นรก - สวรรค์ ในศาสนาอื่นเป็นอย่างไร ?

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย tamsak, 30 เมษายน 2008.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. tamsak

    tamsak ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2004
    โพสต์:
    7,857
    กระทู้เรื่องเด่น:
    22
    ค่าพลัง:
    +161,171
    ถาม : แล้วอย่างศาสนาอื่นล่ะครับ คนที่นับถือศาสนาอื่น?
    ตอบ : จะนับถือศาสนาไหนก็ตามนรกเดียวกันสวรรค์เดียวกัน ถึงเวลาก็ขึ้นสวรรค์ลงนรกในสถานที่เหมือน ๆ กัน เพียงแต่ว่า อุปทานความยึดมั่นในแต่ละศาสนาในแต่ละระเบียบประเพณีของเขาไม่เหมือนกันก็เลยทำให้เขาเห็นนรกสวรรค์ต่างกันไป แต่มันมีความเหมือนอยู่อย่างหนึ่งก็คือ นรกเป็นสถานที่ลงโทษ

    ขณะเดียวกัน สวรรค์เป็นสถานที่เสวยความดีที่ตัวเองทำมา ถ้าเทวดาฝรั่งไปแต่ตัวเหมือนลิเกนุ่งชฎาแหลมเปี๊ยบฝรั่งมันไม่รู้จักหรอก ฝรั่งมันนึกว่าละครหลงโรงมาจากไหนก็ไม่รู้ แต่ทว่าไปชุดขาวรุ่มร่าม ๆ มีวงแสงบนหัวมีปีก เล็ก ๆ ซะหน่อยละก็รู้ว่าอันนี้คือเทวดา เทวดาเขาเลยต้องแสดงให้เห็นในลักษณะนั้น ถ้าแสดงลักษณะอื่นเขาจะไม่รู้ มันเป็นความยึดมั่นตามประเพณี ตามความเชื่อถือของเขา เขาต้องทำอย่างนั้น

    ถาม : เป็นที่มา...?
    ตอบ : ส่วนของเราถ้าไปทำอย่างนี้เรารู้แล้วใช่มั้ยเทวดาฝรั่ง ขึ้นข้างบนแล้วมันไม่มีเชื้อชาติหรอก มันเป็นเทวดาเหมือน ๆ กัน บอกเขาว่าขอรู้ขอเห็นตามความเป็นจริงเขาก็จะแสดงเต็มบุญเต็มบารมีให้เรารู้ หลวงพ่อท่านบอกเคยขึ้นไปเจอพระเยซูใส่ชุดแบบฝรั่งรุ่มร่าม ๆ ที่มันใช้ผ้าขาวพันตัวมา หลวงพ่อก็บอก เฮ้ย ! ข้างบนนี้ไม่มีนะโว้ยฝรั่ง พระเยซูท่านบอกถ้าผมไม่ทำแบบนี้ท่านก็ไม่รู้จักผมนะซิครับ

    ถาม : แล้วคนที่นับถือศาสนาอื่น โอกาสที่จะทำบุญต้องก็น้อยกว่า?
    ตอบ : น้อยกว่า แต่ว่ามันก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีเลยก็ไม่ใช่ อย่างศาสนาพราหมณ์เขาได้ถึงสมาบัติ ๘ เพราะฉะนั้น ทาน ศีล ภาวนาของเขา โดยเฉพาะภาวนาถือว่าเลิศมาก เพียงแต่เขาขาดปัญญาในจุดสุดท้ายคือไม่รู้จักนิพพาน ไม่เห็นอริยสัจเลย ไม่รู้จักพระนิพพาน มันเหมือนกับว่าถ้าเป็นสิ่งประกอบสักอย่าง เอาเป็นอันว่าของสูงที่สุดคือมงกุฎแล้วกัน พระพุทธเจ้าท่านหาเพชรยอดมงกุฎได้ในขณะที่ศาสนาอื่นเขาหาไม่เจอเมื่อเอาเพชรยอดมงกุฎประดับลงไปความสวยงามสมบูรณ์พร้อมทุกอย่างก็เกิดขึ้น

    แต่ตราบใดที่ยังไม่มีเพชรยอดมงกุฎคือ อริยสัจ ๔ ที่ท่านตรัสรู้มันก็สามารถที่จะสมบูรณ์แบบได้ อย่าดูถูกศาสนาอื่น ในสัตกนิบาตอังคุตรนิกาย พระพุทธเจ้าตรัสถึงศาสดานอกศาสนาคนหนึ่งคือ อารกะ อารกะศาสดานี้สอนลูกศิษย์เกี่ยวกับความเป็นจริงของชีวิตท่านบอกว่าชีวิตเหมือนกับต่อมน้ำคือ เหมือนฟองน้ำผุดขึ้นมาแล้วก็แตก เหมือนรอยไม้ที่ขีดลงในน้ำ ปรากฏวูบเดียวก็หายเลย เหมือนลำธารที่ไหลลงมาจากภูเขา พรวดมาแล้วก็ผ่านไปเลย เหมือนชิ้นเนื้อนาบไฟคือ ไหม้หมดแน่ ๆ ในระยะเวลาอันไม่นาน เหมือนโคที่เขานำไปฆ่าตายแหง ๆ หมดทางเลี่ยง นั่นศาสดานอกศาสนาสอนศิษย์ขนาดนั้น เพราะฉะนั้นดูถูกเขาไม่ได้ ศาสดาเจ้าลัทธิต่าง ๆ

    สมัยนั้นที่มีชื่อเสียงเยอะต่อเยอะด้วยกัน เพียงแต่ว่าพอถึงขั้นสุดท้ายแล้วก็ไปหลงติดในลาภ ยศ สรรเสริญ สุข หลงในความยึดถือ เชื่อถือ ของคนอื่นเขา เลยคิดว่าตัวเองเป็นพระอรหันต์ไปทั้งที่ไม่ใช่ของจริง สมัยนั้นที่เขาเรียกคณาจารย์ทั้ง ๖ มี สัญชัยเวลัฏบุตร ที่เป็นอาจารย์ของพระโมคคัลลาน์พระสารีบุตรมาก่อน ปกุธกัจจายนะ อชิตะเกสะกำพล มักขลิโคสาละ นิครนถนาฏบุตร เหล่านี้จะมีชื่อเสียงมหาศาลมากเป็นที่นับถือของคนเป็นหมื่นเป็นแสนเลย เพียงแต่ว่าลัทธิที่เขาสอนมันเข้าไม่ถึงจริงเท่านั้นเอง นักคิดมันเยอะ

    ถาม : แล้วเพราะอะไร ทำไมเขาถึงไม่ลักษณะที่ว่าทำไมคนเกิดมาเขาถึงไม่นับถือศาสนาเดียวกัน?
    ตอบ : มันแล้วแต่สิ่งแวดล้อมและการยึดถือของครอบครัวตัวเอง ครอบครัวตัวเองเชื่อถืออย่างไรก็ทำตามนั้นมา แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะเป็นอย่างนั้น ตรงนี้มีทั้งคริสต์มีทั้งอิสลามต้องถืออิสลาม

    ถ้าเขาเคยบำเพ็ญบารมีมาในระดับหนึ่งเขาจะรู้ว่าสิ่งที่เขาทำมันยังไม่ตรงกับใจของตนเองเลย มันเหมือนกับคนหาอาหารกินนะ ได้อาหารที่รสชาติไม่ถูกใจตัวเองก็หาไปเรื่อยจนกระทั่งมาเจอศาสนาพุทธก็เอ้าใช่เลย อาหารรสนี้ที่เราต้องการเขาก็มาเรื่อยเป็นอย่างนี้ ที่มันนับถือแตกต่างกันไป เกิดจากสภาพสิ่งแวดล้อมและระเบียบประเพณีที่ยึดถือกันมาในครอบครัวของตน ขณะเดียวกันฝรั่งน่ะอย่าคิดว่ามันถือคริสต์นะ ตอนนี้อิสลามในอเมริกามีมากพอ ๆ กับคริสต์เลย

    ส่วนใหญ่แล้วตรงจุดที่ว่าแต่ละศาสนา นรกสวรรค์ต่างกัน คนมันจะข้องใจตรงจุดนี้ ที่ต่างกันมันต่างกันตรงที่ความเชื่อถือการยึดถือตามแบบของเขา แต่จริง ๆ ถ้าเราสังเกตจะมีเนื้อหาเดียวกันก็คือ นรกเป็นสถานที่ลงโทษ สวรรค์เป็นสถานที่ตอบแทนผลของความดีที่เราทำเอาไว้ที่เห็นต่าง ๆ กันไปมันตามความเชื่อถือของเขา ถ้าไม่เห็นอย่างนั้นเขาก็ไม่เชื่อว่าเป็นสวรรค์ ก็เลยทำให้เห็นแตกต่างไปคนละทิศคนละทาง

    แต่จริง ๆ แล้วทั้งหมดไม่ว่าจะศาสนาไหน นรกเดียวกันสวรรค์เดียวกัน สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ถ้าคนไม่ทำความดี ความชั่ว นรกก็ไม่มี สวรรค์ก็ไม่มี ผลการกระทำที่เรียกว่ากรรมนั้นแหละส่งผลมหาศาลอย่างมาก เมื่อทำชั่วก็มีนรก เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉานขึ้นมารองรับ เมื่อทำความดีก็มีมนุษย์ เทวดา พรหม พระนิพพานขึ้นมารองรับ สิ่งทั้งหลายเหล่านี้จะไม่เกิดขึ้นเลยถ้าไม่มีการกระทำ




    สนทนากับพระเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    เดือนกรกฎาคม ๒๕๔๔
    ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 28 กันยายน 2013
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...