ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,975
    ค่าพลัง:
    +97,149
    Setiawan

    ควันปกคลุมซิดนีย์และพื้นที่โดยรอบ หลังจากเกิดไฟป่าอย่างต่อเนื่องทำให้เกิดหมอกหนา

    ออสเตรเลีย ในวันที่ 5 ธ.ค. 2562


    ไฟไหม้ประมาณ 25 แห่งทั่วนิวเซาธ์เวลส์ สังหารอย่างน้อย 6 คนและทำลายบ้านเรือนหลายสิบหลัง


     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,975
    ค่าพลัง:
    +97,149
    Bank of Thailand Scholarship Students

    D166F0D2-52C5-4946-9BAC-DA5190E3CB46.jpeg
    (Dec 5) หวั่นเฟรนช์ฟรายส์ขาดตลาด! “อเมริกาเหนือ” หนาวจัด “มันฝรั่ง” เสียหายหนัก : สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า สภาพอากาศที่หนาวเย็นในตอนเหนือของสหรัฐอเมริกาและแคนาดา ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องจากพายุเฮอริเคนโดเรียน กำลังสร้างความเสียหายให้กับเกษตรกรผู้ปลูก “มันฝรั่ง” ส่งผลให้อาจเกิดการขาดแคลนมันฝรั่งสำหรับบริโภค ทำให้หลายพื้นที่เริ่มมีการกักตุนมันฝรั่งและราคาอาหารที่ทำจากมันฝรั่งอย่าง “เฟรนช์ฟรายส์” ก็ปรับตัวสูงขึ้น


    ทั้งนี้ อากาศเย็นได้แผ่ปกคลุมอเมริกาเหนือตั้งแต่ช่วงเดือน ต.ค. ที่ผ่านมา โดยได้สร้างความเสียหายให้กับมันฝรั่งที่ถูกน้ำค้างแข็งปกคลุมทำให้ชื้นและเน่าเสีย แม้จะมีเกษตรกรในบางพื้นที่ที่สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้บางส่วนอย่าง ในรัฐอัลเบอร์ตาของแคนาดาและรัฐไอดาโฮของสหรัฐ แต่ก็มีในเกษตรกรในหลายพื้นที่ที่ต้องทิ้งผลผลิตจำนวนมากอย่างเช่น ในรัฐแมนิโทบาของแคนาดา รัฐนอร์ทดาโกตาและรัฐมินนิโซตาของสหรัฐ ที่มันฝรั่งได้รับความเสียหายทั้งจากหิมะและฝน


    จากสถานการณ์ดังกล่าวอาจส่งผลให้ความต้องการมันฝรั่งเพิ่มสูงขึ้นทั่วอเมริกาเหนือ รวมถึงอาหารแปรรูปจากมันฝรั่งอย่างเฟรนช์ฟรายส์ด้วย นายสตีเฟน นิโคลสัน ผู้เชี่ยวชาญอาวุโสของธนาคารราโบแบงก์ (Rabobank) ระบุว่า ต้นทุนการนำเข้าส่งออกมันฝรั่งอาจเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากสหรัฐไม่สามารถส่งออกได้ในปริมาณมาก


    ขณะที่ นายทราวิส แบล็กเกอร์ ผู้อำนวยการฝ่ายความสัมพันธ์อุตสาหกรรมของคณะกรรมการมันฝรั่งของรัฐไอดาโฮ ระบุว่า “ความต้องการเฟรนช์ฟรายส์ที่เพิ่มสูงขึ้น ขณะที่วัตถุดิบมีไม่เพียงพอที่จะตอบสนองความต้องการ”


    สมาคมผู้ปลูกมันฝรั่งแห่งแคนาดาประมาณการว่า มีพื้นที่ปลูกมันฝรั่งราว 12,000 ไร่หรือ 18% ของพื้นที่เพาะปลูกในรัฐแมนิโทบาซึ่งเป็นรัฐเพาะปลูกมันฝรั่งอันดับ 2 ของแคนาดาถูกทิ้งร้างไม่ได้รับการเก็บเกี่ยว ขณะที่รัฐอัลเบอร์ตาซึ่งเป็นพื้นที่เพาะปลูกอันดับ 3 ก็มีพื้นที่เพาะปลูกราว 6.5% ที่ได้รับความเสียหายจากน้ำค้างแข็ง ส่วนรัฐปรินซ์เอ็ดเวิร์ดไอแลนด์ซึ่งมีพื้นที่ปลูกมันฝรั่งมากที่สุดในแคนาดา ยังไม่มีการเปิดเผยความเสียหายอย่างเป็นทางการ


    ส่วนกระทรวงเกษตรของสหรัฐคาดการณ์ว่า ผลผลิตมันฝรั่งของสหรัฐจะลดลงถึง 6.1% ในปีนี้ ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดนับจากปี 2010 โดยรัฐไอดาโฮซึ่งมีพื้นที่เพาะปลูกสูงที่สุดในประเทศคาดว่าจะลดลง 5.5%


    Source: ประชาชาติธุรกิจออนไลน์

    https://www.prachachat.net/world-news/news-397797


    เพิ่มเติม

    - America Braces for Possible French Fry Shortage After Poor Potato Harvest : https://www.bloomberg.com/news/arti...-hits-north-america-after-poor-potato-harvest
     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,975
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ภาพจาก Michael DiFato

    IMG_5456.JPG
     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,975
    ค่าพลัง:
    +97,149
    Setiawan

    ฝนตกลงมาเร็วเกินไปในแคลิฟอร์เนีย 5 ธ.ค. 2562


    น้ำท่วมบังคับให้ปิดช่องทางบนทางหลวงในพื้นที่ทำให้เกิดอาการปวดหัวสำหรับผู้ขับขี่


     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,975
    ค่าพลัง:
    +97,149
    2 เดือน 3 วัด

    เหตุการณ์เกิดขึ้นที่วัดแห่งหนึ่ง ในจังหวัดนครสวรรค์ เมื่อประมาณสองปีที่ผ่านมา คุณโอ๊ตอายุครบยี่สิบปีพอดี จึงได้คุยกับคุณพ่อถึงเรื่องบวช ก็ตกลงกันว่าจะไปบวชที่นครสวรรค์ เป็นวัดที่ใหญ่มาก พอไปถึงก็ได้จัดพิธีบวช เสร็จแล้วทางบ้านของคุณโอ๊ตก็ได้เลี้ยงเพล แล้วก็ไปคุยกับท่านเจ้าอาวาสเรื่องกุฏินอน คำถามแรกที่เจ้าอาวาสถามคุณโอ็ตมาคือ “ท่านกลัวผีมั้ย” โดยส่วนตัวคุณโอ็ตไม่เคยเจอผีมาก่อน จึงตอบไปว่า “ไม่กลัวครับ”

    เจ้าอาวาสจึงบอกว่า “มีกุฏิใหม่อยู่ เอางี้มั้ย ถ้านอนคนเดียวไม่ได้ จะให้เณรไปนอนเป็นเพื่อนมั้ย” คุณโอ็ตก็ตอบว่า “ไม่เป็นไรครับ ผมนอนได้” จึงได้เดินไปดูกุฏิกัน กุฏินี้พึ่งสร้างเสร็จได้ไม่ถึงเดือน มีชั้นเดียว สามห้องนอน ตั้งอยู่หลังโบสถ์ คุณโอ็ตพิจารณาดูที่โบสถ์หลังนี้ เหมือนเป็นที่เอาไว้เก็บอัฐิ คุณโอ็ตจึงเอาของเข้าไปไว้ในกุฏิ แล้วทำวัดเย็น จากนั้นก็มานั่งศึกษาบทสวดมนต์ที่กุฏิ จนดึกก็ได้เข้านอน แล้วมาสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึก ภายในห้องมืดมาก และเงียบสนิด ด้านนอกกุฏิก็ปิดไฟหมดแล้ว เป็นปกติของวัดต่างจังหวัด คุณโอ็ตจึงมองไปรอบๆห้อง ให้สายตาปรับเข้ากับความมืด จนเหลือบไปเห็นอะไรบางอย่าง ตั้งอยู่ที่ปลายเท้า ลักษณะเป็นเงาดำๆ คุณโอ็ตคิดว่ามันคือพัดลม แต่ก็เหลือบไปเห็นพัดลมอยู่ทางซ้ายมือ จึงพยายามเพ่งมองดูดีๆ ก็พอจะมองออกว่าเป็นผู้หญิง สักพักก็เริ่มมองเห็นเป็นรูปร่างผู้หญิงทั้งตัว ใส่กระโปรง แล้วอยู่ๆ ปรากฏว่าเงานั้นก็พุ่งเข้ามาหาคุณโอ๊ต คุณโอ็ตตกใจกลัวจนตัวแข็ง ขยับไปไหนไม่ได้ สักพักพอเริ่มจะขยับได้ จึงลงจากเตียง แล้วพยายามเดินลากขาออกไปข้างนอก แล้วสงบสติอารมณ์

    สักพักเณรก็เดินมาหา คุณโอ็ตรู้สึกโล่งใจจนเหมือนได้เกิดใหม่ เณรก็ถามว่า “หลวงพี่ออกมาทำไม หลวงพ่อให้ผมมานอนเป็นเพื่อน” คุณโอ็ตก็ไม่กล้าบอกว่าเจออะไร เพราะว่าเป็นพระ ถ้าบอกไปมันจะดูแปลกๆ หลังจากนั้น คืนที่สอง เณรมาบอกว่า วันนี้มานอนด้วยตอนหัวค่ำไม่ได้ เพราะว่ามีงานศพ จะไปฟังหลวงพี่เค้าเทศกัน คุณโอ็ตก็คิดว่าคงไม่เป็นไร เดี๋ยวก็คงมาตอนดึกๆ นอนคนเดียวไปก่อนก็ได้ หลังจากที่คุณโอ็ตอาบน้ำเสร็จแล้ว ก็เข้านอน แล้วก็หลับได้ไม่นาน ก็รู้สึกตัวตื่นขึ้นมา แต่ขยับตัวไม่ได้ รู้สึกเหมือนมีคนมาทับที่แขน แล้วได้ยินเสียงผู้หญิงหัวเราะเบาๆที่ข้างหู “ฮิๆๆๆๆ” คุณโอ็ตตกใจ รู้สึกเย็บวูบวาบไปทั้งตัว สายตาก็พยายามมองไปทั่ว แต่ก็เจอแต่ความมืด เสียงหัวเราะก็ยังดังอยู่ตลอด “ฮิๆๆๆๆ” คุณโอ็ตเหมือนกำลังถูกหยอกล้อจากอะไรบางอย่าง จึงพยายามอดกลั้นข่มความกลัวให้ได้มากที่สุด แล้วพูดในใจว่า “โยม ถ้าโยมเป็นผู้หญิง อย่ามาเบียดเบียนกันเลย อาตมาเป็นพระ ถ้าทำแบบนี้มันจะบาปนะ” ทุกอย่างก็เงียบ คุณโอ็ตนอนค้างอยู่แบบนั้นสักพัก ก็ขยับตัวได้ จึงรีบวิ่งออกไปรอเณรข้างนอกกุฏิ

    หลังจากที่คุณโอ็ตอยู่วัดนี้ได้สี่วัน ก็อยากไปหาวัดที่สันโดษกว่านี้ จึงได้ไปขอหลวงพ่อท่านว่า มีวัดไหนที่ส่งคุณโอ็ตไปปฏิบัติได้มั้ย หลวงพ่อท่านก็แนะนำวัดแห่งหนึ่งที่อยู่ตรงเชิงเขา ท่านก็ได้พาคุณโอ็ตไป คุณโอ็ตก็ตกลงอยู่ที่วัดแห่งนี้ ก็ได้ศึกษาทำสมาธิที่วัดแห่งนี้ต่อ แต่อยู่ได้ประมาณสองวัน โยมพ่อก็ติดต่อมาว่า ให้ขึ้นน่านไปก่อน เพราะจะได้อยู่ใกล้ญาติๆทางฝั่งของโยมแม่ด้วย ที่วัดในจังหวัดน่านแห่งนี้ คุณโอ็ตเคยบวชภาคฤดูร้อนสิบห้าวัน ตอนเป็นสามเณร คุณโอ็ตก็ได้ไปคุยกับหลวงพ่อถึงเรื่องกุฏิ ว่าจะนอนที่ไหนดี และช่วงนั้นเปนช่วงเทศกาล มีพระใหม่บวชอยู่สามรูป พระที่นี่จะนอนรวมกันในวิหาร แต่คุณโอ็ตอยากแยกออกมานอนเดี่ยวๆ เพราะต้องการความสงบ หลวงพ่อท่านจึงพาไปที่ห้องว่าง ลักษณะเป็นห้องสี่เหลียมธรรมดา ปลูกอยู่หลังเดียวโดดๆ อยู่ด้านหลังศาลา คุณโอ็ตมองดูก็นึกถึงความทรงจำตอนสมัยเด็กได้ว่า ตอนที่เป็นสามเณร ก็ได้มาวิ่งเล่นแถวนี้ แล้วพวกเด็กๆที่อยู่แถวนั้นบอกว่า อย่ามาวิ่งเล่นแถวนี้ เพราะผีมันดุ คุณโอ็ตก็คิดว่าไม่เป็นไร คงไม่เจอหนักไปกว่าวัดแรกแล้ว

    คืนแรก หลังจากที่ทำวัดเสร็จแล้วก็เข้านอน ที่นี่เงียบกว่าที่วัดนครสวรรค์มาก คุณโอ็ตก็นอนหลับๆตื่นๆ เพราะไม่คุ้นที่ สักพักได้ยินเสียงคนคุยกัน แต่จับใจความไม่ได้ คุณโอ็ตก็คิดว่าเป็นพวกผู้ใหญ่คุยกันถึงเรื่องจัดงานเทศการอยู่ในศาลา เพราะใกล้ช่วงปีใหม่แล้ว สักพักก็กลายเป็นเสียงสวดมนต์ คุณโอ็ตเริ่มรู้สึกว่ามันแปลกๆ แล้วก็กลายเป็นเสียง “โครมๆๆๆ” เหมือนคนพังเก้าอี้ จนคุณโอ็ตไม่ได้นอนทั้งคืน คุณโอ็ตบวชอยู่ที่วัดแห่งนี้ได้ประมาณเกือบหนึ่งเดือน ก็ได้ย้ายไปอยู่ที่วัดอีกแห่งหนึ่ง ที่อยู่ลึกเข้าไปในชนบทอีก ที่วัดนี้จะมีหลวงตาอยู่ท่านนึง คอยให้คำปรึกษาแก่คุณโอ็ต ในเรื่องการทำสมาธิ และวิปัสสนา คุณโอ็ตก็สังเกตได้ว่า หลวงตาท่านจะไม่นอนที่กุฏิ เพราะช่วงประมาณสองทุ่ม ท่านจะเดินออกจากกุฏิ คุณโอ็ตจึงถามหลวงตาท่านว่า “ท่านหายไปไหน ทำไมไม่อยู่กุฏิ” หลวงตาท่านก็ตอบว่า “อาตมาไม่นอนกุฏิ อาตมาจะไปนอนที่ศาลาเมรุ” คุณโอ็ตจึงขอหลวงตาว่า อยากจะไปทำสมาธิอยู่กับหลวงตาทีเมรุด้วย จึงได้ย้ายของจากกุฏิไปที่เมรุ ตัวเมรุกับวัดจะอยู่ห่างกันประมาณสองร้อยเมตร เป็นเมรุเล็กๆ แล้วก็มีศาลาอยู่ข้างๆ

    เวลานั่งสมาธิ คุณโอ็ตและหลวงตาจะไปนั่งกันตรงหน้าปล่องเมรุ หลังจากนั้นไม่กี่วัน หลวงตาท่านติดกิจนิมนต์ ท่านต้องไปงานศพที่วัดข้างๆ เพราะมีพระมรณะภาพ ท่านจึงบอกกับคุณโอ็ตว่า ให้ช่วยพาเณรทำวัดด้วย เพราะช่วงนั้นมีเณรมาบวชใหม่ หลังจากที่ทำวัดเสร็จแล้ว เณรก็นอนที่กุฏิ ส่วนคุณโอ็ตก็ไปนั่งสมาธิที่หน้าปล่องเมรุคนเดียว พยายามทำใจให้สงบที่สุด พอหลับตาได้สักพัก ก็สัมผัสได้ว่ามีคนเดินอยู่รอบๆตัว ถึงแม้จะไม่ได้ยินเสียง แต่ก็รู้สึกถึงน้ำหนักที่โถมลงพื้น จนผ่านไปสักพัก ก็ได้ยินเสียงคนปาก้อนหินใส่ราวเมนุที่เป็นเหล็กดัง “แกร๊งๆๆ” คุณโอ็ตก็เริ่มใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว สมาธิเริ่มหลุด จึงพยายามสงบใจ แล้วแผ่เมตตาให้ ไม่ถึงหนึ่งนาที ก็รู้สึกว่ามีคนมาตบที่หัวไหล่ แล้วบีบ คุณโอ็ตสะดุ้งสุดตัว ใช้มือปัดออกทันที แต่ก็ยังรู้สึกถึงแรงบีบอยู่ในจีวร จึงรีบถอดจีวรตรงส่วนหัวไหล่ออก ก็เจอตะขาบตัวเท่านิ้วชี้ตกลงมาตาย คุณโอ็ตก็คิดว่า เค้าอาจจะมาเตือนหรือเปล่า จนวันต่อๆมาก็จะเห็นเป็นเงาดำๆ มาเดินอยู่รอบเมรุ คุณโอ็ตเจอเหตุการณ์แบบนี้ทุกวัน จนถึงวันสึก และนี่ก็คือเรื่องราวทั้งหมด



    เจอผีที่หอ เพราะไม่อาบน้ำ

    เรื่องที่จะเล่าเป็นเรื่องตอนที่เราอยู่หอในตอนปี 1 ค่ะ ตอนนี้เรียนจบแล้ว ตอนนั้นเราเป็นเชียร์ลีดเดอร์ของคณะและช่วงนั้นหลังเลิกเรียนพวกลีดจะต้องไปซ้อมทุกวัน ซึ่งก็จะซ้อมประมาณหกโมงเย็นจนถึงสามทุ่ม สถานที่ซ้อมเหรอคะ ? ไม่ใช่ในมหาลัยแน่นอนค่ะ เนื่องจากกฏของมหาลัยหลายๆอย่าง จึงจำเป็นต้องหาที่ซ้อมนอกรั้วมหาลัย สถานที่หลักๆจะเป็นวัดซะมากกว่า มีเปลี่ยนที่ซ้อมประจำค่ะ

    เข้าเรื่องเลยนะคะ วันที่เราจะเล่า เป็นวันที่เราต้องย้ายสถานที่ซ้อมไปที่ใหม่ ทางเข้าไปก็ใกล้วัดเหมือนเดิม ทางเข้ามืดๆ มีบ้านคนอยู่บ้าง พอถึงที่ซ้อมมีลานปูนกว้างๆที่พวกเราจะต้องมาซ้อมกัน มีสปอร์ตไลท์ให้ แต่มันน่าขนลุกตรงที่ ทางด้านขวาข้างลานแห่งนี้มันติดกับเมรุ พร้อมกับต้นไม้ที่ปกคลุมมืดๆ ช่วงตลอดเวลาที่เราเริ่มซ้อมก็แอบมองไปทางเมรุบ้างคะ อ่อ…ลืมบอก ในสมาชิกเพื่อนที่เป็นลีดมีคนที่มีเซ้นส์อยู่ด้วยค่ะ ถ้าจำไม่ผิดน่าจะสองคน ผู้หญิงกับผู้ชาย เราก็พึ่งรู้นี้แหละคะว่าคนมีเซ้นส์จะมีหลายรูปแบบ แบบที่มองเห็นได้กับแบบที่สัมผัสได้ หรือทั้งสองแบบ เเล้วช่วงที่ซ้อมๆกันอยู่นี้แหละ ฝนก็ดันตกลงมา พวกเราต้องรีบเข้าไปหลบฝนในศาลา แต่เพื่อนผู้ชายที่มีเซ้นส์สิคะ อยู่ๆก็มีอาการแปลกๆสะงัน เหมือนกลัวอะไรสักอย่าง จนทุกคน เริ่มกลัว พี่ๆก็ถามว่าเป็นอะไร ตอนนั้นจำได้คร่าวๆ ว่ารุ่นพี่เห็นอาการก็พอจะรู้ว่า เพื่อนเราต้องเห็นอะไรแน่ๆ เพราะเพื่อนคนนี้มีเซ้นส์

    เพื่อนผู้ชายที่มีเซ้นส์ บอกว่า “เห็นมีคนยืนอยู่ที่ประตูรั้ว” แต่เพื่อนเรารับรู้ได้ว่าไม่ใช่คนแน่ๆ แล้วตรงทางเข้าลานแห่งนี้มีประตูรั้วเป็นทางออกทางเดียวสะด้วย จากนั้นรุ่นพี่ก็ให้เพื่อนเรา ก้มหน้าลงไม่ให้ไปมองที่ประตูรั้ว และเห็นท่าทีว่า คงจะซ้อมต่อไม่ได้แล้ว เลยเตรียมรถ ที่จะพาให้น้องๆกลับ ตลอดช่วงเวลาที่เรากำลังรอรถมารับ บรรยากาศมันทั้งหนาวทั้งกลัว อาการเพื่อนก็เริ่มแย่ ถึงเราจะไม่เห็น แต่เราก็กลัวจะได้เห็นนี้สิ ตอนนั้นคิดอย่างเดียวว่าอยากกลับหอ พอรถมาถึงพวกเราต้องนั่งหลังรถกระบะ ส่วนเพื่อนผู้ชายที่เห็น… ไปนั่งหน้ารถพร้อมกับก้มหน้าลง เพราะเราต้องผ่านประตูรั้วนั้น ที่เพื่อนบอกว่ามีใครบางคนยืนอยู่นั้นแหละ มีทางออกเดียวด้วย -..- ส่วนคนที่เหลือนั่งหลังรถกระบะเลยคะ นั่งก้มหน้าฝนสาดตัวเปียกหมด จำได้ว่าขนลุกมากกกตอนที่รถขับผ่านประตูรั้วนั้นไป แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น จนถึงหอใน ทุกคนก็รีบกลับขึ้นหอของตัวเอง คืนนั้นหอในที่เราพักน้ำดันไม่ไหล ไม่ไหลอยู่หอเดียวสะด้วย โธ่เอ้ย!!ชีวิต ตัวก็เปียกฝนน้ำก็ไม่ไหล ทำไงละ เพื่อนลีดอีกคน ก็มีความพยายามดีมาก ให้เพื่อนเมทช่วยกดน้ำจากตู้กดน้ำดื่ม มาอาบ พอให้ได้ล้างตัว แต่เรานี้สิ

    ความเพลียบวกกับกลัวโดนพี่ชั้นด่าที่เอาน้ำจากตู้น้ำดื่มมาอาบ เลยเอาน้ำดื่มมาล้างหน้าแปรงฟันพอ แล้วเปลี่ยนเสื้อผ้า เช็ดหัวให้แห้ง เตรียมนอนจ้าาา ชั่งมันเดี้ยวอาบตอนเช้าขอหอข้างๆอาบก็ได้ เพราะเพลียมาก แต่จู่ๆมีแชทกลุ่มของลีดดังขึ้น ซึ่งเป็นรุ่นพี่ทักเข้ามาบอกว่า… “ให้ทุกคนอาบน้ำด้วย+++” ย้ำว่าต้องอาบ แถมรุ่นพี่บอกในแชทกลุ่มอีกว่า “เพื่อนน้องที่เห็นอะ บอกว่าเห็นคนที่ยืนตรงที่เราซ้อมตามมาถึงหอในด้วย” ไรเนี้ย!!! มีตามมาด้วย แค่นี้ก็กลัวจะแย่แล้ว แต่ไม่เป็นไรมั่ง หอในทุกหอมีสายสิญจน์ล้อมรอบ คงเข้ามาไม่ได้หรอก เลยบอกพี่ในแชทกลุ่มว่า…“น้ำไม่ไหลคะพี่ มีแค่หอหนูหอเดียวที่ไม่ไหล ขออาบตอนเช้าที่หอข้างๆนะคะ” พี่เลยบอกงันให้สวดมนต์กันด้วย มีพระก็เอามาไหว้กัน พอดีเพื่อนเมทในห้องเราคนนึ่ง ชอบมีของแนวๆนี้ด้วยพอดี พระเครื่องก็มี เลยเอามาให้เราไหว้แล้วไว้ใต้หมอน โอเค…แค่นี้คงไม่น่าจะมีอะไรหรอกมั่งนอนๆๆๆ zzZZ ผีหอพัก จากนั้นเราหลับไปได้กี่ชั่วโมงแล้วไม่รู้ แต่จู่ๆเราก็สะดุ้งตื่น…ไม่รู้ว่าตอนนั้นเวลาอะไร ฟ้ายังมืดอยู่และทุกคนในห้องยังหลับอยู่ แต่ตอนที่เราค่อยๆลืมตานี้แหละค่ะ ตึกๆๆ(เสียงหัวใจเต้น) ใจเราตกไปอยู่ตะตุ่มทันที!!! พร้อมทั้งอุทานในใจว่า

    ชิ..หายแล้วว!! นี้เพราะเราไม่ได้อาบน้ำใช่ไหมเลยเจอแบบนี้ ซึ่งท่าที่เรานอนอยู่เป็นท่านอนตะแคงข้างไปทางขวา แขนขวาของเราก็วางราบ ไปกับเตียงนอนใกล้ๆกับขอบเตียงพอดี เเต่สิ่งที่เราเห็นมันมีมือ!! มือดำเมี่ยม ดำเหมือนผิวโดนไหม้ มาจับแขนเราไว้แน่น เรารู้สึกได้ว่ามือนั้นเย็นและหยาบ ตอนนั้นคิดอยู่เหมือนกันว่าเป็นอาการผีอำอีกแล้วใช่ไหม? เพราะเราขยับตัวไม่ได้ เรามีอาการผีอำบ่อยมาก คือเรียกได้ว่ามีอาการจนชิน. แต่ครั้งนี้มันชัดเจนมากๆๆ เหมือนเราตื่นอยู่จิงๆแต่ขยับไม่ได้และไม่มีเสียงดังออกมาเวลาเราพูด คือเหมือนอาการผีอำที่เคยเป็นประจำแต่แค่ครั้งนี้มันชัดเจนกว่าทุกครั้ง และแขนดำๆที่มาจับแขนของเราพยายามที่จะดึงเราให้ลงมาจากเตียง

    ซึ่งตอนนั้นเราไม่เห็นว่าสิ่งที่ดึงเราหน้าตาเป็นอย่างไง (ไม่อยากเห็นด้วย T T) เห็นแต่แขนที่โผล่มาจากข้างเตียง เราสังเกตุเห็นว่ามีร่างของคนตัวดำๆ นอนอยู่ข้างเตียงของเราและเเขนชูขึ้นตั้งฉากโดยที่แขนอีกข้างจับแขนของเราไว้ เราได้แต่สวดมนต์ พร้อมกับพูดว่า อย่าทำอะไรหนูเลย หนูกลัวแล้ว อย่าทำอะไรหนูเลย…..สวดมนต์ๆ แบบสวดไม่จบ สวดแค่ นโมตัสสะๆ (จิงๆเราสวดได้จบนะ) ตอนนั้นจำบทสวดได้แค่นี้จิงๆเพราะกลัวมาก ระหว่างที่สวดร่างของมือดำๆ ก็ทำท่าจะค่อยๆลุกขึ้นมาเป็นท่านั่ง ตอนนั่นท่าของเราเป็นท่านอนท่าเดิม ที่ขยับไม่ได้ เราเลยเริ่มด่าคะ ด่าผีเนี้ยแหละ ประมานว่า “ปล่อยกูเดี๋ยวนี้” ประมานนั้น จริงๆด่าเยอะกว่า มืออีกข้างของเราเริ่มขยับได้ เลยเอามือล้วงไปใต้หมอนควานหาพระที่เพื่อนให้ไว้ พอเจอพระเท่านั่นแหละ เราก็เอาพระปาลงไปที่ผีนั้นแหละคะ. คือปาลงพื้นไปเลย

    เท่านั้นแหละเราตื่นขึ้นมาแบบเด้งขึ้นมานั่งบนเตียง พร้อมกับอาการเหนื่อยหอบ ฟ้ายังมืดอยู่เวลาตอนนั้น ประมานตีห้า เรามองซ้ายมองขวา เพราะยังกลัวอยู่ ทุกคนยังหลับอยู่ เราก็รีบลุกไปเปิดไฟทันที พร้อมหยิบมือถือออกมานอกห้อง แล้วก็โทรหารุ่นพี่ลีดพร้อมอาการที่ยังกลัวและร้องไห้ไปด้วย “ฮื่ออออ..พี่ หนูเจอ เมื่อกี้เลย” พี่ลีดก็ปลอบให้ใจเย็นและบอกว่า “เช้านี้พวกเราจะไปไหว้ขอขมาที่ ที่เราซ้อม เมื่อคืน” แต่เราติดเรียนช่วงเช้า เลยได้ไปไหว้ขอขมาช่วงเย็นแทน ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเราไม่ได้ชำระล้างร่างกายหลังจากกลับมาจากสถานที่ ในคืนนั้นด้วยหรือป่าวที่เป็นสาเหตุหรือเราแค่พักผ่อนน้อยเลยมีอาการผีอำ แต่หลังจากคืนนั้นก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นค่ะ มีได้ยินจากเพื่อน (มีเซ้นส์เช่นกัน)

    ที่อยู่หอเดียวกันมาเล่าว่าเจอคนตัวดำๆเหมือนกัน ซึ่งเราก็สะดุ้งเหมือนกันว่าใช่สื่งเดียวกัน กับที่เราเจอไหม แต่ก็ไม่ได้ยินเรื่องพวกนี้อีกเลย ไม่รู้ว่าน้องๆรุ่นหลังจะมีเรื่องทำนองนี้ไหม แต่เรื่องนี้ถือว่า เป็นประสบการณ์ขนหัวลุกเรื่องหนึ่งของเราเลย



    เรื่องเล่าสยองขวัญ Pantip
     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,975
    ค่าพลัง:
    +97,149
    10 ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น เมื่อไทยมีรายงานการระบาดของโรค ASF ในสุกร

    เกษตรกรหรือประชาชนทั่วไปอาจมีบางส่วนที่ยังไม่เข้าใจว่า ทำไมโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (ASF) ถึงเป็น “วาระแห่งชาติ” ไม่ใช่งานของหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งที่จะป้องกันไม่ให้โรคนี้เข้ามาระบาดในประเทศไทย อ่านผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้น 10 ข้อนี้ แล้วพิจารณาดูว่าจะยอมให้ประเทศไทยเกิดการระบาดของโรคนี้ได้ง่ายๆ หรือไม่?

    1. ผลกระทบต่อราคาเนื้อหมู ช่วงแรกที่เกิดโรคราคาหมูจะตกต่ำ เนื่องจากผู้บริโภคกลัวเรื่องโรคระบาดที่ทำให้หมูตายอย่างหนัก และทุกประเทศเพื่อนบ้านจะระงับการนำเข้าหมูและเนื้อหมูจากไทย คนที่มีหมูขุน หมูหย่านม หมูเล็กในมือก็จะเทขายหนีโรคระบาด หมูสาวก็ลดการทดแทนเพราะไม่มีใครอยากขยายฝูงหรือทดแทนช่วงนี้ แม่พันธุ์จะถูกปลดออกเพิ่มขึ้นในเขตที่เลี้ยงหนาแน่นและพื้นที่เสี่ยง ทำให้หมูในตลาดล้นทันที (ณ ปัจจุบันกรณีที่ประเทศไทยหมูเริ่มราคาตกยังไม่ใช่ระยะนี้จริงๆ) พอผ่านไปช่วงเวลาหนึ่ง ราคาหมูจะแพงขึ้นแบบสุดโต่ง สาเหตุจากสุกรตายเสียหายจำนวนมากและรายเก่ารายใหม่งดการขยายธุรกิจฟาร์มหมู เนื้อหมูในห้องเย็นหมดสต็อค เป็นต้น ถ้าใครอยู่รอดมาถึงระยะนี้ก็จะกำไร… เมื่อหมูแพงจะส่งผลให้ค่าครองชีพโดยรวมของไทยสูงขึ้นตามไปด้วย

    2. ผลกระทบต่อพฤติกรรมผู้บริโภคเนื้อหมู ผู้บริโภคอาจจะลดการกินเนื้อหมู หรือเลือกกินเนื้อหมูที่มาจากแหล่งที่เชื่อถือได้ โดยเปลี่ยนพฤติกรรมการเลือกซื้อเนื้อหมูจากเขียงหมูทั่วไป มาเป็นจุดจำหน่ายที่ได้มาตรฐาน เน้นเรื่องมาตรฐานอาหารปลอดภัยมากขึ้น และผู้ประกอบการด้านจำหน่ายเนื้อสัตว์จะขอดูระบบมาตรฐานด้านการป้องกันโรค ASF จากต้นทางทั้งฟาร์มและโรงฆ่าสัตว์ เป็นหนึ่งในเงื่อนไขการค้าที่จะเกิดขึ้นในอนาคตนอกจากนี้ ความกดดันจากผู้บริโภคยังส่งผลทำให้โรงฆ่าสัตว์ที่ไม่ได้มาตรฐานจะถูกปราบปรามอย่างต่อเนื่อง ที่เหลืออยู่จะถูกควบคุมให้เน้นทั้งมาตรฐานอาหารปลอดภัยและระบบป้องกันโรคจากโรงงานสู่ฟาร์ม ธุรกิจประเภทตัดแต่ง/แปรรูปเนื้อสัตว์ ห้องเย็น อาหารเนื้อสัตว์ประเภทแช่แข็งจะเริ่มเฟื่องฟู

    3. ผลกระทบต่อระบบการเลี้ยงหมู ประเทศไทยผลิตหมูขุนประมาณ 20 ล้านตัวต่อปี มีเกษตรกรที่เลี้ยงหมูเกือบ 2 แสนราย ส่วนใหญ่เป็นเกษตรกรรายย่อยที่เลี้ยงแบบหลังบ้าน เมื่อเกิดโรค ASF รูปแบบการเลี้ยงหมูจะเปลี่ยนไปจากเดิม ระบบการเลี้ยงแบบหลังบ้านที่ใช้เศษอาหารเลี้ยงหมูจะค่อยๆ หายไป จะเหลือรอดเฉพาะฟาร์มที่มีระบบป้องกันโรคที่ดีเท่านั้น และฟาร์มที่อยู่รอดจะต้องมีแหล่งผลิตพันธุ์สัตว์ใช้เองเป็นส่วนใหญ่ ไม่มีการซื้อหมูทดแทนจากฟาร์มอื่น เพราะจะติดปัญหาเรื่องความเสี่ยงจากโรค และข้อจำกัดเรื่องการเคลื่อนย้าย และระบบมาตรฐานฟาร์มจะเข้ามามีบทบาทมากขึ้นทั้งเรื่องการป้องกันโรคและกฏหมายด้านการเคลื่อนย้ายต่างๆ

    4. ผลกระทบด้านการเคลื่อนย้ายหมู เมื่อมีการระบาดของโรค ASF ฟาร์มหมูแต่ละเขตจะถูกแบ่งแยกออกเป็น 3 โซน ได้แก่ เขตเสี่ยงสูง/สีแดง (พื้นที่เกิดโรคระบาด) หรือพื้นที่รัศมี 5 กิโลเมตรจากฟาร์มเกิดโรค เขตเสี่ยงปานกลาง/สีเหลือง (เขตเฝ้าระวัง) เขตพื้นที่ในจังหวัดที่เกิดโรค และเขตเสี่ยงต่ำ/สีเขียว (ปลอดโรค) ฟาร์มที่อยู่ในเขตเสี่ยงสูงจะมีข้อจำกัดในการเคลื่อนย้าย ทุกฟาร์มจะต้องกลับมาทบทวนทั้งแหล่งรับหมูทดแทน แหล่งรับหมูหย่านม แหล่งขายหมูขุนที่จะต้องมีหลักเกณฑ์และระเบียบข้อบังคับเพิ่มมากขึ้น

    5. ผลกระทบด้านแรงงานเกี่ยวกับหมู คนงาน พนักงาน และสัตวบาลประจำฟาร์มจะขาดแคลน เพราะต้องแลกกับอิสรภาพทางสังคม ต้องพักในฟาร์มและจำกัดการเข้าออกอย่างหนัก “เหมือนติดคุกในเขตโรคระบาดหรือพื้นที่เสี่ยงสูง” แม้ค่าจ้างจะแพงขึ้นแต่ก็ไม่ใช่แรงจูงใจที่ดีแล้วในยุคสังคมโซเซี่ยลแบบนี้ อัตรา turnover ของฟาร์มระดับใหญ่อาจจะสูงถึง 60% ต่อปี (เหตุการณ์จะคล้ายกับโรค EMS ในกุ้งที่ทำให้ธุรกิจเจ๊งกันทั้งประเทศทั้งรายเล็ก รายใหญ่ ต้องปลดคนออก ปิดฟาร์มกุ้ง ปิดโรงงานอาหารกุ้งไปหลายแห่ง ต้องใช้เวลาหลายปีกว่าจะฟื้นตัว)

    สัตวแพทย์ควบคุมฟาร์มจะมีบทบาทมากขึ้น ตามความเข้มของมาตรฐานฟาร์ม มาตรฐานการป้องกันโรค อาจรวมไปถึงการจัดทำฟาร์มปลอดโรค ASF แต่ปริมาณที่ต้องใช้ด้านฟาร์มหมูก็น้อยลงไปด้วย ส่วนหนึ่งมาจากหลายฟาร์มต้องปิดตัวลง และฟาร์มจะงดรับแขกทั้งที่เป็นที่ปรึกษา และฝ่ายขายยา อาหารสัตว์ บริษัทที่มีนักวิชาการด้านนี้ก็ต้องลดคนลงและเน้นคุณภาพมากขึ้น นักศึกษาสัตวแพทย์หรืออาจารย์จะเลือกเรียนสาขาอื่นที่ไม่ใช่สายหมูหากสถานการณ์โรค ASF ไม่สามารถควบคุมได้ในไทย ที่ฝึกงานหน่วยหมูมหาวิทยาลัยที่สอนสัตวแพทย์และการเกษตรก็จะต้องเตรียมเอง เพราะคงไม่มีฟาร์มไหนเปิดรับให้ฝึกงานง่ายๆ เหมือนปัจจุบัน

    แต่ถ้าสถานการณ์ไม่คลี่คลาย (ฟาร์มที่เกิดโรคไม่สามารถกลับมาเลี้ยงใหม่ได้) ภายใน 1-2 ปี หลังเกิดโรคในไทย ทุกอาชีพที่เกี่ยวข้องกับหมูจะตกงานเป็นจำนวนมาก

    6. ผลกระทบด้านการแข่งขันทางธุรกิจหมู การแข่งจะไม่ใช่การแข่งทางด้านราคา/ต้นทุน ดังเช่นที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน แต่จะเเข่งกันด้านใครจะเกิดโรค ASF มากกว่ากัน รายย่อยใครไม่เกิดก็กำไร ใครเกิดก็เจ๊ง รายใหญ่ใครเกิดโรคน้อยกว่าก็กำไรมากกว่า เราจะเห็นภาพการลงทุนด้านการป้องกันโรคมาเป็นอันดับแรกๆ ในการปรับปรุงฟาร์ม

    7. ผลกระทบด้านการตลาดสินค้าปศุสัตว์ ฟาร์มจะปิดสนิทไม่ให้คนนอกเข้า แค่โทรสั่งของและให้รถมาส่งแค่ประตูหน้าฟาร์ม และบางคนอาจไม่อยากออกมาพบปะสังสรรค์กันเหมือนยุคก่อน การจัดสัมมนานำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีการรวมตัวกันของเกษตรกรหลายๆ ฟาร์มก็ไม่สามารถทำได้ การเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น คือ เปลี่ยนรูปแบบการประชุมสัมมนาเป็นแบบออนไลน์ เป็นต้น ทำให้พนักงานฝ่ายขายทั้งอาหารสัตว์ ยาสัตว์ พันธุ์สัตว์ มีความจำเป็นน้อยลงในด้านการตลาด

    8. ผลกระทบต่อธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับหมู อาหารสัตว์ ผู้ผลิตวัตถุดิบ/premix อาหารสัตว์ที่ใช้เฉพาะหมู ยาและวัคซีน อุปกรณ์ฟาร์มหมู ระบบรถขนส่งหมู จะลดน้อยถอยลง เนื่องจากฟาร์มเกิดโรคมีหมูตายและถูกทำลายจำนวนมาก ส่วนฟาร์มที่ยังไม่เกิดโรคก็แทบจะลดการเข้าเล้าหมูไปทำกิจกรรมต่างๆ ลง รวมถึงการทำวัคซีน/ฉีดยา เขตโรคระบาดแทบจะตัดวัคซีนทุกตัวออกจากฟาร์มเพื่องดการเข้าออกเล้า เข้าทำนอง “เป็นโรคอื่น 100 ครั้ง ก็ไม่เท่าเป็น ASF แค่ครั้งเดียว”

    ส่วนธุรกิจยาฆ่าเชื้อจะยังพอไปได้ในระยะ 2-3 ปี แต่หลังจากนี้ ยอดจะลดลงอย่างรวดเร็ว จาก 2 ปัจจัยคือ 1) มีคู่แข่งราคาถูกเข้าตีตลาดมากขึ้น (บริษัทที่ยอดยาอื่นลด จะหันมาผลิตและนำเข้ายาฆ่าเชื้อแทน) และ 2) เมื่อสถานการณ์โรคเริ่มคลี่คลาย ยาฆ่าเชื้อจะกลับมาใช้ที่อัตราส่วนปกติคือ 1:400 ซึ่งจะลดการใช้ลงไปถึง 4 เท่า และสิ่งที่ไม่ค่อยมีคนพูดถึงมาก่อนในวงการหมูคือ รายได้จากห้องปฏิบัติการ ผู้ผลิตและขายชุดอุปกรณ์ตรวจโรค ASF จะมีรายได้หรือยอดขายถล่มทลาย

    9. ผลกระทบต่อธุรกิจอื่น ธุรกิจด้านการผลิตเนื้อสัตว์ชนิดอื่นจะโตขึ้นทดแทนเนื้อหมูที่ขาดแคลน โดยเฉพาะไก่เนื้อ มีผลทำให้ฟาร์มสัตว์ปีก อาหารสัตว์ปีก ยาและเวชภัณฑ์ประเภทสัตว์ปีกขยายตัว มีการเปลี่ยนอาชีพของคนเลี้ยงหมูมาเลี้ยงไก่ และผู้บริโภคก็มีการบริโภคเนื้อสัตว์อื่นแทนเนื้อหมูที่ขาดแคลนและมีราคาแพง

    10. ผลกระทบด้านการค้าระหว่างประเทศ เมื่อไทยเกิดโรค ASF และไม่สามารถกำจัดโรคออกจากประเทศได้ ประเทศต่างๆ จะระงับการนำเข้าหมูขุน เนื้อหมู หมูพันธุ์ อาหารสัตว์ วัตถุดิบอาหารสัตว์ ยา/เวชภัณฑ์ที่ผลิตในไทย ทำให้สูญเสียรายได้เข้าประเทศเป็นจำนวนมาก แม้รัฐจะมีแผนสำรองด้านการผลิตแบบเขตปลอดโรค ASF หรือระบบ Compartment แต่ก็ต้องอาศัยเวลากว่าจะสร้างความเชื่อมั่นให้กับประเทศคู่ค้าได้ และสิ่งที่ไทยกลัวที่สุด สุดท้ายจะเกิดขึ้นคือ “ความจำเป็นที่จะต้องนำเข้าเนื้อหมูจากต่างประเทศ” หากสถานการณ์เลวร้ายจนไม่สามารถควบคุมได้

    ผลกระทบแต่ละด้าน ผู้เขียนได้รวบรวมมาจากต่างประเทศที่ประสบปัญหาตามที่เราก็รับรู้ข่าวสารได้จากสื่อต่างๆ ผลกระทบของโรคนี้รุนแรงที่สุดเท่าที่วงการหมูเคยประสบมา ทุกคนในวงการคงจะรู้กันดีอยู่แล้ว แต่จะมีสักกี่คนที่จะ “ทำหน้าที่” ป้องกันประเทศไม่ให้เกิดผลกระทบเหล่านี้กับประเทศไทย

    ทุกข้อเป็นแค่การคาดการณ์เท่านั้น อาจเป็นจริงหรือไม่จริงก็ได้ วัตถุประสงค์ที่เขียน เพราะอยากให้ทุกคนให้ความสำคัญในการช่วยกันป้องกันไม่ให้มันเกิด และเตรียมพร้อม เมื่อเกิดโรคแล้วจะปรับตัวอย่างไรเพื่อความอยู่รอด เเต่ละฟาร์ม แต่ละบริษัท แต่ละองค์กร จะมีแนวทางปรับตัวและแผนรับมือแตกต่างกัน ใครจะอยู่รอดปลอดภัยไปจนถึงระยะสุดท้ายคือช่วง Peak ของราคาก็คงจะรู้กัน

    แต่ทุกวิกฤตก็มักจะมีโอกาสแฝงอยู่ ขึ้นอยู่กับว่าใครจะเห็นและรีบไขว่คว้ามาเป็นของตัวเอง “ขอให้ไทยปลอดภัยจาก ASF”

    เสียหายมากกว่าที่คิดแน่นอน
    #สุกร #หมู #โรคระบาด #ASF #ปศุศาสตร์นิวส์

     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,975
    ค่าพลัง:
    +97,149
    Setiawan


    สภาพน้ำท่วมปัจจุบันในทุ่งมะเขือเทศเม็กซิโก 5 ธันวาคม 2019


     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,975
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ลดไขมันมากไป เส้นเลือดแตกในสมอง...เรื่องที่ไม่ควรมองข้าม


    หมอได้เรียนให้ทราบไปแล้วเกี่ยวกับการศึกษาที่พบว่า “ไขมันที่ว่าเลว ลดมากไป กลับเส้นเลือดแตกในสมอง” (ไทยรัฐหมอดื้อ 9 มิถุนายน 2562) ซึ่งมาจากการรายงานในวารสารทางสมองของสหรัฐฯ Neurology ในเดือนกุมภาพันธ์ เป็นการติดตามข้อมูลผู้หญิงวัยกลางคนถึงอายุมากจำนวน 27,937 คน และติดตามไป 20 ปีโดยพบว่าถ้าลดไขมันไม่ดี (LDL) ให้น้อยกว่า 70 และลดไขมันที่ได้จากแป้งน้ำตาลของหวาน (triglyceride) มากเกินไปจะทำให้มีความเสี่ยงต่อการที่เส้นเลือดในสมองแตกเพิ่มขึ้น 2.17 เท่า

    การศึกษาล่าสุดนี้ตีพิมพ์ล่วงหน้าออนไลน์ ในวารสารฉบับเดิมในวันที่ 2 กรกฎาคม 2562 ยืนยัน ความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น 65% ของการที่มีเส้นเลือดแตกในสมอง เมื่อลดระดับไขมันเลวลงไปน้อยกว่า 70 และความเสี่ยงจะยิ่งเพิ่มขึ้นถึง 169% ในกลุ่มที่ลดลงไปน้อยกว่า 50 เมื่อมาเทียบกับกลุ่มที่มีระดับอยู่ที่ 70 ถึง 99


    คณะผู้ทำการศึกษาได้ทำการติดตามประชากรในประเทศจีนเป็นจำนวน 101,510 คน (Kailuan study) โดยมีการรวบรวมประชากรในกลุ่มศึกษาระหว่างเดือนมิถุนายน 2006 และเดือนตุลาคม 2007 มีการตรวจร่างกายและตรวจเลือดทางห้องปฏิบัติการ และระดับไขมันชนิดต่างๆ พร้อมทั้งมีการสอบประวัติทางด้านสุขภาพสุขอนามัย ทั้งนี้ไม่ได้รวมคนที่เคยเป็นอัมพฤกษ์ โรคหลอดเลือดหัวใจตัน หรือมะเร็ง

    หลังจากที่ตัดกลุ่มที่ได้ข้อมูลไม่ครบสมบูรณ์ไปแล้ว มีจำนวน 14% ใน 96,043 คน ที่มีระดับไขมันเลวอยู่ต่ำกว่า 70 และในระยะเก้าปีต่อมาพบว่า 753 ราย เกิดเส้นเลือดแตกในสมอง และในกลุ่มนี้มีจำนวน 179 ราย หรือเท่ากับ 24% ที่มีระดับไขมันเลวต่ำกว่า 70 ก่อนที่จะมีเส้นเลือดแตก

    ทั้งนี้ได้ทำการปรับตัวควบคุมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นอายุ เพศ การศึกษา อาชีพ สถานะของการออกกำลังกาย การกินเหล้าสูบบุหรี่ รวมกระทั่งถึงประวัติของการเจ็บป่วยที่จะโยงไปถึงการที่มีเส้นเลือดแตกในสมอง

    ผลวิเคราะห์แสดงอัตรา adjusted hazard ratio ที่ 1.69 (95% confidence interval, 1.32-2.05) สำหรับความเสี่ยงในการเกิดเส้นเลือดแตกในกลุ่มที่มีระดับไขมันเลวต่ำกว่า 70 เมื่อเทียบกับกลุ่มที่มีระดับ 70 ถึง 99


    และในกลุ่มที่มีระดับไขมันเลวระหว่าง 50 ถึง 69 จะมีความสัมพันธ์กับความเสี่ยงยิ่งสูงขึ้นไปอีก (HR, 2.69 ; 95% CI, 2.03-3.57)

    และที่น่าสนใจไปกว่านั้นก็คือผลที่ได้รับไม่ได้มีความเปลี่ยนแปลงเมื่อได้ตัดกลุ่มที่ใช้ยาลดไขมันหรือใช้ยาละลายลิ่มเลือดออก

    ความเสี่ยงของการเกิดเส้นเลือดแตกในสมอง จะไม่ต่างกันระหว่างกลุ่มที่มีระดับไขมันเลวระหว่าง 70 ถึง 99 กับกลุ่มที่มีระดับ 100 หรือมากกว่า

    ผู้วิจัยได้ให้ความเห็นว่าความสัมพันธ์ระหว่างระดับไขมันที่ต่ำกับการเกิดเส้นเลือดแตกในสมองนั้นน่าจะเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ ทั้งนี้เนื่องจากไขมันคอเลสเทอรอล มีบทบาทที่สำคัญในโครงสร้างของผิวผนังเซลล์และการที่มีระดับไขมันต่ำมาก จะสามารถนำไปสู่การที่มีเม็ดเลือดแดงเปราะ นอกจากนั้นไขมันถึงแม้เรียกว่าเลวก็ตามยังมีบทบาทที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการในการควบคุมการแข็งตัวของเลือด และที่สำคัญก็คือการสะสมตัวของโปรตีนอมิลอยด์ ในผนังเส้นเลือดสมอง ซึ่งในขณะนี้ถือว่าเป็นปัจจัยสำคัญในการอธิบายการเกิดเส้นเลือดแตก

    จากข้อมูลดังกล่าว ผู้วิจัยได้ให้ความเห็นว่าระดับไขมันเลวที่อยู่ระหว่าง 70 ถึง 99 น่าจะเป็นทางสายกลางที่เหมาะสมทั้งในโรคเส้นเลือดตีบในหัวใจและสมอง โดยที่ไม่เกิดแตกมากขึ้น

    แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น น่าจะขึ้นอยู่กับคนไข้แต่ละคนในการที่จะบอกว่าระดับไขมันเลวควรจะอยู่ที่สูงหรือต่ำแค่ไหนโดยที่อาจยังเกี่ยวข้องกับสไตล์ของการดำเนินชีวิต ภาวะสุขภาพ โรคประจำตัว แม้กระทั่งเชื้อชาติ


    ข้อจำกัดในการศึกษานี้ยังอยู่ที่ความแตกต่างในเรื่องของอาหาร ในเรื่องของพันธุกรรม ซึ่งเป็นประเด็นทำให้มีข้อโต้แย้งว่ามีการศึกษาก่อนหน้านี้พบว่าคนจีนมีความเสี่ยงที่จะเกิดเส้นเลือดตันและเส้นเลือดแตกในสมองโดยมีพันธุกรรมเข้ามาเกี่ยวข้อง

    อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าการศึกษานี้ทำในคนจีน การศึกษาก่อนหน้านั้นที่ได้กล่าวไปแล้วทำในคนอเมริกัน และได้ผลคล้ายคลึงกัน จุดเด่นของการศึกษาล่าสุดนี้อยู่ที่มีการวัดประเมินระดับของไขมันเลวหลายครั้งในช่วงระยะเวลาการติดตาม

    ทีนี้เราจะทำอย่างไรถ้าลดมากไปก็แตก ถ้าสูงมากไปก็กลัวตีบ

    สำหรับในเรื่องของตีบนั้น ความจริงเราก็ทราบมานานพอสมควรแล้วว่าเส้นเลือดตีบในหัวใจและสมองนั้นผู้ร้ายไม่ใช่เป็นเรื่องไขมันสูงอย่างเดียว หลักฐานที่พบว่าการใช้ยาลดไขมันสแตติน ช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจมีมาตั้งแต่ปี 1994 จนกระทั่งในปี 1997 และ 1998 มีการศึกษาใหญ่สองรายงานที่พบว่าความเสี่ยงของการเกิดโรคเส้นเลือดหัวใจตีบตันนั้น ตัวการใหญ่ก็คือเรื่องการอักเสบที่เกิดขึ้นในร่างกายและถ้าสามารถลดการอักเสบนั้น ความเสี่ยงจะลดลง

    ในปี 1998 ถึงได้มีการตระหนักว่ายาลดไขมันสแตติน ที่จริงแล้วมีคุณสมบัติในการลดการอักเสบและลดระดับไขมันเลวพร้อมกัน จนกระทั่งในปี 2008 ถึงได้มีการพิสูจน์ว่ายาลดไขมันช่วยป้องกันการเกิดเส้นเลือดตีบตันในคนได้จริง จากทั้งสองกลไกนี้

    แต่ข้อมูลที่พิสูจน์ได้ชัดเจนถึงเรื่องการลดการอักเสบเฉยๆ โดยไม่ได้แตะต้องระดับของไขมันเลวก็สามารถป้องกันคนที่เคยมีเส้นเลือดหัวใจตันไปแล้วไม่ให้เกิดการตีบตันใหม่ได้อีกถึง 30% เพิ่งมาปรากฏในปลายปี 2017 นี้เอง

    ดังนั้น ทางออกที่น่าจะเป็นไปได้มากที่สุดคือการปรับลดภาวะการอักเสบในร่างกายได้แก่อาหารการกิน ลดแป้งน้ำตาลของหวาน ลดการกินเนื้อสัตว์ที่เดินได้บนดิน คงไว้ซึ่งสัตว์น้ำ กินผักผลไม้กากใย และแน่นอนต้องไม่มีสารเคมีกันบูดกันเสีย สารพิษฆ่าหญ้าฆ่าแมลง ซึ่งเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดการอักเสบในร่างกาย และส่งผลไปยังผนังเส้นเลือดและทำให้เกิดการยอมรับไขมันเข้าไปเสียบตัวในผนังเส้นเลือดและก่อให้เกิดการอักเสบในผนังเส้นเลือดเป็นกระบวนการตามติดมา

    เรายังสามารถอธิบายกลไกการเกิดสมองเสื่อม ความจำเสื่อม โรคพาร์กินสันได้จากกระบวนการอักเสบในร่างกายซึ่งส่งผลไปยังสมองได้อีกด้วย และมีหลักฐานพิสูจน์ว่าการลดการอักเสบที่ว่าสามารถลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งได้แม้กระทั่งโรคมะเร็งปอด

    ถึงตอนนี้เราทุกคนต้องตระหนักว่า สุขภาพของเราเอง เราสามารถกำหนดได้จากการกิน การเลือกกินและการไม่กินอาหารบางประเภท และเราต้องต่อต้านการใช้สารเคมีที่ปะปนเข้ามาในอาหารพืชผักผลไม้ และแน่นอนการออกกำลังกายสม่ำเสมอ งดบุหรี่ไม่ดื่มเหล้าเกินปริมาณเพื่อสุขภาพ และเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ซึ่งกันและกันซึ่งเป็นความสุขที่ยั่งยืนและถาวร

    ด้วยความเป็นห่วงนะครับ.

    หมอดื้อ

    https://www.thairath.co.th/news/society/1634888
     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,975
    ค่าพลัง:
    +97,149
    Setiawan

    น้ำท่วมในเกาะ socotra ประเทศเยเมน วันที่ 5 ธันวาคม 2019
     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,975
    ค่าพลัง:
    +97,149
    Setiawan

    น้ำท่วมฉับพลันใน khaldah, เลบานอน วันที่ 5 ธันวาคม 2019
     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,975
    ค่าพลัง:
    +97,149
    Setiawan

    น้ำท่วมฉับพลันในเบรุต, เลบานอน วันที่ 5 ธันวาคม 2019





     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,975
    ค่าพลัง:
    +97,149
    Setiawan

    ปั๊มน้ำมันระเบิดใน madinah ประเทศซาอุดิอาราเบีย วันที่ 5 ธันวาคม 2019





     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,975
    ค่าพลัง:
    +97,149
    Setiawan

    ปลาแผ่นดินไหว (Roarfish) ปรากฏในพื้นที่Puerto Cayo - jipijapa, เอกวาดอร์ วันที่ 5 ธันวาคม 2019
     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,975
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ผลศึกษาชี้บางส่วนของฟิลิปปินส์อาจจมน้ำภายใน 30 ปี
    5 ธันวาคม 2562 14:42 229
    news-14199423725de8b4b4a8257.jpg
    วันนี้ ( 5 ธ.ค. 62)ผลการวิจัยของ Climate Central ที่ตีพิมพ์ในวารสาร Nature Communications พบว่าภายในปี 2050 จะมีประชากรราว 150 ล้านคนที่ต้องพลัดถิ่น และอาจสูงถึง 300 ล้านคนได้ในช่วงปลายของศตวรรษนี้ หากไม่มีแก้ปัญหาสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง


    ผลการศึกษายังชี้ไปที่ฟิลิปปินส์ว่าเป็นประเทศที่สุ่มเสี่ยงต่อการถูกน้ำท่วมมากที่สุดประเทศหนึ่งด้วย โดยพื้นที่เสี่ยงคือ บางส่วนของกรุงมะนิลา เมือง Malabon, Bulacan, Valenzuela และ Pasay City จะต่ำกว่าระดับน้ำทะเลภายในอีก 30 ปีข้างหน้า นอกจากนี้ยังมีพื้นที่อื่นๆที่จะได้รับผลกระทบอีก เช่น บางเมืองใน Visayasและเกาะ Mindanao


    นั่นหมายความว่า ชาวฟิลิปปินส์อย่างน้อย 8.6 ล้านคนซึ่งอาศัยในบริเวณดังกล่าวจะได้รับผลกระทบ และมีการคาดการณ์ว่าหากกรุงมะนิลาและเมืองปาเซย์จมน้ำ อาจจะได้เห็นแนวชายหาดใหม่เกิดขึ้นบริเวณใกล้กับมากาติ ซึ่งเป็นศูนย์กลางทางการเงินของฟิลิปปินส์เลยทีเดียว


    เดอะ สเตรทส์ไทมส์ทระบุว่า สิ่งที่เกิดขึ้นกับเวนิซ ของอิตาลี เมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเผชิญน้ำท่วมใหญ่ ถือเป็นสัญญาณเตือนล่าสุดของภัยคุกคามจากระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น อันเป็นผลมาจากสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงด้วย


    ขณะที่รายงานอีกฉบับที่ชื่อ "Climate tipping points - too risky to bet against" เตือนว่า อาจเกิดน้ำแข็งถล่มในแอนตาร์กติกาตะวันตกและตะวันออก รวมถึงกรีนแลนด์ ซึ่งจะทำให้ระดับน้ำทะเลเพิ่มสูงขึ้น 3-7 เมตร ในที่ใดของโลกก็ได้ และอาจเกิดขึ้นเร็วสุดในอีก 11 ปีข้างหน้านี้แล้ว นอกจากนี้ยังเตือนด้วยว่า อุณหภูมิที่เพิ่มสูงขึ้นจะทำลายระบบนิเวศวิทยาด้วย


    ทั้งนี้ เดอะสเตรทส์ ไทมส์ระบุว่า ฟิลิปปินส์เป็นประเทศกำลังเดินอยู่บนเส้นทางที่หายนะทางสิ่งแวดล้อมโดยตรง โดยเฉพาะหลังรัฐบาลของประธานาธิบดีโรดริโก้ ดูแตร์เต้ได้ระงับเงินกู้มูลค่า 36 ล้านดอลลาร์จากเยอรมนีเพื่ออุดหนุนโครงการศึกษาด้านสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง



    จึงมีการตั้งคำถามว่า รัฐบาลฟิลิปปินส์ได้เตรียมความพร้อมรับมืออย่างไร หากในช่วงเวลาไม่เกินสามทศวรรษ ประชาชนหลายล้านคนในเมโทร มะนิลา และเมืองชายฝั่งอื่นๆอาจต้องพลัดถิ่น และเปลี่ยนวิธีดำรงชีพใหม่ๆ จากปัญหาน้ำทะเลเพิ่มสูงขึ้นและผืนแผ่นดินปรับเปลี่ยนสภาพไป ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ ทรัพยากรธรรมชาติ แหล่งอาหาร และความมั่นคงของประเทศด้วย


    https://www.tnnthailand.com/content...MgAvME9aPO0P_URsv9vppB5HgNBUEa6fAgcCImk_EPGBE
     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,975
    ค่าพลัง:
    +97,149
    รอบรั้ว แม่สาย

    เมืองป่างลอง รัฐฉาน(ตอนเหนือพม่า)...หนาวมาก...บรื้อ...ท้องทุ่งกลายเป็นน้ำแข็งไปหมด...(ไม่นานเกินรอบ้านเฮา)
    .
    เครดิตภาพ Tai communication online

    G7dk2A&_nc_ohc=cZZ-roasUTQAQkslH3tC6ZcG2suR20dX0k3BxkuSvmC32Q8aGB8Wq61JA&_nc_ht=scontent.fbkk7-2.jpg

    J3LC-g&_nc_ohc=obM5fvRZ-D0AQkfNkbwYUDKGg3Bl8aok2b9PaM2mo2HdMLM8ikNaLA5OA&_nc_ht=scontent.fbkk7-2.jpg

    sR7FqA&_nc_ohc=_jL5nrH81VMAQkbAhtN1_yt5A2ykudAK8J027glZJgH3P6hAHBYhuvTBw&_nc_ht=scontent.fbkk7-2.jpg

    ZvDH7g&_nc_ohc=gG4EwlXRblQAQkDMwqc_nL88BokpIErtkucYUxXIZtEl_vnXzL1TQV5qA&_nc_ht=scontent.fbkk7-2.jpg
     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,975
    ค่าพลัง:
    +97,149
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,975
    ค่าพลัง:
    +97,149
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,975
    ค่าพลัง:
    +97,149
    Rodolfo Martin Brenes Salvatierra

    พวกเขาค้นพบรอยเท้าไดโนเสาร์ทางเหนือของจีน #5 ธ. ค.

    s5kzCA&_nc_ohc=gxf49OLw3tMAQlRaE328wtytO9o5uUj4YuYYDEwOE-6Rc5fLPmxxNqXow&_nc_ht=scontent.fbkk7-3.jpg

    lhBwzA&_nc_ohc=ICOhxzu0Q_oAQlNU265fyVPZgxt80GBox-oiyPKRb-LGAP1N6gO_66SuQ&_nc_ht=scontent.fbkk7-3.jpg
     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,975
    ค่าพลัง:
    +97,149
    Rodolfo Martin Brenes Salvatierra

    ปรากฎการณ์โฟมทะเล บนชายฝั่งของแมสซาชูเซตส์ สหรัฐอเมริกา

     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,975
    ค่าพลัง:
    +97,149
    Rodolfo Martin Brenes Salvatierra

    ลมแรงทำให้นักดับเพลิเป็นอันตรายในไฟไหม้ป่า ในนิวเซาธ์เวลส์, ออสเตรเลีย ประเทศออสเตรเลีย



     

แชร์หน้านี้

Loading...