ถ้าเรื่องความรักชาติ เรื่องของความสามัคคี จะเกิดขึ้นมาได้ก็ต้องมีสังคหวัตถุ ๔

ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย Teetab, 24 เมษายน 2009.

  1. Teetab

    Teetab เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    421
    ค่าพลัง:
    +4,659
    ..................พ่อมีความมุ่งหมายอยู่ว่า ต้องการให้ลูกรักของพ่อทุกคนรู้จักความจริงความจริงที่เราหนีไม่ได้ที่พระพุทธเจ้าเรียกว่า สัจธรรมคือธรรมะที่พระอริยเจ้าทรงไว้ คือ ธรรมะที่ทำให้คนเป็นพระอริยเจ้า พ่อขอเตือนลูกรักทั้งหลาย จงจำไว้เสมอว่า ขณะที่ฟังพ่อพูดให้ตั้งใจไว้ในสมาธิ ศีล สมาธิ ปัญญา ฟังไปด้วย ใช้ศีล สมาธิ ปัญญา รวมตัวกันเข้าไว้ในใจจุดเดียวกันจะทำให้สะอาด
    <O:p</O:p
    ศีลขัดเกลาภาคพื้นใจให้ดีสมาธิจับอารมณ์ใจให้นิ่งปัญญาชำระล้างความสกปรกของจิตจิตมีอารมณ์ผ่องใส
    <O:p</O:p
    เมื่อจิตมีอารมณ์ผ่องใส กำลังใจก็เป็นทิพย์ เมื่อกำลังใจเป็นทิพย์อยากจะรู้อะไรก็รู้ได้ทันทีทันใด ที่เราเรียกกันว่า ใช้ทิพย์จักขุญาณ หรือจุตูปปาตญาณ เจโตปริยญาณ อตีตังสญญาณ อนาคตังสญาน ปัจจุบันนังสญาณ ปุพเพนิวาสานุสติญาณ และยถากรรมมุตาญาณ โดยเฉพาะลูกรักของพ่อทุกคนได้อภิญญาเล็ก คือ มโนมยิทธิ หมายถึง มีฤทธิ์ทางใจ คำว่า มีฤทธิ์ทางใจ ก็คือ ใจมีฤทธิ์ คำว่าฤทธิ์หมายถึงเก่ง คือใจเก่งกว่าใจธรรมดา สามารถถอดจิตออกจากร่างไปสู่ภพต่าง ๆ ได้ เราจะไปเที่ยวเมืองสวรรค์ก็ได้ ไปเที่ยวพรหมโลกก็ได้ ไปเที่ยวเมืองนิพพานก็ได้ ไปเที่ยวเมืองนรกก็ได้ สู่แดนเปรตอสุรกายก็ได้ และในโลกมนุษย์นี่จะไปมุมไหนก็ได้ ประเทศไหน ๆ ก็ไปได้ บ้านใครสำนักงานไหนเขาหวงเราก็ไปได้ นี่การมีฤทธิ์ทางใจเป็นของดี
    <O:p</O:p
    แต่ทว่ามีบางคน ตำหนิพระพุทธเจ้าว่า พระพุทธเจ้าไม่น่าจะสอนหลักวิชชาสาม อภิญญาหก ปฏิสัมภิทาญาณ เพียงสอนขั้นสุขวิปัสโกอย่างเดียวก็พอ คำว่า สุขวิปัสโกหมายความว่า จิตสะอาดปราศจากกิเลส ไม่มีความรักในเพศ ไม่มีความโลภ ไม่มีความโกรธ ไม่มีความหลวง จิตมีอารมณ์เป็นสุข จิตมีความเยือกเย็น ไม่มีทุกข์ มีอารมณ์สบาย นี่ความเป็นพระอรหันต์
    <O:p</O:p
    เตวิชโช(วิชชาสาม) สามารถทำทิพย์จักขุญาณให้ปรากฏ และหมดกิเลสสามารถระลึกชาติได้ มีวิชชาแปดอย่างที่เรียกว่า ญาณ ๘
    <O:p</O:p
    ฉฬภิญโญหมายถึงอภิญญาหก สามารถเนรมิตอะไรก็ได้ มีหูเป็นทิพย์ มีทิพย์จักขุญาณ มีญาณ ๘ อย่างครบเช่นเดียวกับ เตวิชโช และมีอิทธฤทธิ์มีฤทธิ์ทางใจ เป็นต้น และจิตหมดกิเลส
    <O:p</O:p
    ปฏิสัมภิทาญาณหมายถึงความรู้พิเศษ สามารถรู้ธรรมะทุกอย่างทรงพระไตรปิฏก คำว่า ไม่รู้ ไม่มี และสามารถรู้ภาษาสัตว์ และภาษาคนทุกภาษา ได้โดยไม่ต้องศึกษา แต่ว่าเนื้อแท้จริง ๆ ก็คือ ความเป็นพระอรหันต์ มีความรู้ทั้ง เตวิชโช และฉฬภิญโญด้วย
    <O:p</O:p
    เป็นอันว่าบางท่านบอกว่า พระพุทธเจ้าไม่น่าจะสอนแบบนี้ เสี่ยงภัยเกินไป แต่พ่อก็ขอเตือนลูก ถ้ามีใครเขาถามว่า ทำไมจะต้องเรียน อภิญญาสมาบัติ ทำไมจะต้องมีทิพย์จักขุญาณ เห็นผี เห็นเทวดา เห็นสวรรค์ เห็นนรกก็ได้ ทำไมจะต้องมีการยกจิตไปท่องเที่ยวตามภพต่าง ๆ ได้ การรู้ว่าคนและสัตว์นี่ ก่อนเกิดมาจากไหน ตายแล้วไปไหน เจโตปริยญาณ รู้วาระน้ำจิตของคนและสัตว์ว่า มันชอบอะไร คิดอะไร คิดดี คิดชั่ว มีกิเลสตัวไหนอยู่บ้าง
    <O:p</O:p
    ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ สามารถระลึกชาติต่าง ๆ ได้ ถอยหลังไปดูว่าเราเกิดมาแล้วกี่ชาติ เคยเกิดเป็นอะไรมาบ้าง อตีตังสญาณ รู้เหตุการณ์ในอดีต อนาคตตังสญาณ รู้เหตุการณ์ในอนาคต ปัจจุบันนังสญาณ รู้ว่าเวลานี้ใครอยู่ที่ไหนใครกำลังทำอะไรอยู่ ยถากรรมมุตาญาณ รู้ว่าเขามีความสุข มีทุกข์เพราะผลจากอะไรเป็นสำคัญ ความจริงความรู้แบบนี้ ถึงแม้ว่าเราไม่เป็นพระอรหันต์ เราก็รู้ได้ถ้าใครเขาถามว่า ศึกษาทำไม ก็ควรจะตอบว่า ศึกษาเพื่อกันความสงสัย จะได้ไม่สงสัยคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จะได้ไม่ประมาทในชีวิต
    <O:p</O:p
    ถ้าใครเขาจะแย้งว่า ดูตัวอย่างพระเทวทัตเพราะอาศัยได้อภิญญาสมาบัติจึงลงอเวจีมหานรก อย่างนี้ก็ต้องย้อนถามเขาลงไปว่า ท่านที่ได้อภิญญาสมาบัติในสมัยที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังทรงพระชนม์อยู่หรือว่าปรินิพานไปแล้วก็ตาม คนที่ได้อภิญญาสมาบัติลงนรกกี่คน และคนที่ได้อภิญญาสมาบัติไปนิพพานเท่าไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งพระเทวทัตถ้าไม่ได้อภิญญาสมาบัติความยับยั้งก็ไม่มี ต้องลงอเวจีตามกฎของกรรมคือ ๑ กัป แต่นี่พระเทวทัตลงอเวจีเพียงแค่ไม่ถึง ๑ วันของอเวจี เพราะผลความดีที่มีความรู้ด้านอภิญญามีการยับยั้ง เหมือนกับคนตาดีเดินไปในกลุ่มหนามหรือเดินไปบนลานแก้วแตก จะวางเท้าลงไปก็ค่อย ๆ วาง เพราะมองเห็นหนามและแก้วแตก เกรงว่าจะบาดเท้า ตำเท้า จะเจ็บบ้าง ก็เล็กน้อย ไม่เหมือนกับคนตาไม่ดี ไม่เห็นว่าที่นั้นมีอันตราย เดินสวบ ๆ เข้าไป ผลที่สุดก็โดนทั้งแก้วแตกทั้งหนามตำเต็มกำลัง<O:p</O:p
    ข้อนี้ฉันใด แม้คนที่ได้อภิญญาสมาบัติ และวิชชาสามก็เช่นเดียวกัน ถึงแม้ว่ากฎของกรรมบางอย่างจะบีบบังคับ ก็มีการยับยั้ง รู้ผิดรู้ชอบเหมือนคนที่รู้กฎหมายกับคนที่ไม่รู้กฎหมาย คนที่เขารู้กฎหมายเขาทำผิดก็จริงแหล่ แต่ทว่าเขารู้ทางออกจะรับโทษก็รับไม่มาก ไม่เหมือนคนที่ไม่รู้กฎหมาย อยากจะทำอะไรก็ทำตามชอบใจ ดีไม่ดีติดคุกติดตะราง คิดว่าของมันเล็กน้อย แต่ที่ไหนได้ของมันใหญ่ เช่น คิดจะฆ่าควายตัวมันใหญ่โทษจะมาก ฆ่าคนดีกว่าตัวเล็กกว่า แต่ที่ไหนได้ฆ่าคนมีโทษมากกว่า ฆ่าควายมีโทษน้อย (นี่ในแง่ของกฎหมายน่ะ) เช่น ฆ่าไม่เอาหนักไป ด่าดีกว่า แอบไปด่าพระมหากษัตริย์เข้า เจ๊งไปเลย ถูกลงโทษหนักฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ หรือด่าศาลว่าศาลคด ศาลโกง ศาลไม่ยุติธรรม นี่ถือว่าหมิ่นพระบรมเดชานุภาพมีโทษหนัก<O:p</O:p
    เป็นอันว่า คนมีความรู้ แม้จะมีโทษหนัก ก็มีการยับยั้งในการทำความผิด ซึ่งผิดกับคนที่ไม่รู้อะไรเลย ทำก็ทำลงไปเต็มอัตราศึก ไม่รู้บาปบุญ คุณโทษ ประโยชน์ มิใช่ประโยชน์ เป็นอันว่า ที่พ่อให้ลูกศึกษาวิชาความรู้อันนี้ ต้องระมัดระวังรักษาไว้ด้วยดี อย่าไปอวดเขา รักษาไว้เพื่อชำระจิตใจของเราให้เป็นสุข
    <O:p</O:p
    เวลานี้ลูกรักของพ่อกำลังรบกับสงครามสำคัญคือกิเลส สงครามภายนอกน่ะมันเรื่องเล็ก สงครามกิเลสมีความสำคัญมาก เจตนาของพ่อก็มีอยู่ว่า ความเกิดมันเป็นทุกข์ ลูกทุกคนเวลานี้ต่างคนต่างก็มีความทุกข์กันหมด แต่ว่าให้ทุกข์มันมีเฉพาะขันธ์ ๕ จิตเราจงอย่าเป็นทุกข์ บรรดาลูกรักของพ่อทุกคนต่างคนต่างมีศีล มีสมาธิ มีปัญญา พ่อดีใจเวลาฟังพ่อพูดพยายามใช้สมาธิให้คล่องตัว สำหรับอภิญญาสมาบัติ อิทธิฤทธิ์ ยกจิตไปตามที่ต่าง ๆ ทำให้คล่อง ทิพย์จักขุญาณทำให้แจ่มใส ศีล สมาธิ ปัญญา ดีแล้วจะเห็นชัดเจน จุตูปปาตญาณ มองหน้าคน มองหน้าสัตว์ อยากรู้ว่าก่อนเกิดมาจากไหนจะรู้ได้ทันที ตายแล้วไปไหนก็รู้ได้ทันที
    <O:p</O:p
    เจโตปริยญาณ ถ้าเราอยากจะรู้วาระน้ำจิตของคนอื่น ให้รู้กระแสจิตของตนเองไว้เสมอก่อน เรารู้ได้ไม่ยาก คนที่มีกิเลสหนามีความชั่ว ใจจะมีสีดำบ้าง แดงบ้าง ขาวบ้าง แต่เป็นเนื้อ ถ้าใจดีปานกลาง ใจจะเป็นแก้ว แต่คนที่ดีจริง ๆ จะเป็นแก้วประกายทั้งดวงเหมือนดาว นี่ไม่ยากแต่รู้แล้วก็นิ่งเสีย ปุพเพนิวาสานุสติญาณฝึกให้คล้อง นึกถอยหลังเราเกิดมาแล้วกี่ชาติ แต่อย่าไปไล่ทีละชาติเลย เห็นอะไรก็นึกว่าเราเคยเกิดไหม เช่น เห็นสัตว์เราก็นึกว่า เราเคยเกิดเป็นสัตว์ชนิดนี้ไหมกี่ชาติ ภาพจะปรากฏชัด เป็นอันว่า u3608 .รรมะ ส่วนนี้มีความสำคัญ พ่อให้ลูกไว้เพื่อชำระจิตของลูกให้บริสุทธิ์ ถอยหลังไปดูการเกิดแต่ละคราวเต็มไปด้วยความทุกข์ ดูบรรดาบรรพบุรุษกษัตริย์ทั้งหลาย ที่พ่อพูดมา และคนทั้งหลายที่กล่าวถึง ต่างคนต่างไปหมดแล้ว
    <O:p</O:p
    ผืนแผ่นดินไทยที่เราเดินอยู่นี่ ถ้าเราใช้อตีตังสญาณ ก็จะรู้ว่าเราเดินอยู่บนร่างกายและเลือดเนื้อของบรรดาบรรพบุรุษของเรา ฉะนั้น ถ้าใครเขาจะมาเชือดเฉือนเอาร่างกายเลือดเนื้อบรรพบุรุษของเราไป เราก็ไม่ควรยอม นี่พูดกันอย่างทางโลก คือ โลกไม่ช้ำธรรมไม่เสีย<O:p</O:p
    สำหรับกิเลสที่เราจะชนะได้ ต้องทำกำลังใจตามนี้ ถ้าเรื่องความรักชาติ เรื่องของความสามัคคีจะเกิดขึ้นมาได้ก็ต้องมีสังคหวัตถุ ๔ ได้แก่ <O:p</O:p
    . ทาน การให้เกื้อกูลซึ่งกันและกัน <O:p</O:p
    . ปิยวาจา พูดวาจาไพเราะ <O:p</O:p
    . อัตถจริยา ทำตนให้เป็นประโยชน์แก่บุคคลอื่น ช่วยกิจการงาน <O:p</O:p
    . สมานัตตา ไม่ถือตัว ไม่ถือตน นี่แค่ ๔ ประการ ถ้าเราทำกันไม่ได้ เราก็มีความสุขไม่ได้ ฉะนั้น ชาติเราจะมีความสุข จะมีความสามัคคีก็ต้องทำ ๔ ประการนี้ได้ นี่เป็นกิเลสหยาบที่เราต้องละให้ได้จะมีความสุข คำว่า สุข นี่อย่าเอาสุขกายนะ เอาสุขใจก็แล้วกัน
    <O:p</O:p
    เรื่องของร่างกายเราต้องคิดว่า ชาติปิทุกขา ความเกิดเป็นทุกข์ ชราปิทุกขา ความแก่เป็นทุกข์ มรณัมปิทุกขัง ความตายเป็นทุกข์ เป็นอันว่าขันธ์ ๕ มันเป็นทุกข์ แต่ใจของเราจงอย่าทุกข์ ใจเราจงอย่าทุกข์ทำยังไง รักษาอารมณ์ใจไว้ 10 ประการ
    <O:p</O:p
    . ทาน การให้ คิดไว้เสมอว่า เราจะมีจิตเมตตาสงเคราะห์ผู้อื่นให้มีความสุข โดยการให้ ให้ของ ให้ความคิด ให้กำลังกายช่วยกิจการงาน เป็นเสน่ห์ใหญ่ทำให้มีความสุข ผู้ให้ย่อมเป็นที่รักของผู้รับ<O:p</O:p
    . ศีลแปลว่า ปกติ อารมณ์ของเราจะทรงความดี ๕ ประการไว้เสมอคือไม่ละเมิดศีล ๕ ประการ<O:p</O:p
    . เนกขัมมะ แปลว่า การถือบวช คือบวชใจ คำว่า บวช นี่ไม่จำเป็นต้องโกนหัว ถ้าโกนหัวแล้วจิตใจไม่ดี ก็ไม่ถือว่าเป็นนักบวช เราบวชใจ คือ <O:p</O:p
    .ไม่มัวเมาอยู่ในกามคุณ ๕ ให้คิดไว้เสมอว่า ไอ้รูปสวยน่ะประเดี๋ยวทันก็พัง เสียงไพเราะผ่านหูแล้วก็หายไป กลิ่นหอมผ่านจมูกแล้วก็หายไป รสอร่อยกระทบลิ้นแล้วก็หายไป สัมผัสระหว่างเพศจับแล้วพอพ้นแล้วก็หายไป และเป็นปัจจัยนำมาซึ่งความทุกข์ รักมากทุกข์มาก รักน้อยทุกข์น้อย ไม่รักเลยไม่ทุกข์ <O:p</O:p
    .ไม่ยึดถือความโกรธความพยาบาทมาเป็นบรรทัดฐานตัดกำลังใจให้อภัยอยู่เสมอ ขึ้นชื่อคนเกิดมาในโลกนี้ ไม่ทำความผิดเลยไม่มี ก็น่าเห็นใจ เพราะความพลาดพลั้งของงาน เขาจะด่าจะว่าก็ช่างเขา ไม่ช้าต่างคนก็ต่างตาย <O:p</O:p
    .ป้องกันการง่วงเหงาหาวนอน ขณะที่จิตใจจะทำความดี <O:p</O:p
    .ระงับอารมณ์ฟุ้งซ่าน ก็พยายามตั้งใจไว้ในยามปกติ นึกถึงความดีจุดใดจุดหนึ่ง เราจะไม่ยอมให้อารมณ์อื่นเข้ามาแทรก <O:p</O:p
    .เราจะไม่สงสัยธรรมะปฏิบัติที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสอน<O:p</O:p
    คนที่บวชห่มผ้าเหลืองน่ะ ถ้าระงับเหตุ ๕ ประการที่ว่ามานี่ไม่ได้ เขาเรียกว่า เถนะเถน แปลว่า หัวขโมย ขโมยเอาเพศของสมณมานุ่ง นี่นักบวชจริง ๆ อันดับแรกจะต้องระงับนิวรณ์ ๕ ประการได้ ขอลูกจงระงับใจตามนี้ให้เป็นธรรมดา พิจารณาหาความจริงว่า นี่มันเป็นปัจจัยของความสุขหรือความทุกข์ ทำงานตามหน้าที่ ถือว่าชาตินี้เป็นครั้งสุดท้ายที่เราจะต้องทำงาน ชาติใหม่ไม่มีสำหรับเรา เราไปนิพพาน ถ้าสงสัยนิพพาน ก็ใช้วิปัสสนาญาณให้เข้มข้น ใช้มโนมยิทธิแป๊บเดียวก็ถึงนิพพาน จับอารมณ์นิพพานได้ว่า มีความสุขขนาดไหน<O:p</O:p
    . ปัญญา มีความรอบรู้ หลีกเลี่ยงสิ่งที่จะเป็นโทษ ทำสิ่งที่เป็นประโยชน์แล้วใช้ปัญญาหาความจริงว่า เกิด แก่ เจ็บ ตาย จริงไหม ถ้าเรายังเกิด แก่ เจ็บ ตาย อยู่อย่างนี้จะไม่หมดทุกข์ เราจะมีความสุขก็คือ ไม่เกิด ไม่แก่ ไม่เจ็บ ไม่ตายอีกต่อไป ได้แก่รักษาธรรมะ ๑๐ ประการนี้ให้ครบถ้วน<O:p</O:p
    . วิริยะ มีความเพียร ทำกิจการงานฝ่ายโลกและฝ่ายธรรม ต้องอดทนทุกอย่างเพื่อรักษาความดีให้คงอยู่ เรียกว่า เพียร พังให้มันทะลุไปเลย<O:p</O:p
    . ขันติ ความอดใจ อดทนต่อความเหนื่อย อดทนต่อความร้อน อดทนต่อความหนาว อดทนต่อความขัดข้องใจ<O:p></O:p>
    . สัจจะ ความจริงใจ ตั้งใจไว้แบบไหนก็ทรงกำลังใจแบบนั้น เช่นตั้งใจไว้ว่าเราจะรักษาศีล เราก็ทำจริง ใครมาชวนด่าเราก็ไม่ด่า<O:p</O:p
    . เมตตา เราจะมีเมตตา ความรักคนและสัตว์เสมอด้วยตัวเรา ใครมาชวนโกรธเราก็ไม่โกรธ<O:p</O:p
    . อธิษฐาน ตั้งใจไว้ว่า การทำอย่างนี้เพื่อทรงคุณธรรมอะไร จะไปไหนมีเมตตาอยู่เสมอ เหมือนคิดว่าเป็นถิ่นของเรา<O:p</O:p
    ๑๐. อุเบกขา วางเฉยในอารมณ์ต่าง ๆ ที่ไม่เป็นที่ถูกใจเรา หมายความว่า อะไรก็ตาม ถ้าไม่เป็นที่ถูกใจเรา เราก็เฉย ๆ เขาจะด่า เขาจะว่า เขาจะนินทาอะไรก็ช่างเขา ประเดี๋ยวก็ตาย จะไปยุ่งอะไรกัน<O:p</O:p
    กำลังใจ ๑๐ ประการนี่ ลูกรัก ถ้าทรงไว้ได้ความสุขใจจะเกิด ทำเสมอ ๆ นะลูก เพื่อความไม่ประมาท<O:p</O:p
    เวลานี้ชีวิตของพ่อก็ดี ชีวิตของลูกก็ดี อยู่ในช่วงของอันตราย จะเห็นว่าปี พ.. ๒๕๒๐ มีบุคคลบางกลุ่มไม่ทราบว่ามาจากไหน ส่งมือปืนมาจะยิงพ่อที่วัดเกินกว่า ๑๐ ครั้ง และก็หาทางก่อวินาศกรรมเกินกว่า ๕ ครั้ง บางครั้งส่งมือปืนมาเวลากลางคืน ๒ คันรถปิกอัพ เพื่อจะทำลายทั้งสถานที่วัด และทำลายทั้งชีวิตพ่อ และการไปที่ไหนก็ถูกติดตามอยู่เสมอ ทั้งนี้เพราะเขาว่าพ่อขัดคอเขา เรื่องอะไรรึ งานสาธารณประโยชน์ความจริงพ่อทำเพื่อการสงเคราะห์ ในฐานะที่เป็น สาวกขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้คนไทยทั้งชาติมีความสุขมีความสามัคคีกันแต่พ่อไม่มีวาสนาบารมีจะให้คนไทยทั้งชาติมีความสามัคคีกันได้
    <O:p</O:p
    แต่พ่อก็ได้ทำเป็นกลุ่มเล็ก กลุ่มน้อย กระจายไปทั่ว ๆ ประเทศไทย เขาก็ไม่ชอบใจ การแจกของสงเคราะห์คนยากจนก็ได้อาศัยบารมีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ พระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์ และเงินโดยเสด็จพระราชกุศล ของโดยเสด็จพระราชกุศล และได้รับความเมตตาปรานีจากท่าน พลเอกเกรียงศักดิ์ ชมะนันท์ ในฐานะนายกรัฐมนตรี และกองบัญชาการทหารสูงสุดก็มี พลเอกทวนทอง สุวรรณฑัต เป็นกำลังใหญ่ และก็มีบรรดาประชาชนชาวไทยทั่วไป คณะของเราทั้งหมดต่างคนต่างก็ช่วยกันการทำอย่างนี้ลูกรัก เขายังเห็นว่าเราเป็นศัตรูของเขาพ่อก็ไม่รู้จะทำยังไง

    <O:p</O:p
    ฉะนั้น ชีวิตของพ่อ พ่อไม่แน่ใจนักว่าจะอยู่ไปนานหรือไม่นาน เพียงแต่สังขารมันก็แย่อยู่แล้ว มันคอยจะตายอยู่แล้ว และยิ่งมาถูกคิดประหัตประหารแบบนี้เข้าอีก พ่อไม่มั่นใจว่าชีวิตพ่อจะอยู่นานสักเท่าใด ฉะนั้น ขอลูกรักของพ่อทุกคน คำสอนอันใดที่พ่อให้ไว้กับลูก ลูกจงถือว่าคำสอนนั้นนั่นแหละ คือพ่อของเข้า สำหรับร่างกายของพ่อนี่เล่า ลูกอย่าถือมากเกินไป เพราะชีวิตและร่างกายเกิดแล้วก็ตาย ตายแล้วก็เกิด ดูตัวอย่างพระเจ้ามังรายมหาราช ท่านเกิดแล้วก็ตาย ตายแล้วก็เกิดตามสภาวะของท่าน

    <O:p</O:p
    พ่อเห็นว่าชีวิตไม่สำคัญ ความสำคัญมีอยู่อย่างเดียวคือว่าทำอย่างไรเราจะทำให้ไทยเป็นไทตลอดไปการลงทุนทำงานสาธารณประโยชน์และงานด้านธรรมะ พ่อทำด้วยมือเปล่า พ่อไม่ได้สะสมเงินทองอย่างเขาทั้งหลาย ที่เขาลือกันว่าพระมีเงิน ๑๐ ล้าน ๒๐ ล้าน นั่นไม่ใช่พอ พ่อมีแต่หนี้ และลูกของพ่อก็เป็นคนดีส่งเสริมสงเคราะห์พ่อทั้ง ๆ ที่เงินทองของลูกก็ไม่ค่อยจะมีกันนัก เราไม่ใช่คนรวย ไม่ใช่มหาเศรษฐี แต่เพราะอาศัย กำลังใจดี ของลูกพ่อชื่นใจ พ่อสบายใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งลูกชายลูกหญิงของพ่อเวลานี้ ได้อภิญญาสมาบัติกันหมดแล้ว พ่อต้องถือว่าหมด เพราะคนที่อยู่ในช่วงใกล้ไม่มีใครไม่ได้
    <O:p</O:p
    ลูกต้องถือว่าอภิญญาสมาบัติที่พ่อให้ลูกไว้ เป็นสมบัติที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงประทานมา ถ้าพ่อตายลงเมื่อไร ขอลูกจงถือว่า อภิญญาสมาบัตินี่แหละคือชีวิตของพ่อที่อยู่กับกายกับใจของลูกตลอดเวลา คิดถึงพ่อคราวไร จงคิดถึงอภิญญาสมาบัติที่ลูกได้ และลูกก็จงภูมิใจว่า ลูกอยู่กับพ่อตลอดเวลาทุกลมหายใจเข้าออก
    <O:p</O:p
    ฉะนั้น ขอบรรดาลูกรักทั้งหลาย จงรักษาความดีที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงให้ไว้ งานใดที่พ่อนำลูกทั้งหลายทำ งานทั้งหลายเหล่านั้น ขอลูกรักทั้งหมดจงรักษางานนั้นไว้ด้วยหัวใจของลูกเอง คือรักษาไว้ด้วยชีวิต เพราะงานสาธารณประโยชน์เป็นกิจอันหนึ่งที่ทำให้คนไทยรวมตัวกัน มีความรัก มีความสามัคคีซึ่งกันและกัน และทุกคนก็จะมีความสุข โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
    <O:p</O:p
    ธรรมใดที่องค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสาดาสัมมาสัมพุทธเจ้าให้พ่อไว้พ่อถ่ายทอดให้แก่ลูกทรัพย์สมบัติทั้งหมดนี้ขอลูกจงถือว่านั่นคือตัวแทนของพ่อเพราะว่าชีวิตของพ่อนี่พ่อไม่แน่ใจนักว่าจะมีอายุยืนยาวอีกสักกี่ปีขอลูกทั้งหลายจงอย่าถือขันธ์ของพ่อนี้เป็นสำคัญปฏิปทาใดที่เป็นที่ชอบใจไม่เกินวิสัยลูกขอลูกจงทำและจงรักษาอภิญญาสมาบัติไว้ขณะใดที่ใจของลูกยังรักษาอภิญญาสมาบัติไว้รักษาปฏิปทาสาธารณประโยชน์ขณะนั้นลูกจงภูมิใจว่าพ่ออยู่กับลูกตลอดเวลาถึงแม้ว่าร่างกายกายาของพ่อจะสลายไปแต่ใจของพ่อยังอยู่กับใจของลูกลูกจะไปไหนก็เชื่อว่าพ่อไปด้วยช่วยลูกทุกประการ
    <O:p</O:p
    พ่อขอจบเรื่องของ พระเจ้ามังรายมหาราช ในชั่วระยะเวลา ๒,๕๐๐ ปีเศษ ท่านก็เกิดถึง ๑๑๑๒ ครั้ง เวลานี้ไปอยู่ที่ไหนก็ไม่ทราบ เอาละลูกรักของพ่อจบกันนะ
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ธรรมใดที่องค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงประธานไว้ขอลูกรักของพ่อทุกคนจงทรงธรรมนั้นไว้จนกว่าจะเข้านิพพานในชาตินี้สวัสดี



    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    สรุปและพิมพ์บางส่วนจากหนังสือเรื่องจริงอิงนิทาน (พิเศษ) .....พระเดชพระคุณพระราชพรหมยาน<O:p</O:p
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 เมษายน 2009
  2. ชนะ สิริไพโรจน์

    ชนะ สิริไพโรจน์ ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,891
    กระทู้เรื่องเด่น:
    14
    ค่าพลัง:
    +35,260
    ขออนุโมทนาเป็นอย่างสูงครับ
     
  3. oomsin2515

    oomsin2515 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    2,934
    ค่าพลัง:
    +3,393
    ขออนุโมทนาสาธุธรรม เป็นอย่างสูง ครับ
     
  4. chai8383

    chai8383 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    1,032
    ค่าพลัง:
    +6,348
    ลิงค์ธรรมะในเว็บต่างๆของหลวงพ่อ <?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
     

แชร์หน้านี้

Loading...