ข้อความต่างมิติ-วิธีการชดใช้กรรมที่เร็วที่สุด

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย Chayutt, 8 กันยายน 2021.

  1. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    **วิธีการชดใช้กรรมที่เร็วที่สุด**

    99247265_3178413442208933_7465761545478209536_n.jpg
    (Credit the picture from the movie Novoland)

    "...วิธีการที่เร็วที่สุด..แต่ไม่ใช่วิธีการที่ง่ายที่สุดในการชดใช้กรรมของเรา..ก็คือ..แน่นอนว่ามันจะต้องไม่ใช่ในแบบที่ ภพชาติที่แล้วเธอเคยทำร้ายฉันเอาไว้ มาถึงชาตินี้ฉันก็เลยจะต้องทำร้ายเธอคืนบ้าง อะไรแบบนั้น

    เพราะว่าถ้าเป็นแบบนั้นหละก็ มันก็ยิ่งจะทำให้กงล้อแห่งกรรมหมุนเวียนต่อไปแบบไม่จบไม่สิ้นซะที

    เพราะฉะนั้น..ไม่ใช่เลย..มันไม่ใช่แบบนั้นเลย เพราะว่าวิธีการที่เร็วที่สุดในการชดใช้กรรมของเราก็คือ "การให้อภัย" หรือ "การอโหสิกรรม" ซึ่งกันและกัน

    แต่ฉันก็ไม่ได้บอกว่ามันเป็นวิธีการที่สามารถทำได้ง่ายๆหรอกนะ เพราะว่าความเจ็บปวดในบางครั้งมันก็สาหัสสากรรจ์ซะจนยากที่จะให้อภัยได้

    แต่ยังไงเสีย..เราก็ต้องให้อภัยอยู่ดี..มิหนำซ้ำยังจะต้องให้อภัยแบบหมดจิตหมดใจซะด้วย!..ไม่ให้เหลือเศษเสี้ยวของความอาฆาตพยาบาทใดๆเหลืออยู่เลยแม้แต่น้อย!

    แล้วจากนั้น เราก็ต้องหันมา "ให้อภัยตัวเราเอง" ด้วย! ซึ่งนี่ก็เป็นสิ่งที่ทำได้ยากที่สุดในชีวิตของคนเราอีกด้วยเหมือนกัน

    แต่ถ้าเราต้องการที่จะเป็นอิสระจากวิบากของกรรมจริงๆหละก็..และก็ไม่ต้องการที่จะกลับมาเกิดใหม่เพื่อชดใช้กรรมอีกครั้งหละก็..เราก็จะต้อง " ให้อภัย" ให้ได้เท่านั้น!!"

    "...และจงจำไว้ว่าการให้อภัยที่ว่านี้ ก็ไม่จำเป็นต้องเป็นการให้อภัยแบบที่จะต้องมาอยู่ต่อหน้ากันด้วยนะ

    ซึ่งเมื่อใดที่การให้อภัยอย่างแท้จริงและหมดจิตหมดใจเกิดขึ้นแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างก็จะเปลี่ยนไป..แต่มันอาจจะใช้เวลาซักระยะหนึ่งกว่าที่เราจะเริ่มสังเกตุเห็นการเปลี่ยนแปลงเล็กๆน้อยๆของมันได้

    แต่ว่ามันจะต้องมีอะไรเปลี่ยนแปลงอย่างแน่นอน แล้วทุกสิ่งทุกอย่างก็จะค่อยๆดีขึ้นตามลำดับ..."

    Ref: บางส่วนของหนังสือ The Convoluted Universe-3 โดย Dolores Cannon.
    ..................

    *หมายเหตุ:*

    1).วิธีการอโหสิกรรม : เราสามารถทำได้เองคนเดียวด้วยนะครับ ไม่ต้องไปเผชิญหน้ากับคนๆนั้นจริงๆก็ได้ และก็ได้ผลจริงๆซะด้วยนะครับ ไม่ใช่เรื่องเล่นๆเลย!!

    ซึ่งตามวิธีการที่ Dolores Cannon แนะนำเอาไว้ ก็คือ..โดยการทำสมาธิ แล้วจินตนาการถึงบุคคลๆนั้น แล้วพูดอย่างเปิดอกกับเขาทางจิตว่า :

    เราเหนื่อยแล้ว เราไม่ต้องการที่จะเล่นเกมแห่งกรรมนี้อีกต่อไปแล้ว ซึ่งถ้าเราเป็นฝ่ายผิด เราก็บอกเขาว่าบัดนี้เราสำนึกผิดแล้ว และเรารู้ว่าสิ่งที่เราเคยทำลงไปนั้น มันไม่ดี มันไม่ถูกต้อง มันเจ็บปวด แต่ตอนนี้เรารู้ตัวแล้ว เราขอขมาลาโทษ ได้โปรดอโหสิกรรมให้แก่เราด้วย อะไรแบบนั้น

    แต่ถ้าเราเป็นฝ่ายที่เขากำลังมาชดใช้กรรมให้กับเราอยู่ เราก็บอกเขาว่า เราเหนื่อยแล้ว เราพอแล้ว เราขอปลดปล่อยเธอไป ให้เป็นอิสระทุกสิ่งทุกประการตามแต่ใจเธอปราถนา ไม่ต้องมาผูกพันกับการชดใช้กรรมกับเราอีกต่อไปแล้ว จงกลับไปมีชีวิตที่งดงาม ที่มีความสุข และที่ทรงคุณค่าของเธอต่อไปเถิด..อะไรแบบนั้นครับ

    ให้ทำการขออโหสิกรรม และการให้อโหสิกรรมแบบนี้บ่อยๆ กับทุกผู้ทุกนามที่เกี่ยวข้องอยู่ในชีวิตเรานะครับ

    มาถึงตรงนี้ หลายๆคนก็จะเห็นจิ๊กซอแล้วใช่ไหมหละครับ ว่าทำไมในคำสอนทางศาสนา และของครูบาอาจารย์หลายท่าน ในทุกยุคทุกสมัยที่ผ่านมา จึงเน้นสอนให้เรารู้จัก "การให้อภัย" กันจังเลย

    2).มันมีกรณีตัวอย่างที่ Dolores ไปเจอในงานสกดจิตบำบัดแบบย้อนระลึกชาติของเธอ ที่เธอทำมาแล้วกว่า 30 ปี และทำกับลูกค้าของเธอหลายพันคน

    เธอพบว่า..กรรมที่ฆ่าคนอื่นตาย บ่อยครั้งมากๆที่การชดใช้กรรม จะเป็นการกลับมาเกิดเป็นสมาชิกในครอบครัวเดียวกัน โดยเฉพาะการกลับมาเกิดเป็นพ่อ-ลูก หรือ แม่-ลูกกัน โดยเฉพาะพวกพ่อเลี้ยงเดี่ยว หรือแม่เลี้ยงเดี่ยวทั้งหลาย

    เพราะว่าหลังจากที่เราได้ตายไปแล้ว เมื่อถึงขั้นตอนการทำ Life Review หรือการทบทวนบทเรียนชีวิตของภพชาติที่เพิ่งผ่านมานั้นของเรา เราก็จะรู้ตัวว่าเราได้ทำผิดไปแล้ว ดังนั้น เราจึงขอให้คู่กรณีของเราทุกคนกลับมาเกิดใหม่อีกครั้งหนึ่งกับเรา เพื่อที่เราจะได้มีโอกาสแก้ตัวใหม่อีกครั้งหนึ่ง

    ซึ่งเงื่อนไขของการกลับมาเกิดใหม่และการกลับมาแก้ตัวใหม่ดังกล่าวนี้ ก็จะถูกระบุเอาไว้ใน "พันธะสัญญาทางจิตวิญญาณ" หรือ Soul Contract ของเรา

    และเพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้เราได้ชดใช้กรรมกับคนๆนั้นอย่างเต็มที่ ส่วนใหญ่แล้วที่ Dolores เจอ ก็จะเป็นการกลับมาเกิดเป็นพ่อ-แม่-ลูกกันดังว่า

    ซึ่งมันจะสามารถชดใช้กรรมกันได้เต็มที่กว่ามาก ถ้าผู้เป็นพ่อหรือผู้เป็นแม่คนนั้น ต้องเลี้ยงดูลูกคนที่เขาต้องการมาชดใช้กรรมคนนั้นเองเพียงลำพังคนเดียว โดยไม่มีคู่สามีหรือภรรยามาช่วยเลย!

    และมิหนำซ้ำ ถ้ากรรมของเราหนักมากขึ้นมาอีกหน่อย ลูกของเราคนนั้น ก็อาจจะแสดงบทบาทที่ทำแต่ความเดือดเนื้อร้อนใจมาให้เราตลอดเวลาก็เป็นได้!! ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่ดี

    เพราะอย่าลืมว่า..ที่เขาต้องมาเกิดเป็นลูกของเราในภพชาตินี้ และที่เขาต้องมารับแสดงบทบาทนี้ ก็เพื่อเปิดโอกาสให้เราได้ชดใช้กรรมของเรานั่นเอง ทั้งๆที่เขาไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้ก็ได้ด้วย

    ดังนั้น ก็จงอย่าไปโทษเขานะครับ แต่ตรงกันข้าม..เมื่อเข้าใจแบบนี้แล้ว จงรักเขาอย่างไร้เงื่อนไข ไม่ว่าเขาจะเป็นอย่างไรก็ตาม และจงทำสมาธิและอธิษฐานจิตขออโหสิกรรมจากเขาอยู่เนืองๆ ให้กรรมที่แล้วๆมาจงเป็นโมฆะกรรมต่อกัน จงเป็นอิสระต่อกัน จงเหลือแต่ความรัก-ความเมตตากรุณา และความปราถนาดีต่อกันแทน

    3).ในกรณีอื่นๆก็คล้ายๆกัน..ซึ่งเท่าที่ Dolores เจอมาตลอดเวลา 30 ปีในการทำงานของเธอนี่ มันไม่มีเลยที่จะต้องลงไปชดใช้กรรมในขุมนรกขุมไหน และมันก็ไม่มีเลยที่พระเจ้าจะคอยลงทัณฑ์เราอยู่อย่างโหดเหี้ยม ทารุน และซาดิส อย่างที่บางศาสนาสอนเอาไว้

    เพราะว่าพระเจ้า และสิ่งศักดิ์สิทธิ์เบื้องบน คือผู้ที่มีจิตใจสูงส่งดีงาม และเต็มเปี่ยมไปด้วยความรักและความเมตตากรุณา เกินกว่าที่เราจะจินตนาการได้ พวกท่านจึงไม่มีวันที่จะมาตัดสินชี้ถูกผิดให้เราอย่างแน่นอน จะนับประสาอะไรกับการลงโทษทัณฑ์ที่ซาดิสและป่าเถื่อนออกปานนั้น

    ที่ผมกล่าวมานี้ ผมเอามาจากประสบการณ์กว่า 30 ปีที่ Dolores Cannon พบมานะครับ และก็เอามาจากข้อความจากต่างมิติทั้งหลาย ที่ผมแปลและคลุกคลีมากว่า 10 ปีด้วยนะครับ ซึ่งมันตรงกันหมดทั้ง 100% ในเรื่องนี้

    4).ในงานสกดจิตแบบย้อนระลึกชาติของ Dolores นั้น มันมีเรื่องของ การเกิดเป็นสัตว์ และเป็นต้นไม้ เป็นหิน เป็นพลังงาน บนดาวเคราะห์โลกดวงนี้ด้วยนะครับ แต่ก็ไม่ใช่ในแบบที่พุทธสอนไว้ซะทีเดียว

    เพราะว่า Dolores พบว่า ในภพชาติแรกๆที่พวกเราลงมาเกิดบนดาวเคราะห์โลกดวงนี้นั้น ถ้าพวกเราคนใด ลงมาเกิดตั้งแต่สมัยที่โลกเพิ่งถือกำเนิดใหม่ๆนั้น หลายคนก็จะมาเกิดเป็นพลังงาน หรือเป็นเมฆ หรือเป็นหมอก หรือเป็นลาวา หรือเป็นอากาศ หรือเป็นหิน ที่เปลี่ยนแปลง-เคลื่อนคล้อยไปตามวัฏจักรในการก่อกำเนิดของโลก

    แล้วหลังจากนั้น เราถึงจะขยับขึ้นไปเกิดเป็นสิ่งมีชีวิตชนิดอื่นๆที่สูงขึ้นไปอีกทีละขั้นๆ จนครบทุกชนิดของสิ่งมีชีวิตที่มีอยู่บนโลกโน่นแหละครับ แล้วจากนั้น ค่อยมาเกิดเป็นมนุษย์ในท้ายที่สุด

    แต่ว่า..ในความเป็นจริงแล้ว กาลเวลาไม่มีอยู่จริง ดังนั้น ในสายตาของจักรวาลแล้ว มันจึงไม่มีภพชาติไหนอยู่ก่อน-อยู่หลังเลย เพราะว่าทุกๆภพชาติมันดำรงอยู่พร้อมๆกันหมดเลย ที่นี่ และเดี๋ยวนี้

    และมิหนำซ้ำ พลังงานแก่นแท้ที่เป็นจิตวิญญาณของพวกเราทุกคน ก็ดำรงอยู่เหนือช่องว่างและกาลเวลาด้วย และก็เป็นหนึ่งเดียวกับทุกสรรพสิ่งอยู่ตลอดเวลาอยู่แล้วด้วย ดังนั้น การจะเรียกว่าลงมาเกิด อย่างที่มนุษย์เข้าใจนั้น มันก็เลยยังไม่ถูกต้องซะทีเดียวนัก เพราะว่ามันซับซ้อนและเข้าใจยากกว่านั้นอีกนะครับ

    แต่อย่างไรก็ตาม..ถ้าเอาตามแบบที่เป็นเส้นตรงที่มนุษย์จะสามารถเข้าใจได้ง่ายๆหละก็..ก็เอาตามที่ว่ามาแล้วนั่นแหละนะครับ

    แต่อย่างไรก็ตาม..ผมยังไม่เจอเลยนะครับว่า..หลังจากที่มาเกิดเป็นมนุษย์แล้ว เราจะย้อนกลับไปเกิดเป็นสัตว์และพืชพวกนั้นอีก เพราะว่ามันไม่จำเป็นแล้ว

    เพราะว่าเมื่อมีกรรมอันใดเกิดขึ้นต่อมนุษย์ด้วยกัน เราก็จะตกลงกันเองในระดับจิตวิญญาณ เพื่อวางแผนและทำพันธะสัญญาทางจิตวิญญาณกันว่า จะลงมาแสดงละครกันใหม่อีกครั้ง เพื่อให้โอกาสในการชดใช้กรรมต่อกัน

    5).ทั้งหมดทั้งสิ้นนี้ มันคือการลงมาเรียนรู้ร่วมกัน ผ่านบทละครชีวิตที่เป็นมายาการในมิติที่ 3 นี้ ซึ่งแน่นอนว่ามันไม่มีอะไรที่จริงเลย

    และกรรมใด หรือข้อสอบใดก็ตาม ที่เราสอบไม่ผ่าน เราก็จะต้องกลับมาสอบใหม่อีกครั้ง ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ผ่านการเวียนว่ายตายเกิดอยู่นี่แหละ จนกว่าเราจะสอบผ่านให้ได้โน่นแหละครับ

    โดยเฉพาะในยุคพลังงานใหม่นี้ ที่ดาวเคราะห์โลกและมวลหมู่มนุษยชาติ กำลังจะเลื่อนระดับความสั่นสะเทือนขึ้นไปสู่มิติที่ 5 แล้วนี้ จะไม่มีมนุษย์คนไหนเลยที่จะสามารถหอบหิ้วเอาพลังงานลบ และพลังงานกรรมเก่าๆติดตัวไปด้วยได้ เพราะมันจะต้องถูกชำระให้หมดไปทั้ง 100% ในภพชาตินี้เท่านั้น!!

    ไม่งั้น ปริมาณแสงสว่างของเรา และความสั่นสะเทือนของเรา ก็ไม่อาจยกระดับขึ้นจนไปถึงเป้าหมายปลายทางของเราได้ ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้น เราก็จะเป็นอีกคนหนึ่ง ที่พลาดเที่ยวบินนี้เหมือนคนอื่นๆอีกหลายล้านคน ที่ก็กำลังจะพลาดเที่ยวบินนี้ด้วยเหมือนกัน

    #ปล.1:

    โปรดใช้วิจารณญาณในการรับรู้ข้อมูลเอาเองนะครับ ผมแค่เอาข้อมูลมาแชร์ให้อ่านเฉยๆครับ สุดแท้แต่ท่านเองเลยนะครับ

    Chayutt Naowarat
    Date: 26/05/20
    ..............................

    #Facebook: Chayutt Naowarat https://web.facebook.com/chayutt.deejaroen
    #เพจขายหินออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย: Alchemistic Power of Stones (https://facebook.com/chayutt.naowarat)
    #ฝากกระทู้เกี่ยวกับหินด้วยนะครับ http://Alchemistic.2.vu/AlchemisticHere
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 กันยายน 2021

แชร์หน้านี้

Loading...