ประวัติออสเตรเลียน แคปพิทอล เทอร์ริทอรี่

[SIZE=+1]ประวัติออสเตรเลียน แคปพิทอล เทอร์ริทอรี่[/SIZE]


<table border="0" cellpadding="0" cellspacing="5" width="500"> <tbody><tr> <td align="center"></td> </tr> <tr> <td align="center">[SIZE=-1]แผนที่เมืองหลวงแคนเบอร์รา(ACT) [/SIZE]</td> </tr> </tbody></table>


<table border="0" cellpadding="0" cellspacing="5" width="500"> <tbody><tr> <td align="center"></td> </tr> <tr> <td align="center">[SIZE=-1]ตราประจำรัฐ ACT[/SIZE]</td> </tr> </tbody></table>


<table border="0" cellpadding="0" cellspacing="5" width="500"> <tbody><tr> <td align="center"></td> </tr> <tr> <td align="center">[SIZE=-1]ธงประจำเมืองหลวง ACT[/SIZE]</td> </tr> </tbody></table> [SIZE=+1]ในปีค.ศ. 1820 [/SIZE] ชาวยุโรป 3 คนคือ Joseph Wild, Jame Vaughan , Charles Throsby ได้บุกเบิกเข้ามาจากซิดนีย์โดยเข้ามาทางเนินเขารอบๆ ทะเลสาบจอร์จ มาตามแม่น้ำโมลองโก เรื่อยมาจุดที่เชื่อมกับแม่น้ำควีนเบี่ยน และยังค้นพบแม่น้ำเมอร์รัมบีจี จากคำบอกเล่าของชาวอะบอริจิ้น กลุ่มผู้บุกเบิกพบว่าผืนดินบริเวณรอบๆนี้อุดมสมบูรณ์ เป็นที่ราบเรียบมีป่า ทุ่งหญ้า มีหินปูน หินชนวน หินกราไนท์มากมาย โดยเฉพาะหินปูน ปัจจุบันก็คือพื้นที่ราบลามสโตน Limestone plains จากการสำรวจของผู้บุกเบิกนี้เอง จึงเริ่มมีผู้สนใจย้ายเข้ามาอาศัยในเขตนี้ (แคนเบอร์ราปัจจุบันนั่นเอง) ต่อมาในปี ค.ศ. 1845 เมืองเล็กๆจึงได้เกิดขึ้น มีการสร้างโบสถ์ แองจิกันขึ้น

<table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="500"> <tbody><tr> <td align="center"></td> </tr> </tbody></table>
นับจากวันที่ 1 ค.ศ. 1901 เมื่ออังกฤษได้ยกฐานะออสเตรเลียขึ้นเป็นประเทศหนึ่ง รัฐบาลในสมัยนั้นได้มีมติที่จะต้องหาพื้นที่เพื่อสร้างเมืองหลวงให้กับ ประเทศ โดยมีข้อแม้ว่าพื้นที่นั้น ต้องอยู่ในเขตนิวเซาท์เวลล์ และต้องห่างจากซิดนีย์อย่างน้อย 160 กิโลเมตรขึ้นไป มีพื้นที่ไม่ต่ำกว่า 40 เขตได้รับการเสนอให้ใช้สร้างเมืองหลวง แต่ในที่สุดในปี ค.ศ. 1908 พื้นที่ยาส-แคนเบอร์ราก็ถูกเลือกให้เป็นพื้นที่ใช้สร้างเมืองหลวงเนื่องจาก มีความพร้อมในเรื่องพื้นที่ อากาศ และปริมาณน้ำใช้แล้ว แคนเบอร์รายังตั้งอยู่ใกล้ถนนหลักที่เชื่อมระหว่างซิดนีย์และเมลเบิร์น พื้นที่จำนวน 2368 ตารางกิโลเมตรถูกกำหนดเป็นเมืองหลวง ซึ่งสามารถออกสู่ทะเลได้ทางอ่าวเจอวิส Jervis Bay


[SIZE=+1]การแข่งขันการออกแบบเมืองหลวงใน ค.ศ.1911[/SIZE]
ในปี ค.ศ. 1911 ได้มีการจัดการแข่งขันออกแบบเมืองหลวงของออสเตรเลียระดับนานาชาติ ขึ้น มีผู้ส่งแบบเข้าประกวด ถึง 137 ราย หลังจากปิดรับผู้ส่งแบบ วันที่ 4 มีนาคม 1912 คณะกรรมการทั้งหลายได้เริ่มพิจารณาแบบทั้งหมดที่ส่งเข้าประกวด และในวันที่ 23 พฤษภาคม 1912 ก็ได้มีการประกาศผลผู้ได้รับรางวัลที่ 1 เป็นวิศวกรชาวอเมริกันชื่อ วอล์เตอร์ เบอร์เล่ย์ กริฟฟิน Walter Burley Griffin จากชิคาโก
ในปี ค.ศ. 1913 ได้เริ่มก่อสร้างเมืองและได้รับการตั้งชื่อว่า "แคนเบอร์รา"ซึ่งเป็นภาษาอะบอริจินิสเปลว่า "ที่ชุมชน" แต่เนื่องมาจากสงครามโลกครั้งที่ 1 และการขาดแคลนเงินตรา การก่อสร้างเมืองจึงล่าช้า อย่างไรก็ดี เมืองหลวงก็แล้วเสร็จในปี ค.ศ. 1927


<table border="0" cellpadding="3" cellspacing="3" width="500"> <tbody><tr> <td align="center"></td> </tr> <tr> <td align="center">[SIZE=-1]พิธีเปิดรัฐสภาครั้งแรกในเดือน พฤษภาคม ค.ศ. 1927 [/SIZE] </td></tr> </tbody></table>


[SIZE=+1]แคนเบอร์ราในวันนี้[/SIZE]
แคนเบอร์ราปกคลุมพื้นที่ 805.6 ตารางกิโลเมตร ห่างจากชายฝั่งทะเล 150 กิโลเมตร จุดสูงสุดคือ ยอดเขามาจูร่า ทะเลสาบเบอร์เลย์ กริฟฟินตั้งอยู่กลางเมือง แคนเบอร์ราแบ่งออกเป็น 7 เขต คือ นอร์ทแคนเบอร์รา (North Canberra) ,เซาท์แคนเบอร์รา (South Canberra, วูเดน วิลเลย์ (Woden valley, เบลโคเนน (Belconnen, เวสตัน ครีค (Weston Creek), ทักกะระนอง (Tuggeranong),และ กังกาเลิน (Gungahlin).


[SIZE=+1]ภูมิอากาศ[/SIZE]
เนื่องจากอยู่บนพื้นที่สูงกว่าระดับน้ำทะเล และห่างจากชายฝั่งทะเล พื้นที่ในแคนเบอร์ราจึงค่อนข้างร้อนและแห้งแล้งในฤดูร้อน หนาวเย็นและหหอกหนาในฤดูหนาวรวมทั้งมีหิมะตกในบางจุด


[SIZE=+1]ตารางค่าเฉลี่ยอุณหภูมิเดือนต่างๆ ในหนึ่งปี[/SIZE]

<table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="500"> <tbody><tr> <td align="center"></td> </tr> </tbody></table>


[SIZE=+1]ประชากร[/SIZE]
* ประชากรในแคนเบอร์รามีประมาณ 400,000 คน การจ้างงาน 40% อยู่ในภาครัฐบาล


[SIZE=+1]การปรับเวลา Daylighe saving Time[/SIZE]
ในแคนเบอร์รามีการปรับเวลาปีละ สองครั้งคือ เวลา 02.00 นาฬิกาของวันอาทิตย์สุดท้ายของเดือนตุลาคมของทุกปี โดยจะปรับให้เวลาเดินหน้าเร็วขึ้น หนึ่งชั่วโมง และอีกครั้ง เมื่อเวลว 03.00 นาฬิกา ของวันอาทิตย์สุดท้ายของเดือนมีนาคม ของทุกปี จะปรับเวลาถอยหลัง หนึ่งชั่วโมง สถานที่น่าท่องเที่ยวในแคนเบอร์รา แคนเบอร์ราเป็นหนึ่งในเมืองที่ถูกจัดว่าน่าอยู่มากที่สุดเมืองหนึ่งใน ออสเตรเลีย ทั้งนี้เพราะเป็นเมืองที่สวยงาม เป็นระเบียบ เงียบสงบ สะอาด ความแตกต่างของฤดูทั้ง 4 ทำให้แคนเบอร์รามีความสวยงามในแบบที่ต่างกันไป ใบไม้ที่เปลี่ยนเป็นสีส้ม ,สีทองในถนนทุกสายในฤดูใบไม้ร่วงเป็นความงามที่ดื่มด่ำ ซาบซึ้ง ความหนาวเหน็บของอากาศและสายลมที่เย็นยะเยือกในฤดูหนาวก็ทำให้การรอคอยความ สดใส และแสงแดดของฤดูใบไม้ผลิที่จะตามมาเป็นอะไรที่น่าเร้าใจ นี่คืออีกหนึ่งเอกลักษณ์ของแคนเบอร์รา นอกจากนี้แคนเบอร์รายังจัดว่าเป็นเมืองที่มีความปลอดภัยสูง ถ้าแวะมาเที่ยว แคนเบอร์ราแล้วจะพบว่ามีสถานที่น่าท่องเที่ยวมากมาย อาทิเช่น


[SIZE=+1]1. Lake burley Griffi [/SIZE]
เลคเบอร์เล่ย์ กิฟฟิน เป็นทะเลสาบขุดขึ้นในใจกลางเมืองแคนเบอร์รา สวยงามมาก


<table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="500"> <tbody><tr> <td align="center"></td> <td align="center"></td> <td align="center"></td> </tr> </tbody></table>


[SIZE=+1]2. Parliament house[/SIZE]
ตึกรัฐสภา ตัวตึกเป็นสถาปัตยกรรมยุคใหม่ที่สวยงาม เสาธงที่อยู่ใจกลางบนยอดตึก สูงถึง 81 เมตร เป็นจุดโฟกัสของเมือง ไม้ต่างๆที่ใช้ในการก่อสร้างนำมาจากทั่วทุกภาคของออสเตรเลีย นอกจากนี้ยังได้รวบรวมศิลปะออสเตรเลียแขนงต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นรูปภาพ รูปปั้น เซรามิก พรม ผ้า นำมาใช้ในการออกแบบภายในตัวตึก


<table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="500"> <tbody><tr> <td align="center"></td> <td align="center"></td> <td align="center"></td> </tr> </tbody></table>


[SIZE=+1]3. Australia War Memorial[/SIZE]
พิพิธภัณฑ์สงคราม เป็นอีกสถานที่น่าเยี่ยมชม เป็นที่รวมเรื่องราวประวัติการต่อสู้ ของวีรบุรุษในสงครามครั้งต่างๆ ของออสเตรเลีย โดยเฉพาะเรื่องราวในสงครามโลกครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2


<table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="500"> <tbody><tr> <td align="center"></td> <td align="center"></td> <td align="center"></td> </tr> </tbody></table>


[SIZE=+1]4.Questacon[/SIZE]
เควสตาคอน เป็นพิพิธภัณฑ์ วิทยาศาตร์และเทคโนโลยี่ แห่งชาติ เป็นแหล่งความรู้สำหรับทุกเพศทุกวัย เป็นสถานที่คุ้มค่าน่าเยี่ยมชมเป็นอย่างยิ่ง ได้ทั้งความรู้ และความบันเทิง ไม่แต่เพียงเด็กๆ แม้ผู้ใหญ่เองยังพบกับความประหลาดใจ ความล้ำยุคของเทคโนโลยี่ ในด้านต่างๆที่นำมาแสดงไว้ให้ชม


<table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="500"> <tbody><tr> <td align="center"></td> <td align="center"></td> <td align="center"></td> </tr> </tbody></table>


[SIZE=+1]5. Australian National Botanic Gardens[/SIZE]
เป็นสวนที่ใหญ่ที่สุดที่ได้รวบรวมพันธ์พืชต่างๆของออสเตรเลีย มาไว้ที่ กว่า 6,800 สปีชี่ย์บนพื้นที่มากกว่า 40 เอเค่อร์ ท่านจะพบพืชพันธ์ต่างๆ ที่มาจากเขตทะเลทราย เขตฝนชุก ที่หาชมได้ยา


<table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="500"> <tbody><tr> <td align="center"></td> <td align="center"></td> <td align="center"></td> </tr> </tbody></table>


[SIZE=+1]6. Cockington Green garden[/SIZE]
เมืองตุ๊กตาที่ได้จำลองเหตุการณ์ สิ่งก่อสร้างจากที่ต่างๆ มารวมไว้ในเมืองตุ๊กตาแห่งนี้ นอกจากจะได้ชมสวนอันสวยงาม ยังมีกาแฟที่หอมกรุ่นไว้บริการอีกด้วย


<table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="500"> <tbody><tr> <td align="center"></td> <td align="center"></td> <td align="center"></td> </tr> </tbody></table>


[SIZE=+1] 7.Canberra Floriade (งานเทศกาลดอกไม้) [/SIZE]
ทุกปีเมื่อเริ่มฤดูใบไม้ผลิประมาณเดือนกันยายนก็จะมีงานเทศกาลดอกไม้ ประจำปีของเมืองแคนเบอร์ราซื่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 15 กันยายน ถึง 15 ตุลาคม ของทุกๆปี เพื่อต้อนรับฤดูใบไม้ผลิ บริเวณ Commowealth Pank ข้างทะเลสาบ เบอเล่ย์ กริฟฟิน ดอกไม้นับล้านช่อจะถูกนำมาแสดงที่นี้ โดยเฉพาะดอกทิวลิปจำนวนมหาศาล


<table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="500"> <tbody><tr> <td align="center"></td> <td align="center"></td> <td align="center"></td> </tr> </tbody></table>
นอกจากนี้แคนเบอร์รายังมีสถานที่สำคัญๆอีกมากมายซึ่งสามารถหาข้อมูล ได้จาก visitor information ตามจุดต่างๆ ในเมือง รวมทั้งมีบริการทัวร์พาเข้าเยี่ยมชมสถานที่ต่างๆ อีกด้วย


<table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="500"> <tbody><tr> <td align="center">*********</td> </tr> </tbody></table>