คาถาปลุกเสก...หลวงปู่แหวน

ในห้อง 'หลวงปู่แหวน' ตั้งกระทู้โดย NoOTa, 20 กันยายน 2006.

  1. NoOTa

    NoOTa Super Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    20,125
    กระทู้เรื่องเด่น:
    349
    ค่าพลัง:
    +64,489
    [​IMG]


    เรื่องเครื่องรางของขลัง
    เรื่องเครื่องรางของขลัง หรือวัตถุมงคล ที่พวกเราเสาะแสวงหา มาไว้ครอบครองนั้น หลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ ท่านให้ความเห็นดังนี้ :-
    หลวงปู่พูดอยู่เสมอว่า คนเรานี้แปลก เอาของจริงคือธรรมะให้ไม่ชอบ ไปชอบเอาวัตถุภาย นอกกันเสียหมด ที่พึ่งที่ประเสริฐ คือพระรัตนตรัย นั้นประเสริฐอยู่แล้ว แต่กลับไม่สนใจ พากันไป สนใจแต่วัตถุภายนอก
    จึงอาจกล่าวได้ว่า เมื่อคนเราไม่สามารถจะเอาคุณพระรัตนตรัยมาเป็นที่พึ่งของตนได้ เพราะอินทรีย์ยังอ่อนอบรมมา ยังไม่เข้าถึงเหตุผล จะถือเอาวัตถุภายนอก เช่นพระเหรียญ ซึ่งเป็น รูปเหรียญรูปแทนของพระพุทธเจ้า นั้นก็ดีเหมือนกัน ถ้าผู้นั้นรู้ความหมายของวัตถุนั้นๆ
    หลวงปู่ท่านให้ข้อคิดในทางธรรมะว่า วัตถุมงคลเหล่านั้นหากจะนำไปป้องกันตัว ถ้ากรรมมา ตัดตอนแล้ว ป้องกันไม่ได้ ไม่ว่าสิ่งไหนจะไปต้านทานอำนาจกรรมนั้นไม่มี
    แต่ถ้าผู้นั้นรู้ความหมายในวัตถุนั้นๆ ว่า เขาสร้างขึ้นมาส่วนมาก เขาใช้สัญลักษณ์ของผู้ที่ ทำแต่ความดี
    การมีวัตถุมงคลไว้ติดตัว ก็มีไว้เป็นเครื่องเตือนสติปัญญาของตนเองไม่ให้ประมาทในการ กระทำของตน ต้องทำแต่ความดีเสมอ เพราะโลกเขาบูชานับถือแต่คนดี
    เรามีของดีอยู่กับตัว ก็ต้องทำแต่ความดีอย่างนี้แล้ว ก็นับว่าผู้นั้นได้ประโยชน์จากวัตถุมงคล นั้นๆ
    คาถาปลุกเสก
    เมื่อลูกศิษย์มีความสงสัย และถามหลวงปู่ว่า พระก็ดี เหรียญก็ดี ที่หลวงปู่ทำพิธี แผ่เมตตาไว้ มีคนนิยมกันว่าดีอย่างนั้น ดีอย่างนี้ หลวงปู่ปลุกเสกด้วยคาถาอะไร ?
    หลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ จะตอบข้อสงสัยเช่นนี้ว่า ที่กล่าวว่า แผ่เมตตาวัตถุมงคลนั้น ท่านไม่ เคยปลุกเสกพระอะไรเลย เคยแต่สวดสรรเสริญคุณพระรัตนตรัยเท่านั้น แล้วตั้งสัจจะอธิษฐาน ให้เกิดสิริมงคลแก่ผู้ที่นับถือกราบไหว้บูชา
    จะอธิษฐานเพียงเท่านั้น ไม่มีคาถาสำหรับเสกให้ขลังอย่างนั้นอย่างนี้แต่อย่างใด
    สำหรับบทสวดที่หลวงปู่แหวน ท่านใช้ในพิธีแผ่เมตตา ท่านจะใช้บท ติรตนนมการคาถา อ่านว่า ติระตะนะนะมะการะคาถา หรือ บททำวัตรพระ เพื่อสะดวกต่อท่านผู้อ่าน ผมขออัญเชิญมาไว้ เต็มๆ เลย ดังนี้
    <TABLE width="90%" bgColor=#f1eee4 border=1><TBODY><TR><TD>นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ( ๓ จบ)
    โย สันนิสินโน วะระโพธิมูเล มารัง สะเสนัง สุขิตัง วิชเชยยะ สัมโพธิมาคัจฉิ อะนันตะญาโณ
    โลกุตตะโม ตัง ปะณะมามิ พุทธัง เย จะ พุทธา อะตีตา เย จะ พุทธา อะนาคะตา ปัจจุปันนา จะ เย
    พุทธา อะหัง วันทามิ สัพพะทาๆ
    อิติปิโส ภะคะวา อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ วิชชาจะระณสัมปันโน สุคะโค โลกะวิทู อะนุตตะโร
    ปุริสะทัมมะสาระถิ สัตถา เทวะมะนุสสานัง พุทโธ ภะคะวาติ
    พุทธัง ชิวิตัง ยะวะนิพพานัง สะระณัง คัจฉามิ นัตถิ เม สะระณัง อัญญัง พุทโธ เม สะระณัง วะรัง เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ โหตุ เม ชะยะมังคะลัง อุตตะมัง เคนะ วันเทหัง ปาทะปังสุง วะรุตตะมัง พุทเธ โย ชะลีโต โทโส พุทโธ ขะมะตุ ตัง มะมัง
    อัฎฐังคิโก อะริยะปะโถ ชะนานัง โมกขัปปะเวสายะ อุชุ จะ มัคโค ธัมโม อะยัง สันติกะโร ปะณีโต นิยยานิโก ตัง ปะณะมามิ ธัมมัง เย จะ ธัมมา อะตีตา จะ เย จะ ธัมมา อะนาคะตา ปัจจุปันนา จะ เย ธัมเม อะหัง วันทามิ สัพพะทา
    สวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม สันทิฎฐิโก อะกาลิโก เอหิปัสสิโก โอปะนะยิโก ปัจจัตตัง เวทิสตัพโพ วิญญูหีติ
    ธัมมัง ชีวิตัง ยาวะนิพพานัง สะระณัง คัจฉามิ นัตถิ เม สะระณัง อัญญัง ธัมโม เม สะระณัง วะรัง เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ โหตุ เม ชะยะมังคะลัง อุตตะมังเคนะ วันเทหัง ธัมมัญจะ ทุวิธัง วะรัง ธัมเม โย ชะลิโต โทโส ธัมโม ขะมะตุ ตัง มะมัง
    สังโฆ วิสุทโธ วะระทักขิเณยโย สันตินทริโย สัพพะมะลัปปะหิโน คุเณหิ เนเกหิ สะมิทธิปัตโต อะนาสะโว ตัง ปะณะมามิ สังฆัง เย จะ สังฆา อะตีตา จะ เย จะ สังฆา อะนาคะคา ปัจจุปันนา จะ เย สังฆา อะหัง วันทามิ สัพพะทา
    สุปะฎิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ อุชุปะฎิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ ญายะปะฎิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ สามีจิปะฎิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ ยะทิทัง จัตตาริ ปุริสะยุคานิ อัฎฐะ ปุริสะ ปุคคะลา เอสะ ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ อาหุเนยโย ปาหุเนยโย ทักขิเนยโย อัญชะลีกะระณีโย อะนุตตะรัง ปุญญังเขตตัง โลกัสสาติ
    สังฆัง ชีวิตัง ยะวะนิพพานัง สะระณัง คัจฉามิ นัตถิ เม สะระณัง อัญญัง สังโฆ เม สะระณัง วะรัง เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ โหตุ เม ชะยะ มังคะลัง อุตตะมังเคนะ วันเทหัง สังฆัญจะ ทุวิธุตตะมัง สังเฆ โย ชะลิโต โทโส สังโฆ ขะมะตุ ตัง มะมัง
    อิจเจวะมัจจันะนะมัสสะเนยยัง นะมัสสะมาโน ระตะนัตตะยัง ยัง ปุญญาภิสันทัง วิปุลัง อะลัตถัง ตัสสานุเภนะ หะตันตะราโย
    </TD></TR></TBODY></TABLE>​
    คาถาปลุกเสกอีกบทหนึ่ง
    ในพิธีแผ่เมตตา หรือปลุกเสกวัตถุมงคล นอกจากจะใช้บท ทำวัตรพระ ดังกล่าวข้างต้น บางครั้ง หลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ ท่านก็ใช้บทสวดนมัสการคุณพระรัตนตรัย อีกบทหนึ่ง ดังนี้ :-
    <TABLE width="90%" bgColor=#f1eee4 border=1><TBODY><TR><TD>พุทโธ โย สัพพะปาณีนัง สะระณัง เขมะมุตตะมัง, ธัมโม โย สัพพะปาณีนัง สะระณัง เขมะมุตตะมัง, สังโฆ โย สัพพะปาณีนัง สะระณัง เขมะมุตตะมัง,
    อิติปิโส ภะคะวา อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ, วิชชาจะระณะสัมปันโน สุคะโต โลกะวิทู, อะนุตตะโร ปุริสะทัมมะสาระถิ สัตถา เทวะมะนุสสานัง พุทโธ ภะคะวาติ,
    สวากขาโต ภะคะวา ธัมโม, สันทิฎฐิโก อะกาลิโก เอหิปัสสิโก, โอปะนะยิโก ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหีติ.
    สุปะฎิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ, อุชุปะฎิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ, ญายะปะฎิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ, สามีจิปะฎิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ, ยะทิทัง จัตตาริ ปุริสะยุคานิ อัฎฐะ ปุริสะ ปุคคะลา, เอสะ ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ, อาหุเนยโย ปาหุเนยโย ทักขิเณยโย อัญชะลีกะระณีโย, อะนุตตะรัง ปุญญักเขตตัง โลกัสสาติ.
    </TD></TR></TBODY></TABLE>​
    ความเห็นเกี่ยวกับพิธีพุทธาภิเษก
    เกี่ยวกับการจัดพิธีปลุกเสกพระ ที่เรียกว่า พุทธาภิเษก ที่จัดกันอยู่ทั่วไป ทั้งเป็นการราษฎร์ ทั้งเป็นการหลวงนั้น
    หลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ ให้ความเห็นในพิธีการนี้ว่า ถ้าเราเข้าใจว่าพิธีพุทธาภิเษก เป็นการ ปลุกเสกวัตถุที่เราสร้างขึ้นให้เป็นเครื่องหมายแทนองค์พระพุทธเจ้านั้น ถือว่าเป็นการเข้าใจที่ไม่ ถูกต้อง ไม่ตรงตามความเป็นจริง
    หลวงปู่ให้เหตุผลว่า พระพุทธเจ้าท่านเป็นพระตั้งแต่เรายังไม่เกิดพระองค์เป็นพระพุทธะ มาก่อนเราเป็นพันๆ ปี ถ้าใครไปปลุกเสกวัตถุให้เป็นพระพุทธเจ้าแล้วนับว่าผิด
    เราเองเป็นเพียงสาวก จะไปทำวัตถุที่เขาสร้างเป็นสัญลักษณ์แทนองค์พระพุทธเจ้า ให้เป็นพระพุทธเจ้าได้อย่างไร วัตถุที่เขาสร้างขึ้นนั้น สำเร็จเป็นพระแล้วโดยสมบูรณ์ สำเร็จตั้งแต่เขาสร้างแล้ว เพราะเป็นที่รับรู้กันดีแล้วว่า เป็นรูปเปรียบรูปแทนของพระพุทธเจ้า
    ดังนั้น วัตถุนั้นๆ จึงเป็นพระโดยสมบูรณ์แล้ว ตั้งแต่เขาสร้างเสร็จ จะไปปลุกเสกให้เป็นพระ อีกไม่ได้
    หลวงปู่ ท่านเรียกพระพุทธรูปว่า พระบรมรูป
    ท่านกล่าวว่า พระบรมรูปของพระพุทธเจ้านั้น แม้จะทำสำเร็จขึ้นจากวัตถุใดๆ ท่านก็สำเร็จ เป็นพระพุทธะในความหมายแล้วอย่างสมบูรณ์ เพราะวัตถุนั้นเขาสมมุติ เป็นสัญลักษณ์แทนองค์ของพระพุทธเจ้า
    แม้จะเป็นเพียงวัตถุ เราก็กราบไหว้บูชา ได้ด้วยความสนิทใจ ไม่มีวิขาคาถาอาคมใดๆ ที่จะมาปลุกเสกพระพุทธเจ้าได้ เพราะวัตถุนั้น สำเร็จเป็นพุทธะตามความหมายที่เราได้สร้างขั้น แล้ว
    หลวงปู่ให้ความเห็นว่า ที่เรียกกันว่าพุทธาภิเษกนั้น ควรจะเรียกว่า พิธีสมโภชพระ หรือพิธี นมัสการพระ จึงจะถูกต้อง ตามความเป็นจริง
    ขอสรูปเพื่อความเข้าใจอีกทีว่า หลวงปู่แหวนท่านไม่ได้ค้านในพิธีการ แต่ท่านเสนอแนะคำ พูดที่เราใช้เรียก เพื่อจะได้ถูกต้อง ตามความเป็นจริงเท่านั้นเอง

    ที่มา: dharma-gateway.com
     
  2. NoOTa

    NoOTa Super Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    20,125
    กระทู้เรื่องเด่น:
    349
    ค่าพลัง:
    +64,489
    การปลุกเสกวัตถุมงคล

    ต่อไปนี้เป็นคำเล่าของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ เล่าให้ลูกศิษย์ของท่านฟัง แล้วนำมาถ่ายทอด ลงในหนังสือโลกทิพย์ ปีที่ ๑ ฉบับที่ ๑ ปี พ.ศ.๒๕๒๕ โดยสิทธา เชตวัน ดังนี้ :-
    หลวงปู่แหวน ไม่เคยสนใจเรื่องการสร้างพระเครื่องแปลกๆ พิสดาร ตลอดจนเครื่องราง ของขลังเลย มีแต่พระและฆราวาสลูกศิษย์ลูกหาจัดสร้างขึ้น แล้วขนไปให้ท่านปลุกเสกบ้าง ซึ่งท่านก็มีเมตตาไม่ขัดข้อง
    หลวงปู่แหวนกล่าวว่า ชาวบ้านทั้งหลายยังติดข้องอยู่ในโลกธรรม โลกียสมบัติ ยึดถือตัวตน บุคคลเราเขา ยังเวียนว่ายตายเกิด ไม่มีโอกาสจะเป็นนักบวชกระทำจิตตัดกิเลส หาทางหลุดพ้นได้สะดวก จำเป็นอยู่เอง ที่ชาวบ้านจะต้องยึดถือพระเครื่องเป็นที่พึ่ง อย่างน้อยพระเครื่องก็เป็นจุดให้ชาวบ้านเข้าถึงความดี ระลึกถึงพระคุณของพระพุทธเจ้า จึงไม่ใช่เรื่องเสียหาย ที่ชาวบ้านจะมีพระเครื่องไว้ติดตัว
    " ปู่ก็เสกให้ ใครเอามาให้ ก็ต้องเสกให้ไป ด้วยความเมตตานั่นแหละ หลานเอ๊ย"
    หลวงปู่แหวน กล่าวไว้อย่างนี้ เมื่อคณะศรัทธาจากที่ต่างๆ ทั่วสารทิศ หอบหิ้วขนเอาพระ เครื่องรางของขลัง ไปให้ท่านปลุกเสกถึงวัด
    ตอนนั้นหลวงปู่แก่มากแล้ว ชราภาพไปด้วยวิสัยสังขาร หูตึง เดินเหินไม่สะดวก ทางวัดจึงต้องจำกัดเวลาให้ชาวบ้านเข้านมัสการ ไม่ค่อยจะให้ท่านเดินทางไกลไปร่วมปลุกเสกพระเครื่องในพิธีพุทธาภิเษกใดๆ ง่ายๆ นอกจากว่า หลวงปู่จะยินดีเต็มใจไปเองจริงๆ ทั้งนี้ก็เพื่อจะถนอมชีวิตของหลวงปู่แหวน ไว้ให้ยืนนานเป็นมิ่งขวัญของวัดและประชาชน ผู้เคารพศรัทธาทั้งหลาย ต่อไปให้นานเท่านาน นั่นเอง
    มีสิ่งที่น่าสังเกตอยู่อย่างคือ พระเครื่องรางของขลังใดๆ ที่พระและฆราวาส นำไปขอเมตตาจิต จากหลวงปู่แหวนเพื่อให้ท่านปลุกเสกให้นั้น หลวงปู่แหวนจะปลุกเสกให้อย่างมากไม่เกิน ๙ นาที บางครั้งก็เสกให้ ๓ นาที ๕ นาทีบ้าง เป็นอันว่าใช้ได้
    การปลุกเสกนี้ไม่มีพิธีรีตรองใดๆ ทั้งสิ้น ต้องไปนอนอยู่ที่วัดรอให้หลวงปู่แหวนออกมาจากห้อง พอท่านออกมาก็ขนสิ่งที่จะปลุกเสกเข้าไปกราบนมัสการท่านทันที แล้วท่านก็จะทำให้ ในเดี๋ยวนั้น ทำปุ๊ปเสร็จปั๊ป ก็เป็นอันว่าแล้วกันไป เสร็จสิ้นเรื่อง เปิดโอกาสให้ผู้คนอื่นๆ เข้าไปนมัสการท่าน ตามคิว ซึ่งแน่นขนัดอยู่ทุกวัน ไม่มีขาด
    หลวงพ่อฤาษีลิงดำ ได้เล่าถึงการปลุกเสกพระ ที่ลูกศิษย์ลูกหาต่างถอดสร้อย และรวมพระเครื่องต่างๆ รอให้หลวงปู่แหวนปลุกเสกให้ดังนี้ :-
    " พอใครขนเอาเครื่องรางไปวางเสร็จ หลวงปู่แหวนก็ตั้งท่าสงบใจสงเคราะห์ อาตมาก็จับดูจิตของหลวงปู่แหวน ดูอารมณ์จิตของท่านว่า จะทำยังไง
    ครั้นแล้ว ก็เห็นอารมณ์จิตของหลวงปู่แหวนผ่องใสเป็นดาวประกายพฤกษ์เต็มดวง ลอยอยู่ในอกท่าน เวลานั้นกำลังจิตของหลวงปู่แหวน ก็คิดว่า ขออาราธนาบารมีขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ ให้มาโปรดช่วยทำของเหล่านี้ ให้เกิดความศักดิ์สิทธิ์ เป็นมิ่งขวัญมงคลของบรรดาท่านพุทธบริษัทให้เข้าถึงพระธรรม
    โดยความจริง หลวงปู่แหวน ไม่คิดว่าเสกให้เอาไปตีกับชาวบ้าน เอาไปปล้นชาวบ้าน ท่านเสก ให้คนเข้าถึงธรรม
    ท่านนึกในใจต่อไป หลวงปู่แหวนก็อาราธนาบารมีของพระอรหันต์ทั้งหมด บารมีของพรหม ของเทวดาทั้งหมด ตออดจนกระทั่งครูบาอาจารย์
    พอถึงพระอรหันต์ อาตมาก็เห็นหลวงปู่ตื้อ ปรี๊ดมาถึงข้างหลัง เอากำปั้นลงหลังอาตมาปั๊ปเข้าให้ แล้วถามว่า เฮ้ย ... มึงมานั่งอยู่ทำไมวะ อาตมาก็เลยบอกไปว่านี่ ... พระผี ไม่ต้องพูด หลวงปู่แหวน เชิญพระผีนะ ไม่ได้เชิญพระมีเนื้อหนังมังสา มีหน้าที่อะไรก็ทำไป
    แล้วก็ได้เห็นกระแสจิตหลวงปู่แหวน เป็นประกายพฤกษ์ พุ่งออมาจากอก สว่างเจิดจ้า ใหญ่เหลือเกิน คลุมเครื่องรางของขลังทั้งหมด แสงสว่างประกายพฤกษ์ของจิตพระอรหันตเจ้า แทรกลงไปในเครื่องรางของขลัง อยู่ผิวด้านหน้ายันข้างล่างสุด เรียกว่าคลุมหมดอาบลงไปหมดเลย โพลงสว่างสุกปลั่งไปหมด คล้ายตกอยู่ในเบ้าหลอม เป็นกระแสสว่างของจิตที่เยือกเย็น เต็มไปด้วยอำนาจพุทธบารมี เห็นแล้วรู้สึกเยือกเย็นสบายอย่างประหลาด บอกไม่ถูก
    นี่เป็นการปลุกเสกพระเครื่องรางของขลังของหลวงปู่แหวน ซึ่งใช้เวลาไม่ถึง ๓ นาที แต่ทว่าอานุภาพยิ่งใหญ่ ทรงความขลังศักดิ์สิทธิ์ เลิศล้ำน่ามหัศจรรย์

    เกี่ยวกับการทำน้ำมนต์


    ความจริงแล้ว หลวงปู่แหวน เช่นเดียวกับพระในสาย หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต ไม่ได้สนใจเรื่องการปลุกเสกวัตถุสิ่งของ การทำน้ำมนต์รวมทั้งพิธีกรรมต่างๆ แต่ท่านก็อนุโลมเพื่อเป็นการสงเคราะห์ญาติโยม ที่เขายังต้องการอยู่เท่านั้น ท่านสนใจเรื่องการปฎิบัติภาวนาเพื่อหาทางพ้นทุกข์มากกว่า
    ถ้าว่าถึงคาถาที่หลวงปู่ท่านใช้ในการทำน้ำมนต์นั้น ท่านมักใช้บท มงคลจักรวาฬน้อย ที่อัญเชิญมาเสนอท้ายตอนนี้
    สมัยที่หลวงปู่แหวน ยังไม่เป็นที่รู้จักมากนัก เวลาที่ชาวบ้านเอาน้ำมาถวาย ขอให้ท่านเสกให้ เช่นเขาจะบอกว่าคนนั้น คนนี้ จะคลอดหรือคนนั้นคนนี้เป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ขอให้หลวงปู่เสกน้ำมนต์ให้ด้วย
    บางครั้งหลวงปู่ก็พูดในทำนองขบขันว่า
     
  3. Dragon_king

    Dragon_king เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 เมษายน 2009
    โพสต์:
    730
    ค่าพลัง:
    +1,388
    ขออนุโมทนาสาธุ สาธุ สาธุ
    ด้วยจิต ศรัทธา ต่อ พระรัตนตรัย
     
  4. Dragon_king

    Dragon_king เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 เมษายน 2009
    โพสต์:
    730
    ค่าพลัง:
    +1,388
    มาดูเมื่อไร จิตใจก็อิ่มเอม ทุกๆ ครั้ง สาธุ สาธุ สาธุ อนโมทามิ
     

แชร์หน้านี้

Loading...