คุณของศีล - หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย ผ่อนคลาย, 23 กันยายน 2010.

แท็ก: แก้ไข
  1. ผ่อนคลาย

    ผ่อนคลาย Super Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    5,775
    ค่าพลัง:
    +12,934
    [​IMG]



    คุณของศีล
    หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี

    วันที่ ๑๑ กันยายน พ.ศ. ๒๕๐๖ ตอนค่ำ

    ณ วัดเจริญสมณกิจ ภูเก็ต

    อนุสนธิ ธรรมเทศนาสืบเนื่องมาแต่ตอนเช้านี้ ซึ่งมีใจความ โดยย่อว่า

    ศีล เป็นเบื้องต้นของการทำความดีทั้งปวง ๑ ศีลเป็นมารดาของกัลยาณธรรมทั้งปวง ๑ และศีลเป็นหัวหน้าของธรรมทั้งหลาย ๑

    อธิบาย ตอนเช้านี้นั้นเป็นสาธารณะทั่วไป?? บัดนี้จะอธิบายต่อเฉพาะพวกเราที่เป็นพระเป็นเณร เพื่อ ให้เห็นคุณประโยชน์ของศีล

    ศีล ท่านแสดงไว้มีอรรถสี่ ด้วยอรรถว่า ความปกติ ๑ด้วยอรรถว่าเป็น ของเย็น ๑ด้วยอรรถว่า เป็นของสูง ๑ด้วยอรรถว่าท่าน ผู้รู้ทั้งหลายสรรเสริญแล้ว ๑

    ข้อ ๑ ว่าเป็นปกตินั้น เพี้ยนมาจากสีลา? (คือหิน) ธรรมดาหินแล้วไม่มีการงอกการเกิดอีก สภาพ ของมันเป็นอยู่เช่นไร ก็เป็นอยู่อย่างนั้นตลอดไป ศีลก็เหมือนกันที่ท่านแสดงว่าผู้ล่วงละเมิดในศีลข้อนั้น ๆ จะต้องได้รับโทษอย่างนั้น ๆ ตายตัวเลยทีเดียวใครจะทำเมื่อไร ณ ที่ไหน??? โทษของการล่วงละเมิดศีลจะต้องมีอยู่เท่าเก่าไม่ลดหย่อนเลย ถ้าผู้ใดมาปฏิบัติตามศีล???? งดเว้นจากข้อ ห้ามนั้น? ๆ แล้วกาย วาจา ใจของผู้นั้นจะต้องเป็นปกติไปด้วย????? คือได้แก่ไม่ล่วงละเมิดในศีล

    ข้อ ๒ว่าเป็นของเย็นนั้น???? แปลว่าเย็น???? อธิบายว่าศีลมีจุดมุ่งหมายมิให้เบียดเบียนกัน??? ไม่ ว่ามนุษย์สัตว์ทั้งหลายทั่วไป???? เมื่อไม่มีการเบียดเบียนกันแล้วก็อยู่เย็นเป็นสุขทั่วกัน????? ผู้ใดปฏิบัติตามศีล????? เอาศีลเข้ามาสวมคุ้ม ครองตนไว้????? ผู้นั้นก็เป็นผู้เย็นกายเย็นใจ?? คือ?? ไม่มีเวรมีภัย???? มนุษย์สัตว์ทั้งหลายก็พลอยเย็นไปตามด้วย

    ข้อ ๓ ว่าเป็นของสูงนั้น???? แปลมาจากศีรษะ????? แปลว่าสูง????? อธิบายว่าศีลเป็นคุณธรรมที่สูงเหนือจากความชั่วอกุศลธรรมทั้งหลาย???? ที่เป็นของต่ำช้าเลวทราม??? ผู้นำเอาศีลคือ ข้อห้ามต่าง ๆ มาปฏิบัติให้เป็นไปตามนั้นแล้ว???? ความประพฤติและ จิตใจของผู้นั้น????? ก็พลอยสูงไปตามด้วย

    ข้อ ๔?? ที่ว่าผู้รู้ทั้งหลายสรรเสริญแล้วนั้น??? ศีลทุกข้อเป็นกัลยาณธรรม น่าสรรเสริญเพราะปราศจากโทษ??? ไม่มีความชั่วบาปธรรม??? เมื่อผู้ใดนำเอาศีลมาปฏิบัติให้ถูกต้องตามข้อนั้น ๆ แล้ว???? ผู้นั้นก็จะเป็นที่น่าชมเชยสรรเสริญไปด้วย??? ได้ แสดงไปแล้วเมื่อตอนเช้านี้ว่า??? ศีล??? เป็นเบื้องต้นก้าวแรกของผู้จะทำความดีทั้งปวง????? ถ้าเว้นข้ามศีลข้อใดข้อหนึ่งหรือทั้งหมด?? เสีย แล้ว?? จะทำความดีให้ก้าวขึ้นไปสู่ชั้นสูงไม่ได้เลย?? ศีล เปรียบเหมือนรากแก้วของต้นไม้??? ?ต้นไม้ที่ปราศจากรากแก้วแล้ว??? จะอยู่ยืนนานและงอกงามต่อไปไม่ได้เลย

    ผู้ จะบวชเป็นพระ-เณรในพระพุทธศาสนาได้ก็ต้องมี ศีลเป็นมูลฐาน บวชเข้ามาแล้วไม่ตั้งอยู่ในศีล??? วินัยพุทธบัญญัติจะมีอะไรเป็นเครื่องหมาย??? พุทธมามกะ บริษัทถ้าไม่มีศีลแล้ว???? ก็เป็นแต่เพียงทายกทายิกาเท่านั้นเอง???? ตอน เช้านี้จึงได้บอกว่า??? จงพากันมาเป็นพระกันบ้าง???? อย่าได้ปล่อยให้วันพระล่วงไป ๆ???? เสียเปล่า เลย

    แต่ ตัวของเราไม่เป็นพระกันสักที?? เจ็ดวันเป็นพระกันเสียทีหนึ่งก็ยังดีหรือจะบวชพระอยู่ตลอดชีวิตก็ยัง ได้??? ไม่เห็นเป็นของลำบากอะไรเลย??? ผู้เป็นพระ ด้วยการรักษาศีล ๕???? ศีล ๘??? แล้ว เย็นกายเย็นใจ?????? ด้วยเราไม่ได้มองเห็นโทษเพราะละเมิดในศีลข้อนั้น ๆ???? และไม่ได้กลัวต่อคำครหาติเตียนของคนอื่นในเรื่องโทษของศีล??? ไฟที่ติดลุกลามร้อนระอุอยู่ทั่วทั้งโลกทุกวันนี้ก็ เพราะไม่มีศีล????? คนผู้ไม่มีศีลจะอยู่ในฐานะใด ๆ และสถานที่ใด??? แม้จะอยู่บนปราสาทอันสูงเยี่ยมเทียมเมฆก็ไม่มีความเย็นใจ???? คนอื่นเขาไม่เห็นไม่รู้และไม่ได้กล่าว โทษติเตียนเป็นแต่เขาพูดกันเรื่องความชั่ว?? เรื่อง คนไม่มีศีล?? พอได้ยินเข้ามันชักให้ร้อนแปล๊บ?? เข้ามาในใจของเราแล้ว?? ผู้ทำปาณาติบาตเป็นผู้มีจิตปราศจากเมตตาหาความเย็นมิได้

    ไฟ???? คือ??? ราคะ-โทสะ-โมหะ-อวิชชา????? ขนาดหนักย่อมรุมร้อนเผาจิตใจให้คิดแต่จะประทุษร้ายสัตว์และคนอื่น?????? บางครั้งทั้ง ๆ?? ที่เขาเหล่านั้นไม่ได้ทำผิดอะไรเลย จะเห็นได้ เช่น บางคนเที่ยวฆ่าสัตว์? ตีศีรษะเขาด้วยความคึกคะนองอันมิใช่วิสัยของธรรมดาสามัญชน???? แต่แสดงถึงจิตใจนั้นต่ำเลวที่สุดยิ่งกว่ายักษ์???? มัน ตรงกันข้ามกับผู้มีศีล แล้วไม่เพียงแต่จะงดเว้นจากโทษนั้น ๆ ตามพุทธบัญญัติแต่จิตยังประกอบด้วยเมตตาอารี มีพรหมวิหารธรรมอันเย็นฉ่ำเข้าไปแทนอยู่อีก

    พวก เราผู้เข้ามาบวชในพระพุทธศาสนา?? เมื่อมาพิจารณาดูศีลในตัวเราว่าเวลานี้เรามีศีลเป็นรากฐาน?? พอที่จะทำความดีให้ยิ่งขึ้นไปได้สมบูรณ์แล้วหรือยังถ้าเห็นว่ายัง บกพร่องอยู่??? จงพากันรีบเร่งชำระสะสางให้สะอาดบริสุทธิ์เสีย??? แล้วจะ ได้ประกอบความดีอื่น ๆ??? ที่ยังจะต้องกระทำอยู่มาก?? เพิ่มพูนให้ยิ่ง ๆ ขึ้นไป???? ถ้าเห็นว่าศีล ของตนบริสุทธิ์แล้ว????? ก็จะได้เกิดความปราโมทย์ในใจว่า????? ตัวของเราช่างโชคดีบวชเข้ามาในพระพุทธศาสนาไม่เสียผล ?เราคนหนึ่งในจำนวนที่เดินตามรอยยุคลบาทของพระพุทธเจ้า???? ใจของเราก็จะได้หนักแน่นในพระพุทธศาสนายิ่ง ๆ?? ขึ้น ไปสมนัยแห่งอริยธนคาถาว่า

    <TABLE style="BORDER-BOTTOM: medium none; BORDER-LEFT: medium none; BORDER-COLLAPSE: collapse; BACKGROUND: rgb(224,224,224); MARGIN-LEFT: 0.45in; BORDER-TOP: medium none; BORDER-RIGHT: medium none" border=1 cellSpacing=0 cellPadding=0 bgColor=#e0e0e0><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: 0.5pt solid; BORDER-LEFT: 0.5pt solid; PADDING-BOTTOM: 0in; PADDING-LEFT: 5.4pt; WIDTH: 153pt; PADDING-RIGHT: 5.4pt; BORDER-TOP: medium none; BORDER-RIGHT: 0.5pt solid; PADDING-TOP: 0in" vAlign=top width=204>ยส?ส สท?ธาตถาคเต
    </TD><TD style="BORDER-BOTTOM: 0.5pt solid; BORDER-LEFT: medium none; PADDING-BOTTOM: 0in; PADDING-LEFT: 5.4pt; WIDTH: 2.25in; PADDING-RIGHT: 5.4pt; BORDER-TOP: medium none; BORDER-RIGHT: 0.5pt solid; PADDING-TOP: 0in" vAlign=top width=216>อจลา สุปติฏ? ฐิตา</TD></TR><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: 0.5pt solid; BORDER-LEFT: 0.5pt solid; PADDING-BOTTOM: 0in; PADDING-LEFT: 5.4pt; WIDTH: 153pt; PADDING-RIGHT: 5.4pt; BORDER-TOP: medium none; BORDER-RIGHT: 0.5pt solid; PADDING-TOP: 0in" vAlign=top width=204>สีลญ? จ ยส?สกล?ยาณํ</TD><TD style="BORDER-BOTTOM: 0.5pt solid; BORDER-LEFT: medium none; PADDING-BOTTOM: 0in; PADDING-LEFT: 5.4pt; WIDTH: 2.25in; PADDING-RIGHT: 5.4pt; BORDER-TOP: medium none; BORDER-RIGHT: 0.5pt solid; PADDING-TOP: 0in" vAlign=top width=216>อริยกน?ตํ ปสํสิตํ ฯ เป็นอาทิ</TD></TR></TBODY></TABLE>​

    ซึ่ง แปลเอาใจความเพื่อแนวปฏิบัติของพวกเราทั้งหลายว่า?? ผู้ใดมีความเชื่อมั่น ไม่หวั่นไหวในพระพุทธเจ้าแล้ว? จึงจะมีศีลอันดีงามตามคำสรรเสริญของพระอริยเจ้าทั้งหลาย??? ต่อนั้นจึงจะเลื่อมใสใจแน่วแน่ในพระสงฆ์สาวกของพระพุทธองค์??? เพราะเข้าถึงศีลอันดีงาม?? รู้รสชาติของศีลด้วยกัน และได้ชื่อว่าเป็นผู้ได้เห็นความปฏิบัติที่ซื่อตรงแล้ว??? ผู้ เป็นเช่นว่านี้ปราชญ์ทั้งหลายท่านกล่าวว่า?? เป็นผู้ ไม่จนอริยทรัพย์???? เกิดมามีชีวิตเป็นของไม่ไร้ค่า

    ฉะนั้น ผู้มีปัญญามาระลึกถึงคำสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลายแล้ว ก็ควรประกอบด้วยความเชื่อ?? มีศีล??? และเลื่อมใสเห็นในธรรมเนือง ๆ ดังนี้ ฯ

    การ บวชด้วยการรักษาศีลทุกประเภทตั้งแต่ ศีล ๕? ศีล ๘? เป็นต้นไป??? จัดได้ชื่อว่าเป็นพระตามชั้นตามภูมิของตนๆ ได้เคยแสดงให้ฟังมาแล้วว่า มิใช่เป็นพระได้แต่เฉพาะผู้บวชนุ่งห่มผ้าเหลืองเท่านั้น???? ผู้นุ่งห่มผ้าสีต่าง ๆ ก็เป็นพระได้เหมือนกัน???? เช่นพระอริย ๓ จำพวกเบื้องต้น???? ถ้าพากัน โยนพระเข้าวัดมอบให้แก่ผู้นุ่งห่มเหลืองทั้งหมดแล้ว ชาวบ้านเลยไม่ต้องประกอบคุณงามความดีอะไรกันเลยเข้าวัดเมื่อไรจึงทำความดี กันเมื่อนั้น???? ออกจากวัดแล้วความดีเหล่านั้นก็ฝากไว้ที่วัดก่อน??? มา เข้าวัดทีหลังจึงมาทำต่อ??????? ถ้าผู้นาน ๆ จึงเข้าวัดก็เลยลืมที่ต่อเสีย????? ??โดยมากมักเข้าใจผิดกันเสียอย่างนี้ เมื่อบวชเข้ามาในพระพุทธศาสนา??? เวลาสึกออกไปแล้วจึงไม่เห็นผิดแปลกอะไรกับคนผู้ไม่ได้บวชเสียเลย??? ความเห็นผิด เข้าใจผิดย่อมเป็นเหตุให้ประพฤติในสิ่งที่ไม่สมควรทั้งเวลาบวชอยู่และสึกออกไปแล้วหลายอย่างหลายประการ???? บวช? แบบนี้เรียกว่าเป็นการ บวชบ่อนทำลายพระพุทธศาสนาหาบุญกุศลไม่ได้

    ถ้า เข้าใจถูกต้องว่าพระพุทธศาสนาเป็นเหมือนกับหัวใจของเรา?? เราจะดำรงชีพอยู่ได้ก็เพราะอาศัยคุณของพระศาสนา???? ฉะนั้น? จึงเป็นหน้าที่ของเราโดยเฉพาะที่จะต้องบำรุงพระศาสนาทุก ๆ วิถีทาง???? ศีล? ก็เป็นเส้น โลหิตใหญ่เส้นหนึ่ง????? ซึ่งเราจะงดเว้นไม่รักษาเสียเลยย่อมไม่ได้??? เมื่อ เข้าใจอย่างนี้แล้ว??? บวชอยู่หรือสึกออกไป??? แม้แต่เป็นฆราวาสอยู่????? การที่รักษาศีลตามภูมิของตน ๆ ย่อมไม่เป็นของแปลก จรรยามารยาทและคุณธรรมอย่างอื่น???? อันจะเป็น เครื่องเทอดทูนพระศาสนาให้ถาวรวัฒนา??? ย่อมกระทำได้โดยความเต็มใจ??? สมกับปราชญ์ ฝ่ายพม่าเขากล่าวว่า???? “ พระสงฆ์เป็นเหมือนพี่เลี้ยง ” ?????คือเลี้ยงรักษาพระ ศาสนาคำสอนของพระพุทธเจ้าให้เจริญถาวรอยู่ได้นั่นเอง

    ทาน?? การสละสิ่งของ ๆ ตนเพื่อประโยชน์แก่คนอื่น??? เป็นของมีอยู่ประจำโลก แต่ก่อนพระพุทธเจ้ายังไม่มาตรัสรู้เผยแพร่คำสอนของพระองค์??? ก็มีอยู่แล้วทานจึงไม่เป็นของแปลกอะไรเลย???? ผู้ จะเข้าขอบเขต??? เป็นพระในพระพุทธศาสนาเริ่มแต่มีศีล ๕ เป็นต้นไป????? จึงจะเรียกว่าพระในที่นี้?? ผู้มีศีล ๕?? เป็นต้นมั่นคงดีแล้ว หากยังไม่ถึงอริย ภูมิก็เป็นพระกัลยณปุถุชนได้ จึงสมกับที่ได้อธิบายมาแล้วในตอนต้นว่า ศีลเป็นเหมือนมารดาของกัลยาณธรรมทั้งหลาย

    ถ้า เข้าขั้นอริยภูมิ??? มีพระโสดาบันเป็นต้น????? จะไม่ยอมให้ศีลของตนขาดเลยแม้ชีวิตก็ยอมสละแทน??? ศีล ชนิดนี้ท่านจึงเรียกว่าอริยทรัพย์??? เพราะศีลเป็น ของมีคุณค่ามาก??? แม้ชีวิตก็ยอมสละเพื่อศีลได้??? ทรัพย์สิน เงินทองของภายนอก???? แม้แต่ชีวิตร่างกายเป็นของหา ได้ง่าย??? เกือบจะว่าไม่ต้องหาเสียซ้ำไป??? และเป็นของ หาสาระมิได้ด้วย หากบุญกรรมกิเลสยังมีอยู่แล้ว???? เกิดได้เสมอ??? ไม่เสื่อมสูญไปไหนทรัพย์สมบัติก็มีพร้อมในที่นั้น ๆ แต่ก็ไม่ใช่ของเรา???? เป็นของสำหรับโลก???? คนเกิดมาอายุยืนนาน สมบัติเข้าของยิ่งสะสมมาก ก็มีแต่จะเพิ่มทวีความยุ่งยากขึ้นทุกทีถ้าปราศจากศีลอย่างเดียวแล้ว??? หาความสุขมิได้เลย??? ศีลมีผลให้เกิดทั้งความสุขด้วยเป็นของถาวรปราศจากเวรภัย???? ไม่มีใครจะมาลักขโมยเอาไปด้วย???? เป็นของจีรังฝังไว้แน่นดีแล้วในกายในใจของใคร???? ผู้ นั้นเกิดมาแม้มีอายุไม่นานมีสมบัติน้อย??? ก็จะค่อยทวีคุณความดีอันเป็นต้นเหตุให้ผลิตผล??? มี อายุและสมบัติเป็นต้น ทั้งในโลกนี้และโลกหน้าให้เจริญถาวรวัฒนาต่อไป

    ผู้ รักษาศีลจะมากมายสักปานใด??? ก็ไม่เคยทำลายและเบียดเบียนศีล?? ตลอดถึงทรัพย์สมบัติของคนอื่นให้สูญเสียสิ้นเปลืองไปเลย?? จึงจัดได้ชื่อว่าเป็นผู้ไม่จนไม่เหมือนผู้แสวงหาทรัพย์ สมบัติภายนอก???? แม้แต่ซื้อขายแลกเปลี่ยนกันจะถูกหรือแพง?????? ก็ ยังต้องร้องขอต่อรองกันอยู่เสมอ????? ถึงผู้ได้ได้ไป ด้วยความยินยอม????? แต่ก็ไม่พ้นจากการข่มขืนเบียดเบียนน้ำใจของผู้ให้?? ฉะนั้น ถึงจะมีมากก็นับว่ายังเป็นผู้จนอยู่ด้วยความพร่อง ความ ไม่พอความหิวกระหาย เราจะเห็นตัวอย่างชัด???? บางคนมีสมบัติเข้า ของเงินทองมากเหลือใช้เหลือกิน???? แต่ตนเองไม่กล้า นำเอาสมบัติเหล่านั้นออกมาใช้จ่าย แม้แต่จะนำเอามาบริโภคใช้สอยส่วนตัวก็ไม่อิ่มไม่พอ แต่การสะสมแสวงหายังเพิ่มทวีขึ้นอยู่เรื่อย ๆ

    เมื่อรู้จักคุณค่าและประโยชน์ของศีลดังแสดงมา แล้ว?? ขอให้พวกเราทั้งหลายจงพากันชำระศีลของตนให้บริสุทธิ์???? อย่าให้ขาดวิ่นและด่างพร้อย??? จนเป็นอริยกัน ตะศีล ตัวของเราผู้อันอริยกันตะศีลบำรุงรักษาแล้ว???? ก็จะ กลายเป็นอริยกันตะบุคคลไปด้วย

    ศีล เป็นเบื้องต้น??? ก้าวแรกแห่งการทำความดีของพระ พุทธมามกะ??? เข้ากับหลักที่ว่า??? อาทิ กัลยาณัง???? ศีลงามในเบื้องต้น??? ใครจะเป็นองค์พระ-เณร-อุบาสก-อุบาสิกาได้????? ก็จะมีศีลเป็นเครื่องวัด

    ศีล?? เป็นบ่อเกิดแห่งกัลยาณธรรมทั้งหลาย???? เมื่อศีลมี? ศีลตั้งมั่นลงใน กาย วาจา ใจ? ของใครแล้ว? กาย? วาจา? ใจ? ของผู้นั้น เบื้องต้นมีกัลยาณธรรม????? คือความสงบเสงี่ยม? เรียบร้อย? น่าคบค้าสมาคม????? พูดจาน่ารักเป็นสุภาษิตควรคิดและควรนำไปปฏิบัติตาม เป็นต้น????? ต่อนั้นไปธรรมทั้งหลาย มีพรหมวิหารเป็นต้น???? ก็จะพอกพูนไหลเข้ามานอนเนื่องปรากฏอยู่ในใจของผู้มีศีล ศีลไม่สักแต่ว่าเป็นบ่อเกิดแห่งกัลยาณธรรมเท่านั้น????? แต่ ยังคุ้มครองรักษากัลยาณธรรมนั้น ๆ ไว้ได้อีกด้วย????? เหมือนแม่ไก่กับลูกไก่?????? ฉะนั้น?? ศีลเป็นหัวหน้าพาธรรมทั้งหลายที่เป็นกุศลทั้งปวง????? ให้เดินถูกทาง??? คือผู้มีศีลเป็นพื้นอยู่แล้ว??? ธรรมทั้งหลาย??? เช่นความละอายบาปความกลัวบาป ความสละเป็นต้นก็ตามมา??? สนับสนุนเป็นกำลังเป็นบริวารห้อมล้อมในศีล?? ศีล ก็สมบูรณ์บริบูรณ์เพิ่มพูนกำลังขึ้น

    เมื่อเรารู้คุณค่าของศีลซึ่งเกิดมีขึ้นในตนของตนจนหายสงสัยแล้ว?? ก็ จะไม่แสวงหาศีลในที่อื่น???? เพิ่มพูนบำรุงศีลที่มี อยู่ในตัวของตน???? จนเป็นอริยกันตะศีลก็จะเกิดความอิ่มใจ??? ภูมิใจ ในศีลของตน??? ต่อจากนั้นความสงบภายในใจก็จะเกิดขึ้น????? แล้วจิตก็แน่วแน่ตั้งมั่นอยู่ในคุณธรรมนั้น?? จิต ที่ตั้งมั่นดีแล้ว?????? ย่อมมองเห็นสัจธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าตามเป็นจริง??? จนหายความสงสัยอันเป็น เหตุให้อุทานว่า??? อะไรหนอๆ???? เป็นอันว่าเราเข้าถึงพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าแล้ว???? เราจะอยู่ไหน??? ?ไป ไหนทำอะไรอยู่??? พระธรรมย่อมติดตามตัวของเราไปในที่ ทุกสถาน???? เราบริโภคอาหารก็บริโภคเพื่อพระธรรม?? จะนุ่ง ห่มก็หุ้มห่อพระธรรม??? ผู้ที่มามีความรู้สึกมีสติระลึกได้อย่างนี้แล้ว???? ย่อม ไม่สามารถปล่อยตัวให้กิเลสบาปธรรม??? นำเอาพระธรรมคำสอนอันนี้ไปหมกตม? (คืออกุศลธรรม)? ได้???? สมกับพุทธภาษิตว่า

    <TABLE style="BORDER-BOTTOM: medium none; BORDER-LEFT: medium none; WIDTH: 371.75pt; BORDER-COLLAPSE: collapse; BACKGROUND: rgb(224,224,224); MARGIN-LEFT: 23.4pt; BORDER-TOP: medium none; BORDER-RIGHT: medium none" border=1 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=496 bgColor=#e0e0e0><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: rgb(255,102,255) 0.5pt solid; BORDER-LEFT: rgb(255,102,255) 0.5pt solid; PADDING-BOTTOM: 0in; PADDING-LEFT: 5.4pt; WIDTH: 173.9pt; PADDING-RIGHT: 5.4pt; BORDER-TOP: rgb(255,102,255) 0.5pt solid; BORDER-RIGHT: rgb(255,102,255) 0.5pt solid; PADDING-TOP: 0in" vAlign=top width=232>ธม?โม หเว รก?ขติ ธม?มจารี</TD><TD style="BORDER-BOTTOM: 0.5pt solid; BORDER-LEFT: medium none; PADDING-BOTTOM: 0in; PADDING-LEFT: 5.4pt; WIDTH: 197.85pt; PADDING-RIGHT: 5.4pt; BORDER-TOP: 0.5pt solid; BORDER-RIGHT: 0.5pt solid; PADDING-TOP: 0in" vAlign=top width=264>ธรรม ที่ปฏิบัติอยู่นั่นแลย่อมเป็นเครื่อง ปกป้องรักษาผู้ปฏิบัติเอง</TD></TR><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: 0.5pt solid; BORDER-LEFT: 0.5pt solid; PADDING-BOTTOM: 0in; PADDING-LEFT: 5.4pt; WIDTH: 173.9pt; PADDING-RIGHT: 5.4pt; BORDER-TOP: medium none; BORDER-RIGHT: 0.5pt solid; PADDING-TOP: 0in" vAlign=top width=232>ธม?โม สุจิณ?โณ สุขมาวหาต</TD><TD style="BORDER-BOTTOM: 0.5pt solid; BORDER-LEFT: medium none; PADDING-BOTTOM: 0in; PADDING-LEFT: 5.4pt; WIDTH: 197.85pt; PADDING-RIGHT: 5.4pt; BORDER-TOP: medium none; BORDER-RIGHT: 0.5pt solid; PADDING-TOP: 0in" width=264>?ผู้ปฏิบัติ ธรรมถูกต้องดีแล้วให้เกิดสุข</TD></TR></TBODY></TABLE>​


    เมื่อ เราได้รับความสุขในปัจจุบันเพราะปฏิบัติชอบ ในปรายภพข้างหน้าเราก็ไม่ต้องสงสัย
    ดัง อธิบายเพิ่มธรรมิกถามา???? ก็พอควรแก่เวลา??? เอวํฯ

    ที่มา

    สาธุ สาธุ สาธุ

    ___________________________________________________


    • เนื้อหาธรรรม
    • ที่มา หากก๊อปปี้มาจากเว็บก็มีลิ๊งค์ถึงด้วยก็ดีมาก
    หากไม่สามารถมีลิงต์ได้ก็บอกที่มาไว้ เช่น FW จากเพื่อน หรือพิมพ์คัดมาจากหนังสือ ..... ฯลฯ

    คำว่าลิงค์หมายถึงแบบนี้
    บอกที่มา ... หรือลิงค์ที่มา ... เพื่อให้เกียรติเป็นกำลังใจแก่ผู้จัดทำเผยแผ่
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 กันยายน 2010

แชร์หน้านี้

Loading...