ของสะสม เผื่อมีท่านใดสนใจครับ สีผึ้งดีๆมาใหม่ สรุปรายการหน้า4

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย tumnansakyun, 17 มกราคม 2015.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. tumnansakyun

    tumnansakyun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    2,595
    ค่าพลัง:
    +3,638
    ท่านที่สนใจ พี่ๆนอกเว็บสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 084-4029231 หรือทางข้อความส่วนตัวได้ครับ

    บัญชีธนาคาร
    ไทยพาณิชย์
    403-574475-4
    ออมทรัพย์
    พรพิรุณ ดวงจันทร์ทิพย์

    รบกวนช่วยค่าจัดส่ง 50 บาท/ครั้ง

    ขอบคุณครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 มิถุนายน 2015
  2. tumnansakyun

    tumnansakyun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    2,595
    ค่าพลัง:
    +3,638
    สาริกาคู่งูเสพสม ยุคแรก พระอาจารย์ยกพล โรจนธัมโม

    รุ่นนี้ขึ้นชื่อเรื่องเสน่ห์เมตตามากๆครับ หนุ่มเจ้าสำราญจะมักขูดผงไปผสมน้ำให้สาวๆกิน สังเกตุองค์นี้ผ่านการใช้งานมาจากเจ้าของเก่าครับ

    พระที่ได้รับมาสมัยท่านบวชอยู่ชุดนี้มวลสารล้วนๆที่ท่านออกหาเองจากในป่าจากถ้ำวัวแดงเลยเข้าไปจนถึงฝั่งลาวประสบการณ์ด้านเสน่ห์ไม่ต้องถามถึง ชาวบ้านแถววัดหนองดง ต่างรู้ดีขอให้ท่านเบามือลง ที่แน่ๆ ได้ลองมากับตัวเองจนเห็นผล เพราะไม่เชื่อโฆษณา เลยฝากตัวเป็นศิษย์ซะเลย เสน่ห์สูงเด็ดขาดมากๆ เป็นพระดีที่ราคายังไม่แพงมาก ตอนนี้ท่านเสียแล้วนะครับ พระชุดนี้กลายเป็นตำนานไปแล้วครับ หาไม่ง่าย ใครได้ไปใช้แล้วจะรู้ว่าทำไมพระชุดนี้ถึงได้รับการกล่าวถึงมาก ทำไมชื่อพระอาจารย์ยกพลคนถึงรู้จัก อยากให้ใช้ดูครับ บรรดาหนุ่มใหญ่แถววัดไม่ยอมเปลี่ยนพระแขวนเพราะอะไร ก็เพราะพระชุดนี้ของท่าน เอาเป็นว่าเสน่ห์เด็ดขาดขนาดเด็กนักศึกษาสาวสวยมาติด สาววัยกระเตาะมาติด ไม่ธรรมดาแน่ๆครับ ปัจจุบันหายากแล้ว แล้วจะรู้ว่าของจริงนั้นเป็นอย่างไรครับ

    เปิดราคาเบาๆ แต่พุทธคุณไม่เบาครับ 500 บาท ค่าส่ง 50 บาท
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_3425.JPG
      IMG_3425.JPG
      ขนาดไฟล์:
      71.2 KB
      เปิดดู:
      480
    • IMG_3426.JPG
      IMG_3426.JPG
      ขนาดไฟล์:
      69.7 KB
      เปิดดู:
      188
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 เมษายน 2015
  3. tumnansakyun

    tumnansakyun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    2,595
    ค่าพลัง:
    +3,638
    พระผงนั่งตั่ง รุ่นแรก หลวงปู่หมุน ฐิตสีโล

    ราคา มีผู้บูชาแล้ว ค่าส่ง 50 บาท
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_3427.JPG
      IMG_3427.JPG
      ขนาดไฟล์:
      70.3 KB
      เปิดดู:
      142
    • IMG_3428.JPG
      IMG_3428.JPG
      ขนาดไฟล์:
      64.6 KB
      เปิดดู:
      105
    • IMG_3429.JPG
      IMG_3429.JPG
      ขนาดไฟล์:
      48.7 KB
      เปิดดู:
      103
    • IMG_3430.JPG
      IMG_3430.JPG
      ขนาดไฟล์:
      45.9 KB
      เปิดดู:
      147
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 มกราคม 2015
  4. tumnansakyun

    tumnansakyun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    2,595
    ค่าพลัง:
    +3,638
    พระสมเด็จ พิมพ์แหวกม่าน หลวงพ่อสงวน วัดไผ่พันมือ

    ราคา มีผู้บูชาแล้ว บาท
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_3431.JPG
      IMG_3431.JPG
      ขนาดไฟล์:
      69.8 KB
      เปิดดู:
      118
    • IMG_3432.JPG
      IMG_3432.JPG
      ขนาดไฟล์:
      69 KB
      เปิดดู:
      70
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 มกราคม 2015
  5. tumnansakyun

    tumnansakyun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    2,595
    ค่าพลัง:
    +3,638
    สีผึ้งเขียวเกี้ยวสาว หลวงพ่อทาบ วัดกระบกขึ้นผึ้ง มีตะกรุดสาริกา จีวร เกศา

    ประวัติหลวงพ่อทาบ วัดกระบกขึ้นผึ้ง อำเภอบ้านค่าย จังหวัดระยอง

    หลวงพ่อทาบ วัดกระบกขึ้นผึ้ง หรือพระครูอรรถโกศล เป็นคนระยองโดยกำเนิด เกิดที่บ้านนาตาขวัญ ต. นาตาขวัญ อำเภอเมือง จังหวัดระยอง เมื่อวันศุกร์ เดือนหก ปีฉลู ตรงกับ พ.ศ. ๒๔๒๐ โยมบิดา ชื่อ อุ่น เพชรนคร โยมมารดา ชื่อ ฉิม พื้นเพเป็นชาวจังหวัดจันทบุรี ท่านมีพี่น้องถึง ๘ คน หลวงพ่อทาบเป็นน้องคนสุดท้อง

    สมัยท่านเป็นเด็กมีคนเล่าให้ฟังว่า ท่านเป็นคนใจบุญสุนทาน เมื่อโยมของท่านจับปลามาขังไว้เพื่อประกอบอาหาร ท่านมักจะปล่อยลงน้ำไปหมดด้วยความสงสาร จนถูกโยมบิดามารดาดุเอาหลายครั้งหลายหน แต่เมื่อมีโอกาสท่านมักจะปล่อยปลาลงน้ำไปเสมอๆ จนโยมท่านต้องงดนำปลาเป็นๆ มากักขังไว้ หลวงพ่อทาบท่านได้เริ่มต้นเล่าเรียนเมื่ออายุได้เพียง ๔-๕ ขวบ พออายุได้ ๒๐ ปี เข้าสู่วัยฉกรรจ์ ท่านก็ถูกเกณฑ์เป็นทหารเรือรับใช้ชาติตามหน้าที่ของลูกผู้ชายอยู่ถึง ๔ ปี จึงได้ปลดประจำการ หลังจากนั้นท่านก็บวชอุทิศส่วนกุศลให้แก่โยมบิดามารดาทั้งสองคนโดยมีพระครูสมุทรสมานคุณ (แหยว) เจ้าอาวาสวัดป่าประดู่เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์มาก เจ้าอาวาสวัดนาตาขวัญเป็นพระกรรมวาจารย์ และพระอาจารย์รวม วัดบ้านแลง เป็นพระอนุสาวนาจารย์ เมื่ออุปสมบทแล้วหลวงพ่อทาบเป็นพระหนุ่มที่เคร่างครัดสำรวมขยันขันแข็งมาก ท่านได้ศึกษาพระธรรมวินัยและสามารถแปลมูลกัจจายน์มงคลทีปนี้ได้ในพรรษาแรก นอกจากนี้หลวงพ่อทาบก็ยังได้ศึกษาวิชาอาคมกับหลวงพ่อมาก พระกรรมวาจารย์ของท่านอีก จากนั้นท่านก็ไปอยู่รับใช้พระอุปัชฌาย์อีกประมาณ ๒ ปี ได้รับการถ่ายทอดวิชาอาคมจากพระอุปัชฌาย์จนหมดสิ้น

    พระอุปัชฌาย์ของหลวงพ่อทาบ คือ พระครูสมุทรสมานคุณ ดำรงตำแหน่งเจ้าคณะจังหวัดระยอง ชาวบ้านเรียกว่า หลวงพ่อแหยว เป็นผู้มีวิชาอาคมขลังยิ่งรูปหนึ่งในจังหวัดระยองยุคนั้น โดยเฉพาะทางด้านเมตตามหานิยม เล่ากันว่าผ้ายันต์พัดโบกของท่านนั้น ใช้โบกไปทางไหนผู้หญิงก็จะต้องตามไปทางนั้นทันที เรียกว่าหลวงพ่อมีชื่อเสียงทางผ้ายันต์หรือผ้าพัดโบกมาก

    เมื่อหลวงพ่อทาบ บวชได้พรรษาที่ ๕ พ้นจากการเป็นพระนวกะแล้ว ท่านก็เริ่มออกเดินธุดงค์เพื่อหาความสงบวิเวกตามป่าเขาลำเนาไพร และแสวงหาพระอาจารย์ดี ๆ ไปตามที่ต่าง ๆ ในช่วงเวลานั้น หลวงพ่อทาบชอบพอกันหลวงพ่อทิมมาก เคยไปธุดงค์และแสวงหาพระอาจารย์ด้วยกันหลายครั้งหลายหน

    หลวงปู่ทิม(วัดละหารไร่) เคยเล่าให้ผู้เขียนฟังว่าสมัยท่านเป็นทหารเรือลูกหมู่อยู่นั้น มีทหารเรือรุ่นเดียวกับท่านอยู่คนหนึ่ง หน้าตาอัปลักษณ์ แอบไปหลงรักหญิงสาวหน้าตาดีอยู่คนหนึ่งซึ่งอาศัยอยู่ใกล้ ๆ กับกองทหาร ผู้หญิงคนนี้มีทหารหลายคนไปเกี้ยวพาราสีกันอยู่ โดยเหตุที่เพื่อนของท่านหน้าตาไม่ดี จึงถูกตราหน้าว่า “แม้ชายผ้าถุงก็อย่าหมายได้เห็น” เพื่อนของท่านเกิดความอับอายเพื่อนฝูงจึงกล่าวกับท่าน (หลวงปู่ทิม) ว่า “พวกมึงคอยดู กูออกทหารเมื่อไร กูจะพาอีนี่กลับไปบ้านด้วย มันจะต้องร้องตามกู แล้วพวกมึงคอยดู...”

    เมื่อเพื่อนทหารผู้นั้นถูกปลดประจำการพร้อมกับท่าน หญิงสาวขวัญใจทหารในกองร้อยที่ทุกคนหมายปองก็หอบผ้าหอบผ่อนตามพลทหารเพื่อนของท่านกลับไปบ้านค่ายด้วยท่ามกลางความงุนงงของเพื่อนทหารโดยทั่วไป และได้อยู่กินกับเพื่อนทหารผู้อัปลักษณ์ของท่านคนนั้นอย่างมีความสุข มีลูกหลานอยู่ในบ้านค่ายมาจนทุกวันนี้ หลวงปู่ทิม ท่านถามเพื่อนของท่านว่าใช้อะไรจึงทำให้ผู้หญิงตามมาทั้งๆ ที่เขาไม่เคยรักเราเลย เพื่อนของท่านตอบว่า ใช้ผ้าพัดโบกของหลวงพ่อกาจ ซึ่งท่านทำให้ไว้คราวลงมาเป็นทหาร

    ดังนั้นในยุคที่หลวงปู่ทิมเป็นพระหนุ่มที่ใฝ่หาวิชาอาคมใส่ตัว จึงจดจำเรื่องอานุภาพของผ้าพัดโบกหลวงพ่อกาจได้อย่างฝังใจ และชวนหลวงพ่อทาบเพื่อนเกลอไปขอร่ำเรียนวิชาพัดโบกจากหลวงพ่อกาจด้วยกัน แต่หลวงพ่อกาจให้ท่านเรียนวิชาได้เพียงคนเดียว ส่วนหลวงพ่อทาบไม่ได้เรียน ผมถามว่าเป็นเพราะเหตุใด หลวงปู่ทิมท่านตอบว่า “ก็นี่ (หลวงปู่ทิมท่านมักเรียกสรรพนามแทนตัวท่านว่า “นี่”) รู้ว่าหลวงพ่อกาจท่านชอบสูบกัญชา นี่จึงเอากัญชาติดมือไปถวายท่านด้วยหนึ่งห่อ หลวงพ่อกาจเลยสอนวิชาให้ ส่วนท่านพี่ทาบไม่เอากัญชาติดมือไปด้วย หลวงพ่อท่านก็ไม่ยอมสอนให้”

    หลังจากที่ได้ยินได้ฟังเรื่องอิทธิฤทธิ์ของผ้าพัดโบกของหลวงพ่อกาจ แล้ว ผู้เขียนก็แสวงหาผ้ายันต์พัดโบกของหลวงพ่อกาจมาศึกษาก็ได้พบของจริงเข้าจนได้ พัดโบกหลวงพ่อกาจ ที่ผู้เขียนพบเป็นของครูตุ๋ย ครูโรงเรียนวัดกระบกขึ้นผึ้ง ซึ่งได้มาจากผู้เฒ่าผู้แก่แถววัดกระบกขึ้นผึ้ง ผ้ายันต์ผืนนี้เป็นสีแดงเขียนด้วยหมึกจีนสีดำ ในหมึกจีนสีดำนั้นเมื่อส่องด้วยแว่นขยายแรงสูงดูแล้วเข้าใจว่าหมึกดำคงจะผสมด้วยว่านยาต่างๆ อันเป็นเคล็ดลับ ซึ่งน่าจะได้แก่ ว่านสาวหลง ไม้ไก่กุก ไม้กาฝากรัก ว่านช้างผสมโขลง ว่านดอกทอง เป็นต้น ลายมืออักขระขอม คงเป็นลายมือของหลวงพ่อกาจ เพราะท่านผู้เฒ่าเจ้าของผ้าพัดโบกผืนนั้น ยืนยันว่าพัดโบกผืนนั้นหลวงพ่อกาจลงเอง กลางอักขระเลขยันต์เป็นรูปเทวดาหญิงชายสององค์ยืนกอดกัน ต่อมาวิชาพัดโบกนี้หลวงปู่ทิมได้นำมาประยุกต์ดัดแปลงเสียใหม่ โดยไม่ใช้รูปเทวดาแต่งชุดทั้งองค์มาปรากฏให้เห็น แต่ก็ใช้ผ้าสีแดงทำเช่นกัน

    ส่วนผ้ายันต์พัดโบกของหลวงพ่อทาบ นั้นท่านก็ได้สร้างขึ้นไว้ครั้งหนึ่งจำนวนมากพอสมควร แต่เป็นยันต์พิมพ์เพื่อแจกแก่ผู้ทำบุญในงานผูกพัทธสีมาของวัดกระบกขึ้นผึ้ง โดยใช้ผ้าสีขาว ปัจจุบันผ้ายันต์ชุดนี้ของหลวงพ่อทาบก็หายากแล้ว ใครมีใครก็หวง เพราะอานุภาพใช้ดีทางเมตตาค้าขายไม่เสียทีที่หลวงพ่อทาบได้สมญาว่า เทพเจ้าแห่งเมตตานิยมสีผึ้งเขียวอันลือลั่น

    เหตุที่ทำให้หลวงพ่อทาบมีชื่อเสียง

    เหตุที่จะทำให้หลวงพ่อทาบมีชื่อเสียงโด่งดังจนเป็นเอกในด้านเมตตามหานิยมและเป็นที่รู้จักของผู้คนทั่วไป ก็มาจากสีผึ้งเขียว เมื่อหลวงพ่อทาบมีอายุล่วงเข้า ๘๐ พรรษาเศษแล้ว ท่านใช้เวลารวบรวมมงคลวัตถุต่าง ๆ เป็นเวลานานถึง ๔ ปีเศษ หลังจากนั้นท่านก็เริ่มเป็นที่รู้จักของผู้คนในแถมละแวกวัดกระบกขึ้นผึ้งและคนในถิ่นใกล้เคียง จนเป็นที่เคารพนับถือของผู้คนในย่านนั้น เมื่อเจ้าอาวาสวัดกระบกขึ้นผึ้งมรณภาพลง ชาวบ้านจึงได้นิมนต์ท่านขึ้นเป็นเจ้าอาวาสปกครองวัดกระบกขึ้นผึ้ง ท่านไม่สามารถขัดศรัทธาของชาวบ้านได้ จึงจำใจต้องรับตำแหน่งนั้น การพัฒนาวัดกระบกขึ้นผึ้งในสมัยท่านไปด้วยดี เพราะได้รับแรงศรัทธาจากประชาชน จนหลวงพ่อทาบสามารถสร้างกุฏิ วิหาร โบสถ์ ได้อย่างรวดเร็วในยุคของท่าน

    นอกจากงานพัฒนาทางวัดแล้วหลวงพ่อทาบยังได้สงเคราะห์ญาติโยมที่เดือดร้อนทางใจและตกทุกข์ได้ยาก โดยการทำน้ำมนต์อาบขจัดทุกข์ขจัดโศก จนบุคคลเหล่านั้นประสบความสำเร็จ ชื่อเสียงเกียรติคุณของหลวงพ่อทาบจึงเลื่องลือระบือออกไปตามท้องถิ่นต่าง ๆ จนจัดเป็นเกจิอาจารย์ที่มีเกียรติคุณอย่างยิ่งรูปหนึ่งในบ้านค่าย

    ในปี พ.ศ. ๒๔๘๑ หลวงพ่อทาบ ได้รับแต่งตั้งได้ดำรงตำแหน่งเจ้าคณะตำบล อันเป็นการแสดงออกถึงความสามารถในการปกครองของท่าน และในปี พ.ศ. ๒๔๙๐ ก็ได้รับสมณะศักดิ์เป็นพระครูชั้นสัญญาบัตรที่พระครูอรรถโกศล ท่ามกลางความยินดีปรีดาของชาวบ้านและศิษยานุศิษย์น้อยใหญ่ ถึงกับมีการแห่แหนสัญญาบัตรพัดยศจากวัดป่าประดู่เข้ามายังวัดกระบกขึ้นผึ้ง

    การขอรับสีผึ้งจากหลวงพ่อทาบในสมัยก่อน สำหรับผู้ที่จะมาขอสีผึ้งเขียวของท่านนั้น กว่าจะได้ก็แสนจะลำบากยากเย็น เล่ากันว่าผู้ต้องการจะได้สีผึ้งเขียวของท่านจะต้องมานอนค้างคืนกันที่วัดหลาย ๆ คืน และหลาย ๆ ครั้ง จนหลวงพ่อทาบเห็นความมานะอดทนว่า ต้องการได้จริง ๆ ท่านจึงจะให้ แต่ท่านจะหยิบให้เพียงเท่าหัวไม้ขีดไฟเท่านั้น สีผึ้งเขียวของหลวงพ่อทาบเมื่อใครได้มาแล้วเหมือนกับได้ของวิเศษที่เปี่ยมไปด้วยส่วนผสมแห่งเมตตามหานิยม คนเล่นของในสมัยนั้นจึงนำสีผึ้งหลวงพ่อทาบที่ได้มาเพียงแค่หัวไม้ขีดไฟมาเลี่ยมทองหุ้มใส่สายสร้อยหรือแขวนติดตัว แต่ก่อนจะมอบสีผึ้งเขียวให้แก่ผู้ใด หลวงพ่อทาบจะสั่งสอนวิธีใช้ให้ สำหรับเรื่องผู้หญิงนั้น ถ้าจะใช้สีผึ้งนี่ก็ขอให้ใช้เมื่อจำเป็นจริง ๆ ได้เขาสมใจแล้วก็อย่าไปทิ้งไปขว้าง มิเช่นนั้น จะเกิดวิบัติ

    อานุภาพสีผึ้งหลวงพ่อทาบ

    นักเลงรุ่นเก่าชาวระยองยอมรับว่าสีผึ้งเขียวของหลวงพ่อทาบนั้นยอดเยี่ยมจริง ๆ ไม่เคยทำให้ใครผิดหวังโดยเฉพาะเรื่องผู้หญิง ท่านผู้เฒ่าท่านหนึ่งใน ต.ตาสิทธิ์ ติดกับวัดหลวงปู่ทิมเล่าให้ผู้เขียนฟังว่าเมื่อสมัยหนุ่ม ๆ ข้าก็ได้อาศัยสีผึ้งเขียว ของหลวงพ่อทาบนี่แหละ จึงได้แม่อ้ายยอด มาจนทุกวันนี้ แม่อ้ายยอดเมื่อสาวๆ มันสวยอย่าบอกใครเชียว หนุ่ม ๆ มาจีบกันหัวกระไดแทบไม่แห้ง แต่ลุง (ตัวคนเล่า) มันพูดจาไม่เก่ง รูปก็ไม่หล่อ แรกๆแม่อ้ายยอดไม่เคยมองลุงเลย ความที่อยากเอาชนะไอ้พวกหนุ่มรุ่นเดียวกัน ลุงจึงดั้นต้นไปขอสีผึ้งเขียวหลวงพ่อทาบ ไปก็หลายครั้งหลายหนอยู่จนท่านจำได้และเห็นมาบ่อย ๆ หลวงพ่อทาบท่านเลยสงสารควักให้มาหัวไม้ขีดหนึ่งสั่งว่าเพียงเอาห่อติดตัว เวลาจะใช้กับผู้หญิงคนใดก็เพียงแต่ทำใจให้นึกเห็นใบหน้าเขาและเข้าไปหาเถอะไม่ช้าก็สำเร็จ และก็ได้ผลจริงๆไม่นานแม่อ้ายยอดเกิดสงสารเห็นใจลุง ทั้งที่ก่อนนั้นเขาไม่เคยชายตามองลุงเลย พวกหนุ่มบ้านอื่นงงเป็นไก่ตาแตก

    ท่านผู้เฒ่าเล่าเสริมต่อไปว่า หลังจากได้แม่อ้ายยอดมาเป็นเมียและอยู่กับมาจนบัดนี้แล้ว ลุงเคยถามเขาว่า เพราะเหตุใดจึงเกิดมารักลุง ทั้งๆ ที่แต่แรกไม่เคยสนใจลุงเลย แม่อ้ายยอดบอกกับลุงว่าเป็นเพราะอะไรไม่รู้ วันไหนถ้าไม่เห็นหน้าลุงใจคอมันหงุดหงิด ร้อนรุ่ม พอได้เห็นหน้าลุงแล้วสบายใจ และไม่ช้าลุงก็ชวนมันมาอยู่กับลุงเสียเลย ผมได้ถามลุงผู้เฒ่าว่า แล้วสีผึ้งนั้นอยู่ไหน? ขอผมดูหน่อย ท่านผู้เฒ่าบอกว่า เมื่อลุงได้เมียแล้วก็ไม่ได้ใช้อีกเลย เพราะหลวงพ่อท่านสั่งนักสั่งหนาว่าถ้าใช้กับผู้หญิงแล้วต้องเลี้ยงเขาเป็นลูกเมีย ห้ามทิ้งขว้าง ลุงได้แม่อ้ายยอดมาครองคนเดียวก็นับว่าพอใจแล้ว เลยหุ้มทองเก็บไว้ จนอ้ายยอดลูกหัวปีของลุงมันเป็นหนุ่มแล้ว ลุงจึงมอบให้มัน ก็ดูซิอ้ายยอดลูกชายลุงมีเมียตั้ง ๓ คน และอยู่บ้านเดียวกันทั้งนั้น หลานลุงมีเป็นพรวน มีเมียมากมันก็ไม่ดีหรอกหลาน หาเท่าไรไม่พอเลี้ยงลูกเลี้ยงเมีย แต่ก็ดีไปอย่าง อ้ายยอดมันได้เขาแล้วมันก็ไม่ทิ้งไม่ขว้าง เลี้ยงเป็นลูกเป็นเมียทุกคน อ้ายยอดลูกลุงน่ะ มันไม่เท่าไหร่หรอก มีเพียงแค่ ๓ คน เท่านั้น แต่ลูกศิษย์หลวงพ่อทาบที่เคยบวชอยู่กับท่านคนหนึ่งซิ เดี๋ยวนี้ย้ายไปอยู่จันทบุรี มีเมียอยู่บ้านเดียวกันถึง ๖ คน ทุกคนปรองดองกันดี ไม่ทะเลาะเบาะแว้งกันเลย แต่ลูกเป็นกระบุง แต่เขาก็มีฐานะดีนะ เรื่องสีผึ้งเขียวของหลวงพ่อทาบ ถ้าใช้เรื่องผู้หญิงรับรองได้เยี่ยมจริง ๆ

    ท่านพระอาจารย์เสียน มนูญโญ เจ้าอาวาสวัดกระบกขึ้นผึ้ง ซึ่งมีศักดิ์เป็นหลานแท้ๆ ของหลวงทาบ ตลอดจน คุณปถม อาจสาคร อดีตสหกรณ์อำเภอบ้านค่าย และคุณประชา ตรีพาสัย เพื่อนผู้เขียนซึ่งจูงใจให้ผู้เขียนไปรู้จักกับหลวงปู่ทิมจนได้สร้างพระชุดชินบัญชรอันเป็นที่รู้จักกันทุกวันนี้ เคยเล่าเรื่องอานุภาพของสีผึ้งเขียวหลวงพ่อทาบ ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องที่รู้กันแพร่หลายทั่วจังหวัดระยองให้ฟังว่า

    เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๐๓ จ.ระยอง ได้จัดให้มีการประกวดนางสาวระยองขึ้นตามนโยบายของรัฐบาล เพื่อคัดคนส่งไปประกวดนางสาวไทยที่กรุงเทพฯ ในงานรัฐธรรมนูญที่วังสราญรมย์ อ. บ้านค่าย ก็สรรหาสาวงามส่งเข้าชิงชัยตำแหน่งนางสาวระยอง เหมือนกับอำเภออื่น ๆ เช่นกัน เมื่อได้สาวงามชาวอำเภอบ้านค่ายแล้ว ทางอำเภอก็นำสาวงามผู้นั้นมาขัดสีฉวีวรรณแล้วสอนกิริยามารยาทจนเป็นที่เรียบร้อย พอใกล้วันประกวดนางงามระยอง เหตุการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิดว่าจะเป็นไปได้ก็เกิดขึ้น สาวงามซึ่งจะเป็นตัวแทนสาวบ้านค่ายขึ้นเวทีประกวด เกิดสิวเห่อขึ้นเต็มหน้า เป็นที่ตกอกตกใจของคณะกรรมการอำเภอบ้านค่ายไปตามๆ กัน จะหาคนใหม่ก็ไม่ทัน ทุกคนต่างก็จนปัญญาไม่รู้ว่าจะแก้ปัญหาได้อย่างไร แต่ถึงอย่างไรก็ต้องส่งสาวผู้นี้เข้าประกวดอยู่ดี เพราะเตรียมการไว้แล้ว แต่โอกาสที่สาวบ้านค่ายจะเป็นนางงามระยองคงหมดหวังแน่ ก่อนถึงวันประกวดคณะกรรมการอำเภอบ้านค่ายทนเสียงอ้อนวอนของผู้ปกครองเด็กไม่ได้ จึงยอมให้ผู้ปกครองเด็กสาวคนนั้นนำไปหาหลวงพ่อทาบ หลวงพ่อทาบท่านทำน้ำมนต์ให้อาบ แล้วให้สีผึ้งเขียวมาหนึ่งหัวไม้ขีดไฟ และยังปลุกเสกแป้งผัดหน้าให้อีกหนึ่งห่อ ทั้งกำชับให้เอาสีผึ้งติดตัวขึ้นไปบนเวทีประกวด และเวลาประกวดก็ให้ใช้แป้งที่ท่านปลุกเสกผัดหน้าขึ้นไปเดินบนเวทีทุกครั้ง ผลการตัดสินสาวงามระยองปี พ.ศ. ๒๕๐๓ นั้น ปรากฏว่าสาวน้อย อ. บ้านค่าย ได้ตำแหน่งนางสาวระยอง ทั้งๆ ที่ใบหน้าสิวขึ้นเยอะ ท่ามกลางความดีอกดีใจของชาวบ้านค่าย และความงุนงงของชาวอำเภออื่น ๆ และในปีต่อ ๆ มาอีก ๒-๓ ปี ชาวอำเภอบ้านค่ายก็ได้นางสาวระยองติดต่อกัน และนางงามบ้านค่ายทุกคนต่างไปขอให้หลวงพ่อทาบรดน้ำมนต์ปิดนะหน้าทอง ได้สีผึ้งเขียวติดตัวและปลุกเสกแป้งผัดหน้าให้เช่นกัน

    ของรักของหวงครับ สะสมมานานหลายปี หายากสุดๆครับ มีอยู่ 3 ตลับ บางตลับก็มีพระปิดตาองค์เล็กๆฝังอยู่ครับ

    ราคา pm สอบถาม
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_3433.JPG
      IMG_3433.JPG
      ขนาดไฟล์:
      55.9 KB
      เปิดดู:
      122
    • IMG_3434.JPG
      IMG_3434.JPG
      ขนาดไฟล์:
      83.6 KB
      เปิดดู:
      119
    • IMG_3435.JPG
      IMG_3435.JPG
      ขนาดไฟล์:
      82.5 KB
      เปิดดู:
      131
    • IMG_3436.JPG
      IMG_3436.JPG
      ขนาดไฟล์:
      81 KB
      เปิดดู:
      83
    • IMG_3437.JPG
      IMG_3437.JPG
      ขนาดไฟล์:
      76.6 KB
      เปิดดู:
      93
    • IMG_3438.JPG
      IMG_3438.JPG
      ขนาดไฟล์:
      83.3 KB
      เปิดดู:
      101
    • IMG_3439.JPG
      IMG_3439.JPG
      ขนาดไฟล์:
      67.2 KB
      เปิดดู:
      93
    • IMG_3440.JPG
      IMG_3440.JPG
      ขนาดไฟล์:
      68.1 KB
      เปิดดู:
      155
    • IMG_3441.JPG
      IMG_3441.JPG
      ขนาดไฟล์:
      61.6 KB
      เปิดดู:
      120
    • IMG_3442.JPG
      IMG_3442.JPG
      ขนาดไฟล์:
      75.2 KB
      เปิดดู:
      119
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 เมษายน 2015
  6. tumnansakyun

    tumnansakyun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    2,595
    ค่าพลัง:
    +3,638
    ลูกอมพรายมงคล เนื้อก้นครก ปลุกเสก 16 พิธี

    รายการมวลสารของลูกอมพรายมงคล (เนื้อก้นครกรวมส่วนผสมของทุกรุ่นไว้ด้วยกัน)


    น้ำมันพราย 16 นาง ตำนานทาง มหาลาภ มหานิยม จากล้านนา
    น้ำมันพรายกาหลง ตำนานทาง มหาเสน่ห์จากเชียงใหม่
    น้ำมันนางไม้ตะเคียนจากพม่า อาถรรพ์จากเทพประทาน ในเมตตา-บารมี
    น้ำมันกามเทพ จากหมอแขก มหาเสน่ห์สายอิสลาม
    น้ำมันโป มหัศจรรย์ทางโชค จากสามเหลี่ยมทองคำ
    น้ำมันพราย หลวงปู่ชื่น วัดตาอี จ. บุรีรัมย์
    น้ำมันสะกดจิต จากอิสลาม ตำนานนะจังงัง และมหาระรวย
    น้ำมัน พรายกะเหรี่ยง มหาเสน่ห์ป้องกันภัยจากแผ่นดินป่าแดนพม่า
    น้ำมันรัญจวน จากอาจารย์ฆราวาสชาวลาว เมตตา ค้าขาย
    น้ำมันพรายเขมร 7 วิญญาณ อาถรรพ์แผ่นดินต่ำ แรงทางมหาเสน่ห์
    น้ำมันเสน่ห์ ครูบาคำเป็ง จ. กำแพงเพชร
    น้ำมันเสน่ห์ หลวงพ่อผินะ จ.สระบุรี
    น้ำมันเสือ มหาอำนาจ คงกะพัน ของไทย
    น้ำมันสมิงพราย แคล้วคลาดจากรัฐไทใหญ่
    ผงมหาระรวย มหานิยมจากรัฐไทใหญ่
    น้ำมันกุมารทอง ลป.ชื่น วัดตาอี บุรีรัมย์
    น้ำมันเสน่ห์ พ่อปู่หมอนาค เพชรแสงแก้ว
    น้ำมันเสน่ห์ ลพ.เลิศ วัดหนองตะลัย สุพรรณบุรี
    ผงกระดูกผี วัดโพธิ์ ท่าเตียน กรุงเทพ
    ผงพระกระดูกผี ลป.เจิม วัดหอยราก
    ผงพระกระดูกผี พ่อท่านฮก วัดท่าข้าม
    ผงพรายกุมาร ลป.ทิม วัดละหารไร่ ระยอง
    ผงพราย หลวงพ่อเต๋ วัดสามง่าม นครปฐม
    ผงพราย 59 ตน จาก อ.ฆราวาส ชาวเขมร
    ผงจากพระสายภูติพรายทั้งหลาย
    ผงจากนางยั่วเมือง เทพอัปสร สีสะแลงแงง
    ลูกอมผงพรายกุมาร ลป.ทิม
    กุมารทองดินเจ็ดป่าช้า
    ขี้ผึ้งเสน่ห์สายล่าง ครูบาคำเป็ง กำแพงเพชร
    ว่านดอกทอง มหาเสน่ห์
    ว่านไก่แดง เมตตา
    ผงพลอยเสก
    เครือเขาหลง ไม้อาถรรพ์ ทางเสน่ห์เมตตา
    สีผึ้งพรายทองดี พรายขวัญใจ
    สีผึ้งเสน่ห์ อ.วรา
    ของอาถรรพ์ตามธรรมชาติต่างๆ
    งากำจัด ของเก่าโบราณ
    ปั้นเหน่ง
    กล้วยหอม จากอ่างทอง
    น้ำมันวาสนา จากเมืองสีป้อ รัฐฉาน
    น้ำมันพิศวาส วัดไผ่ท่าโพธิ์ พิจิตร
    น้ำมัน 9 กลิ่น ลป.แย้ม วัดตะเคียน นนทบุรี
    น้ำมันดอกรักซ้อน ครูบาสิงโต

    พิธีปลุกเสก
    1. พิธีปลุกเสกเดี่ยว โดย ลพ.เพี้ยน วัดเกริ่น กฐิน ลพบุรี เมื่อวันที่ 19/11/2553
    2. พิธีปลุกเสกใหญ่ในวันที่ 21 / 11 / 2553 ที่วัดบ้านแค ชัยนาท โดยพระเกจิต่างๆคือ
    1) หลวงพ่อสวัสดิ์ วัดศาลาปูน จ.อยุธยา
    2) หลวงพ่อหวล วัดพุทไธศวรรย์ จ.อยุธยา
    3) หลวงพ่อรวย วัดตะโก จ.อยุธยา
    4) หลวงพ่อเอียด วัดไผ่ล้อม จ.อยุธยา
    5) หลวงพ่อเพิ่ม วัดป้อมแก้ว จ.อยุธยา
    6) หลวงพ่อพูน วัดบ้านแพน จ.อยุธยา
    7) หลวงพ่อเพี้ยน วัดเกริ่นกฐิน จ.ลพบุรี
    8) หลวงพ่อพร้า วัดโคกดอกไม้ จ.ชัยนาท
    9) หลวงพ่อเกาะ วัดท่าสมอ จ.ชัยนาท
    10) หลวงพ่อเสน่ห์ วัดพันสี จ.อุทัยธานี
    11) หลวงพ่อบุญมี วัดม่วงคัน จ.อ่างทอง
    3. พิธีปลุกเสกเดี่ยว โดย ลพ.สำราญ วัดสง่างาม อยุธยา เมื่อวันที่ 27/11/2553
    4. พิธีปลุกเสกเดี่ยว โดย พระมหาสุรศักดิ์ วัดประดู่ อัมพวา เมื่อวันที่ 5/12/2553
    5. พิธีปลุกเสกเดี่ยว โดย หลวงปู่แผ้ว กำแพงแสน นครปฐม เมื่อวันที่ 6/12/2553
    6. พิธีปลุกเสก วัดเนินมหาเชษฐ์ สุพรรณบุรี เมื่อวันที่ 12/12/2553 มีพระเกจิดังนี้
    1) หลวงพ่อเขียว วัดห้วยเงาะ จ.ปัตตานี
    2) หลวงพ่ออั้น วัดโรงโค จ.อุทัยธานี
    3) หลวงพ่อสิริ วัดตาล จ.นนทบุรี
    4) หลวงพ่อเอียด วัดไผ่ล้อม จ.อยุธยา
    5) หลวงพ่อสืบ วัดสิงห์ จ.นครปฐม
    6) พระครูสมุห์อวยพร วัดดอนยายหอม นครปฐม
    7) หลวงพ่อปั่น เจ้าอาวาสวัดเนินมหาเชษฐ์ สุพรรณบุรี
    8) หลวงพ่อสุนันท์ วัดป่าพระธาตุเขาน้อย จังหวัดราชบุรี ( ศิษย์สาย ลป.เทศน์ เทศก์รังสี)
    9) หลวงพ่อสัมฤทธิ์ วัดวรเชษฐ์นอกเกาะ ศิษย์สายพันเอกชม สุคนธ์รัตน์
    10) พระเกจิเขมร ธุดงค์มาจากเขมร
    7. พิธีปลุกเสกเดี่ยว โดย หลวงพ่อเขียน วัดกระทิง จันทบุรี เมื่อวันที่ 16/12/2553
    8. ได้รับการอธิษฐานจิตโดยพระป่า เกจิดังศิษย์ท่านพ่อลีที่วัดทุ่งตาอิน จันทบุรี เมื่อวันที่ 16/12/2553
    9. พิธีปลุกเสกใหญ่ที่วัดเนินสุทธาวาส จ. ชลบุรี เมื่อวันที่ 24/12/2553 โดยพระเกจิดังคือ
    1).หลวงพ่อเกลี้ยง วัดเนินสุทธาวาส ชลบุรี
    2). หลวงพ่อฟู วัดบางสมัคร ฉะเชิงเทรา
    3).หลวงพ่อชาญ วัดบางบ่อ สมุทรปราการ
    4).หลวงพ่อเขียน วัดกระทิง จันทบุรี
    5).หลวงพ่อสิน วัดระหารใหญ่ ระยอง
    6).พระอาจารย์เชย วัดระหารไร่ ระยอง
    10. พิธีปลุกเสกเดี่ยว โดย หลวงปู่เอื้อน วัดวังแดงใต้ อยุธยา เมื่อวันที่ 28/12/2553
    11. พิธีปลุกเสกเดี่ยวที่วัดไร่แตงทอง กำแพงแสน โดยพระอาจารย์สายชล เมื่อวันที่ 2/1/2554
    12. พิธีปลุกเสกเดี่ยวที่วัดหนองเสือ (ยางประสาท) อ.บ้านโป่ง ราชบุรี โดยหลวงพ่อคิ้ม เมื่อวันที่ 2/1/2554
    13. พิธีปลุกเสกเดี่ยวโดย ลป.สม วัดโพธิ์ทอง อ่างทอง เมื่อวันที่ 15/1/2554
    14. พิธีปลุกเสกเดี่ยวโดย ลป.เสียน วัดมะนาวหวาน อ่างทอง เมื่อวันที่ 15/1/2554
    15. พิธีปลุกเสกเดี่ยว โดย หลวงพ่อสุนทร วัดหนองสะเดา สระบุรี ในวันที่ 16 /1/2554 ? 20/1/2554
    16. พิธีพุทธาภิเษกพร้อมพระบูชาและรูปหล่อที่วัดโฆสิตาราม (บ้านแค ) ชัยนาท ในวันที่ 21/1/2554
    1) หลวงปู่นะ วัดหนองบัว ชัยนาท
    2) หลวงพ่อเพี้ยน วัดเกริ่นกฐิน ลพบุรี
    3) หลวงพ่อเพิ่ม วัดป้อมแก้ว อยุธยา
    4) หลวงพ่อเอียด วัดไผ่ล้อม อยุธยา
    5) หลวงพ่อเกาะ วัดท่าสมอ ชัยนาท
    6) หลวงพ่อสำราญ วัดสง่างาม อยุธยา

    ราคา 2500 บาท
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_3443.JPG
      IMG_3443.JPG
      ขนาดไฟล์:
      61.3 KB
      เปิดดู:
      116
    • IMG_3444.JPG
      IMG_3444.JPG
      ขนาดไฟล์:
      44 KB
      เปิดดู:
      124
  7. tumnansakyun

    tumnansakyun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    2,595
    ค่าพลัง:
    +3,638
    ปรกมะขาม หลวงปู่หมุน ฐิติสีโล

    สภาพสวยทุกองค์ครับ มีอยู่ 4 องค์ พระสวยไม่มีตำหนิ หรือบิดเบี้ยว ที่เห็นขอบพระเพี้ยนๆเพราะกรอบนะครับ เวลาถ่ายรูปออกมามันเลยหักเหแสงครับ แต่องค์จริงสวยทุกองค์ครับ

    ราคาองค์ละ หมดครับ บาทครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_3445.JPG
      IMG_3445.JPG
      ขนาดไฟล์:
      73.5 KB
      เปิดดู:
      81
    • IMG_3446.JPG
      IMG_3446.JPG
      ขนาดไฟล์:
      67.9 KB
      เปิดดู:
      108
    • IMG_3447.JPG
      IMG_3447.JPG
      ขนาดไฟล์:
      69.6 KB
      เปิดดู:
      105
    • IMG_3448.JPG
      IMG_3448.JPG
      ขนาดไฟล์:
      59.9 KB
      เปิดดู:
      81
    • IMG_3449.JPG
      IMG_3449.JPG
      ขนาดไฟล์:
      66.7 KB
      เปิดดู:
      76
    • IMG_3450.JPG
      IMG_3450.JPG
      ขนาดไฟล์:
      68.7 KB
      เปิดดู:
      79
    • IMG_3451.JPG
      IMG_3451.JPG
      ขนาดไฟล์:
      65.6 KB
      เปิดดู:
      129
    • IMG_3452.JPG
      IMG_3452.JPG
      ขนาดไฟล์:
      59.4 KB
      เปิดดู:
      90
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 กุมภาพันธ์ 2015
  8. tumnansakyun

    tumnansakyun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    2,595
    ค่าพลัง:
    +3,638
    พระสมเด็จหลังรูปถ่าย หลวงพ่อสงวน วัดไผ่พันมือ

    ราคา ขายแล้ว บาท
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_3453.JPG
      IMG_3453.JPG
      ขนาดไฟล์:
      77.4 KB
      เปิดดู:
      172
    • IMG_3454.JPG
      IMG_3454.JPG
      ขนาดไฟล์:
      69.1 KB
      เปิดดู:
      125
    • IMG_3456.JPG
      IMG_3456.JPG
      ขนาดไฟล์:
      55.3 KB
      เปิดดู:
      103
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 กุมภาพันธ์ 2015
  9. tumnansakyun

    tumnansakyun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    2,595
    ค่าพลัง:
    +3,638
    ตะกรุด 3 ห่วง หลวงปู่แย้ม วัดสามง่าม จ.นครปฐม

    หลวงปู่แย้ม ท่านเป็นศิษย์หลวงพ่อเต๋ วัดสามง่าม จ.นครปฐม
    หลวงพ่อเต๋ท่านเป็นเจ้าตำหลับตะกรุดสามห่วง

    พุทธคุณเด่นทางด้าน มหาอุต คงกระพัน แคล้วคลาด
    กันคุณไสย กันภูตผีปีศาจ และเมตตามหานิยม

    ตามตำราการใช้ตะกรุดของท่าน มีคาถาตะกรุด ดังนี้
    ตั้ง นะโม 3 จบ
    อุตธัง อัตโธ ปัดนะ นะโมพุทธายะ นะแคล้ว โมคลาด
    พุทธปัด ธาปิด ยะมิถูก นะสันตะรันโตผิด โสอิกะวิติภา

    -วิธีการใช้ตะกรุดเวลาสู้ให้ตะกรุดไว้ด้านหน้า
    -เวลาหนีให้ตะกรุดอยู่ด้านหลัง
    -เมตตาทางผู้หญิงให้ตะกรุดอยู่ด้านซ้าย
    -เมตตาทางผู้ชายให้ตะกรุดอยู่ด้านขวา
    ตะกรุด 3 ห่วงของหลวงปู่แย้มนี้เมื่อจะใช้สามารถท่องคาถา อาราธนาติดตัว พกพาได้ทันที

    ราคา 700 บาท
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_3457.JPG
      IMG_3457.JPG
      ขนาดไฟล์:
      109.7 KB
      เปิดดู:
      70
    • IMG_3458.JPG
      IMG_3458.JPG
      ขนาดไฟล์:
      109.1 KB
      เปิดดู:
      93
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 เมษายน 2015
  10. tumnansakyun

    tumnansakyun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    2,595
    ค่าพลัง:
    +3,638
    พระลักษณ์หน้าทอง เนื้อผงรุ่นแรก หลวงปู่กาหลง เขี้ยวแก้ว สภาพสวย

    อีกหนึ่งวิชาขลังของหลวงปู่กาหลงเขี้ยวแก้ว พระลักษณ์หน้าทอง สำหรับวิชานี้เป็นที่ขึ้นชื่อเกี่ยวกับอำนาจแห่งเสน่ห์เมตตามหานิยม ที่ชาวโขนละครในสมัยก่อนต่างนักถือกันนัก วิชานี้หลวงปู่กาหลงเล่า ท่านได้รับการถ่ายทอดจากครูผึ่ง ซึ่งเป็นครูโขนละครในสมัยรัชกาลที่ 6 ตอนที่ครูผึ่งพบท่านนั้น ครูผึ่งชรามากแล้ว ส่วนท่านเพิ่งเป็นพระได้ไม่กี่พรรษา เล่าว่าครูผึ่งพอใจในวัตรปฏิปทาของท่านจนบังเกิดเป็นความศรัทธา และได้ถวายวิชานี้ให้แก่ท่าน แต่เดิมหลวงปู่กาหลงท่านก็ไม่อยากรับวิชานี้ แต่เมื่อครูผึ่งได้พยายามอยู่หลานหนท่านก็อ่อนใจ จนรับครอบวิชานี้จากท่าน
    วิชาพระลักษณ์หน้าทอง นับเป็นวิชาสายเมตตามหานิยมที่มีอานุภาพสูส่ง ขาวโขนละครในนับถือกันมากที่สุด เชื่อกันว่าใครได้ครอบแล้วจะเป็นเมตตามหานิยมแก่ตนเองไปหาผู้ใดเขาก็รัก จะร้องรำทำเพลงประการใด ใคร ๆ ก็ชอบ ดังนั้นจึงเป็นที่นับถือกันมาก สายวิชาพระลักษณ์หน้าทองเป็นสายวิชาที่ปกปิดกันมากเพราะเป็นที่หวงแหนของครูบาอาจารย์สมัยก่อน อย่างไรก็ตามวิชาพระลักษณ์หน้าทองนั้นก็มีหลายสาย อย่างพวกลิเกก็มีวิชาตำรับพระลักษณ์หน้าทองเช่นกัน ใช้เสกแป้งสำหรับทาหน้าทาตัว แต่วิชาของหลวงปู่กาหลงนั้นเป็นวิชาสายในวังที่หาได้ยากเก่าแก่ที่สุด และที่สำคัญคือหลวงปู่ท่านเป็นพระเถราจารย์ที่มีพลังจิตสูง และมีเมตตาสูงมากดังนั้นการทำวิชาพระลักษณ์หน้าทองของหลวงปู่จึงเหนือกว่าสายอื่น ๆ มาก ผู้ที่ได้ลงวิชากับท่านนอกจากจะเป็นผู้ที่มีเสน่ห์เมตตามหานิยมแล้ว ยังเป็นผู้ที่มีวาสนาดี มีคนอุปถัมภ์ค้ำชู บังเกิดความเจริญรุ่งเรืองในชีวิตอย่างสูงสุด ความน่าอัศจรรย์ของวิชาพระลักษณ์หน้าทองจึงนับว่าสูงส่งยิ่งนัก
    ตำนานพระลักษณ์หน้าทอง
    ด้านตำนานของวิชาพระลักษณ์หน้าทองนั้น มาจากเรื่องรามเกียรติ์ ในท้องเรื่องรามเกียรติ์นั้นพระรามมีพี่น้องทั้งหมดสี่คน คนที่สนิทที่สุดคือพระลักษณ์ ตัวพระรามนั้นเป็นนารายณ์อวตาร ร่างมีสีเขียวส่วนพระลักษณ์นั้นเป็นองค์อนันตนาคราชกลับชาตมาเกิดเพื่อช่วยเหลือพระรามในการสังหารอสูร มีร่างกายสีทอง ทั้งนี้เนื่องจากองค์อนันตนาคราชแต่เดิมนั้นก็มีเกล็ดเป็นทองคำทั้งร่างเมื่อกลับชาติมาเกิดเป็นพระลักษณ์ก็มีการทองตามไปด้วย ลักษณะพระลักษณ์นั้นกล่าวคำบรรยายว่า หนึ่งพักตร์ สองกร มีพระพักตร์เป็นสีทองคำ ใส่มงกุฎยอดแหลม อยู่ในพงศ์พันธุ์แห่งองค์นารายณ์อวตาร เรียกสั้น ๆ ว่า นารายณ์พงศ์
    พระลักษณ์นั้นตามท้องเรื่องรามเกียรติ์เป็นผู้ที่มีความกล้าหาญชาญชัย ซื่อสัตย์ต่อองค์พระรามด้วยชีวิต ดังจะเห็นได้ว่าครั้งหนึ่งอสูรนามว่ากุมภกัณฑ์มีหอกโมกขศักดิ์เป็นอาวุธ เมื่อได้ทีจะพุ่งใส่พระราม แต่พระลักษณ์ออกมารับแทนจนโดนฤทธิ์ของหอกโมกศักดิ์เจ็บเจียนตาย เกือบไม่รอด นี่แสดงให้เห็นถึงความมีน้ำใจ ความซื่อสัตย์จงรักภักดีต่อองค์พระรามผู้พี่อย่างยากที่จะหาใครมาเปรียบได้ นอกจากนี้พระลักษณ์ยังเป็นผู้มีจิตใจเยือกเย็น คอยคิดคอยช่วยเหลือพระรามโดยตลอด
    พระลักษณ์เป็นผู้ที่มีวาสนาสูส่งผู้หนึ่งของโลกในยุคนั้นเรื่องความมีวาสนาหรือบุญบารมีของพระลักษณ์นั้นก็ไม่ธรรมดาเพราะครั้งที่มีการแข่งขันยกมหาคันศรเพื่อเสี่ยงทายว่าผู้ใดที่ยกได้จะได้นางสีดาไปเป็นภรรยา เทพพรหมทุกชั้นฟ้ามาแข่งขันเพื่อจะยกก็หาใครยกได้ไม่ แม้รวมคนตั้งพันมายกก็ยังยกไม่ขึ้น พอพระลักษณ์มาลองยกก็ยกได้แต่ด้วยรู้ว่าพี่ชายคือพระรามนั้นรักนางสีดาอยู่ก็เลยขอสละสิทธิ์ให้พระรามมายกปรากฏว่าพระรามก็ยกได้และได้แต่งงานกับนางสีดา นี่ก็เป็นอีกครั้งที่พระลักษณ์แสดงให้เห็นถึงความมีน้ำใจทั้งยังแสดงให้เห็นถึงบุญบารมีของพระลักษณ์ว่าไม่ธรรมดาเช่นกัน
    ในเรื่องรามเกียรติ์พระลักษณ์มีอาวุธเป็นพระขรรค์กายสิทธิ์เรื่องการได้อาวุธคู่บารมีของพระลักษณ์นั้นก็เป็นด้วยบุญของพระลักษณ์เช่นกัน เล่าว่าก่อนหน้านั้นมีอสูรตนหนึ่งภาวนาขอพรจากพระเป็นเจ้าเมื่อบำเพ็ญตบะจนแก่กล้าพระเป็นเจ้าก็ประทานพรให้ อสูรขออาวุธวิเศษพระเป็นเจ้าก็บันดาลให้เกิดพระขรรค์แก้วร่วงหล่นลงมาจากบนฟ้า แต่ด้วยกรรมบังตาอสูรเกิดความไม่พอใจคิดว่าพระเป็นเจ้าหมิ่นเกียรติตนเองจึงเขวี้ยงพระขรรค์ลงมาเช่นนี้ อสูรจึงทิ้งพระขรรค์นั้น ต่อมาพระลักษณ์เดินทางมาถึงพบพระขรรค์วิเศษทิ้งเอาไว้ พระลักษณ์ลองนำมากวัดแกว่งดูปรากฏว่าสะท้านสะเทือนไปทั้งสามโลก อสูรตนดังกล่าวรู้ว่าเป็นฤทธิ์อำนาจจากพระขรรค์ที่ตนบำเพ็ญตละจึงจะมาเอาคืน ต่อสู้ด้วยกับพระลักษณ์ พระลักษณ์จึงได้ใช้พระขรรค์วิเศษฟันตัวอสูรจนขาดเป็นสองท่อน อสูรนั้นก็ถึงแก่ความตาย ตำนานเรื่องพระลักษณ์จากรามเกียรติ์นั้นมีด้วยกันหายตอนแม้ว่าจะไม่มีบทบาทมากเท่าพระรามแต่ก็เป็นบุคคลสำคัญที่ใคร ๆ ก็รู้จักเป็นอย่างดี
    ที่สำคัญคือด้วยการที่พระลักษณ์ในกายทอง องค์พระลักษณ์จึงเป็นผู้ที่มีเสน่ห์เมตตามหานิยมสูงมาแต่กำเนิด ทั้งคำว่าลักษณ์ ยังเป็นคำเสียงใกล้เคียงกับคำว่า รักอีกด้วย ดังนั้น นามพระลักษณ์หน้าทองนี้จึงเป็นตัวแทนแห่งเสน่ห์เมตตามหานิยมได้เป็นอย่างดีที่สุด และในสายวิชาทางไสยศาสตร์ที่มักมาจากตำนานทางศาสนาพราหมณ์ ก็ได้นำเอาตัวละครจากเรื่องรามเกียรติ์หลายองค์มาเป็นครูในสายวิชา อย่างพระรามก็มักเป็นครูในสายวิชาทางการรบทัพจับศึก คงกระพันชาตรี ส่วนพระลักษณ์ผู้น้องที่มีร่างเป็นทองคำนั้นก็เป็นครูสายวิชาเสน่ห์เมตตามหานิยม พระรามและพระลักษณ์จึงเมือนพลังคู่ หยินหยาง พระรามเป็นอำนาจประดุจพระอาทิตย์ยามเที่ยงวัน พระลักษณ์เป็นอำนาจประดุจพระจันทร์เต็มดวงยามเที่ยงคืน ที่เยือกเย็นเป็นเสน่ห์อันสุดประมาณมิได้ ด้วยเหตุนี้กำเนิดแห่งวิชาพระลักษณ์หน้าทองจึงบังเกิดขึ้นด้วยบุญบารมีแห่งพระลักษณ์บุคคลสำคัญผู้หนึ่งในเรื่องรามเกียรติ์

    อำนาจเสน่ห์แห่งจันทร์ซ้อนจันทร์
    ดังที่กล่าวมาเบื้องต้นว่าวิชาพระลักษณ์หน้าทองนั้นเป็นวิชาที่ครูบาอาจารย์ท่านหวงแหนเป็นที่สุด เพราะวิชานี้เป็นเสน่ห์อย่างล้นเหลือแต่ด้วยบุญบารมีของหลวงปู่กาหลงจึงบันดาลให้ท่านได้พบกับครูผึ่งและได้รับการครอบวิชานี้มา การครอบครูวิชาพระลักษณ์หน้าทองนั้น หลวงปู่กาหลงกล่าวว่าปีหนึ่งทำได้แค่ครั้งเดียว และการครอบครูพระลักษณ์ที่ถูกต้องนั้นและดีที่สุดนั้นต้องได้วันจันทร์ที่ตรงกับพระจันทร์เต็มดวง เรียกว่าจันทร์ซ้อนจันทร์ ตามความเชื่อของไสยศาสตร์นั้น วันจันทร์เป็นวันแห่งเมตตามหานิยมอยู่แล้วผู้ที่เกิดวันจันทร์ตามตำราโหราศาสตร์ก็กล่าวว่าเป็นผู้ที่มีเมตตา มหาเสน่ห์ หากเป็นชายก็เจ้าชู้ หากเป็นหญิงก็อ่อนหวานชนให้รักใคร่ยิ่งนัก ยิ่งวันจันทร์ที่ได้กำลังจากพระจันทร์ คือมาเต็มดวงในวันจันทร์พอดียิ่งถือว่าขลังมาก เพราะตามปกตินั้นวันจันทร์เต็มดวงก็ถือว่าเป็นมงคลที่เหมาะแก่การปลุกเสกเครื่องรางของขลังทางด้านเมตตามหาเสน่ห์อยู่แล้วเนื่องจากพระจันทร์นั้นเป็นสิ่งที่มีบทบาทและอิทธิพลต่ออารมณ์ความรักความใคร่ของมนุษย์และสิ่งมีชีวิตทั้งหลาย เมื่อใดก็ตามที่พระจันทร์มาทาบทับเต็มดวงในวันจันทร์วันนั้นถือว่าเป็นวันอาถรรพณ์หากได้ปลุกเสกเครื่องรางทางเมตตามหานิยมในวันนี้นับว่าขลังศักดิ์สิทธิ์ยิ่งกว่าทุกวันเพราะได้กำลังซ้อนทับทวีถึงสองเท่า แต่ในปีหนึ่ง ๆ นั้นจะหาวันพิเศษเช่นนี้ก็ไม่ง่ายเท่าใดนัก บางปีอาจไม่มีเลยบางปีอาจมีวันหรือสองวันเท่านั้น
    อาถรรพณ์พระลักษณ์หน้าทอง
    การครอบครูพระลักษณ์หน้าทองตามตำรับหลวงนั้น มีข้อกำหนดอันละเอียดอ่อนที่ผู้เขียนทราบมาคือในสมัยก่อนนั้นจะมีการขูดเอาเนื้อจากเศียรพระลักษณ์ที่มีความเก่าจนมาสามารถใช้การได้ ผงจากเนื้อพระลักษณ์ที่ยุดออกมานั้น ในวงการโขนละคร นางร้องนางระ เขาถือว่าเป็นผงเสน่ห์ ผงดังกล่าวสามารถนำมาเจิมหน้าเจิมตา นำมาผสมกับแป้งผัดหน้าได้ เป็นผงวิเศษที่มีอำนาจเมตตามหานิยมอย่างสูงส่ง เพราะถือว่าได้ผงที่เป็นของสมมุติแทนองค์พระลักษณ์และมาจากพระพักตร์ท่านโดยตรงอีกด้วย แต่การจะขูดเอาผงหน้าพระลักษณ์มานั้นไม่ใช่จะขูดก็เข้าไปขูดเพราะหากทำผิดอาจต้องอาถรรพณ์เป็นอันตรายแก่ตัวเองได้ การขูดผงหน้าพระลักษณ์นั้นต้องรูวิธี คือ ห้ามเข้าไปขูดผงต่อหน้าพระลักษณ์โดยตรงต้องเข้าไปข้าง ๆ ข้างซ้ายหรือขวาก็ได้ ทำการกราบขอขมาขออนุญาตแล้วจึงทำการขูดเอาผงพระลักษณ์หน้าทองออกมาเป็นของมงคลหากไปทำผิดครูเข้าอาจเกิดอาการทางท้อง หรือไม่สบาย หรือประสบอาถรรพณ์อย่างหนึ่งอย่างใดได้ ที่ชาวโขนละครเรียกกันว่า ผิดแรงครูนั่นเอง
    อนึ่งผงจากเศียรครูพระลักษณ์หน้าทอง ขูดตามประเพณีนี้หลวงปู่ท่านได้เก็บสะสมไว้และนำมาเป็นมวลสาระสำคัญในการทำเครื่องรางชุดพระลักษณ์หน้าทองด้วย จึงมั่นใจได้ว่าเครื่องพระลักษณ์หน้าทองตำรับหลวงปู่กาหลงนั้น ย่อมเป็นเครื่องรางที่มีอิทธิคุณสูงส่งทางด้านเมตตามหานิยมอย่างมิต้องสงสัย
    พิธีเข้มขลังครอบครูพระลักษณ์หน้าทอง
    การทำพิธีครอบครูพระลักษณ์หน้าทองนั้น แต่เช้ามาหลวงปู่กาหลวงท่านจะทำการนั่งบริกรรมปลุกเสกในปะรำพิธี กำหนดจิตระลึกถึงครูบาอาจารย์ เทพยดาผู้รักษาวิชานี้เพื่อให้เกิดความเข้มขลัง การนั่งบริกรรมของหลวงปู่กาหลงนั้นท่านนั่งนานเป็นชั่วโมงและในวันพิธีดังกล่าวหลวงปู่กาหลงท่านมิได้มานั่งปรกอธิษฐานเพียงผู้เดียวยังมี หลวงพ่ออั้นวัวโรงโคมาร่วมนั่งปรกบริกรรมปลุกเสกให้ด้วย ดังนั้นเรื่องความศักดิ์สิทธิ์จึงเป็นที่เชื่อถือได้ว่าเข้มขลังสุด ๆ หลังจากนั้นผู้ที่รอคอยการครอบครูจะค่อย ๆ ทยอยเข้าไปหาหลวงปู่ท่าน ยกพานครูแก่หลวงปู่กาหลง จากนั้นหลวงปู่กาหลงทำการครอบเศียรพระลักษณ์หน้าทองให้ เสร็จแล้วครอบด้วยหนังตะลุงเก่าอีกครั้งหนึ่ง แล้วทำการครอบด้วยพานครูอีกครั้งเป็นอันเสร็จพิธี จากนั้นผู้ครอบทำการรับน้ำพระพุทธมนต์จากหลวงปู่อั้น วัดโรงโคเป็นอันเสร็จพิธี
    ผู้ที่ผ่านการครอบครูพระลักษณ์หน้าทองซึ่งปีหนึ่งสามารถทำได้เพียงหนเดียวเท่านั้น ย่อมเป็นผู้ที่ได้รับจากพระลักษณ์หน้าทองก่อให้เกิดเสน่ห์เมตตามหานิยม เป็นที่ชมชอบของหญิงชายทั้งหลาย และเท่ากับเป็นการเพิ่มบารมี ความรุ่งโรจน์ของดวงชะตาชีวิต ให้เกิดความก้าวหน้าในการงาน ทำมาค้าขายดี และรียกได้ว่าคนผู้นั้นเป็นผู้ที่มีบุญบารมีดีที่ได้ครอบครูพระลักษณ์หน้าทองจากหลวงปู่ ซึ่งพิธีเช่นนี้หาได้ไม่ง่ายนัก และใช่ว่าใครจะทำได้ศักดิ์สิทธิ์ดังเช่นหลวงปู่กาหลงทานด้วย
    สุดยอดวัตถุมงคลพระลักษณ์หน้าทอง
    ในการทำพิธีครอบครูเศียรพระลักษณ์หน้าทองตำรับครูผึ่งหรือตัวหรับหลวงนั้น ในวาระนี้ทางหลวงปู่กาหลงท่านยังได้ทำการปลุกเสกเครื่องรางชุดพระลักษณ์หน้าทองเพื่อเป็นเครื่องมงคลแก่ศิษย์ที่ต้องการเครื่องรางสักอย่างที่มีอานุภาพทางเสน่ห์เมตตามหานิยม ในการปลุกเสกนั้นหลวงปู่กาหลงท่านได้ทำการปลุกเสกร่วมกับ หลวงพ่ออั้น วัดโรงโค และหลวงพ่อทรงวัด ศาลาดิน
    โดยเครื่องรางพระลักษณ์หน้าทองนั้นมีด้วยกัน 3 ประเภทได้แก่
    1.เหรียญพระลักษณ์หน้าทอง
    2.ผ้ายันต์พระลักษณ์หน้าทอง
    3.ตะกรุดพระลักษณ์หน้าทอง
    สำหรับเศียรพระลักษณ์หน้าทองนั้นได้ออกแบบเป็นเศียรพระลักษณ์ถอดแบบมาจากเศียรครูพระลักษณ์หน้าทอง มีสองเอ คือเนื้อนวะโลหะ ด้านหลังอุดผงพระลักษณ์ และพลอยนพเก้า กับเนื้อผงมวลสารผงกำเนิดพระลักษณ์เต็มสูตรฝังตะกรุดเงินไว้ด้วย
    ในด้านของเศียรพระลักษณ์หน้าทองเนื้อนวะนั้นมีเคล็ดลับที่หลายท่านไม่รู้บอกไว้ตรงนี้ด้วยคือ ด้านหน้าของเศียรพระลักษณ์หน้าทอง หากท่านสังเกตตรงชฎาขององค์พระลักษณ์จะเห็นว่ามีช่องว่างเล็ก ๆ อยู่ช่องหนึ่ง ช่องที่เว้นว่างเอาไว้ท่านบอว่าให้เอาไว้ติดพลอยประจำวันเกิดของคนผู้นั้น เช่นคนเกิดวันอาทิตย์ก็หาเม็ดทับทิมเล็ก ๆ มาติดเอาไว้ คนที่เก็ดวันจันทร์ก็หามุกดามาติด คนเกิดวันอังคารก็หาหินสีชมพูอาจเป็นโรสควอสต์ซ มาติดเอาไว้ คนเกิดวันพุธก็หาหยกหรือมรกตมาติด คนเกิดวันพฤหัสก็ควรหาอำพัน หรือพลอยสีเหลืองมาติด คนเกิดวันศุกร์ก็ให้หาพลอยสีฟ้ามาติด คนเกิดวันเสาร์ก็หานิลมาติด จะได้เป็นสิริมงคลประจำตัวของบุคคลผู้นั้น เพราะได้อัญมณีประจำวันของแต่ละคนมาเสริมอำนาจแห่งองค์พระลักษณ์หน้าทอง เยกว่าเสริมดีให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไปอีก ซึ่งตรงนี้เชื่อว่าน้อยคนที่จะรู้
    นอกจากนี้ยังมีผ้ายันต์พระลักษณ์หน้าทอง ที่อบด้วยสีผึ้งหลวงปู่ มีกลิ่นหอมเป็นเสน่ห์เมตตาชั้นสูงเช่นกัน ผ้ายันต์นี้หลวงปู่ท่านกล่าวว่าศักดิ์สิทธิ์มาก ทำด้วยกันทั้งหมดสองสีเท่านั้นคือ ผ้ายันต์สีขาวและผ้ายันต์สีเหลือง กล่าวว่าหากผู้ใดได้กราบไว้ ท่องพระคาถาบูชาทุกวันจะเป็นที่รักของมหาชนทั้งหลาย มีผู้ใหญ่คอยช่วยอุปถัมภ์ค้ำชูไปตลอดชีวิต ผ้ายันต์นี้ท่านว่าให้เอาไว้ในกระเป๋าเสื้อ ไว้ใช้สำหรับเช็ดหน้าเช็ดตา ก่อนออกจากบ้าน ก่อนไปพบเพศตรงข้ามให้ระลึกถึงหน้าของคนผู้นั้นแล้วเอาผ้ายันต์นี้เช็ดหน้าเช็ดตาของพรให้สมหวังจะดีนักแลใช้ในการเข้าหาผู้ใหญ่ก็ได้เช่นกันเขาเห็นเรารักเราเหมือนลูกนั่นแล นับเป็นผ้ายันต์ที่มีอำนาจเป็นเสน่ห์เมตตามหานิยมอย่างแรงกล้าดีนัก

    ซึ่งผู้ที่พลาดโอกาสไม่ได้ครอบครูพระลักษณ์หน้าทองก็สามารถนำเอาพระลักษณ์หน้าทองจากการปลุกเสกในวาระนี้ไปอธิษฐานจิตใช้ในชีวิตประจำวันได้ เพราะก่อให้เกิดความศักดิ์สิทธิ์ปาฏิหาริย์เช่นเดียวกัน ผู้ที่นำไปใช้ย่อมเป็นเมตตามหาเสน่ห์ มหานิยม เป็นสง่าราศีดุจว่าพระลักษณ์หน้าทองมาให้พรหามงคลแก่ตัวท่านเองฉันนั้น
    คาถาและการใช้วัตถุมงคลพระลักษณ์หน้าทอง
    ตั้งนะโม 3 จบ
    โอมพระพักตร์ พระลักษณ์หน้าทอง สุวรรณผุดผ่อง หน้าทองพระพักตร์ ชายเห็นชายรัก สาวเห็นสาวรัก ผู้ใหญ่เห็นก็รัก พากันโสมนัส ใครเห็นใครก็รัก รู้จักกูถ้วนหน้าไม่ว่าใคร นะจับจิต โมจับใจ พุทโยงใย ธาหลวงใหล ยะร้องไห้มาหากู ปะสะสัมมะปติฏฐามิ
    โอมพระแลงเป็นแสงพระลักษณ์ พระฤาษีจับปากกา พระลักษณ์จับหน้า จับตาสวาหะ นะเห็นหน้ากูอยู่ไม่ได้ โมร้องไห้ครวญครางพุทกอดไว้มิใคร่วาง ธาครวญครางสะอื้นไห้ ยะหลงใหลในจิต หญิงใดชายใดได้เพ่งพิศเห็นหน้ากูก็อยู่มิได้ร้องไห้มาหากู โอมสิทธิแก่กูสวาหะ เอหิชัยยะ เอหิสัพเพชะนา พหูชะนาเอหิ
    พระคาถานี้ภาวนา 3 จบ พร้อมกับนำเศียรพระลักษณ์หรือตะกรุดวนที่ใบหน้า 3 รอบ โดยวนตามเข็มนาฬิกา (ทักษิณาวัตร) เป็นมหาเสน่ห์ มหาเมตตา มหานิยม มีสง่าราศี เสริมวาสนา ชะตาชีวิตบุญบารมีดีนักแล ค้าขายประกอบกิจการสิ่งใดก็สำเร็จสมความปรารถนาทุกประการ
    หากเป็นผ้ายันต์ให้ท่องพระคานี้สามจบแล้วนำไปลูบที่หน้าผาก ที่แก้มสองข้าง เป็นเมตตามหานิยมดีนักแล


    ราคา 3200 บาท
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_3459.JPG
      IMG_3459.JPG
      ขนาดไฟล์:
      71.8 KB
      เปิดดู:
      82
    • IMG_3460.JPG
      IMG_3460.JPG
      ขนาดไฟล์:
      69.6 KB
      เปิดดู:
      139
    • IMG_3461.JPG
      IMG_3461.JPG
      ขนาดไฟล์:
      66.3 KB
      เปิดดู:
      159
    • IMG_3462.JPG
      IMG_3462.JPG
      ขนาดไฟล์:
      47.2 KB
      เปิดดู:
      73
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 เมษายน 2015
  11. tumnansakyun

    tumnansakyun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    2,595
    ค่าพลัง:
    +3,638
    แหวนมหาเสน่ห์ รุ่นเงียบเสียง อ.ชุม ไชยคีรี

    วงละ หมดแล้วครับ บาท ตามรูปครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_3463.JPG
      IMG_3463.JPG
      ขนาดไฟล์:
      113.8 KB
      เปิดดู:
      106
    • IMG_3464.JPG
      IMG_3464.JPG
      ขนาดไฟล์:
      55.9 KB
      เปิดดู:
      86
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 เมษายน 2015
  12. tumnansakyun

    tumnansakyun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    2,595
    ค่าพลัง:
    +3,638
    พญาเหล็กไหล หลวงพ่อหวล จ.อยุธยา

    พิธีกรรมอัญเชิญพญาเหล็ก
    ของ
    หลวงพ่อหวล ภูริภทฺโท
    วัดพุทไธศวรรย์ จ.พระนครศรีอยุธยา
    ก่อนอื่นหลวงพ่อหวลจะเพ่งกระเเสจิตของท่าน สำรวจดูว่าในถ้ำเเห่งใดมีพญาเหล็กสถิตย์อยู่
    เมื่อรู้เห็นในญาณทัศนะชัดเจนเเล้ว ท่านก็จะพาลูกศิษย์ของท่านเดินทางไปสำรวจให้เห็นกับตาอีกครั้ง
    จากนั้นก็กำหนดฤกษ์ยาม วันเวลาที่จะทำพิธี

    ท่านว่า ถ้ำที่จะมีพญาเหล็กสถิตย์อยู่นั้น ต้องเป็นถ้ำที่สะอาด ไม่มีค้างคาวมาอาศัย
    โดยมากจะเป็นถ้ำหินอ่อนที่มีความเย็นสูง หรือ ถึงกับเย็นยะเยือกเมื่อเดินเข้าไปสู่ภายใน เเละเป็นถ้ำที่เเห้งสะอาด

    นอกจากเครื่องบวงสรวงในการทำพิธีเเล้ว สิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้สำหรับพิธีนี้คือ น้ำผึ้งเเท้บริสุทธิ์ ซึ่งจะต้องจัดเตรียมไปจำนวนมาก
    อีกสิ่งหนึ่งที่ขาดเสียไม่ได้เช่นกันคือ ขี้ผึ้งบริสุทธิ์ ซึ่งจะต้องจัดเตรียมไปจำนวนมากเช่นกัน

    การทำพิธีบวงสรวง ก็เพื่อบอกกล่าวต่อเจ้าถ้ำ เจ้าที่เจ้าทาง เทพเทวาอารักษ์ทั้งหลาย
    ถึงจุดประสงค์ของการมาทำพิธีว่า จะอัญเชิญพญาเหล็กไปเพื่อประโยชน์เเก่พระพุทธศาสนาประการใดบ้าง

    เมื่อทำพิธีบวงสรวงเสร็จเเล้ว หลวงพ่อหวลท่านจะกำหนดจิตอธิษฐานตามวิชาที่ท่านได้ร่ำเรียนมา
    จากนั้นก็เอาขี้ผึ้งบริสุทธิ์ที่เตรียมมา ป้ายชโลมไปตรงรอยเเตกของผนังถ้ำ
    พร้อมกับบริกรรมคาถากำกับไว้ตลอดเวลาจนเสร็จพิธี

    หลังจากนั้นหลวงพ่อท่านได้ยืนกำหนดจิตด้วยอาการสงบ
    สักพักหนึ่งบรรดาศิษย์ที่มาร่วมพิธีต่างได้พบกับเหตุการณ์อันน่าอัศจรรย์ยิ่ง กล่าวคือ
    ตรงรอยเเตกของผนังถ้ำนั้นปรากฎมีวัตถุอย่างหนึ่ง ไหลออกมากินน้ำผึ้งที่หลวงพ่อท่านได้ป้ายไว้

    หลวงพ่อหวลจึงนำด้ายสายสิญจน์ ที่ชโลมไว้ด้วยน้ำผึ้งจนเปียกชุ่ม กดปลายด้านหนึ่งลงไปในช่องรอยเเตกนั้น
    เเล้วโยงสายสิญจน์ที่เหลืออีกด้านหนึ่งลงไปยังบาตรน้ำมนต์ขนาดใหญ่ ที่บรรจุน้ำผึ้งเเท้บริสุทธิ์จำนวนมาก
    โดยภายนอกบาตรจะถูกหุ้มไว้ด้วยขี้ผึ้ง เเละมีผ้าขาวลงอักขระยันต์ปิดปากบาตรไว้
    มีเพียงรูเล็กๆที่จะเอาด้ายสายสิญจน์แหย่ลงไปได้เท่านั้น

    ท่านบอกว่า บาตรน้ำมนต์ที่ต้องหุ้มไว้ด้วยขี้ผึ้งเเละบรรจุน้ำผึ้งไว้ในบาตร ก็เพื่อล่อให้พญาเหล็ก (เหล็กไหล) ลงมากิน
    ส่วนผ้ายันต์สีขาวนั้น ก็เป็นยันต์กำกับป้องกันไม่ให้พญาเหล็กที่ลงมากินน้ำผึ้งในบาตร หนีกลับเข้าไปในผนังถ้ำได้อีก


    พอโยงสายสิญจน์ลงสู่บาตรที่มียันต์กำกับไว้เรียบร้อยเเล้ว
    ท่านก็จุดเทียนซึ่งทำเป็นพิเศษจากขี้ผึ้งเเท้เพื่อการนี้โดยเฉพาะ ลนเปลวเทียนไปที่ผนังถ้ำซึ่งเหล็กไหลโผล่ออกมาให้เห็น
    พร้อมบริกรรมคาถากำกับไว้ตลอดเวลา ทำให้เหล็กไหลได้ไหลย้อยลงมาตามสายสิญจน์เพื่อกินน้ำผึ้งในบาตร
    โดยเหล็กไหลที่ไหลลงมานั้นจะมีอยู่ ๓ สี คือ สีเมฆพัด(สีน้ำเงินอมเขียว) สีเงินยวง สีท้องปลาไหล
    เเต่จะเป็นสีใดนั้น ขึ้นอยู่กับประเภทของเหล็กไหลที่มีอยู่ในถ้ำเเห่งนั้น

    การทำพิธีอัญเชิญพญาเหล็ก (เหล็กไหล) ของหลวงพ่อหวล ท่านจะมุ่งเน้นที่เหล็กไหลสีเมฆพัด (สีน้ำเงินอมเขียว) เเละสีเงินยวง
    เพราะสองลักษณะนี้ สามารถที่จะนำมามอบให้กับผู้มาร่วมทำบุญกับท่านได้
    ส่วนสีท้องปลาไหล ท่านไม่นิยมมอบให้ลูกศิษย์
    ท่านว่า เหล็กไหลลักษณะนี้มีอาถรรพณ์ร้อนเเรง ผู้ที่ครอบครองจะมีความฮึกเหิม
    ซึ่งอาจเป็นเหตุให้สร้างความเดือดร้อนเเก่ตนเองเเละผู้อื่นได้

    หลังจากที่เหล็กไหลได้ไหลลงในบาตรจนหมดเเล้ว (ในสภาพที่เป็นของเหลว)
    หลวงพ่อก็นำไปประกอบพิธีต่อไป คือ การทำให้เหล็กไหลที่เหลวนั้นเเข็งตัว
    โดยการนำบาตรไปตั้งบนเตาไฟ เเล้วเอาหุ่นขี้ผึ้งเเท้บริสุทธิ์รูปทรงต่างๆ ที่ต้องการให้เหล็กไหลก่อตัวเป็นรูปทรงนั้นๆ เช่น
    รูปทรงพระกริ่ง รูปทรงพระสมเด็จ ฯลฯ โดยหุ่นขี้ผึ้งนี้จะมีจะมีสายชนวนอยู่ด้านบนเเบบเดียวกับเทียนไข
    สำหรับไว้จุดไฟในขณะทำพิธีหล่อหลอมเหล็กไหลให้เป็นรูปทรงตามต้องการ

    เมื่อหลวงพ่อจุดไฟตรงด้ายชนวนเเล้ว ท่านก็บริกรรมคาถากำกับไปเรื่อยๆในขณะที่หุ่นขี้ผึ้งเริ่มละลายไปทีละเล็กละน้อย
    เมื่อหุ่นขี้ผึ้งละลายไปจนใกล้จะหมด เหล็กไหลที่มีสภาพเหลวที่อยู่ในบาตร ก็เริ่มก่อตัวเป็นรูปทรงเหมือนหุ่นขี้ผึ้งต้นเเบบอย่างน่าอัศจรรย์
    โดยเหล็กไหลที่เเข็งตัวเป็นรูปทรงตามหุ่นขี้ผึ้งต้นเเบบนั้น (รูปทรงพระกริ่ง รูปทรงพระสมเด็จ ฯลฯ) จะมีขนาดเล็กกว่าหุ่นต้นเเบบ
    มีลักษณะสีสันวรรณะเเปลกประหลาด สีเเวววาวเหลือบมัน

    เมื่อเหล็กไหลก่อตัวเสร็จสมบูรณ์เเล้ว หลวงพ่อก็จะนำมาทำพิธีสวดญัตติ
    ซึ่งเป็นพิธีกรรมในการป้องกันไม่ให้เหล็กไหลเเปรเปลี่ยนสภาพไปอยู่ในสภาพเดิม หรือ หนีกลับคืนไปยังถ้ำที่นำมาเเต่เดิม
    หลังจากนั้นท่านจะทำพิธีปลุกเสกอธิษฐานจิตอีกชั้นหนึ่ง
    จากนั้นจึงนำมามอบให้กับลูกศิษย์ผู้มาร่วมทำบุญอุปถัมภ์ค้ำชูพระพุทธศาสนาต่อไป



    *** ข้อมูลจาก นิตสารโลกลี้ลับ ฉบับที่ ๑๕๐
    เดือนมิถุนายน ๒๕๔๐

    ขนาดเม็ดข้าวสาร มี 3 สี เงิน ทองท้องปลาไหล เขียวปีกแมลงทับ

    ราคาองค์ละ 1000 บาท ถ้าบูชาเป็นชุด 3 องค์ ราคา 2500 บาทครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_3465.JPG
      IMG_3465.JPG
      ขนาดไฟล์:
      69.8 KB
      เปิดดู:
      83
    • IMG_3466.JPG
      IMG_3466.JPG
      ขนาดไฟล์:
      71.3 KB
      เปิดดู:
      63
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 เมษายน 2015
  13. tumnansakyun

    tumnansakyun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    2,595
    ค่าพลัง:
    +3,638
    ขุนแผนรุ่นแรก หลวงพ่อมี วัดมารวิชัย เนื้อเหลือง

    สุดยอดของประสบการณ์จริงๆละก็ ต้องรุ่นปี 2540 ที่ ของหลวงพ่อมี วัดมารวิชัย สร้าง โดยท่านอ.เม้ง ขุนแผน นำมวลสารถวายครับผงพรายเน้นๆหลวงพ่อท่านอนุญาตให้เล่นสายพรายครั้งแรก และครั้งเดียว ปรากฎว่า ท่านเสกจนพรายแรงเทียบเท่า ผงพรายกุมารของหลวงปู่ทิมวัดระหารไร่คือพรายระดับเทพ

    ขุนแผนรุ่นนี้แหละที่ประสบการณ์เยอะที่สุด หากันเสมอ และกลายเป็นรุ่นที่สร้างชื่อให้อาจารย์เม้งมาจนทุกวันนี้ ถือเป็นขุนแผนที่บอกว่าสุดยอดประสบการณ์เพราะประสบการณ์ตรงครับ โดนผู้หญิงปล้ำก็แขวนเดี่ยวขุนแผนองค์นี่แหละ และชอบมากๆ ตรงที่ไม่ต้องเซ่นด้วย

    พระขุนแผนหลวงพ่อมี รุ่นนี้ อาจารย์เม้ง ขุนแผนเป็นผู้สร้างถวายให้หลวงพ่อมีปลุกเสก เรียกได้ว่าเป็นขุนแผนสองอาจารย์ที่ครบเครื่องครับ พระขุนแผนหลวงพ่อมี วัดมารวิชัย รุ่นแรก ปี 2540 ประกอบไปด้วยมวลสาร ทางมหาเสน่ห์ มากมาย อาทิเช่น ว่านดอกทอง ว่านสาวหลง ว่านเสน่ห์จันทร์แดง เสน่ห์จันทร์ขาว เครือเขาหลง ว่านสาลิกาลิ้นทอง สาลิกาหลงรัง และน้ำมันทางมหาเสน่ห์ สีผึ้ง และผงสารพัดทางเมตตา อีกเพียบ
    ประสบการณ์ ทางเมตตามหาเสน่ห์ ดีเอามากๆ สาวรัก สาวหลง สาวตาม มีรายงานทางด้านเรื่องนี้มากมายจริงๆ นอกจากจะดีทางผู้หญิงแล้ว ทางด้านค้าขาย โชคลาภ และคงกระพันชาตรี ก็มีปรากฏให้เล่าขานกันพอสมควร ถือวาเป็นรุ่นสร้างชื่อให้กับหลวงพ่ออีกรุ่นหนึ่ง

    คาถาปลุก

    อิติปาระเมตตาติ๋งจ๋า อิติสาระพัดคนทั้งหลายมารักู อิติสัพพัญญูมาคะตา

    อิติโพธิมะนุสปัสโต อิติปิโสจะเตนะโม

    นะเมตตา โมกรุณา พุทปราณี ธายินดี ยะเอ็นดู

    ยะหัวตะวา มาให้เมามัว พุทธาคนทั้งหลายมา โมสัมมานะ มารักกูจนวันตาย

    ราคาองค์ละ 500 บาท
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_3467.JPG
      IMG_3467.JPG
      ขนาดไฟล์:
      66.1 KB
      เปิดดู:
      74
    • IMG_3468.JPG
      IMG_3468.JPG
      ขนาดไฟล์:
      64.8 KB
      เปิดดู:
      69
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 เมษายน 2015
  14. tumnansakyun

    tumnansakyun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    2,595
    ค่าพลัง:
    +3,638
    ลูกอมเหล็กน้ำพี้ หลวงปู่หมุน ฐิตสีโล ติดจีวร แม่เหล็กดูดติด

    ราคา 2500 บาท
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_3469.JPG
      IMG_3469.JPG
      ขนาดไฟล์:
      59.5 KB
      เปิดดู:
      74
    • IMG_3470.JPG
      IMG_3470.JPG
      ขนาดไฟล์:
      57.5 KB
      เปิดดู:
      86
  15. tumnansakyun

    tumnansakyun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    2,595
    ค่าพลัง:
    +3,638
    ปลัดขิก เนื้อโลหะ หลวงพ่อยิด วัดหนองจอก

    วัตถุมงคล หลวงพ่อยิด จันทสุวัณโน หรือพระครูนิยุตธรรมสุนทร แห่งวัดหนองจอก ต.ดอนยายหนู อ.กุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ที่ขึ้นชื่อคือ ปลัดขิก ที่สร้างปาฏิหารย์บินได้ เป็นที่นิยมกว้างขวางในหมู่ ทหารและตำรวจ เพราะมีคติความเชื่อกันว่า ใครมีปลัดขิกของหลวงพ่อยิดติดตัวแล้วจะดีเด่นในด้านเมตตามหานิยมและแคล้วคลาดจากอันตรายทั้งปวง

    ชื่อเสียงของหลวงพ่อยิดจึงโด่งดังมากตั้งแตเมื่อครั้งที่ท่านมีชีวิตอยู่จนถงปัจจุบัน แม้หลวงพ่อยิดท่านได้ละสังขารไปแล้ว แต่วัตถุมงคลของหลวงพ่อยิดก็ยังคงความศักดิ์สิทธิ์ดีเด่นในด้านเมตตาแคล้วคลาด เล่นหาบูชากันในวงกว้าง

    สมัยที่หลวงพ่อยิดยังมีชีวิต ท่านมีกิจนิมนต์ในการปลุกเสกพระเครื่องรางของขลังทั่วประเทศจนแทบไม่มีเวลาพักผ่อน ในวันเสาร์ ๕ ท่านปลุกเสกวัดแรกที่ จ.นครสวรรค์ วัดสุดท้ายที่วัดหนองจอก แต่ละวัดจะปลุกเสกวัดละ ๓๐นาที รวมทั้งหมดวันเดียวปลุกเสก ๙ วัด

    ปลัดขิกหลวงพ่อยิดนั้น มีทั้งที่วัดแกะเอง (แกะโดยหลวงตาลาว ประภาโส เจ้าอาวาสรูปต่อมา) และชาวบ้านแกะมาถวาย มีทั้งถวายหลวงทั้งหมด หลวงคืนให้ทั้งหมดก็คืนให้บางส่วนก็มี แต่ถ้าเป็นรุ่นที่ออกเป็นทางการ คือ รุ่นเสาร์ ๕ พ.ศ.๒๕๓๖ มีเนื้องาช้างประมาณ ๑๐๐ ตัว ไม้มงคลต่างๆ ๓๐๐-๔๐๐ ตัว มีทั้งตอกโค้ด “ยิด” และ “นะ คงกระพัน”

    ปลัดขิกของหลวงพ่อยิด มี ๓ ลายมือ ที่เล่นหาเป็นสากล คือ ลายมือหลวงพ่อยิด ลายมือทิศเพ็ย (หลานหลวงพ่อ) และลายมือเณรกุ้ง หรือพระอาจารย์ปรสาน ญาณคุตโต ซึ่งเป็นเจ้าอาวาสรูปปัจจุบัน ส่วนลายมือพระอาจารย์จิ สมจิตโต เป็นทายาทผู้สืบทอดพุทธคม ซึ่งปัจจุบันเป็นรองเจ้าอาวาสวัดหนองหว้า จ.เพชรบุรี ลงจารยันต์ให้หลวงพ่อยิดเมื่อครั้งที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ ปลัดขิกเนื้อไม้มงคลต่างๆ รุ่นเสกตะปูถน ไตรมาศ พ.ศ.๒๕๓๕ สำหรับปลัดขิกเนื้อโลหะที่ได้รับความนิยม รุ่น เจริญพร ซึ่งออกพร้อมๆ กับพระกริ่ง และเหรียญ รุ่นเจริญ เมื่อ พ.ศ.๒๕๓๗ ถ้าเนื้อทองคำอยู่ที่หลักหมื่นปลายๆ เนื้อนวะ เนื้อเงิน และเนื้อทองแดงอยู่ในหลักพันต้นๆ

    อย่างไรก็ตามเป็นเรื่องปกติรรมดา ที่พระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงโด่งดัง ส่วนมากจะมีปัญหาเกี่ยวกับผู้ใกล้ชิด ลูกศิษย์ กลุ่มพุทธพาณิชย์ หาผลประโยชน์จากการสร้างวัตถุมงคลเพื่อหวังผลกำไรจำนวนมหาศาล เช่นเดียวกับหลวงพ่อยิด ซึ่งมีหลายกลุ่ม แต่ท่านจะไม่ว่าอะไรใครทั้งสิ้น เมื่อมีผู้ถาม ท่านก็จะตอบว่า

    “ใครที่ประพฤติตนหาผลประโยชน์จากพระ บุคคลนั้นต่อไปจะยากจน เพราะตัวเองจะป่วย แล้วก็ใช้เงินจากการจำหน่ายพระมารักษาตัวจนหมดสิ้น และชีวิตก็จะอยู่ไม่มีความสุขภายในครอบครัว” และวาจาท่านก็ศักดิ์สิทธิ์ยิ่งเสียด้วย เพราะมีหลายคนที่เป็นไปตามคำพูดนั้น ขณะเดียวกันท่านมักจะสอนศิษย์เสมอว่า "การที่จะปลุกเสกวัตถุมงคลให้ขลังนั้นจะต้องมีสมาธิ และสัจจะ"

    ตอกโค๊ตทุกตัว
    ราคาตัวละ 600 บาท
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_3471.JPG
      IMG_3471.JPG
      ขนาดไฟล์:
      100.6 KB
      เปิดดู:
      48
    • IMG_3472.JPG
      IMG_3472.JPG
      ขนาดไฟล์:
      57.7 KB
      เปิดดู:
      49
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 เมษายน 2015
  16. tumnansakyun

    tumnansakyun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    2,595
    ค่าพลัง:
    +3,638
    ขุนแผนรุ่นพรทิพย์ หลวงพ่อเมียน วัดบ้านจะเนียง ต้นตำรับเขมร ขนานแท้

    ราคา ขายแล้ว บาท
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_3473.JPG
      IMG_3473.JPG
      ขนาดไฟล์:
      65 KB
      เปิดดู:
      87
    • IMG_3474.JPG
      IMG_3474.JPG
      ขนาดไฟล์:
      83.3 KB
      เปิดดู:
      51
    • IMG_3475.JPG
      IMG_3475.JPG
      ขนาดไฟล์:
      81.7 KB
      เปิดดู:
      47
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 กุมภาพันธ์ 2015
  17. tumnansakyun

    tumnansakyun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    2,595
    ค่าพลัง:
    +3,638
    สนใจรายการไหนติดต่อสอบถามได้นะครับ
     
  18. tumnansakyun

    tumnansakyun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    2,595
    ค่าพลัง:
    +3,638
    .......................................
     
  19. tumnansakyun

    tumnansakyun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    2,595
    ค่าพลัง:
    +3,638
    สนใจรายการไหนติดต่อสอบถามได้นะครับ
     
  20. tumnansakyun

    tumnansakyun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    2,595
    ค่าพลัง:
    +3,638
    สนใจสอบถามได้นะครับ
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...