คำพยากรณ์ของหลวงพ่อเกี่ยวกับลูกศิษย์ที่จะเข้าพระนิพพานในชาตินี้

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย tamsak, 25 สิงหาคม 2008.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. tamsak

    tamsak ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2004
    โพสต์:
    7,857
    กระทู้เรื่องเด่น:
    22
    ค่าพลัง:
    +161,171
    ถาม : ..............................

    ตอบ : น่ายินดีแทนเขา อย่าลืมนะ ๑๗๕,๓๐๐ คนใช่ไหม ? หายไปแล้ว ๑ ตำแหน่งเป็นอย่างน้อย ถ้าขืนช้าอยู่เดี๋ยวแสนกว่าตำแหน่งคนอื่นเขาแย่งหมด (หัวเราะ) เคยได้ยินคำพยากรณ์หลวงพ่อใช่ไหม ? บุคคลที่นำธรรมะของท่านไปปฏิบัติอย่างจริงๆ จังๆ จะเข้านิพพานในชาตินี้ ๑๗๕,๓๐๐ คน ที่เหลือหลังจากปี ๓๔ เป็นต้นมา ส่วนใหญ่แล้วอภิญญาเยอะ จะไปเพลินอยู่ตรงจุดนั้น เลยจะเหลือแค่พระอนาคามี ๓๖ องค์ พระสกิทาคามี ๑๔๗ องค์ พระโสดาบันประมาณ ๓,๐๐๐ มากี่ล้านก็ได้แค่นั้นแหละ เพราะฉะนั้นตอนนี้อย่างน้อยๆ หายไปตำแหน่งหนึ่งๆ แล้ว จริงๆ แล้วพี่ ป้า น้า อา นี่เขาหายกันไปเยอะแล้วนะ

    ถาม : ที่พยากรณ์นี่รวมพระภิกษุสงฆ์ด้วยหรือเปล่าครับ ?

    ตอบ : รวมด้วยสิ ลูกศิษย์ท่านน่ะ จะไปเสียท่าพระหรือเปล่า ? พระเสียท่าโยม ถนนของพระหลุมมันเยอะ ๒๒๗ หลุม ของโยมแค่ ๕ หลุม หลบไปหลบมาพ้นมั้ย ?

    เราอยู่ตรงจุดนี้จริงๆ มันสบายใจแล้วใช่ไหม ? ประคับประคองตัวสบายใจให้อยู่กับเราให้นานที่สุด เสร็จแล้วถ้าหากว่าพ้นจากตรงจุดนี้ไป เราก็ลองมานั่งนึกดูว่าที่เราสบายใจเพราะอะไร ? หนึ่งเราได้เห็นพระสงฆ์ สองเราได้ฟังสิ่งที่ท่านพูด สามขณะที่ท่านพูดเราคิดตามไป คิดตามแต่ในด้านที่ดี พูดถึงนิพพานคิดถึงนิพพาน พูดถึงพรหม คิดถึงพรหม พูดถึงเทวดา คิดถึงเทวดา ต่อไปเราก็สร้างสิ่งแวดล้อมทางใจของเราให้อยู่ในลักษณะอย่างนี้ เราตั้งใจกราบพระบูชาพระรัตนตรัยเสร็จนึกถึงตรงจุดนี้ก็ได้ มันจะเป็นอตีตังสญาณคือการย้อนอดีตสร้างความคล่องตัวให้กับใจเราด้วย ขณะเดียวกันใจก็จะมีงานทำจะไม่ฟุ้งซ่านไปอารมณ์อื่น

    เราจะสามารถรักษาอารมณ์ที่สงบเย็นใจอย่างนี้ได้อีก ถ้าหากว่าหมั่นทำบ่อยๆ ก็จะรักษาได้ยาวนานขึ้นเรื่อยๆ ส่วนใหญ่พวกเรามันดีแต่กินผล ไม่รู้ว่าเหตุมันเป็นยังไง ในเมื่อไม่รู้ว่าเหตุมันเป็นยังไงมั่วไปถูกเข้า บังเอิญได้ผลขึ้นมากินจนเกลี้้ยงแล้วก็ไปเดือดเนื้อร้อนใจอีก ทำเหตุที่ตัวเองสบายใจต่อไปไม่เป็น ก็เชิญกลุ้มต่อไปเลยจ้ะ มาอยู่ตรงนี้ดีอยู่อย่างหนึ่ง .... ไม่หวงวิชา พ่อไม่เคยสอนให้หวงวิชา พยายามบอกให้ครบทุกอย่าง คนยิ่งรู้ืมากเท่าไหร่ก็ยิ่งแบ่งเบาภาระของท่านได้มากเท่านั้น ของเรามาถึงตรงจุดนี้ก็เหมือนกัน เมื่อมาถึงตรงจุดนี้แล้ว รู้อะไรต้องรีบบอกให้หมด พอเขาทำได้เองแล้วเราเองก็ไม่เหนื่อยมาก ไม่งั้นอาศัยเกาะอย่างเดียว เกาะไม่เกาะเปล่าดูดอีกต่างหาก ถึงเวลาเขาจะไปชาร์จพลัง เล่นเอาเราเดี้ยงไปเลย แหม...ชาร์จอย่างเดียวเดี๋ยวเราดูดคืนมั่ง พอจะเอาคืนก็ไม่มีให้ซะด้วย (หัวเราะ)

    สมัยบวชใหม่ๆ หลวงพ่อท่านตั้งฉายาว่า สุธมฺมปญฺโญ ท่านบอกว่าพระตั้งให้โดยตรงเลยนะชุดนี้...ใครมีลักษณะจริตนิสัยการปฏิบัติอย่างไรท่านบอกหมด แล้วท่านแปลให้ฟังว่า เป็นผู้มีปัญญาในการปฏิบัติธรรม เราก็ เอ๊...มันจะมียังไงว้า....มันเฮงซวยอยู่ทุกวัน แต่พอก้าวเข้ามาถึงตรงนี้เสร็จเรียบร้อยแล้วว่า สิ่งที่เราคิดว่าเราทำได้น้อยไม่มีวันที่จะเทียบพ่อได้แม้แต่หนึ่งในล้าน กลายเป็นพวกเราไล่ไม่ทันเหมือนกันว่า เออ...ยอมรับว่ามีปัญญาเหมือนกัน เป็นหัวหมาจ้ะ หางราชสีห์ไม่ได้เป็นหรอก ไล่พ่อไม่ทัน เลยมาเป็นหัวหมาอยู่ตรงเนี้ย (หัวเราะ)

    การปฏิบัติจริงๆ ไม่ใช่นั่งภาวนาอย่างเดียวนะ ลักษณะอย่างนี้คือการปฏิบัติ นั่งอยู่ต่อหน้าพระเห็นพระสงฆ์ พระพูดถึงธรรมะเป็นธรรมานุสติ เห็นพระพุทธรูปเป็นพุทธานุสติ พูดถึงนิพพานเป็นอุสมานุสติ ตอนนี้เรากำลังปฏิบัติในอนุสติเหล่านี้ อยู่ในลักษณะที่เรียกว่าเต็มกำลังด้วย เป็นฌานก็เป็นฌานใช้งานด้วยที่เป็นฌานใช้งานคือไม่ไ้ด้นั่งภาวนาเฉยๆ หากแต่ว่าในขณะที่เราทรงอารมณ์ปกติ

    อย่างเช่นว่า ตอนนี้เราสามารถนึกถึงได้อย่างชัดเจนทุกขั้นตอน ลองดูสิว่าเรามานั่งอยู่ตรงนี้ประมาณครึ่งชั่วโมง ให้เราภาวนาเอง ครึ่งชั่วโมง มันเกาะความดีได้อย่างนี้มั้ยล่ะ ? หายไปยันไหนแล้วก็ไม่รู้ เพราะฉะนั้น คราวหน้าก็หาเรื่องหลอกพระให้คุยไปเรื่อยๆ เราเองก็ เกาะตาม (หัวเราะ) ภาวนาแปลว่าทำให้เจริญ วิธีไหนก็ได้ที่ให้ใจของเราอยู่กับความดีถือเป็นการภาวนาทั้งหมด




    สนทนากับพระเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    เดือนมีนาคม ๒๕๔๕
    ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ




    .
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...