คู่มือประกอบการตรัสรู้ธรรม ของพระศรีอารย์

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย อารยเมตตัยพุทธเจ้า, 22 ธันวาคม 2004.

  1. อารยเมตตัยพุทธเจ้า

    อารยเมตตัยพุทธเจ้า บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    คู่มือประกอบการตรัสรู้ธรรมของพระศรีอารย์

    หนังสือคู่มือ ซึ่งข้าพเจ้าใช้ประกอบในการตรัสรู้ธรรมทั้งสิ้น ล้วนแล้วแต่นำมาจาก หนังสือสัทธรรมวิจัยย ของ พ.อ.(พิเศษ) สัญชัย บุณฑริกสวัสดิ์ ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับข้าพเจ้า กล่าวคือเป็นผู้รวบรวม เลือกเฟ้นพุทธธรรมทั้งหลาย ที่จำเป็นสำหรับการตรัสรู้ธรรม ของข้าพเจ้า เนื้อหาสาระทั้งหลายในหนังสือสัทธรรมวิจจย ของ พ.อ.(พิเศษ) สัญชัย บุณฑริกสวัสดิ์ ล้วนแล้วแต่มีส่วนสำคัญต่อการตรัสรู้ธรรมของพระพุทธเจ้า เฉกเช่นเดียวกันกับเมื่อครั้งพุทธกาล ซึ่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงออกผนวช และไปศึกษาอยู่กับสำนัก อาฬารดาบถ และ ปัญจวัคคีทั้งห้า จนเนิ่นนานมิอาจตรัสรู้ธรรมได้ อีกทั้งทรงบำเพ็ญทุกข์กริยา ทรมานสังขารตนเอง เพียงแต่หาได้มาซึ่งสัจธรรม หมายถึงหนทางหลุดพ้นจากกองทุกข์ไม่ แท้ที่จริงแล้วพระพุทธองค์ทรงดำเนินตามวิถีธรรมทั้งสิ้น กล่าวคือ เดินตามเส้นทางเดินซึ่งพระผู้สร้างทั้งสี่ คือ องค์พรหมหญิง องค์พรหมชาย แม่พระธรณี องค์อินทร์ ได้วางไว้ทั้งสิ้น หาใช่ทรงกำหนดเส้นทางเดินของตนเองได้ไม่ นับตั้งแต่ประสูติ ตรัสรู้ ปรินิพพาน ล้วนแล้วแต่ถูกกำหนดขึ้นตั้งแต่เริ่มสร้างโลกสร้างจักรวาล โดยองค์ศิวะเทพและองค์อุมาเทวีแล้วทั้งสิ้น เพียงแต่นำออกมาสอนสั่งให้มนุษย์บนโลก ได้รับรู้ความจริงทีละเรื่อง นับตั้งแต่การอวตารลงมาบนโลกมนุษย์ขององค์พรหม เพื่อบอกความจริงและสอนสั่งให้มนุษย์ประกอบแต่กรรมดี ชี้นำให้พระพุทธเจ้านามว่า อารยเมตตรัยพุทธเจ้า เก็บเกี่ยวพุทธเกสรเพื่อนำมาตรัสรู้ธรรมได้ทั้งสิ้น ได้แก่ การอวตารลงมาเป็นเจ้าลัทธิ เป็นศาสดา ของศาสนาคริสต์ และศาสนาอิสลาม ขององค์พรหม กล่าวคือ พระเยซู คริสต์ ศาสดาของศาสนาคริสต์ เป็นอวตารหนึ่งขององค์พรหมนั่นเอง การประกอบกรรมดีในคริสต์ศาสนา เพื่อเป้าหมายสูงสุดคือกลับไปอยู่กับพระเจ้า แท้ที่จริงแล้วการได้ไปอยู่กับพระเจ้าเนื่องเพราะการประกอบกรรมดีย่อมกลับคืนสู่ที่ตั้งจิตคือสวรรค์ชั้น อาภัสสรพรหม ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่าประกอบกรรมดีระดับไหน หากประกอบ กรรมดี เพื่อคนหมู่มากสอนสั่งให้มนุษย์ประกอบกรรมดี จัดเป็นกลุ่มนักสังคมสงเคราะห์ แพทย์ พยาบาล ย่อมสามารถขึ้นสู่สวรรค์ชั้นดาวดึงได้ อีกทั้งหากประกอบกรรมดีบ้าง มิประกอบกรรมชั่ว ย่อมสามารถกลับคืนสู่ที่ตั้งจิตคือสวรรค์ชั้นอาภัสสรพรหม กลับคืนสู่อ้อมอกขององค์พรหม คือพระเจ้าที่สร้างสิ่งมีชีวิตทั้งหลายบนโลกมนุษย์แห่งนี้นั่นเอง อีกทั้ง อัลกุรอ่าน เตหะราน ศาสดาของศาสนาอิสลาม ก็เป็นเฉกเช่นเดียวกัน ล้วนแล้วแต่เป็นอวตารหนึ่งขององค์พรหม พระธรรมคำสอนของศาสนาอิสลาม และศาสนาคริสต์ ล้วนแล้วแต่มีลักษณะคล้ายคลึงกันเนื่องเพราะศาสดาล้วนแล้วแต่เป็น อวตารหนึ่งขององค์พรหมทั้งสิ้น เพียงแต่อุบัติขึ้นเพียงคนเดียว อีกทั้งในศาสนาฮินดูก็เฉกเช่นกัน ล้วนได้รับรู้ข้อมูลจากทั้งจิตฝ่ายดีและจิตฝ่ายชั่วเนื่องเพราะ ในศาสนาพราหมณ์ (ฮินดู) เป็นศาสตร์ที่เร้นลับ อธิวจนะทั้งหลายบังเกิดจากศรัทธาอย่างหมดใจน้อมนำจิตอ่อนไหวตาม สัมผัสสะซึ่งได้รับจากศรัทธาในเทพที่ตนเองนับถือ อีกทั้งมิอาจนับเป็นศาสตร์ที่มีเหตุผล เนื่องเพราะเป็นศาสตร์ที่เร้นลับ ต่างกับพระพุทธศาสนา ซึ่งเป็นศาสนาซึ่งเน้นเรื่องเหตุผล สามารถพิสูจน์ได้ด้วยหลักการทางวิทยาศาสตร์ การแสดง อุตริธรรม ในพระพุทธศาสนาก็เฉกเช่นกัน พระพุทธองค์ทรงห้ามมิให้อรหันต์ทั้งหลายแสดงปาฏิหารย์โดยมิจำเป็น ถึงแม้จะสามารถฝึกฝนจิตจนบรรลุอรหัตผล ได้สัมผัสสะ (โสตทิพย์) ได้รับฟังอธิวจนะ พุทธวจนะ จากพระผู้สร้างทั้งหกรวมทั้งนายนิรบาล แล้วก็ตาม บุคคลผู้ซึ่งมิเคยฝึกฝนจิตจนบรรลุธรรมขั้นสูง โลกุตรธรรม หาใช่เข้าใจตามไม่ หากแม้นต้องการแสดง อุตริธรรมต้องแสดงควบคู่กับโลกุตรธรรม ซึ่งสามารถพิสูจน์ได้ด้วยหลักของเหตุผล กล่าวคือสัมผัสได้แม้บุคคลนั้นมิได้ฝึกฝนจิตมาก่อน เพื่อน้อมนำเข้าสู่ธรรมขั้นสูง โลกุตรธรรม ซึ่งเพรียบพร้อมด้วยความจริงซึ่งได้จาก พุทธวจนะของพระผู้สร้างทั้งหกคือองค์อินทร์ แม่พระธรณี องค์ศิวะเทพ องค์อุมาเทวี องค์พรหมชาย องค์พรหมหญิง อีกทั้งนายนิรบาล ทั้งสิ้น นับว่าเป็นเรื่องเหลือเชื่อสำหรับผู้ซึ่งมิได้ฝึกฝนจิตจนได้สัมผัสสะ ดังเช่นพระพุทธเจ้าซึ่งล้วนได้รับ พุทธวจนะจากพระผู้สร้างทั้งหกทั้งสิ้น รวมทั้งนายนิรบาล เนื่องเพราะเนื้อหาสาระทั้งหลายซึ่งได้ตรัสรู้ธรรม ล้วนแล้วแต่บังเกิดจาก การซักถาม การเจรจาโต้ตอบ เลือกเฟ้น คัดสรรถ้อยคำซึ่งพระผู้สร้าง ได้ทรงพุทธพจน์คือเล่าเหตุการให้ฟัง ภายหลังจากได้รับฟังธรรมจากพระผู้สร้างโดยตรง พร้อมทั้งแยกแยะแล้วจึงนำมาร้อยเรียงถ้อยคำ เพื่อนำเสนอต่อสาธารณชน ต่อไปนั่นหมายถึง ว่าถ้อยคำทั้งหลายซึ่งได้ร้อยเรียงล้วนแล้วแต่ได้รับการคัดสรรเลือกเฟ้นแล้ว ว่ามีประโยชน์ต่อสาธารณชน มีเหตุมีผลน่าเชื่อถือ มิใช่เชื่ออย่างหมดใจ ดังเฉกเช่น ไสยศาสตร์ ซึ่งมีมาในศาสนาพราหมณ์(ฮินดู) คือมีความศรัทธาเชื่อถือแบบมิมีข้อโตแย้งใดๆ อีกทั้งในศาสนาคริสต์และศาสนาอิสลาม เป็นศาสนาซึ่ง มีศรัทธาตั้งมั่น คือยึดมั่นในสิ่งๆเดียวคือพระเจ้าซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นองค์เดียวกัน คือพระอัลลาห์ เป็นศูนย์รวมทางจิตใจ น้อมนำจิตมนุษย์ให้ประกอบคุณงามความดี โดยมิมุ่งหวังการหลุดพ้น เนื่องเพราะหากแม้นต้องการหลัดพ้น จักต้องฝึกฝนจิต ให้ระดับของจิตสูงขึ้นเข้าสู่นิพพานมิติ ได้สัมผัสที่หก คือสัมผัสจิตกับผู้ฝึกฝนจิตจนหลุดพ้นทั้งหลายซึ่งลงมาปฏิบัติพุทธกิจบนโลกมนุษย์ ที่ระดับจิต คือสวรรค์ชั้น กามาวจร ซึ่งเป็นที่ตั้งจิตของพระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ทั่วทั้งมหาสากลจักรวาล เพียงแต่การประกอบกรรมดี ในศาสนาคริสต์และศาสนาอิสลาม ซึ่งล้วนแล้วแต่สอนสั่งให้มนุษย์ประกอบแต่กรรมดี ผู้ประกอบกรรมดีเมื่อละกายสังขารย่อมได้ขึ้นสู่สวรรค์ ผู้ซึ่งประกอบกรรมชั่วย่อมลงสู่นรก เพียงแต่มิทราบรายละเอียดว่า ภพสวรรค์มีกี่ชั้น อะไรบ้าง นรกมีกี่ขุม แต่ละขุมทำหน้าที่เช่นไร บทบัญญัติของสวรรค์ หมายถึง กฎแห่งกรรมทั้งหลาย บัญญัติไว้เช่นไร เนื่องเพราะมิได้เน้นเรื่องการฝึกฝนจิต เพียงแต่พร่ำสอน ให้มีศรัทธาตั้งมั่นอยู่กับพระเจ้าเพียงพระองค์เดียว คือพระอัลลาห์ มิได้มีพระเจ้ามากมายดังเฉกเช่น ศาสนาพราหมณ์(ฮินดู) ซึ่งเลือกนับถือเทพเจ้าตามความเชื่อของตนเอง มิมีศาสดาดังเช่นคริสต์ศาสนา และศาสนาอิสลาม ซึ่งศรัทธาตั้งมั่นในพระเจ้าองค์เดียว อีกทั้งในพระพุทธศาสตร์ ซึ่งเป็นศาสตร์ของพระผู้สร้าง กอรปด้วย แบบแผนการฝึกจิตแบบลัทธิเต๋า ของท่านกงจื้อ แบบแผนการฝึกฝนจิตเพื่อบรรลุโพธิสัตว์ ขององค์โพธิสัตว์อวโลกิเตศวร กวนซี่อิม ผ่อสัก แบบแผนการฝึกฝนจิตเพื่อบรรลุอรหัตผล บรรลุมรรคผล ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและสาวก ในพุทธศาสตร์เน้นการฝึกฝนจิตเพื่อการหลุดพ้นจาก วัฏสังสาร มิต้องเวียนว่ายตายเกิดใน สังสารวัฏ อีกต่อไป น้อมนำจิตเพื่อเข้าสู่สัมผัสที่หก (Six Sent)หรือ นิพพานมิติ ได้รับอธิวจนะจากจิตพระอรหันต์ผู้ซึ่งละกายสังขารแล้ว อีกทั้งได้รับพุทธวจนะจากพระผู้สร้างผ่านทาง สัมผัสสะ(โสตทิพย์) ภายหลังจากฝึกฝนจิตจนกระทั่งบรรลุโสดาบันแล้ว หมายถึงล่วงพ้นฌาน 8 แล้วเข้าสู่
     
  2. telwada

    telwada เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,509
    ค่าพลัง:
    +1,817
    เข้าข่ายหลอกลวงผู้อื่นแล้วคุณผู้แอบอ้างตัวเป็นข้าพเจ้า ข้าพเจ้าคือศรีอารย์ของจริง อยากพิสูจน์ไหมละคุณ อย่าทำ ทีหลังอย่าทำ
     
  3. มารสะท้าน

    มารสะท้าน Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    100
    ค่าพลัง:
    +97
    ไร้สาระทั้งนั้น ศึกษากันก่อนนะครับ แล้วจาได้รู้ว่าตอนนี้ พระศร๊อรท่านอยู่ที่หนาย แล้วค่อยมาบอกว่าจุติที่นั่น ที่นี่.......

    ผมมีอารายมาให้ดู.........

    ลองอ่านความคิดของลูกหมอสอนศาสตริสต์ดูนะคร้บ

    เรื่องนี้นายพลเอกอาร์ อิงเกอร์โซล ได้เขียนไว้และถูกแปลเป็นภาษาไทยเมื่อปี 2504-2505-2506 มีการพิมพ์แจกจ่ายหลายร้อยหลายพันเล่มแล้ว ปัจจุบันไม่ได้พิมพ์แล้วกระมัง จึงส่งมาให้อ่านกัน

    คำบรรยาย
    ว่าด้วยพระผู้เป็นเจ้า
    ทำไมข้าพเจ้าไม่เชื่อว่ามีผู้สร้าง
    -------------------------
    ธรรมดาไม่ว่าเรื่องอะไร ๆ ทั้งหมดทั้งสิ้น, ถึงแม้ว่าจะเป็นเรื่องที่มีพิรุธผิดพลาด ไม่น่าเชื่อหรือไม่มีพยานหลักฐานประกอบให้เห็นจริงได้ก็ตาม. แต่เมื่อบุคคลมีความเชื่ออยู่ในสันดานแล้ว ก็ย่อมจะนึกหาทางแก้ตัวเอาเองว่า
     
  4. Catwater

    Catwater บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    เออ กินแล้วเป็นไง สติปัญญาสูงส่งเท่าพระเจ้ามั้ย โลกนี้สร้างยังไงถามหน่อยเหอะ ไม่ต้องอ่ะ เอาเป็นว่าทำไงตายไปจะได้ขึ้นสวรรค์ โอ๊ะ ท่าจะยากไป เอางี้ ทำไงถึงจะมีแฟนคนเดียวละกันอ่ะ เหอะ เหอะ เหอะ ไม่รู้ว่ายากไปอีกป่าว

    ไอ่คำพูดแบบเนี้ย มันคำพูดของคนที่คิดว่าตัวเองเก่ง คิดว่าตัวเองฉลาด พอตัวเองคิดอะไรได้หน่อยก็หลงตัวเองแล้วก็คิดว่าคนอื่นคงทำแบบตัวเองไม่ได้ ตัวเองเก่ง ตัวเองแน่ หาใครดีกว่าตัวเองไม่ได้แล้ว ( และคนที่คล้อยตามคำพูดนี้ก็ออกจะเป็นคนในลักษณะเดียวกัน ) จริงๆแล้วยังอ่านไม่จบหรอกนะ แต่ก็คิดว่าน่าจะเป็นผลงานของคนแบบที่ว่านี่แหล่ะ ถ้าผลงานแบบนี้ออกมาเมื่อห้าร้อยปีก่อนคงโดนบูชายันแล้วมั้ง เหอะ เหอะ เหอะ ( คือว่าคนเราจะนำเสนอผลงานอะไรออกมา ก็ต้องดูว่ากระแสของสังคมเป็นอย่างไร แล้วจะต้องพยายามตามกระแสของสังคมไปเรื่อยๆเพื่อความเจริญก้าวหน้าของชีวิต ถ้าสวนกระแส ชีวิตก็จะจบสิ้นบรรลัยกัลป์ ) ซึ่งคนเขียนก็คงตกอยู่ในสภาวะที่วิทยาศาสตร์กำลังเจริญก้าวหน้า และก็มีพวกคริสเตียนซึ่งเป็นความเชื่อส่วนน้อยในสังคมชักจูงเข้าศาสนา ซึ่งความเชื่อดั้งเดิมก็ออกจะอยู่ในแนววิทยาศาสตร์ พอโดนกล่อมหัวมากๆก็จะรู้สึกรำคาญ ( ถ้าคนกล่อมหัวมีฐานะสูงกว่าก็จะคล้อยตามหรือโอนอ่อนตาม แต่ถ้าคนที่มากล่อมมีฐานะต่ำกว่าจะรู้สึกรำคาญ ) และความรำคาญนั้นก็จะแสดงออกมาในลักษณะต่อต้านเป็นปกติธรรมดาของมนุษย์

    ฟังไปเรื่องนึงละ มาฟังอีกเรื่องละกัน
    วันหนึ่ง ที่พระเจ้ากำลังดูแลโลกอยู่ พระเจ้าก็นึกขึ้นมาว่าอะไรที่ควรจะทำ ก็ทำหมดแล้ว กายทิพย์ยังเหลืออีกร้อยกว่าชิ้นจะทำอะไรอีกดี แล้วพระเจ้าก็บอกออกมาว่า " เราจะสร้างเหล่าเทพขึ้นมาช่วยเราดูแลโลก " แล้วพระเจ้าก็ควักตับตัวเองออกมาแล้วก็สร้างเป็นพระศิวะขึ้นมา พระศิวะจึงเป็นเทพองค์แรกที่พระเจ้าสร้างขึ้น พระเจ้าตัดตับออกจะเสียพลังไป 1 ในร้อย แต่พระศิวะจะมีพลังระดับ 1 ในพันของพระเจ้า เนื่องจากตัดเอาตับออกต้องเอาไปสร้างเป็นกายทิพย์สร้างเป็นปัญญาให้อีก ( คนเราจะสามารถดำรงชีวิตอยู่อย่างมีความสุขได้ ไม่จำเป็นที่จะต้องสร้างให้มันมีพลังสูงที่สุดเท่าที่จะสามารถทำได้ การที่เราจะมีความสุขในชีวิตนั้น ไม่ได้ขึ้นกับพลังเพียงอย่างเดียว )

    พอสร้างพระศิวะขึ้นมาแล้ว พระศิวะนี่ก็ห้าวไป ( แบบว่าเป็นชายชาตรีที่สุดในหมู่เหล่าเทพเลยล่ะ ) พระเจ้าก็เลยนึกขึ้นมาว่า " ศิวะนี่ก็ห้าวไป อยากจะทำใครดีๆขึ้นมาซักคน " ตอนนั้นพระเจ้าก็เหลือบไปเห็นหัวใจตัวเองแล้วก็ปิ๊งไอเดียขึ้นมาว่า " เราสามารถสร้างผู้ที่ดีที่สุดได้หนึ่งคน โดยจะต้องใช้หัวใจของเราสร้างขึ้น " แต่ว่าถ้าพระเจ้าควักหัวใจออกมาพระเจ้าจะสูญพลังไป 2 ใน 3 ตอนนั้นพวกเทวดานางฟ้าก็ห้ามใหญ่เลย " โห พระเจ้า จะตัดอะไรก็ตัดเถอะ แต่หัวใจน่ะเก็บๆไว้เถอะ อย่าควักออกมาเลยหัวใจน่ะ " พระเจ้าก็บอกว่า " ไม่ต้องพูดแล้ว " " เราจะให้เค้าผู้นี้เป็นพระบุตรองค์เดียวของเรา และเมื่อเราสิ้นอายุขัยแตกดับไปแล้ว เราจะให้เขาเป็นพระเจ้าต่อจากเรา เขาจะต้องเป็นพระเจ้าที่มีอุจตะวัน ( ก็คืออุจอาทิตย์, พระเจ้ามีอุจอยู่ 9 ตัว และตัวที่ขาดไปคืออุจอาทิตย์ ซึ่งเป็นอุจตัวที่แสดงถึงความยิ่งใหญ่ ) เขาจะต้องสร้างโลกที่มีท้องฟ้าเป็นสีเขียวได้ เขาจะไม่แพ้ผู้ใด เพราะว่าเข้าเกิดจากสิ่งที่ดีที่สุด เขาจะต้องเป็นพระเจ้าที่ยิ่งใหญ่ที่สุด เขาจะต้องเป็นพระเจ้าที่มีพลังสูงที่สุด " ว่าแล้วก็ควักหัวใจออกมาเลย แล้วก็ปิดห้องทำไป 49 วัน ( สร้างโลก 7 วัน แต่ทำพระศรีอารีย์ 49 วัน แบบว่าบรรจงสุดๆ ปรานีตสุดๆ สุดฝีมือเลย ควักหัวใจออกมาทั้งที ) กุมารน้อยมีความงดงามอยู่ 3 สิ่ง เป็นผู้ที่งดงามที่สุดในสามโลก พระเจ้าตั้งชื่อให้ว่า ศรีอริยะเมตรัย ( ศรี-->เหมือน, อริยะ-->พระอริยะ, เมตรัย (ชื่อ), ศรีอริยะเมตรัย แปลว่า เมตรัย ผู้งดงามประดุจพระอริยะ )

    แล้วกายทิพย์ที่เหลือก็ไม่เอาละ จะตัดออกมาทำเป็นเทพให้หมด เพื่อว่าเวลาศรีอริยะเมตรัยเป็นพระเจ้าแล้วจะได้ไม่ต้องตัดกายทิพย์ตัวเอง ให้ขอพวกนี้เอา ทำให้เหล่าเทพจึงมีทั้งหมด 142 องค์ ตามจำนวนชิ้นส่วนของพระเจ้า ( ตอนที่พระเจ้าทำลายทั้ง 3 โลก ก็กะไว้ว่าจะเหลือเหล่าเทพไว้ จะไม่ทำลายไปด้วย ) พระเจ้ามีกายทิพย์อยู่ 140 ชิ้น ตัดออกมาทำเทพหมด เทพแต่ละองค์มี 140 กว่าๆชิ้น รวมแล้วพระศรีอารีย์ก็จะมีวัตถุดิบในการสร้างสรรพสิ่งต่างๆอยู่กว่า 20,000 ชิ้น

    แต่เมื่อพระเจ้าควักหัวใจออกมาจะทำให้พลังของพระเจ้าลดลง และอายุขัยสั้นลง พระเจ้าก็บอกว่า อีกไม่นาน ผลของต้น... ( อะไรจำชื่อไม่ได้ ) ก็จะออกแล้ว เราจะกินผลนั้น เพิ่มพลังให้เรา เพิ่มปัญญาให้เรา และต่อชีวิตเราออกไป...

    แล้วเรื่องหลังจากนั้น ก็อย่างที่เค้าว่ากันมานั่นแหล่ะ
     
  5. telwada

    telwada เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,509
    ค่าพลัง:
    +1,817
    คุณมารสะท้าน คุณรู้ไหมว่า หลักการหรือธรรมะอันเป็นหัวข้อใหญ่ทั้งหมด ข้าพเจ้าได้ยื่นจดลิขสิทธ์ไว้เมื่อหลายปีก่อนแล้ว และหลักการหรือธรรมะของข้าพเจ้า ที่ยื่นจดทะเบียน ก็มีชื่อว่า "หลักการหรือธรรมะแห่งศรีอาริยเมตไตย" หลักฐานการยื่นจดลิขสิทธิ์ ข้าพเจ้าก็ยังเก็บไว้ นั่นคือการประกาศตัวของข้าพเจ้าต่อกระทรวงอันเกี่ยวกับการจดลิขสิทธิ์
    ประการที่ 2 ข้าพเจ้าอยู่ที่เชียงใหม่ และที่เชียงราย ประชาชนเห็นกันเกือบจะทั่วเมืองแล้วคุณ เพียงแต่มันไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อพวกเขา จึงไม่ดังเหมือนพวกอรหันต์ตั้ง ที่มีหน้าม้าคอยโฆษณาประชาสัมพันธ์
    ผู้ใดก็ตามที่แอบอ้างเป็นศรีอารย์หรือตัวข้าพเจ้า ถือว่าเขาผู้นั้นหลอกลวงอย่างแน่นอน เพราะตัวข้าพเจ้าสามารถพิสูจน์ตัวเองได้ ทั้งฉัพพรรณรังสีก็มีจริง มากกว่าฉัพพรรณรังสีก็มีผู้เห็นกันเยอะแยะ ทั้งหลักการหรือธรรมะของข้าพเจ้าก็สามารถพิสูจน์ได้ว่าเป็นหลักความจริง อีกทั้งข้าพเจ้าก็ฝึกตนตามหลักการนั้นจนได้ผลในระดับที่น่าพอใจ ฉะนี้
     
  6. tha

    tha เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    100
    ค่าพลัง:
    +118
    เอ่อ..........


    คุณ telwada นับถือศาสนาอะไรไม่ทราบ อย่ามาทำตัวเป็นมารศาสนา(พุทธ)ดีกว่า เดี๋ยวเป็นแบบพวกตาลีบันนะ
     
  7. tha

    tha เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    100
    ค่าพลัง:
    +118
    เอ่อ..........


    คุณ telwada นับถือศาสนาอะไรไม่ทราบ อย่ามาทำตัวเป็นมารศาสนา(พุทธ)ดีกว่า เดี๋ยวเป็นแบบพวกตาลีบันต้องไปอยู่ในรูเป็นเพื่อนบินลาเดนนะ
     
  8. telwada

    telwada เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,509
    ค่าพลัง:
    +1,817
    คุณมารศาสนา ข้าพเจ้าคือผู้ทีมาแก้ไขศาสนา คุณกล่าวคำสบประมาทข้าพเจ้าหลายครั้ง โดยที่ตัวคุณไม่ได้มาพิสูจน์ แล้วคุณนับถือศาสนาอะไรละคุณ คุณคงนับถือเพียงในบัตรประชาชนเท่านั้น เนื้อแท้ของคุณก็ไม่ต่างอะไรกับพวกเดียรถ์ ที่ไม่ยอมรับความจริง นิสัยก็เป็นประเภทจัณฑาล คือไม่ยอมรับรู้เหตุรู้ผลความรู้ความคิดต่ำไม่ยอมคิดพิจารณาถึงหลักความจริง
    ถ้าคุณไม่เชื่อหรือสงสัยก็ควรมาพิสูจน์ก่อนแล้วค่อยว่ากัน นั่นเป็นวิสัยของมนุษย์ผู้มีความเจริญทางจิตใจทั่วๆไป จิตใจของคุณต่ำทรามยิ่งกว่าเด็กๆด้วยซ้ำไป เพราะเด็กๆนั้น แม้จะมีประสบการณ์น้อย เด็กเหล่านั้นก็ยังอยากจะพิสูจน์คืออยากจะดูว่า ข้าพเจ้าเปล่งฉัพพรรณรังสีได้จริงหรือไม่ คุณไปพิจารณาตัวเองเถอะคุณ
    แล้วคุณคิดไหมว่า ถ้าข้าพเจ้าหลอกลวงผู้อื่น หรือกล่าวอ้างโดยไม่สามารถพิสูจน์ให้ผู้อื่นเห็นได้รู้ ข้าพเจ้าจะลอยนวลอยู่ได้หรือคุณ
    ข้าพเจ้าเองก็ไม่อยากเปรียบเทียบหรือด่าคุณเพราะหากเขียนเป็นตัวอักษรลงไป คุณก็คงคิดว่าข้าพเจ้าโกรธคุณ ซึ่งความจริงแล้ว ข้าพเจ้าอนาถใจในความคิดและสภาพจิตอันตำทรามของคุณเท่านั้น
    ประการสุดท้าย ไม่ว่าคุณจะครองเรือนหรือสวมบทบาทอะไร หากคุณได้พบข้าพเจ้าก็จงก้มลงกราบตีนข้าพเจ้าเป็นการขอขมาซะ จะได้ไม่มีบาป ไม่มีเวรกรรมต่อกัน ฉะนี้
     
  9. tha

    tha เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    100
    ค่าพลัง:
    +118
    ด่าแบบนี้มันคุ้น ๆ
     
  10. มารสะท้าน

    มารสะท้าน Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    100
    ค่าพลัง:
    +97
    คุณ tha อย่าไปถือสาคนบ้าๆบอเลยครับ เสียอารมณ์ป่าวๆ.......

    เขาว่า..... อเสวนา จ พาลานัง ปัณฑิตา นัน จ เสวนา .......
     
  11. narit

    narit Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2004
    โพสต์:
    66
    ค่าพลัง:
    +52
    ผู้ที่จะตรัสรู้ ต้องบำเพ็ญบารมี 30 ทัศ ครับ มิใช่แบบคุณเทวดา
    อย่างนั้นเขาเรียกว่าหลง ครับ ...ไม่มีใครสนใจเขาหรอกครับ เพราะเขาไม่มีบารมีมากพอที่จะให้ใครสนใจเรียนรู้ได้...
    สั่งสมโมหะและกิเลส มากมายเหลือเกิน ไม่รู้ ว่าอาไรทำให้เป็นแบบนั้น ผีเข้าหรือเปล่าครับ
     
  12. narit

    narit Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2004
    โพสต์:
    66
    ค่าพลัง:
    +52
    ท่านผู้ปฏิบัติทั้งหลาย ถ้าไม่ศึกษาธรรมะให้มากๆ ก่อนปฏิบัติ ก็จะหลง หรือถูกผีเข้าแบบคุณเทวดา นี่แหละครับ พาลกลายเป็นคนที่สร้างบาปกรรมโดยไม่รู้ตัว ..ดังนั้นศึกษาให้มากๆ ให้ละเอียด ถามผู้รู้ ให้มากๆครับ จะไม่หลง
     
  13. มารสะท้าน

    มารสะท้าน Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    100
    ค่าพลัง:
    +97
    สาธุ.......ดีแท้ๆๆ
     
  14. tha

    tha เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    100
    ค่าพลัง:
    +118
    ผมต้องไปหาพระไตรปิฎกมาศึกษาอย่างจริงจังซะที ขอบคุณครับ
     
  15. telwada

    telwada เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,509
    ค่าพลัง:
    +1,817
    คุณไปรู้ที่ไหนมา ว่าต้องบำเพ็ญบารมี 30 ทัศ พวกคุณคิดว่าข้าพเจ้าบ้า พวกคุณรู้ไหมว่า คนบ้ามีลักษณะอย่างไร ถ้าไม่รู้ว่างๆก็ลองไปปรึกษา จิตแพทย์ แล้วก็ลองพิจารณาดูตัวของพวกท่านเองซิว่า มีลักษณะอาการของคนบ้าไหม
    เพราะเหตุที่คุณกล่าวสบประมาทข้าพเจ้าหลายครั้งหลายหน ข้าพเจ้าเองก็ท้าให้พวกคุณมาพิสูจน์ตัวข้าพเจ้าแต่พวกคุณไม่มา พวกคุณมัวแต่หลงงมงายอยู่กับสิ่งที่ผิดๆ คิดอยู่กับสิ่งที่ผิดๆ แล้วยังไม่รู้ตัวอีก อนิจจาศาสนาพุทธมันถึงได้เสื่อมทรามเพราะคนอย่างพวกคุณนั่นแหละ ไม่คิดพิจารณาดูเถิดมีหลายคนที่เคยกล่าวให้ร้ายข้าพเจ้าว่าบิดเบือนพระธรรมบ้าง อะไรต่อมิอะไรอีกหลายอย่างแต่พวกเขาไม่มองดูตัวเขาเองว่า พวกเขาบิดเบือนพระธรรมที่แท้จริงหรือไม่ ไม่สามารถฝึกตัวเองให้ถึงอริยะบุคคลได้ โสดาบันก็ไม่สามารถบรรลุได้ เอาธรรมะอะไรก็ไม่รู้มาสอน ยังไม่รู้ตัวอีก แล้วคนบ้ามันมีลักษณะอย่างไรละคุณ น่าอนาถใจยิ่งนัก
     
  16. narit

    narit Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2004
    โพสต์:
    66
    ค่าพลัง:
    +52
    ฮ้าๆๆๆๆ ขำ ครับ ......คุณเทวดานี่เขาเรียกว่าคนพาลครับ ไม่ควรสนทนาด้วย เพราะไม่เคยมีหลักเกณฑ์ ไม่มีเหตุผลรองรับคำพูด แต่อย่างไร ใช้คำพูดเลื่อนลอย เสียเวลาผมมากแล้วครับ...บายสำหรับคุณ
     
  17. บุญนำ

    บุญนำ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    10
    ค่าพลัง:
    +14
    โทสะโผล่ออกมาตัวเป้งเลยครับ
     
  18. worawit.t

    worawit.t สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    4
    ค่าพลัง:
    +0
    กิ้มขออนุโมทนา ......
    "สิ่งที่ยังไม่รู้ไม่เห็นก็อย่าเพิ่งปฏิเสธเสียทีเดียวจนกว่าจะได้รู้ได้เห็น"
    "ในหมู่มนุษย์ผู้ฝึกตนแล้วเป็นผู้ประเสริฐสุด"
    ....ผมได้อ่านแล้วรู้สึกว่าซาบซึ้งมาก จนไม่กล้าละลาบละล้วง หรือแม้จะเรียกว่าคุณพี่ คุณพี่ใช้ชื่อว่า telwada หรือเปล่า ผมอายุ 28 ปี อยู่ชลบุรี ปฏิบัติธรรมก็ไม่ได้ก้าวหน้าไปเท่าไร หากคุณพี่มีสิ่งดี โปรดแนะนำบอกด้วยนะครับ จะเป็นประโยชน์เป็นอย่างมาก เสียดายที่ไม่รู้จักชื่อจริงของท่าน อย่าปล่อยให้น้องล่วงหล่นไปนะครับ จะดีใจมาก worawit.t แอ๊ด navy.mi.th
     

แชร์หน้านี้

Loading...