ด้วยห่วงใย ผู้ใดไม่ทราบจริงอย่าพึงกล่าว อาจเป็นการจาบจ้วงได้ และต้องรับกรรมในที่สุด

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย narit, 7 มกราคม 2005.

  1. narit

    narit Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2004
    โพสต์:
    66
    ค่าพลัง:
    +52
    ข้าพเจ้า เป็นผู้ที่ศึกษาธรรมะ มานาน ตั้งแต่หลายปีที่แล้ว ได้เคยอ่าน หนังสือของหลวงพ่อเกือบทุกท่าน เท่าที่จะหาอ่านได้ มีทั้งหลวงพ่อฤาษีลิงดำ หลวงพ่อสด หลวงปู่มั่น หลวงพ่อพุธ หลวงพ่อพุทธทาส และอีกมายมายนับไม่ถ้วน ได้ศึกษาวัตรและปฏิปทาของท่าน นอกจากนี้ยังอ่านและศึกษา หนังสือของผู้ปฏิบัติหลายๆท่าน เกี่ยวกับการปฏิบัติ
    ได้ ปฏิบัติ วิชามโนมยิทธิบ้าง และ ไปปฏิบัติธรรมกายบ้าง และสถานที่อื่นๆ จนได้พบการปฏิบัติที่ถูกต้อง และ มีความรู้ในเรื่องต่างๆ หลายๆเรื่อง จากการที่เป็นผู้สนใจเรื่องราวเหล่านั้น (พร้อมกับสนใจเรื่องมหัศจรรย์ด้วย)
    แต่ในที่สุดก้อพบ ว่า ธรรมะที่เป็นแก่นแท้นั้น จริงๆแล้ว อยู่ในพระไตรปิฏก นั่นเอง ธรรมะที่เป็นไปเพื่อความดับทุกข์โดยแท้จริง แต่ปรากฏ ว่ามิค่อยมีผู้ใดสนใจของแท้ๆเลย ข้าพเจ้าจึงเริ่มศึกษาพระไตรปิฏก ด้วยการศึกษาพระอภิธรรม เป็นเบื้องต้น และหันมาศึกษา พระสูตร และพระวินัย นอกจากนี้ ยังได้ศึกษาจากหลายๆที่เพื่อ เปรียบเทียบกัน พบว่าส่วนใหญ่เป็นธรรมะที่สอดคล้องกันดี
    ในขณะที่ศึกษาธรรมก้อปฏิบัติสมถกรรมฐาน ไปด้วย และขณะทำงานก้อเจริญสติ ตามแนวสติปัฏฐาน 4 ไปด้วย
    ซึ่งจากการที่ข้าพเจ้า ได้ศึกษา ได้ปฏิบัติ ได้พบผู้ปฏิบัติและศึกษา และครูอาจารย์ หลายๆท่าน ทั้ง ฝ่ายปฏิบัติ และ ฝ่ายปริยัติ
    จึงได้พบความจริง หลายๆอย่างในโลกนี้ ที่ผู้ปฏิบัติอย่างกว้างขวางพึงทราบได้ทั้งนั้น เช่นเรื่องของเมืองแก้วพระนิพพาน ที่มารมาสร้างหลอกที่ไม่มีจริงนั้น
    ข้าพเจ้า เป็นห่วงพระพุทธศาสนา ในเรื่องคำสอน ของพระพุทธองค์ที่จะบิดเบือนไป การเข้าใจคำสอน และตั้งความปราถนาไม่ตรงทาง การนำไปกล่าวสอนหรือบอก ธรรมะต่อๆกันไป อันจะทำให้ เข้าใจผิดและเป็ฯมนทินในพระพุทธศาสนา และเป็นบาปกรรม แก่ผู้กล่าวได้
    จึงกล้าออกมาเตือนด้วยความปราถนาดี มิได้ต้องการจาบจ้วงครูอาจารย์ท่านใด
    เพราะข้าพเจ้าเป็นคนพูดตรง ไม่อ้อมค้อม ผิดก็กล่าวว่าผิด ถูกก็กล่าวว่าถูก ตามที่พิสูจน์จนแน่ใจแล้ว จึงกล้ากล่าว มิเช่นนั้น กล่าวผิด ก้อมีนรกเป็ฯที่ไป
    สุดท้ายกรรมใดที่ กล่าวโดยประมาท(ซึ่งอาจมี) ต่อพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ และครูอาจารย์ทุกท่าน และ ผู้ศึกษาทุกท่าน ขออโหสิกรรและข้าพเจ้ามิขุ่นข้องหมองใจกับผู้ใด จึงอโหสิกรรมให้กับทุกท่านที่ ต่อว่าข้าพเจ้า
    กรรมใดที่ข้าพเจ้า กล่าวไว้ถูกต้อง จากสิ่งที่ศึกษาและปฏิบัติมา เพื่อความ กระจ่างแจ้งต่อมนุษย์ทั้งหลาย เพื่อรักษาซึ่งพระสัทธรรมนั้น เพื่อความมั่นคงแห่งคำสอนในพระพุทธศาสนา ขอกรรมดีนั้น จงทำให้ท่านทั้งหลาย ได้เห็นธรรมะตามความเป็นจริง และช่วยทนุบำรุงคำสอนในพระพุทธศาสนา ที่แท้จริงสืบต่อไปด้วยเทอญ..
     
  2. นั่งเป็นหลับขยับเป็นแด...

    นั่งเป็นหลับขยับเป็นแด... บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    เผาบัญชีบาป

    แล้วเรื่องคำสอนที่ว่า นั่งสมาธิแล้วเผาบัญชีบาปได้ล่ะ สอนผิดจากพระไตรปิฎกไหม
     
  3. narit

    narit Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2004
    โพสต์:
    66
    ค่าพลัง:
    +52
    ศึกษาเอาเองครับ แต่อย่าเสี่ยงนรกโดยไม่ลองศึกษาดูก่อน...
     
  4. Tom

    Tom บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    ไม่เป็นไรผิดพลาดอย่างไร ค่อยไปเผาบัญชีบาปเอา
     
  5. narit

    narit Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2004
    โพสต์:
    66
    ค่าพลัง:
    +52
    ตามสบายนะครับ...แค่ผมเป็นห่วงคุณ เพราะดูๆแล้วโต้แย้งแบบไร้หลักการ และสาดไปทั่วแบบนี้ มันเสี่ยงนรกครับ
     
  6. Tom

    Tom บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    ขำ

    เฮ้อ...ขำ ทีตัวเองว่าอาจารย์คนอื่นไม่เป็นไร พออาจารย์ตัวเองโดนว่าบ้าง ดันมาบอกเสี่ยงนรก ถุย
     
  7. เอิ๊กๆ

    เอิ๊กๆ บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    เอิ๊กๆ

    ทุกทางก็คือทางเดินไปดับทุกข์ครับ แต่ละท่านมีปฏิปทาที่แตกต่างกัน สร้างบุญบารมีมาต่างกัน บางท่านเป็นพุทธภูมิแล้วลาพุทธภูมิ ท่านเหล่านี้จะรู้เรื่องต่างๆมาก เพราะท่านบำเพ็ญบารมีมาเยอะ วิสัยของพุทธภูมิและสาวกภูมิจะแตกต่างกัน มีความสามารถที่จะสอนคนแตกต่างกัน แต่ท่านก็ละกิเลสได้เหมือนกัน ขนาดในสมัยพุทธกาลพระอรหันต์บางพระองค์ท่านสิ้นกิเลสแต่ท่านไม่มีฤทธ์ แต่ท่านก็สิ้นกิเลสหมดเชื้อเกิดเหมือนกัน บางคนเหมือนกันนะปฏิบัติธรรมแล้วศรัทธาในพระไม่เหมือนกัน บางคนศรัทธาพระท่านที่มีฤทธิ์ เราทั้งหลายสร้างบุญบารมีมาไม่เหมือนกันจึงไม่เหมือนกัน และอีกอย่างธรรมะเป็นเรื่องของการปฏิบัติด้วย ไม่ใช่เรื่องของคนทางโลกที่จะมาศึกษาจนหมด เข้าใจดีแล้วจะบอกว่าจบหลักสูตร กลายเป็นทัพพีตักแกงแต่ไม่เคยลิ้มรสแกงไป จะบอกว่าตนกระจ่างนั้นยาก เพราะกระจ่างแบบนกแก้วนกขุนทองท่องๆจำๆ ไม่นำมาปฏิบัติ ต้องนำมาปฏิบัติน้อมนำเข้ามาที่ใจตนเอง เรื่องแบบนี้เป็นเรื่องที่รู้ได้เฉพาะตนบุคคลผู้ปฏิบัติ ไม่ใช่รู้เพราะค้นคว้าตามศาสตร์โลกโง่ๆเขา
     
  8. บัวใต้น้ำ

    บัวใต้น้ำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2004
    โพสต์:
    891
    ค่าพลัง:
    +1,937
    คำสอนของหลวงปู่มั่น มีอยุ่ข้อความนึง กล่าวถึงการให้สนใจตนเอง อย่าไปสนใจในสิ่งอื่น ที่เสี่ยงต่อการเป็นมลทินกับเราน่ะคับ ข้อความนี้ ผมเขียนใส่กระดาษเล็กๆ และพกใส่กระเป๋าเงิน พกติดตัวไว้ได้เกือบปีแล้ว

    "การตำหนิติเตียนผู้อื่น ถึงเขาจะผิดจริง ก็เป็นการก่อกวนจิตใจตัวเองให้ขุ่นมัวไปด้วย ความเดือดร้อนวุ่นวายใจที่คิดแต่ตำหนิผู้อื่นจนอยู่ไม่เป็นสุขนั้น นักปราชญ์ถือว่าเป็นความผิดและบาปกรรมไม่ดีเลย จะเป็นโทษได้ถ้าสิ่งที่ไม่พึงปรารถนามาทรมานอย่างไม่คาดฝัน การกล่าวโทษผู้อื่นโดยขาดการไตรตรองเป็นการสั่งสมโทษและบาปใส่ตนให้ได้รับความทุกข์

    จึงควรสลดสังเวชต่อความทุกข์ของตน งดความเห็นที่เป็นบาปต่อตนเสีย ความทุกข์เป็นของน่าเกลียดน่ากลัว แต่สาเหตุที่เกิดทุกข์ก็เพราะพอใจสร้างขึนมาเองมิใช่หรือ ... ขอให้ท่านเลือกทำแต่กรรมดี"


    พระธรรมคำสั่งสอน ของหลวงปู่มั่น ภูริฑัตโต
     
  9. ศิษย์พระวิศวกรรม

    ศิษย์พระวิศวกรรม Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    35
    ค่าพลัง:
    +62
    หลวงปู่ดู่กล่าวว่า "คนดีเขาไม่ตีใคร "
     

แชร์หน้านี้

Loading...