็นมิตรหรือศัตรู ไม่แบ่งแยกชนชาติ ศาสนา หรือนิกาย ถึงแม้จะเป็นเพียงพืชและสัตว์ที่มีความอ่อนแอและอายุสั้น ก็ยังคงมีความเสมอภาคมอบความรักความเมตตาปกโปรดฉุดช่วย นี่ก็คือความแตกต่างระหว่างพระพุทธะโพธิสัตว์กับปุถุชนคนธรรมดา เพราะคนธรรมดาไม่สามารถรักษาระดับของสติปัญญาและความเมตตากรุณาทั้ง ๒อย่างนี้ให้อยู่ในระดับที่สูงและมีความสมดุลกัน ด้วยเหตุนี้คนธรรมดาจึงไม่สามารถมาที่นรกภูมิเพื่อฉุดช่วยเวไนยสัตว์ แต่พระพุทธะโพธิสัตว์สามารถมาฉุดช่วยเวไนยสัตว์ที่นรกภูมิได้ตลอดเวลา
    *พระพุทธะโพธิสัตว์มาฉุดช่วยเวไนยในนรกก็จะปฏิบัติตามกฎโดยอิงอาศัยกฎแห่งกรรมในการฉุดช่วยและจะไม่ทำลายกฎ วิญญาณบาปในนรกมีบางคนที่ตอนสมัยมีชีวิตอยู่มีความพากเพียรวิริยะในการบำเพ็ญปฏิบัติธรรมแต่ไม่รักษาศีลวินัย ละเมิดความผิดบาปที่ร้ายแรงทำให้ตกนรก เมื่อวิญญาณบาปมาถึงห้องพิจารณาและตัดสินคดี ในระหว่างที่รับการไต่สวนพิพากษาคดีอยู่นั้นหากวิญญาณบาปสวดท่องมนตร์ของพระพุทธะโพธิสัตว์ ก็จะเกิดอำนาจแห่งฤทธานุภาพปกปักคุ้มครองกาย ในเวลานั้นพญายมจะสั่งให้นายนิรยบาลควบคุมตัวของวิญญาณบาปไปดื่มน้ำลืมชาติของยายเมิ่ง แล้วส่งไปเกิดใหม่โดยถูกกำหนดให้ตายตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา เพื่อให้วิญญาณบาปลืมมนตร์ คาถา และธารณีต่างๆ จากนั้นจึงนำวิญญาณบาปมาตัดสินโทษอีกครั้งหนึ่ง ถ้าหากวิญญาณบาปยังไม่ลืมมนตร์ คาถา และธารณีต่างๆ ก็จะใช้วิธีนี้ทำซ้ำขั้นตอนเดิมเรื่อยๆจนกระทั่งวิญญาณบาปลืมมนตร์ คาถา และธารณีต่างๆจนหมดสิ้น จึงค่อยมารับโทษ วิญญาณบาปในนรกที่ได้รับการฉุดช่วยจากพระพุทธะโพธิสัตว์ล้วนเป็นวิญญาณบาปที่ได้รับความทุกข์ทรมานในนรกและสามารถบังเกิดจิตสำนึกขอขมาแก้ไขความผิดบาปแล้วทั้งสิ้น พระพุทธะโพธิสัตว์จะพิจารณาดูจิตใจของวิญญาณบาปว่ามีการฟื้นฟูยกระดับขึ้นหรือไม่ หากมีการยกระดับขึ้นก็มีเหตุปัจจัยให้พระพุทธะโพธิสัตว์มาฉุดช่วย
    *พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์มักจะมาปลดเปลื้องความทุกข์ยากให้กับวิญญาณบาปในนรกเสมอๆ ในระยะใกล้ๆนี้พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ก็มาฉุดช่วยวิญญาณบาปในนรกกามา เราจะพาท่านไปเข้าชม ในนรกกามามีเด็กวัยรุ่นยุวชนอยู่คนหนึ่งซึ่งอายุน้อยมาก พ่อแม่ของเขาที่อยู่บนโลกมนุษย์หมั่นทำความดีสะสมบุญกุศลแล้วอุทิศมาให้ เป็นเหตุดลใจให้พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์มาที่นรกเพื่อฉุดช่วยวิญญาณของเด็กวัยรุ่นคนนั้น ใน《สัทธรรมปุณฑริกสูตร สมันตมุขปริวรรต》 ได้กล่าวไว้ว่า “ พระพุทธเจ้าตรัสกับพระอักษยมติโพธิสัตว์ว่า ดูก่อนกุลบุตร ถ้าหากเวไนยจำนวนร้อยพันหมื่นโกฏิได้รับความกลัดกลุ้มทุกข์ระทมทั้งปวง เมื่อฟังชื่อของอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ ตั้งใจเอ่ยนามของอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ อวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ก็จะพิจราณาเสียงของเขาในทันที และช่วยให้เขาหลุดพ้นจากกองทุกข์เหล่านั้น ”
    *ถึงแล้ว ! รู้สึกว่าภายในนรกขุมนี้มีพุทธรังสีที่สว่างไสว ทำให้เกิดความชุ่มเย็นและเงียบสงบขึ้นมาในทันที ช่างวิสุทธิ์สะอาดและทำให้กายใจเกิดความสบาย ผู้พิพากษาบอกว่าพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์กำลังฉุดช่วยเด็กวัยรุ่นคนหนึ่งในนรกแสงกระทบตาอัณฑะเหล็ก
    *ศิษย์ซั่งกวนอวี้ฮว๋าก้มกราบเบญจางคประดิษฐ์ต่อพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ ข้าพเจ้ามองเห็นพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์สำแดงกายออกมาด้วยรูปลักษณ์ของพระแม่มารีผู้มีเมตตาของศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก ผู้พิพากษาบอกว่าพระแม่มารีแท้ที่จริงก็คือ ๑ ในการสำแดงนิรมาณกายของพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์
    *ใน《สัทธรรมปุณฑริกสูตร สมันตมุขปริวรรต》กล่าวว่า : “ ครั้งนั้นพระอักษยมติโพธิสัตว์ได้กราบทูลพระพุทธเจ้าว่า ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า เหตุใดพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์จึงต้องท่องไปในสหโลกธาตุนี้ ? ทำไมจึงต้องแสดงธรรมแก่เวไนยทั้งหลาย ? และพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์มีกุศโลบายในการโปรดเวไนยอย่างไร ? พระพุทธเจ้าตรัสกับพระอักษยมติโพธิสัตว์ว่า ดูก่อนกุลบุตร หากเวไนยในสหโลกธาตุสมควรใช้รูปกายของพระพุทธเจ้าไปฉุดช่วย อวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ก็จะแสดงธรรมด้วยรูปกายของพระพุทธเจ้า หากสมควรใช้รูปกายของพระปัจเจกพุทธเจ้าไปฉุดช่วย ก็จะแสดงธรรมด้วยรูปกายของพระปัจเจกพุทธเจ้า ” พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ฉุดช่วยเวไนยตามเหตุบุญปัจจัย และสำแดงรูปกายต่างๆตามเหตุบุญปัจจัยของเวไนย
    *ดูๆไปแล้วเด็กวัยรุ่นคนที่พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์กำลังฉุดช่วยอยู่นั้น หน้าคุ้นๆ อ๋อ! นึกออกแล้ว เมื่อ ๑ปีก่อนข้าพเจ้าเคยเห็นรูปถ่ายของเขาที่ศาลาตั้งศพ ศาลาตั้งศพของเขาอยู่ข้างศาลาตั้งศพของญาติข้าพเจ้า ในเวลานั้นพ่อแม่ของเขาจัดงานฌาปนกิจตามแบบพิธีของศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก ไม่มีการจุดธูป ไม่มีการทำพิธีทางพุทธศาสนา มีเพียงการสวดคัมภีร์อธิษฐาน ก่อนหน้านี้ผู้พิพากษาก็เคยแนะนำไปแล้วว่ามีเด็กชายวัยรุ่นคนหนึ่งที่หมกมุ่นอยู่ในกามและตายลงด้วยอายุเพียง ๑๒ขวบ พ่อแม่ของเขามีเขาเป็นลูกโทนเพียงคนเดียว ทุกๆวันร้องไห้เสียใจจนน้ำตาอาบหน้า สภาพจิตใจของผู้เป็นพ่อแม่ยังไม่สามารถฟื้นฟูขึ้นมาได้ พวกเขาเลื่อมใสศรัทธาในศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก รู้เพียงทำความดีช่วยเหลือคนยากจนและอธิษฐานต่อพระแม่มารีทุกๆวัน ซึ่งสิ่งที่พวกเขาทำอยู่นั้นสามารถดลใจให้พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ผู้เปี่ยมด้วยมหาเมตตามหากรุณามาฉุดช่วยลูกชายของพวกเขา
    *ตอนนี้ได้เห็นพระแม่มารีเปล่งรัศมีแห่งความเมตตาอีกครั้ง เป็นรัศมีสีขาวบริสุทธิ์ที่มีความสว่างไสวโชติช่วงสาดส่องไปทั่วทั้งนรก นรกแปรเปลี่ยนเป็นความชุ่มเย็น การลงโทษต่างๆก็หยุดลงชั่วคราว ข้าพเจ้าจำได้ว่าเมื่อปีที่แล้วที่ได้มาชมนรกแสงกระทบตาอัณฑะเหล็ก เด็กวัยรุ่นคนนี้ช่างน่าเวทนาจริงๆ เลือดไหลนองเต็มพื้น สุดที่จะทนดูได้ ตอนนี้ข้าพเจ้าเห็นเด็กวัยรุ่นคนนี้กำลังใช้มือวาดสัญลักษณ์ของไม้กางเขนบนตัวเองและกล่าวสำนึกคุณต่อพระแม่มารีอันศักดิ์สิทธิ์พร้อมทั้งพูดว่า แม้แต่ในความฝันก็ยังคาดคิดไม่ถึงเลยว่าจะสามารถได้พบเจอกับพระแม่มารี
    *เวลานี้พระแม่มารีได้กล่าวชี้แนะด้วยเสียงอันนุ่มนวลและเปี่ยมล้นด้วยเมตตาว่า : “ ร่างกายผิวหนังและเส้นผมได้รับมาจากพ่อแม่ ลูกเอ๋ย ! อายุขัยบนโลกมนุษย์ของลูกหมดลง ลูกเป็นวิญญาณอยู่ในนรก ลูกรู้ไหมว่าพ่อแม่ทั้ง ๒คนของลูก อยู่บนโลกมนุษย์มีความเจ็บปวดเสียใจแค่ไหน ? จิตใจของท่านทั้ง ๒เหมือนดั่งถูกลูกธนูเป็นหมื่นๆดอกทิ่มแทงทะลุขั้วหัวใจ เคยรู้บ้างหรือไม่ ? ”
    *เด็กวัยรุ่นน้ำตาไหลจนไม่สามารถควบคุมได้ ร้องไห้น้ำตานองหน้าพูดว่า : “ ถ้าหากสามารถย้อนเวลากลับไปได้ ก็จะไม่ดูสิ่งลามกอีกแล้ว วันนี้ลูกขอสารภาพบาป( สำนึกขอขมาแก้ไขความผิดบาป )ทั้งหมดต่อเบื้องหน้าของพระแม่มารีอันศักดิ์สิทธิ์ ลูกอยากจะสารภาพบาปต่อพ่อแม่ของลูกด้วย แต่น่าเสียดายที่อยู่กันคนละโลก ไม่สามารถติดต่อสื่อสารกับท่านทั้ง ๒คนได้อีกต่อไปแล้ว ลูกอกตัญญู ลูกสมควรตาย พ่อแม่รักลูกมากเป็นอย่างยิ่ง ไม่ว่าลูกต้องการสิ่งใด พ่อแม่ก็จะหามาให้ตามความต้องการ ชีวิตความเป็นอยู่ทางด้านวัตถุมีความเพียบพร้อมสมบูรณ์ ได้อยู่บ้านหลังใหญ่ๆ มีพี่เลี้ยง ๒คนคอยดูแล ในใจลึกๆ รู้สึกซาบซึ้งถึงความรักทะนุถนอมที่พ่อ แม่มีให้ แต่ชาตินี้กลับไม่สามารถตอบแทนพระคุณ หวังว่าชาติหน้าจะสามารถมีโอกาสได้ตอบแทนพระคุณของท่านทั้ง ๒ที่เลี้ยงดูสั่งสอน
    *ความจริงแล้วในตอนแรก เริ่มต้นจากความอยากรู้อยากเห็น ตอนนั้นเพิ่งจะอายุได้เพียง ๖ขวบ ลูกนั่งอยู่ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ดูเว็บไซต์ลามก ดูไปด้วยก็ใช้มือสำเร็จความใคร่ตามไปด้วย ตอนที่เพิ่งจะเริ่มทำเป็นครั้งแรก ก็รู้สึกว่าสนุกดี พอทำบ่อยๆเข้าก็กลายเป็นเสพติดกาม จากเสพติดก็เปลี่ยนเป็นนิสัยความเคยชิน เกือบทุกวันจะต้องใช้มือสำเร็จความใคร่ให้ตัวเอง ถึงแม้จะอยู่ในโรงเรียนก็ยังแอบไปทำในห้องน้ำ เป็นเพราะว่าพ่อแม่ทำงานยุ่งมาก ทุกๆวันออกจากบ้านตั้งแต่เช้า กว่าจะกลับมาก็ตอนค่ำๆมืดๆ ยามปกติหลังจากเลิกเรียนแล้วก็มีแต่พี่เลี้ยงที่อยู่เป็นเพื่อน พี่เลี้ยง ๒คนนี้ ตอนที่พ่อแม่ไม่อยู่บ้าน พวกเขาก็มักจะคุยโทรศัพท์กับเพื่อนเสมอๆ เห็นว่าลูกเก็บตัวอยู่ในห้องก็คิดว่าลูกเป็นเด็กดีไม่ดื้อจึงไม่ได้เข้ามารบกวน
    *ลูกทำแบบนี้มาตลอดจนกระทั่งอายุได้ ๑๐ขวบ ลูกก็เริ่มมีอาการปวดช่วงเอวและเหนื่อยมาก เหนื่อยไปทั้งตัว ไม่มีเรี่ยวแรง มีความรู้สึกง่วงซึม แม้แต่เวลาเดินก็ยังต้องใช้ไม้เท้าเหมือนผู้เฒ่า แม่ของลูกพาลูกไปรักษากับหมอหลายต่อหลายคน แต่ก็ไม่สามารถเยียวยารักษาให้อาการดีขึ้น ต่อมาหมอจีนแผนโบราณวินิจฉัยว่าไตบกพร่องอย่างรุนแรงและมีการเสื่อมสภาพก่อนวัยอันควร เวลานั้นพ่อแม่จึงรู้ว่าลูกใช้มือสำเร็จความใคร่ให้ตัวเอง ถึงแม้ว่าจะถูกพ่อแม่อบรมสั่งสอนไปบ้างแต่โดยเนื้อแท้แล้วพ่อแม่ก็ยังคงรักและห่วงใยลูก เที่ยวพาลูกไปเสาะแสวงหาหมอเก่งๆที่มีชื่อเสียงคนแล้วคนเล่าเพื่อทำการรักษาอยู่ตลอดเวลาไม่ได้ขาด ลูกเองก็เริ่มตระหนักถึงผลร้ายของการสำเร็จความใคร่ให้ตัวเองและหยุดทำไปช่วงระยะเวลาหนึ่ง พ่อแม่เห็นว่าลูกเป็นเด็กที่เชื่อฟัง จากที่คอยดูแลเอาใจใส่เป็นพิเศษก็เริ่มลดความสนใจลงและไม่ค่อยเข้มงวดนัก
    *ระหว่างที่ลูกกำลังอยู่ในช่วงของการกินยารักษา ในหัวสมองก็มีความทรงจำต่างๆเกี่ยวกับเรื่องลามกผุดขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นภาพลามก เสียงจากสื่อลามก และลูกก็ไม่สามารถขจัดสิ่งลามกเหล่านี้ออกไปจากความ คิดในหัวสมองได้ ลูกรู้ว่ามันไม่ดีแต่ว่าลูกไม่สามารถควบคุมมันได้จึงแอบใช้มือสำเร็จความใคร่ให้ตัวเองอยู่เสมอ และทุกครั้งหลังจากที่สำเร็จความใคร่ให้ตัวเองเสร็จก็จะรู้สึกเหนื่อยมากๆและมีอาการเวียนหัวขึ้นมาทันที ในที่สุดพออายุได้ ๑๒ขวบก็ถูกยมทูตหน้าวัวหัวม้าใช้โซ่เหล็กลากลงมารับโทษในนรก เนื่องจากลูกแอบทำพฤติกรรมเหล่านี้อยู่ในห้องอย่างลับๆและเก็บเรื่องนี้ไว้ในใจตลอดไม่กล้าพูดออกมา วันนี้ได้สารภาพบาปออกมาทั้งหมดรู้สึกสบายใจเป็นอย่างยิ่ง เพื่อนนักเรียนของลูกก็มีหลายคนที่ดูเว็บไซต์ลามก ซึ่งพ่อแม่ของพวกเขาต่างก็ไม่รู้เรื่องนี้ ลูกอยากจะออกไปจากที่นี่ พระแม่มารีอันศักดิ์สิทธิ์โปรดช่วยให้ลูกได้ไปสวรรค์ด้วยเถิด ลูกจะต้องไปสวรรค์เพื่อบอกกับเพื่อนๆนักเรียนของลูกว่าอย่าได้ดูเว็บไซต์ลามกอีก ยิ่งไปกว่านั้นห้ามสำเร็จความใคร่ให้ตัวเองเด็ดขาดเพราะเป็นการกระทำที่เป็นบาป ”
    *พระแม่มารีชี้แนะว่า : “ พ่อแม่ของลูกอยู่บนโลกมนุษย์ ยังคงเฝ้าคิดถึงลูกอยู่ทุกๆวันเลยนะ! ”
    *เด็กวัยรุ่นพูดว่า : “ พระแม่มารีอันศักดิ์สิทธิ์ ! ลูกขอวิงวอนพระแม่ได้โปรดช่วยลูกออกไปที ลูกยังไม่ขอขึ้นสวรรค์ ลูกจะต้องช่วยเพื่อนนักเรียนของลูกก่อน จะต้องแนะนำตักเตือนผู้ชายทั้งหลายว่าอย่าดูเว็บไซต์ลามก และอย่าสำเร็จความใคร่ให้ตัวเอง ถ้าหากลูกทำไม่ได้ลูกยอมให้มือทั้ง ๒ข้างของลูกขาด ยอมให้ปากของลูกเน่า ”
    *พระแม่มารีชี้แนะว่า : “ ลูกมีจิตใจที่ดีมาก แก้ไขความผิด กลับเนื้อกลับตัวเป็นคนใหม่อย่างถึงที่สุด ความผิดบาปทั้งหมดล้วนมีต้นกำเนิดออกมาจากจิตใจ ขอให้ลูกยึดมั่นในอุดมการณ์ที่จะทำ ต้องบังเกิดความคิดที่จะทำแล้วจึงทุ่มเทกำลังความสามารถไปปฏิบัติ ทุกเวลาจะต้องมีสัมมาสติประคองรักษาความคิดให้ถูกต้องเที่ยงตรงเป็นปกติ ไม่ถูกแปดเปื้อนด้วยมิจฉาสติหรือความ คิดที่ไม่ถูกต้อง ลูกตั้งปณิธานว่าจะแนะนำตักเตือนทุกคนให้ละเลิกนิสัยความเคยชินที่ไม่ดีในกามตัณหาก็คือปณิธานที่ดี ตั้งปณิธานว่าถ้าหากทำไม่ได้ยอมให้มือทั้ง ๒ข้างของลูกขาด ยอมให้ปากของลูกเน่า ก็คือปณิธานที่ไม่ดี เมื่อตั้งปณิธานที่ไม่ดีก็จะสูญเสียความคิดที่เป็นสัมมาอันถูกต้อง พวกเราสามารถตั้งปณิธานได้ แต่จะต้องตั้งปณิธานที่ดี อย่าตั้งปณิธานที่ไม่ดี ไม่ว่าจะเป็นปณิธานที่ดีหรือปณิธานไม่ดีก็แล้วแต่ล้วนคือเหตุ เมื่อมีเหตุก็ต้องมีผล เมื่อมีการตั้งปณิธานก็ต้องมีซักวันหนึ่งที่ปณิธานนั้นสำเร็จ ปณิธานคือพลังที่ไร้รูปลักษณ์ชนิดหนึ่ง พลังที่ไร้รูปลักษณ์นี้จะผลักดันการกระทำของพวกเราทุกภพชาติ ปณิธานที่ดีสามารถตั้งขึ้นได้เรื่อยๆอย่าได้หยุด ผลสำเร็จนั้นจะช่วยยกระดับจิตญาณให้สว่างไสว จะต้องไม่ตั้งปณิธานที่ไม่ดีอย่างเด็ดขาด ถ้าตั้งปณิธานที่ไม่ดีก็จะเกิดวงจรอุบาทว์ ต้องทุกข์ทรมานจากผลกรรมของตัวเอง ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นภัยต่อผู้อื่นและสรรพสิ่งทั้งหลาย ทำให้ตนเองและผู้อื่นต่างได้รับความเสียหาย ปณิธานที่ไม่ดีก็คือเหตุที่จะนำไปสู่ความตกต่ำ ส่วนปณิธานที่ดีคือรากฐานที่จะนำชีวิตก้าวสู่หนทางอันสว่างไสว ”
    *เด็กวัยรุ่นได้รับพรในการฉุดช่วยจากพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ แสงของจิตญาณจากเดิมที่เป็นสีแดงคล้ำก็เปลี่ยนเป็นสีขาวจางๆ วิญญาณของเขาได้ไปผุดไปเกิดแล้ว ข้าพเจ้าถามผู้พิพากษาว่าเด็กวัยรุ่นคนนี้เพิ่งจะตกนรกได้ไม่นาน การลงโทษยังไม่สิ้นสุด เพราะเหตุใดถึงได้ไปผุดไปเกิดไวอย่างนี้ ?
    *ผู้พิพากษาบอกว่า : “ เด็กวัยรุ่นคนนี้ไม่ใช่คนที่มีจิตใจเลวร้าย เพียงแต่พ่อแม่ของเขายุ่งมากเกินไปจนไม่มีเวลาในการอบรมสั่งสอนให้ดีแบบทันทีซึ่งๆหน้าเวลาที่เขาทำผิด ทำให้เขาขาดความรู้และความเห็นที่ถูกต้อง อีกทั้งสภาพแวดล้อมที่ทำให้เขายิ่งตกต่ำถลำลึกในทางที่ผิด จึงต้องตกสู่นรกในที่สุด บัดนี้ได้รับการฉุดช่วยจากพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ อาศัยฤทธานุภาพ ของพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ทำให้มีโอกาสได้ไปเกิดใหม่อีกครั้ง นอกจากนั้นเด็กวัยรุ่นคนนี้เองยังสารภาพบาป( สำนึกขอขมาแก้ไขความผิดบาป ) อย่างจริงใจ เมื่อมีเงื่อนไขครบพร้อมทั้ง ๒ข้อจึงสามารถได้ไปเกิดใหม่ไวเช่นนี้ ”
    *วันนี้ได้เรียนรู้อะไรมากมาย ขอขอบคุณผู้พิพากษาที่คอยอธิบายให้ข้าพเจ้าฟัง
    *อาอวี้พนมมือลา ! ขึ้นดอกบัวขาวกลับ !
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • unnamed-1.jpg
      unnamed-1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      40.6 KB
      เปิดดู:
      45
  17. นิรยะ

    นิรยะ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ตุลาคม 2015
    โพสต์:
    43
    ค่าพลัง:
    +30
    บทส่งท้าย
    กฎนรกไร้ความปรานี พระพุทธะไม่ไร้ความปรานี

    *ถึงเพื่อนๆผู้อ่านทุกๆท่าน เพราะเหตุใดกฎนรกจึงไร้ความปรานี ? กฎนรกก็คือเหตุต้นผลกรรม เหตุต้นผลกรรมคือสิ่งที่ไม่เปลี่ยนแปลง เป็นกฎที่แน่นอนของจักรวาล ความหมายของคำว่าไร้ความปรานี ชี้ให้เห็นว่า เหตุต้นผลกรรมเป็นสิ่งที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ เมื่อปลูกเหตุเช่นไรก็ต้องรับผลเช่นนั้น เหตุต้นผลกรรมทะลุทะลวงถึง ๓ชาติ บางที่อาจจะไม่เห็นผลตอบสนองทันตาในชาตินี้ แต่ไม่ใช่ว่าจะไม่ตอบสนอง เพราะเหตุต้นผลกรรมเป็นสัจจะอันไม่เป็นเท็จ ไม่ว่าจะอยู่ในฐานะตำแหน่งไหน มั่งคั่งร่ำรวยหรือยากจน มีชื่อเสียงหรือไม่ เป็นชายหรือหญิง เป็นเด็กหรือคนแก่ มีสีผิวเช่นไร ก็ไม่มียกเว้นเป็นกรณีพิเศษ เหตุต้นผลกรรมมีความเสมอภาคเท่าเทียมกัน ดังนั้นจึงพูดได้ว่าไร้ความปรานี
    *กฎนรกไร้ความปรานี พระพุทธะไม่ไร้ความปรานี ถึงแม้เหตุต้นผลกรรมจะเป็นกฎที่แน่นอนตายตัวไม่เปลี่ยนแปลง แต่ในช่วงระหว่างที่กรรมยังไม่ตามมาส่งผล ถ้าหากกลับเนื้อกลับตัวเป็นคนดี ผลกรรมที่ยังไม่ตามมาส่งผลก็ยังพอจะสามารถแก้ไขเปลี่ยนแปลงได้ พระพุทธะโพธิสัตว์ทั้งหลายมีมหาเมตตา มหากรุณา คอยยังประโยชน์ให้แก่เวไนยทั้งหลายอย่างไม่เบื่อหน่าย เมตตาสั่งสอนเวไนยทั้งหลายตามแต่เหตุปัจจัยและจริตของเวไนยแต่ละคน เคลื่อนธรรมจักรให้หมุนไปอย่างไม่หยุดยั้ง เป็นที่พึ่งของเวไนย ให้ เวไนยหลุดพ้นออกจากกองทุกข์ได้รับความสุข เข้าสู่หนทางแห่งการหลุดพ้น เป็นประทีปส่องสว่างในความมืดมิด ให้เวไนยได้เดินถึงฝั่งอย่างรวดเร็ว
    *ในยุคนี้ถึงแม้คนจะทำบุญ แต่ก็ไม่เข้าใจกระจ่างชัดในเหตุต้นผลกรรม ยิ่งไปกว่านั้นยังสร้างบาปเวร ก่อกรรมทำเข็ญกันมากยิ่งขึ้น ภัยพิบัติ สงคราม โรคภัยต่างๆ เกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า ถึงแม้ว่าจะร่วมกันผนึกกำลังแล้วอุทิศพลังแห่งฤทธานุภาพ พลังแห่งบุญกุศล พลังแห่งความเมตตากรุณา พลังแห่งกุศลกรรม เพื่อต้านภัยพิบัติ แต่นั่นก็เป็นการแก้ไขปัญหาที่ปลายเหตุ หากจะแก้กันที่ต้นเหตุ ทุกคนควรเข้าใจถึงเหตุต้นผลกรรม แก้ไขความผิดบาป กลับเนื้อกลับตัวเป็นคนดี ละทิ้งความชั่วหันมาทำความดี เพราะเมื่อจิตใจคนเปลี่ยนไปในทางที่ดี ภัยพิบัติก็จะลดน้อยลง ด้วยเหตุนี้พระพุทธะโพธิสัตว์ทั้งหลายจึงขับเคลื่อนธรรมจักรอย่างไม่หยุดยั้ง
    *กฎนรกไร้ความปรานีเล่มนี้ ออกมาได้เหมาะกับเวลาและสถานการณ์ พระพุทธะโพธิสัตว์เวทนาสงสารเวไนยทั้งหลาย จึงได้เมตตาจัดการวางแผนเพื่อสร้างหนังสือเล่มนี้ขึ้นมา ผู้อาวุโสซั่งกวนอวี้ฮว๋า ยิ่งไม่คำนึงถึงความยากลำบาก มีความกล้าหาญแบกรับภาระใหญ่ ทุ่มเทสุดกายใจเพื่อบริการรับใช้เวไนย บางคนไม่เชื่อเรื่องเหตุต้นผลกรรมจึงไปทำเรื่องที่ผิดบาป ตักเตือนครั้งแล้วครั้งเล่าก็ไม่ยอมฟัง แต่พระพุทธะโพธิสัตว์ก็ยังคงทนไม่ได้ที่จะเห็น เวไนยต้องรับความทุกข์ทรมาน จึงสร้างหนังสือเล่มนี้ขึ้นมาเพื่อให้เวไนยได้มองเห็นถึงสภาพที่แท้จริงของนรก ให้เวไนยสามารถบังเกิดจิตที่สำนึกขอขมาแก้ไขความผิดบาปอย่างแท้จริง หากใครที่ยังไม่ได้ทำบาปเมื่อได้อ่านหนังสือเล่มนี้แล้วก็จะได้รู้และไม่ไปทำบาป นรกได้จัดวางแนวป้องกันด้านหน้าเอาไว้แล้ว พวกเราก็มาเป็นแนวป้องกันด้านหลังพร้อมกัน คอยป้องกันประตูนรกเอาไว้ หวังว่าจะสามารถสกัดกั้นขัดขวางไม่ให้เวไนยเดินเข้าประตูไปรับความทุกข์ทรมาน ทุกๆเวลา ทุกๆสถานที่ พระพุทธะโพธิสัตว์คอยฉุดช่วยเวไนย พระคุณเหล่านี้พูดเท่าไหร่ก็พูดไม่หมด ถ้าหากท่านได้อ่านหนังสือกฎนรกไร้ความปรานี แล้วบังเกิดจิตที่สำนึกขอขมาแก้ไขความผิดบาปอย่างแท้จริง ไม่กลับไปทำความผิดเดิมซ้ำอีก ทั้งยังประกาศเผยแพร่หนังสือเล่มนี้ออกไปอย่างกว้างขวาง ช่วยให้คนอื่นๆสามารถกลับตัวกลับใจ ประตูนรกก็จะปิดลงเองโดยอัตโนมัติ แต่ถ้าหากไม่เชื่อ ไม่ฟัง ยังคงก่อกรรมทำชั่วตามอำเภอใจ ท่านก็เป็นคนเปิดประตูนรกด้วยตัวของท่านเองไม่มีใครสามารถไปขัดขวางท่านได้ แต่ท่านต้องรู้ว่าเมื่อพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ได้พบหน้าท่านอีกครั้งก็ หวังว่าท่านจะดำเนินโพธิสัตว์มรรคเข้าสู่ประตูนรกเพื่อฉุดช่วยเวไนย ไม่ใช่ได้พบหน้าท่านอีกครั้งเพราะท่านก่อกรรมทำชั่วแล้วลงไปรับโทษในนรก

    ด้วยรักและให้ความสำคัญ
    เต้าหลัน ขอคารวะ
     
  18. Mali Loi

    Mali Loi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    426
    ค่าพลัง:
    +1,218
    ขอขอบคุณ คุณนิรยะเป็นอย่างสูงที่ได้โพสต์สิ่งดีๆต่างๆลงในกระทุ้นี้ค่ะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...