ประสบการณ์เรื่องจริงที่สัมผัส

ในห้อง 'สมเด็จโต พรหมรังสี' ตั้งกระทู้โดย pongio, 24 กุมภาพันธ์ 2015.

  1. pongio

    pongio เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2013
    โพสต์:
    843
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +6,851
    ประสบการณ์เรื่องจริงที่สัมผัส.........<O:p></O:p>


    วันที่ 21-25 ต.ค. 53 วัดอัมพวัน จ.สิงห์บุรี<O:p></O:p>


    ก่อนที่จะเล่าเรื่องนี้ต้องขอเกริ่นถึงบาปบุญและเวรกรรม หลายคนมีความคิดแตกต่าง บ้างก็เชื่อในเรื่องเวรกรรม บ้างก็ว่าเป็นเรื่องงมงาย แต่สำหรับฉันเมื่อก่อนไม่เคยคิดเรื่องแบบนี้ แค่ทำดี ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน ช่วยเหลือคนอื่นได้เท่าที่ทำได้ แต่เมื่อวันเวลาผ่านไป ประสบการณ์ของชีวิต กับเรื่องราวต่าง ๆ มากมายเกิดขึ้น ทำให้เรามาคิดว่าทำไม เราต้องพบกับสิ่งเหล่านี้ และยิ่งเชื่อมากขึ้นเมื่อตัวเองมาประสบกับสิ่งที่เหลือเชื่อ และนั่นก็เป็นที่มาที่ทำให้ฉันต้องเข้ามาสู่การปฎิบัติธรรม , การนั่งสมาธิ ฉันบูชาท่านเจ้าประคุณสมเด็จโต พรหมรังสี เพราะท่านได้แสดงปฎิหาริย์ให้ฉันสัมผัสได้ ส่วนว่าจะเป็นปฎิหาริย์อย่างไรค่อยเขียนให้อ่านคราวหน้านะคะ แต่ที่อ้างอิงถึงท่านก็เพราะความเชื่อและความศรัทธาท่าน และก็อยากจะถือศึล (เรียกว่าเพื่อทดแทนคุณท่านและเพื่อลดเวรและกรรมของตัวเอง) ดังนั้นเมื่อเวลาพอที่จะอำนวย จึงเข้าไปปฎิบัติธรรมด้วยการถือศีลนุ่งขาวห่มขาว ที่ศูนย์ปฎิบัติธรรม "ทีปภาวัน" อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี <O:p></O:p>
    วันที่ 12 สิงหาคม 53 (วันแม่แห่งชาติ) โดยตั้งใจไป 3 วัน แต่ต้องกลับก่อน 1 วัน เนื่องจากสภาพร่างกาย แต่ครั้งนี้ก็ถือว่าโชคดี และครั้งนี้แหละที่ทำให้ฉันเลือกที่จะไปปฎิบัติธรรมที่วัดอัมพวัน... หลังจากกลับมาจากสมุยจึงตั้งใจที่จะไปถือศีลวัดอัมพวันดังนั้นจึงกำหนดเป็นวันออกพรรษาซึ่งวันออกพรรษาปีนี้ตรงกับวันปิยะมหาราชและตรงกับวันตักบาตรเทโวของชาวภาคกลาง วันที่ 22 ต.ค. 53 เดินทางรถทัวร์ถึงกรุงเทพฯประมาณตีห้ากว่าหลังจากนั้นก็นั่งรถตู้ไปลงที่อยุธยา...ที่ต้องลงรถที่นี่เพราะต้องการกลับไปยังที่ที่เคยอยู่อยุธยาเหมือนบ้านเกิด..เป็นที่คุ้นเคย และในการไปครั้งนี้ก็เดินทางไปกับน้องที่ทำงาน..ชื่อน้องกบ...กบไม่เคยไปเที่ยวที่อยุธยาเราก็เลยหาโอกาสพาเที่ยวที่นั้น..วันนั้นไปรถเพื่อนพาน้องกบไปเที่ยวที่วัดในอยุธยาและมีโอกาสไปกราบสมเด็จพระนเรศวรมหาราช..หลังจากนั้นเราก็เดินทางโดยรถประจำทางจากพระนครศรีอยุธยาไปสิงห์บุรี..ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง เดินทางประมาณ 13.00 ถึงประมาณ 14.00 น. เมื่อลงจากรถเราต้องนั่งรถมอเตอร์ไซด์จากปากทางเข้ามาที่วัดก็ประมาณ 10 นาที เมื่อมาถึงก็เข้าไปลงทะเบียนเพื่อเข้าปฎิบัติธรรม หลังจากนั้นก็ไปรับชุดที่ทางวัดมีไว้ให้ยืมใช้ เวลาปฎิบัติธรรมเสร็จเราก็จะทำบุญเพื่อช่วยค่าใช้จ่ายทางวัดซึ่งก็จะมีทำบุญชำระหนี้สงฆ์..หมายถึงการชดใช้ที่เรามาใช้สถานที่และของใช้ของวัด<O:p></O:p>
    หลังจากที่เรารับชุดไปแล้วเรายังสามารถเดินชมในวัดก่อนได้ โดยยังไม่ต้องเปลี่ยนชุดหากว่าเปลี่ยนชุดขาวแล้วห้ามลงมาต้องรอจนกว่า 4 โมงเย็นที่เจ้าหน้าที่นัดทุกคนที่มาถือศีลในวันนั้นมีผู้มาถือศีลประมาณ 1500 -1600 คนเห็นจะได้...

    ก่อนหน้านี้ได้มาที่วัดนี่แล้วเพื่อมาสำรวจก่อนที่จะถึงวันที่จะมาปฎิบัติธรรม วันนั้นระหว่างรอพบหลวงพ่อจรัญ เราก็เดินไหว้พระตามที่ต่าง ๆ ในวัด สิ่งที่ทำให้ตกใจ ดีใจ จนบอกไม่ถูก นั้นก็คือการได้พบรูปเหมือนสมเด็จหลวงพ่อโตพรหมรังษี สร้างไว้ให้บูชา เราจึงเข้ามานมัสการท่าน ทั้งน้ำตาไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า หลวงพ่อโตกับหลวงพ่อจรัญจะมีอะไรสัมพันธ์กัน เนื่องจากการตัดสินใจมาบวชที่นี่เพราะว่าสมเด็จพุฒจารย์โตท่านดลใจให้เรามา ดังนั้นจึงรู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูก.....<O:p></O:p>


    ...เมื่อถึงเวลา 16.00 น. ของวันที่ 22 ต.ค.53 ก็มารวมตัวกันและก็แจ้งกำหนดการต่าง ๆ หลังจากนั้นเวลา 18.00 น. เราก็เริ่มมาทำวัตรเย็นหลังจากนั้นก็เดินจงกลม 45 นาที และต่อด้วยนั่งสมาธิ 45 นาที ระหว่างที่นั่งนั้นบอกตรง ๆ นะ ว่านั่งไม่ครบ ทั้ง ๆ ที่เคยไปปฎิบัติมาแล้วนะ ระหว่างนั่งเกิดอาการปวดตามขา...แต่วันนี้ก็ผ่านไปได้ด้วยดี<O:p></O:p>


    วันที่สองของการปฎิบัติตื่นนอนเวลาตี 3 แล้วมาทำวัตรเช้าเวลา ตี 4 ที่ต้องตื่นเช้าเนื่องจากผู้เข้าปฎิบัติธรรมมีจำนวนมากดังนั้นจึงต้องเข้าแถวในการทำภารกิจส่วนตัวต่าง ๆ ....ช่วงเช้าหลังจากทำวัตรเช้าและทานอาหารเช้าเสร็จ ก็ไปร่วมตัวกันที่ศาลา(จำชื่อไม่ได้) เพราะวันนี้ตรงกับวันออกพรรษาพอดีทางวัดจึงมีงาน...หลังจากเสร็จสิ้นงานช่วงเช้าถึงบ่าย...เรากลับมาพักผ่อนที่พักและจะไปรวมตัวกันอีกครั้งเวลา 18.00 น.เพื่อทำวัตรเย็น ช่วงเวลาเกือบ 2 วันที่ผ่านมาได้พบได้เห็นผู้คนมากมาย และรู้สึกผิดหวังที่มาปฎิบัติธรรมที่นี่เพราะที่นี่เป็นวัดเป็นสถานที่ที่บ่มจิตใจคน แต่เจ้าหน้าที่ที่นี่ทั้งดุ ทั้งชอบพูดว่าผู้มาปฎิบัติอย่างต้องการให้เขาเหล่านั้นอับอาย คิดในใจว่าทำไมต้องทำอย่างนั้น ก็เลยหมดความศรัทธา คิดว่านี่นะหรือที่ที่คนชอบมากัน และที่นี่นะหรือที่สมเด็จพุฒจารย์โต พรหมรังษี ต้องการให้ฉันมา........

    ช่วงเย็นของวันที่สอง (23 ต.ค.53) เวลา 18.00 น. หลังจากทำวัตรเย็นแล้ว ก็จะต้องเดินจงกลม 45 นาที ตามด้วยนั่งสมาธิ 45 นาที ช่วงที่นั่งสมาธิฉันนั่งไปได้ประมาณ 10 นาทีเห็นจะได้ ดิฉันปวดตามขาแล้วก็ปวดส้นเท้าทั้ง 2 ขามาก<?xml:namespace prefix = "o" /><o:p></o:p>
    (ส่วนการปวดส้นเท้านั้นพักหลังที่อยู่บ้านจะมีอาการเป็น ๆ หาย ๆ ตามตำราการนวดแผนโบราณเขาจะบอกว่าคนที่ปวดตรงบริเวณนี้ส่วนใหญ่จะมีปัญหาเกี่ยวกับมดลูก และจะมีอาการปวดมากหากเดินมากหรือยืนมาก) ในระหว่างที่นั่งสมาธิ 10 นาที นี้จะปวดหัวเข่าร้าวไปทั้งขาจนถึงส้นเท้า..และช่วงหลับตากำหนดจิตให้ยุบหนอ...พองหนอ...แต่ฉันไม่สามารถจะสงบได้เพราะจะเห็นภาพลูกชายกระเด็นตลอดเวลา.... เมื่อสลัดความคิดนั้นแล้วกลับมากำหนดยุบหนอ..พองหนอ..อีกก็จะเห็นภาพเดิมคือลูกชายกระเด็นเหมือนกำลังถูกโยนออกมา...ดังนั้นฉันจึงหยุดแล้วก็นั่งคิดว่าทำไม เพราะฉันไม่ได้นั่งสมาธิเก่งถึงขนาดกำหนดและเห็นเรื่องราวต่าง ๆ เหมือนกับที่เคยอ่านหรือได้เห็นตามทีวี...ว่าคนนี้นั่งสมาธิเห็นภาพนั้นภาพนี้...แต่นี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่ฉันเห็นอะไรแบบนี้...ก่อนหน้านี้เคยนั่งแล้วก็เคยเห็น...แล้วสิ่งที่เห็นก็มักจะบอกเหตุของเรื่องราวต่าง ๆ ครั้งนี้ก็เหมือนกัน หรือว่าครั้งนี้เป็นเพราะว่าฉันคิดถึงลูก เพราะตั้งแต่เดินทางมาฉันไม่ได้คุยกับลูกเลย...<o:p></o:p>
    ขณะกำลังคิดก็ได้ยินเสียงเจ้าหน้าที่ที่ยืนอยู่อีกด้านหนึ่งพูดเสียงดังออกมา หันไปมองเห็นเจ้าหน้าที่พูดมาทางฉัน แต่เขาไม่ได้ว่าฉันหรอก สักพักเขาเดินไปหาผู้หญิงที่อยู่ด้านหน้าห่างจากฉันประมาณ 3-4 แถว สิ่งที่เจ้าหน้าที่พูดคือเขาว่า ...การนั่งสมาธินั้น..อย่าเปลี่ยนท่านั่ง..และต้องนั่งต่อเนื่องถึงจะสามารถสร้างบุญ.....พอที่จะอุทิศให้กับใครได้......<o:p></o:p>
    น้ำเสียงที่พูดดูแข็งกราว..แต่ก็เข้าใจที่เขาปรารถนาดีต่อผู้มาปฎิบัติ......ดังนั้นฉันจึงรีบนั่งสมาธิใหม่เพราะไม่อยากให้เขาว่าเราได้......

    เมื่อกลับมานั่งสมาธิใหม่..ใจก็คิดว่านั่งไปเถิดอย่างน้อยก็ไม่ต้องโดนว่า..แต่ระหว่างนั่งนั้นก็กำหนดจิตเหมือนเดิม..พอเริ่มนั่งคราวนี้ไม่เห็นเหมือนเก่า..เพราะเรากำลังนั่งปวดขาที่ปวดมากขึ้น...มากขึ้น...ใจแทนที่จะยุบหนอ..พองหนอ...กลับระลึกไปถึงพระคุณท่านสมเด็จพุฒจารย์โต...เหมือนใจกำลังหาคำตอบว่าทำไม...เพราะอะไร..หลวงปู่ท่านถึงต้องให้เรามาที่นี่เพราะไม่เห็นจะมีอะไรที่รุกหน้าไปเลยกับการทำสมาธิ...เหมือนเรากำลังต่อต้านเพราะที่นั่งอยู่เนี่ยทั้งปวดทั้งเมื่อยไปหมดตั้งแต่ขาจนถึงสะโพก เมื่อเสร็จสิ้นความคิด..มโนภาพรูปหลวงพ่อจรัญก็ผลุดขึ้นแล้วคำพูดที่เคยได้อ่านจากหนังสือของท่านก็แววเข้ามาในโสตประสาท.....<o:p></o:p>

    .....ต้องทนต่อความเจ็บปวดให้ได้...ต้องอดทนให้ได้..ถ้าจะตายด้วยการนั่งสมาธิก็ให้มันรู้ไป..ปล่อยให้มันตายเลย.....<o:p></o:p>
    <o:p></o:p>


    ได้ยินแต่อย่างนี้....ในตอนนั้นภาพในการหลับตามืดไปหมด....เราก็ทำไปทำไป แต่แทนที่จะกำหนดด้วย...ยุบหนอ...พองหนอ...ก็มากำหนดตรงบริเวณที่เราเจ็บปวดว่า....ปวดหนอ...ปวดหนอ...การกำหนดคือการนำจิตให้ตามเรามาเช่นเราปวดที่บริเวณหัวเข่า..เราก็เอาจิตมานึกถึงหัวเข่าแล้วกำหนดว่า...ปวดหนอ..ปวดหนอ...บอกตามตรงเวลานั้นเราปวดหัวเข่ามากราวว่ามันจะแตก เหมือนเส้นตรงบริเวณหัวเข่าจะฉีกออกจากร่าง จิดเราก็กำหนดตรงหัวเข่านั้นแหละ ที่หัวเข่าด้านซ้ายถ้ามันระเบิดได้มันคงระเบิดไปแล้ว...เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่สามารถรู้ได้แต่สำหรับเราเวลานั้น มันช่างนานเสียเหลือเกิน ทำไมมันถึงได้นานเช่นนี้...กำหนดการนั่งสมาธิจะใช้เวลา 45 นาที เราเสียเวลาไปแล้ว 10 นาทีแรก ก็ต้องเหลือ 35 นาที แต่ทำไมมันถึงได้นานเช่นนี้...ในใจตอนนั้นอีกใจกำหนดปวดหนอ..อีกใจอยากจะถอดใจไม่อยากทนแล้ว..นึกภาวนาถึงหลวงปู่ท่านว่าทำไม...ทำไมมันถึงได้นานเสียจริง...และในช่วงเวลานี้เองเสียงหมาหอนดังมากเลยประมาณ 10-15 ตัวเห็นจะเป็นได้ เวลานั้นเป็นเวลาประมาณ 19.00 - 20.00 น. ทำไมถึงมีเสียงหมาหอนเต็มไปหมด หมาหอนรอบศาลาธรรม และเวลานั้นเองจิตที่กำหนดปวดหนอ...ปวดหนอ..กับภาพที่หลับตามืดสนิท..กลับเหมือนมีประกายสว่างขึ้น...แล้วสักพักความรู้สึกเจ็บปวดที่หัวเข่าก็เบาลงเบาลง...สักครู่เราก็ดึงจิตกลับมาที่ร่างกายและความเจ็บปวด..ขาด้านซ้ายรู้สึกเบา...แต่ขาด้านขวาก็ยังคงมีเจ็บบ้างนิดหน่อยพอทนได้..แต่ถึงกระนั้นเรารู้สึกว่านานมากแล้วทำไมไม่หมดเวลาสักที...<o:p></o:p>


    กริ่ง...กริ่ง...เสียงนาฬิกาปลุกตั้งเวลาก็ดังขึ้น...เจ้าหน้าที่ก็บอกให้เปลี่ยนท่านั่งเพื่อแผ่เมตตา แต่ยังไม่ต้องลืมตา...การแผ่เมตตานี้เพื่ออุทิศบุญกุศลจากการเจริญภาวนานี้ให้กับพ่อแม่ครูบาอาจารย์ , เทวดาประจำตัวและเทวดา ณ ที่นั้น ๆ และเจ้ากรรมนายเวร........ระหว่างที่เราแผ่เมตตา ช่วงนั้นใจก็นึกถึงหมาที่หอน..สงสัยว่ายังหอนอยู่หรือไม่..หูได้ยินเสียงหมาหอนค่อย ๆ ห่างออกไปทุกทีจนกระทั่งเสียงนั้นเงียบลง หลังจากแผ่เมตตาเสร็จ..เราทุกคนต่างก็แยกย้ายกลับที่พัก..ในระหว่างที่เดินกลับที่พัก..ฉันก็พูดกับน้องกบว่ารู้สึกอย่างไรบ้าง..แล้วก็สังเกตความเจ็บปวดที่ส้นเท้า...จริงด้วยซิ..ที่ส้นเท้าด้านซ้ายแถบจะไม่เหลือความเจ็บขณะก้าวเท้าเดินเหมือนอย่างตอนมาหรือตอนที่เดินจงกลมเลย...ดีใจจังเลย..นี่เราสามารถทำได้แล้วหรือ...ทำเหมือนที่เคยอ่านหนังสือของหลวงพ่อจรัญท่าน...มันเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อมากและไม่คิดว่าตนเองจะสามารถหาความจริงได้ด้วยตนเองแบบนี้...และความรู้สึกในใจตอนนั้นบอกกับตัวเองว่า....พรุ่งนี้นะ.พรุ่งนี้ฉันนั่งสมาธิแล้วฉันจะยังคงปวดขาและเจ็บปวดอีกหรือไม่...คืนนั้นเราก็เข้านอนด้วยคำถามที่รอการพิสูจน์ของวันพรุ่งนี้..... <o:p></o:p>
    <o:p></o:p>



     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 กุมภาพันธ์ 2015
  2. pongio

    pongio เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2013
    โพสต์:
    843
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +6,851
    วันที่สามของการปฎิบัติ..ตื่นนอนทำภารกิจส่วนตัวเหมือนเช่นเคย และเริ่มทำวัตรเช้าที่เดิมเวลาเดิม....สิ่งที่ค้นหาและเป็นคำถามในใจของเราก็ได้คำตอบ...วันนี้เรานั่งสมาธิอย่างสบายกว่า 2 วันแรก ความเจ็บปวดถามว่ายังคงมีหรือเปล่า...คำตอบคือยังคงมีแต่น้อยลง..แต่สำหรับส้นเท้าด้านซ้ายและหัวเข่าด้านซ้าย...ความเจ็บปวดอย่างที่เคย..แถบจะไม่หลงเหลือเลย..มันเป็นสิ่งที่มหัศจรรย์มากเลยนะที่เกิดความรู้สึกแบบนี้...ความคิดที่หมดความศรัทธากับความผิดหวังที่เกิดขึ้นเมื่อวาน..ขณะนี้มันเปลี่ยนเป็นความปิติยินดี..ความปราบปลื้ม..ความรู้สึกดีดีอีกมากมายเกิดขึ้นในใจของเรา...ใจเลยบอกกับตัวเองว่า..เราจะมาที่นี่อีกโดยที่ไม่สนใจว่าจะได้ยินได้ฟังหรือได้รับการปฎิบัติเช่นไรจากคนที่นี่..ขอเพียงแต่มีหลวงพ่อจรัญ..ท่านผู้ที่เป็นเสมือนแรงบันดาลใจให้เรา...จะด้วยอะไรก็ตามแต่ อยากบอกเหลือเกินว่า....ขอกราบนมัสการท่านหลวงพ่อจรัญ..ที่ทำให้เราพบสิ่งที่วิเศษที่สุด...เรามีความสุขมากเหลือเกินมีความสุขทั้งใจและกาย...มันบอกไม่ถูก..ความสุขที่ว่านี้..เป็นความสุขที่หาซื้อไม่ได้..แต่ได้มาด้วยความเพียรเท่านั้น......และขอกราบนมัสการสมเด็จท่านพุฒจารย์โต พรหมรังษี...ที่ท่านเป็นผู้ดลจิตดลใจและเป็นผู้ชี้ทางสว่างให้กับเรา....ขอกราบนมัสการเจ้าค่ะ...

    กราบนมัสการ<O:p></O:p>


    หลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวัน เมื่อ เดือน กันยายน 2553<O:p></O:p>




    ยังนะความมหัศจรรย์...หรือเรื่องที่เหลือเชื่อยังไม่จบแค่นี้นะ....วันสุดท้ายหลังจากทำวัตรเช้าเสร็จประมาณเกือบ 7 นาฬิกา พวกเราเกือบทั้งหมดที่จะกลับบ้านวันนี้...ไม่มีใครไปทานข้าวเช้าเลย ยกเว้นพวกที่อยู่ต่อจะไปทานข้าวเช้า..พวกที่จะกลับวันนี้ต่างคนต่างไปซื้อข้าวของที่จะใช้ในการตักบาตรเทโว...วันนี้เป็นประเพณีของภาคกลาง ..คือ..ประเพณีตักบาตรเทโว..เราก็ได้ไปทำบุญตักบาตรเทโว..แล้วก็ช่วยพวกนักศึกษาที่มาขนของที่ชาวบ้านตักบาตรใส่รถกะบะ ตอนแรกก็สงสัย..สรุปว่าพวกนักศึกษาคงไปขออนุญาตทางวัดเพื่อนำข้าวของที่คนมาใส่บาตร..ขนไปให้ชาวบ้านที่ลพบุรี..ที่ถูกน้ำท่วม..ถือเป็นการทำบุญ..วันนั้นเรากะเพื่อนก็ได้ทำบุญใส่บาตรแล้วยังช่วยแยกสิ่งของเพื่อนำไปช่วยเหลือคนถูกน้ำท่วมอีก...ก็รับผลบุญกันไป...<O:p></O:p>


    หลังจากนั้นพวกที่ต้องกลับบ้านวันนี้..ต้องไปร่วมตัวกันที่ศาลา..เพื่อลาศีล...การลาศีลคือ..การลาพระพุทธ..พระธรรม..และพระสงฆ์ ครูบาอาจารย์ที่แนะนำวิธีปฎิบัติธรรมให้...ก็เหมือนบวชพระ..ก็ต้องมีลาสึกออกมา... หลังจากเสร็จพิธีลาศีล..เรารีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าไม่ทันได้อาบน้ำ..เพราะวันนี้หลวงพ่อจรัญ..จะพบพวกชาวบ้านเร็วกว่าปกติ..เนื่องจากเป็นวันพิธีทางพุทธศาสนา..เราจึงรีบไปนมัสการท่านก่อนกลับ...เดินทางกลับเวลาประมาณ เที่ยงกว่า...เรากะเพื่อนก็ไปแวะที่ ฟิวเจอร์พาร์ครังสิต...เพื่อนั่งรถตู้ต่อไปสายใต้ใหม่ในเวลา 18.00 น. เพราะรถจากกรุงเทพ-สุราษฎร์ ที่ซื้อตั๋วไว้ออกเวลา 20.00 น. ระหว่างที่นั่งรถตู้เพื่อไปสายใต้ ฉันก็โทร.ไปบ้านเพื่อแจ้งเวลาเพื่อมารับที่ขนส่ง...ช่วงที่โทร.กลับบ้านนี่แหละ...ทำให้ฉันรู้ว่า..ทุกสิ่งที่ฉันเห็นตอนนั่งสมาธิมันคือเรื่องจริง...<O:p></O:p>


    แฟนฉันบอกว่า..ลูกชายรถล้มมาอีกแล้ว...เป็นแผลตามแขนและขา...พอแฟนพูดแค่นั้น...ฉันนึกออกว่าสิ่งที่ฉันเห็นตอนนั่งสมาธิไม่ใช่จินตนาการของฉัน...มันคือเรื่องจริง...ฉันบอกกับแฟนว่าไม่ต้องพูดแล้ว..ฉันรู้แล้ว..แฟนก็สงสัยแต่เขาคงเข้าใจว่าฉันรู้เพราะเขาเคยเจอในหลายสิ่งที่ฉันบอกแล้วมันก็เป็นความจริง...แฟนพูดว่า..ถึงว่าซิว่าตอนเช้าของวันนี้ทำไมโทร.มาโดยไม่มีอะไรคือโทร.มาเฉย ๆ เพราะตั้งแต่มาบวช ฉันไม่ได้โทร.ไปสักเท่าไรเลย..โดยเฉพาะตอนเช้าก็เพิ่งมีวันนี้แหละ..<O:p></O:p>


    ตอนนั้นฉันไม่รู้เลยว่าลูกทำอย่างไรถึงได้รถล้ม...รู้แต่ว่าเขามากับพี่ที่ร้านชื่อพี่อู๊ด...เมื่อมาถึงสายใต้ประมาณทุ่มกว่า..รอเวลาขึ้นรถ..ฉันคิดไปคิดมาก็อย่าโทร.ไปหาพี่อู้ด เนื่องจากลูกชายจะไว้ใจพี่คนนี้มาก เขาเชื่อฟังพี่คนนี้มาก..ฉันจึงอยากโทร.ไปหาเพื่อบอกให้พี่อู๊ดคุยกับลูกชายในเรื่องต่าง ๆ แล้วให้กำชับเรื่องเรียน ลูกชายจะดื้อมากจนบางทีเราต้องใช้สิ่งที่เขาชอบสิ่งที่เขาต้องการเลียนแบบมาเป็นเครื่องมือ..พอโทร.ไปหาพี่อู๊ด..ทั้งที่พี่อู๊ดยังไม่ได้เล่าอะไรเลย.ฉันก็เล่าให้แก่ฟังว่าตอนนี้ฉันมากรุงเทพฯ ไปปฎิบัติธรรมที่วัดอัมพวัน..ไปนั่งสมาธิ ระหว่างที่นั่งนั้น..เห็นลูกชายกระเด็นเหมือนถูกโยนออกมา...เท่านั้นแหละ คุณอู๊ดก็บอกว่าจริงแม่..แชมป์กระเด็นออกจากรถเลย เพราะหมาวิ่งตัดหน้า ตัวลูกชายกระเด็นเลย แต่โชคดีที่ไม่เป็นอะไรมาก โชคดีที่ไม่มีรถวิ่งติดมา ถ้าไม่เช่นนั้นอาจถูกรถบนถนนทับได้...เท่านั้นแหละ..เชื่อไหม..ฉันเฝ้าถามตัวเองตลอดเลยว่า...จริงหรือที่เราเห็นแล้วช่วงที่เราเห็นนั้นก็เป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่ลูกชายประสบอุบัติเหตุ...แต่สิ่งที่ทำให้ตะลึงมากคือภาพที่เห็น กระเด็นออกมา จะด้วยอะไรก็ตาม...สิ่งนี้ทำให้ฉันได้รู้ว่า..คนเราทุกคนมีเวรกรรมที่ต้องชดใช้ ขึ้นอยู่ว่าจะช้าหรือเร็ว จะหนักหรือเบา...เราไม่สามารถทำบุญเพื่อให้กรรมเวรหมดสิ้นไป...แต่เราสามารถสร้างบุญเพื่อผ่อนปนกรรมหนักให้เป็นกรรมที่เบาบางลงได้..จากเหตุการณ์นี้หากฉันไม่ได้ปฎิบัติเช่นนี้..บางทีนะวันนี้...ฉันอาจต้องสูญเสีย ลูกชาย ไปแล้วก็ได้...อย่างไรก็ตามฉันขออานิสงค์ผลบุญที่ฉันทำนี้..ให้แด่สมเด็จท่าน , หลวงพ่อจรัญ และที่ลืมไม่ได้เลย...เจ้ากรรมนายเวร...ทั้งหลายที่ยอมผ่อนปน...สาธุ สาธุ สาธุ<O:p></O:p>
    THE END<O:p></O:p>
    คำสอน เจ้าประคุณสมเด็จฯ มักจะกล่าวกับสานุศิษย์ทั้งหลายอยู่เสมอว่าชีวิตมนุษย์อยู่ได้ไม่ถึงหนึ่งร้อยปีก็ต้องตายและถูกหามเข้าป่าช้า ดังนั้นจึงควรประพฤติปฏิบัติอยู่ใน ศีล สมาธิ และปัญญา เพื่อให้หลุดพ้นจากสังสารวัฏ ท่านเปรียบเทียบว่า มนุษย์อาบน้ำชำระกายวันละสองครั้งเพื่อกำจัดเหงื่อไคลสิ่งโสโครกที่เกาะร่างกาย แต่ไม่เคยคิดจะชำระจิตให้สะอาดแม้เพียงนาที.....<O:p></O:p>


    สมเด็จพุฒาจารย์โต พรหมรังษี - หลวงพ่อจรัญ

    http://panita55.blogspot.com/
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 กุมภาพันธ์ 2015
  3. moonoiija

    moonoiija เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2014
    โพสต์:
    184
    ค่าพลัง:
    +198
  4. quan

    quan สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    7
    ค่าพลัง:
    +4
    สาธุค่ะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...