ความเชื่อหลังความตาย !

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย ยายทองประสา, 29 กุมภาพันธ์ 2008.

?
  1. เชื่อว่าตายแล้วสูญ (คนเราเกิดหนเดียว ตายหนเดียว)

    0 vote(s)
    0.0%
  2. เชื่อว่าตายแล้วไม่สูญ (ยังมีภพชาติหน้ารออยู่ สำหรับผู้ที่ยังมีกิเลส)

    0 vote(s)
    0.0%
  3. ยังไม่ปักใจเชื่อ, ไม่แน่ใจ, ไม่รู้สิ, ไม่ทราบเหมือนกัน และอื่นๆ

    0 vote(s)
    0.0%
  1. ยายทองประสา

    ยายทองประสา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    805
    ค่าพลัง:
    +3,069
    ความเชื่อหลังความตาย

    คุณมีความเชื่อเรื่องราวหลังความตายอย่างไร
    ตายแล้วสูญ ? ตายแล้วไม่สูญ !


    ความเชื่อ เป็นสิทธิส่วนบุคคล บางคนชื่อในพระเจ้า บางคนเชื่อในพระอัลเลาะห์ บางคนเชื่อในเทพเจ้าผู้ศักดิ์สิทธิ์ มีฤทธิ์บันดาลความสุขและความสำเร็จได้ บางคนเชื่อมั่นในความดี... ฯ​

    ในครั้งหนึ่งมีโพลต์ เรื่องความเชื่อหลังความตาย ลงในหนังสือพิมพ์ ผมจำได้ว่าเขาได้สำรวจความเห็นของพระในเขตภาคเหนือ เชื่อหรือไม่ว่ามากกว่าครึ่งเชื่อว่าตายแล้วสูญ เป็นโพลต์ที่น่าตกใจ หรือไม่น่าตกใจดี ... ?!​

    ในฐานะพุทธศาสนิกชน คุณมีความเชื่อเช่นใรกับชีวิตหลังความตาย..
    ระหว่าง

    1. เชื่อว่าตายแล้วสูญ (คนเราเกิดหนเดียว ตายหนเดียว)

    2. เชื่อว่าตายแล้วไม่สูญ (ยังมีภพหน้ารออยู่ สำหรับผู้ที่ยังมีกิเลส)

    3. ยังไม่ปักใจเชื่อ, ไม่แน่ใจ, ไม่รู้สิขอคิดดูก่อน, ไม่ทราบเหมือนกัน และอื่นๆ

    (good) พวกเราชาวพลังจิตมาโหวตกันเถอะครับ(good) ​
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 กุมภาพันธ์ 2008
  2. Wisdom

    Wisdom ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    1,669
    กระทู้เรื่องเด่น:
    11
    ค่าพลัง:
    +26,542
    เชื่อว่าตายแล้วไม่สูญ (ยังมีภพชาติหน้ารออยู่ สำหรับผู้ที่ยังมีกิเลส)
    1 โหวต.
     
  3. มหาหินทร์

    มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    21,454
    ค่าพลัง:
    +181,786
  4. ธ.เธียรไท

    ธ.เธียรไท เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    612
    ค่าพลัง:
    +1,735
    2. เชื่อว่าตายแล้วไม่สูญ (ยังมีภพหน้ารออยู่ สำหรับผู้ที่ยังมีกิเลส)
     
  5. ธ.เธียรไท

    ธ.เธียรไท เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    612
    ค่าพลัง:
    +1,735
    1. เชื่อว่าตายแล้วสูญ (คนเราเกิดหนเดียว ตายหนเดียว)
    ในข้อ1.เป็นคิดขอคนประมาทเพราะท่าคิดอย่างนี้เราจะไม่ทำความดี
    จึงได้ชื่อว่าเป็นผู้ประมาท
     
  6. TSAR

    TSAR เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    96
    ค่าพลัง:
    +472
    อันนี้ก็เป็นความเชื่อของผมเหมือนกันครับ(ตามที่บอกความเชื่อเป็นสิทธิของบุคคล) ความเชื่อเองมีทั้งระยะเวลาอันสั้นและระยะยาวครับระยะสั้นอาจเกิดจากปัจจัยในขณะนั้นทำให้เกิดเช่นพนักงานขายสร้างneed ให้ลูกค้าบางทีก็ได้ของดีโดยอาจจะฟลุ๊คหรือตัดสินใจโดยรอบคอบแล้วหรือถ้าได้ของไม่ดีก็โทษอย่างนั้นอย่างนี้โดยไม่ดูตัวว่าพิจารณาไม่ดีเองอาจจะใช้อารมณ์หรืออื่นๆตัดสินส่วนระยะยาวคือมีอะไรพิสูจน์หรือเป็นอย่างนั้นไม่เปลี่ยนแปลง<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ซึ่งบางครั้งก็ต้องดูคำถามว่าเชื่อแบบไหนครับ<O:p</O:p

    อย่างข้อ1. @ผมมีความเชื่อว่าซีกโลกฝั่งตะวันตกมีความเชื่อว่าเกิดมาชีวิตหนึ่งต้องดำเนินชีวิตให้มีความสุขมากที่สุดคืออาจจะไม่ได้เกิดอีกหรืออาจจะเป็นอย่างอื่นไปแล้วความสุขของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกันบางคนมีความสุขกับครอบครัวบางคนมีความสุขกับการงานและการเงินหรือบางคนมีความสุขจากกิเลสทั้งปวงแต่ก็เหมือนเดิมครับในส่วนนั้นก็ยังมีความเชื่อเรื่องกรรมอยู่<O:p</O:p
    @ เรื่องของเทพเจ้าบางเรื่องบอกถึงการลงมาแก้ปัญหาของเทพเช่นครั้งที่พระนารายณ์ลงมาเกิดเป็นมนุษย์เพื่อแก้ไขปัญหาบางอย่างแล้วก็กลับไปหรือความเชื่อในเรื่องเทวดาที่บอกว่าลงมาใช้กรรมจนถึงวัยเบญจเพสแล้วกลับไปหรือว่าในศาสนาอื่นๆที่กล่าวในลักษณะที่ใกล้เคียงกัน<O:p</O:p
    @ เกจิอาจารย์บางรูปท่านก็มีความเชื่ออย่างนั้นเช่นหลวงปู่มั่นตอนวัยเด็กท่านก็ได้ฝันว่าได้ขึ้นไปเดินบนท่อนไม้ที่เหี่ยแห้งไม่สามารถเจริญงอกงามได้อีกและได้ขี่ม้าขาวไปยังตู้ใบหนึ่งยังไม่ทันเปิดเลยตื่นขึ้นมาก่อนท่านมีความเชื่อในชาตินี้ว่าคงเหลืออีกชาตินี้ต้องปฏิบัติให้ถึงหรือเกจิท่านอื่นๆเช่นหลวงปู่แหวนท่านก็ได้กล่าวคล้ายๆกันความเชื่อลักษณะนี้น่าจะเป็นที่ว่าชาติก่อนๆหรืออาจจะไม่มีแต่พอชาตินี้จบตรงนี้จบจากกิเลสทั้งปวง<O:p</O:p
    @ หรือถ้าใครมองแบบปรมัตถ์คือสิ่งทั้งหลายเกิดขึ้นและตั้งอยู่ได้ด้วยการรวมกลุ่มของเหตุปัจจัยเพียงขณะหนึ่งเท่านั้นแล้วก็สลายตัวไปไม่มีอะไรเกิดขึ้นนอกจากปัจจัยไม่มีอะไรสลายไปนอกจากการสลายไปของปัจจัย
    คือบางคนมองคนที่มีลมหายใจก็พบว่าสูญอยู่แล้วหรือถ้าลึกไปกว่านั้นก็จะพบอย่างอื่น<O:p</O:p

    ที่สำรวจพบว่า "ในครั้งหนึ่งมีโพลต์เรื่องความเชื่อหลังความตายลงในหนังสือพิมพ์ผมจำได้ว่าเขาได้สำรวจความเห็นของพระในเขตภาคเหนือเชื่อหรือไม่ว่ามากกว่าครึ่งเชื่อว่าตายแล้วสูญเป็นโพลต์ที่น่าตกใจหรือไม่น่าตกใจดี ... ?!" จึงไม่น่าแปลกใจเลยครับ คืออาจจะเป็นความเชื่อในข้อ 2. มาก่อนแล้วมาจบที่ข้อ1.<O:p></O:p>
    <O:p</O:p

    ส่วนความเชื่อในข้อ2. ผมก็เชื่อครับเพราะผมยังมีกิเลสอยู่ เกี่ยวกับเรื่องภพเรื่องภูมิแม้กระทั่งเมืองลับแลลับไม่สามารถปรากฏได้แลการมองคือเป็นเมืองที่มองไม่เห็นแต่ถ้าปฏิบัติดีปฏิบัติชอบแล้วไม่ต้องไปเสาะหาจะมาให้เห็นเองแต่ต้องวางขันธ์5 ให้ได้หรือภพภูมิอื่นๆเช่นเจ้าภูมิเจ้าที่ที่ยังไม่ใช่วิมุตติก็ยังเวียนว่ายตายเกิดและมีความทุกข์เช่นเดียวกันกับมนุษย์ถ้ายังไม่ละเอียดพอยิ่งละเอียดมากก็ยิ่งดีและละเอียดที่สุดก็จะไปเป็นข้อ1.
    <O:p</O:p
    ส่วนข้อ3. พระพุทธเจ้าเองก็ได้ตรัสในลักษณะที่ไม่ให้เกิดความเชื่อได้ง่ายจนกว่าจะลึกซึ้งหรืออบรมดีแล้วและได้เห็นได้ปฏิบัติ

    คือว่า ผมเชื่อว่ามีนิพพานครับ<O:p</O:p<O:p</O:p

    ความเชื่อถ้าเชื่อในเรื่องถูกต้องและทำในสิ่งถูกต้องยิ่งทำให้เกิดผลเร็วซึ่งต้องอาศัยเหตุปัจจัยด้วย
    <O:p</O:p
    ข้อความข้างบนเป็นความเชื่อของกระผม<O:p</O:p
    ถ้ามีข้อความที่ไม่ถูกต้องหรือใช้ศัพท์ไม่ถูกต้องโปรดขออภัยและขออโหสิกรรม <O:p</O:p
    ซึ่งท่านผู้รู้ผ่านมาโปรดชี้แนะด้วยขอบคุณครับ<O:p</O:p
    <O:p</O:p


    นะโมตัสสะภะคะวะโตอะระหะโตสัมมาสัมพุทธัสสะฯ
    นะโมตัสสะภะคะวะโตอะระหะโตสัมมาสัมพุทธัสสะฯ
    นะโมตัสสะภะคะวะโตอะระหะโตสัมมาสัมพุทธัสสะฯ
    <O:p</O:p
    สัพพังอะปะราธังขะมะถะเมภันเต
    อุกาสะทวารัตตะเยนะกะตัง
    สัพพังอะปะราธังขะมะถะเมภันเต

    อุกาสะขะมามิภันเต <O:p</O:p
    <O:p</O:p

    ด้วยใจก็ดีด้วยวาจาก็ดีด้วยกายก็ดี

    กรรมอันในที่ข้าพเจ้าได้ประมาทพลาดพลั้งต่อพระพุทธพระธรรมพระสงฆ์

    ทั้งต่อหน้าก็ดีทั้งลับหลังก็ดีทั้งเจตนาก็ดีไม่เจตนาก็ดี
    ขอพระพุทธพระธรรมพระสงฆ์จงงดโทษล่วงเกินจงงดโทษล่วงเกินอันนั้นให้แก่ข้าพเจ้า
    ผู้มีสติปัญญาน้อยด้วยเทอญ<O:p</O:p
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 มีนาคม 2008
  7. ผู้หญิงธรรมดา

    ผู้หญิงธรรมดา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2008
    โพสต์:
    1,122
    ค่าพลัง:
    +535
    2. เชื่อว่าตายแล้วไม่สูญ (ยังมีภพหน้ารออยู่ สำหรับผู้ที่ยังมีกิเลส)
    จ้า
     
  8. คนมีกิเลส

    คนมีกิเลส เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    3,973
    ค่าพลัง:
    +19,431
    ตายแล้วสูญ เป็นมิจฉาทิฎฐิ
     
  9. เฮียปอ ตำมะลัง

    เฮียปอ ตำมะลัง ทุกสิ่งจบสิ้นลงด้วยความตาย วุ่นวายทำไม ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    24,969
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +91,130
    เชื่อว่าตายแล้วไม่สูญ (ยังมีภพหน้ารออยู่ สำหรับผู้ที่ยังมีกิเลส)


    ขออนุโมทนา สาธุ
     
  10. บัณฑิต ธัมโม

    บัณฑิต ธัมโม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    266
    ค่าพลัง:
    +396
    ขออนุโมทนากับกระทู้และผู้ร่วมแสดงความคิดเห็นครับ
    วันนี้มี และ วันพรุ่งนี้ก็มี
     
  11. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,197
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    ตายแล้วสูญแน่นอน ใครจะทำไม.
     
  12. MBNY

    MBNY Administrator ทีมงาน Administrator

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2003
    โพสต์:
    6,860
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +22,504
    <TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=alt1 width="50%">เชื่อว่าตายแล้วไม่สูญ (ยังมีภพชาติหน้ารออยู่ สำหรับผู้ที่ยังมีกิเลส) </TD><TD class=alt2 width="50%"> [​IMG][​IMG] </TD><TD class=alt1 title=Votes align=middle>20</TD><TD class=alt2 noWrap align=right>100.00%</TD></TR></TBODY></TABLE>

    อนุโมทนาด้วยค่ะ
     
  13. ปิยธรรมโม

    ปิยธรรมโม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    473
    ค่าพลัง:
    +349
    เชื่อว่าตายแล้วไม่สูญ (ยังมีภพหน้ารออยู่ สำหรับผู้ที่ยังมีกิเลส);)
    ยืนยันตามพระไตรปิฎกครับ!!
    สาธุ สาธุ สาธุ[​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  14. dhammadasa

    dhammadasa Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2008
    โพสต์:
    679
    ค่าพลัง:
    +69
    คำตอบที่ให้มันมีไม่ครบนี่ครับ
    มันต้องมีอย่างน้อยอีก 1 ข้อ คือ "ตายแล้วสูญ หรือไม่สูญ ไม่ใช่เรื่องสำคัญ และไม่ใช่เรื่องที่เราต้องใส่ใจ"

    เพราะทุกอย่างมันเป็นปัจจัยการ ถ้ามันมีเหตุครบตามปัจจัย มันก็เกิดมาอีก แต่ถ้ามันไม่มีเหตุครบตามปัจจัย มันก็ไม่เกิดมาอีก

    ผมคิดว่าที่เราต้องให้ความใส่ใจในการศึกษาธรรมะของพระพุทธเจ้าก็คือการตัดเหตุปัจจัยต่างๆ ที่จะมาพบกัน เท่านั้น ที่เหลือมันไม่ใช่คำถามอีกต่อไป เนื่องจากมันไม่มีเหตุให้เกิด

    เหมือนกับมีน้ำสบู่ในชาม หากเป่าลมผ่านเข้าไป มันก็เกิดเป็นฟอง

    เมื่อฟองเดิมแตกไปแล้ว:

    จะบอกว่ามันไม่เกิดฟองใหม่อีก มันก็ไม่ใช่ หากเราเป่าลมเข้าไป ปัจจัยครบ มันก็เกิดฟองอีก

    จะบอกว่ามันต้องเกิดฟองใหม่อีก มันก็ไม่ใช่ หากเราไม่เป่าลมเข้าไป ปัจจัยมันก็ไม่ครบ มันก็ไม่เกิดฟองอีก

    แต่หากจะบอกว่า "มันไม่เกิดฟองใหม่อีก นั้นเป็นเรื่องผิด" ก็ไม่ถูก เพราะหากไม่เป่าลมเข้าไป ปัจจัยมันก็ไม่ครบ มันก็ไม่เกิดฟองอีก

    และหากจะบอกว่า "มันต้องเกิดฟองอีก นั้นเป็นเรื่องผิด" ก็ไม่ถูกอีก เพราะหากเราเป่าลมเข้าไป ปัจจัยมันครบ มันก็เกิดฟองอีกได้เช่นกัน

    หากเรายังวนเวียนอยู่ทั้งสี่ทิษฎินี้ เราก็ยังเถียงกันอยู่ไม่สิ้นสุด คนโน้นก็ชี้ว่าคนนี้ผิด คนนี้ก็ชี้ว่าคนโน้นผิด

    แต่ถ้าหากเราเอาน้ำสบู่ออกไปเททิ้ง อันนี้ไม่ต้องสงสัยอีกต่อไปว่าจะเกิดฟองสบู่อีกหรือไม่

    เจ้าของกระทู้ตั้งกระทู้เพื่อยืนยันทิษฎิใดทิษฎิหนึ่งของตนเอง โดยไม่รู้ตัวอยู่หรือเปล่าครับ?
     
  15. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,197
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    อนุโมทนา คุณไฟสถิตย์ ครับ

    คุณมีความเป็นกลาง มีปัญญาเข้าใจ อิทัปปัจจยตา.

    อย่างนี้ค่อยคุยกันได้ ครับ.
     
  16. อดุลย์ เมธีกุล

    อดุลย์ เมธีกุล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2007
    โพสต์:
    7,363
    ค่าพลัง:
    +11,794
    ถ้ายังมีเหตุมีปัจจัยก็ยังต้องมีความเกิด หมดเหตุหมดปัจจัยก็...............

     
  17. tassanai_k

    tassanai_k เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    885
    ค่าพลัง:
    +3,518
    ข้อ ๒. เช่นกันครับ
     
  18. dhammadasa

    dhammadasa Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2008
    โพสต์:
    679
    ค่าพลัง:
    +69

    ศิษย์พระพุทธเจ้านี่ครับ ไม่ใช่ศิษย์อาจารย์สายใดๆ
    สายโน้นเขาก็มีความเชื่ออย่างหนี่ง สายนี้เขาก็มีความเชื่ออีกอย่างหนึ่ง

    แต่พระพุทธเจ้าท่านเป็นนักเดินทางสายกลางชั้นเยี่ยม
    ใครจะว่าตอบคลุมเครือก็ไม่เห็นเป็นไร ความรู้เรายังน้อย ตอบอย่างที่พระพุทธเจ้าท่านสอนให้ตอบดีที่สุด รับรองไม่ผิด ;)

    ชาณุสโสณีพราหมณ์ ได้เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาค แล้วทูลถามว่า "ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ! สิ่งทั้งปวง มีอยู่หรือหนอ?"

    พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า "พราหมณ์! คำกล่าวที่ยืนยันลงไปด้วยทิฏฐิว่า"สิ่งทั้งปวง มีอยู่" ดังนี้: นี้ เป็นส่วนสุด (มิใช่ทางสายกลาง) ที่หนึ่ง".


    "ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ ! ก็สิ่งทั้งปวง ไม่มีอยู่หรือ?"
    พราหมณ์! คำกล่าวที่ยืนยันลงไปด้วยทิฏฐิว่า "สิ่งทั้งปวง ไม่มีอยู่" ดังนี้: นี้ เป็นส่วนสุด (มิใช่ทางสายกลาง) ที่สอง.


    พราหมณ์! ตถาคต ย่อมแสดงธรรมโดยสายกลาง ไม่เข้าไปหาส่วน สุด
    ต่อจากนั้นก็ทรงแสดงกระแสแห่งปฏิจจสมุปบาท

    อีกเรื่อง

    ปริพพาชกวัจฉโคตรเข้าไปทูลถามว่า อัตตา มีหรือ ? ทรงนิ่งเสีย, ทูลถามว่า อัตตา ไม่มีหรือ? ก็ทรงนิ่งเสีย, ปริพพาชกนั้นได้ลุกหลีกไป.

    พระอานนท์กราบทูลถามถึงเหตุที่ทรงนิ่งเสีย, ได้ตรัสตอบดังนี้ว่า


    อานนท์! เรา, เมื่อถูกวัจฉโคตตปริพพาชกถามว่า "อัตตา มีหรือ ?" ถ้าตอบว่า "อัตตา มี" มันก็จะไปตรงกันกับสัสสตทิฏฐิของสมณพราหมณ์บางพวก, เมื่อถูกถามว่า "อัตตาไม่มีหรือ?", ถ้าตอบว่า "อัตตา ไม่มี" ก็จะไปตรงกันกับอุจเฉททิฏฐิของสมณพราหมณ์บางพวกเข้าอีก.


    อานนท์ ! ถ้าตอบว่า "อัตตา มี" มันจะเป็นการอนุโลมเพื่อให้เกิดญาณ ว่า "สัพเพ ธัมมา อนัตตา" ดังนี้บ้างหรือหนอ? "ข้อนั้น หามิได้ พระเจ้าข้า!"


    อานนท์ ! ถ้าตอบว่า "อัตตา ไม่มี" ก็จะทำให้วัจฉโคตตปริพพาชกผู้หลงใหลอยู่แล้ว ถึง ความงงงวยหนักยิ่งขึ้นไปอีกว่า อัตตาของเราในกาลก่อน จักได้มีหรือว่าได้มีแล้ว เป็นแน่นอน, บัดนี้ กลายเป็นว่าอัตตานั้นไม่มี ดังนี้.

    ต่อจากนั้นก็ทรงแสดงกระแสแห่งปฏิจจสมุปบาท
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 1 มีนาคม 2008
  19. dhammadasa

    dhammadasa Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2008
    โพสต์:
    679
    ค่าพลัง:
    +69
    แถมให้อีกเรื่องครับ

    "ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ! สิ่งทั้งปวง มีอยู่หรือ?"
    พราหมณ์! คำกล่าวที่ยืนยันลงไปด้วยทิฎฐิว่า "สิ่งทั้งปวง มีอยู่" ดังนี้ : นี้ เป็นลัทธิโลกายตะชั้นสุดยอด.

    "ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ! ก็สิ่งทั้งปวง ไม่มีอยู่หรือ?"
    พราหมณ์! คำกล่าวที่ยืนยันลงไปด้วยทิฎฐิว่า "สิ่งทั้งปวง ไม่มีอยู่" ดังนี้ : นี้ เป็นลัทธิโลกายตะอย่างที่สอง.

    "ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ! สิ่งทั้งปวงมีสภาพเป็นอย่างเดียวกันหรือ?"
    พราหมณ์! คำกล่าวที่ยืนยันลงไปด้วยทิฎฐิว่า "สิ่งทั้งปวง มีสภาพเป็นอย่างเดียวกัน" ดังนี้ : นี้ เป็นลัทธิโลกายตะอย่างที่สาม.

    "ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ! ก็สิ่งทั้งปวง มีสภาพต่างกันหรือ?"
    พราหมณ์! คำกล่าวที่ยืนยันลงไปด้วยทิฎฐิว่า "สิ่งทั้งปวง มีสภาพต่างกัน" ดังนี้ : นี้ เป็นลัทธิโลกายตะอย่างที่สี่.

    พราหมณ์! ตถาคต ย่อมแสดงธรรมโดยสายกลาง ไม่เข้าไปหาส่วนสุด
    ต่อจากนั้นก็ทรงแสดงกระแสแห่งปฏิจจสมุปบาท
     
  20. มหาหินทร์

    มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    21,454
    ค่าพลัง:
    +181,786
    ....................................................................................

    แต่ถ้าหากเราเอาน้ำสบู่ออกไปเททิ้ง อันนี้ไม่ต้องสงสัยอีกต่อไปว่าจะเกิดฟองสบู่อีก หรือ ไม่

    น้ำสบู่ = เชื้อของกิเลส โลภ โกรธ หลง
    การเป่า = ยังเมากิเลส เมื่อเกิดฟองแล้วแตกไป ก็ตัดกิเลสได้บ้าง
    แต่ยังตัดได้ไม่หมด เพราะยังมีเชื้อกิเลส คือ น้ำสบู่

    เมื่อเอาน้ำสบู่ออกไปเททิ้ง
    อันนี้ = ตัดเชื้อแห่งการเกิดกิเลส ได้อย่างสิ้นเชิง..
    จะเป่า อย่างไร.. ก็ไม่สามารถเกิดฟองขึ้นมาได้อีก

    อันนี้ ก็เท่ากับว่า เห็นด้วย และ โหวต ในข้อ. 2 นั่นเอง

    .................................................................................

    เจ้าของกระทู้ ตั้งกระทู้ เพื่อยืนยันทิษฎิใด ทิษฎิหนึ่ง ของตนเอง
    โดยไม่รู้ตัวอยู่ หรือเปล่าครับ?

    ครับ.. ข้อนี้ ก็เข้ากับ....
    อัตตนา โจทยัตตานัง

    ..................................................................................
    <!-- / message -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 มีนาคม 2008

แชร์หน้านี้

Loading...