เรื่องเด่น ข้อความจากต่างมิติ - คำพยากรณ์ใดๆเกี่ยวกับวันสิ้นโลก มันจะไม่เป็นจริงอีกต่อไปแล้ว

กระทู้นี้ผมแค่ Copy เอาข้อความที่ผมเคยโพสต์ไว้แล้วในกระทู้อื่นๆ
มารวมไว้เท่านั้นแหละครับ

เพราะว่าผมอยากดึงเอาเฉพาะส่วนที่กล่าวถึงคำพยากรณ์ต่างๆ จากครั้งโบราณกาล
ไม่ว่าจะเป็นจากนอสตราดามุส จากนิกายไหน ศาสนาไหน เทพเจ้าองค์ไหน ฯลฯ ก็ตาม
ที่พูดถึงวันสิ้นโลก ที่พูดถึงหายนะครั้งใหญ่ของโลก ว่าจะเกิดขึ้นอย่างงั้น อย่างงี้ ในปีนั้น ปีนี้ ฯลฯ

แต่ข้อความจากรูปธรรมชีวิตต่างมิติทั้งหลาย พูดเป็นเสียงเดียวกันหมดครับว่า
มันจะไม่เกิดขึ้น มันจะไม่มีวันสิ้นโลก มันจะไม่มีหายนะครั้งใหญ่ที่จะทำให้มนุษย์สูญพันธุ์

มันจะมีแต่วันที่โลกและมนุษย์ก้าวกระโดดทางวิวัฒนาการไปสู่มิติที่สูงขึ้น
ไปสู่ระดับจิตสำนึก และ ความตระหนักรู้ที่สูงขึ้น กว้างขึ้น
ไปสู่โลกใหม่ ในยุคพลังงานใหม่ ที่สดใส งดงาม และผาสุกยิ่งกว่าเดิม ในทุกๆด้าน

อีกเช่นเคยครับ ขอให้ท่านใช้วิจารณญาณของท่านเอาเองนะครับ
ว่าควรจะเชื่อได้ หรือไม่ อิสระแห่งทางเลือก เป็นของท่าน และอยู่กับท่านเสมอครับ

..............................................

 

ข้อความสื่อสารทางโทรจิตจากท่านซาลูซ่า ในนามของสหพันธ์แห่งกาแล็กซี่
(The Galactic Federation)

ประจำวันที่: 23 พฤษภาคม 2011
ผู้รับการสื่อสาร: นาย Mike Quinsey
ผู้แปล : LadyOfLight

ที่มา:

Mike Quinsey - SaLuSa, May 23, 2011

ตอนที่ 1:

อย่างที่คาดหมายเอาไว้ก็คือ คำพยากรณ์ทั้งหลาย ผ่านมาแล้วก็ผ่านไปอีกเช่นเคย
(กรณีที่มีข่าวลือว่าวันที่ 21 พ.ค.2011 คือวันสิ้นโลก – ชยุต) และพวกคุณจะพบว่า
จะมีบุคคลบางกลุ่มเชื่อตามคำพยากรณ์เหล่านั้น คำพยากรณ์ใดคำพยากรณ์หนึ่ง
ที่สอดคล้องกับความเชื่อของพวกเขา อยู่เป็นระยะๆเสมอนั่นแหละ

พวกคุณคงสงสัยว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร และในหลายๆกรณี มันเป็นผลมาจากพลังงาน
ที่ใส่ลงไปในเหตุการณ์สำคัญๆทางศาสนา มันสั่งสมมานานนับร้อยนับพันปี
จนมีอำนาจมากพอที่จะส่งผลต่อจิตสำนึก (consciousness) ของบรรดาผู้ที่ศรัทธาเชื่อถือได้
อันทำให้พวกเขาสรุปว่ามันต้องเป็นไปตามนั้น แต่ปัจจัยที่ทำให้มันไม่เป็นไปตามคำพยากรณ์เหล่านั้น
ดูเหมือนจะมีมากกว่า เพราะว่ายุคสมัยได้เปลี่ยนไปแล้ว พร้อมทั้งระดับจิตสำนึก
และแสงสว่างก็ได้เพิ่มสูงขึ้นจนทำให้มันสงบระงับไปได้แล้ว

ด้วยเหตุนี้คำพยากรณ์เหล่านั้นจึงไม่มีผลอีกต่อไป
และมันก็ไม่สามารถกลายเป็นจริงขึ้นมาได้

หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ มันไม่จำเป็นต้องเกิดขึ้น
เพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงตามที่คาดหมายไว้อีกต่อไป
เพราะว่ามนุษยชาติได้ก้าวเข้าสู่กระบวนทัศน์ใหม่แล้ว
ดังนั้น วันสิ้นโลกตามพระคัมภีร์ (Apocalypse)
จึงไม่เกิดขึ้นตามที่คาดหมายไว้ แม้ว่าดาวเคราะห์โลก
ยังจะมีการเปลี่ยนแปลงต่างๆเกิดขึ้นอยู่อีกก็ตาม
แต่มันก็จะไม่ถึงขั้นทำให้เกิดการทำลายล้าง
และการล้มตายของผู้คนครั้งใหญ่อีกต่อไป


หากเป็นไปได้แล้วล่ะก็ มนุษย์ควรที่จะจดจ่ออยู่กับการเปลี่ยนแปลงในแง่ดีเท่านั้น
และก็อย่างที่พวกเราได้แนะนำอยู่เนืองๆก็คือ ให้จดจ่อจินตนาการถึงดาวเคราะห์โลกใบใหม่ไว้ให้แน่วแน่

ช่วงเวลานี้จะทำให้มนุษย์จำนวนมากเกิดความสับสน เกิดความไม่แน่ใจว่าในภายภาคหน้าจะเป็นอย่างไร
และการกระทำต่างๆของฝ่ายมืดก็ไม่ได้ช่วยให้เหตุการณ์ดีขึ้นเลย

พวกเขาวางแผนทำให้ฉากเหตุการณ์ต่างๆเกิดขึ้นตามคำทำนาย
ซึ่งทำให้สิ่งที่ผู้คนคาดหมายไว้นั้นเป็นจริง อันเป็นปัจจัยที่ก่อให้เกิด

”ความกลัว”

พวกเราทราบถึงเรื่องนี้ดี และพวกเราก็สามารถป้องกันไม่ให้มันเกิดขึ้นได้บ้าง
ภายในข้อจำกัดบางประการจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นโดยกรรม

พวกเราได้ป้องกันไม่ให้เกิดสงครามโลกครั้งที่สามขึ้นแล้ว
พวกเราได้ป้องกันไม่ให้ดาวเคราะห์โลกถูกทำลายมาแล้ว
และพวกเราก็ยังได้ป้องกันไม่ให้เกิดโรคระบาดและการเจ็บไข้ได้ป่วย
อันจะเป็นเหตุให้ประชากรมนุษย์ถูกสังหารหมู่อีกด้วย

นั่นเป็นเพราะหน้าที่ความรับผิดชอบของพวกเรา ในอันที่จะทำให้แน่ใจว่า
พวกคุณจะไปถึงการเลื่อนระดับขึ้น (ascension) ได้อย่างปลอดภัย
และเพื่อทำให้แน่ใจว่าพวกคุณได้รับโอกาสที่จะเลื่อนระดับขึ้นด้วย

…………

 

ข้อความสื่อสารทางโทรจิตจากท่านซาลูซ่า ในนามของสหพันธ์แห่งกาแล็กซี่
(The Galactic Federation)

ประจำวันที่: 23 พฤษภาคม 2011
ผู้รับการสื่อสาร: นาย Mike Quinsey
ผู้แปล : LadyOfLight

ที่มา:

Mike Quinsey - SaLuSa, May 23, 2011

ตอนที่ 2:

สิ่งที่ปรากฏออกมาให้เห็นอาจดูไม่เป็นอย่างนั้น แต่พวกคุณก็กำลังเลื่อนระดับขึ้นจากการสั่นสะเทือนที่ต่ำกว่าอยู่
และในขณะที่พวกคุณกำลังเลื่อนระดับขึ้นอยู่นี้ ความรุนแรงจากผลของการกระทำจากฝ่ายมืด
ก็จะลดน้อยถอยลงไปเรื่อยๆด้วย เพราะว่าแสงสว่างกำลังทำให้พลังอำนาจของฝ่ายมืดอ่อนแอลง

และขั้นตอนต่างๆ เพื่อทำให้พันธมิตรของพวกเรา สามารถก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งหน้าที่ที่มีอำนาจได้นั้น
กำลังถูกดำเนินการอยู่ ดังนั้น โดยอาศัยพวกเขา พวกเราก็จะสามารถส่งผลกระทบกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นได้มากขึ้นด้วย

ความก้าวหน้าทั้งหมด ตามเป้าหมายของพวกเรา ในอันที่จะนำพาความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ให้เกิดขึ้น
ก็คือการได้เห็นฝ่ายมืดถูกถอนรากถอนโคนออกไป

ดังนั้นจงมั่นใจเถิดว่า ถึงแม้ว่าพวกคุณจะไม่รู้รายละเอียดปลีกย่อยอะไรเลย
แต่พวกเราก็กำลังบรรลุเป้าหมายเพื่อทำให้เรื่องราวต่างๆดำเนินต่อไปได้อย่างแท้จริงอยู่
และเมื่อมันเริ่มต้นขึ้นแล้ว ผลลัพธ์ของมันก็จะเป็นอื่นไปเสียไม่ได้ เพราะแผนงานแห่งพระเจ้า (Divine Plan)
จะทำให้มันปรากฏออกมาเป็นรูปธรรมจนได้ ไม่ว่าเหตุการณ์อื่นๆที่เกิดขึ้นภายนอกนั้นจะเป็นอย่างไรก็ตาม

และมันก็คือสาเหตุที่พวกเราเตือนความจำให้กับพวกคุณหลายครั้งแล้วว่า แสงสว่างได้บรรลุชัยชนะแล้ว
ตามสัจจะสัญญาที่พวกคุณได้รับไว้ เพราะฉะนั้นมันจึงไม่มีเหตุผลอันใดที่ต้องรู้สึกกลัวเลย
และไม่ว่าแผนงานที่พวกคุณได้เคยวางเอาไว้สำหรับตนเองเพื่อข้ามช่วงเวลาแห่งการสิ้นสุดยุคนี้
จะเป็นเช่นไรก็ตาม มันก็ยังจะเป็นไปตามนั้นอยู่


พวกเราอยากขอให้พวกคุณมองตรงไปข้างหน้าอย่างเดียว เพราะว่ามันใกล้จะถึงเวลาแล้ว
ที่อดีตจะมีอิทธิพลต่อพวกคุณเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เพราะว่าเมื่อใดที่พวกคุณเลื่อนระดับขึ้นได้แล้ว
ระดับจิตสำนึกของพวกคุณ ก็จะขยายตัวออกไปอย่างมหาศาลด้วย แล้วเมื่อนั้น
พวกคุณก็จะหลุดการเชื่อมต่อกับความทรงจำต่างๆของการมีชีวิตอยู่ในระดับการสั่นสะเทือนที่ต่ำกว่าไป

ความทรงจำเหล่านั้นจะไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว แต่ทว่าประสบการณ์ที่พวกคุณได้รับจะยังคงอยู่กับพวกคุณตลอดไป

พวกคุณอยู่บนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณตลอดไป และกำลังหาหนทางกลับคืนสู่แหล่งกำเนิด (the Source) อยู่
และทุกจิตวิญญาณก็เป็นเช่นเดียวกันนี้ทั้งหมด โดยไม่มีการยกเว้น

ดังนั้น ไม่ว่าพวกคุณจะไปเจอจิตวิญญาณดวงอื่นๆ ณ.ที่แห่งใดก็ตาม พวกคุณก็จะพบว่า
พวกคุณมีหลายสิ่งหลายอย่างที่เหมือนๆกัน และในบรรดาสิ่งต่างๆที่ว่านี้ มีจำนวนไม่น้อยเลย
ที่มีต้นตอมาจากแหล่งกำเนิดของทุกสรรพสิ่ง (the Source) เหมือนๆกัน

เพียงแต่ว่าพวกคุณได้เลือกที่จะมามีประสบการณ์แห่งการแบ่งแยกเท่านั้น
และเพื่อที่จะใช้มันเป็นเครื่องมือในการนำแสงสว่างกลับคืนมาสู่ตัวเอง
และเพื่อยกระดับจิตสำนึกของตัวเองให้กลับคืนมา ซึ่งจะทำให้สามารถกอบกู้ความทรงจำในระดับจิตใต้สำนึก
เกี่ยวกับว่าแท้จริงแล้วตัวเองเป็นใคร กลับคืนมาได้อีกด้วย

พวกคุณหลายคนได้บรรลุถึงขั้นนี้แล้ว และเพราะความสำเร็จนี้เอง
ที่ทำให้พวกคุณได้รับอนุญาต เพื่อยืดระยะเวลาออกไปให้อีก
เพื่อให้จิตวิญญาณจำนวนมากที่สุดเท่าที่จะมากได้
มีโอกาสที่จะเลื่อนระดับขึ้นด้วย

ไม่เช่นนั้นแล้วพวกคุณก็คงจะไม่ได้มาอยู่ที่นี่ ในเวลานี้หรอก
เพราะว่าการเดินทางของพวกคุณก็คงจะสิ้นสุดลง
ตั้งแต่การมาถึงของปี 2000 โน่นแล้ว

…………..

 

ข้อความสื่อสารทางโทรจิตจากท่านซาลูซ่า ในนามของสหพันธ์แห่งกาแล็กซี่
(The Galactic Federation)

ประจำวันที่: 23 พฤษภาคม 2011
ผู้รับการสื่อสาร: นาย Mike Quinsey
ผู้แปล : LadyOfLight

ที่มา:

Mike Quinsey - SaLuSa, May 23, 2011

ตอนที่ 3:

เพราะฉะนั้น ผู้เป็นที่รักทั้งหลาย พวกคุณจึงสามารถเข้าใจได้ ถึงความชื่นชมสรรเสริญ
และความรักจากมิติที่สูงกว่าทั้งหลายส่งไปถึงพวกคุณ เพราะว่าพวกคุณจะสามารถบรรลุผลสำเร็จได้
ก็ด้วยการอุทิศตน และความตั้งใจแน่วแน่ที่จะเอาชนะปัญหาอุปสรรคทั้งปวงให้ได้เท่านั้น

พวกคุณเป็นสิ่งมีชีวิตที่งามสง่าโดยแท้ และในอนาคตอันใกล้นี้ พวกคุณจะได้ยืนเคียงข้างพวกเรา
ในฐานะสิ่งมีชีวิตผู้มีสติตื่นรู้โดยสมบูรณ์ (conscious Beings)

ไม่ว่าประสบการณ์บนดาวเคราะห์โลกของพวกคุณจะเป็นอย่างไรก็ตาม
ก็จงอย่าดูหมิ่นดูแคลนตนเอง เพราะว่าเหตุผลที่แท้จริง
สำหรับการมาเป็นสิ่งมีชีวิตบนดาวเคราะห์โลกดวงนี้
ก็คือการลงมาอยู่ในระดับการสั่นสะเทือนที่ต่ำกว่า
ซึ่งสิ่งที่มีความสำคัญสูงสุด ก็คือสิ่งที่พวกคุณได้เรียนรู้จากมัน
และมันก็ไม่ได้สำคัญตรงที่ว่าเมื่อพวกคุณทุกคน
ต้องมาเผชิญกับการเหนี่ยวรั้งของพลังงานด้านมืดแบบนี้แล้ว
พวกคุณจะใช้วิธีการอะไรเพื่อเอาชนะมัน

พวกคุณจะใช้วิธีการอะไรเพื่อจัดการกับมัน
และเข้าใจอย่างถ่องแท้ถึงวิธีการเอาชนะมัน

พวกคุณไม่ได้ถูกตีตราว่าเป็นผู้ผิดบาป อย่างที่บางคนทำให้พวกคุณเชื่อ
และการลงมาเกิดบนโลกใบนี้ ก็เพื่อที่จะมาใช้ชีวิต
และเลือกมีประสบการณ์ในรูปแบบต่างๆ
อันจะเป็นไปเพื่อพัฒนาความเข้าใจ
และนำพวกคุณกลับคืนไปสู่แสงสว่างได้

พวกคุณทุกคนต่างก็มาเกิดในความเป็นทวิภาวะนี้ คนละหลายภพชาติแล้ว
มันจึงไม่น่าแปลกอะไร ที่ตอนนี้พวกคุณจะรู้สึกว่ามันควรจะถึงเวลาที่จะเปลี่ยนแปลงได้แล้ว
เพราะว่าสำหรับพวกคุณหลายคนแล้ว มันเหลืออะไรให้ต้องเรียนรู้อีกไม่มากนักแล้ว
และพวกเขาก็สามารถเชื่อมต่อสายสัมพันธ์กับแสงสว่างจนเหนียวแน่นได้เหมือนเดิมเรียบร้อยแล้ว
ดังนั้น พวกเขาจึงพร้อมที่จะเลื่อนขึ้นไปต่อได้แล้ว

มันสร้างสมมาเป็นเวลานานหลายศตวรรษแล้ว กว่าที่จะมาถึงเวลาเช่นนี้ได้
และสิ่งมีชีวิตผู้ยิ่งใหญ่หลายๆท่าน ก็ได้ลงมาถือกำเนิดบนดาวเคราะห์โลก
เพื่อช่วยให้พวกคุณเข้าใจถึงความจริงแห่งความศักดิ์สิทธิ์ดุจพระเจ้าของพวกคุณเองแล้ว (your Divinity)
และแม้ว่าคำสอนของพวกเขาอาจจะถูกบิดเบือนไปแล้วก็ตาม แต่มันก็ยิ่งทำให้เห็นได้ชัดเจนมากขึ้นไปอีกว่า
แม้กระนั้นพวกคุณก็ยังสามารถค้นพบแสงสว่างของตัวเองได้อยู่

ความรักเป็นกุญแจสำคัญสู่ความก้าวหน้าของพวกคุณ
ไม่ว่าพวกคุณจะได้รับความรักมาหรือให้ความรักออกไปก็ตาม
และเมื่อพวกคุณไปถึงขั้นที่สามารถให้ความรักออกไป
โดยปราศจากเงื่อนไขใดๆได้จริงๆแล้วหละก็
พวกคุณก็จะเป็นหนึ่งเดียวกันกับจิตสำนึกรู้แห่งพระเจ้า
(Christ Consciousness) อย่างแท้จริง

พวกเราพูดถึงความรักที่ไร้เงื่อนไข ซึ่งหมายถึงการให้โดยปราศจากการตัดสินชี้ถูกชี้ผิด
และโดยปราศจากการปรารถนาสิ่งตอบแทน แต่มนุษย์ทั้งหลายก็มักจะใช้ทัศนคติความเชื่อของตนเอง
เพื่อสร้างเงื่อนไขสำหรับการให้ความรักออกไป

และนั่นก็คือบทเรียนบทหนึ่งที่พวกคุณต้องเรียนรู้
เมื่อเข้ามาถึงช่วงสุดท้ายก่อนการเลื่อนระดับขึ้นแบบนี้

แต่จงทำให้ดีที่สุดก็แล้วกัน แล้วพวกคุณก็จะพบว่ามันเป็นเรื่องง่ายๆที่จะคิดให้ได้แบบนั้น
และมันก็จะมาพร้อมกับระดับจิตสำนึกของพวกคุณที่เพิ่มสูงขึ้น


เราคือซาลูซ่าจากซิริอุส และจงเชื่อใจในสิ่งที่อยู่ในข้อความทั้งหลายของเราเถิด
พวกคุณค่อยๆมีความเข้าใจมากขึ้นแล้ว ว่าสหพันธ์กาแล็กซีหมายถึงอะไร

พวกเราก็คือพวกคุณ และพวกเราก็มาจากอนาคตของพวกคุณ

และพวกคุณก็จะเปลี่ยนวิถีชีวิตจากที่เป็นอยู่ในขณะนี้ ไปสู่วิถีชีวิตแบบใหม่
ซึ่งในที่สุดแล้วก็จะคู่ควรแก่การเป็นสิ่งมีชีวิตแห่งกาแล็กซี

พวกเรามองเห็นว่าช่วงเวลาเหล่านี้ เป็นช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้นมาก
มันเป็นช่วงเวลาแห่งการเชื้อเชิญพวกคุณ กลับคืนไปสู่ที่ๆพวกคุณ
เป็นเจ้าของอย่างแท้จริงๆ – ในฐานะเมล็ดพันธุ์แห่งดวงดาว (Starseeds)


Thank you SaLuSa.
Mike Quinsey.
Website: Tree of the Golden Light
………………………………………..

 

และอีกข้อความหนึ่ง ที่เป็นตัวอย่างของข้อความที่กล่าวถึงเรื่องเดียวกันนี้

ที่มา:

http://palungjit.org/threads/ข้อควา...ยชาติ-ข้อความสื่อสารจาก-ครายออน-kryon.276395/

.......................................................................................

ข้อความจากต่างมิติ – ประวัติของมนุษยชาติ โดย ครายออน

สื่อสารทางโทรจิตผ่านทางนาย Lee Carroll
วันที่ทำการสื่อสาร: เดือนสิงหาคม – กันยายน 2007
สถานที่: บนเรือ - แถบทะเลเมดิเตอเรเนี่ยนตะวันตก

ที่มา:

KRYON -Cruise 8 - History of Humanity


ตอนที่ 16:

DURATION OF LIFE ON EARTH
ช่วงเวลาของชีวิตบนโลก


ลองมาดูกันที่เชื้อสายวงศ์ตระกูลของดาวเคราะห์โลก ที่พวกเรามีข้อมูลกัน

กระบวนการแห่งการรู้แจ้งครั้งใหม่ของโลก
เพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นจริงๆเมื่อราวๆปี ค.ศ. 1900 นี้เอง

จริงๆแล้วก่อนหน้านั้นมันก็ได้เกิดขึ้นแล้ว แต่ไม่มากนัก และมันก็ใช้เวลานานถึง 87 ปี
(ตรงกับปี ค.ศ. 1987 – ผู้แปล) เพื่อที่จะทำให้ระดับความสั่นสะเทือนของดาวเคราะห์โลก
ถูกยกระดับสูงขึ้นจนถึงระดับที่จะตัดสินใจได้

การตัดสินใจที่ว่านี้ เป็นการตัดสินใจเกี่ยวกับความสั่นสะเทือน
และอนาคตของดาวเคราะห์โลก

ทั้งๆที่ผู้พยากรณ์ทุกๆคน ได้พยากรณ์เอาไว้ตรงกันหมดว่า
โลกของพวกคุณจะต้องถึงกาลอวสานในราวๆปี ค.ศ. 2000
แต่พวกคุณก็ได้เปลี่ยนระดับความสั่นสะเทือน
ของดาวเคราะห์โลกดวงนี้ ให้สูงขึ้นแล้ว
จนถึงระดับที่สามารถทำให้โลกไม่ต้องพบกับจุดจบดังกล่าวได้แล้ว

อย่าเข้าใจผิดไปนะ เพราะว่าพระผู้เป็นเจ้าไม่เคยมีแผนการที่จะทำให้โลกนี้ถึงกาลอวสานเลย
แต่มันเป็นเพราะระดับความสั่นสะเทือนของ “การทดลอง” ที่พวกคุณได้ช่วยกันสร้างขึ้นมา
เป็นเวลายาวนานแสนนานต่างหาก
(“การทดลอง” หมายถึงการที่จิตวิญญาณลงมาทำการทดลอง หรือลงมาเกิดบนโลกมนุษย์ – ผู้แปล)

มนุษย์คือผู้สร้างอนาคตของตนเอง พวกคุณคือผู้สร้างคำพยากรณ์ให้กับตัวเอง
มันเกิดจากจิตสำนึกของพวกคุณทั้งโลก ที่ทำให้มันเป็นไปแบบนั้น

เพราะฉะนั้น มันก็คือพวกคุณเองนั่นแหละ ที่เป็นคนกำหนดทิศทางใหม่
ให้กับอนาคตของตนเอง ไม่ให้มันเป็นไป
ตามอย่างที่เหล่าผู้พยากรณ์ทั้งหลายเคยมองเห็น

และตอนนี้คำพยากรณ์เกือบทั้งหมด ที่ถูกพยากรณ์เอาไว้
ตั้งแต่ก่อนปี ค.ศ.1987 พวกมันจะไม่มีความหมายใดๆอีกต่อไปแล้ว

เพราะว่าตอนนี้ พวกคุณกำลังอยู่บนเส้นทางชีวิตเส้นทางอื่น
ที่แตกต่างออกไปจากเดิมแล้ว


……………

 

เฮ้อ....อ่านแล้วคลายความเครียดเรื่องวันสิ้นโลกไปได้เยอะ
เพราะแอบๆเครียดเรื่องนี้อยู่น่ะค่ะ

 

ข้อความจากต่างมิติ – ประวัติของมนุษยชาติ โดย ครายออน

สื่อสารทางโทรจิตผ่านทางนาย Lee Carroll
วันที่ทำการสื่อสาร: เดือนสิงหาคม – กันยายน 2007
สถานที่: บนเรือ - แถบทะเลเมดิเตอเรเนี่ยนตะวันตก

ที่มา:

http://palungjit.org/threads/ข้อควา...ยชาติ-ข้อความสื่อสารจาก-ครายออน-kryon.276395/


ตอนที่ 17: ช่วงเวลาของชีวิตบนโลก (ต่อ)

ตอนนี้เราขอบอกอะไรบางอย่างกับพวกคุณสักหน่อย หากพวกคุณอยากจะฟัง

ว่าระหว่างปี ค.ศ. 1987 ถึงปี 2007 ได้มีสิ่งมหัศจรรย์เกิดขึ้นแล้ว
เพราะว่าพลังงานใหม่ เพราะว่าการตื่นขึ้นของเหล่าคริสตัล
ที่อยู่ใน “ถ้ำแห่งการสรรสร้าง” (Cave of Creation)
ที่มีชื่อของชาวเลมูเรียติดอยู่

ชาวเลมูเรียทั้ง 350 ล้านชีวิตที่เคยเกิดในยุคเลมูเรีย พวกเขากระซิบว่า “ถึงเวลาต้องกลับมาอีกแล้ว”

ฟังให้ดีนะ ว่าชาวเลมูเรียทั้ง 350 ล้านชีวิต
ที่เคยมีชีวิตอยู่บนโลกในยุคเลมูเรีย
ตอนนี้พวกเขากลับลงมาเกิดบนโลกนี้อีกครั้งหนึ่งแล้ว
พวกเขากระจายอยู่ทั่วโลก

และฟังให้ดีนะว่า ตอนนี้มีพวกเขาอยู่เต็มห้องนี้ไปหมดเลย และเราก็กำลังมองดูพวกเขาอยู่

ที่รักทั้งหลาย นั่นแหละที่เป็นเหตุผลว่าทำไม พวกคุณถึงมาอยู่ที่นี่
และทำไมพวกคุณถึงได้มาอ่านข้อความนี้

และพวกคุณก็อาจจะสงสัยว่า ทำไมพวกคุณถึงมีอาการตอบสนองต่อเรื่องแบบนี้
พวกคุณอาจจะสงสัยว่า ทำไมระดับความสั่นสะเทือนของพวกคุณจึงเพิ่มขึ้น
พวกคุณอาจจะสงสัยว่า ทำไมในระดับโครงสร้างของเซลของพวกคุณ ถึงรู้สึกผูกพันกับครายออนเหลือเกิน

นั่นก็เพราะว่า พวกคุณเคยเป็นชาวเลมูเรียมาก่อน พวกคุณคือจิตวิญญาณเก่าแก่ที่มาอยู่ในยุคพลังงานใหม่นี้


“ครายออน นี่หมายความว่าจิตวิญญาณของฉันไม่เคยอยู่ที่นี่ในช่วงก่อนปี ค.ศ.1900 อย่างงั้นเหรอ?”

คำตอบก็คือ เรื่องมันซับซ้อน เพราะว่า "ชิ้น" และ "ส่วนหนึ่ง" ของพลังงานของพวกคุณเคยอยู่ที่นี่
แต่ไม่ใช่แก่นแท้ที่เป็นพลังงานทั้งดุ้นของชาวเลมูเรีย

พวกคุณคิดว่าพวกคุณคือสิ่งมีชีวิตเดี่ยวๆ,
เป็นจิตวิญญาณดวงเดียวโดดๆ, มีชื่อๆเดียว,
มีหน้าตาแบบนี้แบบเดียวอย่างงั้นเหรอ?

มันไม่ใช่เลย เพราะว่าทุกๆครั้งที่พวกคุณมีชีวิตขึ้นมา
พวกคุณจะเป็นเหมือนซุปที่ถูกปรุงขึ้นมา และก็ลงมาอยู่ที่โลกใบนี้
พวกคุณยังมีตัวตนที่สูงส่งกว่า (higher self) อยู่อีก
ซึ่งก็มีแก่นแท้เป็นพลังงานเดียวกันกับพวกคุณนั่นแหละ
และก็เป็นแก่นแท้ของพลังงานเดียวกันอยู่ตลอดเวลาด้วย

แต่สิ่งที่ล้อมรอบแก่นแท้ของพลังงานของพวกเขาอยู่ ก็คือจิตวิญญาณที่สูงส่ง
แต่ตอนนี้พวกคุณบางคน ก็ได้กลับมาพร้อมกับมีแก่นแท้ของพลังงานของชาวเลมูเรียห้อมล้อมอยู่แล้ว
ซึ่งมันคือสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมานานกว่า 50,000 ปี

และ ชิ้นส่วนของ DNA เหล่านั้นก็กำลังถูกกระตุ้นให้ตื่นขึ้นอยู่

…………….

 

ข้อความจากต่างมิติ – ประวัติของมนุษยชาติ โดย ครายออน

สื่อสารทางโทรจิตผ่านทางนาย Lee Carroll
วันที่ทำการสื่อสาร: เดือนสิงหาคม – กันยายน 2007
สถานที่: บนเรือ - แถบทะเลเมดิเตอเรเนี่ยนตะวันตก

ที่มา:

http://palungjit.org/threads/ข้อควา...ยชาติ-ข้อความสื่อสารจาก-ครายออน-kryon.276395/


ตอนที่ 18: ช่วงเวลาของชีวิตบนโลก (ต่อ)


ถ้าพวกคุณจำสิ่งที่เราพร่ำบอกกับพวกคุณมาตลอดหลายปีแล้วนั้นได้ว่า

ระดับความสั่นสะเทือนของคนทั้งโลก จะเปลี่ยนแปลงไปได้
ต้องการจำนวนคนที่จะมากระตุ้นให้มันเกิดขึ้น
เพียงแค่ไม่เกิน 0.5% ของจำนวนประชากรทั้งโลกเท่านั้นเอง
แล้วพวกคุณก็จะเข้าสู่ปี 2012 ด้วยระดับความสั่นสะเทือนใหม่ได้

นั่นคือจำนวนไม่เกิน 0.5% ของประชากรทั้งโลก
ซึ่งมีประมาณ 7 พันล้านคน จะต้อง “ตื่นขึ้น”
(ประมาณ 35 ล้านคน – ผู้แปล) มันไม่ได้มากมายเกินไปเลย

และอันที่จริงแล้ว มันก็แค่ 10% ของชาวเลมูเรียเก่า
ซึ่งมีจำนวนทั้งหมด 350 ล้านคน ที่กำลังมีชีวิตอยู่บนโลก
ในขณะนี้เท่านั้นเอง (ประมาณ 35 ล้านคน – ผู้แปล)

มันเป็นสัดส่วนที่เป็นไปได้มากๆเลย

- พวกคุณกำลังอยู่ตรงช่วงไหนของเหตุการณ์นี้?
- อารยธรรมนี้คาดว่าจะสิ้นสุดลงเมือใด?

เรากำลังจะบอกพวกคุณอยู่นี่แหละ คำตอบก็คือ อนาคตของพวกคุณ พวกคุณกำลังจะสร้างมันขึ้นมาเอง

เพราะว่าพวกคุณคือผู้ควบคุมอนาคตของตัวเองอย่างแท้จริง
ดังนั้น อารยธรรมของพวกคุณ จะสามารถยืนยาวไปได้
ตราบนานเท่านานเท่าที่พวกคุณปรารถนา

แต่เราก็จะบอกพวกคุณอีกว่า “การทดลองนี้” ถูกออกแบบมาให้อยู่ได้นานเท่าไหร่ด้วย
พวกคุณบางคนอาจจะหัวเราะเยาะ เพราะว่ามันมีตัวเลขที่โด่งดังอยู่มากมาย
ที่สังคมแต่ละสังคมของพวกคุณเชื่อถือกัน จนกลายไปเป็นหลักปรัชญา หรือศาสตร์ลี้ลับของพวกคุณไปแล้ว

แต่บ่อยครั้งที่ในสาระสำคัญของพวกมัน มันก็มีความจริงแฝงเร้นอยู่
หนึ่งในนั้นก็คือ 144,000 ปี ซึ่งตัวเลขนี้แหละ ที่ปรากฏขึ้นบ่อยครั้ง ในสิ่งต่างๆมากมาย
มันอยู่ในสัญชาตญาณของพวกคุณ และพวกคุณก็รู้อยู่แล้วด้วย

มันคือระยะเวลาที่มีหน่วยเป็นปีของ “การทดลอง”
..นั่นก็คือ 144,000 ปี..


………….

 

ข้อความจากต่างมิติ – ประวัติของมนุษยชาติ โดย ครายออน

สื่อสารทางโทรจิตผ่านทางนาย Lee Carroll
วันที่ทำการสื่อสาร: เดือนสิงหาคม – กันยายน 2007
สถานที่: บนเรือ - แถบทะเลเมดิเตอเรเนี่ยนตะวันตก

ที่มา:
http://palungjit.org/threads/ข้อควา...ยชาติ-ข้อความสื่อสารจาก-ครายออน-kryon.276395/


ตอนที่ 19: ช่วงเวลาของชีวิตบนโลก (ต่อ)

ตอนนี้พวกคุณกำลังนั่งอยู่ตรงช่วง 100,000 ปี (นับตั้งแต่ชาวกลุ่มดาวลูกไก่มายังโลกในครั้งกระโน้น)
พวกคุณเห็นไหมว่ามันยังเหลือเวลาอีกนานโขเลย ถ้าพวกคุณไม่ทำลายตัวเองไปซะก่อน
และชาวเลมูเรียก็สามารถเปลี่ยนแปลงมันได้ด้วย ซึ่งพวกเขาก็มาอยู่ที่นี่แล้วด้วย

พวกคุณยังมีเวลาพอสำหรับการลุกขึ้นมาให้ความร่วมมือ
และปรับตัวให้สอดคล้องกับการเจริญเติบโตด้านจิตวิญญาณในครั้งนี้

และชาวมายันก็ได้พยากรณ์เอาไว้ด้วย พลังงานของไกอาเอง
จะเริ่มเปลี่ยนระดับสูงขึ้นจริงๆในปี 2012 และวัฏจักรใหม่
ที่กินเวลายาวนานกว่า 1,000 ปีก็จะเริ่มขึ้น

มันจะเป็นวัฏจักรที่เอื้ออำนวยต่อการเจริญเติบโตด้านจิตวิญญาณของพวกคุณมากขึ้น
มากกว่าพลังงานของวัฏจักรที่พวกคุณเกิดมาซะอีก

มีคำถามถามมาตลอดว่า..

“ถ้าอย่างงั้น เมื่อไหร่พวกเราถึงจะได้พบกับพี่น้องของคุณหละ?”
“เมื่อไหร่ที่ชาวกลุ่มดาวลูกไก่ถึงจะกลับมาเยือนโลกอีกครั้งหละ?”

โอ..เรื่องนี้เราไม่คิดว่ามันจะเป็นเรื่องลึกลับอะไรสำหรับพวกคุณเลย

เพราะว่าพวกเขาก็มาเยือนพวกคุณเป็นประจำอยู่แล้ว
ซึ่งพวกคุณบางคนก็สามารถมองเห็นพวกเขาได้
แต่บางคนก็ไม่ พวกเขาไม่เคยมีแผนการร้ายอะไรต่อพวกคุณเลย

ที่รักทั้งหลาย เมื่อพวกเขามองดูพวกคุณ พวกเขามองดูด้วยความรัก
ที่ได้เห็นว่าสวนแห่งนี้มีความเจริญงอกงามเพียงใด

และถ้าหากว่าอารยธรรมของพวกคุณอยู่กันไปจนครบ 144,000 ปีได้แล้ว ในช่วงปลายๆของช่วงเวลานี้
พวกคุณก็จะเป็นเหมือนพวกเขานั่นแหละ

ดาวเคราะห์โลกของพวกคุณจะเป็นดาวเคราะห์อีกดวงหนึ่งที่รู้แจ้งแล้ว
และเป็นดาวเคราะห์อีกดวงหนึ่งที่มีคุณสมบัติต่างๆ
ของดวงอาทิตย์ศูนย์กลางอันยิ่งใหญ่
(The Great Central Sun)

…[ครายออนยิ้ม]...

……………..

 

ข้อความจากต่างมิติ – ประวัติของมนุษยชาติ โดย ครายออน

สื่อสารทางโทรจิตผ่านทางนาย Lee Carroll
วันที่ทำการสื่อสาร: เดือนสิงหาคม – กันยายน 2007
สถานที่: บนเรือ - แถบทะเลเมดิเตอเรเนี่ยนตะวันตก

ที่มา:

http://palungjit.org/threads/ข้อควา...ยชาติ-ข้อความสื่อสารจาก-ครายออน-kryon.276395/


ตอนที่ 20: ช่วงเวลาของชีวิตบนโลก (ต่อ)


และเรามีอะไรบางอย่างอีกที่อยากจะบอกพวกคุณ ซึ่งพวกคุณหลายคนอาจจะไม่อยากฟังนัก
ว่าถ้าคุณคนใดคนหนึ่งในห้องนี้ เป็นหนึ่งในชาวเลมูเรียจริงๆ พวกคุณก็กำลังจะได้ไปที่นั่นอีก!

ไปในที่ๆคุณจากมาหลายภพชาติแล้ว นั่นเป็นเพราะว่าพวกคุณรักดาวเคราะห์โลกใบนี้มากนั่นเอง

พวกเราได้เคยบอกพวกคุณหลายครั้งแล้วว่า ในฐานะที่เป็นมนุษย์คนหนึ่ง เมื่อพวกคุณมองดูตัวเองในกระจกเงา
แล้วพวกคุณก็พูดในใจว่า

“ฉันเหนื่อยเหลือเกินแล้ว ฉันจะไม่กลับมาที่นี่อีก” พวกคุณจะพูดว่า
“ฉันได้ทำภารกิจของฉันเสร็จเรียบร้อยไปแล้ว ฉันทำมามากพอแล้ว และฉันไม่ต้องการที่จะมาทำแบบนี้อีกแล้ว”

จากนั้นพวกคุณก็จะตัดสินใจไปตามแบบมนุษย์ๆที่ว่านั้น
แต่ในอีกด้านหนึ่ง ตัวตนของพวกคุณก็พูดกับพระผู้เป็นเจ้าว่า จะขอกลับมาใหม่อีกครั้งหนึ่ง

..มันน่าขำไหมหละ? …[ครายออนหัวเราะ]


พวกคุณทุกๆคนกำลังกลับมาใหม่อีกครั้งแล้ว นั่นแหละคือสิ่งที่พวกคุณทำ
พวกคุณไม่อาจรอคอยต่อไปได้อีกแล้ว คำว่า “ฉันเหนื่อยแล้ว” คือสิ่งที่ร่างมนุษย์นี้พูด

แต่สำหรับอีกฟากหนึ่งของชีวิต ที่อยู่ฝั่งโน้น
มันไม่มีหรอกนะคำว่าเหนื่อยแล้วหนะ
มันมีแต่ “ความเมตตากรุณา” เท่านั้น

การทดลองที่พวกคุณกำลังทำอยู่นี้ มันเป็นการทดลองเกี่ยวกับ
“ความเมตตากรุณา” ล้วนๆเลย


ปี ค.ศ.1987 ได้เกิดปรากฏการดาวเรียงกันครั้งใหญ่ ที่เรียกว่า Harmonic Convergence

ส่วนในปี ค.ศ. 2002 เป็นปีที่โครงข่ายแม่เหล็กโลกถูกปรับตั้งจนเสร็จสิ้นสมบูรณ์
และเป็นปีที่ “ประสบการณ์คริสตัลไลน์” (Crytalline experience) ได้เริ่มต้นขึ้น

ปี ค.ศ. 2004 เป็นปีที่เกิดสึนามิขึ้น และเป็นปีที่ดาวศุกร์ (Venus) โคจรผ่านโลกไป (transit)

ปี ค.ศ. 2012 จะเป็นปีที่ดาวศุกร์โคจรผ่านโลกอีกครั้งหนึ่ง


เหล่านี้คือเหตุการณ์ที่ทำให้เกิดการส่งผ่านพลังงานความเมตตากรุณาแห่งเพศหญิง เข้ามาสู่โลกใบนี้

หากพวกคุณค่อยๆรับเอามาและค่อยๆใช้พลังงานนี้อย่างช้าๆ พวกคุณก็จะสามารถ
เข้าไปสู่ยุคพลังงานใหม่ได้อย่างมั่นคง พลังงานนี้จะทำให้โลกใบนี้
ซึ่งขาดความสมดุลของความเมตตากรุณามานานแสนนานแล้ว เกิดความสมดุลขึ้นได้

..........................

 

ข้อความจากต่างมิติ – ประวัติของมนุษยชาติ โดย ครายออน

สื่อสารทางโทรจิตผ่านทางนาย Lee Carroll
วันที่ทำการสื่อสาร: เดือนสิงหาคม – กันยายน 2007
สถานที่: บนเรือ - แถบทะเลเมดิเตอเรเนี่ยนตะวันตก

ที่มา:

http://palungjit.org/threads/ข้อควา...ยชาติ-ข้อความสื่อสารจาก-ครายออน-kryon.276395/


ตอนที่ 21: (จบครับ)

“ครายออน หากคุณสามารถบอกได้ว่าตอนนี้พวกเรากำลังอยู่ตรงจุดไหน แล้วพวกเราจะทำอย่างไร?”


พวกคุณจะไม่ได้มาอยู่ที่นี่ และเดี๋ยวนี้ พร้อมกับการสื่อสารทางโทรจิตนี้
หากว่ามันไม่ใช่เพราะว่ามันถูกที่ ถูกเวลาของมันแล้ว

ในวันหนึ่งข้างหน้า หากพวกคุณหันกลับมามองย้อนหลัง
ดูประวัติศาสตร์ของพวกคุณเอง พวกคุณก็อาจจะเรียกช่วงเวลาในขณะนี้ว่า
“ยุคแห่งความมืดมิดของการรู้แจ้ง” ซึ่งพวกคุณบางคนก็รู้ดี


ช่วงนี้เป็นช่วงเวลาที่ประตูแห่งความเข้าใจด้านจิตวิญญาณ กำลังค่อยๆเปิดออกเรื่อยๆ

ต่อไปนี้คือคำศัพท์ที่อาจจะแปลได้ไม่ถูกต้องในทุกๆภาษาเสมอไป แต่ช่วงเวลาที่พวกคุณกำลังอยู่นี้
จะกลายเป็นที่รู้จักกันในวันข้างหน้า ในนามของ

“ยุคแห่งความขัดแย้งทางความเชื่อเรื่องพระเจ้าองค์เดียว” (The age of conflicting monotheism)

เพราะว่าทุกๆคนก็ยอมรับตรงกันว่ามีพระเจ้าเพียงองค์เดียว
แต่ก็ไม่มีใครยอมรับในพระเจ้าของใครเลย

นั่นแหละคือสิ่งที่พวกคุณจะต้องค้นหาคำตอบกันต่อไป และหากเพียงพวกคุณ
หันกลับไปมองย้อนดูประวัติศาสตร์ใดๆก็ได้ของพวกคุณเองอีกที แล้วดูว่าปัญหาต่างๆเหล่านั้น
มันถูกแก้ไขไปได้อย่างไร ปัญหานี้ก็เช่นกัน ก็จะถูกแก้ไขได้ด้วยวิธีนั้นๆเหมือนกัน


เราจะขอจบเพียงแค่นี้ก่อน บทสรุปของวันนี้คืออะไร เดี๋ยวเราจะบอกพวกคุณเอง

นั่นก็คือ “ความเมตตากรุณา” และ “ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน”

พวกคุณสามารถเผื่อแผ่แสงสว่าง (ความรู้สึกดีๆ สิ่งดีๆ น้ำใจ และ ฯลฯ ที่ดีๆ – ผู้แปล)
ออกไปให้แก่ผู้คนรอบข้างพวกคุณได้มากแค่ไหน?

พวกคุณสามารถส่งแสงสว่างไปให้คนอื่นๆที่กำลังอยู่บนเรือลำนี้ และกำลังต้องการมันอยู่ได้ไหม?
แม้ว่าคนเหล่านั้นจะไม่ได้มาร่วมอยู่ในการชุมนุมครั้งนี้ก็ตาม หรือแม้แต่ไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับพลังงานนี้เลยก็ตาม
หรือแม้แต่ไม่มีความเชื่อเรื่องพระเจ้าเลยก็ตาม

พวกคุณสามารถช่วยบรรเทาความทุกข์ใจของคนอื่นได้ไหม?
พวกคุณมีความสามารถที่จะจับมือพวกเขาไว้ด้วยแสงสว่างไหม?

เราอยากจะบอกบางอย่างกับพวกคุณว่า ระบบได้นำพาพวกเขามาที่นี่
ดังนั้น พวกคุณก็สามารถทำเช่นเดียวกันนี้ได้ด้วย พวกคุณยอมรับไหม?

ถ้างั้นก็เอาเลย ชาวเลมูเรียทั้งหลาย ลงมือทำเลย


ขอต้อนรับเข้าสู่ยุคพลังงานใหม่ (New Age)

และมันก็มีเช่นนี้แล

ครายออน

KRYON __________________

 

มารับอากาศบริสุทธิ์ตอนเช้า ครับ ขอบคุณข้อมูลดีๆ ครับ

 

นี่ก็อีกตัวอย่างหนึ่งครับ

ที่มา:

http://palungjit.org/threads/ข้อควา...่ของมนุษยชาติ-ไปสู่มิติที่-5-a.246190/page-53

.............................................................

บางส่วนของข้อความสื่อสารทางโทรจิตจาก Matthew Ward

เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2011
ผู้รับการสื่อสาร นาง Suzzane Ward

ที่มา:

http://www.galacticchannelings.com/e...w15-01.11/

ตอนที่ 7:



27). ตอนนี้ เทศกาลเฉลิมฉลองวันหยุด (ปีใหม่ และคริสต์มาส – ผู้แปล) ก็ได้ผ่านพ้นไปแล้ว
และกระแสความคิดของพวกคุณก็กลับเข้ามาสู่ภาระหน้าที่ตามปกติแล้ว
ความเข้าใจผิดมากมายเกี่ยวกับปี 2012 ก็กลับมาอีกครั้งด้วย

ความเชื่อหลายๆกระแสที่ว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ ที่จะนำพาไปสู่ยุคทองของโลก
ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ทัน ภายในระยะเวลาสั้นๆแค่ 2 ปีนี้ได้ ก็ยังคงอยู่ และก็กำลังมีอยู่เคียงคู่ไปกับความเชื่อที่ว่า
“ความมืด” ก็ยังจะมีอยู่ต่อไป จนกว่าจะถึงสิ้นปี 2012 แล้วเมื่อถึงตอนนั้นมันก็จะอันตรธานไปในฉับพลัน

บางกระแส ก็เชื่อเรื่อง “สามวันแห่งความมืดมิด” (three days of darkness)
บ้างก็เชื่อว่าจะมีเหตุการณ์ความพลิกผันครั้งใหญ่บางอย่างเกิดขึ้น
ซึ่งนั่นแหละจะเป็นการประกาศถึงการเริ่มต้นเข้าสู่ยุคทองของโลก

มีหลายคนเชื่อว่า มันจะมีการเปลี่ยนแปลงทางธรณีวิทยาครั้งยิ่งใหญ่เกิดขึ้น ก่อนที่โลกจะเข้าสู่มิติที่ 4

บางคนก็เชื่อว่า “โลกทั้งสอง” จะปรากฏตัวออกมาจากกระบวนการเลื่อนระดับขึ้น (Ascension) นี้

ส่วนอีกหลายคนก็เชื่อว่า การร่วมเดินทางไปพร้อมกับดาวเคราะห์โลก สู่ยุคทองนี้
เป็นการเจริญเติบโตด้านจิตวิญญาณขั้นสุดยอด

หลายคนเชื่อว่าภายหลังปี 2012 แล้ว โลกของพวกคุณจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงอีกแล้ว


28). เพราะว่าความเชื่อของพวกคุณ
คือผู้สร้างโลกแห่งความเป็นจริงของพวกคุณเอง
และความเชื่อมวลรวมทั้งหลายของพวกคุณเหล่านั้นแหละ
ที่จะไปสร้างโลกแห่งความเป็นจริงของพวกคุณให้เป็นไปตามนั้น

พวกคุณจำเป็นต้องรู้ “ความเป็นจริงระดับจักรวาล” ข้อนี้
ว่าสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นกับพวกคุณอยู่ในขณะนี้
และสิ่งที่รอคอยพวกคุณอยู่ในวันข้างหน้า
ล้วนแล้วแต่ถูกสร้างขึ้นมาจากความเชื่อของพวกคุณเองทั้งสิ้น

และเพื่อจะขับไล่ความเชื่อที่เกิดจากความเข้าใจทั้งหลายเหล่านี้ออกไป

พวกเราจะขอเริ่มต้นด้วยการ “รับประกัน” กับพวกคุณก่อนเลยว่า
การปฏิรูปที่มีความจำเป็นทั้งหมด ที่จะปลดปล่อยโลกของพวกคุณ
ออกจากเงื้อมมือของความมืด จะเสร็จสิ้นสมบูรณ์ภายในช่วงเวลา
และในระยะที่เหมาะสมด้วย

ไม่ใช่จะไปเสร็จสิ้นลงอย่างปุบปับ เอาตอนปลายปี 2012 เพียงครั้งเดียวแต่อย่างใดเลย


29). ก่อนที่ดาวเคราะห์โลกจะเข้าไปสู่ยุคทอง มันจะไม่มี
การเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ร้ายแรงอะไรเกิดขึ้นอย่างฉับพลันแบบนั้นหรอก
และวันสุดท้ายของปี 2012 ก็จะไม่ต่างอะไรกับวันแรกของปี 2013 เลย


30). แม้ว่าชายฝั่งทะเล จะค่อยๆรุกล้ำแผ่นดินเข้ามามากขึ้นอีกเล็กน้อย และพื้นที่ที่เป็นเกาะแก่งทั้งหลาย ที่อยู่ต่ำๆ
ก็จะเริ่มจมอยู่ใต้น้ำบ้างแล้วก็ตาม แต่มันก็จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรที่ร้ายแรงเกิดขึ้นกับแผ่นดินใหญ่ หรือทะเลทั้งหลายหรอก


31). ดาวเคราะห์โลก คือสิ่งมีชีวิตที่มีจิตวิญญาณอยู่ภายใน และเธอก็ไม่มีความจำเป็นแต่อย่างใดเลย
ที่จะต้องมีร่างกายใหม่เป็นร่างที่สอง


32). มนุษย์โลกทั้งหลาย จะยังคงวิวัฒน์ต่อไป จนกระทั่งพวกเขาจะสามารถกลับเข้าไปรวมกับ
ความเป็นหนึ่งเดียวของเอกภพ แห่งพระผู้สร้าง (Creator) ได้อีกครั้งหนึ่งแล้วโน่นแหละ
ซึ่งที่นั่น “จิตวิญญาณเป็นอมตะ” และ “จิตวิญญาณมีชีวิตตราบชั่วนิรันดร”


33). และไม่มีสิ่งใดเลยในจักรวาลนี้ที่อยู่นิ่งๆ เพราะการไร้ซึ่งการเปลี่ยนแปลงโดยสิ้นเชิง
มันขัดแย้งกับกฎทางวิทยาศาสตร์ ที่ควบคุมทุกๆสรรพชีวิตในจักรวาลนี้อยู่


..........................

 

บางส่วนของข้อความสื่อสารทางโทรจิตจาก Matthew Ward

เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2011
ผู้รับการสื่อสาร นาง Suzzane Ward

ที่มา:

http://www.galacticchannelings.com/e...w15-01-11.html

ตอนที่ 8: จบครับ

34). พวกเราอยากจะขอพูดถึงสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นให้พวกคุณฟังสักหน่อย
เพราะว่าถ้าตามนัยยะของกาลเวลาแบบที่เป็นเส้นตรงของพวกคุณแล้ว
มันเหลือเวลาอีกแค่ไม่นาน ก่อนที่โลกจะออกไปจากมิติที่ 3 นี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ

นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไม การเปลี่ยนแปลงในเฟสที่พวกคุณกำลังผ่านเข้าไปอยู่นี้
จึงจะเกิดขึ้นอย่างอึกทึกครึกโครม การเปลี่ยนแปลงต่างๆ
จะเกิดถี่ขึ้นและรวดเร็วขึ้น

พวกคุณจะตกอยู่ท่ามกลางผู้คนที่หวาดกลัว เพราะว่าระบบทุกๆระบบ ที่พวกเขาคุ้นเคย
จะสับสนอลหม่าน และล่มสลายลงไป

พวกคุณรู้แล้วว่า สิ่งเหล่านี้คือส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนรูปแบบของดาวเคราะห์โลก
และพวกคุณก็อยู่ที่นั่น เพื่อให้ความช่วยเหลือในกระบวนการนี้ โดยการเผชิญกับสถานการณ์ต่างๆ
ที่กำลังจะเกิดขึ้นอย่างสงบ

และพวกคุณก็สามารถช่วยบรรเทาความวิตกกังวลของผู้คน ที่ยังไม่เข้าใจว่า
ความวุ่นวายที่กำลังจะเกิดขึ้นเหล่านี้ จะนำพาไปสู่ “โลกที่ดีกว่าเดิม” ตามที่พวกเขาต้องการนั่นเอง


35). เมื่อเริ่มเข้าสู่ยุคทองแล้ว ก็ไม่ได้หมายความว่า ความรุ่งเรืองและความศิวิไลทั้งหมดของมัน
จะนั่งรอพวกคุณอยู่ที่ธรณีประตูหรอกนะ

จริงอยู่ ที่ทุกสิ่งทุกอย่างที่ถูกสร้างขึ้นมา ด้วยเจตนารมณ์อันชั่วร้ายของฝ่ายมืด
จะถูกกำจัดให้หมดสิ้นไป เมื่อยุคทองมาถึง ซึ่งนั่นจะทำให้สงคราม หรือการก่อความรุนแรงต่างๆไม่มีอีกต่อไปแล้ว

ความแร้นแค้นอดอยาก และโรคภัยไข้เจ็บ ก็จะไม่มีอีกต่อไปแล้ว มลภาวะ และการควบคุมจิตใจ
และการคอรัปชั่น จะไม่มีอีกต่อไปแล้ว

ความเป็นจริงที่จำเป็นทุกสิ่งทุกอย่าง ก็จะถูกเปิดเผย และเมื่อนั้นรัฐบาลทั้งหลาย, ระบบเศรษฐกิจ,
ระบบกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม, ระบบพลังงาน, ระบบการศึกษา,
ระบบการสื่อสาร และ ระบบขนส่ง ก็จะถูกปฏิรูปใหม่ทั้งหมดแล้ว

ทั้งหมดนี้ เป็นแค่ส่วนหนึ่งของรายการการเปลี่ยนแปลงทั้งหมด ที่กำลังจะเกิดขึ้น
และในปลายปี 2012 รายการทั้งหมดนี้ ก็จะยังไม่มีรายการใดที่เสร็จสิ้นสมบูรณ์แบบทั้ง 100% หรอก
เพราะว่ามันยังจะต้องมีการปรับแก้ในรายละเอียดปลีกย่อยต่อไปอยู่อีก ทั้งสำหรับรายการที่กล่าวมาแล้วนี้
และรายการอื่นๆที่ยังไม่ได้กล่าวถึงด้วย

ยิ่งเมื่อพวกคุณมีพัฒนาการด้านจิตวิญญาณ และมีภูมิปัญญาสูงขึ้นมากเท่าไหร่
พวกคุณก็จะยิ่งยินดีปรีดากับความก้าวหน้าเหล่านี้มากขึ้นเท่านั้นด้วย

(สำหรับผู้ที่มีคำถามเกี่ยวกับวิถีชีวิตที่จะเป็นในยุคทอง กรุณากลับไปอ่านในหน้าแรกๆของกระทู้นี้นะครับ
ที่ชื่อตอนว่า “เรียงความเกี่ยวกับปี 2012” โดย Matthew Ward – ผู้แปล)

36). ตอนนี้พวกเราต้องกล่าวคำอำลาพวกคุณไปก่อน แต่สำหรับข้อความตอนนี้เท่านั้นนะ
เพราะว่าไม่มีช่วงเวลาไหนเลย ในโลกแห่งจิตวิญญาณ ที่พวกเราอยู่ห่างจากพวกคุณ
พวกเราอยู่กับพวกคุณทุกๆฝีก้าว ที่กำลังก้าวไปสู่ยุคทองอยู่นี้

มิหนำซ้ำ พวกเรายังมองเห็นว่า พวกคุณได้มีชีวิตอยู่อย่างมีความสุข
ในโลกที่สวยสดงดงามของยุคนั้น เรียบร้อยแล้วด้วยซ้ำไป

_________________________
LOVE and PEACE
Suzanne Ward
Website: The Matthew Books __________________

 

ตาคนนี้พูดได้ดี แก้ตัวให้สำนักอื่นพร้อมปลูกฝังจิตสำนึกที่ดี

 

ผมละตามไม่ทันจริงๆครับ
มันเปลี่ยนไปเรื่อยๆ
ครั้งหนึ่งผมเคย อ่านเป็นการช่วยเหลือและอพยพ
แล้วบอกว่ามีแบลคลิส ไว้แล้วด้วยว่าใครจะไปใครจะอยู่
แล้วทำไมจู่เป็นแบบนี้ไปได้น้อ

 

จะยังไงก็ช่าง ยังเชื่อคำทำนายสายอาจารย์ในไทย ที่ยังไม่เกิดไม่ได้แปลว่าไม่เกืด การเปลี่ยนแปลงคงต้องมีการตายจะได้เป็นดรามาหน่อย คิดว่ามีฝ่ายกล่าวตู่จึงต้องมีฝ่ายค้าน

บางคนรอให้เจอเหตุการณ์จังๆก่อนแล้วจึงเชื่อ สำหรับผู้เฝ้าระวัง ขอจงอย่าเพิ่งท้อแท้ใจ ประมาณว่า "แตกตื่นเพราะการเตือนร้อยครั้งพันหน ยังดีกว่าหนึ่งครั้งหนเดียวแล้วตายหมดโดยไม่มีใครคอยเตือน"

และจงอย่าได้แปลกใจ หากมีการตายจากภัยพิบัติอันเนื่องมาจากการไม่เตรียมพร้อม ทั้งที่มีปรากฏการณ์ให้เห็นทุกวัน คงแล้วแต่เวรกรรมใครวิบากมัน

บางทีคนที่ไม่เชื่ออาจเป็นเพราะผีหรือมีบางสิ่งมาบดบังจิตใจก็เป็นได้

 

ไม่มีใครหนี(กฏแห่งกรรมไปได้) โดยเฉพาะ(กรรมหมู่) ยังไงมันก็ต้องเกิด แต่มักจะมาตอนที(เผลอ) เค้าถึงเรียกว่า (อุปฆาตกรรม-หมู่) "ผลของกรรม(ชั่ว)ที่ร่วมกันทำกรรม-ความชั่วเป็นหมู่เป็นเหล่า เป็นกรรมที่แรงมาก"

 

ยุคนี้เป็นยุคที่ต้องทันต่อข้อมูลข่าวสาร
แต่ทว่าข่าวสารนั้น กลับเป็นยาเกลี้ยกล่อมประสาทชั้นยอด ทำให้เสียดุลยภาพความทรงตัว
ทางจิตวิญญาณอันแท้ต่อ พุทธัง สรณัง คัจฉามิ, ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ, สังฆัง สรณัง คัจฉามิ
แม้ครั้งที่สอง แม้ครั้งที่สาม ด้วยความแน่ใจ

อดีตจึงเป็นประสบการณ์ชั้นเลิศ หากทวนเข้ามาที่ใจของตน
และยุคนี้จึงจะเป็นการปฏิวัติทางจิตวิญญาณ ให้หันเข้ามาใกล้พุทธศาสนามากขึ้น
ให้สมดังพุทธพจน์ "อัตตาหิ อัตโนนาโถ" จะไม่มีสิ่งอื่นใด นอกเหนือจากพระรัตนตรัย ไตรสรณคมน์เป็นหลักของจิต

 

มันก็ดีไม่ใช่เหรอคะ ที่ไม่เกิดขึ้น เพราะปัจจุบันเป็นเหตุให้อนาคตเกิด เพราะฉนั้นหากเหตุที่เราทำในปัจจุบันดีแล้ว(พลังงานด้านบวกมากขึ้น อย่างเช่นมีคนดีมากขึ้น)อนาคตมันก็ต้องดีตามเหตุ แต่หากเราทำเหตุเหมือนอย่างที่ผ่านๆมา แน่นอนว่าคำทำนายที่ได้ทำนายจากเหตุ ณ ตอนนั้นก็จะเกิดขึ้นได้แน่นอน ส่วนตัวของเราคิดว่า คำทำนายหรือการพยากรณ์นั้นเป็นเหมือนกระจกที่สะท้อนความคิดและการปฎิบัติของคนว่าคุณจะเลือกทางไหน หากคุณยังไม่เปลี่ยนเหตุ อนาคตคุณก็ต้องเจอแบบนั้นแน่นอน