ทดลองอ่านพระไตรปิฎก เล่ม ๒๕ พระสุตตันตปิฎก เล่ม ๑๗

ในห้อง 'พระไตรปิฎก เสียงอ่าน' ตั้งกระทู้โดย พัชรดา, 1 สิงหาคม 2009.

  1. พัชรดา

    พัชรดา สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    78
    ค่าพลัง:
    +21
    คาถาธรรมบท
    พาลวรรคที่


    [๑๕] ราตรียาวแก่คนผู้ตื่นอยู่โยชน์ยาวแก่คนผู้เมื่อยล้าสงสารยาวแก่คนพาลผู้ไม่รู้แจ้งพระสัทธรรมถ้าว่าบุคคลเมื่อเที่ยวไปไม่พึงประสบสหายประเสริฐกว่าตนหรือสหายผู้เช่นด้วยตนไซร้บุคคลนั้นพึงทำการเที่ยวไปผู้เดียวให้มั่นเพราะว่าคุณเครื่องความเป็นสหายย่อมไม่มีในคนพาลคนพาลย่อมเดือดร้อนว่าบุตรของเรามีอยู่ทรัพย์ของเรามีอยู่ดังนี้ตนนั่นแลย่อมไม่มีแก่ตนบุตรทั้งหลายแต่ที่ไหนทรัพย์แต่ที่ไหนผู้ใดเป็นพาลย่อมสำคัญความที่ตนเป็นพาลได้ด้วยเหตุนั้นผู้นั้นยังเป็นบัณฑิตได้บ้างส่วนผู้ใดเป็นพาลมีความสำคัญตนว่าเป็นบัณฑิตผู้นั้นแลเรากล่าวว่าเป็นพาลถ้าคนพาลเข้าไปนั่งใกล้บัณฑิตแม้ตลอดชีวิตเขาย่อมไม่รู้แจ้งธรรมเหมือนทัพพีไม่รู้จักรสแกงฉะนั้นถ้าว่าวิญญูชนเข้าไปนั่งใกล้บัณฑิตแม้ครู่หนึ่งท่านย่อมรู้ธรรมได้ฉับพลันเหมือนลิ้นรู้รสแกงฉะนั้นคนพาลมีปัญญาทรามมีตนเหมือนข้าศึกเที่ยวทำบาปกรรมอันมีผลเผ็ดร้อนบุคคลทำกรรมใดแล้วย่อมเดือดร้อนในภายหลังกรรมนั้นทำแล้วไม่ดีบุคคลมีหน้าชุ่มด้วยน้ำตาร้องไห้อยู่ย่อมเสพผลของกรรมใดกรรมนั้นทำแล้วไม่ดีบุคคลทำกรรมใดแล้วย่อมไม่เดือดร้อนในภายหลังกรรมนั้นแลทำแล้วเป็นดีบุคคลอันปีติโสมนัสเข้าถึงแล้ว [ด้วยกำลังแห่งปีติ] [ด้วยกำลังแห่งโสมนัส] ย่อมเสพผลแห่งกรรมใดกรรมนั้นทำแล้วเป็นดีคนพาลย่อมสำคัญบาปประดุจน้ำหวานตลอดกาลที่บาปยังไม่ให้ผลแต่บาปให้ผลเมื่อใดคนพาลย่อมเข้าถึงทุกข์เมื่อนั้นคนพาลถึงบริโภคโภชนะด้วยปลายหญ้าคาทุกเดือนๆเขาย่อมไม่ถึงเสี้ยวที่๑๖ซึ่งจำแนกออกไปแล้ว๑๖หนของพระอริยบุคคลทั้งหลายผู้มีธรรมอันนับได้แล้วก็บาปกรรมบุคคลทำแล้วยังไม่แปรไปเหมือนน้ำนมในวันนี้ยังไม่แปรไปฉะนั้นบาปกรรมนั้นย่อมตามเผาคนพาลเหมือนไฟอันเถ้าปกปิดแล้วฉะนั้นความรู้นั้นย่อมเกิดแก่คนพาลเพื่อสิ่งมิใช่ประโยชน์อย่างเดียวความรู้ยังปัญญาชื่อว่ามุทธาของเขาให้ฉิบหายตกไปย่อมฆ่าส่วนแห่งธรรมขาวของคนพาลเสียภิกษุผู้เป็นพาลพึงปรารถนาความสรรเสริญอันไม่มีอยู่ความห้อมล้อมในภิกษุทั้งหลายความเป็นใหญ่ในอาวาสและการบูชาในสกุลของชนเหล่าอื่นความดำริย่อมบังเกิดขึ้นแก่ภิกษุพาลว่าคฤหัสถ์และบรรพชิตทั้งสองฝ่ายจงสำคัญกรรมที่บุคคลทำแล้วว่าเพราะอาศัยเราผู้เดียวคฤหัสถ์และบรรพชิตเหล่านั้นจงเป็นไปในอำนาจของเราผู้เดียวในบรรดากิจน้อยและกิจใหญ่ทั้งหลายกิจอะไรๆอิจฉา [ความริษยา] มานะ [ความถือตัว] ย่อมเจริญแก่ภิกษุพาลนั้นภิกษุผู้เป็นสาวกของพระพุทธเจ้ารู้ยิ่งแล้วซึ่งปฏิปทาอย่างนี้ว่าปฏิปทาอันเข้าอาศัยลาภเป็นอย่างหนึ่งปฏิปทาเครื่องให้ถึงนิพพานเป็นอย่างหนึ่งดังนี้แล้วไม่พึงเพลิดเพลินสักการะพึงพอกพูนวิเวกเนืองๆ

    จบพาลวรรคที่





    [music]http://audio.palungjit.org/attachment.php?attachmentid=31713[/music]
    :z7
     

แชร์หน้านี้

Loading...