จะนับถือศาสนาไหนก็ตาม นรกเดียวกันสวรรค์เดียวกัน สถานที่เหมือนกัน

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย WebSnow, 14 สิงหาคม 2005.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. WebSnow

    WebSnow ผู้ก่อตั้งเว็บพลังจิต ทีมงาน Administrator

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2003
    โพสต์:
    8,702
    กระทู้เรื่องเด่น:
    129
    ค่าพลัง:
    +64,015
    ถาม : แล้วอย่างศาสนาอื่นล่ะครับ คนที่นับถือศาสนาอื่น?
    ตอบ : จะนับถือศาสนาไหนก็ตามนรกเดียวกันสวรรค์เดียวกัน ถึงเวลาก็ขึ้นสวรรค์ลงนรกในสถานที่เหมือน ๆ กัน เพียงแต่ว่า อุปทานความยึดมั่นในแต่ละศาสนาในแต่ละระเบียบประเพณีของเขาไม่เหมือนกันก็เลยทำให้เขาเห็นนรกสวรรค์ต่างกันไป แต่มันมีความเหมือนอยู่อย่างหนึ่งก็คือ นรกเป็นสถานที่ลงโทษ
    ขณะเดียวกัน สวรรค์เป็นสถานที่เสวยความดีที่ตัวเองทำมา ถ้าเทวดาฝรั่งไปแต่ตัวเหมือนลิเกนุ่งชฎาแหลมเปี๊ยบฝรั่งมันไม่รู้จักหรอก ฝรั่งมันนึกว่าละครหลงโรงมาจากไหนก็ไม่รู้ แต่ทว่าไปชุดขาวรุ่มร่าม ๆ มีวงแสงบนหัวมีปีก เล็ก ๆ ซะหน่อยละก็รู้ว่าอันนี้คือเทวดา เทวดา เขาเลยต้องแสดงให้เห็นในลักษณะนั้น ถ้าแสดงลักษณะอื่นเขาจะไม่รู้ มันเป็นความยึดมั่นตามประเพณี ตามความเชื่อถือของเขา เขาต้องทำอย่างนั้น
    ถาม : เป็นที่มา...?
    ตอบ : ส่วนของเราถ้าไปทำอย่างนี้เรารู้แล้วใช่มั้ยเทวดาฝรั่ง ขึ้นข้างบนแล้วมันไม่มีเชื้อชาติหรอก มันเป็นเทวดาเหมือน ๆ กัน บอกเขาว่าขอรู้ขอเห็นตามความเป็นจริงเขาก็จะแสดงเต็มบุญเต็มบารมีให้เรารู้ หลวงพ่อท่านบอกเคยขึ้นไปเจอพระเยซูใส่ชุดแบบฝรั่งรุ่มร่าม ๆ ที่มันใช้ผ้าขาวพันตัวมา หลวงพ่อก็บอก เฮ้ย ! ข้างบนนี้ไม่มีนะโว้ยฝรั่ง พระเยซูท่านบอกถ้าผมไม่ทำแบบนี้ท่านก็ไม่รู้จักผมนะซิครับ
    ถาม : แล้วคนที่นับถือศาสนาอื่น โอกาสที่จะทำบุญต้องก็น้อยกว่า?
    ตอบ : น้อยกว่า แต่ว่ามันก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีเลยก็ไม่ใช่ อย่างศาสนาพราหมณ์เขาได้ถึงสมาบัติ ๘ เพราะฉะนั้น ทาน ศีล ภาวนาของเขา โดยเฉพาะภาวนาถือว่าเลิศมาก เพียงแต่เขาขาดปัญญาในจุดสุดท้ายคือไม่รู้จักนิพพาน ไม่เห็นอริยสัจเลย ไม่รู้จักพระนิพพาน มันเหมือนกับว่าถ้าเป็นสิ่งประกอบสักอย่าง เอาเป็นอันว่าของสูงที่สุดคือมงกุฎแล้วกัน พระพุทธเจ้าท่านหาเพชรยอดมงกุฎได้ในขณะที่ศาสนาอื่นเขาหาไม่เจอเมื่อเอาเพชรยอดมงกุฎประดับลงไปความสวยงามสมบูรณ์พร้อมทุกอย่างก็เกิดขึ้น
    แต่ตราบใดที่ยังไม่มีเพชรยอดมงกุฎคือ อริยสัจ ๔ ที่ท่านตรัสรู้มันก็สามารถที่จะสมบูรณ์แบบได้ อย่าดูถูกศาสนาอื่น ในสัตกนิบาตอังคุตรนิกาย พระพุทธเจ้าตรัสถึงศาสดานอกศาสนาคนหนึ่งคือ อารกะ อารกะศาสดานี้สอนลูกศิษย์เกี่ยวกับความเป็นจริงของชีวิตท่านบอกว่าชีวิตเหมือนกับต่อมน้ำคือ เหมือนฟองน้ำผุดขึ้นมาแล้วก็แตก เหมือนรอยไม้ที่ขีดลงในน้ำ ปรากฏวูบเดียวก็หายเลย เหมือนลำธารที่ไหลลงมาจากภูเขา พรวดมาแล้วก็ผ่านไปเลย เหมือนชิ้นเนื้อนาบไฟคือ ไหม้หมดแน่ ๆ ในระยะเวลาอันไม่นาน เหมือนโคที่เขานำไปฆ่าตายแหง ๆ หมดทางเลี่ยง นั่นศาสดานอกศาสนาสอนศิษย์ขนาดนั้น เพราะฉะนั้นดูถูกเขาไม่ได้ ศาสดาเจ้าลัทธิต่าง ๆ
    สมัยนั้นที่มีชื่อเสียงเยอะต่อเยอะด้วยกัน เพียงแต่ว่าพอถึงขั้นสุดท้ายแล้วก็ไปหลงติดในลาภ ยศ สรรเสริญ สุข หลงในความยึดถือ เชื่อถือ ของคนอื่นเขา เลยคิดว่าตัวเองเป็นพระอรหันต์ไปทั้งที่ไม่ใช่ของจริง สมัยนั้นที่เขาเรียกคณาจารย์ทั้ง ๖ มี สัญชัยเวลัฏบุตร ที่เป็นอาจารย์ของพระโมคคัลลาน์พระสารีบุตรมาก่อน ปกุธกัจจายนะ อชิตะเกสะกำพล มักขลิโคสาละ นิครนถนาฏบุตร เหล่านี้จะมีชื่อเสียงมหาศาลมากเป็นที่นับถือของคนเป็นหมื่นเป็นแสนเลย เพียงแต่ว่าลัทธิที่เขาสอนมันเข้าไม่ถึงจริงเท่านั้นเอง นักคิดมันเยอะ




    http://www.palungjit.org/board/showpost.php?p=106785&postcount=15
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 7 ตุลาคม 2013
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...