การเทียบบารมี โดยพระราชพรหมยาน(หลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง)

ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย softkid9, 7 กุมภาพันธ์ 2014.

  1. softkid9

    softkid9 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    926
    ค่าพลัง:
    +6,399
    [FONT=&quot]การเทียบบารมี บารมีเขาจัดเป็น 3 ชั้น [/FONT]


    [FONT=&quot]1.บารมีต้น ท่านเรียก บารมีเฉยๆ [/FONT]
    [FONT=&quot]2.บารมีตอนกลางท่านเรียกอุปบารมี [/FONT]
    [FONT=&quot]3.บารมีสูงสุดท่านเรียก ปรมัตถบารมี[/FONT]

    [FONT=&quot]ถ้าคนที่มีบารมีต้นในขั้นเต็ม ท่านผู้นี่จะเก่งเฉพาะ ทาน กับ ศีล เขาจะทำสะดวกเฉพาะ การให้ทานกับการรักษาศีล แต่การรักษาศีลของบารมีขั้นต้นจะไม่ถึงศีล 8 อย่างเก่งก็มีกันแค่ศีล 5 ท่านผู้นี้จะไม่พร้อมในการเจริญพระกรรมฐาน ถ้าชวนในการเจริญสมาธิทำกรรมฐาน ท่านบอกทำไม่ได้ กำลังใจไม่พอ หรือจะพูดให้ดีอีกนิดท่านบอกว่าไม่ว่างพอ เวลาไม่มี นี่สำหรับคนที่มีบุญบารมีขั้นต้นจะอยู่กันแค่นี้[/FONT]

    [FONT=&quot]ถ้ามีบารมีเป็นอุปบารมี เขาเรียกว่าบารมีขั้นกลาง อุปบารมีนี่พร้อมที่จะทรงฌานโลกีย์ บารมีนี้พร้อมเรื่องฌานโลกีย์นี่ทรงได้แน่ ท่านพวกนี้จะพอใจในการเจริญพระกรรมฐานแล้วก็พอใจในการทรงฌาน แต่ว่าถ้าจะชวนในขั้นบุกบั่นในวิปัสสนาญาณ ท่านบอกว่าไม่ไหว โดยเฉพาะอย่างยิ่งสมาธิ วิปัสสนาญาณ อาจจะมีบ้างแต่ก็ไม่เข้มแข็งนัก เพราะว่าสมถะกับวิปัสสนานี่แยกกันไม่ได้ ต้องอยู่คู่กัน แต่กำลังด้านวิปัสสนาญาณจะต่ำ จะเข้มแข็งเฉพาะสมถภาวนา แล้วท่านพวกนี้ถึงแม้จะพอใจในการเจริญกรรมฐาน ถ้าเราบอกว่าหวังนิพพานกันเถอะ ท่านพวกนี้บอกว่าไม่ไหว กำลังใจไม่พอ จะชวนไปนิพพานขนาดไหนก็ตาม เขาไม่พร้อมจะไป และก็ไม่พร้อมจะยินดีเรื่องพระนิพพาน พร้อมอยู่แค่ฌานสมาบัติ อันนี้เป็นอุปบารมีนะ[/FONT]

    [FONT=&quot]ถ้าเป็นปรมัตถบารมี เราจะเห็นว่าอันดับแรกอาจจะยังไม่มีความเข้าใจเรื่องนิพพาน พอสัมผัสวิปัสสนาญาณขั้นเล็กน้อยพอสมควร อาศัยบารมีเก่าเพิ่มพูนขึ้นมาก็มีความต้องการเรื่องพระนิพพาน พวกที่มีจิตหวังนิพพานนี่จะไปชาตินี้ได้หรือไม่ได้ ไม่สำคัญ เพราะการหวังนิพพานกันจริงๆต้องหวังกันหลายชาติจนกว่าบารมีที่เป็นปรมัตถบารมีจะสมบูรณ์แบบ คือต้องหวังหลายๆชาติ ถ้าจิตหวังพระนิพพานจริงๆพวกนี้มีหวัง ที่เรียกว่ามีบารมีเป็นปรมัตถบารมี[/FONT]

    [FONT=&quot]ฉะนั้นคนที่จะมีบารมีเข้าถึงปรมัตถบารมีก็ดี อุปบารมีก็ดี ท่านพวกนี้จะต้องผ่านความเป็นเทวดา เป็นนางฟ้า เป็นพรหมกันมามาก เพราะว่าบารมีขั้นต้นก็สามารถเป็นเทวดาเป็นนางฟ้าได้ แต่เป็นพรหมไม่ได้ เพราะบารมีขั้นต้นนี่จะไม่มีฌานโลกีย์ พรหมนี่จะทำบุญแบบไหนก็ตาม ถ้าไม่มีฌานโลกีย์ จะไม่สามารถเป็นพรหมได้ สำหรับอุปบารมีนี่เขาพร้อมในการทรงฌาน แต่เวลาตายไม่ได้เข้าฌานตาย ก็ไปเป็นพรหมไม่ได้เหมือนกัน ถ้าเวลาจะตายเข้าฌานตายก็ไปเป็นพรหมได้ เขาพร้อมแล้ว[/FONT]

    [FONT=&quot]สำหรับท่านที่มีบารมีเป็นปรมัตถบารมี บางทีจะเห็นว่าเรายังบกพร่องในความดีอยู่มาก ศีลก็บกพร่อง สมาธิก็ไม่ทรงตัว ปัญญาก็ไม่แน่นอนนัก ไอ้อย่างนี้มันก็ไม่แน่นอน เพราะคนที่จะไปนิพพานจริงๆ มันอยู่แค่หัวเลี้ยวหัวต่อ อาศัยความเคยชิน อาศัยการฝึกไปบ้าง มากบ้างน้อยบ้าง ทำผิดบ้าง ทำถูกบ้าง แต่ว่าอารมณ์ชินของอารมณ์ดีอยู่อย่างหนึ่ง [/FONT][FONT=&quot]นั้นคือไม่ต้องการเกิด[/FONT][FONT=&quot] มีความรู้สึกตามความเป็นจริงว่าการเกิดขึ้นมามันเต็มไปด้วยความทุกข์ ความเกิดอย่างนี้จะไม่มีกับเราอีก เราจะมีความเกิดชาตินี้เป็นชาติสุดท้าย วันหนึ่งถ้าคิดอย่างนี้สัก 2 นาที คิดทุกวัน อารมณ์นี้มันจะชิน [/FONT][FONT=&quot]ความว่าชินคือฌาน[/FONT][FONT=&quot] ฌานก็คือชิน[/FONT]

    [FONT=&quot]ในเมื่ออารมณ์ความคิดจนชินเกิดขึ้น แต่มันก็ไม่มากนัก เห็นทุกข์วันละ 2-3 นาที นอกจากนั้นก็เผลอเห็นสุข หรือเมื่อมีการงานเข้ามาคั่น เขาไม่ได้นึกถึงตัวทุกข์ ก็จะหาว่าเขาเลวไม่ได้ ต่อเมื่อเวลาที่ใกล้จะตายขึ้นมาจริงๆ มันป่วยไข้ไม่สบาย การป่วยไข้ไม่สบายมันบังคับจิตให้เห็นว่าร่างการมันเป็นทุกข์ ว่าคนป่วยไม่มีส่วนไหนของร่างการเป็นสุข แม้แต่ลมก็มีการขัดข้องอยู่เสมอ ก็เห็นว่าการเกิดมันไม่ดีแบบนี้ ร่างกายก็ป่วย อารมณ์ก็ขัดข้อง อาศัยที่จิตคิดจนชินว่า ร่างกายเกิดเป็นของไม่ดี เป็นทุกข์อย่างนี้เราไม่ต้องการมัน อารมณ์นี้ก็จะเกิด ถ้าเป็นฆราวาสอารมณ์นี้จะหนักแน่นในวันนั้นแล้วก็ตายวันนั้น มันอาจจะมาตอนก่อนๆ มันอาจจะอ่อนไปหน่อย[/FONT]

    [FONT=&quot]ถ้าจิตคิดจริงๆ ว่าการเกิดเป็นของไม่ดี มันเป็นทุกข์อย่างนี้ เราไม่ต้องการมัน อีกจิตวางเฉย เข้าขั้น สังขารุเปกขาญาณ เป็นวิปัสสนาญาณตัวสุดท้าย สังขารุเปกขาญาณนี่ญาติโยมฟังแล้วเข้าใจด้วยนะ สังขารุเปกขาญาณ หมายความว่าวางเฉยในร่างกาย ร่างกายคนอื่นไม่สำคัญ สำคัญร่างกายเรา เรามีความรู้สึกว่าร่างกายเรานี่มันไม่ดีจริงๆ เวลานี้เราปวดที่โน่นบ้าง เสียดที่นี่บ้าง ขัดที่โน่นบ้าง ยอกที่นี่บ้าง มันมีความหิวโหยบ้าง หมดแรงบ้าง จิตใจเพลียไปบ้าง สรุปแล้วร่างกายทั้งร่างกายไม่มีอะไรดี ถ้าความรู้สึกว่าร่างกายไม่ดีเกิดขึ้นในวันนั้น แล้วความจริงใจก็เกิดขึ้นว่าเราไม่ต้องการร่างกายอย่างนี้อีก จิตก็จะเข้าถึงการวางเฉย ไม่ต้องการอีก มันจะตายก็เชิญตาย เราจะเชิญมันตายหรือไม่เชิญมันตายมันก็ตาย ใช่ไหม ในเมื่อมันจะตายแต่เราไม่หนักใจในความตาย เราถือว่ามันตายเมื่อไร เราก็ไปนิพพานเมื่อนั้น แต่ว่าเวลานั้นจะนึกถึงหรือไม่นึกถึงนิพพานก็ไม่สำคัญ ถ้านึกว่าเราไม่ต้องการร่างกายอย่างนี้อีก อารมณ์พระอรหันต์มีแค่นี้นะ วันนั้นท่านจะเป็นพระอรหันต์ จิตใจจะวางเฉยในร่างกายเห็นร่างกายของเราเราก็เฉย ไม่ต้องการมันอีก เห็นร่างกายคนอื่นเราก็เฉย อย่างนี้เขาเรียก สังขารุเปกขาญาณ ถ้าตายเมื่อไรก็ไปนิพพานทันที นี่ว่าถึงพวกปรมัตถบารมีนะ[/FONT]

    [FONT=&quot]จากหนังสือ บารมี ๑๐ หน้า ๑๐๓-๑๐๗ โดย...พระราชพรหมยาน( หลวงพ่อฤาษีลิงดำ)[/FONT]

    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 11 กรกฎาคม 2014
  2. kunchan

    kunchan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2011
    โพสต์:
    130
    ค่าพลัง:
    +163
    กราบหลวงพ่อและขออนุโมทนาบุญเป็นอย่างสูงด้วยคนครับ.
     
  3. BoyRTS

    BoyRTS เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2012
    โพสต์:
    157
    ค่าพลัง:
    +149
    สาธุ
     
  4. tharathan

    tharathan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ธันวาคม 2013
    โพสต์:
    816
    ค่าพลัง:
    +7,128
    สาธุ อนุโมทนาบุญค่ะ
    ชอบอ่านคำสอนของหลวงพ่อมากเลยค่ะ
    เอามาลงให้อ่านอีกนะคะ
     
  5. softkid9

    softkid9 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    926
    ค่าพลัง:
    +6,399
    ขออนุญาติอัพเดทครับ เผื่อท่านใดยังไม่ได้อ่าน สามารถนำไปแชร์ในเฟ๊ซได้นะครับ
     
  6. sirigul

    sirigul เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    805
    ค่าพลัง:
    +2,515
    รักหลวงพ่อเสมอ อ่านแล้วไม่รู้ตัวเองอยู่ระดับไหน รู้แต่ห้ามเกิดอีกเป็นอันขาด แปลกนะ หลวงพ่อพูดถูก ใช่ว่าทุกคนจะรักพระนิพพาน ใช่ว่าทุกคนจะไม่อยากเกิดอีก ถามหลายคนละ แม้แตพี่น้องเราเอง ทุกคนอยากเกิดใหม่ทั้งนั้น ขอให้ชาติหน้าเกิดมารวยๆๆ เค้าอธิฐานแบบนี้ทุกคน มีแต่เรา ไม่ขอเกิดอีก รวยก็ไม่เอา เพราะอย่างไงก็ตายอีก เสียเวลาจริงๆ กับการเกิดๆตายๆ จบชาตินี้แหละ พอละ ซวยๆไม่รู้ชาติไหนเสือกทำบาปอีก ดันไปเกิดเป็นหมาละยุ่งแน่
     

แชร์หน้านี้

Loading...