คำอธิษฐาน ที่จะมีผลต่อตัวเองและลูกหลาน ( ผังชีวิต )

ในห้อง 'บทสวดมนต์ - คาถา' ตั้งกระทู้โดย ๙๙๙๙๙๙๙๙๙, 17 มิถุนายน 2006.

  1. ๙๙๙๙๙๙๙๙๙

    ๙๙๙๙๙๙๙๙๙ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    1,752
    ค่าพลัง:
    +2,808
    สวดก่อนจะดีมากๆเลยครับ

    http://www.palungjit.org/board/showthread.php?t=37296
    โหลดฟายเสียงรับศิลรับพร MP3 ได้ที่นี้ครับ
    <TABLE cellSpacing=3 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD><TD>รับศิลรับพรMP3.mp3 (2.66 MB, 252 views)</TD></TR></TBODY></TABLE>

    http://www.palungjit.org/board/showthread.php?p=269521#post269521
    โหลด File เสียงบทสวด ขอขมา ต่อ พระรัตนไตร ฯลฯ
    <TABLE cellSpacing=3 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD><TD>บทสวดขอขมา.mp3 (2.35 MB, 0 views)</TD></TR></TBODY></TABLE>

    ( คำอธิษฐาน ผังชีวิต ) นี้คือสิ่งที่ผมคิดคำอธิษฐานขึ้นเอง ควรไม่ควรดีไม่ดี แล้วแต่จะพิจรนา

    สำหรับความคิดของผมส่วนตัวนะครับ ที่จะเปรียบเทียบได้เห็นภาพแบบชัดๆ

    คนเรา เหมือนกับเครื่องคอม โปรแกรมต่างๆ ก็คือ ผังชีวิต

    เราก็คือเครื่องคอมที่ไม่เคยถูกลบโปรแกรมออก มีแต่จะเอา โปรแกรมต่างๆใส่เข้ามา ตลอด ซึ่งนั้น หมายความว่า เครื่องคอมของเราจะต้องทำงานเพิ่มขึ้นและทำงานอื่นๆได้ช้าลง นั้นก็คือ จุดมุ่งหมายที่เราต้องการทำให้สำเร็จในชีวิตนั้น ช้าลงไปอีก

    สิ่งที่เราอาจจะไม่เคยรู้และไม่เคยได้ยิน ก็คือว่า หากเรา พูดหรือคิด อะไรที่ซ้ำๆกันมากๆ สิ่งที่เราพูด และคิดนั้น ก็จะติดตัวเรากลายเป็นผังชีวิต ซึ้งอาจจะมีผลในชาตินี้เลย และก็จะมีผลต่อชีวิตเราต่อไป ถึงชาติหน้า

    ยกตัวอย่างเช่น เวลาเรา หรือ เพื่อนเรา ทำอะไรที่ ผิดพลาดไป หรืออาจจะหลุดปากออกไป เช่น คำว่า บ้า ซึ้งหากเรา พูดมากๆนั้น คำว่าบ้านี้จะติดตัวเรา ไป ทำให้เราอาจจะเป็นคน บ้าๆบ่อ เพียนๆ แต่นั้น อาจจะยังไม่มากเท่าไหล ถ้าคำว่า บ้า ที่ติดปากเรานั้น + กับ กรรมที่ชอบเป็นคนดื่มน้ำเมา ก็จะทำให้คำนี้ส่งผลได้อย่างแรงและเร็ว ตอนนนี้หลายคนอาจจะคิดว่า งันฉันจะพูดให้ฉันนั้น รวยๆๆๆๆๆ ซึ้งนั้นอาจจะเป็นไปได้นะ แต่ว่า คุณไม่ได้กัมกับเอาไว้ว่า รวยแบบไหน ระวังว่า รวยจริง แต่อาจจะกลายเป็นคนที่ รวยด้วยการ ขายของผิดกฏหมาย หรือ เบียดเบียนคนอื่นๆได้นัครับ ฉะนั้น หากคุณทำบุญและจะอทิฐานให้รวย ก็ ควรลงท้ายได้ว่ารวบแบบสัมมาอาชีวะนะครับรวยแบบไม่เบียดเบียนคนอื่นๆ

    แต่ก็อย่าผึ้ง คิดมากไป เพราะว่า คำพูดหรือความคิด นั้น จะส่งผลได้แรงและเร็วก็ขึ้นอยู่กับ ความตั้งใจมาก หรือตั้งใจน้อย จงใจหรือไม่จงใจ ด้วยอีกทีหนึ่ง ฉะนั้น สิ่งที่ผม ได้ขึ้นไว้แต่ตอน ต้นก็คือ คำขอขมา และ คำถอน ต่างๆ แน่นอนว่าหากคุณ ได้มีความตังใจ จริงที่อยากจะถอนและตั้งผังชีวิตขึ้นใหม่นั้น ย่อมมีผลอย่างแน่นอน แต่ทุกสิ่งทุกอย่างจะส่งผลได้นั้น ก็ต้องขึ้นอยู่กับบุญที่เราทำด้วยนะครับ * ถ้าคุณ คิดจะตั้งผังชีวิตของคุณ เอง ก็อย่าให้มีรูรั่วนะครับ นี้อาจจะเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้คำอทิฐานที่ผมคิดนั้น มีความยาว และอาจจะใช้คำสิ้นเปลือง เพราะว่า การทำในครั้งนี้นั้น จะติดตัวของเราเอง ไปจนนับภพนับชาติไม่ได้ ผมเลยต้อง ลอบคอบ และ พยายามไม่ให้มีรูรั่วครับ ขอบคุณพี่และทุกๆท่านที่เสียเวลาอ่านนะครับ


    <!-- / message --><!-- sig -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 8 เมษายน 2008
  2. ๙๙๙๙๙๙๙๙๙

    ๙๙๙๙๙๙๙๙๙ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    1,752
    ค่าพลัง:
    +2,808
    แบบย่อๆ


    นะโม ( ๓ จบ )
    สัพพัง อะปะราธังขะมะถะเม ภันเต อุกาสะ ทะวารัตตะเยนะ กะตัง
    สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะเม ภันเตอุกาสะ ขะมามิ ภันเต

    ( ขอขมาและอดโทษ )
    หากข้าพเจ้า จงใจหรือ ประมาทพลาดพลั้ง ล่วงเกิน ....บิดามารดา พี่ชาย น้องชาย
    พี่หญิงน้องหญิง ปู ย่า ตา ยาย ทวด บรรพบุรุษญาติพี่น้องทั้งหลาย ลูกหลานทั้ง
    หลาย ครูบาอาจารย์ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์พระอรหันต์ทุกพระองค์ พระอริยเจ้า
    ตลอดจน เทวดาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั่งหลาย ผู้มีพระคุณทุกท่าน เจ้ากรรมนายเวร
    และคู่กรรมของข้าพเจ้าทั้งในชาตินี้และ อดีตชาติที่ได้เกิดมาในวัฏฏะสงสารทุกภพทุกชาติที่ข้าพเจ้า ได้เกิดขึ้น จะที่ภพใดหรือ ภูมิใด ก็ตามจะด้วย กาย วาจาหรือ ใจ ทั้งระลึกได้และระลึกไม่ได้ขอให้ ท่านทั้งหลาย ได้ โปรด อดโทษและอโหสิกรรมแก่ข้าพเจ้าด้วย เถิด

    ( ถอนสิ่งไม่ดีต่างๆ ที่จะมีผลต่อชีวิตของเรา ทั้งในชาตินี้และชาติหน้า )
    ข้าพเจ้า ขอถอน คำอธิฐาน คำสาบาน คำสัญญาถอนคำพูด ถอนความคิด จะด้วยกายวาจา
    หรือใจ ที่ผิดพลาดทำไปทั้งระลึกได้และระลึกไม่ได้ อันจะมีเหตุที่ไม่ส่งผลดี
    ต่อ สรรพสัตว์ทั้งหลายสิ่งต่างๆทั้งหลาย รวมถึง ตัวของข้าพเจ้าและผู้อื่นและ
    การกระทำที่ไม่ไปในทางที่ถูกที่ชอบที่ควรและไม่ไปในทาง สัมมาทิฐิทั้งที่มีสติ
    สัมปชัญญะ และไม่มีสติสัมปชัญญะ ทั้งตั้งใจและไม่ตั้งใจ ทั้งรู้ตัวและไม่รู้
    ตัวอันจะทำให้ข้าพเจ้าจะต้องทำผิดต่อการดำเนินชีวิตและการสร้างบุญบารมีที่
    บริสุทธิ์และจะกลายเป็นผังชีวิตติดตัวขอข้าพเจ้าไปในภพชาติเบื้องหน้าเมื่อ
    เป็นเช่นนี้แล้ว ข้าพเจ้า จึงมีความตั้งใจและความปารถนา ที่จะ ขอถอนคำอธิฐาน
    ถอนคำสาบาน ถอนคำสัญญา ถอนคำพูด ถอนความคิด จะด้วยกายวาจาใจทั้งตั้งใจและไม่
    ตั้งใจ ทั้งที่มีสติสัมปชันยะ และไม่มีสติสัมปชันยะทั้งละลึกได้และละลึกไม่ได้
    ทั้งรู้ตัวและไม่รู้ตัวที่ผิดพลาดทำไปแล้วนั้นในตั้งแต่ ข้าพเจ้าได้
    บังเกิดขึ้นมาตั้งแต่ชาติแรกและชาติเบื้องต้นไม่ว่าข้าพเจ้าจะเกิดเป็นอะไรก็ตามจน
    ถึงปัจุบันชาตินี้ ข้าพเจ้า ขอให้จบเพียงแค่นี้ ขอให้หมดเพียงแค่นี้ขอให้ไม่มี
    โอกาศ ส่งผลได้อีกนับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปขอให้เหลือแต่เพียงคำอธิษฐาน คำ
    สาบาน คำสัญญา คำพูด ความคิด จะด้วยกายวาจา หรือใจ ที่ทำ ไปในทางแห่งการสร้าง
    บุญสร้างบารมีที่บริสุทธิ์และทางสัมมาทิฐิ เท่านั้นและต่อไปนี้ข้าพเจ้า จะ
    ขอตั้งผังชีวิตใหม่ ให้ดีที่สุดให้รอบคอบที่สุดเป็นไปแต่เพียงการสร้างบุญบารมี
    ที่บริสุทธิ์ เท่านั้น และ ด้วยคำอธิษฐานนี้ขอให้ มีผลไปถึงลูกถึงหลานสืบต่อ
    กันไปไม่มีวันหมดสิ้นถึงแม้ว่าผู้ที่จะมาเกิดป็นลูกเป็นหลาน จะไม่เคยอฐิษฐาน มา
    ก่อนก็ขอให้ผังชีวิตที่ข้าพเจ้าได้อธิฐานขึ้นนี้ได้สืบต่อกันไปและติดตัวไป
    ทุกภพทุกชาติสืบต่อกันไปไม่มีวันสิ้นสุดไปทุกพบทุกชาติ ทุกๆภพทุกๆภูมินับ
    ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ( ในวงเล็บนี้ เป็นเพียงแค่ตัวอย่าง แล้วแต่ว่าท่านจะเลือกอะไร / ตลาบกระทั้ง ถึงที่สุดแห่งธรรม-หรือจนกว่าจะเข้าถึงพระนิพานด้วยเถิด - จนกว่าข้าพเจ้าจะได้เป็นพระพุทธเจ้าอีกพระองค์หนึ่ง
    ในภพชาติเบื้องหน้า )
    ท้ายที่สุดนี้ ขอบารมีของพระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ช่วยให้คำอธิษฐานของข้าพเจ้าเป็น
    จริงด้วยเถิดหากคำอธิษฐานข้อไหนที่ผิดพลาดไปก็ให้ให้คำอธิฐานข้อนั้น ไม่มีผล ขอ
    ให้เหลือไว้แต่เพียง คำอธิษฐานที่ถูกต้องที่สุดที่ดีที่สุดด้วยเถิดสาธุ

    ( ตั้งผังชีวิตใหม่ที่เราต้องการ )
    * ข้าพเจ้าขอลบผังชีวิตเก่าทั้งหมดทั้งสิ้น ที่ไม่ดี และ ไม่ไปในทางแห่งการสร้างบุญบารมี
    ที่บริสุทธิ์ ต่อไปนี้ จะเป็นผังชีวิต ใหม่ทั้งหมดที่จะมีผลกับตัวของข้าพเจ้า
    รวมไปถึง ลูกหลาน ที่จะสืบเชื้อสายวงตระกูลต่อไปไม่มีวันสิ้นสุดนับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปจนไปถึงในภพชาติเบื้องหน้าและทุกๆชาติ ทุกๆภพทุกๆภูมิ หากข้าพเจ้า ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ขอให้ข้าพเจ้า ได้เกิดในสถานที่ที่อยู่ในร่มเงาพระพุทธศาสนา ในดินแดนแห่งพระพุทศาสนามีแต่ความสงบสุขและง่ายต่อการสร้างบุญบารมีที่บริสุทธิ์ให้ได้เกิดในครอบครัวสัมมาทิฐิ ที่สั่งสมบุญบารมีที่บริสุทธิ์ ที่ชอบในการทำบุญทำทานรักษาศีล ประกอบอาชีพ ที่เป็นสัมมาอาชีวะ ไม่เบียดเบียนต่อสรรพสัตว์ทั้งหลายและไม่ทำให้ชีวิตผู้อื่นต้องเดือดร้อน
    * และขอให้ข้าพเจ้า เป็นผู้ที่มีความบริสุทิธิ์ กาย วาจา ใจ การกระทำ และ มีแต่ความเมตตาและให้อภัย ต่อเพื่อนมนุษและสรรพสัตว์ทั้งหลาย
    ให้ได้เป็นผู้ที่ชอบทำบุญและสั่งสมบุญบารมีที่บริสุธิ์ ให้เป็นคนที่ชอบรักสาศิล และ หมั่นทำสมาธิ ...................... สาธุ
     
  3. ๙๙๙๙๙๙๙๙๙

    ๙๙๙๙๙๙๙๙๙ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    1,752
    ค่าพลัง:
    +2,808
    แบบเต็มๆ

    นะโม ( ๓ จบ )
    สัพพัง อะปะราธังขะมะถะเม ภันเต อุกาสะ ทะวารัตตะเยนะ กะตัง
    สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะเม ภันเตอุกาสะ ขะมามิ ภันเต
    หากข้าพเจ้า จงใจหรือ ประมาทพลาดพลั้ง ล่วงเกิน ....บิดามารดา พี่ชาย น้องชาย
    พี่หญิงน้องหญิง ปู ย่า ตา ยาย ทวด บรรพบุรุษญาติพี่น้องทั้งหลาย ลูกหลานทั้ง
    หลาย ครูบาอาจารย์ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์พระอรหันต์ทุกพระองค์ พระอริยเจ้า
    ตลอดจน เทวดาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั่งหลาย ผู้มีพระคุณทุกท่าน เจ้ากรรมนายเวร
    และคู่กรรมของข้าพเจ้าทั้งในชาตินี้และ อดีตชาติที่ได้เกิดมาในวัฏฏะสงสารทุกภพทุกชาติที่ข้าพเจ้า ได้เกิดขึ้น จะที่ภพใดหรือ ภูมิใด ก็ตาม จะด้วย กาย วาจาหรือ ใจ ทั้งระลึกได้และระลึกไม่ได้ขอให้ ท่านทั้งหลาย ได้ โปรด อดโทษ และอโหสิกรรมแก่ข้าพเจ้าด้วย เถิด

    ข้าพเจ้า ขอถอน คำอธิฐาน คำสาบาน คำสัญญาถอนคำพูด ถอนความคิด จะด้วยกายวาจา
    หรือใจ ที่ผิดพลาดทำไปทั้งระลึกได้และระลึกไม่ได้ อันจะมีเหตุที่ไม่ส่งผลดี
    ต่อ สรรพสัตว์ทั้งหลายสิ่งต่างๆทั้งหลาย รวมถึง ตัวของข้าพเจ้าและผู้อื่นและ
    การกระทำที่ไม่ไปในทางที่ถูกที่ชอบที่ควรและไม่ไปในทาง สัมมาทิฐิทั้งที่มีสติ
    สัมปชัญญะ และไม่มีสติสัมปชัญญะ ทั้งตั้งใจและไม่ตั้งใจ ทั้งรู้ตัวและไม่รู้
    ตัวอันจะทำให้ข้าพเจ้าจะต้องทำผิดต่อการดำเนินชีวิตและการสร้างบุญบารมีที่
    บริสุทธิ์และจะกลายเป็นผังชีวิตติดตัวขอข้าพเจ้าไปในภพชาติเบื้องหน้าเมื่อ
    เป็นเช่นนี้แล้ว ข้าพเจ้า จึงมีความตั้งใจและความปารถนา ที่จะ ขอถอนคำอธิฐาน
    ถอนคำสาบาน ถอนคำสัญญา ถอนคำพูด ถอนความคิด จะด้วยกายวาจาใจทั้งตั้งใจและไม่
    ตั้งใจ ทั้งที่มีสติสัมปชันยะ และไม่มีสติสัมปชันยะทั้งละลึกได้และละลึกไม่ได้
    ทั้งรู้ตัวและไม่รู้ตัวที่ผิดพลาดทำไปแล้วนั้นในตั้งแต่ ข้าพเจ้าได้
    บังเกิดขึ้นมาตั้งแต่ชาติแรกและชาติเบื้องต้นไม่ว่าข้าพเจ้าจะเกิดเป็นอะไรก็ตามจน
    ถึงปัจุบันชาตินี้ ข้าพเจ้า ขอให้จบเพียงแค่นี้ ขอให้หมดเพียงแค่นี้ขอให้ไม่มี
    โอกาศ ส่งผลได้อีก นับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปขอให้เหลือแต่เพียงคำอธิษฐาน คำ
    สาบาน คำสัญญา คำพูด ความคิด จะด้วยกายวาจา หรือใจ ที่ทำ ไปในทางแห่งการสร้าง
    บุญสร้างบารมีที่บริสุทธิ์และทางสัมมาทิฐิ เท่านั้นและต่อไปนี้ข้าพเจ้า จะ
    ขอตั้งผังชีวิตใหม่ ให้ดีที่สุดให้รอบคอบที่สุดเป็นไปแต่เพียงการสร้างบุญบารมี
    ที่บริสุทธิ์ เท่านั้น และ ด้วยคำอธิษฐานนี้ขอให้ มีผลไปถึงลูกถึงหลาน สืบต่อ
    กันไปไม่มีวันหมดสิ้นถึงแม้ว่าผู้ที่จะมาเกิดป็นลูกเป็นหลาน จะไม่เคยอฐิษฐาน มา
    ก่อน ก็ขอให้ผังชีวิตที่ข้าพเจ้าได้อธิฐานขึ้นนี้ได้สืบต่อกันไปและติดตัวไป
    ทุกภพทุกชาติสืบต่อกันไปไม่มีวันสิ้นสุดไปทุกพบทุกชาติ ทุกๆภพทุกๆภูมินับ
    ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ( ในวงเล็บนี้ เป็นเพียงแค่ตัวอย่าง แล้วแต่ว่าท่านจะเลือกอะไร / ตลาบกระทั้ง ถึงที่สุดแห่งธรรม - หรือจนกว่าจะเข้า ถึงพระนิพานด้วยเถิด - จนกว่าข้าพเจ้าจะได้เป็นพระพุทธเจ้าอีกพระองค์หนึ่ง
    ในภพชาติเบื้องหน้า )
    ท้ายที่สุดนี้ ขอบารมีของพระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ช่วยให้คำอธิษฐานของข้าพเจ้าเป็น
    จริงด้วยเถิดหากคำอธิษฐานข้อไหนที่ผิดพลาดไปก็ให้ให้คำอธิฐานข้อนั้น ไม่มีผล ขอ
    ให้เหลือไว้แต่เพียง คำอธิษฐานที่ถูกต้องที่สุดที่ดีที่สุดด้วยเถิด

    * ข้าพเจ้าขอลบผังชีวิตเก่าทั้งหมดทั้งสิ้นที่ไม่ดีและไม่ไปในทางสร้างบุญบารมี
    ที่บริสุทธิ์ต่อไปนี้จะเป็นผังชีวิตใหม่ทั้งหมดที่จะมีผลกับตัวของข้าพเจ้าเอง
    รวมไปถึงลูกหลานที่จะสืบต่อเนื่องไปไม่มีวันสิ้นสุดนับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปจนไปถึงในภพชาติเบื้องหน้าและทุกๆชาติ ทุกๆภพทุกๆภูมิหากข้าพเจ้า ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ขอให้ข้าพเจ้า ได้เกิดในสถานที่ ที่อยู่ในร่มเงาพระพุทธศาสนา ในดินแดน แห่งพระพุทศาสนามีแต่ความสงบสุขและง่ายต่อการสร้างบุญบารมีที่บริสุทธิ์ ให้ได้เกิดในครอบครัวสัมมาทิฐิ ที่สั่งสมบุญบารมีที่บริสุทธิ์ ที่ชอบในการทำบุญทำทาน
    รักษาศีล ประกอบอาชีพ ที่เป็นสัมมาอาชีวะ ไม่เบียดเบียนต่อสรรพสัตว์ทั้งหลาย
    และไม่ทำให้ชีวิตผู้อื่นต้องเดือดร้อน

    1. กาย
    1. ขอให้ข้าพเจ้าไม่ยินดีและไม่มีความต้องการ ในการทำร้ายหรือฆ่าหรือสั่งให้
    ผู้ใดทำร้ายหรือฆ่า อย่าได้กระทำการเบียดเบียน ทั้งทางด้านกายวาจาใจต่อ คน ต่อสัตว์ทุก
    ชนิด และต่อตนเองถึงแม้ข้าพเจ้าจะยังเป็นเด็กไร้เดียงสาไม่รู้เรื่องก็อย่า
    ให้ได้ทำ อย่าให้ได้คิด สรุปคือข้าพเจ้าจะไม่ขอฆ่าสัตว์ไม่ขอทำร้ายสัตว์ทุกๆ
    ชนิด ไม่ฆ่าคน และไม่ทำร้ายคนและไม่ยินดี ในการกระทำของผู้อื่น ถึงแม่จะเป็น
    เพียง มด หรือแมลงซึ้งเป็นสัตว์ที่เล็กที่สุด ข้าพเจ้าก็จะไม่คิดทำร้าย
    หรือฆ่าพวกสัตว์เหล่านั้น
    และจะไม่มีผู้ไดมาบังคับ ให้ข้าพเจ้า ได้คิดทำร้าย และฆ่าต่อคนและสัตว์ ได้


    2.วาจา
    2 . ขอให้ข้าพเจ้า เป็นคนที่ ไม่พูดคำหยาบให้พูดแต่คำสุภาพ ไม่ด่าใคร ไม่ว่า
    ใคร ไม่พูดจาส่อเสียด ไม่นินทาใครไม่ให้ร้ายใคร ไม่พูดหักหาญน้ำใจผู้อื่น ไม่
    พูดตัดท้อต่อว่าตัวเอง ไม่ด่าตัวเองไม่พูดต่อว่าคนอื่นไม่พูดจาโอ้อวด ให้พูดด้วย
    คำพูดที่แสดงต่อความอ่อนน้อมถ่อมตน และจะพูดแต่สิ่งที่เป็นจริง ไม่พูดโกหก
    - และเป็นคนฉลาดที่รู้จักพูด รู้ว่าอะไรควรพูดไม่ควรพูด และมีมารยาทกับคน
    ทุกๆคนโดยมีอากับกริยา ที่แสดงออก ทั้งสีหน้าและท่าทางการกระทำ ให้ดีที่สุด
    ให้สุภาพที่สุด ต่อทุกๆคนที่ข้าพเจ้า ได้พูดคุยด้วยไม่ว่าผู้นั้นจะเป็นใครก็
    ตาม ให้ข้าพเจ้าพูดด้วยใจที่บริสุทธิ์ไม่แสแสร้งแกล้งทำหรือแกล้งพูด และให้
    ข้าพเจ้า เป็นคนที่ชอบพูดแต่ในสิ่งที่ดีๆสิ่งที่ เป็นบุญเป็นกุศล อันบริสุทธิ์
    หากข้าพเจ้าได้บอกบุญกับใครหรือได้ชวนใครไปทำบุญ ก็ขอให้คนที่ได้ฟังคนที่ได้
    ยินเกิดความอยากที่จะได้ไปสร้างบุญสร้างบารมีที่บริสุทธิ์และได้ไปตามคำชวนที่
    ข้าพเจ้าที่ได้ชวน

    3.ใจ
    3. ขอให้ ข้าพเจ้าคิดแต่สิ่งที่ดีๆคิดแต่ในสิ่งที่จะเป็นไปในการสร้างบุญสร้าง
    บารมีที่บริสุทธิ์ อย่าให้ได้คิดในสิ่งที่ไม่ดีไม่ว่าจะทำอะไร เห็นอะไร ฟัง
    อะไร เจอกับอะไรหรือคุยกับใคร ฟังจากใคร ไม่ว่าคน คนนั้นจะเป็นใครก็ตาม ก็ตาม
    ให้ข้าพเจ้าได้มีสติปัญญา ที่คิดสอนตนเองได้ ตัดสินใจได้ด้วยตัวเองว่าอะไรดี
    อะไรไม่ดี อะไรจริงและอะไรไม่จริง และจะไม่เชื่อ กับสิ่งที่ไม่เป็นความจริง จะ
    ไม่ชื่อกับสิ่งที่ได้ถูกสร้างขึ้นมาหลอกลวงไม่ว่าจะมาในรูปแบบไดก็ตาม

    4.ขอให้ข้าพเจ้า ได้เกิดมาพบและได้ทำบุญกับเนื้อนาบุญ อันมี พระอริยเจ้า พระ
    พุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้าที่ท่านมีความประพฤติ ปฏิบัติที่ดีงาม อยู่ในศีลธรรมอันบริสุทธิ์
    ให้ข้าพเจ้า เป็นผู้ที่ได้สร้างบุญสร้างบารมีที่บริสุทธิ์เป็นผู้ที่ชอบในการทำ
    บุญทำทานรักษาศิล และปฎิบัติธรรม ได้โดยง่ายและสะดวกให้มีจิตใจที่ ใสสะอาดบริสุทธิ์
    และ อยู่ในบุญตลอดเวลา ไม่ว่าจะหลับจะตื่น นั่งเดิน ยืน นอนให้ข้าพเจ้า
    เป็นผู้ที่ สะอาดทั้ง กาย วาจา ใจ ตลอดเวลา
    ให้มีจิตใจที่ชอบ ชวน คนอื่นๆ มาทำบุญ ทำทานและลักษาศิล และหากชวนใครแล้วก็ขอ
    ให้คนนั้น เกิดความรู้สึกที่อยากจะมาทำบุญทำทานรักสาศิล และรักในการทำบุญทำทาน
    รักสาศิลโดยตลอด อย่าง เต็มใจ

    หากข้าพเจ้าจะต้องมีครอบครัวก็ขอให้ได้คนรัก ที่เป็นคนดี มีจิตใจที่ดี ที่มี
    ศิล สมาธิ ปัญญา มีทิฐิที่เสมอกัน ให้ได้เป็นครอบครัวแก้วเป็นครอบ
    ครัวแห่งการสร้างบุญสร้างบารมีที่บริสุธิให้สืบต่อไปถึงลูกถึงหลานตราบนานเท่า
    นาน

    -------------------------------------------------------------


    *5
    ด้วยบุญกุศลที่ข้าพเจ้าได้ทำไว้ดีแล้วนี้ จงดลบัลดาลให้ข้าพเจ้ามีปัญญาสว่างไสว
    เป็นบัณฑิตนักปราชญ์ฉลาดทั้งทางโลกและทางธรให้แตกฉานในพระไตรปิฎกถึงพร้อมด้วยศีล สมาธิ ปัญญา วิมุติ วิมุติญาณ ทัศนะ ได้สำเร็จวิชชา3 วิชชา8 อภิญญา6 ปฎิสัมภิทาญาน4 วิโมกข์8เป็นผู้มีความบริสุทธิ์กาย วาจา ใจ ถึงพร้อมด้วยที่สุดแห่งรูปสมบัตร ทรัพสมบัตร คุณสมบัตร เจริญด้วยอายุวรรณะ สุขะ พละ ปฎิภาณธนสารบริวารสมบัติ ไม่ตกตำกันดาน ตลอดเส้น
    ทางแห่งการสร้างบารมีและเป็นที่รักของมนุษและเทวดาทั้งหลายมีสมบัติอัศจรรย์
    ทันใช้สร้างบารมีในชาตินี้ และทุกๆชาติเป็นอภิอัครมหาเศรษฐีผู้ใจบุญค้ำจุนพระ
    พุทธศาสนา รู้จักแต่ความได้ในสิ่งที่ดีที่สุด ความมีความสำเร็จ
    ตลอด การสร้างบารมี เมื่อหมดอายุขัยละสังขารจากภพชาตินี้แล้วให้มีจิตผ่องใสกลับสู่

    (ภพภูมิแห่งผู้สร้างบารมีของธรรมภาคขาวบริสุทธิ์ล้วนๆ ไม่ถูกเจือปนด้วยธาตุธรรมภาคอื่นๆ )
    หากเมื่อถึงเวลาที่ต้องมาสร้างบุญบารมีของธรรมภาคขาวอีก ขอให้ข้าพเจ้าได้เกิดใน
    ครอบครัวที่ ระลึกชาติได้ รู้เป้าหมายของการมาเกิดและได้สั่งสมบุญบารมีที่บริสุทธิ ทับทวียิ่งๆขึ้นไป ให้มีกำลังใจเข้มเข็งดุจเดียวกับพระบรมโพธิสัตว์ ได้คบแต่บัณทิต
    นักปราชญ์ และ กัลยาณมิตรเป็นผู้ไม่ประมาทในชีวิต คิดสอนตนเองได้ บาปกรรมอัน
    ไดที่ผิดพลาดทำไปขอให้ไม่มีโอกาสส่งผล ขอให้เป็น อโหสิกรรม
    บุญกุศลใดที่ทำไปดีแล้วขอให้รวมส่งผลก่อนเป็นอัศจรรย์
    ขออุทิศบุญกุศล ที่ข้าพเจ้าได้ทำมาดีแล้วนี้ให้ถึงแก่เพื่อนมนุษย์ และ สรรพ
    สัตว์ ทั้งหลาย และ คู่บุญ คู่กรรมของข้าพเจ้าขอจงมีส่วนในบุญนั้น ที่ทำไว้ดีแล้วนี้
    ขอความปรารถนาทั้งหลายทั้งปวงนี้จงเป็นผังสำเร็จ จงเป็น ผังสำเร็จ จงเป็น ผัง
    สำเร็จ ไปทุกภพทุกชาติตราบกระทั่งถึงที่สุดแห่งธรรมเทอญ นิพพานะ ปัจจะโยโหตุ


    *7
    บุญใด, ที่ข้าพเจ้าได้ทำในบัดนี้, เพระบุญนั้น, และการอุทิศแผ่ส่วนบุญนั้น
    ขอให้ข้าพเจ้า, ทำให้แจ้ง, โลกกุตรธรรมเก้า ในทันที,หากข้าพเจ้า, เป็นผู้อาภัพอยู่,
    ยังต้องท่องเทียวไป, ในวัฏฏะสงสาร, ขอให้ข้าพเจ้า, เป็นเหมือนพระโพธิสัตว์, ผู้
    เที่ยงแท้, ได้รับการพยากรณ์, แต่พระพุทธเจ้าแล้ว, ไม่ถึงฐานะ, แห่งความอาภัพ,18
    ประการ, ขอให้ข้าพเจ้า, พึงเว้นจากเวรทั้ง5, พึงยินดีในการรักษาศิล, ไม่เกาะ
    เกี่ยวในกามคุณทั้ง5, พึงเว้นจากเปลือกตมดังกล่าวคือกามคุณ, ขอให้ข้าพเจ้า, ไม่
    พึงประกอบด้วย, ทิฐิชั่ว, พึงประกอบด้วย, ทิฐิที่ดีงาม, ไม่พึงคบมิตรชั่ว,
    พึงคบแต่บัณฑิตทุกเมื่อ, ขอให้ข้าพเจ้า, เป็นบ่อเกิดแห่งคุณ, คือศรัทธา, สติ,
    หิริโอตตัปปะ, ความเพียรและขันติ, พึงเป็นผู้ที่ศัตรูครอบงำไม่ได้, ไม่เป็นคน
    เขลา, คนหลงงมงาย, ขอให้ข้าพเจ้า, เป็นผู้ฉลาดในอุบาย,แห่งความเสื่อม, และ
    ความเจริญ, เป็นผู้เฉียบแหลม, ในอรรถและธรรม, ขอให้ญานของข้าพเจ้า, เป็นไปไม่
    ข้องขัดในธรรมะที่ควรรู้ ประดุจลมพัดไปในอากาศฉะนั้น, ความปรารถนาใดๆ, ของ
    ข้าพเจ้าที่เป็นกุศล, ขอให้สำเร็จได้โดยง่ายทุกเมื่อ, คุณที่ข้าพเจ้ากล่าวมา
    แล้วทั้งปวงนี้จงมีแก่ข้าพเจ้าไปทุกภพทุกชาติ,
    เมื่อใด, พระสัมมาสัมพุทธเจ้า, ผู้แสดงธรรมเครื่องพ้นทุกข์, เกิดขึ้นแล้วในโลก,
    เมื่อเป็นเช่นนั้น,
    ขอให้ข้าพเจ้า, พ้นจากกรรมอันชั่วช้าทั้งหลาย,เป็นผู้ได้โอกาส, แห่งการบรรลุธรรม,
    ขอให้ข้าพเจ้า, เป็นคนรักศีล, มีศีล, ทรงไว้ซึ่งพระศาสนา, ของพระบรมศาสดา,
    ขอให้เป็นผู้ที่มีการปฎิบัติธรรมได้, โดยสะดวก, ตรัสรู้ได้พลัน กระทำให้แจ้ง
    ซึ่งอรหัตผลอันเลิศ, อันประดับด้วยธรรมะ, มีวิชชาเป็นต้น, ถ้าหากพระพุทธเจ้า, ยังไม่บังเกิดขึ้น, แต่กุศลกรรมของข้าพเจ้า, เต็มเปียมแล้ว, เมื่อเป็นเช่นนี้, ขอให้ข้าพเจ้าพึงได้ญาณ,เป็นเครื่องรู้ เฉพาะตน, อันสูงสุด เทอญ

    -------------------------------------------------------------------------------------------------




    *8 ของแถมจากพี่....ที่ผมนับถือ

    คำอธิษฐานบุญบารมี


    ข้าพระพุทธเจ้า (ชื่อ -นามสกุล.............)


    ซึ่งมีเห็น จำ คิด รู้ กาย วาจา ใจ มั่นคงในพระบวรพุทธศาสนา

    มีพุทธรัตนะ ธรรมรัตนะ สังฆรัตนะ เป็นที่พึ่ง ที่ระลึก

    ได้สั่งสมบุญบารมีดีแล้วในพระบวรพุทธศาสนา เป็นไปเพื่อ สะอาด บริสุทธิ์ สมบูรณ์ บริบูรณ์ ความเจริญมั่นคง ความสำเร็จใน อาณาจักร พุทธจักร ธาตุธรรม มรรค - ผล นิพพาน ในฝ่ายสัมมาทิฐิ
    ข้าพระพุทธเจ้าน้อมบุญบารมีทั้งหลายเหล่านี้ เป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา พระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดปากน้ำ พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) คุณครูอุปัชฌาย์ อาจารย์ คุณมารดาบิดา ญาติพี่น้อง ผู้มีพระคุณทั้งหลาย ตลอดถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระบรมราชินีนาถ ราชวงศ์จักรี ผู้รักษาประเทศชาติ ศาสนา วิชชาธรรมกาย อาณาจักร พุทธจักร ธาตุธรรม มรรค - ผล นิพพาน มนุษย์ อมนุษย์ รวมทั้งตัวของข้าพเจ้าเองด้วย
    ด้วยบุญบารมีดังกล่าวแล้วนี้ ปรารถนาจิตให้ข้าพเจ้าและท่านทั้งหลายได้เกิดในฤกษ์สร้างบารมี บารมี 30 ทัศเป็นเลิศ
    ได้ดวงตาเห็นธรรม รู้แจ้งเห็นจริงในอริยสัจจธรรมทั้ง 4 คือ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค ปัจจัยสี่ สมบูรณ์ บริบูรณ์ ได้ซึ่ง มนุษย์สมบัติ สวรรค์สมบัติ นิพพานสมบัติ

    สำเร็จกิจในอาณาจักร พุทธจักร พระพุทธศานา วิชชาธรรมกาย มรรคผล นิพพาน ในฝ่ายสัมมาทิฐิแต่ส่วนเดียว

    ขึ้นชื่อว่าความอดอยาก ยากจน เป็นหนี้สิน จงอย่าได้บังเกิดแก่ข้าพเจ้าและท่านทั้งหลาย ได้ประสบแต่สรรพสวัสดิพิพัฒน์มงคลด้วยอายุ วรรณะ สุขะ พละ แลธนสารสมบัติ พ้นจากวิบัติ บาปศักดิ์สิทธิ์ ภัยพิบัติ ภัยสงคราม ภัยธรรมชาติ กิเลส อวิชชา เครื่องเศร้าหมองทั้งหลาย พ้นจากกามตัณหา ภวตัณหา วิภวตัณหา

    ไม่เกิดในอบายภูมิทั้ง 4 โลกันตร์นรก อรูปพรหม 4

    ให้ได้เป็นธาตุเป็น ธรรมเป็น แผนผังเป็น กายเป็น นิพพานเป็น สะอาด บริสุทธิ์ สมบูรณ์ และอยู่ในศีล สมาธิ ปัญญา วิมุติ วิมุติญาณทัสนะ

    ไม่เบียดเบียนท่านผู้อื่น ไม่เบียดเบียนตัวของข้าพเจ้าเอง ด้วยกาย วาจา ใจ ละชั่วด้วย กาย วาจา ใจ ทำดีด้วยกาย วาจา ใจ ทำใจให้ใส สะอาด บริสุทธิ์

    ไม่มีท่านผู้หนึ่งผู้ใด สิ่งหนึ่งสิ่งใด รวมทั้งตัวของข้าพเจ้าเอง มาทำลายล้าง แย่งอำนาจ สิทธิ ในการสั่งสมบารมีจวบจนสำเร็จกิจแห่งปรารถนาญาณ ในฝ่ายสัมมาทิฐิแต่ส่วนเดียว

    ข้าพเจ้าทรงไว้ซึ่งอำนาจสิทธิความสำเร็จกิจแห่งศาสนจักร อาณาจักร พุทธจักร มรรคผล นิพพาน ในฝ่ายสัมมาทิฐิแต่ส่วนเดียวในตำแหน่ง.............(พระสัพพัญญูพุทธเจ้า พระอรหันต์ขีณาสพ พระปัจเจกพุทธเจ้า พระพุทธบิดา พุทธมารดา...............)

    นิพฺพาน ปจฺจโย โหตุ
    <!--IBF.ATTACHMENT_27816--><!-- / message --><!-- sig -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 17 มิถุนายน 2006
  4. ๙๙๙๙๙๙๙๙๙

    ๙๙๙๙๙๙๙๙๙ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    1,752
    ค่าพลัง:
    +2,808
    อันนี้สำหลับผู้ที่มุ่งวิชาธรรมกาย

    *6 * สำหรับผู้ที่ต้องการวิชาธรรมกาย

    ด้วยบุญกุศลที่ข้าพเจ้าได้ทำไว้ดีแล้วนี้ จงดลบัลดาลให้ข้าพเจ้ามีปัญญาสว่างไสว
    เป็นบัณฑิตนักปราชญ์ฉลาดทั้งทางโลกและทางธรรได้เข้าถึงพระธรรมกายให้แตกฉานใน
    วิชาธรรมกายให้แตกฉานในพระไตรปิฎกถึงพร้อมด้วยศีล สมาธิ ปัญญา วิมุติ วิมุติญาณ
    ทัศนะ ได้สำเร็จวิชชา3 วิชชา8 อภิญญา6 ปฎิสัมภิทาญาน4 วิโมกข์8
    เป็นผู้มีความบริสุทธิ์กาย วาจา ใจ ถึงพร้อมด้วยที่สุดแห่งรูปสมบัติ ทรัพย์สมบัติ คุณสมบัติ
    เจริญด้วยอายุวรรณะ สุขะ พละ ปฎิภาณธนสารบริวารสมบัติ ไม่ตกต่ำกันดาร ตลอดเส้น
    ทางแห่งการสร้างบารมีและเป็นที่รักของมนุษและเทวดาทั้งหลายมีสมบัติอัศจรรย์
    ทันใช้สร้างบารมีในชาตินี้ และทุกๆชาติเป็นอภิอัครมหาเศรษฐีผู้ใจบุญค้ำจุนพระ
    พุทธศาสนาวิชชาธรรมกายรู้จักแต่ความได้ในสิ่งที่ดีที่สุด ความมีความสำเร็จ
    ตลอด การสร้างบารมี เมื่อหมดอายุขัยละสังขารจากภพชาตินี้แล้วให้มีจิตผ่องใสกลับสู่

    (ภพภูมิแห่งผู้สร้างบารมีของธรรมภาคขาวบริสุทธิ์ล้วนๆ ไม่ถูกเจือปนด้วยธาตุธรรมภาคอื่นๆ )

    หากเมื่อถึงเวลาที่ต้องมาสร้างบุญบารมีของธรรมภาคขาวอีก ขอให้ข้าพเจ้าได้เกิดใน
    ครอบครัวที่ ระลึกชาติได้ รู้เป้าหมายของการมาเกิดและได้สั่งสมบุญบารมีที่บริสุทธิ ทับทวี
    ยิ่งๆขึ้นไป ให้มีกำลังใจเข้มเข็งดุจเดียวกับพระบรมโพธิสัตว์ ได้คบแต่บัณทิต
    นักปราชญ์ และ กัลยาณมิตรเป็นผู้ไม่ประมาทในชีวิต คิดสอนตนเองได้ บาปกรรมอัน
    ไดที่ผิดพลาดทำไปขอให้ไม่มีโอกาสส่งผล ขอให้เป็น อโหสิกรรม
    บุญกุศลใดที่ทำไปดีแล้วขอให้รวมส่งผลก่อนเป็นอัศจรรย์
    ขออุทิศบุญกุศล ที่ข้าพเจ้าได้ทำมาดีแล้วนี้ให้ถึงแก่เพื่อนมนุษย์ และ สรรพ
    สัตว์ ทั้งหลาย และ คู่บุญ คู่กรรมของข้าพเจ้าขอจงมีส่วนในบุญนั้น ที่ทำไว้ดีแล้วนี้
    ขอความปรารถนาทั้งหลายทั้งปวงนี้จงเป็นผังสำเร็จ จงเป็น ผังสำเร็จ จงเป็น ผัง
    สำเร็จ ไปทุกภพทุกชาติตราบกระทั่งถึงที่สุดแห่งธรรมเทอญ นิพพานะ ปัจจะโยโหตุ

    ___________________________________________

    ** / 6 / ( ให้ได้ตามติดอย่างเจาะจง และ อยู่ในวิชาธรรมกาย อย่างเดียว )

    ด้วยบุญกุศลที่ข้าพเจ้าได้ทำไว้ดีแล้วนี้ จงดลบันให้ข้าพเจ้า มีปัญญาสว่างไสว เป็นบัณฑิตนักปราชญ์ฉลาดทั้งทางโลกและทางธรรม ได้เข้าถึงพระธรรมกายให้แตกฉานในวิชชาธรรมกาย แตกฉานในพระไตรปิฎก ถึงพร้อมด้วยศิลสมาธิปัญา วิมุติ วิมุติญาณทัศนะ ได้สำเร็จวิชา3 วิชา8 อภิญญษ6 ปฎสัมภิทาญาน4 วิโมกข์8 เป็นผู้มีความบริสุทธิ์กาย วาจา ใจ ถึงพร้อมด้วย ที่สุดแห่งรูปสมบัตร ทรัพสมบัตร คุณสมบัตร เจริญด้วยอายุวรรณะ สุขะ พละ ปฎิภาณ ธนสารบริวารสมบัติ ไม่ตกตำกันดาน ตลอดเส้นทางแห่งการสร้างบารมี และเป็นที่รักของมนุษและเทวดาทั้งหลาย มีสมบัติอัศจรรย์ทันใช้สร้างบารมีในชาตินี้ และทุกๆชาติ เป็นอภิอัครมหาเศรษฐีผู้ใจบุญ ค้ำจุนพระพุทธศาสนาวิชชาธรรมกาย รู้จักแต่ความได้ในสิ่งที่ดีที่สุด ความมี ความสำเร็จ ตลอด การสร้างบารมี เมื่อหมดอายุขัยละสังขารจากภพชาตินี้แล้ว ให้มีจิตผ่องใส กลับสู่ดุสิตบุรี วงบุญพิเศษ เขตของบรมโพธิสัตว์ ให้ได้ตามติดมหาปูชนียาจารย์ ทั้ง3 มี พระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดปากน้ำ พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) / คุณยายอาจารย์ ( คุณยายจันขนนกยุง ) / และ พระเดชพระคุณหลวงพ่อ ธรรมไชโย วัดพระธรรมกาย อย่าได้พลัดกันเลยตราบถึงที่สุดแห่งธรรม
    เมื่อเกิดมาสร้างบุญบารมีอีก ขอให้ข้าพเจ้าได้เกิดในครับครัวธรรมกาย
    ระลึกชาติได้ รู้เป้าหมายของการมาเกิด และได้สั่งสมบุญบารมีที่บริสุทธิ ทับทวียิ้งๆขึ้นไป ให้มีกำลังใจเข้มเข็ง ดุจเดียวกับพระบรมโพธิสัตว์ ได้คบแต่บัณทิต นักปราชญ์ และ กลัยาณมิตร เป็นผู้ไม่ประมารถในชีวิต คิดสอนตนเองได้ บาปกรรมอันไดที่ผิดพลาดทำไป ขอให้ไม่มีโอกาศส่งผล ขอให้เป็น อโหสิกรรม บุญกุศลใดที่ทำไปดีแล้ว ขอให้รวมส่งผลก่อนเป็นอัศ จรรย์
    ขออุทิตบุญกุศล ที่ข้าพเจ้าได้ทำมาดีแล้วนี้ ให้ถึงแก่เพื่อนมนุษย์ และ สรรพสัตว์ ทั้งหลาย และ คู้กรรมของข้าพเจ้า ขอจงมีส่วนในบุญนั้น ที่ทำไว้ดีแล้วนี้ ขอความปราถนาทั้งหลายทั้งปวงนี้ จงเป็นผังสำเร็จ จงเป็น ผังสำเร็จ จงเป็น ผังสำเร็จ ไปทุกภพทุกชาติ ตราบกระทั้งถึงที่สุดแห่งธรรมเทอญ นิพพานะ ปัจจะโยโห ตุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 8 เมษายน 2008
  5. ๙๙๙๙๙๙๙๙๙

    ๙๙๙๙๙๙๙๙๙ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    1,752
    ค่าพลัง:
    +2,808
  6. ๙๙๙๙๙๙๙๙๙

    ๙๙๙๙๙๙๙๙๙ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    1,752
    ค่าพลัง:
    +2,808
    OO บันทึกของครู..." สัจธรรมของชีวิตคู่และความรัก " OO

    ข้าพเจ้าตอบข้อซักถามแก่หญิงสาวที่เป็นคุณแม่ของ
    ลูก ๆ ที่กำลังจะสอบคัดเลือกเข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัย
    สายตา ข้าพเจ้าเหลือบมองไปยังเพื่อนสาวที่ช่วยขับรถมาเป็น
    เพื่อน คุณแม่คนนี้หน้าตาคมคาย จัดว่าเป็นคนสวยคนหนึ่ง
    แต่ข้าพเจ้ากลับเห็นดวงมรณะซ้อนขึ้นมาในดวงธรรมของเขา
    จึงตรึกเข้าตรวจละเอียดพบว่า...

    หญิงสาวสวยผู้นี้มีผังชีวิตทำอัตตวินิตบาตกรรม(การ
    ฆ่าตัวตาย) มาหลายภพหลายชาติ
    ข้าพเจ้าไม่พูดอะไร ได้แต่
    คุยเรื่องบุญ - กุศล หญิงสาวผู้นั้นสนใจและบอกว่า ถ้ามีงาน
    บุญอะไร อย่าลืมช่วยบอกบุญด้วย ข้าพเจ้าจึงแจกดวงแก้ว
    กายสิทธิ์ลูกเล็ก ๆ ดวงหนึ่งให้เขาไป และขอให้เขาเลี่ยมใส่ติด
    ตัวเพื่อปกปักรักษา พร้อมขอที่อยู่และเบอร์โทรศัพท์ของ
    "พี่แดง" คนสวยผู้นี้

    เดือนหนึ่งผ่านพ้นไป ขณะที่ข้าพเจ้ากำลังรับฟังเรื่อง
    ของคนไข้ที่ป่วยเป็นโรคมะเร็งมาปรึกษาอยู่ พลันได้ยินเสียง
    ของกายสิทธิ์มาบอกว่า.. เจ้าของดวงแก้วกินยาเพื่อจะฆ่าตัว
    ตาย เมื่อสอบถามไปจึงทราบว่าเป็นกายสิทธิ์ในลูกแก้วที่ให้
    พี่แดงไปนั่นเอง ข้าพเจ้ารีบค้นเบอร์โทรศัพท์ และโทรเข้า
    ไปที่บ้านของพี่แดง คนรับใช้มารับโทรศัพท์ ข้าพเจ้าบอก
    ให้เขาขึ้นไปดูเจ้านายเป็นอะไรหรือเปล่า

    จริงดังที่กายสิทธิ์มาบอก พี่แดงกินยานอนหลับเข้าไป
    ประมาณ 200 เม็ด ข้าพเจ้าสั่งให้คนรับใช้รีบนำส่ง
    โรงพยาบาลแถวบ้าน เพื่อล้างท้องช่วยชีวิต และก็สามารถ
    ช่วยชีวิตพี่แดงได้ทันการ

    เมื่ออาการพี่แดงปลอดภัยแล้ว ข้าพเจ้าจึงรับตัวพี่
    แดงมาค้างคืนที่บ้าน และบอกแก่เธอว่า.............. ผังชีวิต
    ของเธอกระทำอัตตวินิตบาตกรรม ข้าพเจ้าจึงให้กายสิทธิ์แก่
    เธอ เพื่อเป็นภาคผู้เลี้ยงคอยคุ้มครองรักษา และข้าพเจ้าได้แก้
    ผังให้แล้ว นับแต่วันที่พบกันครั้งแรก จึงสามารถช่วยชีวิตเธอ
    รอดปลอดภัย

    พี่แดงได้แต่ร้องไห้ว่า...ชีวิตนี้หมดสิ้นทุกอย่าง เธอ
    เป็นคนสวยรวยทรัพย์ แต่ไม่อาจให้ทายาทสืบสกุล เพราะได้
    ผ่าตัดมดลูกไปแล้ว เมื่อ 5 ปีก่อน จึงเป็นสาเหตุให้สามีนอกใจ
    ไป มีหญิงอื่นและมีบุตรด้วยกัน ทอดทิ้งเธอให้ช้ำระกำใจ
    ชีวิตนี้อยู่ไปก็เปล่าประโยชน์

    "พี่คะ สมัยหนึ่งพระอานนท์ทูลถามพระพุทธองค์ว่า
    ทุกข์อันใดที่เป็นทุกข์ที่สุดของสตรีเพศ
    พระพุทธองค์ทรงตรัสว่า...................
    ทุกข์ที่สุดของสตรีคือ สามีนอกใจไปมีผู้หญิงอื่น

    ฉะนั้นการที่พี่เจ็บปวดรวดร้าวเป็นของธรรมดา เพราะ
    ผู้หญิงนั้นลงได้รักใครแล้วก็มั่นคงเหนียวแน่น ยากที่จะถ่าย
    ถอน และความรักที่ไม่สมปรารถนานั้นเป็นความรวดร้าวอย่าง
    ยิ่ง สำหรับผู้หญิง เนื่องจากผู้หญิงถือว่า ..ชีวิตเป็นส่วนหนึ่ง
    ของความรัก ตรงกันข้ามกับผู้ชายมักเห็นความรักเป็นเพียง
    บางส่วนของชีวิตเท่านั้น เมื่อเกิดความรักผู้หญิงจึงทุ่มเททั้ง
    ชีวิตและจิตใจให้แก่ความรัก

    แต่พระพุทธองค์ทรงสอนว่าคนเราไม่ควรปล่อยตนให้
    ตกอยู่ภายใต้อำนาจแห่งความรัก เพราะการพลัดพรากจากสิ่ง
    อันเป็นที่รักเป็นเรื่องทรมานและเป็นเรื่องที่จะบังคับมิให้
    พลัดพราก ก็เป็นสิ่งสุดวิสัย ทุกคนจะต้องพรัดพรากจากสิ่งอัน
    เป็นที่รักที่พอใจ ไม่วันใดก็วันหนึ่ง

    และหลวงพ่อวัดปากน้ำก็สอนว่า...

    อ้ายที่อยาก มันก็หลอก อ้ายที่หยอก มันก็ลวง
    ทำให้จิตเป็นห่วงเป็นใย เลิกอยาก ลาหยอก
    รีบออกจากกาม เดินตามขันธ์สามเรื่อยไป
    เสร็จกิจสิบหก ไม่ตกกันดาร เรียกว่า นิพพาน ก็ได้


    แม้สามีของพี่จะทำให้พี่ชอกช้ำ พี่ก็ต้องให้อภัยคนที่ตน
    รัก ถ้าจะรัก ก็จงรักด้วยจิตที่บริสุทธิ์ จงอย่ารักเพราะตัณหา
    พี่ว้าเหว่ คิดว่าไร้ที่พึ่ง ไม่รู้จะยึดหลักอะไรเป็นที่พึ่งของชีวิต
    พี่จงรับ "ธรรม" เป็นที่พึ่งเถิด อย่าหวังอย่างอื่น
    เป็นที่พึ่งเลย แม้จะประสบปัญหาหัวใจ หรือได้รับความทุกข์
    ยากลำบากสักปานใด ก็ต้องไม่ทิ้งธรรม

    พี่คะ... ธรรมดาไม้จันทร์นั้นแม้จะแห้ง ก็ไม่ทิ้งกลิ่น
    หัสดินก้าวลงสู่สงคราม ก็ไม่ทิ้งลีลา
    อ้อยแม้เข้าหีบยนต์แล้ว ก็ไม่ทิ้งรสหวาน
    บัณฑิตแม้ประสบทุกข์ ก็ไม่ทิ้งธรรม

    พระพุทธองค์ทรงย้ำว่า พึงสละทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อรักษาธรรม

    พี่จงมีดวงตาเห็นธรรม เห็นโทษของความรักที่ประกอบ
    ด้วยตัณหานี้กามคุณนั้นเป็นของไม่เที่ยง ไม่ยั่งยืน มีสุขน้อย
    แต่มีทุกข์มาก มีโทษมาก มีความคับแค้นเป็นมูล มีทุกข์
    เป็นผล จะบอกความจริงแก่พี่ว่า นับแต่นี้ต่อไป พี่จงปฏิบัติ
    ธรรมสร้างบุญ สร้างกุศลที่สุด เพราะพี่จะมีชีวิตอยู่อีกไม่นาน"

    แล้วข้าพเจ้าก็เอามือตบเข้าที่กระดูกสันหลังของพี่แดง

    "พี่เป็นมะเร็งที่กระดูก และดวงมรณะมาซ้อนดวงธรรมเกิน
    กว่า 50 % คิดว่าคงจะช่วยพี่ให้อายุยืนยาวต่อไปไม่ได้
    แต่จะช่วยชี้ทางสวรรค์ - นิพพานให้พี่ แต่พี่ต้องเป็นผู้ปฏิบัติ
    เอง มรรคผลนิพพาน เป็นของจริงใครทำใครได้ พี่เอาเวลาที่
    เหลือสร้างคุณค่า เป็นประโยชน์ที่สุดแม้แก่ตัวเอง ครอบครัว
    สังคม ประเทศชาติ และศาสนาและพี่จะรู้ว่า สุขที่แท้จริง ก็
    คือ สุขในธรรมะของพระพุทธองค์...ฯลฯ"

    ข้าพเจ้านั่งขัดสมาธิ เทศนาธรรมะว่าด้วยเรื่องพระรัตน
    ตรัยเป็นที่พึ่งอันสูงสุด ลุ่มลึกจากต้นไปลำดับจนค่อนคืน
    จึงถอนออกจากสมาธิ

    พบว่าพี่แดงนั่งไหว้ข้าพเจ้าประหลกๆ !!!

    "พี่เชื่อคุณแล้ว ๆ ธรรมะมีจริง เวลาที่คุณเทศน์ธรรมะ
    แสงสว่างไปทั่วตัวคุณ ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น"

    "และพี่ต้องทำให้ได้นะ ธรรมะใด ๆ ก็ไร้ค่า ถ้าไม่ทำ"

    แต่นั้นมาพี่แดงได้ให้อภัยแก่สามี สามีจึงกลับมาอยู่บ้าน
    และช่วยดูแลรักษา พี่แดงเป็นมะเร็งจริง ๆ มะเร็งเข้ากระดูกถึง
    สามข้อ รับทุกข์ - เวทนาจากโรคภัยไข้เจ็บเป็นที่สุด แต่
    เธอก็เบิกบานใจ มีสุขในธรรมะ ที่ข้าพเจ้าพยายามสอนให้
    เธอเข้าใจและปฏิบัติ ทั้งทาน ศีล และภาวนา

    จนกระทั่งวาระสุดท้ายที่โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์
    ข้าพเจ้าได้ นิมนต์พระ มาจากวัดปากน้ำ(ภาษีเจริญ) มารับ
    สังฆทาน สวดมนต์และนำสมาธิจิต ทีละกาย ๆ จนเธอสิ้นใจ
    ด้วยดวงหน้าที่ผ่องใสอย่างสงบ มีสุขคติเป็นที่ตั้ง

    พระเจ้า ช่วยใคร ไม่ได้หรอก
    ได้แต่บอก แนวทาง วางไว้ให้
    เราต้องหมั่น ปฏิบัติ ขัดเข้าไป
    จึงจะได้ พ้นทุกข์ สุขสมปอง
    <!-- / message --><!-- / message --><!-- sig -->
     
  7. ๙๙๙๙๙๙๙๙๙

    ๙๙๙๙๙๙๙๙๙ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    1,752
    ค่าพลัง:
    +2,808
    OO บันทึกของครู...." สับเปลี่ยน-ถอนถอยธาตุธรรม เพื่องานศาสนจักร " OO

    จากประสบการณ์หลายปีที่ผ่านมา ข้าพเจ้าได้
    สัจจธรรม ข้อหนึ่งที่ว่า จะหาสักคนหนึ่งเพื่อธรรมแห่งความ
    หลุดพ้น ยากยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทร ดังนี้ว่า..............

    "หนทางสายนี้เป็นทางอันสงบ ระงับ อันประณีตเยือกเย็น
    อันสัตว์ทั้งหลายค้นหาได้ยาก เป็นทางอันประเสริฐของผู้มี
    ปัญญา ผู้หาธุลีในดวงตามิได้แล้ว เป็นผู้ดำเนินไป"

    มรรคาสายนี้ เป็นที่ทำญาณ
    รู้ทุกประการ ทำซึ่งดวงตา
    ย่อมจักเป็นไป เพื่อให้นำมา
    ความรู้ยิ่งพา พบสงบนิพพาน


    ฉะนั้นอะไรเล่าที่จะเป็นวิชชาที่นำพาสรรพสัตว์ข้าม
    ทะเลทุกข์ได้ดีที่สุด ข้าพเจ้านำความดำริของตน กราบเรียน
    พระเดชพระคุณหลวงพ่อทราบ หลวงพ่อยิ้มอย่างพอใจ และ
    ว่า.............

    "แก้วกายธรรม นี้แหละคือ โพธิจิต มหาจิตอันยิ่ง
    ใหญ่ เป็นคุณสมบัติของเหล่าผู้กล้าแห่งโพธิญาณจะดำเนิน
    ไป ถ้าเช่นนั้น เจ้าจงบำเพ็ญโพธิญาณให้ถึงมหาปณิธานที่
    เจ้าพึงมีเถิด หลวงพ่อจะมอบวิชชาอันประเสริญล้ำค่าแก่เจ้า

    เจ้ารู้ไหม ความลำบากยากแค้นและความทุกข์เวทนา
    ที่เจ้าได้รับมา ตลอดเวลาหลายปีที่ผ่าน..............
    ความทุกข์เวทนาแห่งกองสังขาร ทำให้เจ้าเกิดความเบื่อ
    หน่าย เมื่อจิตเกิดความเบื่อหน่าย ก็ย่อมคลายความติด
    เพราะคลายติด จิตก็พ้น เพราะจิตพ้น ก็ผ่องแผ้ว
    รู้ว่า จิตพ้นแล้วหนอ จิตหนา

    แม้จะทุกข์เวทนา แต่เจ้าก็เหมือนเด็กน้อยที่เต็มไปด้วย
    ความหวัง ดั่งเด็กน้อยที่ตื่นขึ้นมาทุกเช้า ด้วยสายตาดวง
    ใหม่ พร้อมที่จะเรียนรู้ และปฏิบัติตามคำสั่งสอนของ
    ครูบาอาจารย์ อย่างไม่เห็นแก่ความเหน็ดเหนื่อย และเห็น
    แก่ได้ เต็มเปี่ยมด้วยความเมตตากรุณา สงสารสัตว์โลก
    ผู้ตกทุกข์ได้ยาก ถึงสุขภาพจะไม่อำนวย เจ้าก็ยังข่มสังขาร
    ออกช่วยผู้คน ถึงจะมีเงินทองอันน้อยนิด เจ้าก็สละ เพื่อผู้ที่
    ทุกข์ยากมากกว่า เจ้ามีคุณสมบัติเหมาะที่จะเดินรุกหน้าต่อไป
    เพื่อสู่เส้นทางโพธิญาณ"

    ( หนทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน ความทุกข์ยาก
    ลำบาก พิสูจน์ถึงแล้วแห่ง คุณสมบัติของแก้วกายธรรม ดังนี้

    1.ไม่สนใจ ในความเจ็บไข้ได้ป่วย
    2.ไม่สนใจ ให้ใครตามใจรักใคร่
    3.ไม่สนใจ ในอุปสรรค
    4.ไม่สนใจ ในความล้มเหลว
    5.ไม่สนใจ สิ่งตอบแทนผลประโยชน์
    6.ไม่สนใจ ความทุกข์ยากในการทำดี
    7.ไม่สนใจ การถูกใส่ร้ายป้ายสี
    8.มุ่งมั่นทำดี
    9.อยู่เพื่อให้
    10.ซ้ายไม่ไป ขวาไม่ไป หลังไม่มอง
    เดินหน้าสู่ทางสายกลาง )

    ฉะนั้น หลวงพ่อจะคืนเจ้า สู่เส้นทางที่เจ้าได้ดำเนินมา
    แล้วและ จะต้องผลิต่อไป เจ้าจงตั้งใจเรียนวิชชาธรรมกาย
    ขั้นสูงต่อไป วิชชาเหล่านี้จะเป็นประโยชน์ต่องานของธาตุ
    ธรรมหาที่สุดมิได้

    ( วิชชาธรรมกายลำดับจากต้นถึงปลายมี

    มณีรัตน์ วิชชาแก้โรค แก้กรรม
    ฤทธิณรงค์ วิชชาการรบ
    พงศ์กษัตริย์ วิชชาการปกครอง
    บรมจักร มนุษย์สมบัติ
    พุทธจักร นิพพานสมบัติ )


    จากวันนั้นข้าพเจ้าก็ปิดฉากตัวเองลง เพื่อจะฝึกฝน
    วิชชาขั้นสูงต่อไป เพื่อมิให้ผู้คนมารบกวน และอยากให้ทุก
    ท่านที่รู้จัก ลืมข้าพเจ้าเสีย ข้าพเจ้าจึงเข้าสมาธิทำวิชชาแก้
    ผัง แล้วอาราธนากำแพงแก้ว 7 ชั้น ครอบทั้งบ้านและ
    ครอบครัว ซ่อนธาตุซ่อนธรรมไว้เสีย ได้ผล แม้ผู้คนที่มาหา
    ถึงหน้าบ้าน ยังหันหลังกลับ และไม่นาน ทุกท่านก็ลืมบ้านหลัง
    น้อยแห่งนี้และลืมข้าพเจ้าไป

    แปลกแต่จริง !!! การปฏิบัติธรรมครั้งนี้กลับทำให้
    ข้าพเจ้าลำบากใจเป็นที่สุด เพราะเมื่อเข้าสมาธิแล้ว กลับ
    ปรากฏมีแส้จีน(ภู่ยาว ๆ มีด้ามถือ) มาตวัดตัวข้าพเจ้าลอยละ
    ลิ่วเข้าไปแดนวิสุทธิภูมิ พบเซียน 2 ท่าน

    <CENTER>
    ท่านหนึ่งหนวดดำ
    อีกท่านหนึ่งหนวดขาว
    นั่งอยู่เบื้องหน้าข้าพเจ้า ข้าพเจ้างงมาก !!!!
    </CENTER>
    แล้วท่านก็เริ่มสอนข้าพเจ้าว่า ข้าพเจ้าจำต้องเรียน........
    เรื่องราวของภพ จักรวาล ทั้งจักรวาลภายนอกและจักรวาล
    ภายใน คือตัวของเราเอง ท่านทั้ง 2 ได้บอกชื่อแก่ข้าพเจ้า
    แต่ข้าพเจ้าไม่สันทัดภาษาจีน จึงขอเรียกท่านว่า

    <CENTER>
    ท่านเซียนหนวดขาว
    และท่านเซียนหนวดดำ
    </CENTER>
    ข้าพเจ้าเรียนถามไปว่า

    "มายุ่งกับข้าพเจ้าทำไม? ข้าพเจ้าเรียนวิชชาธรรมกาย
    ของพระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดปากน้ำอยู่"

    ท่านเซียนทั้งสองตอบว่า

    "ตัวข้าพเจ้านั้นสร้างบารมีเป็นธาตุธรรมทั้งสองสาย
    คือสายสีขาว ของพระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดปากน้ำ
    (ภาษีเจริญ) และสายสีแดง วิชชาเซียน วิสุทธิเทพ -
    วิสุทธิภูมิ "

    นี้คือสาเหตุ เมื่อหลวงพ่อคืน "คุณสมบัติ" ตามที่
    ข้าพเจ้าได้บำเพ็ญมา สายสีแดง จึงตรวจพบข้าพเจ้า และให้
    ท่านวิสุทธิเทพมาพาข้าพเจ้าคืนสู่ วิชชาเซียน (ข้าพเจ้าถึง
    บางอ้อ !! เพราะสงสัยอยู่นานว่าทำไม อาสนะบัวของตนมี
    สีชมพู ใส ไม่ใช่สีขาวใสแบบหลวงพ่อ)

    ปรมาจารย์เซียนมาสอนข้าพเจ้า ทุกครั้งแส้ของท่าน
    เซียนจะตวัดข้าพเจ้า ได้ก่อนที่จะเข้าสู่วิชชาธรรมกาย จึงทำ
    ให้ ข้าพเจ้าได้เรียนวิชชาเซียน เริ่มต้นตั้งแต่การกำเนิดแห่ง
    ภพ จักรวาล เรียนรู้มาจนถึงภาคพื้นมนุษย์ ให้รู้ฟ้า รู้ดิน
    และ รู้มนุษย์ ทุกครั้งท่านเซียนจะเอาแส้ตวัดเอากายละเอียด
    ของข้าพเจ้าไปเรียนรู้วิชชาเซียน ซึ่งข้าพเจ้าเริ่มสนุกกับ
    วิชชาเพราะ เป็นสิ่งที่สัมผัสกับมนุษย์โดยตรง รู้ฟ้า
    รู้ดิน และ รู้มนุษย์


    วิชชาเซียนประกอบด้วย

    -ชี่กง การโคจรของลมปราณจักรวาล
    -ไน่กง การโคจรลมปราณภายใน
    -บู๊เฮียบ วิทยายุทธ์
    -ฮวบกง เรื่องฤทธิ์และการเขียนยันต์

    เบื้องต้นฝึกสำเร็จเรียก วรยุทธ์
    เบื้องกลางฝึกสำเร็จเรียก อภิยุทธ์
    เบื้องสูงฝึกสำเร็จ เป็นเซียน

    (เซียนยังมีลำดับขั้นในวิสุทธิภูมิ)


    จนกระทั่ง.......วันหนึ่งที่ข้าพเจ้าเรียนวิชาการเขียน
    ยันต์ให้มีฤทธิอยู่นั้น พระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดปากน้ำซ้อน
    สุดละเอียดเก็บกายฝ่ายเซียนออก และสั่งห้ามข้าพเจ้าเรียน
    วิชชาเซียนต่อไป ให้ทุ่มเทเวลาทั้งหมดแก่วิชชาธรรมกาย
    เพราะจะเป็นวิชชาซึ่งจำเป็นต่องานของธาตุธรรม อย่าได้เสีย
    เวลาแก่สิ่งเหล่านี้เลย ให้ตั้งใจเรียนวิชชาผังการรบ
    การปกครอง

    หลวงพ่อให้ข้าพเจ้าว่า...สัจจะเด็ดขาดจะช่วยงานหลวง
    พ่อสะสางธาตุธรรม สืบสานสายงานต่อจากงานที่หลวงพ่อ
    ทำไว้ คือ การคำนวณยุคทมิฬ - ถิ่นกาขาว ให้เข้าสู่ยุคถิ่น
    กาขาว - ชาวศิวิไลซ์ ไม่ว่ากาลข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้น ต้อง
    ไม่ทิ้งงาน จนกว่า..จะสามารถคำนวณงานศาสนจักร
    อาณาจักร พุทธจักร มรรคผล นิพพานในฝ่ายสัมมาทิฐิแต่
    ส่วนเดียว คำนวณรวมเป็นหนึ่ง

    ทั้งนี้ต้องอาศัยเงื่อนไขแห่งกาลเวลาของภพ จักรวาล
    ดวงดาว มาเรียงเป็นแนวเดียวกันในวันที่ 5 พฤษภาคม
    ค.ศ. 2000 ซึ่งพระเดชพระคุณหลวงพ่อไม่อาจอยู่ถึงได้
    เพื่ออาศัยเงื่อนจักรวาลนี้ เปิดเอาหัวแก๊สส่วนธรรม ที่ซ้อนตั้ง
    ฉากกัน เป็นผลให้ศาสนาเรียวลง ๆ จนหมดไปจากแผ่นดิน
    สุวัณณภูมิ แผ่นดินธรรม แผ่นดินทอง แผ่นดินแห่งการสืบ
    ศาสนจักร อาณาจักร พุทธจักร มรรคผลแห่งนี้


    ถ้างานแล้วเสร็จ ข้าพเจ้าจะคืนสู่ความเป็นสถานภาพ
    ใด ๆ ก็ตาม ก็จะไม่บังคับอีกต่อไป .............

    ข้าพเจ้าไม่เข้าใจในสิ่งที่หลวงพ่อกล่าว แต่ก็ยอมให้
    สัจจะ คืนนั้นข้าพเจ้าจุดธูปไหว้บอกกล่าวฟ้า - ดิน ขอขมา
    โทษกรรมและ บอกเลิกการเรียนวิชชาต่อปรมาจารย์วิชชา
    เซียนทั้งหลาย ยุติการเรียนนับแต่คืนนี้เป็นต้นไป เพราะ
    ข้าพเจ้าได้ให้สัจจะจะช่วยงาน พระเดชพระคุณหลวงพ่อวัด
    ปากน้ำ ผู้มีพระคุณยิ่งไปแล้ว

    ไม่คาดไม่ฝัน ทันทีที่ปักธูปลงเท่านั้น สายตาละเอียด
    ก็เห็นกองทัพ แต่งกายเหมือนนักรบฝ่ายจีนฝ่ายสีแดง ปรากฏ
    ขึ้นกลุ่มหนึ่ง เข้าต่อสู้โรมรันอุตลุดกับกองทัพนักสิทธิ์
    (กายสิทธิ์) ฝ่ายสีขาว ข้าพเจ้าตกใจมาก เกิดมาไม่เคยพบ
    เคยเห็น ยืนตลึงทำอะไรไม่ถูก ทั้งสองฝ่ายประมูลฤทธิ์ เพื่อ
    แย่งชิงธาตุธรรม คือตัวข้าพเจ้านั่นเอง

    เมื่อคิดได้เช่นนั้น จึงกำหนดจิตสู่กายละเอียด ออกไป
    ห้ามทัพ บอกสัจจะเด็ดขาด จะขอช่วยงานพระเดชพระคุณ
    หลวงพ่อ ตามสัจจะจนกว่าจะถึง ค.ศ. 2000 แล้วค่อยว่า
    กันต่อไป

    กองทัพฝ่ายสีแดงได้ยินเช่นนั้น ก็หยุดรบทันที
    ปรากฏกาย......องค์พระแม่กวนอิมขึ้นมาพูดสำทับเสียงก้อง
    ว่า....

    "เก๊า ซี๊ อี เชาะ นั๊ง บ่ หงี ไล้ ไห่ ลื่อ"

    แล้วทั้งกองทัพฝ่ายสีแดงก็หายวั๊บไปกับตา ข้าพเจ้าไม่เข้าใจ
    เพราะไม่สันทัดในภาษาจีน แต่ก็จำคำพูดนี้ได้ขึ้นใจ
    รู้สึกแต่ว่าคงจะไม่ค่อยดี แต่ก็ไม่ใส่ใจ เพราะข้าพเจ้าผ่าน
    ความทุกข์ยาก ลำบาก มาอย่างมากมาย ชีวิตก็ตั้งใจเพื่อ
    ช่วยงานหลวงพ่ออยู่แล้ว ฉะนั้น

    ถึงงานจะ เสี่ยงเพียงไร ตั้งใจมั่น
    จะบากบั่น สร้างสรรค์ วางเป้าหมาย
    จะเหลวล้ม สำเร็จ ฤากลับกลาย
    ลูกคนนี้ จะสู้ เพื่อธาตุธรรม
    <!-- / message -->
    <!-- / message -->
     
  8. ๙๙๙๙๙๙๙๙๙

    ๙๙๙๙๙๙๙๙๙ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    1,752
    ค่าพลัง:
    +2,808
    คำอธิษฐานบูชาพระพุทธบาท

    คำอธิษฐานบูชาพระพุทธบาท “ข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลาย ขออาราธนาบารมี องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าทุกๆพระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ และพระธรรม พระอริยสงฆ์ทั้งหลาย ผู้เป็นพระอัครสาวก และพระอรหันต์สาวกของพระพุทธเจ้าทั้งหลายที่ผ่านไปแล้วในอดีด ตั้งแต่ต้นพุทธวงศ์ จนกระทั่งถึงปัจจุบันนี้ ครูบาอาจารย์ทั้งหลายสืบๆกันมา พระบรมโพธิสัตว์ทั้งหลาย อันตลอดจนถึงพรหมโลก ภาคผู้เลี้ยง ผู้รักษา ศาสนจักร อาณาจักร พุทธจักร มรรคผล นิพพาน สวรรค์ทุกชั้นฟ้าทั้งหมื่นโลกธาตุ ทั่วแสนโกฎิจักรวาล ผู้มีหน้าที่รักษาทรัพยากรของชาติ รักษานภากาศ รักษามหาสมุทร จนกระทั่งสุดพื้นปฐพีคือที่เป็นอากาศเทวดาก็ดี เป็นรุกขเทวดาก็ดี เป็นภุมเทวดาก็ดี จะเป็นประเทศอื่นหรือประเทศไทยก็ดี ที่ยังเป็นเขตแดนพระพุทธศาสนา คือผู้ที่รักษาอาณาเขตนี้ และที่รอยพระพุทธบาททุกแห่ง กับทั้งที่พระบรมธาตุทุกสถาน พระสยามเทวาธิราช พระเสื้อเมือง พระทรงเมือง และเจ้าพ่อหลักเมือง ทั่วทั้งเมืองไทย ขอได้โปรดเสด็จมา ณ สถานที่นี้ ต่อหน้าพระแท่นธรณี เพื่อเป็นสักขีพยาน ปวงข้าพระพุทธเจ้าจะขอตั้งสัตยาธิษฐาน ประสานผลบุญราศรีที่ได้บำเพ็ญมา นับตั้งแต่อดีตชาติมาจนถึงโอกาสนี้ ซึ่งมีการบูชาสักการะรอยพระพุทธบาทบรม ด้วยการมอบกายถวายชีวิต จนถึงกิจงานรวมภาคครั้งนี้ ขออานิสงส์บุญทั้งหมดที่มีทับทวีมารวมตัวกันให้เต็มครบถ้วนทั้ง ๓๐ ทัศ จัดอยู่ในปรมัตถบารมี ธรรมใดที่องค์สมเด็จพระบรมครูที่ได้ตรัสรู้แจ้งแห่งธรรมแล้ว ขอให้ลูกแก้วทั้งหลาย จงได้เห็นธรรมนั้นทุกประการ หากยังไม่เข้านิพพานเพียงใด ขอคำว่า “ ไม่มี ” ทั้งหมด จงอย่าได้มาปรากฏ เมื่อสังขารหมดสิ้นไป อารมณ์ใจอย่าได้มืดมัว ขอให้แสงสีรัศมีกาย จงส่องกระจายไปทั่ว และทิพย์วิมานทั้งหลาย จงเฉิดฉายงามสดใส ถ้าโลกจะประสบสงครามใหญ่ ซึ่งอาจมีต่อไปในกาลข้างหน้า ตามที่พระศาสดาทรงทำนาย ว่ายักษ์ร้ายนอกพุทธศาสนา อาจจะรบราฆ่าฟันกัน ด้วยอาวุธอันทันสมัย หากเป็นจริงตามนั้นไซร์ โปรดได้อภิบาลชาวไทยผู้ตั้งมั่นอยู่ในศีลธรรมทั้งหลาย ให้พ้นจากภัยพิบัติเหล่านั้น ครั้นจะย่างก้าวไปในสารทิศใด ขอเทพไท้เทวาแต่ละทิศ จงมีจิตคิดเมตตา โปรดจำหมู่ข้าพเจ้าไว้ ขอทั้งศาสตราและสรรพอาวุธ ทั้งอุบัติเหตุอาเพทภัย ทั้งคุณไสยยาพิษ ผู้คิดเป็นศัตรูหมู่พาล จงอย่าได้ทำอันตรายทั้งหมด หากมีผู้คิดคดทรยศ ต่อสถาบันชาติ พระศาสนาและพระมหากษัตริย์ โปรดขจัดให้สิ้นไป อย่าให้ทำการสิ่งใดสำเร็จ จงได้สูญหายมลายไปด้วยภัยของตนเองขอให้พ้นจากทุพภิกขภัย คือความอดอยากยากจน และพ้นจากภัยธรรมชาติทั้งปวง คือ ฟ้าผ่า ลมแรง ไฟไหม้ น้ำท่วมใหญ่ และแผ่นดินไหว เป็นต้น สัพพะทุกข์ สัพพะโศก สัพพะโรค สัพพะภัย สัพพะเคราะห์ เสนียดจัญไร จงพินาศหมดสิ้นไป ด้วยชัยมงคลทั้งหลายเมื่อกาลเวลามาถึงไซร้ ขอให้มีผู้บริหารบ้านเมืองที่ทรงธรรม คนดีเข้ามารักษาประเทศชาติ เพื่อให้ประชาราษฏร์มั่งคั่งเกษมศรี ให้มีความอยู่ดีกินดี พืชสวนไร่ในนาอย่าได้เสียหาย ค้าขายก็ขอให้ได้กำไรดีอีกทั้งแร่ธาตุทองคำ และน้ำมันทั้งหลาย อันเป็นทรัพยากรของชาติ ขอจงได้ปรากฎโดยเร็วพลัน เพื่อเป็นประโยชน์แก่ชาวไทย จนถึงเข้ายุคชาวศรีวิไล แล้วมีความรุ่งเรืองไปในอาณาประเทศ เพื่อจะสืบต่ออายุพระพุทธศาสนา อันจะแผ่ไปในภายภาคหน้า ตามพุทธพยากรณ์ไว้ว่า หลังกึ่งพุทธกาลแล้ว.......... พระศาสนาจะรุ่งเรืองอีกวาระหนึ่ง ขอให้มีผู้ปฎิบัติได้ เพื่อช่วยกันประกาศศาสนา เป็นการขจัดภัยจากอลัชชี คือ ผู้ที่เป็นมิจฉาทิฎฐิทั้งหลายสาธุ... ด้วยอำนาจแห่งสัจจะอธิษฐานนี้ ขอพระบารมีทุกท่านได้โปรดประทานพร ให้ข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลาย ผู้เป็นเผ่าพันธุ์ของพระองค์ อันนับเนื่องอยู่ในศากยวงศ์ ถ้าหากคงไม่เกินวิสัย ขอให้เป็นไปตามนั้น และให้สามารถปฎิบัติตนจนได้ผล ทั้งสุกขวิปัสสโก เตวิชโช ฉฬภิญโญ และปฎิสัมภิทัปปัตโต โดยฉับพลันนั้นเทอญ...” อานิสงส์การกราบไหว้บูชาพระพุทธบาทพระพุทธเจ้าทรงพระมหากรุณาธิคุณ เสด็จไปเผยแผ่ และทรงเหยียบรอยพระพุทธบาท และประดิษฐานพระบรมธาตุไว้บุคคลชายหญิงคฤหัสถ์และนักบวช ที่ได้สักการบูชา พระบรมธาตุและพระพุทธบาท ก็จะได้ผลานิสงส์เป็นอันมาก อันนับประมาณมิได้ กล่าวคือ..1. เป็นบุคคลที่ไม่มีโอกาสไปเกิดในอบายทั้งสี่ แต่จะพุ่งดิ่งตรงต่อพระนิพพาน2. เสมอดังได้พูดได้คุยได้ซึ่งพระพุทธเจ้าทุกวันเวลา3. เสมอดังได้เดินตามหลังพระพุทธเจ้าทุกบาททุกก้าว4. เสมอดังได้ปลูกสร้างพระเจดีย์ พระวิหาร5. เสมอดังได้บำเพ็ญ กุศล ส่วนบุญด้วยปาก ด้วยกาย ด้วยใจทุกเวลาด้วยเดชแห่งผลานิสงส์ดังนี้ จะอุปถัมภ์ค้ำชูอุดหนุนให้ตั้งอยู่ในทางสัมมาปฎิบัติ ประกอบ ด้วยยศศักดิ์ ชื่อเสียงเป็นที่เลื่องลือ เป็นผู้ฉลาด มีญาณปัญญายิ่งกว่าคนทั้งหลาย ภัยอันตรายต่างๆก็ดี โรคภัยไข้เจ็บต่างๆ ก็ดี อุบาทว์และศัตรูต่างๆ ก็ดี ย่อมระงับดับหายไปจะสัมฤทธิ์สมบูรณ์ด้วยทรัพย์สิ่งของ เงินทอง ข้าวเปลือกข้าวสาร ทั้งปศุสัตว์ จักอุดมด้วยฤทธิ์เดชยิ่งนัก จะประสบสุขในชาตินี้และชาติต่อๆไป หากมีบุญสมภารมาก ก็จะได้ถึงพระนิพพาน ในศาสนาของพระพุทธเจ้าโคตมะนั้นแน่นอนแม้นว่าบุญสมภารยังไม่บริบูรณ์เต็มที่ ก็จะได้เห็น พระศรีอริยะเมตไตรย และจะได้มรรคผลในศาสนาของพระองค์อย่างเที่ยงแท้แน่นอน โดยไม่ต้องสงสัย ดังนี้แล ฯ
     
  9. angus

    angus เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    545
    ค่าพลัง:
    +2,724
    โมทนาค่ะ
     
  10. padon

    padon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    29
    ค่าพลัง:
    +155
    อนุโมทนาครับ
    (ภาษาไทยผิดค่อนข้างเยอะครับ)
     
  11. ๙๙๙๙๙๙๙๙๙

    ๙๙๙๙๙๙๙๙๙ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    1,752
    ค่าพลัง:
    +2,808
    “ธรรมะของเตี่ยนี้” เป็นการรวบรวมคำสั่งสอนและคำพูดของเตี่ยเกี่ยวกับหลักธรรมและการปฏิบัติที่เตี่ยได้ให้ลูก ๆ จดไว้ตามคำพูดของเตี่ยเอง และมีอยู่ ๒ บทที่เป็นร้อยกรองภาษาจีน ซึ่งเตี่ยได้แต่งเอาไว้ และได้ถอดความออกมาเป็นภาษาไทยเพื่อให้เป็นที่พอเข้าใจ ส่วนความหมายที่แท้จริงนั้น ก็อยู่ที่แต่ละคนจะนำเอาไปขบคิดและปฏิบัติเอาเอง

    ก็โดยเหตุที่เตี่ยเป็นนักปฏิบัติอย่างแท้จริง ธรรมะของเตี่ยทั้งหมดเป็นสิ่งที่ได้รู้และเข้าใจมาจากการปฏิบัติ ปละเตี่ยก็ได้ใช้ภาษาง่าย ๆ ในการอธิบายเพื่อให้เป็นที่เข้าใจกันง่าย ๆ ไม่ต้องนำไปขบคิดมาก อย่างไรก็ดี เตี่ยพูดเสมอ ๆ ว่า

    “ธรรมะของเตี่ย จะเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่ปฏิบัติอย่างแท้จริงเท่านั้น สำหรับผู้ที่ไม่ได้ปฏิบัติก็อย่างนั้นเอง อย่างดีก็เพียงจะสามารถจดจำคำพูดเอาไว้ ไม่นานก็จะลืม และไม่มีทางที่จะเข้าใจได้อย่างลึกซึ้งแท้จริงด้วยการขบคิด นอกจากนี้อาจหลงผิดไปด้วยอีกว่า ตัวเข้าใจดีแล้ว ทำให้เกิดหยิ่งว่า ตัวรู้ดีกว่าคนอื่น แล้วก็หลงงมงายไปกันใหญ่ กลับทำให้เกิดโทษ สู้อย่ารู้เลยจะดีกว่า “

    เหมือนอย่างที่เตี่ยเคยพูดว่า “รู้ ก็ถูกตัวรู้ปิดบัง”



    ๑. เกิดความรู้สึก ขี้ข้ากับลูก ลูกก็ขี้ข้ากับหลาน เพราะอวิชชา เกิดมีความรู้สึก แต่งงานเกิดขึ้น ถึงจะต้องเป็นขี้ข้า ขี้ข้าไม่มีสิ้นสุด เพราะอย่างนี้ นักปฏิบัติต้องรู้สึก อะไรเรียกว่าเกิด เกิดมาจากอวิชชา ไม่ปฏิบัติก็ไม่ได้ ไม่ปฏิบัติก็เกิดอวิชชา ตายก็อวิชชา น่ากลัวจัง

    ๒. เป็น ๆ อยู่ไม่รู้สึก หลับไปยิ่งไม่รู้สึก ตายไปก็ยิ่งไม่รู้สึก ถ้าอย่างนี้เป็นผีแน่ ๆ อยากจะไม่เป็นผี ทุก ๆ ลมหายใจ อย่าขาดสติ

    ๓. พูดกันว่า “ศาสนาพุทธ” ไม่ถูกต้อง ต้องพูดว่า “วิชาพระ” เพราะศาสนาอย่างอื่นไม่ได้สอนให้พ้นทุกข์ เพราะอย่างนี้ เรียกว่าศาสนาพุทธไม่ถูกต้อง ต้องเรียกว่า “วิชาพระ”

    ๔. ทำอย่างไรจึงจะได้เห็นพระจริง ๆ มีแต่พระโลหะ พระไม้ พระรูปถ่าย พระสงฆ์ ลองหยุดอย่าคิดอะไรทั้งสิ้น ระหว่างนั้นจะได้เห็นพระจริง ๆ เขียนฝากต่อไปอีกสิบปี ร้อยปี พวกที่รู้ข่าว

    ๕. อะไรเรียก “กูเอง” สังขารเลือดเนื้อไม่ใช่มีแต่ขันธ์ห้า บ้างก็เรียกอายตนะภายนอก อายตนะภายใน บ้างก็เรียกวิญญาณ บ้างก็เรียกความรู้ บ้างก็เรียกปัญญา รู้ที่ใจไม่ถูก รู้สึกว่างเปล่าไม่ถูก รู้สึกบริสุทธิ์ไม่ถูก ที่เหลืออยู่นั่นแหละ “หน้าตาจริง ๆ “ อย่างนั้นเอง

    ๖. พระพุทธเจ้าทำไมต้องสอนสมถะ ทำไมต้องสอนวิปัสสนา ทำไมไม่สอนทีเดียวให้พ้นทุกข์ ถ้าทีปัญญาดี กับปัญญาไม่ดี มีเวรมากหรือเวรน้อย เพราะอย่างนี้ พระคุณท่านสอนด้วยความจำเป็น ไม่ใช่สอนด้วยใจจริง ๆ ใจจริง ๆของพระคุณท่านอยากจะสอนทีเดียวให้พ้นทุกข์เลย

    ๗. สมถะข้างต้น ทิ้งสมถะ เอาอะไรเข้าไปเรียนวิปัสสนา เอา ความอดทน เข้าไปต่อสู้กับกิเลส นี่แหละวิปัสสนา

    ๘. พระพุทธเจ้าบอก ไม่มีเกิด ไม่มีตาย มนุษย์ทำไมมีเกิดมีตาย เพระมนุษย์มีกิเลส พระคุณท่านไม่มีกิเลส

    ๙. มีสมาธิ ไม่มีปัญญา ตกอยู่ในเงียบเฉย มีปัญญาไม่มีสมาธิกายเป็นเผอเรอ พูดเก่งไปด้วย สมาธิก็ยากไปด้วย ปัญญาก็ยาก ปฏิบัติอย่างดีที่สุด ต้องสมาธิควบปัญญาถึงจะดี ความจริงไม่มีอะไร ปฏิบัติอาศัยสมถะกับวิปัสสนามาล้างผลาญกิเลสให้หมดสิ้น ไม่ใช่อาศัยที่เห็นนี่เห็นโน่น เข้าใจว่าวิปัสสนา ที่เขียนอย่างนี้ นอกจากคนที่รู้ข่าว ไม่ก็เท่ากับพูดส่งเดช ไม่ได้เกี่ยวกับอะไรเลย

    ๑๐. ไม่ปฏิบัติก็ไม่รู้ ยังปฏิบัติอยู่ก็ไม่ดี ถ้าหมดกิเลสแล้วยังจะปฏิบัติอะไรเล่า ข้ามฝั่งแล้วทิ้งเรือ แบกเรือจะดีหรือ ?

    ๑๑. ปฏิบัติทางไหนถึงจะดี ตามที่พระพุทธเจ้าท่านสอนไว้ กัมมัฏฐานสี่สิบอย่าง ทุก ๆ อย่างสุดต่อนิสัยของใคร ชอบอย่างไหน อย่างไหนฟันกิเลสคล่อง ชนะกิเลสง่าย ใช้อย่างไหนก็ดี ดีที่ชนะกิเลสง่าย อย่างนี้แล้วอย่างไหนถึงจะดีเล่า ทุก ๆ อย่างสุดต่ออุปนิสัยของใคร

    ๑๒. อะไรเรียก “หน้าตาดั้งเดิม” ระหว่างคิดก็ไม่ใช่ ระหว่างคิดชั่วก็ไม่ใช่ ก่อนที่ยังไม่ได้คิดดีคิดชั่ว ไม่ใช่เฉย ๆ ไม่ใช่ว่างเปล่า ไม่ใช่บริสุทธิ์ อารมณ์ธรรมชาติ นี่แหละ “หน้าตาดั้งเดิม”

    ๑๓. หินก้อนหนึ่งตรงกลางซ่อนมีเพชร ต้องอาศัยเจียระไน ขุด ขัด เพชรจึงจะชัดเจนขึ้นมา จิตเราก็เหมือนกัน ความจริงแล้ว จิตดั้งเดิมก็ส่วนจิตดั้งเดิม กิเลสก็ส่วนกิเลส ก่อนที่ยังไม่รู้ ก็เอากิเลสมาพอกกับจิตดั้งเดิม เหมือนอย่างเปลือกหินมาพอกกับเพชร นี่แหละเรียก “อวิชชา” เมื่อจิตดั้งเดิมโผล่ขึ้นแล้ว ก็ได้รู้สึกกิเลสกับจิตดั้งเดิมเป็นคนละอย่าง ถ้าไม่มีกิเลสก็ไม่มีธรรมะ จะเรียนรู้กิเลส คือวิปัสสนา ผู้ที่บรรลุธรรมคือบรรลุกิเลส จิตดั้งเดิมรู้ชัดเจนแล้ว ระหว่างนั้น ความจริงก็ไม่มีอะไร แต่มาถึงตรงนี้ อันตรายสุดขีด ต้องให้รู้สึกพยายาม อย่าขาดสติ อย่าให้กิเลสกลับเข้ามาอีก พระพุทธเจ้าสอนไว้ เรียกเป็นว่า “อาชีพชอบ” อย่าเข้าใจว่า ไม่ต้องปฏิบัติแล้ว - ไม่มีอะไรจะต้องปฏิบัติต่อไปอีก – สิ้นสุดแล้ว ให้ปฏิบัติต่อไปอีก ต้องให้ชำนาญคล่องแคล่วจึงวางใจได้ สมกับ “พุทโธ อรหันต์”

    ๑๔. “เอาอารมณ์ไว้ที่ไหน ?” พูดคำนี้เกิดขึ้นความหมายมี ๔ อย่าง อย่างหนึ่งว่า “รู้แล้ว” อย่างหนึ่งว่า “ไม่รู้” อย่างหนึ่งก็ “ขาดสติ” อย่างหนึ่งก็ “มีสติ” ผู้คนพูดอย่างนี้ ยังไม่รู้จักต้นทาง ถ้ารู้แล้วไม่ถามอย่างนี้ ตัวเองเข้าใจถามว่า “อารมณ์ไว้ที่ตรงไหนจึงจะถูก” ความจริงยังถูกตัวรู้ปิดบังยังไม่รู้เลย วางกิเลสหมดก็เบา เบาก็เกิดสุข มีกิเลสอยู่ก็เกิดหนัก หนักก็เกิดทุกข์ พอสุขเกิดขึ้นก็ติดสุข เชือกสุขก็มัดเรา มีกิเลสก็เกิดหนัก หนักก็เกิดทุกข์ เชือกทุกข์ก็มัดเรา อารมณ์เกิดบริสุทธิ์ เชือกบริสุทธิ์ก็มามัดเรา อารมณ์เกิดว่างเปล่า เชือกว่างเปล่าก็มามัดเรา จะใช้อารมณ์บริสุทธิ์ อารมณ์บริสุทธิ์ยังคู่กับอารมณ์สกปรก ต้องใช้อารมณ์บริสุทธิ์จนไม่บริสุทธิ์ผุดขึ้น คือ อารมณ์ธรรมชาติ นี่แหละต้นทาง

    ๑๕. มนุษย์เราเดี๋ยวนี้มีเกิดมีตาย พระพุทธเจ้าท่านสอนไว้ ไม่มีเกิด ไม่มีตาย ถ้าเห็นต้นทางแล้วต้องยกมือไหว้ พระพุทธเจ้าท่านมีจิตเมตตา ไว้มีธรรมะให้คนทีหลังได้เรียน อ้อ ไม่มีเกิด ไม่มีตายจริง ๆ

    ๑๖. “กัมมัฏฐานสี่สิบอย่าง” เปรียบในโลกแล้ว เท่ากับ “อาชีพสี่สิบอย่าง” ชำนาญอย่างไหนก็ทำอยู่อย่างนั้น ความจริงปฏิบัติกัมมัฏฐานเพื่อว่าต่อสู้กับกิเลส พอมีสมาธิหน่อย เห็นนี่เห็นโน่น ทำของก็ขลัง ตัวเองก็เข้าใจว่าได้ธรรมแล้ว แท้ที่จริงพอทิ้งกิเลส กลับไปฉวย กิเลสกัมมัฏฐาน ขึ้นมาเป็นกิเลสอีก ถ้ารู้ตรงนี้ “สาธุพุทธะ” หน้าตากัมมัฏฐานอย่างนี้เอง

    ๑๗. อวิชชาไม่รู้ทันเขา กายวาจาก็ปรุงแต่งขึ้นเมื่อที่ปรุงแต่งเกิดขึ้นก็เกิดทำขึ้น เมื่อที่ทำเกิดขึ้น ก็ได้รู้ดีชั่วผิดถูก หลงอยู่อย่างนี้ ตายแล้วก็เกิด เกิดแล้วก็ตาย เกิด ๆ ตาย ๆ ไม่มีสิ้นสุด เมื่อปลงตกอย่างนี้แล้ว เริ่มบังเกิดเชื่อกัมมัฏฐาน ปฏิบัติไปจริง ๆ ถึงจะเชื่อจริง ๆ ถ้าไม่อย่างนี้ก็เท่ากับ เชื่อเขาดีก็ตามดี ชั่วก็ตามชั่ว เลยกลายเป็นไม่รู้จะปฏิบัติอะไรเลย นี่แหละสมถะ นี่แหละ วิปัสสนา ปลดเปลื้องให้หมด กิเลสก็ไม่เอา กัมมัฏฐานก็ไม่เอา วิปัสสนาก็ไม่เอา อ้อ นี่ต้นทาง

    ๑๘. เรื่องอะไรต่าง ๆ ที่เคยผ่านแล้วไม่ได้เอากลับมาคิด อารมณ์ที่เหลืออยู่อันนั้นเรียกว่า “ใจ” ใจไม่มีเปลี่ยนแปลงก็เรียกว่า “พระ” ปรากฏที่เห็นอะไรต่าง ๆ นานาเกิดขึ้นเป็นที่ใจ ละอะไรต่าง ๆ ที่เห็นเหลืออยู่เรียกว่า “พระ” รู้แล้วจะให้ทำอย่างไร ? ง่ายนิดเดียว จิตอย่าสร้างความดี จิตอย่าสร้างบาป จิตคิดขึ้นให้ตัดเสีย จิตอย่าสงสัย อารมณ์ที่เหลืออยู่ “หน้าตาดั้งเดิมของท่าน” อ้อ ต้นทางอยู่ตรงนี้เอง

    ๑๙. เรื่องราวเริ่มเห็นสิ่งหนึ่งเรียกว่า “รูป” เมื่อมีรูปเกิดขึ้นแล้ว “มโน” ก็ทำงาน ก็ได้รู้ว่าสิ่งของนี้เรียกอะไร ตอนนี้เรียกว่า “นาม” ไม่ใช่ชื่อเรียกว่า นาม ตอนที่เราบังเกิดใจ ตอนนั้นเรียกว่า “นาม” นักปฏิบัติปลงตก รูปนามต้องรู้ ไม่ใช่เกิดอยู่ข้างนอก แท้ที่จริงเป็นอยู่ที่จิตของเราแยกออกไป นักปฏิบัติรู้ตรงนี้แล้ว เรียกว่า “เริ่มรู้ธรรม” ถ้าไม่รู้ก็ตามรูปตามนาม หลงใหลงมงายไม่มีสิ้นสุด อย่าลืม ยังมีจิตดั้งเดิม

    ๒๐. รูป แปลว่า ร่างกายของเราเอง

    เวทนา แปลว่า เรารับว่าชอบหรือไม่ชอบ

    สัญญา แปลว่า ทุกวันที่เรานึกคิด

    สังขาร แปลว่า คิดไม่ยอมหยุด เกิดใหม่ก็ไม่ยอมทิ้ง

    วิญญาณ แปลว่า ที่เรารู้ผิดหรือถูก

    ๕ อย่างนี้เรียกว่า “ขันธ์ห้า” ปลงตกรูป นั่งลงไปแล้ว หลับตาก็สว่าง ลืมตาก็สว่าง ปลงตกเวทนา ทิ้งร่างกายได้จะขึ้นสวรรค์หรือลงนรกไปได้โดยสะดวก ปลงตกสัญญา นึกคิดหยุด ปลงตกสังขาร ได้เห็นนิพพานจริง ๆ ปลงตกวิญญาณ อายตนะภายนอก-ภายในเชื่อมติดเป็นแผ่น ไม่มีอะไรขัดขวาง มาถึงอย่างนี้แล้ว นักปฏิบัติทุกคนเข้าใจว่า “ว่าง” ถึงจะพูดกันบ่อย ๆ นิพพานแปลว่า “ว่าง” ความจริงแล้วไม่ใช่ว่าง คืนสภาพดั้งเดิมของเราเอง ถ้าได้จริง ๆ แล้วก็ได้อภิญญาหก ถ้ายังไม่ได้จริงอย่าเข้าใจผิดว่าได้ธรรมแล้ว หลอกตัวเองด้วย หลอกคนอื่นด้วย “ข้ามฝั่งแล้วทิ้งเรือ” ถ้าได้จริง ๆ เท่าที่กล่าวไว้ เรือทิ้งได้ ถ้ายังไม่ได้ ให้แจวต่อไปอีกเถิด

    ๒๑. ก่อนที่เรายังไม่มาเกิด สังขารก็นำมาก่อน นักปฏิบัติให้เปลี่ยนอันนี้เป็นความรู้ ลองไปยืนอยู่หน้ากระจกออกมาแล้ว รูปจะติดอยู่ในกระจกไหม ถ้าไม่ติด นี่แหละ “ธรรม”

    ๒๒. นึกคิดไม่หยุด ก็ปรุงแต่งเกิดใหม่ไม่มีสิ้นสุด ไม่ทิ้งตัวนี้นำมาก่อน เมื่อจุติอยู่ในท้องแม่แล้วเรียกว่า “รูป” เมื่อมีรูปแล้วก็เกิด “อายตนะหก” เมื่อมีอายตนะหกแล้วก็รับเข้าอายตนะภายใน อย่างนี้ก็เรียกว่า “เกิดตัวกู” เมื่อมีตัวกูเกิดแล้ว กูต้องกิน กูต้องนุ่งห่ม ลูกเมียชื่อเสียงอำนาจเงินทองมันก็หมุนอยู่ คิดอยู่ เกิดใหม่ก็ปรุงแต่งอยู่ไม่มีสิ้นสุดคิด ไม่มีสิ้นสุดทำ ทำจนวันสุดท้าย รูปหยุดทำงาน แตกดับก็เรียกว่า “ตาย” ก็ตัวตาย ใจก็ยังคิดไม่หยุด เกิดใหม่ก็ไม่ทิ้ง ทีนี้เกิด ๆ ตาย ๆ ตาย ๆ เกิด ๆ ไม่มีสิ้นสุด เกิดตายนี่แหละเรียกว่า “อวิชชา”

    นักปฏิบัติถ้ารู้ว่าอวิชชาแล้ว สมถกัมมัฏฐานวิปัสสนา เปรียบแล้วเป็นมีดวิเศษอันหนึ่ง เผื่อว่าฟันกิเลสให้หมดไปตามที่เขาว่า “ว่าง ๆ “ อนัตตาความจริงก็ว่าง กิเลสที่มีอะไรเกิดขึ้น เป็นวิปัสสนากิเลสทั้งนั้น ถ้าอยากจะรู้จริง ๆ ก็เลิกคิดดี เลิกคิดชั่ว ที่เหลืออยู่เรียกว่า “หน้าตาดั้งเดิม” ว่างก็ว่างแต่กิเลส มีก็มีจิตดั้งเดิม มาถึงตรงนี้สำคัญที่สุด

    ๒๓. ยังไม่รู้ก็ตามกิเลส รู้แล้วก็ติดตัวรู้ เปลี่ยนตัวรู้เป็นปัญญา เหมือนอย่าง ปัญญากระจก จิตใจไม่ให้มีอะไรขัดขวาง มาถึงตอนนี้เหมือนอย่างเส้นผมบังภูเขา สุดขีดแล้ว รู้ก็อนัตตา ไม่รู้ก็อนัตตา ปัญญาก็อนัตตา ไม่ปฏิบัติอย่างนี้ก็ไม่มีทางไป ปฏิบัติอย่างนี้ก็ละเอียดสุดขีด พูดแล้วคนที่ไม่เข้าใจอย่าพูดกันดีกว่า พูดก็เท่านั้นเอง

    ๒๔. “มีกัมมัฏฐานมีตัวกู มีกัมมัฏฐานไม่มีตัวกู ไม่มีกัมมัฏฐานไม่มีตัวกู” มีกัมมัฏฐานมีตัวกู ยังอยู่ในขั้นเฮงซวย มีกัมมัฏฐานไม่มีตัวกู พอใช้ได้ ไม่มีกัมมัฏฐานไม่มีตัวกูขั้นต้นเรียนจบ ทีนี้จะไปอย่างไรต่ออีก มาถึงขั้นปฏิบัติทางใจ เรียกว่า “วิปัสสนา” พิจารณาให้รู้ว่า เกิดมาจากไหน ตายแล้วจะไปยังไง ถ้ารู้ว่าเกิดมาจากไหนแล้ว ย่อมได้รู้ “อวิชชา”

    ๒๕. รู้แล้วต้องรู้ “ขันธ์ห้า” ต้องรู้ “ปัญญาขั้นต้น” อายตนะหกสู่เข้าอายตนะภายใน ใจเรารู้เท่าทันกับเขา ไม่มีกระเทือนหวั่นไหว เรียกว่า “อุเบกขา” อย่าเข้าใจผิดว่า อุเบกขาแปลว่า เฉย ๆ เฉยไม่มีความรู้สึกเหมือนอย่างต้นไม้ เฉยจะได้เรื่องอะไร ต่อไปแล้วจะทำอย่างไร กลางวันไม่ตามกิเลส กลางคืนไม่มีงง จิตใจผ่องใส สว่าง ขอให้ทำได้ มีตายที่ไหนเล่า เขียนก็เท่ากับเขียนส่งเดช ไม่รู้เมื่อไหร่ อาจจะสิบปี ร้อยปี อาจที่จะพบรู้ข่าว

    ๒๖. จดหมายฉบับหนึ่ง เกิดมีคนสองคน ต่างเขียนได้ ต่างคนต่างอ่านออก ถ้าคนหนึ่งรู้ความหมาย คนหนึ่งไม่รู้ความหมาย คนรู้เกิดเมตตาจิต สอนให้คนไม่รู้ ก็เกิดรู้แจ้งเห็นจริง สอนกัมมัฏฐานก็เช่นกัน ถ้าคนไม่รู้ความหมาย สอนลูกศิษย์แล้ว ถึงทำได้ก็ไม่รู้ความหมาย ไม่รู้ความหมายเกิดขึ้น สงสัยก็ตามมา อยู่ในกัมมัฏฐานสงบ ออกกัมมัฏฐานก็ฟุ้งซ่าน ถ้ารู้ความหมาย อยู่ในกัมมัฏฐานกับออกกัมมัฏฐานเหมือน ๆ กัน ระหว่างจะเรียน ระหว่างจะสอนให้พิจารณาก่อน ไม่ใช่เขาพูดเราก็ตามเขา ผิดถูกไม่รู้เหมือนอย่างคนเสียสติ บ้าอยู่จนไม่รู้สึกตัว

    ๒๗. เรียนกัมมัฏฐาน ระหว่างเรียนต้องบังเกิด ใจ ก่อน ข้อนี้ให้ระวังที่สุด เมื่อเกิดใจแล้ว ก็เกิดเป็นสอง คือ รู้ กับ ไม่รู้ เหมือนอย่างเราทุกวันนี้ เข้าใจว่ารู้ แท้ที่จริงขาดสติตลอดชีวิตเลย อีกอย่างหนึ่ง ควรเข้าใจว่า รู้แล้วก็หลงตามกับที่เรารู้ไป ก็ขาดสติเช่นเดียวกัน เมื่อเริ่มแรกเรียนกัมมัฏฐาน เรียนวิธีหนึ่งชนะคนอื่น อีกวิธีหนึ่งชนะตนเอง เหมือนอย่างเดี๋ยวนี้ เรียนนักธรรมเอกได้แล้ว ก็เรียนบาลี จบ ป. ๙ เริ่มมีความรู้ดีกว่าคนอื่น เราชนะคนอื่นก็ได้ปกครองคนอื่น ถ้าขาดสติแล้ว นึกว่ากูเองเป็นคนวิเศษวิโส ชื่อเสียงเงินทองข้าวของอำนาจ เล่นให้เราหลงงอมแงมไปเลย ถ้าไม่ระวัง ตกอยู่เช่นนี้แล้วหลงตลอดชีวิตเหมือนกัน ระหว่างตายยังไม่รู้เรื่องอะไรเลย ถึงอารมณ์สุดท้ายพอดีจะตายแล้วปรับทุกข์กับใครไม่ได้ อย่างนี้ดีชั่วผิดถูก นักปฏิบัติให้รู้เอง เรียนวิชาอะไรต่าง ๆ นานาสุดขีดแล้วก็เหมือนอย่างนี้ นักปฏิบัติพิจารณาเอาเอง น่ากลัว

    ๒๘. สังขารเริ่มต้นที่จะรู้เป็นอวิชชา ลักษณะอวิชชา คือ กาย วาจา ปรุงแต่ง เรารู้ไม่ทันกับเขา ผิดเข้าใจว่าถูก ไม่ดีเข้าใจว่าดี เมื่อทำผิดแล้วไม่รู้ ที่ทำไว้คิดไว้เก่า ก็พยายามรวบรวม ใหม่ก็พยายามสะสม ขาดสติตลอดชีวิตเลย เมื่อตายแล้ว วิญญาณตามที่ทำไว้นำไปเกิด เพราะเราเองตกอยู่ในสังขารเช่นนี้ พ่อแม่เราก็เช่นนี้ เข้าพวกกันได้ เมื่อจุติในท้องแม่ของเรา เกิดมีอายตนะหก คลอดออกมาแล้ว ตอนนี้มีชื่อ ชื่ออันนี้ ตามในตำราเรียกว่า “รูป” เมื่อมีรูป ก็เกิดอายตนะหกสู่เข้าอายตนะภายใน กายวาจาปรุงแต่งเกิดขึ้น เหมือนในชาติก่อน ทีนี้ก็ตายอีก ตายแล้วก็เกิด เกิด ๆ ตาย ๆ ไม่มีวันสิ้นสุด เกิดรู้แล้ว นักปฏิบัติที่มีปัญญาชั้นหนึ่ง พบจิตที่แท้ เห็นทางปฏิบัติของเขาเอง ที่มีปัญญาชั้นสอง ก็ต้องตามกัมมัฏฐานสี่สิบ เมื่อรู้แจ้งว่า สังขารเล่นกลกับเรา วางก็ไม่ลง ทิ้งก็ไม่ได้ ก็ต้องใช้สมถกัมมัฏฐานกับวิปัสสนา ซึ่งเปรียบแล้วเหมือนอาวุธคมชนิดหนึ่งใสช่วยฟันกิเลสให้หมด นักปฏิบัติเริ่มเรียนกัมมัฏฐานให้เรียนรู้ว่า ขันธ์ห้าเล่นกลกับเราอย่างไร เราจะป้องกันได้อย่างไร รู้แจ้งอันนี้แล้ว เรียกว่า “เรียนกัมมัฏฐาน” ต่อไปก็ “เข้ากัมมัฏฐาน” เหมือนกับคนหนึ่งเรียนหนังสือ เรียนรู้หลักแล้วก็ลงมือทำจริง ๆ จึงจะไม่พลาด จะเข้ากัมมัฏฐาน ต้องหยุดนึกคิดปรุงแต่ง มีนึกคิดปรุงแต่งตกอยู่ภายในสังขาร หยุดนึกคิดปรุงแต่งได้ ไม่ใช่ว่าง ๆ ไม่ใช่บริสุทธิ์ ไม่ใช่รู้ที่ใจ ที่เหลืออยู่เป็นอารมณ์ธรรมชาติ อารมณ์อันนี้ ทำไม่ถึงจะเรียกว่าอารมณ์ธรรมชาติ เปรียบได้กับเรามีเสื้อขาวตัวหนึ่ง ไม่ต้องให้เราบังเกิดใจมาคิดว่า เสื้อนี้ขาว เมื่อพื้นขาวแล้ว ไม่พูดก็ขาว ไม่ต้องให้เราพูดอีก สรุปแล้ว เอาอารมณ์ธรรมชาติควบกับกัมมัฏฐานสี่สิบอย่างที่ถูกกับนิสัยของเรา เมื่อเข้ากัมมัฏฐานก็ให้มีความอดทนปฏิบัติไป ฉะนั้น เริ่มต้นเข้ากัมมัฏฐานก้าวแรกถูก ปลายทางก็ถูกด้วย ก้าวแรกผิด ปลายทางก็ผิดหมด สำเร็จหรือไม่อีกเรื่องหนึ่ง ขอก้าวแรกให้ถูก สาธุด้วย

    ๒๙. นึกคิดปรุงแต่งหยุด กายหยุด ใจหยุด หายใจไม่มีเข้าออก เริ่มเข้าสมาธิได้ เขาถือเอาอารมณ์บริสุทธิ์เป็นสุดทาง พุทธเอาอารมณ์ธรรมชาติมาเข้ากัมมัฏฐาน อารมณ์ธรรมชาติไม่มีอะไรให้ผุดขึ้น ไม่มีแม้นอารมณ์ธรรมชาติ ไม่มีแม้นไม่มีอารมณ์ธรรมชาติ สมมุติเรียก อารมณ์ธรรมชาติ

    ๓๐. คล้าย ๆ ฝัน ไม่ใช่ฝัน คล้าย ๆ หลับไม่ใช่หลับ คล้าย ๆ ตาย ไม่ใช่ตาย นี่แหละ “พวกหนอ” คล้ายรู้ไม่ใช่รู้ กับ ไม่รู้ก็ไม่ใช่ รู้ก็ไม่ใช่ ใช้คำพูดไม่ถูก ใช้แกกาเขียนก็เขียนถูก นักปฏิบัติมาถึงตอนนี้หมดหนทาง เพราะยังมีอย่างนี้ พระพุธเจ้าถึงได้บอกว่า “นักปฏิบัติให้รู้เอง”

    ๓๑. แบกของอยู่เรียกว่า “ไม่ว่าง” วางของลงก็เรียกว่า “ว่าง” แล้วก่อนที่ยังไม่ได้แบกล่ะ เรียกว่าอะไร ยังจะมี แบก กับ ไม่แบก ว่าง กับ ไม่ว่าง อยู่อีกหรือ ?

    ๓๒. พระพุธเจ้าถามพระอานนท์ว่า “ใจไม่ใช่อยู่ข้างนอก ไม่ใช่อยู่ข้างใน และไม่ใช่อยู่กลาง อย่างนั้นใจอยู่ที่ไหน ? จะใช้ใจดวงไหนดีเล่า ?” ตอบได้ว่า เมื่อยังมี ตัวกู อยู่ ใจก็ยังมีอยู่ จะเป็นข้างนอก ข้างใน หรือ ตรงกลางก็แล้วแต่ เมื่อหมด ตัวกู แล้ว ใจจะอยู่ที่ไหนเล่า

    ๓๓. พูดว่าง คิดว่าง

    พูดบริสุทธิ์ คิดบริสุทธิ์

    เดิมไม่มีย้อมติด

    ไม่พูดนั่นแหละรู้
     
  12. JOYSA

    JOYSA Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 เมษายน 2006
    โพสต์:
    16
    ค่าพลัง:
    +94
    พี่จอยอ่านจบตาลายเลยค่ะ น้องตาลมานะตั้งใจพิมพ์เพื่อให้เราทุกคนได้ความรู้เพิ่มขึ้น พี่จอยขออนุโมทนาบุญด้วยค่ะ
     
  13. ๙๙๙๙๙๙๙๙๙

    ๙๙๙๙๙๙๙๙๙ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    1,752
    ค่าพลัง:
    +2,808
    สวดก่อนจะดีมากๆเลยครับ

    http://www.palungjit.org/board/showthread.php?t=37296
    โหลดฟายเสียงรับศิลรับพร MP3 ได้ที่นี้ครับ
    <TABLE cellSpacing=3 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD><TD>รับศิลรับพรMP3.mp3 (2.66 MB, 252 views)</TD></TR></TBODY></TABLE>

    http://www.palungjit.org/board/showt...521#post269521
    โหลด File เสียงบทสวด ขอขมา ต่อ พระรัตนไตร ฯลฯ
    <TABLE cellSpacing=3 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD><TD>บทสวดขอขมา.mp3 (2.35 MB, 0 views)</TD></TR></TBODY></TABLE>
     

แชร์หน้านี้

Loading...