เสียงธรรม ดวงจิตมาจากไหน

ในห้อง 'ธรรมเพื่อความหลุดพ้น' ตั้งกระทู้โดย thanapanyo, 28 พฤษภาคม 2014.

  1. thanapanyo

    thanapanyo บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    หลักสูตร ค้นหาตัวตน
    สายปฏิบัติธรรมสัมมาสัมพุทธะ ปัจฉิมาสัมพุทธะ
    ดวงจิตมาจากไหน
    ดวงจิตของมนุษย์ เหล่าเทพเทวดา นาค หรือสัตว์ ดวงจิตต่างๆเหล่านี้ ที่จริงก่อเกิดขึ้นมาจากโลกอีกโลกหนึ่ง ซึ่งในโลกใบนั้นมีสภาวะอากาศอบอ้าว จึงสามารถเปลี่ยนจากอากาศนั้นกลับกลายมาสู่การก่อเกิดดวงจิตต่างๆ ซึ่งดวงจิตนั้นเกิดขึ้นมาจากธาตุของ ดิน น้ำ ลม ไฟ ที่อยู่ในสภาวะที่เหมาะสม จึงก่อเกิดเป็นดวงจิต เช่นเดียวกันกับโลกมนุษย์เรา ที่มีตัวแมลง หรือตัวหนอนที่เกิดขึ้นได้ในที่สกปรก และในแต่ละวันดวงจิตต่างๆ ก็ก่อเกิดขึ้นมาอย่างเยอะแยะมากมาย จนโลกใบนั้นเกิดสภาวะแออัด แน่นจนดวงจิตหลายๆดวงเริ่มคิดค้นหาความหลุดพ้น จากความแออัดวุ่นวายนั้น จึงมีดวงจิตบางส่วนได้นั่งสมาธิ เมื่อนั่งสมาธิจนถึงสภาวธรรมหนึ่งของฌานสมาธิแล้ว ก็สามารถหลุดออกไปสู่โลกสวรรค์ได้

    โลกสวรรค์ก่อเกิดมาจากไหน , มีสภาวธรรมอะไรบ้าง
    เมื่อดวงจิตได้หลุดไปสู่โลกสวรรค์แล้ว ดวงจิตนั้นก็มีกายเป็นกายทิพย์เป็นกายของเทพเทวดา มีรูปร่างหน้าตาสวยงาม ผ่องใส และมีความเป็นทิพย์ สามารถเหาะเหินเดินอากาศได้ ซึ่งเป็นโลกที่มีความสวยงามน่าอยู่มากอีกโลกหนึ่ง ดวงจิตที่เป็นเทพเทวดาในโลกสวรรค์ จึงได้คิดว่าจะหาหนทางช่วยดวงจิตที่ยังไม่สามารถหลุดให้มาสู่ยังโลกสวรรค์นั้นได้อย่างไร จึงจะได้หลุดพ้นจากความทุกข์เช่นเดียวกัน ดวงจิตเทพเทวดาที่หลุดพ้นแล้วนั้น จึงได้ใช้กำลังฌานสมาธิ กลับไปดึงดวงจิตที่เจริญสมาธิอยู่ เพื่อนำทางเข้ามาสู่ในโลกสวรรค์ จึงได้ก่อเกิดโลกสวรรค์ขึ้นมา เมื่อมีดวงจิตเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ มีดวงจิตเยอะแยะมากมายอยู่ในโลกสวรรค์ เมื่ออยู่ร่วมกันจำนวนมากขึ้น ก็เริ่มมีความแตกแยก แบ่งพรรคแบ่งพวก จนทำให้โลกสวรรค์เริ่มมีสภาวะของความวุ่นวาย จึงมีการประชุมกันของเหล่าเทพเทวดาว่า หากโลกสวรรค์ยังคงเป็นเช่นนี้ต่อไป ก็คงจะไม่ต่างอะไรจากโลกเดิม ที่ก่อเกิดดวงจิตของพวกตน จึงมีการจัดตั้งกฎระเบียบขึ้นมาใหม่โดยมีการจัดแยกจิตให้เป็นฝ่ายหญิงและฝ่ายชาย มีการจับคู่ครองเรือนกันเพื่อให้มีบุตรธิดา หากดวงจิตใดก็ตามจะมาเกิดอยู่ในโลกของสรรค์จะต้องมาเกิดจากผู้ที่เป็นบิดามารดาจะได้มีความรัก ความผูกพันทางสายใย มีการดูแลช่วยเหลือกันและกันอย่างเต็มที่ ผู้เป็นบิดามารดา จะได้สั่งสอนบุตร ธิดา ให้รู้จักประพฤติปฏิบัติดี นอบน้อม มีความเคารพนับถือต่อผู้ที่เป็นบิดามารดาและผู้อื่น จากนั้นมา จึงมีครอบครัวเกิดขึ้นบนโลกสวรรค์ และยังมีกฎระเบียบของสวรรค์ ที่เป็นข้อห้าม หากใครทำผิดกฎก็จะถูกลงโทษ และส่งไปเกิดยังโลกบาดาล
    สภาวธรรมของโลกสวรรค์นั้น จึงยังมีความรัก ครอบครัว และมีบ้านเรือนที่อยู่อาศัย ไม่ต่างจากโลกมนุษย์ของเรามากนัก เพราะจะต้องมีผู้ดูแลกฎของโลกสวรรค์ โดยเทวดาสูงสุดที่คอยดูแลโลกสวรรค์คือพระอินทร์ และจะมีเทวดาองค์อื่นๆที่คอยทำหน้าที่ ดูแลเหล่าเทพเทวดา ให้ปฏิบัติตนอยู่ในกรอบของกฎระเบียบสวรรค์ เฉกเช่นประเทศไทยของเรา ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นตำแหน่งสูงสุดของผู้บริหารประเทศ มีรัฐมนตรีกระทรวงต่างๆ มีข้าราชการน้อยใหญ่ดูแลงาน ในส่วนต่างๆ ซึ่งการมอบหมายตำแหน่งหน้าที่บนสวรรค์นั้น ก็ตามบุญบารมีของเทวดาองค์นั้นๆ
    นอกจากกฎระเบียบการปกครองแล้ว สภาพความเป็นอยู่ในโลกสวรรค์นั้น ก็มีสถานที่บำเพ็ญปฏิบัติธรรม และมีนักบวชที่อยู่ทางโลกทิพย์ คอยเป็นผู้ชี้นำธรรมแก่ดวงจิตต่างๆ เช่นเดียวกับโลกมนุษย์เรา ที่มีสถานปฏิบัติธรรม มีนักบวชที่คอยชี้นำพระธรรมคำสอน โลกสวรรค์จึงมีสภาวะความเป็นอยู่ที่คล้ายคลึงกับโลกมนุษย์ของเรา แต่มีความเป็นทิพย์สูงกว่า สามารถเหาะเหินเดินอากาศ หายตัวได้ แม้จะเจ็บป่วยในกายทิพย์ไม่นานก็สามารถหายได้เอง และเทพเทวดาก็มีอายุขัยยาวนานกว่าโลกมนุษย์หลายเท่าเลย เวลา 1 วันของสวรรค์ชั้นที่พระอินทร์อยู่ จะเท่ากับเวลาในโลกมนุษย์ 73 ปี และในแต่ละชั้นของสวรรค์ ก็จะมีความยาวนานของแต่ละวันที่แตกต่างกันออกไป ตามระดับของแต่ละชั้นของสวรรค์ นี่เป็นสภาวธรรมเบื้องต้นของโลกสวรรค์ ท่านเองก็สามารถพิสูจน์ได้ด้วยตัวของท่านเอง ด้วยการปฏิบัติธรรมตาม สายปฏิบัติธรรมสัมมาสัมพุทธะ ปัจฉิมาสัมพุทธะ

    โลกบาดาลก่อเกิดมาจากไหน , โลกบาดาลมีสภาวธรรมอะไรบ้าง
    เมื่อเหล่าเทพเทวดาทำผิดกฎของสวรรค์ จึงถูกส่งไปอยู่ในโลกบาดาลเพื่อบำเพ็ญ หรืออยู่ในโลกที่มีความเป็นทิพย์น้อยลงไปกว่าโลกของสวรรค์ แต่มีความเป็นทิพย์มากกว่าโลกมนุษย์ เพื่อชดใช้ความผิดนั้น แล้วค่อยสร้างความดีบุญบารมีกลับไปสู่โลกของสวรรค์อีกครั้ง ตามกำลังบุญของจิตนั้นๆ เมื่อมีจิตที่ถูกส่งไปอยู่ในโลกบาดาลมากขึ้นทุกวันๆ จนโลกบาดาลนั้นมีดวงจิตก่อเกิดขึ้นอยู่อาศัยอยู่มากมายทำให้เกิดความวุ่นวาย มีการแก่งแย่งชิงดี มีความทะเยอทะยานอยากมากมายขึ้นในโลกบาดาล จึงมีการประชุมร่วมกันระหว่างเหล่าเทพเทวดาบนสวรรค์ และนาค ในโลกบาดาลเพื่อบัญญัติกฎระเบียบของโลกบาดาลขึ้น ว่า หากจิตดวงไหนที่ละเมิดกฎ ทำผิด ทำความชั่ว เบียดเบียนต่อผู้อื่น ก็จะถูกส่งมาเพื่อชดใช้กรรมบนโลกมนุษย์

    โลกบาดาลเป็นโลกที่มีความเป็นทิพย์น้อยกว่าโลกสวรรค์ แต่มากกว่าโลกมนุษย์ และมีอายุขัยยืนยาวกว่ามนุษย์หลายเท่า เช่น เมื่อเทียบกับเวลาในโลกมนุษย์ นาค จะมีอายุขัยตั้งแต่หนึ่งร้อยปีถึงหมื่นปี และนาคบางองค์อาจมีอายุขัยถึงล้านปีก็มี ซึ่งขึ้นอยู่กับกรรม หรือความปรารถนาของนาคองค์นั้นๆ ในโลกบาดาลมีสภาวธรรมความเป็นอยู่ คือ ยังครองคู่ ครองเรือนเป็นครอบครัว มีบุตรธิดา มีสถานที่ปฏิบัติธรรม นักบวช นักบำเพ็ญ คอยชี้ทางธรรมให้กับดวงจิตต่างๆ เฉกเช่นบนโลกสวรรค์ และโลกมนุษย์เรา และยังมีนาคที่เป็นภูมิของสัตว์ในโลกบาดาลด้วย นาคในภูมินี้เกิดมาจากวิบากกรรมของตนที่ได้สร้างมาจึงได้มาชดใช้กรรมในกายของสัตว์เลื้อยคลาน คือนาคที่เป็นตัวไม่สามารถกลายร่างเป็นกายทิพย์หรือกายเหมือนมนุษย์ได้
    ระบบการปกครองดูแลในโลกบาดาลก็ยังมีพระอินทร์เป็นผู้ดูแลสูงสุด แต่ก็มีเจ้าวังแห่งบาดาลที่ดูแลบาดาลรองลงไปจากพระอินทร์ มีนาคชั้นน้อยใหญ่ดูแลบาดาลในส่วนต่างๆเช่นเดียวกับโลกสวรรค์ โดยทั่วไปแล้วใช้หลักการคล้ายคลึงกับสวรรค์

    โลกมนุษย์ก่อเกิดมาจากไหน , โลกมนุษย์มีสภาวธรรมอะไรบ้าง
    โลกมนุษย์ก่อเกิดเริ่มต้นมาจาก นาค ที่ทำผิดกฎของโลกบาดาล จะถูกส่งมาเกิดบนโลกมนุษย์ ซึ่งเป็นโลกที่หากเทียบแล้วก็จะมีอายุขัยของการเวียน ว่าย ตาย เกิดนั้นน้อยมาก ถ้าเทียบกับโลกสวรรค์และโลกบาดาล เหมือนเป็นการมาเกิดเพื่อชดใช้วิบากกรรมและเป็นโลกที่จะต้องมีการเกิด แก่ เจ็บ ตาย ในเวลาไม่ช้าไม่นาน โลกมนุษย์เรานี้จึงนับว่าเป็นโลกของการชำระดวงจิต หรือการมาเกิดเพื่อทำสิ่งที่ดี เพื่อดันดวงจิตของตนนั้นไปสู่สภาวธรรมที่สูงขึ้น จึงมีดวงจิตเยอะแยะมากมายที่มาเวียนว่ายตายเกิดอยู่บนโลกมนุษย์นี้

    สภาวธรรมของโลกมนุษย์จึงถูกจัดอยู่ในโลก ที่ถือว่าเป็นโลกแห่งการคัดกรองดวงจิตเพื่อเลื่อนไปสู่ภพภูมิที่สูงขึ้น หรือต่ำลงตามการกระทำของจิตนั้น โดยมีกิเลสตัณหา ความอยากได้ อยากมี อยากเป็น ลาภ ยศ สรรเสริญ ความยึดมั่น ถือมั่นต่างๆ ทั้งหลายนี้เป็นตัวทดสอบ การเกิดมาบนโลกจึงเปรียบเสมือนมาเล่นเกมส์ชีวิต ที่จะต้องมีกฎของเกมส์ และสิ่งต่างๆเข้ามาเพื่อทดสอบจิต ว่าจิตดวงใดนั้นจะเลื่อนภูมิจิตขึ้นสูงได้ขนาดไหน หรือจะทำให้จิตนั้น พ่ายแพ้ต่อบททดสอบ และต้องตกต่ำไปสู่จุดที่ต่ำกว่าเดิม จึงมีเหล่าเทพเทวดาลงมาเกิดเพื่อทดสอบบารมี เลื่อนภูมิไปสู่ที่สูงกว่า หรือแสวงหาการพ้นทุกข์ ดวงจิตต่างๆเกิดขึ้นมาจึงมีหน้าที่ของแต่ละดวงจิต ไม่ว่าจะเป็นสัตว์ต่างๆหรือมนุษย์เราเอง ก็เช่นเดียวกัน จึงมีรูปแบบของการมาเกิดที่แตกต่างกันออกไป จะได้กล่าวไว้ในลำดับต่อไป

    โลกพระนิพพานก่อเกิดมาจากไหน , โลกพระนิพานมีสภาวธรรมอะไรบ้าง
    เมื่อสามโลก ได้แก่ โลกสวรรค์ โลกบาดาล และโลกมนุษย์ ได้เวียนวน เกิดและดับ วนไปวนมา เทวดาลงมาเกิดเป็นนาค นาคขึ้นมาเกิดเป็นมนุษย์ เทวดาลงมาเกิดเป็นมนุษย์ และมนุษย์ก็กลับไปสู่เทวดาหรือนาค เป็นอยู่อย่างนี้แต่สุดท้ายนี่ก็ไม่ใช่ความหลุดพ้น ที่แท้จริงอยู่ดี เพราะว่ายังมีกิเลส ตัณหา สภาวธรรมของแต่ละโลก ยังมีการสร้างสะสมบุญบารมีเพิ่มขึ้น และน้อยลง ยังมีการเวียนว่ายตายเกิดวนเวียนอยู่ดี หลังจากนั้นมีดวงจิตที่เป็นดวงจิตแรกที่คิดค้นหาวิธี ที่จะหลุดพ้นจากความทุกข์ทั้งหลายทั้งปวง นั่นคือ ดวงจิตของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ปฐม พระองค์ท่านจึงเป็นดวงจิตดวงแรก ที่คิดค้นการหาทางหลุดพ้น โดยการมาเกิดบนโลกมนุษย์เพื่อตัดความยึดมั่น ถือมั่น และค้นหาเหตุของทุกข์ และการดับทุกข์ทั้งหลาย พระองค์ท่านจึงลงมาตรัสรู้ธรรมบนโลกมนุษย์ หลังจากที่จิตของพระองค์ท่านได้หลุดพ้นไปแล้วนั้น จิตของพระองค์ท่าน จึงได้เข้าสู่พระนิพพาน ซึ่งเป็นโลกที่เงียบสงบและสิ้นแล้ว ด้วยกิเลสทั้งหลาย ดวงจิตใดก็ตาม หากยังปนเปื้อนด้วยกิเลส ตัณหา จะไม่สามารถเข้าสู่โลกแห่งพระนิพพานนั้นได้เลย จากนั้นมาจึงมีโลกพระนิพพานเกิดขึ้นมาอีกโลกหนึ่ง
    หากดวงจิตใดที่เหนื่อยล้า จากการเวียนว่ายตายเกิดของการเป็นเทพเทวดา เป็นนาคแล้ว จึงบำเพ็ญเพื่อบรรลุธรรมให้หลุดเข้าไปสู่ดินแดนพระนิพพาน เหมือนกับองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า หรือพระอรหันต์เจ้า ดังนั้นเมื่อมีดวงจิตใดที่เหนื่อยและท้อแล้ว จึงบำเพ็ญแสวงหาความหลุดพ้นตามทางขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
    สภาวธรรมของโลกแห่งพระนิพพาน เป็นโลกที่ดวงจิตที่เข้าไปอยู่ ล้วนแต่เป็นดวงจิตที่หลุดพ้นแล้วจากกิเลส ตัณหา รัก โลภ โกรธ หลง และสามารถยกจิตของตนอยู่เหนือความทุกข์ทั้งหลายเหล่านั้นได้แล้ว จึงเป็นโลกที่เงียบสงบ ไม่มีความวุ่นวาย แต่มีธรรมชาติที่สวยงาม และมีสัตว์ที่สวยงามอาศัยอยู่ เป็นสภาวธรรมที่มีความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติที่น่าอยู่อาศัย สวยกว่าทั้งสามโลก สัตว์ต่างๆในโลกพระนิพพานนี้ก่อเกิดมาจากองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่สร้างขึ้นมาเพื่อให้มีความสมบูรณ์ และให้เกิดความสมดุลของธรรมชาติเท่านั้น ไม่มีจิตหรือการเวียนว่ายตายเกิด ส่วนบ้านเรือนก็จะเป็นเรือนแก้ว และองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าแต่ละพระองค์ก็จะมีอาณาจักรเป็นของแต่ละพระองค์ และมีเหล่าอรหันต์สาวกอยู่ใกล้กัน เพื่อคอยช่วยกันแผ่บุญกลับมาช่วยดวงจิตอื่นที่ยังไม่หลุดพ้น แต่จะไม่มีความรู้สึกสุขหรือทุกข์ในการทำสิ่งใดๆแล้ว เพียงแต่ทำไปตามสภาวธรรมที่เหมาะสมเท่านั้น กายก็เป็นกายแก้ว ไม่มีความหิว ไม่ต้องแสวงหาสิ่งใดอีก และในดินแดนแห่งพระนิพพานนั้นยังมีพระนิพพานที่ซ้อนนิพพานขึ้นไปอีก ซึ่งเป็นสภาวธรรมอีกรูปแบบหนึ่งของความเงียบ สงบขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง ซึ่งเป็นที่ดวงจิตของผู้ที่สำเร็จไปนานแล้วกว่าหลายแสนปี ก็จะมีกายที่ว่างเปล่า มีสภาวธรรมเหมือนอากาศ แต่สามารถรับรู้ได้ว่ามีดวงจิตอาศัยอยู่ที่นั่น และสามารถปรากฏกายแก้วขึ้นมาให้พบเห็นได้
     
  2. thanapanyo

    thanapanyo บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    ที่มาของดวงจิต
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  3. thanapanyo

    thanapanyo บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    ไฟล์ชนิดmp3
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

แชร์หน้านี้

Loading...