การอธิษฐานจิต และการขอคู่

ประสบการณ์ตรงนะครับ
เคยทำเล่นอยู่ 2 - 3 ครั้ง แล้วเห็นผล เลยเอามาเล่าสู่กันฟัง

การอธิษฐานในตอนนี้ ไม่ได้หมายถึงการไปบนนั่นบนนี่กับสิ่งศักสิทธิ์นะครับ
หมายถึงว่า เราปารถนาอะไร ก็ตั้งจิตขึ้นมาลอยๆ ว่าขอให้สิ่งนี้เป็นอย่างนั้น ขอให้สิ่งนั้นเป็นอย่างนี้

ทีนี้...เรื่องนี้ ที่จริงเป็นเรื่องสาธารณะ แต่ถ้าจำไม่ผิด
ถ้าจำไม่ผิดนะครับ เหมือนจะเคยอ่านผ่านๆ คำสอนของพระองค์นึง (ถ้าจำไม่ผิดน่าจะเป็นหลวงพี่เล็ก วัดท่าขนุนครับ ถ้าจำผิดก็ขออภัยด้วยนะครับ แต่ค่อนข้างมั่นใจว่าใช่แน่)
คือท่านบอกว่า
ถ้าเป็นสาวกภูมิ ต้องอยู่บารมีปลาย
ถ้าเป็นพุทธภูมิ ต้องอยู่บารมีกลาง ค่อนไปทางปลาย

แรกๆอ่านดูก็ไม่เข้าใจ ก็แค่คิดทำใจให้สงบแล้วคิดในใจ ก็เรียกว่าอธิษฐานแล้วนี่นา ทำไมต้องแบ่งกลุ่มคนที่จะทำได้ด้วย
พอไปทำเองแล้วจะรู้ว่า ต้องแบ่ง เพราะถ้าเลเวลไม่ถึง ทำไม่ได้

ตามความเข้าใจของผมนะครับ
เรื่องอธิษฐานเนี่ย ต้องใช้กำลังของสมาธิ
ถ้าเป็นสาวกภูมิ ที่บารมีต้น กับบารมีกลาง จะโปรเรื่องทาน กับศีล ไม่แคล่วคล่องว่องไวเรื่องการทำสมาธิ ต้องสาวกภูมิบารมีปลายที่ได้เรื่องสมาธิมาพอตัวแล้วเท่านั้น
ถ้าเป็นพุทธภูมิ ต้องบารมีกลาง ตอนปลายๆขึ้นไป เพราะจะเก็บเลเวลเรื่องการฝึกสมาธิมาพอตัวแล้ว

และตามความเข้าใจของผมอีกเรื่องนึงนะครับ
บุญเก่าทำมาเท่าไรด้วย ถ้าอธิษฐานเกินกำลังบุญ จะได้ผลแบบที่ผมลองมาแล้ว ซึ่งเดี๋ยวจะเล่าให้ฟัง

 

เรื่องการอธิษฐานที่ผมลองเล่นดูนะครับ จะแบ่งเป็น 2 เรื่อง
1.สั่งคน
2.สั่งของ

แต่พื้นฐานเหมือนกัน
คือนึกถึงของหรือนึกถึงคน แล้วก็ออกคำสั่งด้วยกำลังของสมาธิ

วิธีการนะครับ
การสั่งคน
อันนี้นะครับ ได้ทดลองเปลี่ยนพฤติกรรมของคน 2 คน ให้ทำเรื่องบางเรื่องที่เราอยากให้ทำ
อันนี้ขอสงวนรายละเอียดนะครับ ว่าไปสั่งอะไร

อันดับแรกที่ต้องใช้นะครับ
รูปถ่าย ในกรณีที่ ไม่ใช่คนคุ้นเคย นึกหน้าไม่ออก หรือถ้าคุ้นเคยกันดีหลับตาแล้วนึกหน้าออก ก็ไม่ต้องใช้รูปถ่าย

ต่อมานะครับ ให้ทำเหมือนการเพ่งกสิณ
คือ นึกถึงคนคนนั้น จนเข้าเขตุอุปจารสมาธิ
เมื่อเข้าเขตุอุปจารสมาธิ คนที่เข้ากสิณได้จะนึกภาพออกนะครับ ภาพในมโนภาพจะปรากฏเหมือนของจริงลอยขึ้นมา
เมื่อเรานึกถึงคนด้วยวิธีนี้ จะปรากฏภาพคนคนนั้น ลอยเต็มตัวขึ้นมา รูปร่างหน้าตาเหมือนจริงทุกอย่าง
มีการเคลื่อนไหวไปมาเล็กน้อย อยู่ตรงหน้าของเราด้วยอาการเหมือนคนจริงๆ

กรณีของผมในการสั่งคนนะครับ
คือตอนที่ทดลองทำเนี่ย ผมไปอ่านหนังสือเรื่องการสะกดคนให้ทำตามคำสั่งมาก่อน
ประมาณว่าเป็นวิชาที่พวกพ่อมดหมอผีใช้กัน
ในหนังสือ ไม่ได้อธิบายรายละเอียดอะไรเอาไว้นะครับ แต่คนเขียน คอมเมนต์ ไว้ว่าให้ทำตอนเหยื่อหลับไปแล้ว

ตอนที่หัดสั่ง ผมก็เลยเลือกคนมา 2 คน คนหนึ่งสั่งตอนเย็นๆ เลิกงานแล้วแต่ยังไม่นอน
อีกคนสั่งตอนใกล้ๆเที่ยงคืน กะว่าหลับไปแล้ว
ผลคือ ได้ผลทั้งคู่...

 

ทีนี้กลับมาเข้าเรื่องต่อ
เมื่อได้ภาพเต็มตัวของหนูลองยา เข้ามาในอุปจารสมาธิแล้ว ผมก็เลือกคนที่หมอบกราบผมอยู่ กับคนที่นั่งตักผมอยู่
คนที่เห็นภาพในอุปจารสมาธิแล้ว มีอาการเหมือนไม่พอใจ ผมจะตัดออกไม่เอามาทดลอง
หมายความว่า ผมเอารูปคนมาเข้าสมาธิหลายคน แต่อาการของคนในรูปนิมิตนั้น แสดงออกมาต่างกันไป
ผมก็เลือกเอาเฉพาะคนที่ท่าทางสั่งง่ายๆ คือคนที่หมอบกราบอยู่ที่เท้าผม กับคนที่ระริกระรี้มานั่งลงบนตักผม (รูปนิมิตนะครับ ไม่ใช่คนจริงๆ)

พอจะสั่ง ของผมนะครับที่ลองทำ มีสามขั้นตอน
ผมจะใช้วิธี
1.สั่งก่อนในอุปจารสมาธินั่นแหละ เห็นกูเมื่อไร ให้มึงทำอย่างนั้นอย่างนี้ (ไม่บอกนะครับว่าให้ทำอะไร ใครกำลังถึงก็ไปลองกันเอาเอง)
2.กดความรู้สึกทั้งหมดให้รวมศูนย์ เข้าที่กลางหน้าผาก ทำอาการเหมือนเข้าฌานสี่ไปแว๊บนึงนะครับ คือไม่รู้สึกอะไรเลย นอกจากสติ 100% ตั้งอยู่
3.ถอยออกมาที่อุปจารสมาธิ แล้วสั่งซ้ำอีกรอบ แล้วก็ไปรอดูผลการทดลอง

ผลจากการทดลองนะครับ ได้ตามสั่ง
แต่การทดลองนี้ ไม่ได้ทำต่อนะครับ
คือเลือกหนูทดลองได้ 2 คน สั่งไปคนละ 2-3 อย่าง ได้ผลตามต้องการ
แต่บังเอิญว่าไปอ่านหนังสือ เกี่ยวกับเรื่องที่เรากำลังทำ ในหนังสือบอกว่า วันนี้เราทำคนอื่น วันหน้าก็จะโดนคนอื่นทำ
อ่านเสร็จก็สะอึก เพราะไปสั่งเรื่องไม่น่าสั่งเข้า ถ้ากรรมตามทันเข้าละก็ ดูไม่จืดแน่
พอจะแก้ก็มีอันให้ต่างคนต่างย้ายงานซะก่อน เลยได้แต่ปล่อยไว้อย่างนั้น

แล้วก็ไม่กล้าทำอีก เพราะเวลาทำเรื่องเลวๆอะไรเอาไว้ ส่วนใหญ่ที่จำได้จะลัดคิวมาให้ผลชาตินี้เกือบทั้งหมด

 

ต่อไปเรื่องของนะครับ

สืบเนื่องจากข้างบนนะครับ คือที่จริงมีเรื่องที่อยากทดลองสั่งมากมาย อยากรู้ว่าสั่งได้จริงหรือเปล่า ประมาณว่าร้อนวิชา
บังเอิญว่าหนูทดลองเป็นผู้หญิงทั้งคู่นะครับ แผนในหัวเลยมีแต่เรื่องชั่วๆทั้งนั้น
ต้องขอบคุณหนังสือเล่มนั้น ที่อ่านแล้วทำให้หยุดความคิดบ้าๆแบบนั้นเอาไว้ ไม่งั้นคงจะก่อเวรแบบที่ไม่น่าก่อไปแล้ว

ทีนี้ก็เลยมานั่งคิดว่า ถ้าทำแบบเดียวกันแต่ไม่ได้สั่งคน จะทำได้หรือเปล่า...
ด้วยความอยากรู้ และความจนบีบบังคับนะครับ

ตอนนั้นอยากมีรถซักคัน เนื่องจากฐานะค่อนข้างแย่นะครับ ไม่มีรถยนต์เป็นของตัวเอง ต้องขอยืมทางบ้านมาใช้
เมื่อเอามาทางบ้านก้ไม่มีรถใช้ ลำบากกันอีก

ก็เลยลองซะเลย
ทำเหมือนเดิมนะครับ
ตอนนั้นอยากได้รถกระบะมิตซู ซักคัน สวยดี ชอบ
ก็เปิด แคตตาล็อค จำรูปเอาไว้ แล้วทำเหมือนข้างบน

1.เข้าอุปจารสมาธิ โดยเอารูปรถกระบะเป็นอารมณ์ จนรูปรถปรากฏชัดในอุปจารสมาธิ
2.อธิษฐานว่า ขอให้ได้มีรถเป็นของตัวเองซักคัน แล้วเข้าฌานสี่ไปแว๊บนึง ตามสูตรข้างบน
3.ถอยจิตออกมา แล้วอธิษฐานซ้ำว่า ขอให้ได้มีรถเป็นของตัวเองซักคัน

อีกสองอาทิตย์ให้หลังนะครับ
น้องสาวทำงานในโรงงานมิตซู เข้ามาถามว่าอยากมีรถหรือเปล่า ซื้อราคาพนักงานส่วนลดเป็นแสน เอามั๊ย

(คือไม่ได้เจอกันนานมากนะครับ ไม่เคยรู้มาก่อนว่าน้องคนนี้ไปอยู่มิตซู รู้แต่ว่าเมื่อหลายปีที่แล้วไปเรียนที่อังกฤษ แล้วก็ไม่ได้เจอกันอีก)

จะซื้อนะครับ ก็ต้องมีเงินไปดาวน์อยู่ดี ลำพังเงินเดือนก็เดือนชนเดือน ไม่มีเงินเก็บ จะเอาอะไรไปดาวน์

ก็คิดนะครับว่าโอกาสมาแบบ ไม่น่ามา แต่ไม่มีกำลังจะคว้าเอาไว้ได้ ทานบารมีคงสั่งสมมาน้อยไปแน่นอน
ทีนี้ เรื่องก็พลิกผัน น้าคนหนึ่งก็โผล่เข้ามาในชีวิต (แม่น้องเขานั่นแหละ)
บอกว่า จะใช้สิทธิ์ซื้อรถของลูกสาว ซื้อรถใหม่ซักคัน
แต่จะขายรถเก่าให้ สภาพดีมากๆ 350,000 บาท เงินสด !??!
ตอนนั้นมีติดตัวอยู่ 35 บาทนะครับ จะต่อรองเหลือราคานี้ก็ไม่กล้าพูด....

สุดท้ายก็บอกไปว่าไม่มีตังค์ เรื่องก็เหมือนจะจบไป แต่ไม่จบ
น้าอีกคนนึง สมเพชในความยากจน ก็เลยไปหาเงินมาให้แสนนีง แล้วก็ไปตะล่อมพ่อผมขอเงินมาให้อีกแสนนีง เป็นสองแสน
เอาให้เจ้าของรถ ให้โดยที่ผมไม่ได้รู้เรื่องมาก่อนนะครับ ไปแอบให้กันเมื่อไรก็ไม่รู้ แต่มีข้อแม้นะครับ
เงินที่เหลืออีก 150,000 ต้องผ่อนเดือนละ 20,000
ภาคบังคับนะครับ ห้ามต่อรอง แต่เดือนไหนไม่มีกินอนุญาตให้เบี้ยวได้

แม่เจ้า ช่วงนั้น มาม่านี่ เป็นอาหารหลักของผมเลยนะครับ เวลากวาดพื้นเนี่ยเห็นเส้นผมร่วงเกลื่อนไปหมด กินผงชูรสเยอะไปหน่อย

ตอนหลังมามีเหตุให้ต้องลาออกจากงาน โดยที่ยังผ่อนรถไม่หมด ตกงานอีกหลายเดือน ถ้าผ่อนไฟแนนส์อยู่ละก็ โดนยึดไปแล้ว
พอได้งานใหม่ ก็ไปต่อรองกับน้าคนที่เป็นเจ้าของรถว่า เดือนละหมื่นละกัน อยากกินอย่างอื่นมั่ง เบื่อมาม่ามาก
ตอนนี้ผ่อนหมดแล้วนะครับ

ความเข้าใจของผมนะครับ
คือถ้าจะอธิษฐานขออะไรพวกนี้ มันจะขึ้นอยู่กับกำลังบุญของเราเป็นหลัก
ดูจาก case study ของผมนะครับ
ในจินตนาการของผม เมื่อคำอธิษฐานให้ผลมันควรจะมีรถกระบะใหม่กิ๊งมาจอดอยู่หน้าบ้านเป็นของผมทันที
แต่ดูผมสิครับ ได้รถมือสอง รถเก๋งต่างหาก
แต่ก็สภาพดีนะครับ ผ่อนก้ได้ ไม่ผ่อนก็ได้ ไม่มีการยึดคืน ราคาถูกด้วย

แต่ถึงอย่างนั้นก็เหอะ ตอนนี้ไม่กล้าอธิษฐานเรื่องลักษณะนี้อีกแล้ว
เบื่อมาม่า...

 

ทีนี้ของแถมนะครับ
การอธิษฐานขอคู่

ที่จริงเรื่องนี้เป็นเรื่อง แรกๆในชีวิตที่อธิษฐานเลยนะครับ
สมัยนั้น เวลาอธิษฐานจะไม่ได้มีหลักการแบบนี้นะครับ ไปตามสัญชาตญาน ล้วนๆ
แต่พอตอนหลังได้ไปอ่านหนังสือเกี่ยวกับเรื่องการอธิษฐานถึงรู้ว่า เราทำได้อยู่แล้วโดยไม่ได้ตั้งใจ
ก้ยังโชคดีนะครับ ที่ไม่ได้รู้มากเหมือนตอนนี้ ถ้ารู้ตอนนั้นสงสัยคงอธิษฐานเละเทะไปหมดแล้ว
แถมถ้าทุกเรื่องที่เป็นไปตามแรงอธิษฐานมาแบบ ตอนขอรถละก็ แม้แต่มาม่าก็คงไม่มีกิน

เข้าเรื่องนะครับ
คือสมัยหนุ่มๆ เข้าสมาธิได้ดีมาก มากถึงขนาดว่าไม่อยากอยู่ในเมือง อยากไปอยู่ในป่า
คือจำได้ว่าเคยเป็น ตาปะขาวนุ่งขาวห่มขาว หนวดเครายาวเฟิ้มอยู่ในถ้ำแถวกาญจนบุรีมาก่อน ตอนนั้นก็เลยอยากกลับไปอยู่แบบนั้นอีก

ทีนี้ ได้มีโอกาสอ่านหนังสือเกี่ยวกับพระ สายหลวงปู่มั่น ที่ท่านบวชแล้วไปเจอผู้หญิง แล้วก็ต้องสึกเพราะทนอยู่ในผ้าเหลืองไม่ได้
เราก็กลัวล่ะสิ ไม่เคยมีลูกเมียมาก่อน อายุก็แค่ 20 กว่าๆ ถ้าโดนแบบนั้นเข้าไป สงสัยจะไม่รอด
อย่ากระนั้นเลย ไปขอความช่วยเหลือจากพระดีกว่า

คือตอนนั้น เป็นความเชื่อส่วนตัวนะครับ ว่าพระพุทธรูปที่บ้านนั้นศักสิทธิ์มาก ขออะไรได้หมด
พอมีปัญหานี้ก็เลย ไปขอกับพระ

ตามสูตรนะครับ
ตอนนั้นเริ่มต้น ด้วยอารัมภบท ต่อหน้าพระก่อนว่า ผมอยากจะกลับไปอยู่ป่าแล้ว อยากกลับพรหมโลกมาก เบื่อที่จะอยู่ในโลกนี้แล้ว
แต่กลัวว่าถ้าไปเจอผู้หญิงทีหลัง จะจบแบบพระในหนังสือ คือสึกไปมีครอบครัว
ดังนั้นก่อนจะไปก็ขอให้ผมได้รู้ก่อนเถอะครับว่า การมีครอบครัวเป็นอย่างไร

เสร็จแล้ว ก็เข้าอุปจารสมาธิ อธิษฐานว่า ขอให้ได้มีลูกเมีย มีครอบครัวที่น่ารักด้วยเถิด
จากนั้นก็ เข้าฌานสี่แว๊บนึง ตามสูตร
(คือทำแบบนี้เป็นตั้งแต่สมัยหนุ่มๆแล้วนะครับ แค่ไม่รู้เฉยๆว่า ชาวบ้านเขาก็ทำเหมือนเรา)
เสร์จแล้วก็ออกมาที่อุปจารสมาธิ อธิษฐานซ้ำอีกที

3 อาทิตย์ให้หลังนะครับ แต่งงานกับพนักงานใหม่คนนึง
สอบถามหลังแต่งงาน ไปแล้วซัก 3 ปีนะครับ ว่าเธอคิดยังไง
เธอบอกว่า แว่บแรกที่เห็นผม เธอก็บอกกับตัวเองว่า คนนี้ของกู
ถ้ากรรมปรามาสพระรัตนตรัย ไม่ตามทันซะก่อน ครอบครัวผมจะเป็นครอบครัวที่น่ารักมากทีเดียว เรียกว่าได้ตามขอเลย

 

เพิ่มอีกนิดนึงนะครับ
คือผมสังเกตุได้อย่างนึง ก็คือ
คำอธิษฐานจะให้ผล ก็ต่อเมื่อลืมไปแล้วว่า ขออะไรไว้
อันนี้เป็นกรณีของผมนะครับ
ถ้ายังจำได้ ถ้ายังรออยู่ว่า เมื่อไรที่ขอไว้จะมาซักทีน้า...ก็รอไปเหอะ

ใครเก็บเลเวล ถึงแล้วอยากลองก็ลองดูนะครับ
เงื่อนไขมีแค่
เข้าอุปจารสมาธิได้ตามสั่ง
เข้าฌานสี่ได้ตามสั่ง
อธิษฐานไม่เกินกำลังบุญ
ถ้าอธิษฐานไประรานคนอื่น ตอนกรรมตามทันก็รับกันเอาเองนะครับ

แต่การอธิษฐานขอของนี่ แนะนำให้ลองนะครับ โดยเฉพาะท่านที่เป็นพุทธภูมิ
ถ้าโดนแบบผมนี่ จะสำนึกได้ทันทีครับว่า เรื่องการทำทานนี่ยังต้องขวนขวายอีกเยอะ

ตัวอย่างของการขวนขวายนะครับ เข้า facebook ไปที่ Jak Jabawalk
หลังจากอธิษฐานขอรถมาแล้ว ก็รู้สำนึกว่าเรายังอ่อนด้อยนัก ก็พยายามทำบุญมาเรื่อย
จนหลายปีผ่านไป วันหนึ่งก็มีคนแนะนำให้รู้จัก facebook น่าจะไม่กี่เดือนมานี่แหละครับ
ก็เลยเริ่มบันทึกไว้บ้างว่า ไปทำบุญอะไรมาบ้าง ไม่งั้นนึกไม่ออกครับ ว่าไปไหนมาบ้าง

 

อธิบายเพิ่มอีกนิดนะครับ เรื่องของคำว่า ตามสั่ง

อธิบายจากกรณีขอคู่นะครับ
พอคุกเข่าลงหน้าพระ พนมมือ หลับตา ทันทีที่เปลือกตาปิดลง จิตก็เข้าอุปจารสมาธิทันที
พอเข้าอุปจารสมาธิปุ๊บ ก็อธิษฐานปั๊บว่า "ขอให้ได้มีลูกเมีย มีครอบครัวที่น่ารักด้วยเถิด"

พอจบคำว่า "เถิด" ปั๊บ ก็เข้าฌานสี่ต่อทันที
ทันทีนี่คือ โดดจากอุปจารสมาธิเข้าไปเลยนะครับ ไม่ต้องไปไล่ลำดับ 1 2 3 4 ขึ้นมา
ทันทีที่เข้าฌานสี่ปั๊บ ก็ถอยออกทันที หรือจะแช่อยู่ซัก 2 - 3 วินาทีก็ได้ ตามสะดวก แต่ที่ผมหัดทำพอแน่ใจว่าถึงฌานสี่แล้วก็จะถอยออกทันที

พอถอยออกมาที่อุปจารสมาธิ
อันนี้ก็โดดกลับมาเลยนะครับ ไม่ต้องไล่ 4 3 2 1 อุปจารสมาธิ
แล้วก็อธิษฐานซ้ำอีกครั้งว่า "ขอให้ได้มีลูกเมีย มีครอบครัวที่น่ารักด้วยเถิด"

ทั้งหมดนะครับ ใช้เวลาไม่ถึงนาที ถ้าขลุกขลักนิดนึง ก็ตอนโดดไปฌานสี่ แต่ไปติดฌานสามก่อน ก็ไม่ถึง 2 นาที

----------------

แต่ตอนสั่งคนกับขอรถ ของผมจะใช้เวลานานหน่อยนึง เพราะต้องสร้างรูปในนิมิตขึ้นมาก่อน ประมาณ 30 นาทีได้
พอรูปนิมิตปรากฏแล้ว ก็ตามขั้นตอนข้างบนแหละครับ อีกไม่เกิน 2 นาที

 

แล้วอย่างนี้คนเข้าณาณไม่ได้ จะอธิษฐานขอได้หรือเปล่า?

 

ลองขอกับสิ่งศักสิทธิ์ดูครับ

ที่ตั้งกระทู้นี้ขึ้นมา
เพื่อแชร์ประสบการณ์กับคนที่สนใจเรื่องแบบนี้
เพื่อให้คนที่เข้าสมาธิพอได้แล้ว แต่ไม่รู้จะเอาไปใช้อะไร ได้ลองเล่นดู จะำได้ลองกำลังตัวเองดูด้วย ว่าจะต้องปรับปรุงตัวเองอย่างรีบด่วนหรือไม่

ที่จริงผมเข้าใจว่าที่พิมพ์มาทั้งหมดเนี่ย พระท่านเรียกว่า อธิษฐานฤทธิ์
ถ้ากำลังไม่ถึง ทำไม่ได้อย่างแน่นอน

แต่ยังมีทางเลือกอยู่ อย่างที่บอกไว้ข้างบน คือลองไปขอสิ่งที่ต้องการ กับสิ่งศักสิทธิ์ดู
ยกตัวอย่างเช่น หลวงพ่อโสธร เป็นต้น

 

น่าสนใจคะ เดี๋ยวจะลองขอบ้าง แต่ยังไม่คล่องเรื่องสมาธิเท่าไร แต่ก็รู้แนวทางจากคุณเจ้าของกระทู้แล้ว ดิฉันอยากขอให้ลูกทั้งสามได้ทำงานดีๆ และลูกคนเล็กได้เข้ามหาวิทยาลัยเพราะรู้สึกเขาจะดื้อกว่าพี่ๆ เขาพี่ๆ เขาเข้ามหาวิทยาลัยกันหมดแล้ว ดิฉันก็อยากให้เดินทางตามพี่เข้าคะ ตอนดิฉันทำสมาธิขอสิ่งศิกดิ์ แต่ไม่ได้นึกถึงหน้าลูกและเข้าญาณคะ เดี๋ยวจะลองทำดูคะ

 

ขออภัยผู้เขียนกระทู้ขอรับ....
ข้าพเจ้าขอกล่าวตามตรงเลยว่า สิ่งที่คุณเล่ามาทั้งหมด ไม่ใช่อภิญญา ไม่ใช่แนวทางทางพุทธศาสนา
แต่เป็น พวก อวิชชา เดรัจฉานวิชชา ขอรับ

 

โดนซะแล้ว...
ตามสบายนะครับ
แล้วอย่าลืมแก้ลิงค์ ของลุงด้วยนะครับ เปลี่ยนจาก .com เป็น .org
เดี๋ยวแฟนคลับจะตามไปอ่านข้อมูลตามลิงค์ กันไม่ได้

 

เดี๋ยวขอเอาไปทดสอบกะนายจ้างก่อน ไม่ยอมจ่ายเงินเดือนซะที 5 วันแระ โอมจงจ่ายๆๆเงินเดือนกุมาซะดีดี

ได้ผลยังไง เดี๋ยวมารายงานให้ทราบครับ

--------------------------------------------------------------------

ผลการทดสอบ : เจ้าของได้โอนเงินเดือนเข้าบัญชีเมื่อตอนเช้า ของวันที่ 7 ครับ แหม่ เกือบอดตายเลยทีเดียว

เดี๋ยวลองเอาไปใช้กะนางแก้วมั่ง ดีกว่า เหอๆๆ

 

ลิงค์ให้อ่านเล่นๆ ตัวอย่าง คำอธิษฐานการขอเลิกกับแฟน
ประมาณ 1-2 เดือน หลังจากอธิษฐาน ก็แยกกันอยู่คนละทวีปจริงๆ

http://palungjit.org/threads/กรรมจากการพูดทะลุกลางปล้อง-และกรรมต่อเนื่อง.515920/

 

ใครอ่านก็อย่าไปลองมั่วซั่วนะ
จำไว้ว่ากรรมทุกอย่างมันจะคูณด้วยกำลังจิตเสมอ
เอากำลังระดับนั้นไปทำบาปก็ลงยาวเลย

( เป็นแค่ข้อคิด อยากลงก็ลง ตามใจทุกอย่าง )

 

เราไม่ชำนาญฌานเลย แต่เคยใช้วิธีของฝรั่ง ที่ว่าให้สร้างภาพในใจ ขอ เชื่อ รับ ..ภาพแห่งความรู้สึกน่ะ แต่ก้อนะ มันไม่ควรทำ ถ้าปรารถนาดีต่อตนเองจริงๆ ควรสร้างกรรมดี ทำเหตุแห่งการปฏิบัติให้สมบูรณ์ดีกว่า ..

 

น่ากลัวเน๊อะ

 

แถมอีกนิดนะครับ
พอดีเมื่อนานมาแล้ว (นานมากเพิ่งจะนึกขึ้นมาได้) ได้อ่านเรื่องการทำให้คนที่ไม่ชอบเรามารักเรา จากพระองค์หนึ่งทางอินเตอร์เน็ต
(จำชื่อพระท่านไม่ได้นะครับ วันหลังถ้าหาชื่อท่านเจอจะเอามาพิมพ์ลงให้)

ท่านบอกว่าให้เข้าสมาธิ นึกถึงหน้าคนที่ไม่ชอบเรา เช่น เจ้านายเรา เป็นต้น
ให้นึกถึงหน้าเจ้านายเรา ให้ชัด แล้วแผ่เมตตาไปให้ พร้อมทั้งว่าคาถาที่ท่านให้ไว้กำกับไปด้วย
จะทำให้เจ้านายเมตตาเอ็นดูเราได้ (คาถาก็ไม่ได้จดเอาไว้นะครับ เพราะอ่านไปเรื่อยไม่ได้คิดอะไร)

ผมคิดว่า วิธีของท่านคล้ายกับที่ผมลองเล่นดู ในการเปลี่ยนนิสัยคน
ต่างกันนิดเดียวตรงที่ ท่านไม่ได้พูดถึงเรื่องการเข้าฌาน ในการทำแบบนี้ด้วย แต่ให้ใช้คาถาแทน
ส่วนของผมสั่งตรง ไม่มีคาถา

ก็เลยคิดว่า ถ้าใครมีปัญหากับเจ้านายที่ทำงาน ก็น่าจะเอาไปทดลองดูได้
หน้าเจ้านายเรา จะชัดก็ตอนที่เราเข้าเขตุอุปจารสมาธิไปแล้ว ถ้ายังไม่ถึง ความชัดเจนจะไม่มี
พอชัดแล้ว ก็ลองแผ่เมตตาให้เจ้านายดู ทำซักอาทิตย์ ได้ผลยังไงก็เอามาเล่าให้ฟังหน่อยละกัน
ส่วนคาถา ถ้าลองเสิร์ชดูจาก google ก็น่าจะเจอไม่ยาก เพราะถ้าจำไม่ผิด มีพระที่สอนเรื่องเมตตาแบบนี้ มีไม่น่าเกิน 3 องค์เท่านั้น

ส่วนผมไม่ใช้นะครับ เพราะเจ้านายผมเป็นผู้ชาย ให้ผมมานั่งนึกถึงหน้าผู้ชายด้วยกัน
หรือต่อให้เป็นผู้หญิง แต่เป็นคนที่เราไม่ชอบ หรือไม่อยากนึกถึง แล้งต้องมานั่งนึกจนเข้าอุปจารสมาธิเนี่ย
หางานใหม่น่าจะดีกับสุขภาพจิต(ของผม)มากกว่า