เข้าสู่ระบบหรือลงทะเบียน

ถามเกี่ยวกับกสินน้ำและสีเหลืองและ หาเงินกสินมีวิธีไหมครับ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ballbeamboy2, 23 กุมภาพันธ์ 2012.

แท็ก: แก้ไข

หน้า 1 ของ 2

ballbeamboy2 เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

29 สิงหาคม 2011

โพสต์:

1,622

ค่าพลัง:

+1,618
ผมคิดว่าผมจะมาฝึกกสินน้ำอ่าครับ อ่านมาฤทธิของกสินน้ำคือ สามารถทําให้ของแข็งเป็นของอ่อนได้

ผมไม่รู้จะเอาไปใช้อะไรดี มันมีอย่างอืนอีกเปล่าครับฤทธิของกสินน้ำ เช่นให้คล่องตัวไหลลื่อไรประมาณนี้

สามารถทําให้เป็นน้ำแข็งได้ไหมครับ (ถ้าได้จะดูเหมือนการ์ตูนเลย) ผมจะได้เนรมิตสิ่งต่างเป็นน้ำแข็งดีไม่ดีเอาไปขายได้ หาเงินจากกสินนี่แหละ

กสินสีเหลือง อีกข้อ ฤทธิคือทําให้เป็นสีเหลืองได้ ผมเลยสงสัยทําให้เป็นทองได้ไหม แบบเหมือนทองทุกประการ ผมจะได้ส่วนหนึ่งเอาไปแจกฟรีให้คนจนๆไม่มีจะกิน สอง เอาไปทําบุญ สามเอาไปขายได้เงิน

อ่อ ผมจะมาลองฝึกกสินน้ำดู ผมใช้น้ำก๊อกได้ไหม แล้ววิธีฝึกยังไงเหรอครับ เพ่งแต่น้ำเหรอครับ มีอย่างอืนอีกไหม แล้วอุคหนิมิตร ของกสินน้ำคือไรครับ ผมฝึกอาปานุสติ มาแล้วอารมณ์ตอนนั้น ฌาณ1 หรือไม่ก็เกือบฌาณแต่มีสุข (ผมก็ไม่แน่ใจว่าฌาณหรือเกือบจะฌาณอ่าครับ เพราะอ่านมา บางอันบอกว่าอารมณ์ที่มันหรรษารื่นเริงคือเกือบจะฌาณ บางอันก็บอกฌาณ ผมก็ไม่รู้)
เลยพออาปานุสติ คือพอนี่ไม่ได้เลิกนะครับ ผมเข้าฌาณ1 อีกทีไม่ได้แล้ว จับอารมณ์ตอนนั้นไม่ได้ จนเป็นฌาณอย่างน้อยก็ขณิกสมาธิ ผมเลยคิดว่าไปเอากสินก่อน แล้วค่อยทําถึงฌาณ4 ต่อ แล้วค่อยต่อฌาณ8 ต่อ

อ่อส่วนเรื่องหาเงินกสิน

ผมอยากทํางานง่ายๆ ตื่นสายๆนอนดึกก็ได้ แต่ได้ตังค์ ผมเลยเล็งเห็นกสิน นี่น่าจะทําเงินได้ (ผมไม่รู้ว่าจะหาเงินได้ไหม เพราะว่า เอากสินไปทําตังค์เป็นความโลภ) แต่ผมก็เป็นฆราวาส ส่วนหนึ่งถ้าผมหาตังค์จากกสินได้ ผมก็ทําบุญอย่างน้อย ดีไม่ดีเปิดโรงเรียนสอนกสิน+กับวิปัสสานาไปเลย เด็กๆนักเรียนของผม ได้ฌาณ4แล้วใช้วิปัสสานา ตัดกิเลศไปเลยเป็นพระอรหันต์ ดีไม่ดี นักเรียนของผม จะเอาฌาณ8ไปเป็นอรหันต์ พร้อมปฏิสัมภิทัปปัตโต
ช่วยเหลือพระพุทธศาสนาให้ฟุ่งเฟือง ดีไม่ดีทั้งโลกนับถือศาสนาพุทธ

ฆราวาส รถไม่ต้องใช้เหาะไปอย่างเดียว
สมมุตินักวิทย์ศาตร์ ฝึกอภิญญาแล้วได้นั่งสมาธิถามพรหม เทวดา หรือไม่ก็พระดู (ผมไม่รู้ว่าเค้าจะตอบไหม แต่ท่านมีเมตตาให้ความรู้น่าจะตอบ)

อ่อ ผมพึ่งนึกได้ กสินน้ำสามารถเสกสถานที่ให้เป็นน้ำได้ เช่นหน้าแล้งอย่าให้มีน้ำก็เสกไปเลย ฝนตกก็ได้ ช่วยเหลือชาวนา

แล้วผมอ่านมา กสินดินแยกร่างได้ แล้วผมก็คิดต่อดีไม่ดี แยกร่างส่วนหนึ่งช่วยเหลือผู้คน อีกส่วนหนึ่งนั่งสมาธิ อีกส่วนหนึ่งทํางานหาเงิน (ผมไม่รู้ว่าได้ไหมเพราะผมไม่เคยได้ชาตินี้) ถ้าได้ก็คงดี ทําหลายๆอย่างในเวลาเดียวกัน

อ่อฤทธินี่ต้องเอาฌาณจิตผมก็บริสุทธิ์ไปอีก บารมีก็จะเต็มง่านๆ หาเงินจากกสิน 1. ทาน ได้เงินจากกสิน 2.อดทนอนมั่น เพื่อบําเพ็ญเพียร จะกดกิเลศด้วยฌาณ 3.ขันติ รวมไปข้อสองแล้ว 4. จิตใจที่อยากออกบวช อันนี่ไม่ต้องไปบวชกาย บวชใจเข้าสู่เป็นพระอริยเจ้าได้ง่าย (เพราะกําลังฌาณ4มีแรงมาก+กับวิปัสสสานาไปด้วย)

เท่าที่ผมเห็นก็มีสี่ข้อ แต่ผมไม่แน่ใจว่า เพิ่มได้ไหม 5.อธิฐานบารมี 6.เมตตาบารมีเพราะบางคนใช้กสินช่วยคน 7.ศีลเพราะคนที่จะมีอภิญญาได้ต้องมีศีล

อีกสามข้อก็อุเบกขา ปัญญา กับ สัจจะ อันนี้ผมไม่รู้ แต่ปัญญาน่าจะเป็นสัมมาทิฐิเอาฌาณไปตัดกิเลศ สัจจะก็อาจจะ พอได้ฌาณ4 ตั้งสัจจะว่า ถ้าจะตายยังไงถ้ายังไม่สุ๋พระนิพพานก็ขอตายเสีย (เข้าฌาณ4+กับวิปัสสานาไปด้วย)ถ้าลืมวิปัสสานา ก็ไปเป็นพรหม ค่อยฟังธรรมตอนเป็นพรหมแล้วบรรลุอรหันต์

อุเบกขาอันนี้ผมไม่รู้อะครับ
อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ และเสื่อมสลายไป

ballbeamboy2, 23 กุมภาพันธ์ 2012

#1

Saber เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

8 มิถุนายน 2010

โพสต์:

5,941

กระทู้เรื่องเด่น:

19

ค่าพลัง:

+11,819

ยากครับ ถ้าฝืน กรรม แห่ง กรรม เสื่อมหมดครับ

กรรมใคร กรรม มัน ใครทำอะไรไว้ ต้องได้รับผลกรรม

ถ้า วางกำลังใจเป็นกลางไม่ได้ เอาไปใช้สนอง กิเลสตัวเอง ฝึก สมาธิ ฌาน ไป ใช้ไม่ออก ใช้ไม่ได้หรอก

ไม่งั้น พวก ฤาษี โยคี พวก สำเร็จ กสิน คง รวย กันไปหมดละครับ

วิธีฝึกกสิน เข้าไปอ่านเลยครับ

คู่มือปฏิบัติ

โดย พระราชพหรมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ)

http://www.palungjit.org/smati/k40/index.htm

.

แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 กุมภาพันธ์ 2012

กดเบาๆ สิ้นพระพุทธศาสนาเมื่อไร ก็สิ้นชาติเมื่อนั้น
https://palungjit.org/threads/สิ้นพระพุทธศาสนาเมื่อไร-ก็สิ้นชาติเมื่อนั้น.518653/

Saber, 23 กุมภาพันธ์ 2012

#2
Saber เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

8 มิถุนายน 2010

โพสต์:

5,941

กระทู้เรื่องเด่น:

19

ค่าพลัง:

+11,819

มนุษย์ควรคล้อยตามธรรมชาติ ไม่ควรฝืนธรรมชาติ

tamsak said: ↑

ถาม : หน้าฝน ฝนตกมากน้ำจะท่วม ผมไม่ได้หยุดฝน แต่ผมจะทำให้ฝนชลอ ตกเป็นช่วงๆ ไม่ให้มาก ถ้ามากแล้วน้ำจะท่วม เพราะพื้นที่จะระบายไม่ทัน ไม่ทราบว่าจะไปรอดไหมครับ ?

ตอบ : ก็ขึ้นอยู่ว่าคุณทำได้จริงไหม ? อย่างนี้จริงๆ ก็เป็นแค่ know how เอาไว้ก่อน แล้วต้องมีการทดสอบเพื่อยืนยันผล แล้วผลที่ยืนยันจะเป็นผลแล็ปไม่ได้ ต้องเป็นของจริงด้วย ถ้าหากว่าของคุณเอาเขาไปพิสูจน์ไม่ได้ ก็ไม่รอดหรอก ความคิดดี มีโอกาสเป็นไปได้ ต้องลองดูก่อน นี่แหละ...คือสิ่งที่คุณจะเริ่ม ฝืนกฎของกรรม ลองดูก็แล้วกัน

ถาม : ผมไม่ได้ฝืนมากครับ ผมฝืนนิดหนึ่ง

ตอบ : นิดหนึ่งก็แค่ทั่วกรุงเทพฯ ไม่มากหรอก ๑๐ กว่าล้านคน คือถ้าเขาเคยกระทำสิ่งที่เป็นโทษมา ถึงเวลาเขาก็ต้องลำบากเดือดร้อน ลองดูก็แล้วกัน ถ้าหากว่าทำไปแล้วมีแต่คนขวางรอบข้าง แสดงว่าสิ่งนั้นยังไม่สมควร ถ้าทำไปแล้วมีแต่คนสนับสนุนก็สมควรทำแล้ว

ถาม : พอรู้จริงๆ ว่าเป็นกฎแห่งกรรม กฎนี้ห้ามทำ กฎนี้ห้ามละเมิด

ตอบ : ไม่ได้ว่าอะไร บอกให้ไปทำเลย เพียงแต่บอกให้รู้ว่า จริงๆ แล้วไปฝืนเรื่องของธรรมชาติเขา ธรรมชาติเขาให้คล้อยตาม เขาไม่ให้ไปขัดขวาง

ถาม : คนที่เขาโดนน้ำท่วม แสดงว่าเขาเคยทำกรรมมา ?

ตอบ : จะต้องมีกรรมที่เป็น อทินนาทาน มาแน่นอนเลย

ถาม : ถ้าหากว่าเราไม่เคยทำ สมมติว่าจะโทษมีเหตุร้าย ?

ตอบ : เอาอย่างนี้ จะยกตัวอย่างให้ฟัง คือ หลวงตาปรีชา แกไปจำพรรษาที่ วัดถ้ำสุมะโน พัทลุง วัน นั้นน่ะน้ำท่วมหาดใหญ่ แกดันทะลึ่งคิดจะไปเยี่ยมโยมน่ะ แล้วแกก็ไปติดอยู่ ๕ วัน ยังดีที่กรรมน้อยหน่อย ห้องที่โยมเขายกให้ มีตู้เย็นมีอาหารเต็มตู้พอดีเลย แต่ก็ติดอยู่ ๕ วัน ตอนที่รถลอยตุ๊บป่องทั้งหาดใหญ่นั่นแหละ

ถาม : ผมไม่เข้าใจครับ ผมเรียนทางโลกมา ฝรั่งเขาคิดว่า อะไรที่ต้องแก้ต้องแก้ทุกอย่าง ไม่ได้สนใจ แต่ถ้าคนไทยคิดว่ากฎแห่งกรรม ไม่ต้องไปแก้มัน ทุกอย่างไม่แก้ๆ ก็ไม่ไปไหนสิครับ ?

ตอบ : ก็บอกว่าลองดูได้ ถ้าหากว่าสำเร็จก็แปลว่าสมควรแล้ว ถ้าหากว่าไม่สำเร็จก็แปลว่าไม่สมควร ก็แค่นั้นเอง ไม่ได้ค้านนี่หว่า บอกให้ลองเสียด้วยซ้ำไป

ถาม : กรรมที่ว่าบ้านพัง ของหายบ่อยๆ นี่ ?

ตอบ : อทินนาทาน ทั้งนั้นแหละจ้ะ พวกทรัพย์สินสูญหาย หรือว่าโดนภัยธรรรมชาติ พวกนี้เป็นเศษกรรมจากอทินนาทาน

ถาม : แล้วกรรมพวกหลงทางไปไหนไม่ถูก ลืมง่าย ?

ตอบ : เจตนาชี้ทางผิดให้คนอื่นหรือเปล่า ?

สนทนากับพระเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
เดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๔๖ (ต่อ)
ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ

.
Click to expand...

กดเบาๆ สิ้นพระพุทธศาสนาเมื่อไร ก็สิ้นชาติเมื่อนั้น
https://palungjit.org/threads/สิ้นพระพุทธศาสนาเมื่อไร-ก็สิ้นชาติเมื่อนั้น.518653/

Saber, 23 กุมภาพันธ์ 2012

#3
Saber เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

8 มิถุนายน 2010

โพสต์:

5,941

กระทู้เรื่องเด่น:

19

ค่าพลัง:

+11,819
คนที่ทำได้ถ้าไปใช้ผิดมันจะเสื่อม

Phanudet said: ↑

ถาม : ฝึกกสิณอันตรายไหมคะ ?

ตอบ : ก็ดูว่าเราเองนี่สติสัมปชัญญะบกพร่องหรือเปล่า ถ้าบกพร่องไปได้กสิณไฟเดี๋ยวไปไล่เผาชาวบ้านเขาสนุกสนาน จริง ๆ แล้วคนที่ทำได้ถ้าไปใช้ผิดมันจะเสื่อม แต่ว่าในการเสื่อมลักษณะนี้ไม่นานหรอกพอเรารวบรวมกำลังใจได้มันก็ได้ใหม่ แต่ถ้าใช้ผิดอีกมันก็พังอีก

เพราะฉะนั้นถ้าถามว่าฝึกกสิณอันตรายไหม ? ก็ต้องดูอย่างหลวงพ่อท่านฝึกปฐวีกสิณ คือ กสิณดินแล้วก็ไปหัดเดินในน้ำ ปรากฏว่าก้าวลงไปร่วงตูมเลย อธิษฐานใช้ผิด ตอนนั้นถ้าว่ายน้ำไม่เป็นก็อันตราย (หัวเราะ) ถ้าว่ายน้ำเป็นก็ไม่เท่าไหร่ ท่านไปอธิษฐานว่าให้แม่น้ำทั้งสายแข็งตัว มันผิด เพราะว่าเรือแพต่าง ๆ สัญจรไม่ได้ ต้องอธิษฐานว่าน้ำทุกจุดที่เราเหยียบเท้าลงไปให้แข็งเหมือนแผ่นดินถ้าอย่างนั้นน่ะได้ ใช้ผิดหน่อยเดียวอาบน้ำเที่ยงคืนเลย (หัวเราะ) หนาวแทบแย่ ฤดูหนาวด้วย

หรือไม่ก็อย่างเจ้าจ๊อบเจ้าเมล์ลูกสาวพี่สามารถเขา ตอนนี้คงจะโตเป็นสาวแล้ว ตอนนั้นเรียนมัธยมอยู่มันแกล้งเพื่อน เข้าห้องน้ำได้ ห้องน้ำของวัดเขาจะทำรางน้ำยาว ๆ ทะลุถึงกันทุกห้องเลย เจ้านั่นเข้าไปถึงก็เพ่งน้ำ เพื่อนจ้วงลงไปเสียงดัง ก๊อง! แทนที่จะเป็นน้ำกลายเป็นน้ำเเข็งไปเลย เด็ก ๆ มันเล่นกันสนุก จะตักน้ำล้างก้นมันไม่ให้ล้างน่ะ (หัวเราะ) แกล้งทำให้น้ำแข็งซะ

ถาม : ฝึกกสิณกับฝึกอานาปานสติอย่างไหนเร็วกว่ากันครับ ?

ตอบ : จริง ๆ แล้วฝึกกสิณมันมีภาพเป็นเครื่องจูงใจจะกำหนดได้ง่ายกว่า อานาปานสติเรากำหนดรู้ตามลมไปใช่ไหม ? บางทีรู้สึกว่ามันไม่เห็นภาพไม่เห็นอะไร สำหรับบางคนแล้วมันจะไม่ตรงกำลังใจเขา เพราะฉะนั้นต้องดูว่าตัวเองถนัดอย่างไหน ถ้าเราถนัดอย่างไหนอย่างนั้นเราจะได้เร็ว ดังนั้นถามว่าอันไหนมันจะได้ผลเร็วกว่ากันหรือว่าคล่องตัวกว่ากัน ก็ต้องลองดูว่าเราชอบเราถนัดแบบไหน

ถาม : สมมุติว่าได้มาแล้วเสื่อมเร็ว ?

ตอบ : ได้มาแล้วเสื่อมเร็วก็ต้องหัดให้ให้คล่องตัว ถ้าใช้จนคล่องตัวนึกเมื่อไหร่ได้เมื่อนั้น โอกาสเสื่อมยากยกเว้นเราไปใช้ผิด ใช้ผิดประเภทโดนลงโทษคิดอยากจะช่วยเขาอยู่เรื่อย

พวกเราส่วนใหญ่แล้วมันติด ...ใช่ไหม ? นิสัยเห็นเขาแล้วอดสงสารไม่ได้ เห็นเขาลำบากโดยไม่ได้ดูซะก่อนว่าเขาลำบากเพราะทำกรรมอะไรมา ถึงเวลาก็ลุยไปช่วยเลยมันก็เป็นการฝืนกฏของกรรม ถ้าฝืนกฏของกรรมวิชาเสื่อมไปจนกว่าจะรวบรวมกำลังใจได้ใหม่อีก การใช้ฤทธิ์ใช้อภิญญาสำคัญตรงต้องยอมรับกฏของกรรม ตราบใดที่จิตยังไม่ยอมรับกฏของกรรมจริง ๆ มันจะต้องไปฝืนนี้เราไม่สามารถใช้ได้เต็มที่หรอก

บางคนก็แปลกใจขนาดฝึกกสิณมาแท้ ๆ แต่ใช้ได้นิดเดียว คือ ถ้ายังไม่ยอมรับกฏของกรรมจริง ๆ ใช้ยาก โดยเฉพาะพวกฤทธิ์พวกอภิญญาสำหรับนักปฎิบัติแล้วนะ ท่านให้ใช้ส่วนของธรรมะเท่านั้นไม่ใช่สำหรับตัวเอง ตัวเองต้องยอมรับกฏของกรรมเป็นปกติจึงสามารถเข้าถึงมรรคผลได้

ถาม : แสดงว่าใช้กรรม ...?

ตอบ : จริง ๆ แล้วก็คือว่า มีหรือไม่มีมันก็เท่ากันนั่นแหละ มีมันดีตรงที่กำลังใจมันเข้มแข็งทำให้อาศัยกำลังตัวนั้นตัดกิเลสได้ง่ายแต่ถ้าเผลอก็ติดแหง็กอยู่แค่นั้น

สนทนากับพระเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
เดือนกรกฏาคม ๒๕๔๔
ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ

http://palungjit.org/threads/ฝึกกสิณอันตรายไหม.127311/
Click to expand...

การใช้ฤทธิ์ใช้อภิญญาสำคัญตรงต้องยอมรับกฏของกรรม ตราบใดที่จิตยังไม่ยอมรับกฏของกรรมจริง ๆ มันจะต้องไปฝืนนี้เราไม่สามารถใช้ได้เต็มที่หรอก
กดเบาๆ สิ้นพระพุทธศาสนาเมื่อไร ก็สิ้นชาติเมื่อนั้น
https://palungjit.org/threads/สิ้นพระพุทธศาสนาเมื่อไร-ก็สิ้นชาติเมื่อนั้น.518653/

Saber, 23 กุมภาพันธ์ 2012

#4
Saber เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

8 มิถุนายน 2010

โพสต์:

5,941

กระทู้เรื่องเด่น:

19

ค่าพลัง:

+11,819

ฝึกกรรมฐานแบบไหนถึงจะตรงกับเรามากที่สุด

Phanudet said: ↑

ถาม : เราจะทราบได้ยังไงว่าเราต้องฝึกกรรมฐานแบบไหนถึงจะตรงกับเรามากที่สุด ?

ตอบ : เอาคู่มือปฏิบัติกรรมฐานบูชาหน้าหิ้งพระเลย จุดธูปอธิษฐานชอบอันไหนเอาอันนั้น ถ้าชอบเยอะก็เอาอันที่ชอบที่สุด เพราะอันที่ชอบที่สุดก็คือ เราเคยทำมามากที่สุดแล้วก็เริ่มลุยเลย

ถาม : ตอนนี้ที่ทำอยู่ก็คือวาโยกสิณ ?

ตอบ : วาโยกสิณ ก็ง่ายดีจับลมหายใจเข้าออกตัวเอง เพียงแต่นึกภาพให้เห็นเท่านั้น

ถาม : แล้วภาพนี่ต้องเป็นภาพเดียวกันตลอดมั้ยคะ ?

ตอบ : ไม่จำเป็น เพราะว่าขึ้นอยู่กับกำลังใจของเรา บางทีมันก็ชัดเจน บางทีมันก็ไม่ชัด บางทีก็มัว บางทีก็ใส ตอนไหนกำลังใจกิเลสเกาะเยอะ มัวๆ ก็ช่างมัน เรามีหน้าที่ประคับประคองไว้ มันจะมั่วก็เอาทั้งมั่ว นั่นแหละ พอกำลังใจทรงตัวมันก็ดีขึ้นเอง

เรื่องของกสิณเรื่องเป็นเรื่องของคนที่ฝึกแรกเริ่ม มโนมยิทธิข้ามมาถึงตรงจุดนี้ใช้ผลของกสิณแล้ว กสิณทั้งหมดมันก็กลายเป็นของเด็กเล่นไปคือ เรารู้จักนิพพานแล้วมันก็ผู้ใหญ่เต็มตัวแล้ว ไม่ต้องไปเล่นของเด็กๆ เกาะนิพพานเอาไว้ดีกว่า

ถาม : จะไปฝึกเขาบอกว่าไม่ต้องฝึก ?

ตอบ : ไม่ต้องหรอก อาตมาก็ยืนยันว่าไม่ต้อง ถ้าหากว่าเราทำกำลังใจของเราในด้านมโนมยิทธิไปเรื่อย เกาะพระไปเรื่อยๆ เดี๋ยวพอเวลากำลังใจมันทรงตัวของเก่ามันมาทั้งหมดเอง ตอนนี้ที่เราไม่สามารถจะใช้อภิญญาเต็มที่ได้ทั้งๆ ที่อดีตเราเคยทำมาแล้วเพราะว่า เรายังไม่ยอมรับกฎของกรรมอย่างจริงจัง อภิญญานี่ถ้าเต็มสภาพเต็มกำลังของมันนี่มันฝืนกฎของกรรมได้ เห็นคนเจ็บไข้ได้ป่วยมาคิดให้เขาหายเขาก็หาย เห็นคนเป็นง่อยมา แขนขาดขาขาด คิดให้เขามีแขนมีขาให้มันหายง่อยมันหายเดี๋ยวนั้นเลย เพราะเป็นการอธิษฐานอำนาจของกสิณโดยเฉพาะธาตุ ๔

คราวนี้พวกเราถ้าไม่ยอมรับกฎของกรรม เห็นปั๊บสงสารช่วยเขา จะทำเอากฎของกรรมอลเวงไปหมด เพราะว่าเราลืมดูไปว่าเขาเป็นอย่างนั้น เพราะอดีตทำอะไรมา เขาก็มีกรรมที่จำเป็นที่เขาจะต้องรับ ดังนั้นว่า ถ้าตราบใดที่เรายังไม่ยอมรับกฎของกรรมอย่างจริงจังนี่ โอกาสจะใช้อำนาจอภิญญาได้เต็มที่อย่างอภิญญาใหญ่นั้นอย่าหวังเลย โดนล๊อคหมด จะได้โล่งใจซะที ไม่งั้นมัวจะคิดอยู่นั่นล่ะ เอ๊ะ...ทำได้ขนาดนี้อภิญญาไม่เกิดซะที เกิดเมื่อไหร่บรรลัยเมื่อนั้นล่ะ โดยเฉพาะพวกเรา พวกเรามันเชื้อสายพุทธภูมิเก่า พุทธภูมิคือผู้ที่ตั้งใจจะเป็นพระพุทธเจ้า คนที่ตั้งใจจะเป็นพระพุทธเจ้านี่ คนอื่นลำบากแค่ไหนตัวเองก็ยอมช่วยเขา ช่วยเขาโดยไม่เห็นแก่ความลำบากของตัวเอง

ในเมื่อทำในลักษณะนั้นมันจะเผลอไปฝืนกฎของกรรม ลองดูซิพอได้แล้วลองไปช่วยใครเข้าซักยกหนึ่งซิเดี๋ยวมันก็เสื่อม นี่ไม่ใช่กำลังใจเราเสียเอง บางทีท่านตัดผลมันไปดื้อๆ ต่อให้จับภาพกสิณได้ชัดเจนแจ่มใสโตเต็มฟ้าเลย ขยายให้ใหญ่ก็ได้ ให้เล็กก็ได้ ให้มาเมื่อไหร่ก็ได้ ให้หายไปเมื่อไหร่ก็ได้ ใช้อะไรไม่ได้หรอก ถ้าหากไปฝืนกฎของกรรม

ถาม : หมายความว่าต้องมีกำลังใจมั่นคงใช่มั้ยคะ ?

ตอบ : ถ้ากำลังใจไม่มั่นคงนี่ไม่ได้รับประทานหรอก ถ้ายิ่งปฏิสัมภิทาญาณ นี่ยิ่งหนักเลย เพราะว่าอำนาจของปฏิสัมภิทาญาณนี่ สามารถคุมได้ทั้งสุกขวิปัสสโก คือผู้ที่ปฏิบัติเรียบๆ แล้วบรรลุมรรคผลไป เตวิชโช คืิอผู้ที่ปฏิบัติแล้วมีความสามารถพิเศษ ๓ อย่าง ฉฬภิญโญ คือผู้ที่ปฏิบัติแล้วได้อภิญญา ๖ ปฏิสัมภิทาญาณจะคลุมได้หมด ความสามารถเหมือนเขาหมด เก่งกว่าเขาด้วย แล้วมีความสามารถเหนือขึ้นไปอีก ๔ อย่างคือ ธัมมาปฏิปทาสัมภิทา คือรู้เหตุทุกอย่าง อัตถปฏิสัมภิทา รู้ผลทุกอย่าง แล้วก็ ปฏิภาณปฏิสัมภิทามีปฏิภาณว่องไวมากไม่ว่าใครเขาจะไล่ต้อนจะถามท่าไหนไม่เคยจนแต้ม นิรุกติปฏิสัมภิทา รู้ทุกภาษาทั้งในโลกนี้และโลกอื่น

เพราะฉะนั้นว่ายิ่งมาก็ยิ่งใช้ยากขึ้นๆ น่ะ แต่ถ้าเรารู้จักควบคุมกำลังใจของเราให้ยอมรับกฎของกรรมมันก็จะใช้ได้บ้างไม่มาก สมัยที่อยู่วัดท่าซุง ครูบาอาจารย์ที่เป็นพระอริยเจ้าโดยเฉพาะพระอรหันต์วัดท่าซุงนี่ตั้งแต่ตั้งวัดมาสมัยหลวงปู่ใหญ่จนกระทั่งถึงปัจจุบัน สมัยหลวงพ่อเล่ง หลวงพ่อไล้ ยังไม่นับหลวงพ่อของเรามีพระอรหันต์ต่อเนื่องกันมา ๗๒ องค์ด้วยกัน ระยะเวลา ๒๐๐ กว่าปีมีพระอรหันต์ต่อเนื่องกันมา ๗๒ องค์ไม่เคยขาดเลย

ในเมื่อเป็นในลักษณะดังนี้เวลาพระปฏิบัติก็จะมีท่านทั้งหลายเหล่านี้มาช่วย อย่างของอาตมานี่ หลวงปู่ขนมจีน ท่านคุมแจเลย เพราะว่าโดนท่านเฉ่งก่อนถือว่าเป็นลูกคนโต ท่านเลยตามเฆี่ยนตามตีตลอด เมื่อฝึกมโนมยิทธิก็ดี ฝึกกรรมฐานอื่นๆ ก็ดี เสร็จแล้วเราจะไปคุยผลกัน

สนทนากับพระเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
เดือนมีนาคม ๒๕๔๕
ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ

ที่มา http://palungjit.org/threads/ฝึกกรรมฐานแบบไหนถึงจะตรงกับเรามากที่สุด.147879/
Click to expand...

กดเบาๆ สิ้นพระพุทธศาสนาเมื่อไร ก็สิ้นชาติเมื่อนั้น
https://palungjit.org/threads/สิ้นพระพุทธศาสนาเมื่อไร-ก็สิ้นชาติเมื่อนั้น.518653/

Saber, 23 กุมภาพันธ์ 2012

#5
Saber เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

8 มิถุนายน 2010

โพสต์:

5,941

กระทู้เรื่องเด่น:

19

ค่าพลัง:

+11,819

ลังจิตหยั่งรู้ กฏแห่งกรรม เหยื่อสึนามิ โดยพระอรหันต์

WebSnow said: ↑

พลังจิตหยั่งรู้ กฏแห่งกรรม เหยื่อสึนามิ โดยพระอรหันต์

เมื่อวันจันทร์ ที่ 3 มกราคม 2548 ...

ผมได้มีโอกาสไปกราบและได้สนทนาธรรมกับหลวงพี่เล็ก ลูกศิษย์หลวงปู่ฤาษีลิงดำ และก่อนลากลับ ได้ถามเรื่องเหยื่อสึนามิกับท่าน
ท่านเมตตาตอบว่า พวกคนที่ตาย ครั้งนี้ทำกรรมมา คือเมื่อในอดีตชาติ ได้ร่วมมือกัน ไปตีบ้านเมืองคนอื่น และได้ไปทลายพังฝ้ายกันน้ำ ปล่อยน้ำเข้าไปพังเมืองไปฆ่าเขา กรรมตัวนี้เลยส่งผลมาในชาตินี้

และท่านยังเมตตาตอบเพิ่มเติ่มว่า ที่ประเทศพม่าคนตายเยอะมากๆ
แต่รัฐบาลเผด็จการปิดข่าว ข่าวที่ออกเลยตายไม่กี่สิบคน

บัวใต้น้ำ "ส่วนเรื่องว่า ท่านสามารถหยั่งรู้เหตุการณ์ครั้งนี้หรือไม่ หรือว่า รู้แล้วบอกในแวดวงคนสนิท หรือไม่ ?"

หลวงพี่เล็ก ท่านเมตตาตอบว่า " เรื่องแบบนี้ บอกไมได้หรอก มันฝืนกฏของกรรม เต็มที่ถ้าสนิทกันจริงๆ ก็แค่แนะนำได้ว่า อย่าไปที่นั้นเลย"

ปล... ถ้าผิดพลาดประการใด ขออภัยด้วยน่ะครับ (โดย คุณบัวใต้น้ำ)
Click to expand...

หลวงพี่เล็ก ท่านเมตตาตอบว่า " เรื่องแบบนี้ บอกไมได้หรอก มันฝืนกฏของกรรม เต็มที่ถ้าสนิทกันจริงๆ ก็แค่แนะนำได้ว่า อย่าไปที่นั้นเลย"

กดเบาๆ สิ้นพระพุทธศาสนาเมื่อไร ก็สิ้นชาติเมื่อนั้น
https://palungjit.org/threads/สิ้นพระพุทธศาสนาเมื่อไร-ก็สิ้นชาติเมื่อนั้น.518653/

Saber, 23 กุมภาพันธ์ 2012

#6
Saber เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

8 มิถุนายน 2010

โพสต์:

5,941

กระทู้เรื่องเด่น:

19

ค่าพลัง:

+11,819

[FONT=&quot]Copy ที่มา http://www.baansuanpyramid.com/inde...gory=baansuanpyramidcom&thispage=1&No=1394778

จากเวปนี้

เมื่อวานนี้ เลยลองถามเรื่องภัยพิบัติ ท่านแต่ผมก็ไม่อยากถามมาก เพราะเป็นเรื่อง[/FONT]
[FONT=&quot]ของอนาคต หลวงพ่อฤาษี ท่านว่าปีหน้า จะรุนแรงมากกว่านี้ ช่วงต้นปี [/FONT]

[FONT=&quot]วันอาทิดตย์ ที่ผ่านมา หลวงพี่เล็ก วัดท่าขนุน บอกว่า ปีหน้าฤกษ์เป่ายันต์เกราะเพชร[/FONT]
[FONT=&quot]มาเร็ว คือ เดือน มกราคม ในวันที่ [/FONT][FONT=&quot]28 ม.ค. 2555 [/FONT]
[FONT=&quot]ท่านว่า เบื้องบน จัดมาเร็ว แสดงว่า เหตุการ์ น่าจะหนักพอสมควร [/FONT]

[FONT=&quot]( คำพูดของหลวงพี่เล็ก) [/FONT]

หลวงพี่เล็ก พูดว่า พวกเราส่วนใหญ่ ลงมาเกิดก่อน เวลา
ดังนั้น ก่อนจะลงก็ต้องไปขออนุญาต ผู้ใหญ่ก่อน

คือ ท่านปู่พระอินทร์ และท่านย่า

เมื่อลงมาเกิดก่อน ก็ต้องมีคนคอยคุม

เช่น อายุ เท่านี้ จะต้องเจอ อย่างนี้ ไปสถานที่นี้ ได้อ่านเจอหนังสือ เล่มนี้ ธรรมะหัวข้อนั้น เจอครูบาอาจารย์คนนั้น
หรือ มีบางคน ที่ได้รับหน้าที่ให้ลงมาเกิด เช่น พวกที่เก่งอภิญญา มาช่วยงานพระศาสนา
ช่วยเวลาเกิดภัยพิบัติ
พวกเราส่วนใหญ่ อย่างน้อยเคยรบในสงครามกับหลวงพ่อฤาษี ไม่ต่ำกว่า 3 ครั้ง ทำให้ ต้องเจออะไร หนักพอสมควร

หลายคน ก็ปรารถนาพุทธภูมิ ส่วนใหญ่มาก่อน

พระสายหลวงพ่อฤาษี ท่านจึงไม่เน้นทำด้าน อยู่ยงคงกระพัน เพราะถ้าทำ กำลังใจของพวกเรา จะลุย ถ้าเดียว ไม่กลัวใคร

ถ้าทำรุ่นคงกระพันออกมา อย่างน้อย จะให้มีจุดอ่อน 2 ที่ คือ ข้อมือ และข้อ เท้า

ตัวอาตมา (หลวงพี่เล็ก) หลวงพ่อฤาษี บอกว่า เล็ก เอ็ง เป็นทหารมา ทุกชาติ ฆ่าเค้าไว้เยอะ

ให้ไปปล่อยสัตว์ที่จะถูกฆ่า ปล่อยปลา อย่างน้อย เดือนละ1-2 ตัว

อาตมา ก็ทำตามที่ท่านสั่ง ทุกเดือน กะว่าจะไปซื้อมาปล่อยซัก 1-2 ตัว
แต่พอไปถึง เจอปลามันทำตาปลิบๆ ก็ต้องเหมาทั้งกะลังมัง
ปล่อยแต่ละที แทบจะเหมาทั้งตลาด ( หัวเราะ)

ปล่อยมาทุกเดือน ได้ 18 ปี พึ่งจะมาเจอ ยาดี หมอดี
ฉนั่น เราทำอะไรๆ ก็ต้องทำจริงจัง สม่ำเสมอ ทุกเวลาและวาระมาถึง
ทุกอย่างก็จะดีขึ้นเอง

ประเทศไทย จะเริ่มดีขึ้น ตอนปี พ.ศ. 2556 เป็นต้นไป

แต่ จะดีขึ้น แบบเข็นครกขึ้นภูเขา
ราชวงศ์จักรี จะไม่มีถึงแค่รัชกาลที่10 หรอก ราชวงศ์นี้

จะมีหลายรัชกาลยาวนานนะ ถ้าไม่เชื่อก็ ลงมาเกิดอีกรอบดู

จนหลายประเทศ เห็นแบบอย่างในการปกครอง โดยธรรม ทศพิธราชธรรม
จึงเอาเป็นแบบอย่างบ้าง

ท่านที่ภาวนาคาถาเงินล้าน อย่างต่ำให้เอา 108 จบ เป็นเกณฑ์

เพราะ เศรษฐกิจ ไม่ได้แย่แค่ประเทศไทย แต่เป็นทั้งโลก

เวลาภาวนา ก็ ทำด้วยความเคารพ ทำเพื่อเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา

ไม่ใช่ กูจะต้องรวย กูจะเอานั่นเอานี่ ทำช้าๆ ไม่ใช่ จ้ำเอาๆ ให้จบไวๆ

เน้นที่คุณภาพ ไม่ใช่ปริมาณ

เรื่องของคาถาต่างๆ เป็นบาทของอภิญญา ถ้าจะให้เห็นผล
ต้องทำให้จริงจัง และสม่ำเสมอ

เน้น จริงจังและสม่ำเสมอ

( เดี๋ยว จะมา อัพข้อมูลเพิ่ม ครั้งต่อไป นะครับบบ ^ ^ )

[FONT=&quot]ผมได้ถวาย องค์พีระมิดจำลองรุ่นบุปผามาลี ซึ่งมี อยู่ แค่องค์เดียว กับหลวงพี่เล็ก [/FONT]
[FONT=&quot]ไว้ในที่บ้านวิริยะบารมี เพื่อให้เกิดประโยชน์ ต่อส่วนรวม [/FONT]

[FONT=&quot]เลยลองถามท่าน เพื่อให้เป็นธรรมาทานกับคนอื่นๆ [/FONT]
[FONT=&quot]ว่า พีระมิดองค์นี้จะมีประโยชน์ มากมั้ย ครับ[/FONT]

[FONT=&quot]ท่านตอบ[/FONT][FONT=&quot] ถ้าจะให้ดีกว่านี้ ต้องทำ เท่าโบสถ์ แล้วให้ญาติโยม[/FONT]
[FONT=&quot]ไปอยู่ข้างใน [/FONT]
[FONT=&quot]ทำกรรมฐาน[/FONT][FONT=&quot] แล้วท่านก็หัวเราะ ..... [/FONT]

[FONT=&quot]เมื่อวานที่ฝึกมโนมยิทธิ[/FONT][FONT=&quot] เลยลองถามเรื่อง พระศรีอารย์ กับหลวงพ่อฤาษี [/FONT]
[FONT=&quot]เชิญท่านท้าวเวสสุวรรณมาข้างๆ ด้วย [/FONT]

[FONT=&quot]เลยขออนุญาต ถามหลวงพ่อ ว่า เรื่องนี้ บางทีอาจไม่เหมาะสม [/FONT]
[FONT=&quot]ยังไม่ถึงเวลาที่จะรู้[/FONT]
[FONT=&quot]แต่ เห็นท่านท้าวเวสสุวรรณ บอกให้ตามหาพระศรีอารย์ [/FONT]
[FONT=&quot]เพื่อจะเกิดประโยชน์[/FONT]
[FONT=&quot]ต่อส่วนรวม[/FONT][FONT=&quot] ลูกขอขมาจริงๆ และขออนุญาตถาม ครับ [/FONT]
[FONT=&quot]แล้วแต่หลวงพ่อจะสงเคราะห์ [/FONT]

[FONT=&quot]ท่านว่า บอกไม่ได้[/FONT][FONT=&quot] เป็นความลับสุดยอดดดดดดดดด [/FONT]
[FONT=&quot]ผมเลย แอบถามน้องๆว่า[/FONT]

[FONT=&quot]ท่านลงมาเกิดแล้ว ใช่มั้ย [/FONT]

[FONT=&quot]น้องๆ บอกว่า[/FONT][FONT=&quot] ใช่ [/FONT]

[FONT=&quot] เป็น ผู้หญิง รึ ชาย น้องๆตอบบ ผู้หญิง [/FONT]

[FONT=&quot]ผมเลยถาม ว่า ใคร บอกได้มั้ย [/FONT]

[FONT=&quot]น้องๆ บอกว่า เป็นความลับสุดยอดด[/FONT][FONT=&quot] (ผมพาน้องฝึก แต่ น้องๆ2คน ยังเด็กเลยได้มโนมแจ่มใส ) [/FONT]

[FONT=&quot]ผมเลยลองแกล้งถาม ว่า พี่เจอท่านรึยัง [/FONT]

[FONT=&quot]น้องๆ ว่า เจอแล้ว [/FONT]

[FONT=&quot]ท่านเกี่ยวกับพีระมิด ที่พี่ไปบูชามาใช่มะ[/FONT][FONT=&quot] น้องๆว่า ใช่[/FONT]

[FONT=&quot]พีระมิดจำลองนี้มี พลังมากมั้ย น้องว่า มากกก [/FONT]

[FONT=&quot]แล้วถ้าเป็นรุ่นองค์สมเด็จองค์ปฐมล่ะ[/FONT][FONT=&quot] น้องๆว่า พลังมหาศาลลล [/FONT]
[FONT=&quot]ผมเลยย ยิ้มม มมมมม[/FONT]
[FONT=&quot] ว่า เป็น......... รึเปล่า น้องๆ บอกว่า ใช่ [/FONT]

[FONT=&quot]ผมว่า[/FONT][FONT=&quot] เอ้า ในว่าเป็นความลับไง ทำไม หลุดปากมาแล้ว 555+[/FONT]
[FONT=&quot] น้อง2คน เลยบอก เอ้าา เผลอ หลุด [/FONT]

[FONT=&quot]ตอนนั้น[/FONT][FONT=&quot] หลวงพ่อฤาษี ท่านเลยหัวเราะ [/FONT]

[FONT=&quot]ผมพูดกับตัวเอง ว่า กูไปเล่น โดนของสูง ซะแล้ววว[/FONT][FONT=&quot] ( คิดในใจ) [/FONT]

[FONT=&quot]เลยถามว่า ที่พี่ถามอย่างนี้ จะเกิดโทษ มากมั้ยครับ หลวงพ่อ[/FONT]

[FONT=&quot]เพราะเป็นเรื่องความลับสุดยอด จะบาปมากมั้ย [/FONT]

[FONT=&quot]หลวงพ่อว่า ไม่[/FONT][FONT=&quot] เพราะ สงสัย ก็ต้องถาม [/FONT]

[FONT=&quot]เลยถามว่า ถ้ามีคนเรียก อ. อุบล ช่วยด้วย ท่านมาช่วยมั้ย [/FONT]

[FONT=&quot]น้องตอบ มา [/FONT]
[FONT=&quot]ใครมาช่วยบ้าง [/FONT][FONT=&quot] น้องๆ ตอบ มาหมดเลยย ทั้งนิพพาน และทุกๆพระองค์[/FONT][FONT=&quot]ทั่วจักรวาลลลลล [/FONT]
[FONT=&quot]เลยถามต่อ[/FONT][FONT=&quot] เอ้า ถ้า ลองเรียกสมเด็จพ่อ (องค์ปฐม) ท่านมาช่วย[/FONT]
[FONT=&quot]หมดมั้ย น้องก็บอกว่า มาหมดเหมือนกันนน [/FONT]

[FONT=&quot]และก็เลย ลองถามเรื่องการสร้างพระใหญ่ชัยภูมิ[/FONT]

[FONT=&quot]เพราะจะไปทำ[/FONT][FONT=&quot]บุญ ร่วมสร้าง[/FONT] [FONT=&quot]ตอนเย็นนี้[/FONT]

[FONT=&quot]พระที่ใหญ่ที่สุดในโลก จะมีประโยชน์มากมั้ย [/FONT]

[FONT=&quot]ท่านว่า มากกก[/FONT]

[FONT=&quot]สร้างเสร็จแล้ว จะเกิดผลมากมั้ยครับ ท่านว่า ที่สุดดดดดดดดด[/FONT]

[FONT=&quot]( ผมเลยคิดในใจว่า พระใหญ่ที่สุดในโลก เมื่อสร้างเสร็จผลก็[/FONT]
[FONT=&quot]ต้องที่สุด เหมือนกัน) [/FONT]
[FONT=&quot]เลยถามต่อว่า[/FONT][FONT=&quot] จะเสร็จทันเวลาตามที่กำหนดมั้ยยย หลวงพ่อ [/FONT]

[FONT=&quot]ตอบ ทัน [/FONT]

[FONT=&quot]( เรื่องโครงการสร้างพระ มีหลายที่ทั่วประเทศไทย และประเทศอื่นๆ [/FONT]

[FONT=&quot]ที่เป็นพุทธประสงค์ ให้ช่วยสร้างเพื่อ บรรเทาภัยพิบัติ ครับ [/FONT][FONT=&quot]ติดตามได้ดูในกระทู้เรื่อง โครงการสร้างพระต่างๆ ที่โพสต์ไว้แล้ว)[/FONT]

[FONT=&quot]ผมเลยถามว่า ถ้าไปช่วยสร้าง ก็จะเกิดผลประโยชน[/FONT][FONT=&quot]?[/FONT]
[FONT=&quot]มากใช่มั้ย หลวงพ่อ [/FONT]

[FONT=&quot]หลวงพ่อ ตอบ ใช่ [/FONT]
[FONT=&quot]( เหมือนท่านตอบเรามาว่า อะไรที่ดีๆ ก็ทำเถอะลูก) [/FONT]

[FONT=&quot]และก็เรื่องอื่นๆ เล็กน้อยๆ จำไม่ได้แล้ว ครับ เราไม่กล้าถามมากก[/FONT]
[FONT=&quot]เกรงใจจ อาย +กลัว ด้วยยยย เพราะเรื่องบางอย่างยัง[/FONT]
[FONT=&quot]ไม่เหมาะที่จะถามเท่าไหร่ [/FONT]
[FONT=&quot]ตอนที่ ฝึกให้น้อง ครั้งแรก ถามสมเด็จองค์ปฐม หลายเรื่อง [/FONT]

[FONT=&quot]รู้สึกจะเป็นเรื่องส่วนตัว เยอะ[/FONT][FONT=&quot] เราถามให้คนอื่น เพื่อให้เค้าเกิด[/FONT]
[FONT=&quot]ศรัทธาและเปลี่ยนตัวเอง [/FONT]
[FONT=&quot]สมเด็จท่านเลยฝากน้องบอกว่า[/FONT][FONT=&quot] พี่วันนี้ ถามมากไปแล้วนะ [/FONT]

[FONT=&quot]( เอาเวลาถาม ไปปฏิบัติ ดีกว่า[/FONT])

[FONT=&quot]หลังจาก ครั้งนั้น มีเวลาขึ้นไปได้ เลยไม่กล้าถามท่านมาก [/FONT]

[FONT=&quot]จะถามเฉพาะเรื่องความบกพร่องของแต่ละคน เรื่องถ้าจะมา[/FONT]

[FONT=&quot]นิพพานชาตินี้ ต้องทำอย่างไรบ้าง [/FONT]

[FONT=&quot]สมเด็จ ท่านก็เมตตาตอบ ให้ทีละคน[/FONT][FONT=&quot] แต่รวมๆเนื่องจากน้องๆยังเด็ก [/FONT]
[FONT=&quot]เลยไม่เข้าใจภาษาทางธรรมเท่าไหร่[/FONT]

[FONT=&quot]แต่รวมๆ ท่านให้ ทำดี ทั้งทางกาย วาใจ และใจ ไม่ทำชั่วอีก [/FONT]

[FONT=&quot]ทาน ศีล(ท่านเน้นเรื่องนี้) ภาวนา สมาธิ ปัญญา[/FONT][FONT=&quot] คือ ทำดีให้[/FONT]
[FONT=&quot]หมดทุกอย่างลูก[/FONT]
[FONT=&quot]และก็มีอธิษฐานที่มั่นคง คือ นิพพานชาตินี้ที่เดียว [/FONT]
[FONT=&quot]ส่วนถามเรื่องอื่นๆ ก็ไม่มีอะไรมากครับ[/FONT][FONT=&quot] เสร็จแล้วก็ กราบขอขมา[/FONT]
[FONT=&quot]ทุกๆพระองค์[/FONT]
[FONT=&quot]และขอบคุณท่าน และอุทิศบุญกุศลทั้งหมดที่ทำให้ทุกๆพระองค์[/FONT]
[FONT=&quot]โมทนาและเป็นสักขีพยาน [/FONT]

[FONT=&quot]และ[/FONT][FONT=&quot] ปักใจมานิพพาน ที่เดียว ทุกๆพระองค์ท่านก็ยิ้ม และยกมือ[/FONT][FONT=&quot]สาธุ
[/FONT]

อ่านต่อที่เหลือตามลิ้งนี้

[FONT=&quot]http://www.baansuanpyramid.com/index.php?lay=boardshow&ac=webboard_show&WBntype=1&Category=baansuanpyramidcom&thispage=1&No=1394778
[/FONT]

แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 กุมภาพันธ์ 2012

กดเบาๆ สิ้นพระพุทธศาสนาเมื่อไร ก็สิ้นชาติเมื่อนั้น
https://palungjit.org/threads/สิ้นพระพุทธศาสนาเมื่อไร-ก็สิ้นชาติเมื่อนั้น.518653/

Saber, 23 กุมภาพันธ์ 2012

#7
ballbeamboy2 เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

29 สิงหาคม 2011

โพสต์:

1,622

ค่าพลัง:

+1,618

อ่อโคครับ ขอบคุณครับพี่Saber เข้าใจหละ แต่อย่าไปฝืนกฎแห่งกรรม
ผมเอากสินหาเงิน เลี้ยงตังเองช่วยตัวเองสอนกสินคนอื่น คนอื่นเห็นชอบด้วยก็คงไม่ไปฝืนกฎอะไรนั้น

อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ และเสื่อมสลายไป

ballbeamboy2, 23 กุมภาพันธ์ 2012

#8
Saber เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

8 มิถุนายน 2010

โพสต์:

5,941

กระทู้เรื่องเด่น:

19

ค่าพลัง:

+11,819

[FONT=&quot]เหตุใดต้องก่อสร้างถาวรวัตถุ…สู้เอาเวลาไปปฏิบัติไม่ดีกว่าเหรอ

เรื่องการก่อสร้าง
(จากหนังสือลูกศิษย์บันทึก หลวงพ่อฤาษีลิงดำ เล่ม 3 หน้า 1-2
บันทึกโดย พระปลัดวิรัช โอภาโส)

หลวงพ่อ เคยปรารภไว้ว่า….

การก่อสร้าง การเลี้ยงคน ต้องต่อสู้กับอารมณ์ทุกอย่าง ต้องใช้ปัญญา
ใคร่ครวญ ทำให้บารมีเต็มเร็ว
หลวงพ่อ พูดว่า “มาคิดว่าสมัยหนุ่ม ๆ บวชแล้ว มัวแต่สร้างวัดมากมาย
คิดแล้วเสียเวลา มาคิดว่า รู้อย่างนี้ไม่สร้างก็ดี เสียเวลา เอาเวลามานั่ง
ชำระจิต ตัดกิเลสอย่างเดียว ให้จบ ๆ ไป จะดีกว่า”
ปรากฏว่า….

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จมา ตรัสกับองค์หลวงพ่อว่า

“ไม่มีทาง…. ถ้าไม่ทำอย่างนี้ บารมีไม่เต็ม เมื่อบารมีไม่เต็ม การตัด
กิเลสก็ไม่มีผล”
ดังนั้น..

การทุ่มเทกับการก่อสร้างสมัยหนุ่ม ๆ แล้วก็หยุดสร้าง หันมาตัดกิเลส
จริงจัง นั่นแหละ

เพราะว่าบารมีเต็มแล้ว จิตใจก็พร้อมจะตัดกิเลส จึงเกิดผลรวดเร็วมาก
งานคันถธุระ ถ้าไม่เจอปัญหา จะมานั่งปฏิบัติอย่างเดียว บารมีไม่เต็ม
เจอปัญหามาก ๆ มันตัดของมันเอง แล้วจะเบา

การสร้างวัด ต้องเอาใจคนหลายประเภท บารมีเต็มเร็ว
การทำงานในวัด เป็นการตัดหวง ตัดนิวรณ์ เป็นกรรมฐาน
เป็นสมาธิขั้นฌาน
การทำงานเป็นพุทธานุสสติ เป็นธัมมานุสสติ เป็นสังฆานุสสติ

เป็นการทำงานเพื่อพระพุทธเจ้า และเพื่อการสงเคราะห์คนมาพัก
ฆราวาส ถ้าเขาเข้ามาพักวัด

เพื่อทาน เรา ก็ได้บุญ 1 ขั้น

เพื่อศีล เรา ก็ได้บุญ 2 ขั้น

เพื่อภาวนา เรา ก็ได้บุญ 3 ขั้น
ถ้าเขามาพักเยอะ เราได้เยอะ เขามาปฏิบัติ 3 อย่าง เราก็ได้ 3 ขั้น

มาเยอะได้เยอะ
มาเพื่อศีล สมาธิ ปัญญา ใครมาพักที่วัด บารมีเราก็เต็ม 3 อย่าง

คนบารมีเต็มจริง มันไม่กลัวอุปสรรค สู้ทุกอย่างไม่ท้อถอย

คนเบื่อร่างกาย ไม่ตัดกังวล ไปนิพพานไม่ได้

เบื่อร่างกาย ตัดร่างกาย ไปนิพพานได้

ที่มา http://www.baansuanpyramid.com/inde...gory=baansuanpyramidcom&thispage=1&No=1394778
[/FONT]

กดเบาๆ สิ้นพระพุทธศาสนาเมื่อไร ก็สิ้นชาติเมื่อนั้น
https://palungjit.org/threads/สิ้นพระพุทธศาสนาเมื่อไร-ก็สิ้นชาติเมื่อนั้น.518653/

Saber, 23 กุมภาพันธ์ 2012

#9
ballbeamboy2 เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

29 สิงหาคม 2011

โพสต์:

1,622

ค่าพลัง:

+1,618

[FONT=&quot]เหตุใดต้องก่อสร้างถาวรวัตถุ…สู้เอาเวลาไปปฏิบัติไม่ดีกว่าเหรอ

เรื่องการก่อสร้าง
(จากหนังสือลูกศิษย์บันทึก หลวงพ่อฤาษีลิงดำ เล่ม 3 หน้า 1-2
บันทึกโดย พระปลัดวิรัช โอภาโส)

หลวงพ่อ เคยปรารภไว้ว่า….

การก่อสร้าง การเลี้ยงคน ต้องต่อสู้กับอารมณ์ทุกอย่าง ต้องใช้ปัญญา
ใคร่ครวญ ทำให้บารมีเต็มเร็ว
หลวงพ่อ พูดว่า “มาคิดว่าสมัยหนุ่ม ๆ บวชแล้ว มัวแต่สร้างวัดมากมาย
คิดแล้วเสียเวลา มาคิดว่า รู้อย่างนี้ไม่สร้างก็ดี เสียเวลา เอาเวลามานั่ง
ชำระจิต ตัดกิเลสอย่างเดียว ให้จบ ๆ ไป จะดีกว่า”
ปรากฏว่า….

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จมา ตรัสกับองค์หลวงพ่อว่า

“ไม่มีทาง…. ถ้าไม่ทำอย่างนี้ บารมีไม่เต็ม เมื่อบารมีไม่เต็ม การตัด
กิเลสก็ไม่มีผล”
ดังนั้น..

การทุ่มเทกับการก่อสร้างสมัยหนุ่ม ๆ แล้วก็หยุดสร้าง หันมาตัดกิเลส
จริงจัง นั่นแหละ

เพราะว่าบารมีเต็มแล้ว จิตใจก็พร้อมจะตัดกิเลส จึงเกิดผลรวดเร็วมาก
งานคันถธุระ ถ้าไม่เจอปัญหา จะมานั่งปฏิบัติอย่างเดียว บารมีไม่เต็ม
เจอปัญหามาก ๆ มันตัดของมันเอง แล้วจะเบา

การสร้างวัด ต้องเอาใจคนหลายประเภท บารมีเต็มเร็ว
การทำงานในวัด เป็นการตัดหวง ตัดนิวรณ์ เป็นกรรมฐาน
เป็นสมาธิขั้นฌาน
การทำงานเป็นพุทธานุสสติ เป็นธัมมานุสสติ เป็นสังฆานุสสติ

เป็นการทำงานเพื่อพระพุทธเจ้า และเพื่อการสงเคราะห์คนมาพัก
ฆราวาส ถ้าเขาเข้ามาพักวัด

เพื่อทาน เรา ก็ได้บุญ 1 ขั้น

เพื่อศีล เรา ก็ได้บุญ 2 ขั้น

เพื่อภาวนา เรา ก็ได้บุญ 3 ขั้น
ถ้าเขามาพักเยอะ เราได้เยอะ เขามาปฏิบัติ 3 อย่าง เราก็ได้ 3 ขั้น

มาเยอะได้เยอะ
มาเพื่อศีล สมาธิ ปัญญา ใครมาพักที่วัด บารมีเราก็เต็ม 3 อย่าง

คนบารมีเต็มจริง มันไม่กลัวอุปสรรค สู้ทุกอย่างไม่ท้อถอย

คนเบื่อร่างกาย ไม่ตัดกังวล ไปนิพพานไม่ได้

เบื่อร่างกาย ตัดร่างกาย ไปนิพพานได้

[/FONT]
Click to expand...

พี่พูดถูกแล้ว แต่ผมคิดว่า คนส่วนใหญ่ไม่เชื่อนรกสวรรค์ เลยต้องหาสิ่งที่พวกเค้าพอคิดว่าเป็นไปไม่ได้ในวิทย์ศาตร์ พวกฤทธิไรมาหลอกล่อก่อน ให้ลองทําดู แล้วก็ค่อยเอนเอียง สั่งสอนความเป็นจริงแล้วให้เค้าพิสูจน์ดู จริงๆถ้าจะเชื่อศรัทธาแบบคนี้ก็ได้ก็ได้แบบว่า พระพุทธเจ้าเป็นคนดีใหญ่ที่สุดหละจะไปอยู่กับพระพุทธเจ้าที่แดนพระนิพพาน แล้วเข้าใจว่านิพพานคือสูญ (แต่ผมคิดว่าคนส่วนใหญ่ที่ศรัทธาแบบนี้คนไม่ใช้สูญ สูญจากกิเลศต่างหาก) ตัวผมเชื่อว่าต้องมีคนแบบนี้ เป็นแบบนี้คือศรัทธาจริต + กับพุทธจริต (ใช้ปัญญา) ก็เป็นจริตบวก ว่าพระพุทธเจ้าดียังไง จะไปนิพพานต้องทําไง(อย่างแรกมีศีลแน่นอน)

จริงๆถ้ามีคนมาสอนเข้านิพพานได้ แต่ไม่มีฤทธิผมก็เอานะแต่ขอมีฤทธิดีกว่า(ดีกว่าหมายถึงเข้านิพพาน+กับมีฤทธิด้วย) เห็นฤทธิแล้วรู้สึกดีเข้าใจทุกภาษาจะคุยกับใครก็ได้รู้ว่าคิดไรอยู่ ดีไม่ดีด่าพ่อเราอยู่รึเปล่า อ่อจริงๆ ผมชอบมีฤทธิ อ่าครับ บางคนอาจจะขอนิพพานอย่างเดียว ฤทธิไม่เอาขอนิพพาน อ่าครับ มันแตกต่างกันไปสุดท้ายก็นิพพานอยู่ดี

แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 กุมภาพันธ์ 2012

อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ และเสื่อมสลายไป

ballbeamboy2, 23 กุมภาพันธ์ 2012

#10
Saber เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

8 มิถุนายน 2010

โพสต์:

5,941

กระทู้เรื่องเด่น:

19

ค่าพลัง:

+11,819

WebSnow said: ↑

ถาม : ฝึกกสิณกับฝึกอานาปานสติอย่างไหนเร็วกว่ากันครับ ?

ตอบ : จริง ๆ แล้วฝึกกสิณมันมีภาพเป็นเครื่องจูงใจจะกำหนดได้ง่ายกว่า อานาปานสติเรากำหนดรู้ตามลมไปใช่ไหม ? บางทีรู้สึกว่ามันไม่เห็นภาพไม่เห็นอะไร สำหรับบางคนแล้วมันจะไม่ตรงกำลังใจเขา เพราะฉะนั้นต้องดูว่าตัวเองถนัดอย่างไหน ถ้าเราถนัดอย่างไหนอย่างนั้นเราจะได้เร็ว ดังนั้นถามว่าอันไหนมันจะได้ผลเร็วกว่ากันหรือว่าคล่องตัวกว่ากัน ก็ต้องลองดูว่าเราชอบเราถนัดแบบไหน

ถาม : สมมุติว่าได้มาแล้วเสื่อมเร็ว ?

ตอบ : ได้มาแล้วเสื่อมเร็วก็ต้องหัดให้ให้คล่องตัว ถ้าใช้จนคล่องตัวนึกเมื่อไหร่ได้เมื่อนั้น โอกาสเสื่อมยากยกเว้นเราไปใช้ผิด ใช้ผิดประเภทโดนลงโทษคิดอยากจะช่วยเขาอยู่เรื่อย

พวกเราส่วนใหญ่แล้วมันติด ...ใช่ไหม ? นิสัยเห็นเขาแล้วอดสงสารไม่ได้ เห็นเขาลำบากโดยไม่ได้ดูซะก่อนว่าเขาลำบากเพราะทำกรรมอะไรมา ถึงเวลาก็ลุยไปช่วยเลยมันก็เป็นการฝืนกฏของกรรม ถ้าฝืนกฏของกรรมวิชาเสื่อมไปจนกว่าจะรวบรวมกำลังใจได้ใหม่อีก การใช้ฤทธิ์ใช้อภิญญาสำคัญตรงต้องยอมรับกฏของกรรม ตราบใดที่จิตยังไม่ยอมรับกฏของกรรมจริง ๆ มันจะต้องไปฝืนนี้เราไม่สามารถใช้ได้เต็มที่หรอก

บางคนก็แปลกใจขนาดฝึกกสิณมาแท้ ๆ แต่ใช้ได้นิดเดียว คือ ถ้ายังไม่ยอมรับกฏของกรรมจริง ๆ ใช้ยาก โดยเฉพาะพวกฤทธิ์พวกอภิญญาสำหรับนักปฎิบัติแล้วนะ ท่านให้ใช้ส่วนของธรรมะเท่านั้นไม่ใช่สำหรับตัวเอง ตัวเองต้องยอมรับกฏของกรรมเป็นปกติจึงสามารถเข้าถึงมรรคผลได้

ถาม : แสดงว่าใช้กรรม ...?

ตอบ : จริง ๆ แล้วก็คือว่า มีหรือไม่มีมันก็เท่ากันนั่นแหละ มีมันดีตรงที่กำลังใจมันเข้มแข็งทำให้อาศัยกำลังตัวนั้นตัดกิเลสได้ง่ายแต่ถ้าเผลอก็ติดแหง็กอยู่แค่นั้น

ฉบับที่ ๑๓ เดือนมีนาคม พุทธศักราช ๒๕๔๘ - PaLungJit.com

ขอขอบคุณ
เว็ป กระโถนข้างธรรมาสน์

Click to expand...

บางคนก็แปลกใจขนาดฝึกกสิณมาแท้ ๆ แต่ใช้ได้นิดเดียว คือ ถ้ายังไม่ยอมรับกฏของกรรมจริง ๆ ใช้ยาก โดยเฉพาะพวกฤทธิ์พวกอภิญญาสำหรับนักปฎิบัติแล้วนะ ท่านให้ใช้ส่วนของธรรมะเท่านั้นไม่ใช่สำหรับตัวเอง ตัวเองต้องยอมรับกฏของกรรมเป็นปกติจึงสามารถเข้าถึงมรรคผลได้

กดเบาๆ สิ้นพระพุทธศาสนาเมื่อไร ก็สิ้นชาติเมื่อนั้น
https://palungjit.org/threads/สิ้นพระพุทธศาสนาเมื่อไร-ก็สิ้นชาติเมื่อนั้น.518653/

Saber, 23 กุมภาพันธ์ 2012

#11
Saber เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

8 มิถุนายน 2010

โพสต์:

5,941

กระทู้เรื่องเด่น:

19

ค่าพลัง:

+11,819

ballbeamboy2 said: ↑

พี่พูดถูกแล้ว แต่ผมคิดว่า คนส่วนใหญ่ไม่เชื่อนรกสวรรค์ เลยต้องหาสิ่งที่พวกเค้าพอคิดว่าเป็นไปไม่ได้ในวิทย์ศาตร์ พวกฤทธิไรมาหลอกล่อก่อน ให้ลองทําดู แล้วก็ค่อยเอนเอียง สั่งสอนความเป็นจริงแล้วให้เค้าพิสูจน์ดู จริงๆถ้าจะเชื่อศรัทธาแบบคนี้ก็ได้ก็ได้แบบว่า พระพุทธเจ้าเป็นคนดีใหญ่ที่สุดหละจะไปอยู่กับพระพุทธเจ้าที่แดนพระนิพพาน แล้วเข้าใจว่านิพพานคือสูญ (แต่ผมคิดว่าคนส่วนใหญ่ที่ศรัทธาแบบนี้คนไม่ใช้สูญ สูญจากกิเลศต่างหาก) ตัวผมเชื่อว่าต้องมีคนแบบนี้ เป็นแบบนี้คือศรัทธาจริต + กับพุทธจริต (ใช้ปัญญา) ก็เป็นจริตบวก ว่าพระพุทธเจ้าดียังไง จะไปนิพพานต้องทําไง(อย่างแรกมีศีลแน่นอน)

จริงๆถ้ามีคนมาสอนเข้านิพพานได้ แต่ไม่มีฤทธิผมก็เอานะแต่ขอมีฤทธิดีกว่า(ดีกว่าหมายถึงเข้านิพพาน+กับมีฤทธิด้วย) เห็นฤทธิแล้วรู้สึกดีเข้าใจทุกภาษาจะคุยกับใครก็ได้รู้ว่าคิดไรอยู่ ดีไม่ดีด่าพ่อเราอยู่รึเปล่า อ่อจริงๆ ผมชอบมีฤทธิ อ่าครับ บางคนอาจจะขอนิพพานอย่างเดียว ฤทธิไม่เอาขอนิพพาน อ่าครับ มันแตกต่างกันไปสุดท้ายก็นิพพานอยู่ดี
Click to expand...

ปฏิบัติให้ได้ก่อนครับ

อย่าไปคิดแทนครับ

พระพุทธเจ้า ห้ามแสดง ฤทธิ เอาไว้อยู่แล้วครับ

ในวินัยสิขาบท ครับ

กดเบาๆ สิ้นพระพุทธศาสนาเมื่อไร ก็สิ้นชาติเมื่อนั้น
https://palungjit.org/threads/สิ้นพระพุทธศาสนาเมื่อไร-ก็สิ้นชาติเมื่อนั้น.518653/

Saber, 23 กุมภาพันธ์ 2012

#12
ballbeamboy2 เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

29 สิงหาคม 2011

โพสต์:

1,622

ค่าพลัง:

+1,618

ปฏิบัติให้ได้ก่อนครับ

อย่าไปคิดแทนครับ

พระพุทธเจ้า ห้ามแสดง ฤทธิ เอาไว้อยู่แล้วครับ

ในวินัยสิขาบท ครับ
Click to expand...

อืมผมลองมาปฎิบัติให้ได้ก่อน ฤทธิผมมีไม่อวด แต่จะใช้ ฆราวาสใช้ได้ไม่เป็นไรพระห้าม

อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ และเสื่อมสลายไป

ballbeamboy2, 23 กุมภาพันธ์ 2012

#13
นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

3 กันยายน 2008

โพสต์:

9,051

ค่าพลัง:

+3,456

ใน พุทธประวัติ มี ผู้ฝึกกสิณแบบนี้เหมือนกัน

ผุ้ฝึกกสิณนี้ สำเร็จฌาณ มีฤทธิมาก เทวดาธรรมดายังสู้ไม่ได้

เทวดาสู้ไม่ได้เจียวหน่า

แล้ว รวยนี้ก็รวยมาก ผู้สำเร็จนามนั้นสามารถเนรมิต แก้วแหวน เงินทอง
แจกจ่ายไม่ใช่แค่ตัวเอง แต่ สามารถแจกจ่ายให้ ญาติโก โหติกา 8สาแหรก
ได้ครบชั่วโคตรโดยไม่ขาดตกบกพร่อง

คือ ผู้เลิศในฤทธิ์นามนั้น เขาไป ปิ๊งสาว แล้ว ก็ต้องไปสู่ขอตามทำเนียม

เขามีฤทธิ์มาก รวยมาก เพ่งกสิณเนรมิตได้ไม่อั้น ก็เลยสัญญากับ แม่ยาย
ว่าจะเนรมิตให้หมดเลย ของคนนั้นเท่านั้น คนญาติคนนี้เท่านี้ เสกให้แจกจ่าย
จนครบ แลกกับ แต่งกับ สาว แค่วันเดียว

แม่ยายก็ตกลง

สาวก็เลยแต่งงานไปกับ ผู้เลิศฤทธ์คนนั้น พอร่วมหอคืนนั้นเสร็จสรรพ
(แหม มีฤทธิ์มาก แถม ยังเล่น กามสูตร ได้อีกนะนี่ ) สาวเจ้าก็
ตื่นจากหลับไหลหลังจากเหน็ดเหนื่อย ก็คิดถึงแม่

สามีใหม่ผู้มีฤทธิ์ก็พากลับไปหาแม่ ก็พบว่า บ้านตนที่เคยอยู่กลางเป็น
ดินเป็นป่าไปหมดแล้ว ไม่เหลืออะไร

สาวเจ้า ก็ งง สิ ว่าเกิดอะไรขึ้น

เจ้าบ่าวก็เฉลยว่า

ตนคือ "เวมานิกเปรต" เป็น เปรตชนิดหนึ่งมี ฤทธิ์มาก หลงไหลกามกิจมาก
และ วิมานฉิมพลีที่เธออยู่ตอนนี้ ประดับไปด้วยเพชรนิลจินดามากมายนั้น เป็น
วิมานของผีเปรตชนิดเวมานิกเปรต

และ วันหนึ่งใน วิมานแห่งนี้ เท่ากับ 500ปี บนโลก พอเธอกลับไปบ้านเก่า
โลกจึงหมุนเวียนเปลี่ยนแปรไปเยอะแล้ว ไม่ได้พบหน้าใครอีกแล้ว

สงครามพระ : สาป สูญ สิ้นซาก !!!

นิวรณ์, 23 กุมภาพันธ์ 2012

#14
ballbeamboy2 เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

29 สิงหาคม 2011

โพสต์:

1,622

ค่าพลัง:

+1,618

ใน พุทธประวัติ มี ผู้ฝึกกสิณแบบนี้เหมือนกัน

ผุ้ฝึกกสิณนี้ สำเร็จฌาณ มีฤทธิมาก เทวดาธรรมดายังสู้ไม่ได้

เทวดาสู้ไม่ได้เจียวหน่า

แล้ว รวยนี้ก็รวยมาก ผู้สำเร็จนามนั้นสามารถเนรมิต แก้วแหวน เงินทอง
แจกจ่ายไม่ใช่แค่ตัวเอง แต่ สามารถแจกจ่ายให้ ญาติโก โหติกา 8สาแหรก
ได้ครบชั่วโคตรโดยไม่ขาดตกบกพร่อง

คือ ผู้เลิศในฤทธิ์นามนั้น เขาไป ปิ๊งสาว แล้ว ก็ต้องไปสู่ขอตามทำเนียม

เขามีฤทธิ์มาก รวยมาก เพ่งกสิณเนรมิตได้ไม่อั้น ก็เลยสัญญากับ แม่ยาย
ว่าจะเนรมิตให้หมดเลย ของคนนั้นเท่านั้น คนญาติคนนี้เท่านี้ เสกให้แจกจ่าย
จนครบ แลกกับ แต่งกับ สาว แค่วันเดียว

แม่ยายก็ตกลง

สาวก็เลยแต่งงานไปกับ ผู้เลิศฤทธ์คนนั้น พอร่วมหอคืนนั้นเสร็จสรรพ
(แหม มีฤทธิ์มาก แถม ยังเล่น กามสูตร ได้อีกนะนี่ ) สาวเจ้าก็
ตื่นจากหลับไหลหลังจากเหน็ดเหนื่อย ก็คิดถึงแม่

สามีใหม่ผู้มีฤทธิ์ก็พากลับไปหาแม่ ก็พบว่า บ้านตนที่เคยอยู่กลางเป็น
ดินเป็นป่าไปหมดแล้ว ไม่เหลืออะไร

สาวเจ้า ก็ งง สิ ว่าเกิดอะไรขึ้น

เจ้าบ่าวก็เฉลยว่า

ตนคือ "เวมานิกเปรต" เป็น เปรตชนิดหนึ่งมี ฤทธิ์มาก หลงไหลกามกิจมาก
และ วิมานฉิมพลีที่เธออยู่ตอนนี้ ประดับไปด้วยเพชรนิลจินดามากมายนั้น เป็น
วิมานของผีเปรตชนิดเวมานิกเปรต

และ วันหนึ่งใน วิมานแห่งนี้ เท่ากับ 500ปี บนโลก พอเธอกลับไปบ้านเก่า
โลกจึงหมุนเวียนเปลี่ยนแปรไปเยอะแล้ว ไม่ได้พบหน้าใครอีกแล้ว
Click to expand...

อ้าว ผมเป็นคน ไม่อยากจะไปเป็นเปตร แต่ถ้าฝึกกสินเนรมิตอะไรก็ได้น่าสนใจฮ่าๆ แล้วฝึกกสินไร ผมไม่เคยได้ยินมาเลย ฝึกกสินแล้วเนรมิตพวกเงินได้ อย่างน้อยที่ได้ยิน กสินลมที่ไหนมีลม ก็เอาลมมาได้ กสินอากาศกสินไหนไม่มีอากาสก็ทําให้มันมีได้

อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ และเสื่อมสลายไป

ballbeamboy2, 23 กุมภาพันธ์ 2012

#15
นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

3 กันยายน 2008

โพสต์:

9,051

ค่าพลัง:

+3,456

งืมๆ จะเป็นเทวดา หรือจะเป็นเปรต ก็คงไม่ได้ขึ้นกับ ชนิดกสิณ ละเนาะ

สงครามพระ : สาป สูญ สิ้นซาก !!!

นิวรณ์, 23 กุมภาพันธ์ 2012

#16
ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

3 ตุลาคม 2006

โพสต์:

7,917

ค่าพลัง:

+9,182

อย่าไปสงสัยมาก การเป็นคนสงสัยมาก เราจะไม่ได้คำตอบที่แท้จริงเลย
เพราะเราสงสัย และตั้งคำถามจนลืมไปว่า แต่ละอย่างที่สงสัยนั้น คำตอบจะให้อะไรกับเรา
ตอบมาทิ้งเปล่า เราฝึกสงสัยจนชิน จนอะไรๆ ก็จะไม่พิจารณาด้วยสติแล้ว
คิดขึ้นมาก็สงสัยทันที แบบนี้ไม่ได้ เป็นอวิชชา

เราต้องฝึกสติ ไปในทางปัญญาคือรู้จักตั้งคำถามที่ ตั้งบนสถานะปัจจุบันของเรา รู้จักไตร่ตรองใคร่ครวญก่อนสงสัย
ไม่ใช่ สงสัยว่า ขี้เหม็นได้อย่างไร ทำไมโลกกลม
แบบนั้น มันก็ต้องสงสัยด้วยว่า ทำไมขี้ไม่หอม ทำไมโลกไม่เป็นสี่เหลี่ยม

http://www.siangdham.com/
ช่วยดูแลวิทยุเสียงธรรม

ขันธ์, 23 กุมภาพันธ์ 2012

#17
Saber เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

8 มิถุนายน 2010

โพสต์:

5,941

กระทู้เรื่องเด่น:

19

ค่าพลัง:

+11,819

?หลวงพ่อ? ท่านเมตตามอบคาถามหาลาภ คือ ?คาถาพระ ปัจเจกพุทธเจ้า? ให้ มาภายหลังท่านต่อเติมจนเป็น ?คาถาเงินล้าน? ก็ยิ่งมีผลเป็นร้อยเท่าพันทวี...

อาตมาเป็นคนเชื่อยาก ลองแล้วลองอีกจนหมดความสงสัยใด ๆ ทั้งสิ้น ขนาดลองทุ่มเทย่ามเลี้ยงพระจนเกลี้ยง กลับไปจำวัดยังถูกปลุกไปสวดศพรับเงินมาจนได้...

รุ่นที่อาตมาบวชทั้ง ๓๕ รูป ตั้งใจช่วยสร้างห้องกรรมฐาน และพระหน้าตักสี่ศอกเพื่อชำระหนี้สงฆ์กับหลวงพ่อ เป็นเงินสองแสนกว่าบาท ก็แบ่งเฉลี่ยกันจ่าย... อาตมาเทย่ามถวายหลวงพ่อหมดเรียบตั้งแต่ออกจากโบสถ์ อยู่ ๆ มาเจอหนี้สินบานตะเกียงแบบนี้ก็หน้ามืดไปเลย จะเอาที่ไหนมาให้ละหว่า...?

หลังจากบวชได้ ๗ วัน พอดีลงศาลาสองไร่ในงานวันวิสาขบูชา พบกับพี่สาวที่แสนดี คือคุณนารถฤดี เจริญราศรี พี่เขาขอทำบุญด้วย ๒๐ บาท พออาตมาเปิดย่ามรับ สิ่งมหัศจรรย์ก็บังเกิดขึ้น...! ญาติโยมทั้งหลายพากันเข้าแถวยาวเหยียดตั้งแต่หัวศาลาถึงท้ายศาลา เธอบ้างฉันบ้าง ควักเงินใส่อุตลุด อาตมาเองรับเงินซะงงเป็นไก่ตาแตก กลับกุฏิเทกองพะเนินเลย นับรวบรวมเสร็จรีบนำไปถวาย ?หลวงพ่อ? หมดหนี้หมดสินกัน โล่งอก...!

นี่ขนาดเพิ่งบวชนะ...มาตอนออกธุดงค์ไปเมืองลับแล อาตมาก็ถลุงเงินเกลี้ยงฉาด ตั้งใจไปตัวเปล่าจริง ๆ แต่อานิสงส์ที่ติดตัวไม่ยอมให้เป็นอย่างต้องการ... พอเทกระเป๋าเลี้ยงพระวันมาฆบูชากับแม่ครัว และครัวกองทุนจนหมด กำลังสบายใจ ก็พบกับคุณวิไล จณวัตร กับคุณอัญชนา ลิขิตธนารักษ์ เจ๊แกถวายแต๊ะเอียมาซองเบ้อเริ่ม...!

ลงสวดมนต์ที่ศาลาสองไร่ พบอาจารย์ประเสริฐ เกษตรเอี่ยม บอกว่าจะบวช เลยร่วมเป็นเจ้าภาพยกซองให้ไปเลย ออกจากศาลามาเจอน้าอึ่ง (คุณอุไรวรรณ ปัจฉิมางกูร) กลางทาง ถวายเงินมาอีกหนึ่งร้อย อาตมาละกลุ้ม...! จ่ายเป็นค่าล็อกเก็ตหลวงพ่อ ๕ อันหมดพอดี มาเข้าเวร พี่ สาว (คุณมุกดา เพชรชื่นสกุล) กับเกียง (มาลินี ตีรเลิศพานิช) ตามมาถวายอีก ๔๙๐ บาท (อยากจะบ้าตายจริง ๆ) เอาไปจ่ายเป็นค่าเหรียญทำน้ำมนต์ และล็อกเก็ตหลวงพ่อ หมดตัวซะที...

ลงปาฏิโมกข์แล้วออกจากโบสถ์มาพบแม่เบ็ญ (อาจารย์เบ็ญจา วิบูลย์พันธุ์) ถวายเงินส่วนตัว ๕๐๐ บาท อาตมาอยากหัวเราะและร้องไห้พร้อม ๆ กัน...! แดง (มงคล จอมผา) เอารถไปส่ง เลยเติมน้ำมันที่พิษณุโลกซะ ๒๐๐ บาท เหลือ ๓๐๐ บาท ยกให้แดงไป ทีนี้ตอนเข้าป่ามันต้องจ้างคนนำทางนะซิ...! นึกถึงเงินสามร้อยบาทชะมัด ล้วงย่ามค้นไปค้นมาได้สามร้อยบาท มาจากไหนวะ...? ฮ่า...เราทำได้ จ่ายค่านำทาง ค่ายาจิปาถะ ขากลับออกมาห้วยหยวก เลี้ยงขนมเด็กกะเหรี่ยงและหมูหมากาไก่ ช่วยกันกินครึกครื้นไปเลย รวมทั้งหมดจ่ายไป ๒๐๐ บาท...

กลับถึงวัดเกือบสี่ทุ่ม ทำความสะอาดบริขารแล้วสงสัยว่าทำไมฝั่งโบสถ์เปิดไฟสว่างโร่ ถามได้ความว่าแม่ของโยมเอี่ยม (แม่ครัววัด) ตาย กำลังมีงานศพอยู่ จะไปร่วมงานก็เหนื่อยเต็มที นอนดีกว่า...แผ่หราหลับเป็นตายเลย...

ตีสี่เจอแม่ครัว ควักเงิน ๑๐๐ สุดท้ายช่วยงานศพเขา แล้วอาตมากับแดงก็ ?เหาะ? ไปบ้านแม่เบ็ญที่อู่ทอง ฉันเช้าแล้วนอนยาวยันบ่ายเลย ตกบ่ายแม่เบ็ญพาเพื่อนบ้านมาฟังประสบการณ์ในป่า คุยกันเพลินเกือบสี่ทุ่มจึงเลิก... ญาติโยมพากันถวายเงินเจ็ดร้อยกว่าบาทเป็นค่าเล่าเรื่อง...เห็นมั้ยล่ะ...? เช้ามืดหมดตัว กลางคืนรับใหม่ ไม่เคยหมดข้ามวันเลยสักครั้งเดียว จะมากจะน้อยก็ต้องมีมาจนได้ ถ้าไม่ขยันทำบุญ คงเก็บเงินได้หลายตันแล้ว...! หลายครั้งหลายหนที่เป็นแบบนี้ จนกระทั่งเชื่อยิ่งกว่าเชื่อว่า ชาตินี้อาตมามีเงินถลุงเล่นไม่รู้จักหมดแน่ ๆ แฮ่... ลุงพุฒพูดเสียง เขียวว่า ?เขียนดี ๆ หน่อยคุณ เดี๋ยวคนเขาเข้าใจผิดว่าเอาไปปล่อยกู้ เลี้ยงสาว ซื้อบ้าน ซื้อที่ดิน แบบพวกที่มาอยู่ข้างล่างนี่ บอกเขาไปตรง ๆ ซิว่า ?หลวงพ่อ? สั่งให้ทำบุญให้หมด ห้ามมีเงินเก็บข้ามปี? หวิดไปแล้วมั้ยล่ะ...! คะนองมือไปหน่อยถูกเบรกหัวทิ่มเลย โอ.เค.ชาตินี้อาตมามีเงินทำบุญเพลินอุราชนิดไม่มีวันหมดแน่...อย่างนี้ใช้ ได้นะลุงนะ...!

ท่านผู้อ่านจะทดลองดูบ้าง ก็โปรดย้อนไปดูตอนคาถาเงินล้านแล้วปฏิบัติตามนั้นเถิด การภาวนาถ้าใจเกาะพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ท่าน ก็ไม่มีวันตกสู่ที่ชั่วอยู่แล้ว ยิ่งเอากำลังจากการภาวนา มาพิจารณาวิปัสสนาญาณ ยกจิตของตนขึ้นสู่ภูมิสูงยิ่ง ๆ ขึ้นไปได้ ก็ยอดเยี่ยมสุดหาใดปานเลยทีเดียวเชียว...

๑๓ กรกฎาคม ๒๕๓๓
พระเล็ก สุธมฺมปญฺโญ

เวบบอร์ดวัดป่าโนนวิเวก - แสดงกระทู้ - เรื่องเล่าต่าง ๆ โดยพระครูธรรมธรเล็ก สุธมฺมปญฺโญ

Google

กดเบาๆ สิ้นพระพุทธศาสนาเมื่อไร ก็สิ้นชาติเมื่อนั้น
https://palungjit.org/threads/สิ้นพระพุทธศาสนาเมื่อไร-ก็สิ้นชาติเมื่อนั้น.518653/

Saber, 23 กุมภาพันธ์ 2012

#18
Saber เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

8 มิถุนายน 2010

โพสต์:

5,941

กระทู้เรื่องเด่น:

19

ค่าพลัง:

+11,819

<CENTER>แม่ชีทศพร ชี้ทางรวย.... (มีผู้โพสต์ในเว็บ g-thailand.net)

</CENTER>

<CENTER>แม่ชีทศพร ชี้ทางรวย

(โพสต์ในเว็บ g-thailand.net)</CENTER>

<DD>หลายคนคงรู้จัก ชื่อของ แม่ชีทศพร กันดีนะครับ
ซึ่งแม่ชีเป็นผู้ที่มีญาณทิพย์ สามารถล่วงรู้กรรมของคนอื่น
และสามารถช่วยแก้ไขวิบากรรมของคนที่ประสบความทุกข์ได้
ผู้ใดมีความทุกข์จากวิบากรรม มักจะไปหาแม่ชี
ที่ วัดพิชยญาติการราม ที่แม่ชีประจำอยู่ที่นั่น

ผมได้ไปงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ
ไปเจอหนังสือ ชีวิตติดกรรม เล่ม 3 ซึ่งเป็นเล่มล่าสุด
ของแม่ชีทศพร จึงซื้อมาอ่านและได้เห็นสิ่งที่น่าสนใจมากๆ

จึงนำมาเผยแผ่ นั่นคือเรืองของคนที่อยากรวย
อยากมีเงินทอง โชคลาภแม่ชีได้บอกว่า อันที่จริง
แม่ชีไม่ได้อยากแนะนำให้คนลุ่มหลงในเงินทอง
โชคลาภเลย แต่อยากให้คนได้ทำบุญ ทำกุศลกันมากกว่า

แต่ด้วยภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ ปัญหาปากท้อง เรื่องเงินทอง
เห็นจะเป็นปัญหาสำคัญของชีวิตแต่ละคน
ต้องดิ้นรนหาเลี้ยงตัวเองและครอบครัวอย่างยากลำบาก

แม่ชีจึงบอกความลับ แบบลับสุดยอดเลย

ผมอ่านแล้วอึ้งเลย เพราะไม่บ่อยนักที่แม่ชีจะเผย
ความลับแบบได้โชคลาภแบบนี้

ความลับของการได้โชคลาภนี้ก็คือ ...

อะแอ้ม...

บอกตรงๆ เดี๋ยวไม่ตื่นเต้น ค่อยๆใบ้ให้ดีกว่า

คุณ รู้จัก จังหวัดอุทัยธานี ไหมครับ

จังหวัดนี้ มีอะไรขึ้นชื่อทางธรรมบ้างครับ ลองนึกดูนะครับ

หลายคนคงนึกออกแล้ว แต่หลายคนยังนึกไม่ออก

งั้นผมใบ้ให้มากกว่านี้

รู้จัก วัดท่าซุง ไหมครับ

วัดท่าซุง อยู่จังหวัดอุทัยธานี

วัดท่าซุง เคยเป็นที่พำนักของเจ้าอาวาสวัดชื่อดัง
นั่นก็คิอ หลวงพ่อฤาษีลิงดำ

แม่ชีทศพร บอกว่า หากผู้ใดปารถนาจะได้ลาภเงินทอง
และความร่ำรวยให้ไปที่วัดท่าซุง จังหวัดอุทัยธานี

เพื่อไปสักการะ พระพุทธรูปองค์หนึ่งที่อยู่ภายในวัด
ซึ่งเป็นพระพุทธรูปปางอุ้มบาตร
พระพุทธรูปองค์นี้ มีชื่อว่า "หลวงพ่อเงินไหลมาเทมา"

ขึ้นตอนในการสัการระนะครับ แม่ชีบอกว่า

1. ให้น้อมเคารพ สักการะพระพุทธรูปองค์นี้

2. ให้นำผ้าไตรจีวรของวัดมาห่มคลุมองค์พระพุทธรูปนี้

3. ให้สวดพระคาถาสำหรับบูชาพระพุทธองค์นี้ จากทางวัด

4. ให้อธิษฐานขอพร จากพระพุทธรูปองค์นี้
เพียงข้อเดียวเท่านั้น อย่าขอพร่ำเพรื่อ
(เช่น ขอให้ร่ำรวย มีเงินเป็นแสน เป็นล้าน ก็ว่าไป )

5. ให้กลับมาสวด "พระคาถาเงินล้าน" ของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ
สวดทุกวัน วันละ 9 จบ

(โปรดสังเกตุ : ผึ้งรังใหญ่เกาะที่แขนพระพุทธรูป คนโบราณถือว่าเป็นการให้ลาภ)

6. เมื่อสิ่งที่ร้องขอนั้นได้ส่งผลกับคุณแล้ว
อย่าลืมทำบุญและอุทิศส่วนบุญกุศลบูชาคุณพระรัตนตรัย
และบูชา องค์พระพุทธรูป "หลวงพ่อเงินไหลมาเทมา" ด้วย

นี่แหละคือสิ่งที่แม่ชีชี้ทางบุญให้สำหรับ
คนที่อยากมีทรัพย์ เงินทอง อยากร่ำรวย

ในหนังสือ แม่ชีได้บอกว่า
มีผู้ที่ไปหาแม่ชีเพื่อให้ดูกรรม เป็นนักธุรกิจ
แต่คนผู้นั้นประสบกับปัญหาหนี้สินนับสิบล้านบาท
และต้องการเงินภายในสิบวัน และคนผู้นี้ได้ไป สักการะ
พระพุทธรูปองค์ที่กล่าวมานี้
จากนั้น คนผู้นี้ได้เงินสิบล้านบาทมาภายใน 7 วัน

และมีอีกคนหนึ่ง แม่ชีบอกว่าคนนี้ได้ไปสักการะ พระพุทธรูปองค์นี้
และญาติๆพวกเขาก็ได้ไปสักการะด้วย ปารกฎว่าคนเหล่านั้นทั้งหมด
ได้เงินเป็นล้านเลยครับ

ตามที่ได้อ่านมา ฟังดูแล้วเหมือนเหลือเชื่อ
แต่ไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่นะครับ

ใครอยากร่ำรวย มีเงินทอง หากมีโอกาส
ก็ลองไปสักการะ พระพุทธรูปองค์นี้
และทำตามขั้นตอนที่แม่ชีบอกไว้ดูนะครับ

คาถาเงินล้าน หลวงพ่อฤาษีลิงดำ

นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ (ว่า 3 จบ)
* พระพุทธัง ประสิทธิโชคลาภ
* พระธัมมัง ประสิทธิโชคลาภ
* พระสังฆัง ประสิทธิโชคลาภ

นาสังสิโม พรหมมา จะ มหาเทวา สัพเพยักขา ปะรายันติ , (คาถาปัดอุปสรรค)

พรหมมา จะ มหาเทวา อะภิลาภา ภะวันตุ เม, (คาถาเงินแสน)

มะหาปุญโญ มหาลาโภ ภะวันตุ เม, (คาถาลาภไม่ขาดสาย)

มิเตพาหุหะติ (คาถาเงินล้าน)

พุทธะมะอะอุ นะโมพุทธายะ ,วิระทะโย วิระโคนายัง
วิระหิงสา วิระทาสี วิระทาสา วิระอิตถิโย พุทธัสสะ
มานีมามะ พุทธัสสะ สวาโหม (คาถาพระปัจเจกพุทธเจ้า)

สัมปะติจฉามิ (คาถาเร่งลาภให้ได้ผลเร็ว)
เพ็งๆ พาๆ หาๆ ฤาๆ
(บูชา ๙ จบ ตัวคาถาต้องว่าทั้งหมด)

ที่มา pacapao.wordpress.com

นี่คือ เวบ ของ วัดท่าซุง
www.watthasung.com/home.php

</DD>

กดเบาๆ สิ้นพระพุทธศาสนาเมื่อไร ก็สิ้นชาติเมื่อนั้น
https://palungjit.org/threads/สิ้นพระพุทธศาสนาเมื่อไร-ก็สิ้นชาติเมื่อนั้น.518653/

Saber, 23 กุมภาพันธ์ 2012

#19
ballbeamboy2 เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

29 สิงหาคม 2011

โพสต์:

1,622

ค่าพลัง:

+1,618

ขอบคุณครับผมจะลองใช้ดูเพื่อจะรวยจริงๆ

อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ และเสื่อมสลายไป

ballbeamboy2, 23 กุมภาพันธ์ 2012

#20

(คุณต้องเข้าสู่ระบบหรือลงทะเบียน เพื่อที่จะโพสต์)

หน้า 1 ของ 2

แชร์หน้านี้

Loading...