นี่ ! เข้าวัดทุกวันต้องได้อะไรบ้างนะ

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย kaneya, 11 พฤษภาคม 2009.

  1. kaneya

    kaneya Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2006
    โพสต์:
    78
    ค่าพลัง:
    +96
    นี่ ! เข้าวัดทุกวันต้องได้อะไรบ้างนะ<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>

    นี่ ! เข้าวัดทุกวันได้อะไรบ้าง หลังจากเข้าวัด พบพ่อแม่ครูบาอาจารย์ กราบเท้าหลวงพ่อ เราจะต้องกลับมาสอนใจตัวเอง อย่าไปวัดให้เปล่าประโยชน์ ไปทุกวันก็ย้อนกลับมามองตัวเองทุกวันว่า ทุกวันนี้เราละโกรธได้ไหม เราปล่อยเราวางได้บ้างหรือเปล่า ไม่ใช่ว่าเข้าวัดทุกวัน ไม่เคยกลับมาวัดใจวัดจิตวัดใจตัวเองเลยว่าไปถึงขนาดไหนแล้ว ปัญหาทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันเป็นเพียงสภาวธรรมหนึ่งเท่านั้น มันมีเกิด มันก็ต้องมีดับ เกิดแล้ว ดับ เกิดดับ อยู่อย่างนี้ อย่าให้ใครเขาว่าเราเอาได้ว่าไปวัดเสียเปล่า ไม่เห็นจะมีอะไรดีขึ้นเลย หลวงพ่อท่านสอนอยู่ทุกวันว่า เราต้องรับสารภาพในกรรมของเรา เราต้องยอมรับว่าสิ่งไหนคิดแล้วทุกข์ หยุดคิดทันที อย่าคิดให้มันทุกข์ มองทุกอย่างด้วยความเข้าใจ เข้าใจในปัญหา และใช้ปัญญาเข้าแก้ไข อย่ากังวลใจ อย่าคิดเรื่องไม่เป็นเรื่อง อย่าเอาเรื่องไม่เป็นเรื่องมาคิด หลวงปู่สังข์ ท่านสอนว่า กรรมใครกรรมมัน อย่าไปยุ่งกับเขา อย่าคิดเรื่องไม่เป็นเรื่อง ทำทานทุกวัดเข้าใจเรื่องการทำทานแค่ไหน ภาวนาสำคัญที่สุด
    ไปวัดก็ต้องกลับมาวัดใจตัวเองด้วย เวลาเราโกรธ ก็ต้องรู้ว่าโกรธ รู้เฉยๆ ไม่ต้องคิดโกรธ ไม่ต้องยึดอารมณ์โกรธ ยึดโกรธก็โกรธทันที ยึดหลงก็หลงทันที ทำใจให้เหมือนกระจก เราเห็นรูปในกระจกแต่เราไม่ต้องยึดรูป รู้ แต่ไม่รับ ถ้ารับทุกเรื่องมันก็ทุกข์ทุกเรื่อง สิ อารมณ์โกรธส่องมา ก็รู้ว่าโกรธ ไม่ต้องไปรับอารมณ์โกรธ มนุษย์ทุกวันนี้มีปัญหาอยู่ที่ว่าเราจะมองหรือแก้ปัญหานั้นอย่างไร หากว่าเรามองให้มันทุกข์ มันก็ทุกข์ทุกเรื่อง ความทุกข์นี่มันมีความหมายกว้างนะ แต่ทุกคนจะทุกต่างกัน บางคนก็ทุกเพราะคิด บางคนทุกข์เพราะเรื่องตัวเอง บางคนทุกข์เพราะเรื่องคนอื่น บางคนสุขก็ทุกข์ อยู่เฉยๆมันหาเรื่องให้มันทุกข์ได้ทุกวัน หลวงพ่อท่านสอนว่า สุขอื่นเสมอความสงบไม่มี ทุกคนก็ต้องการความสงบกันทั้งนั้น แต่เราไม่แสวงหา เราไปวัดทุกวันตลอดเวลา ก็ต้องเอาคำสอนของหลวงพ่อมาใช้ ไม่ใช่ว่าสักแต่ว่าไปอย่างเดียว ให้คนเขาเห็นประโยชน์ของการไปวัดจากตัวเรา สอนคนอื่นมามากหัดสอนใจตัวเองบ้างสิ อย่าดีแต่พูด พูดแล้วทำไม่ได้ เขาจะหาว่าคนไม่จริง เพ้อเจ้อ ปัญหาทุกอย่างเราก็รู้ไม่ใช่เหรอว่า มันต้องแก้ได้ แก้ที่ไหนหละ ต้องแก้ที่ใจตัวเอง เข้าใจมัน ยอมรับโดยดี ปล่อยและวางทันที ไม่ใช่ปล่อยแต่ปาก วางต้องวางลงทันที
    ทุกคนเกิดมาด้วยกรรม กรรมคือการกระทำ กระทำอะไร ก็กระทำบุญไง อยู่ด้วยบุญ ด้วยกุศล อาศัยผลของการทำคุณงามความดีมารักษาตัว รักษาตน ให้เป็นผู้ที่สุขจากใจ สุขแบบสุขจริงๆ อย่าไปคิดมาก คิดแล้วทุกข์ เสียเวลาคิดเปล่าๆ เลิกคิดซะ เข้าใจไหม อยากให้คนอื่นมาเข้าใจตัวเรา เรา เคยเข้าใจคนอื่นบ้างไหม เราเข้าใจตัวเราเองไหม ฝึกใจให้ทุกข์ยาก สุขง่ายสิ รู้แต่ไม่รับ ทุกวันนี้ที่เรามีชีวิตอยู่ เราคิดว่าเราเพียงพอแล้วเหรอกับการทำคุณงามความดี ทำไปบ่อยๆ ทำไปเรื่อยๆ ทำไม่หยุดไม่หย่อน ไม่ต้องผ่อนทำความดี อย่าผัดผ่อน ทำอยู่ทุกวัน ไปวัดไปหาหลวงพ่อก็ต้องน้อมใจด้วยจิตอันบริสุทธิ์ ไม่เจือปนกิเลส ไม่มีสารปนเปื้อน เป็นจิตที่สะอาด ขาว ใสอยู่ เตือนตัวเองเถอะว่า ไปวัดก็ต้องไปจริงๆ ไปแล้วกลับมาวัดใจตัวเองด้วย ให้มันละ ให้มันวาง ให้มันดีขึ้นว่างั้นเถอะ อย่าให้ใครเขาปรามาสเราได้ว่าไปวัดเปล่าประโยชน์ ทำให้คนเห็น เทวดาจะอนุโมทนาบุญ เชื่อในอำนาจของบุญ และเชื่อในพลังของการทำความดี กรรมเราสแกนได้ แต่เราลบได้ไหม ไม่ได้ ทำความดีสิ ทำไปเถอะ
    หากเราทำความดี ทำบุญ เอาบุญเป็นที่พึ่ง ของจิตใจ เรามีที่พึ่งแล้ว มีบุญเป็นที่พึ่ง มีคุณงามความดีเป็นทุนของชีวิต สะสมเอาไว้ในธนาคารใจ มีดอกเบี้ยคือความสุข ดอกเบี้ยบุญนี้ให้ผลทุกวัน อิ่มเอมแช่มชื่นอยู่หัวใจ หลวงปู่แหวนท่านสอนว่า<o:p></o:p>
    ให้ทำใจ ให้เหมือนแผ่นดิน ใครเหยียดย้ำเท่าไหร่ก็ไม่โกรธ ทำใจให้เป็นใจทองคำเป็นหัวใจทองคำที่มีค่า เราไปแก้กรรมใครไม่ได้ ไม่ต้องไปแก้ที่ใคร พ่อ แม่ เพื่อนฝูง มาแก้ที่ใจตัวเองนี่แหละ อย่าไปกังวล คิด คิด คิดทั้งวัน ก็ทุกทั้งวัน คิดทั้งคืนก็ทุกทั้งคืน หยุดคิดสิ หายทุกข์ทันที หลวงพ่อเปลี่ยน ปัญญาปทีโป ท่านสอน ให้มามองที่ตัวเอง อย่าไปมองที่คนอื่น มองคนอื่นก็เอาทุกข์ของคนอื่น สิ มาดูที่จิตใจตัวเองว่า เราเป็นอย่างไร และเราควรแก้ไขเรื่องนั้นอย่างไรบ้าง หลังจากเข้าวัดเราต้องย้อนมามองตัวเองทุกครั้ง เตือนตัวเอง ดูใจตัวเอง ไม่ต้องไปยึด ยึดแล้วทุกข์ เราต้องยอมรับสารภาพว่าเรื่องนั้นทำให้เกิดทุกข์ ยอมทันที หยุดคิด ทุกคนล้วนแล้วแต่อาศัยบุญทั้งนั้น หลวงพ่อประสิทธิ์ สอนว่า บุญคือความสุข คนทำบุญ ก็คือผู้มีบุญ ผู้มีบุญจึงทำบุญ
    ผมเขียนบทความนี้เพื่อเป็นการเตือนใจตัวผมเองนะครับ ผมจะถามใจตัวเองด้วยประโยคที่ว่า นี่ ! เข้าวัดทุกวันต้องได้อะไรบ้างนะ

    อ่านแล้วเป็นอย่างไรบ้างครับ สาธุ <o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 พฤษภาคม 2009
  2. โชเต

    โชเต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    285
    ค่าพลัง:
    +331
    "เข้าวัดทุกวันต้องได้อะไรบ้างนะ"

    ผมจะบอกให้ฟังกัน แบบทั่วหน้ากันว่า
    "ไม่จำเป็นว่าจะต้องได้บุญเสมอไปหรอก ได้บาปก็ไม่ใช่น้อยๆ"

    ที่ผมพูดอย่างนี้ ก็เพราะว่า
    ในการเข้าวัดแต่ละครั้งจะต้องสำรวมกิริยา ทั้งกาย วาจา และใจ
    การแต่งตัวเข้าวัดก็เป็นกิริยา "มารยาท" อย่างหนึ่งที่ "ชาวพุทธ" อย่างเรา ๆ
    จะต้องพึงปฏิบัติ ทุกๆ ย่างก้าวที่เหยียบย่ำเข้ามาในวัด
    ก็จะต้องระมัดระวังอย่างยิ่ง
    ถ้าหากเป็นคำพูดคำจา ด้วยแล้วล่ะก็ จะต้องระวังอย่างมาก

    หากจะพูดให้ชัดเจน "สั้นๆ ได้ใจความ" แบบแจ่มแจ้งแดงแจ๋ล่ะก็

    คุณจะต้องระวังถึงเรื่องการแต่งกายที่ไม่เหมาะสม ทั้งผู้ชายและผู้หญิง
    (โดยเฉพาะพวกผู้หญิงทั้งหลาย ซึ่งคุณสามารถมองเห็นได้ตลอดเวลา ในแบบที่ว่า ไม่ต้องมานั่ง"โกหก แต่งเรื่อง"กันเลย)

    กรุณา "งด และเลิก" "พฤติกรรม"ที่ไม่เหมาะสมต่าง ๆ เช่น

    การสวมใส่เสื่อผ้าที่ประเจิดประเจ้อ (อนึ่งก็ไม่รู้เหมือนกันว่าพวกเขา(ผู้หญิง)จะมาเดินแบบใส่เสื้อแฟชั่น อวดร่ำอวดรวย แต่งองค์ทรงเครื่อง ใสน้ำหอมหลากหลายยี่ห้อแข่งกัน แต่งหน้าทาปาก ห่วงสวยกันไปทำไม ทั้งๆ ที่อยู่ในวัดแท้ๆ แล้วพูดกันทำไม ว่า ปลงอย่างนั้น ปลงอย่างนี้ ปฏิบัติอย่างโน้น ฝึกกันอย่างเคร่งๆ) อีกทั้ง ไม่ควรพูดคุยเรื่องราวต่างๆ ที่ไร้สาระ ยกตัวอย่างเช่น เรื่องลูก (เก่งอย่างนั้น อย่างนี้ สอบได้ที่หนึ่ง ฯลฯ) เรื่องผัว (ปีนี้สามีได้ตำแหน่งใหม่ ไปออกรอบวงกอลฟ์กับเพื่อนฝูง ฯลฯ) เรื่องครอบครัว (เดี๋ยวคนนั้น คนนี้ไม่สบาย ป่วย พาไปหาหมอแล้วไม่หาย ฯลฯ)
    เรื่องคนใกล้ชิด เรื่องสมบัติพัดสถาน (เสร็จธุระคราวนี้ ก็ว่าจะไปออกรถ สร้างตึก ปลูกบ้าน ฯลฯ) เรื่องตำแหน่งเงินทอง หรือแม้กระทั่งผู้คนที่เข้าวัดมาทำบุญด้วยกันเอง

    ผมถามว่า คุณจะมาพูด คุยเรื่องแบบนี้กันทำไม ในวัดครับ
    ในเมื่อคุณเข้าวัดมาเพื่อที่จะมาทำบุญ ก็มาทำบุญกันซิครับ
    สนทนาธรรมกับ"พระท่านฯ" เอาแบบนั้นซิครับ
    (ไม่ได้จงใจ ที่จะว่าใครๆ นะครับ เรื่องแบบนี้ มีให้เห็นเยอะแยะ)

    และที่"เป็นกันหนักๆ" ก็คือการเข้าไปหา"พระ"
    ทั้งนอกกุฏิก็ดี และ ในกุฏิก็ดี หรือแม้กระทั้งใน วิหาร ในศาลา
    อันมีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ประดิษฐานอยู่ ณ ที่แห่งนั้น
    บางคนเนี่ย " แทบจะไปประชิดตัวท่านฯเลย ทั้งๆ ที่เป็นผู้หญิงแท้ๆ"
    อยู่ห่าง ๆ ท่านฯ ก็ได้ ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่ได้บุญหรอก ได้อยู่แล้ว
    (แต่ถ้าทำแบบนี้อีก เรื่อยๆ แทนที่จะได้บุญ คุณก็รับ "บาป" ไปก่อนก็แล้วกัน)
    "ไม่กลัวบาปหรืออย่างไร" รึว่า รู้ทั้งรู้ก็ยังทำอีก

    จะถวายสิ่งของก็ดี ถวายปัจจัยก็ดี ถวายเครื่องใช้ในหมู่สงฆ์ก็ดี
    เป็นผู้ชายมาทำบุญ ก็นอบน้อม นมัสการท่านฯ ถวายประเคนของก็ไม่ผิด
    แต่ว่า ถ้าเราเป็นผู้หญิง ก็ถอยห่างจากท่านมั่งก็ได้
    หากในบริเวณนั้น มีผู้ชายซี่งเป็นญาติ หรือไม่ใช่ก็ตาม ก็ให้เขา(ผู้ชาย)
    นมัสการท่าน นมัสการพระคุณเจ้า
    นิมนต์ท่านฯ นั่งลงก่อนก็ได้
    บนอาสนะของท่านฯ แล้วค่อยไปประเคนถวายท่านฯ ให้ถูกต้อง
    เข้าวัดทุกวัน มาทำบุญทั้งที" จะได้ไม่ต้องบาป"

    ไม่ต้องกลัวหรอกว่า ให้คนอื่นถวายแล้วเรา(ผู้หญิง)จะไม่ได้บุญ
    คุณได้อยู่แล้ว เพราะคุณเป็นเจ้าของสิ่งที่จะถวาย แต่เพี่ยงแค่ว่า คุณให้เขา(ผู้ชาย) เป็นตัวแทนตัวของ "คุณ" เอง ถวายสิ่งของ ของคุณ
    และ"คุณ"จะได้ไม่ต้องบาปด้วย

    ที่ผมพูดอย่างนี้ ไม่ได้กีดกัน หรือ"อคติกับผู้หญิง" หรอกครับ
    สิ่งที่ผมบอกมา ก็คือ "ความเหมาะสม" ก็เพราะว่าคุณเป็น "ผู้หญิง"
    ฉะนั้น คุณ"ผู้หญิง"ทั้งหลายจะต้องระมัดระวัง
    (รู้ ๆ กันอยู่แท้ๆ ไม่ต้องบอกขนาดนี้ก็ได้ ร่ำเรียนมาก็ ไม่ใช่น้อยๆ ด๊อกเตอร์ก็มี)

    "บางคน (รู้ทั้งรู้) มีรอบเดือน ก็ยังจะ (ดันทุรัง) ไปอยู่ใกล้ๆ กับท่านฯ
    และแถมยังอยู่ต่อหน้าพุทธรูป ซึ่งเปรียบเสมือนตัวแทนของ "องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า" ในหมู่ของ "สงฆ์" ในวัดอันศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้อีก

    การเดินเหินในวัดในวา จะต้องระมัดระวังเป็นอย่างมาก ไม่ว่าชายหรือหญิงก็ตาม
    "บางคนเดิน ข้ามหัวท่านฯ ข้ามหัวพุทธรูปไปเลย"
    จะเดินผ่านกันทั้งทีเนี่ย "หัดค้อม หมอบลง เดินคลานกันมั่งไม่ได้หรือ"
    กลัวเปื้อน กลัวเสื้อผ้าจะขาดหรือยังไง กลัวไม่สวย ไม่หล่อกันใช่ไหม
    รู้กันบ้างไหมเล่า ว่า การกระทำเช่นนี้ เขาเรียกว่า "บาป"
    มันบาปนะ (สมัยนี้คงจะไม่มีใครสอนมั้ง หรือสอนแล้วก็ไม่รู้จัก"จำ")

    ถ้าพูดกันแบบหยาบๆ ก็คือ "พ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย โครตเหง้า ไม่อบรมสั่งสอน"

    ในเมื่อคุณเข้าวัดทุกวัน คุณก็ต้องเหยียบย่ำ อิฐ หิน ดิน ทราย ก้อนกรวดไปด้วย
    ทั้งขาเข้า และขาออก นั่นหมายความว่า คุณก็อย่าลืม "ใช้หนี้สงฆ์"
    ด้วยการนำดิน หิน ทราย เข้าวัด เพื่อชำระหนี้ โดยที่ไม่ต้องรอให้ถึง
    ประเพณีนำ ดิน หิน ทราย เพื่อมาสร้างเจดีย์หรอกครับ ทำเลย

    ยิ่งสมัยนี้แล้ว พวก "มือถือสาก ปากถือศีล" ก็มีอยู่เยอะ
    แต่งกายชุดสีขาว พูดจาธรรมมะ ธรรมโม
    แต่แท้ที่จริงแล้ว "ละโมบ โลภมาก ไม่มีอันสิ้นสุด" กันก็เยอะ
    เข้าวัดกันเกือบทุกวัน สวดมนต์ ก็สวดกันแต่ปาก
    นั่งสมาธิก็มานั่งเฉยๆ แต่ในใจก็ หวาดระแวง ขี้อิจฉา ริษยา ด้วยกันเอง
    ใครได้ดีกว่า ใครได้หน้ากว่า ใจก็รุ่มร้อน ไม่มีกะจิตกะใจที่จะ "ภาวนา"
    พยายาม ที่จะมีส่วนร่วมกับวัดกับวา ปากก็บอกว่า"จะทำนุบำรุง สืบทอดศาสนา"
    แต่แท้ที่จริง ก็หวังมี"ผลประโยชน์" ส่วนร่วมกับการ"หากิน" กับวัด แต่งตั้ง"ตนเอง"เป็นคณะกรรมการจัดทำทุกๆ อย่างทั้งการ "บอกบุญ เรี่ยไร พิมพ์ฏีฎา ทอดกฐิน และถวายผ้าป่า" ทุกอย่าง

    สุดท้ายนี้ ผมจะบอกให้พวกคุณได้ทราบว่า
    ในการเข้าวัดทุกวันจะต้องได้อะไรบ้าง ผมก็ได้บอกอย่างที่ได้บอกมาแล้วว่า
    "บางครั้ง ก็ไม่ได้บุญกันทุกคนนะครับ เผลอ ๆ ได้บาปกันมากว่าบุญเสียอีก"
    รู้ ๆ กันอยู่แท้ (โดยเฉพาะผู้หญิง) ก็ไม่ต้องบอกกันให้มากกว่านี้นะครับ

    ผมแค่จะเตือนสติ พวกที่เข้าวัดทุกวัน นักปฏิบัติธรรมทุกๆ คน
    ที่สร้างกุศล ผลบุญ ทั้งหลายให้ดีๆ ว่า
    "มารยาท ต่อหน้าพระสงฆ์ ต่อหน้าพุทธรูป และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในวัดในวานั้น
    เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน อย่างมาก ใครไม่ระวังก็ตาม ก็จะต้อง"ติดทัณฑ์บน"
    โดยไม่รู้ตัว"

    คิดพิจารณากันให้ดีๆ นะครับ ของแบบนี้ บอกกันได้ไม่หมดทุกคนหรอก
     

แชร์หน้านี้

Loading...