ขอค้าน หลวงพ่อเกษม อาจิณสีโล

เนื่องจากผมอ่าน คำสอนของหวงพ่อเกษม อาจิณสีโล มานาน แล้วไม่อยากพูด เพราะว่า เกรงศรัทธา ที่มีต่อหลวงพ่อจะทำให้ผมจมธรณี แต่ยิ่งอ่าน ยิ่งพูดไม่ออก เพราะหลวงพ่อมีวิธีคิด มีอะไรที่แตกต่างขึ้นจาก ความปกติมากขึ้นทุกวัน และทำให้คนที่เชื่อถือหลวงพ่อ นำไปสู่ การนับถือพระพุทธองค์ และ ศาสนาพุทธอย่างไม่ถูกต้อง
ผมจะหลีกเลี่ยงการทะเลาะเบาะแว้ง แต่จะชี้ให้เห็น ว่าอะไรคืออะไร

ข้อแรก

หลวงพ่อ พูดถึงเรื่อง การเบิกบุญ ฝากบุญ อุทิศบุญ การจ้างเทวดา
ข้อนี้หลวงพ่อ ยก บท ยถาขึ้นมา ว่า สามารถอุทิศใหได้ทันที ข้อนี้ผมไม่เถียง แต่หลวงพ่อกำลังจะยก นามธรรม ในใจให้เป็น เรื่องของรูปธรรมทุกอย่างเกินไป
ในเมื่อมี รูปธรรม ย่อมมีปริมาณ

ผมถามว่า ปริมาณของบุญ อันสร้างแล้วเกิด ปัญญา นี้จะยกให้กันได้อย่างไร
ผมถามว่า ปริมาณของบุญ อันสร้างแล้ว เกิด ขันติ นี้จะยกให้กันได้อย่างไร
ผมถามว่า ปริมาณของบุญ อันสร้างแล้ว เกิด จาคะ นี้จะยกให้กันได้อย่างไร

ก่อนอื่นเราต้องเข้าใจคำว่า บุญ กับ ทาน ทานนี้คือ ทรัพย์ที่เรา บริจาคให้กับผู้อื่น มี แบ่งออกเป็น วัตถุทาน อภัยทาน และ ธรรมทาน

ซึ่ง วัตถุทาน นี้ เมื่อบริจาคให้พระ พระท่านแผ่เมตตา ซึ่งเป็นพลังงานที่ชุ่มเย็น ก็จะทำให้ สัมภเวสี ได้รับ กันทั่วไป ทีนี้มันก็เหมือนคนที่มีเมตตา เราไปอยุ่ใกล้ๆ เราก็ได้รับพลังที่ดี เข้ามา อันต่อไปก็คือ อภัยทาน คือ ทานที่เราให้อภัยผู้อื่น และ สุดท้าย ธรรมทาน คือ ทานที่เราให้ธรรมแก่ผู้อื่น

อย่างแรก เป็น รูปธรรม อย่างหลังเป็นนามธรรม อันทำให้เกิด รูปธรรมที่ดี ซึ่ง อภัยทาน นี้ไม่มีปริมาณ ธรรมทาน ก็ไม่มีปริมาณ เราจะไปยกผลที่เราทำแล้ว เป็นปริมาณอย่างรูปธรรมไม่ได้

ข้อนี้ หลวงพ่อ เกษม มองโลกแคบเกินไปตามทัสนะคติของตน



ข้อต่อมา การจ้างเทวดา ข้อนี้ หลวงพ่อเกษมทึกทักเอา ผมเปรียบเทียบให้ฟัง ว่า ตามธรรมดาแล้ว พ่อกับแม่ เราต้องจ้างให้ท่านมาปกปักรักษาเราหรือไม่ ตอบว่าไม่ต้อง เพราะท่านเต็มใจ

ส่วนเรื่องที่ เทวดาท่านอื่น เราสามารถจ้างได้ คำถามคือ ท่านจะเอาเงินไปจ้างนายกรัฐมนตรีได้หรือ ท่านจะเอาเงินไปจ้างองคมนตรีได้หรือ ธรรมดาแล้วคำว่า จ้าง นั้น ผู้จ้างและลูกจ้าง นั้นจะต้องมี ผลประโยชน์ ต่างตอบแทนโดยที่ ลูกจ้างนั้นจะต้องมีฐานะที่ เป็นรองต่อนายจ้าง จึงเรียกว่า จ้าง
ผมถามว่า เราเอาฐานะอะไรไปจ้างเทวดาได้ ข้อนี้ แม้กระทั่งคนที่เราจะจ้างเรายังไม่เห็นหน้าค่าตา ไม่เห็นตัวตน
ทุกอย่างเป็น abstract คือ กล่าวๆ ลอยๆ ขึ้นมาอันไม่เห็นผลอะไรเลย

ข้อนี้ หลวงพ่อเกษม สอนค้านกับพระพุทธองค์ ที่กล่าวว่า ให้มาพิสูจน์
หลวงพ่อเกษม อาบัติ เพราะ มุสา พูดในสิ่งที่ไม่เป็นธรรมอันพิสูจน์ได้


ข้อต่อมา เรื่อง การสวดมนต์ ทำให้ สัมภเวสี นั้นเจ็บปวด เป็นการสร้างเวร

ธรรมดาแล้ว ธรรมของพระพุทธองค์นั้น รดไปที่ใดย่อมชุ่มเย็น พระพุทธองค์ไม่เคยทำให้ใครเจ็บปวด แม้หากอยู่ในภาวะอันตราย ธรรมของพระพุทธองค์ ก็เปรียบเหมือนเกราะแก้ว อันคุ้มกันไม่ใ้ห้ภยันตรายเข้ามาเท่านัั้้้น ไม่มีการแปลงไปเป็นอาวุธเพื่อประหัตประหารใครอย่างแน่นอน ซึ่งหากว่า เราไปอ่าน บทแปลจริงๆ ธรรมทุกอย่าง ในบทสวด ล้วนแล้วแต่ พูดในธรรมซึ่งเป็นเรื่องชุ่มเย็นทั้งสิ้น แม้อมนุษย์ เทวดา สัมภเวสีมาได้ยินแล้ว จะต้องบันเทิงเริงใจ จนเกิดศรัทธา ไม่ใช่เป็นเสียงรบกวน ข้อนี้หลวงพ่อเกษม ยกธรรมอันไม่มีใครรู้ใครเห็น นอกจากตน เอามาเป็นธรรม ซึ่งผิดต่อหลักการในพระพุทธศาสนา ที่กล่าวว่า ผู้ใดปฏิบัติ ย่อมเห็นเองรู้เอง
ผมไม่เห็นว่า พระอริยะท่านใดจะเห็นแบบที่ หลวงพ่อเกษมเห็น แม้แต่ผู้เดียว

ข้อนี้ หลวงพ่อเกษม อาบัติ เพราะกล่าวมุสา


ข้อต่อมาเรื่อง พระคาถาชินบัญชร พระคาถาชินบัญชร นั้นเป็นการ กล่าวคุณ ของ พระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ รวมถึงสาวก ที่มีคุณทั้งหลาย อันเป็นเรื่องที่ดี แต่หลวงพ่อเกษมกลับกล่าวว่า ไม่ดี ข้อนี้ หลวงพ่อเกษม ต้องไปเคลียร์กับ สมเด็จพุฒาจารย์โตเองนะครับ ข้อนี้ ท่านยกตนข่มท่าน คือ หมายความว่า สมเด็จพุฒาจารย์โต รู้เห็นไม่เท่า หลวงพ่อเกษม จึงได้มอบคาถา ให้แบบผิด

ข้อนี้หลวงพ่อเกษม อาบัติ


ผมเอาเท่านี้ก่อน ผมขอบอกว่า หลวงพ่อเกษม ขาดจากความเป็นพระ แต่เป็นมาร ที่จ้องทำลาย พระศาสนา หลวงพ่อเกษมอ้างหลวงปู่หล้าเป็นอาจารย์ฺ ข้อนี้ ผมก็อ้างว่าผมเป็นศิษย์พระอาจารย์ มั่น และ ผมเป็นศิษย์ พระพุทธองค์


ธรรมหลายๆ อย่างที่ท่านพูดมา เกิดจาก การที่ท่าน สติวิปลาส

ผมถามคำถามให้คิดกันว่า มีใครเคยเห็น แบบที่ท่านเห็นนอกจากท่านคนเดียว พูดเองเออเอง และธรรมนั้นพิสูจน์ได้จริงหรือ
การดับทุกข์ ต้องทำแบบที่ท่านทำหรือ ทั้งๆ ที่ พระพุทธองค์ สอนไว้แล้วว่าหัวใจพระศาสนา คือ ทำกุศลให้ถึงพร้อม ละอกุศลทั้งปวง และ ชำระจิตของตนให้ผ่องใส เราไม่จำเป็นต้องไปหาว่า ผีสางนางไม้จะเป็นอะไร
เราคิดดีทำดี พอ

 

พวกเราอาจจะยังไม่รู้ความจิงก่ได้นะฮะ

อย่าเพิ่งปรามาสท่านเลย

 

คิดเหมือนผมเปี๊ยบเลย ดีใจที่มีคนพูดขึ้น ผมไม่อยากเกี่ยวข้อง ทั้งๆที่ไม่เห็นด้วยเลยกับท่าน อย่าให้พูดเลื่อนเปื้อนไปไม่มีเบรค

 

ผมถามว่า แม้แต่หลวงพ่อฤาษีลิงดำ ท่านเห็นอะไรต่อมิอะไรมากมาย คิดว่าท่านจะไม่บอกหรือ หากว่ามันเป็นสิ่งที่มีประโยชน์

ผมถามว่า หากเป็นอันตราย และ เป็นการขัดขวางต่อมรรคผลนิพพาน คิดว่า พระอริยะ ท่านอื่นๆ จะไม่พูดหรือ

ข้อนี้ ไม่มีธรรมอะไร จากหลวงพ่อเกษมเลย ที่เป็นจริง

เช่น น้ำมนต์ รดลงไปที่ใด ผีเปรต ขาขาด แขนขาด ข้อนี้ เราเข้าใจผิดกันไปมาก เพราะหลวงพ่อเกษมมีทัสนะ ที่มาจาก หนัง และ ภาพยนตร์ ที่ว่า พอสาดข้าวสาร หรือ น้ำมนต์ ผีจะร้องโหยหวน

ผิดครับ

 

ผมอนุโมทนาด้วยกับท่าน ที่ เห็นธรรม ว่านี่คือ ธรรมปฏิรูป อย่างแท้จริง

 

อดีตผมเป็นเหมือนคุณขันธ์ แต่หนักกว่าถึงขนาดเอาแผ่นซีดีคำสอนไปทิ้งถังขยะ แต่ปัจจุปันผมตาสว่างแล้วครับ เพราะคำสอนที่บอกนี้ ลึก

 

ผมจะบอกให้ ว่า ไปหามาฟังสิที่ หลวงพ่อเกษม เกิด โทสะจริต ใส่อารมณ์ พูดสอนพระเณรในวัด โดยกล่าวว่า " พระอริยะหัวkวย พระอริยะฮุกkวย "

ข้อนี้ เป็นคำหยาบ ท่านพยายามเลียนแบบ พระอริยะที่ท่านไร้สมมติ แต่พระอริยะของจริง ท่านไม่พูดลักษณะแบบนี้ ท่านจะพูดเรียบๆ เช่น หำ และไม่ใส่อารมณ์ ธรรมอันรุนแรงนั้น ไม่ใช่อารมณ์

ข้อนี้สังเกตุกันหน่อย

 

คุณ จอมขมังเวทย์ ลึกในที่นี้ระวัง สีลพตรปรามาสใจใจเราเอง ก่อน

ท่านแพ้กิเลส จึงมองว่าลึก มันไม่ลึกอะไรเลย

ให้ท่านระลึกอย่างเดียวว่า ธรรมอันลุ่มลึกนั้น อย่างไรเสียต้องพิสูจน์ได้และเห็นเหมือนกันหมด ยิ่งลึกเท่าใด ยิ่งไม่แปรผัน

แต่ ธรรมของ หลวงพ่อเกษม นั้น ท่านเห็นเพียงผู้เดียว

 

คืนนี้ ลองทำดูนะครับ
ก่อนจะสวดมนต์บทต่างๆ และแผ่เมตตา บำเพ็ญภาวนา---------ให้อธิฐานจิต--------ด้วยอานิสงค์ผลบุญที่เกิดจากการปฎิบัติธรรมของข้าพเจ้า ในครั้งนี้ ข้าพเจ้าขออุทิสบุญทั้งหมด ให้กับสัมภเวสี รอบๆตัวข้าพเจ้า ขอให้ท่านทั้งหลายจงโปรดมารับบุญนี้ ซึ่งข้าพเจ้ายินดีมอบให้ท่าน--------นอกจากบูชาพระรัตนตรัยแล้ว ผมมีความรู้สึกว่า บทแผ่เมตตา เป็นบทที่สำคัญที่สุด

 

ธรรมอันลึกต้องพิสูจน์ ถูกต้องแล้วครับ งั้นเราเจอคำตอบกันแล้วนะ ก่อนจะวิพากษ์

 

การแผ่เมตตา ก็คือ การแผ่เมตตา เป็นเรื่องปกติ ที่เราชาวพุทธทำกัน แต่อย่าเอามาปนกับ คำสอนที่ปฏิรูปครับ แรกๆ พญามารจะมาให้เห็นว่าเป็นพวกเดียวกัน กับเรา แต่สุดท้ายแล้วจะกลืนกันไป โดยเอา คำสอนของพญามารนั้นมาแทน

ผม มีความสุขได้ ผ่านพ้นอุปสรรค ทุกประการมาได้ ด้วยปัญญาล้วนๆ ทุกวันนี้ กราบพระพุทธองค์สุดหัวใจว่า ธรรมนั้นไม่ผิดเพี้ยน จึงได้มาคอย บอกคนอื่นเป็นกำลังให้ ศาสนาพุทธ

ผมกล้าท้า ให้เอาธรรม ของ หลวงพ่อเกษม ไปถาม หลวงตามหาบัว หรือ พระอริยะท่านใดก็ได้ ท่านจะด่ากลับมาทันทีแน่นอน

 

อืม งั้นผมรู้แจ้ง เห็นจริงแล้วว่า ก็เท่านั้นเอง

 

คุณ จอมขมังเวทย์เข้าใจผิดแล้ว พิสูจน์ คือ พิสูจน์เดี๋ยวนี้ที่นี่ ผมชี้หลักฐานให้เห็น แล้ว ว่า คำสอนของท่านขัดแย้ง หลายประการ

และธรรม ที่เป็น โลกุตระธรรม หรือ ของลึก นั้น วิ่งไปสู่ การไม่ยึดในอุปทานขันธ์ 5 ไม่ใช่การไปหาว่า น้ำมนต์ ทำร้ายใคร สวดมนต์ทำร้ายใคร หรือ กฎเกณฑ์ อันไม่เป็นปรมัตธรรม ซึ่ง รู้อยู่คนเดียวเห็นอยู่คนเดียว และ ไม่เหมือนพระอริยะท่านอื่นกล่าวไว้

ข้อนี้ก็ชี้ชัดไปแล้วครับ

 

สวัสดีครับคุณขันธ์

 

สวัสดีครับคุณ มหัสดำ

 

อืม...พอเถอะครับ นักศาสนา คุณก็เท่านั้น ไม่ได้ใหญ่ทางความคิดกว่าคนอื่นหรอก *ก็เท่านั้นเอง*

 

จงเป็นผู้รู้ อย่าเป็นผู้ดู หรือผู้เห็น...เพราะสักวันเมื่อรู้...จะหวนคืนไม่ได้
...............
ถ้ายังไม่รู้...ก็จงเก็บไว้ก่อน ..แล้วศึกษา....
..............
เพราะสิ่งที่เราให้แก่คนอื่น....ถ้าคนอื่นไม่รับจงอย่าเสียใจ
เพราะสิ่งที่เราให้แก่คนอื่น....คนอื่นไม่พร้อมรับจงอย่าเสียใจ
เพราะสิ่งที่เราให้กับคนอื่น....คนอื่นอยากรับแต่ไม่มีที่ไส่จงอย่าเสียใจ
เพราะสิ่งที่เราให้กับคนอื่น....คนอื่นไม่เข้าใจ จงอย่าเสียใจ
เพราะสิ่งที่เราให้กับคนอื่น....อาจยังไม่ถึงเวลาที่เขาอยากได้
เพราะสิ่งที่เราให้กับคนอื่น....เราอยาก...เขาไม่อยาก

 

ทะทะทะทะทถูกต้องแล้วคร้าบบบบบบบบบบบบบ

 

ผมกล้าท้าให้ มาพิสูจน์ แต่ขอโทษนะครับ ผมจะบอกความจริงอะไรให้ว่า
ผมไปพิสูจน์หลวงพ่อเกษมมาแล้ว
ตอบผมไม่ได้สักข้อ

ท่านอ้างว่า จะไปสอนตามแบบพระอริยะท่านอื่นได้อย่างไร ในเมื่อกุ้งหอยปูปลามันมากมาย

ผมบอกตรงนี้ว่า ถ้าเช่นนั้นแล้ว พระพุทธองค์ คงสอนแบบท่านไปนานแล้ว หากว่าช่วยเหลือคนได้

 

อืมม์ๆ