ตำนานบทสวดมนต์ ตอน ขันธปริตร: คาถาแห่งการป้องกันอสรพิษและสัตว์ร้ายทั้งหลาย

ในห้อง 'บทสวดมนต์ - คาถา' ตั้งกระทู้โดย joni_buddhist, 25 กรกฎาคม 2017.

  1. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,555
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,444
    ตำนานบทสวดมนต์ ตอน ขันธปริตร: คาถาแห่งการป้องกันอสรพิษและสัตว์ร้ายทั้งหลาย.
    20292599_10213819186063526_2353486397353341292_n.jpg
    ขันธปริตร เป็นคาถาที่พระพุทธองค์ทรงสอนให้พระภิกษุแผ่เมตตาไปในบรรดาตระกูลงูที่มีพิษดุร้ายทั้งหลาย เพื่อเป็นการคุ้มครอง ป้องกันตนเองจากสัตว์ร้าย ปรากฏทั้งในพระวินัยปิฎกและพระสุตตันตปิฎก นอกจากจะเป็นคาถาสำหรับป้องกันอสรพิษและสัตว์ร้ายทั้งหลายแล้ว ยังสามารถป้องกันอสรพิษและสัตว์ร้ายทั้งหลายแล้ว ยังสามารถป้องกันอันตรายจากยาพิษทั้งหลายได้ด้วย

    ขันธปริตร เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า อหิสูตร หรือ อหิราชปริตร (บทสวดป้องกันพญางู) ที่ตั้งชื่อว่า "ขันธปริตร" แปลให้เข้าความได้ยาก อาจหมายถึง "มนต์ป้องกันขันธ์" ขันธ์ ในที่นี้ต้องแปลว่า ตัวหรือกาย ตัวขันธปริตร จึงหมายถึง "ป้องกันตัว
    ตำนาน

    สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาค เสด็จประทับอยู่ ณ พระเชตวนาราม ใกล้พระนครสาวัตถี ครั้งนั้น พระภิกษุรูปหนึ่งนั่งสีไฟอยู่ ณ เรือนไฟ งูตัวหนึ่ง ออกจากต้นไม้ผุ ได้กัดนิ้วเท้าแห่งพระภิกษุนั้น พระภิกษุนั้นทนพิษงูมิได้ ก็ได้มรณภาพลงในที่สุด

    ภิกษุทั้งหลาย ต่างก็พากันไปเข้าเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า กราบทูลถึงเรื่องภิกษุที่ถูกงูกัดตายนั้นให้ทรงทราบ

    พระผู้มีพระภาคจึงทรงตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ชะรอยภิกษุนั้นจะไม่ได้เจริญเมตตาจิตต่อตระกูลแห่งพญางูทั้ง ๔ หากว่าพระภิกษุรูปนั้นได้เจริญเมตตาจิต ให้แก่ตระกูลพญางูทั้ง ๔ แล้ว งูจะไม่กัดพระภิกษุนั้นเลย และถึงแม้จะโดนกัด ก็หาได้ตายไม่

    แต่ปางก่อน ดาบสฤาษีทั้งหลาย ผู้เป็นบัณฑิต ได้เจริญเมตตาจิต ให้ตระกูลพญางูทั้ง ๔ ก็พากันรอดพ้นจากภัยแห่งงูทั้งหลาย แล้วทรงเล่าเรื่องในอดีต มาแสดงว่า

    ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้าพรหมทัตต์ครองราชสมบัติ ณ เมืองพาราณสี

    พระโพธิสัตว์บังเกิดในตระกูลพราหมณ์ ณ กาสิกรัฐ ครั้นเจริญวัยแล้วได้ทรงสละราชสมบัติ ออกบรรพชาเป็นฤาษี ในป่าหิมวันต์ บำเพ็ญเพียรจนได้บรรลุอภิญญา ๔ และสมาบัติ ๘ ตามลำดับ

    แล้วได้เนรมิตอาศรมอยู่ ณ คุ้งน้ำแห่งหนึ่ง ณ ริมฝั่งแม่น้ำคงคา ชายป่าหิมพานต์ อีกทั้งได้เป็นอาจารย์สั่งสอนฤาษีจำนวนมากด้วย

    ในเวลานั้นได้มีงูปรากฏขึ้น พร้อมทั้งไล่กัดพวกฤาษีทั้งหลาย ถึงแก่ความตายเป็นอันมาก พวกฤาษีทั้งหลาย ก็ได้นำความทั้งปวง เข้าไปแจ้งแก่ฤาษีผู้เป็นอาจารย์ของตนให้ทราบ

    ฤาษีพระโพธิสัตว์ ครั้นได้ฟัง จึงสั่งให้ประชุมฤาษีผู้เป็นศิษย์ทั้งปวง แล้วสอนให้ฤาษีเหล่านั้นเจริญเมตตาจิตต่อตระกูลพญางูใหญ่ทั้ง ๔ อีกทั้งยังสอนให้ศิษย์ เจริญเมตตาจิตให้แก่สรรพสัตว์จำพวกอื่นเป็นลำดับ ตั้งแต่สัตว์ไม่มีเท้า จนถึงสัตว์ที่มีเท่ามากว่า ขอสัตว์ทั้งปวงเหล่านั้นอย่าได้มีเวร อย่าได้พยาบาท อย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย จนถึงซึ่งความสุข ปราศจากทุกข์ทั้งปวงเถิด แล้วสั่ง สอนให้ฤาษีผู้เป็นศิษย์ ระลึกถึงคุณของพระพุทธเจ้า พระธรรมเจ้า พระสงฆ์เจ้า ว่ามีประมาณมากด้วยคุณธรรม สัตว์ทั้งหลายมีคุณธรรมไม่มากเท่า คุณธรรมของพระพุทธเจ้า พระธรรมเจ้า พระสงฆ์เจ้า มีมากเหลือประมาณ ได้ป้องกันเราให้ห่างจากสัตว์ เหล่านั้น ทั้งกลางวันและกลางคืน

    ความรักษาอันเรากระทำแล้ว ด้วยพระคุณอันประเสริฐ ความป้องกันอันเรากระทำแล้วด้วยคุณอันบริสุทธิ์ ขอสัตว์ทั้งหลายจงหลีกไปเสีย อย่าได้มาเบียดเบียนเราเลย

    เรากำลังกระทำความนอบน้อม ต่อพระผู้มีพระภาค อรหัตสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหลายอยู่

    เมื่อฤาษีพระโพธิสัตว์ ได้ผูกมนต์พระปริตร สอนแก่ศิษย์ทั้งหลายแล้ว เหล่าฤาษีนั้น ก็ได้พากันเจริญเมตตา และระลึกถึงคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นอารมณ์ งูและสัตว์ร้ายทั้งหลายก็หลีกไปมิได้มากล้ำกรายบีฑาอีกต่อไป

    บทขัด ขันธะปะริตตะคาถา

    สัพพาสีวิสะชาตีนัง ทิพพะมันตาคะทัง วิยะ
    ยันนาเสติ วิสัง โฆรัง เสสัญจาปิ ปะริสสะยัง
    อาณักเขตตัมหิ สัพพัตถะ สัพพะทา สัพพะปาณินัง
    สัพพะโสปิ นิวาเรติ ปะริตตันตัมภะณามะ เห ฯ

    บทสวด ขันธะปะริตตะคาถา

    วิรูปักเขหิ เม เมตตัง เมตตัง เอราปะเถหิ เม
    ฉัพยาปุตเตหิ เม เมตตัง เมตตัง กัณหาโคตะมะเกหิ จะ
    อะปาทะเกหิ เม เมตตัง เมตตัง ทิปาทะเกหิ เม
    จะตุปปะเทหิ เม เมตตัง เมตตัง พะหุปปะเทหิ เม
    มา มัง อะปาทะโก หิงสิ มา มัง หิงสิ ทิปาทะโก
    มา มัง จะตุปปะโก หิงสิ มา มัง หิงสิ พะหุปปะโก
    สัพเพ สัตตา สัพเพ ปาณา สัพเพ ภูตา จะ เกวะลา
    สัพเพ ภัทรานิ ปัสสันตุ มา กิญจิ ปาปะมาคะมา

    อัปปะมาโณ พุทโธ อัปปะมาโณ ธัมโม อัปปะมาโณ สังโฆ
    ปะมาณะวันตานิ สิริงสะปานิ อะหิ วิจฉิกา สะตะปะที
    อุณณานาภี สะระพู มูสิกา กะตา เม รักขา กะตา เม ปะริตตา
    ปะฏิกกะมันตุ ภูตานิ โสหัง นะโม ภะคะวะโต นะโม สัตตันนัง
    สัมมาสัมพุทธานัง ฯ

    บทสวด ขันธะปะริตตะคาถา แปล

    (หันทะ มะยัง ขันธะปะริตตัง ภะณามะ เส)
    วิรูปักเขหิ เม เมตตัง
    -ข้าพเจ้ามีเมตตาจิต กับงูตระกูลวิรูปักขะทั้งหลาย

    เมตตัง เอราปะเถหิ เม
    -ข้าพเจ้ามีเมตตาจิต กับงูตระกูลเอราปถะทั้งหลาย

    ฉัพยาปุตเตหิ เม เมตตัง
    -ข้าพเจ้ามีเมตตาจิต กับงูตระกูลฉัพยาปุตตะทั้งหลาย

    เมตตัง กัณหาโคตะมะเกหิ จะ
    -ข้าพเจ้ามีเมตตาจิต กับงูตระกูลกัณหาโคตมกะทั้งหลาย

    อะปาทะเกหิ เม เมตตัง
    -ข้าพเจ้ามีเมตตาจิต กับสัตว์ไม่มีเท้าทั้งหลาย

    เมตตัง ทิปาทะเกหิ เม
    -ข้าพเจ้ามีเมตตาจิต กับสัตว์ ๒ เท้าทั้งหลาย

    จะตุปปะเทหิ เม เมตตัง
    -ข้าพเจ้ามีเมตตาจิต กับสัตว์ ๔ เท้าทั้งหลาย

    เมตตัง พะหุปปะเทหิ เม
    -ข้าพเจ้ามีเมตตาจิต กับสัตว์ มีเท้ามากทั้งหลาย

    มา มัง อะปาทะโก หิงสิ
    -ขอสัตว์ไม่มีเท้า อย่าได้เบียดเบียนข้าพเจ้าเลย

    มา มัง หิงสิ ทิปาทะโก
    -สัตว์ ๒ เท้า ก็อย่าได้เบียดเบียนข้าพเจ้าเลย

    มา มัง จะตุปปะโก หิงสิ
    -ขอสัตว์ ๔ เท้า อย่าได้เบียดเบียนข้าพเจ้าเลย

    มา มัง หิงสิ พะหุปปะโก
    -สัตว์หลายเท้า ก็อย่าได้เบียดเบียนข้าพเจ้าเลย

    สัพเพ สัตตา สัพเพ ปาณา
    -ขอสัตว์ทั้งหลายทั้งปวง ผู้มีลมปราณ

    สัพเพ ภูตา จะ เกวะลา
    -และเหล่าภูตสัตว์ทั้งปวง ผู้หาลมปราณมิได้

    สัพเพ ภัทรานิ ปัสสันตุ
    -จะประสบแต่ความเจริญ ด้วยกันทั้งหมดเถิด

    มา กิญจิ ปาปะมาคะมา
    -อย่าได้รับโทษอันชั่วช้าใดๆ เลย

    อัปปะมาโณ พุทโธ
    -พระพุทธเจ้า ทรงมีพระคุณสุดที่จะประมาณ

    อัปปะมาโณ ธัมโม
    -พระธรรม มีพระคุณอันหาประมาณมิได้

    อัปปะมาโณ สังโฆ
    -พระสงฆ์ มีพระคุณที่สุดจะกำหนด

    ปะมาณะวันตานิ สิริงสะปานิ
    -สัตว์เลื้อยคลานทั้งหลาย อันมีประมาณคือ

    อะหิ วิจฉิกา สะตะปะที
    -งู แมงป่อง ตะขาบ

    อุณณานาภี สะระพู มูสิกา
    -แมงมุม ตุ๊กแก และหนู

    กะตา เม รักขา กะตา เม ปะริตตา ปะฏิกกะมันตุ ภูตานิ
    -ขอสัตว์ทั้งหลายเหล่านั้น จงหลบหลีกไปเสียเถิด
    เพราะการรักษาป้องกัน อันข้าพเจ้าได้ทำไว้แล้ว

    โสหัง นะโม ภะคะวะโต
    -เพราะข้าพเจ้านั้น กระทำความนอบน้อม
    แด่พระผู้มีพระภาคเจ้าอยู่

    นะโม สัตตันนัง สัมมาสัมพุทธานัง ฯ
    -กระทำความนอบน้อม
    แด่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ๗ พระองค์อยู่


    ...............................................
    คัดลอกจาก หนังสือมนต์พิธีแปล
    รวบรวมโดย พระครูอรุณธรรมรังษี (เอี่ยม สิริวัณโณ)
    วัดอรุณราชวราราม(คณะ๓) เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพฯ
     

แชร์หน้านี้

Loading...