ผมตั้งใจจะเป็นแพทย์ความใฝ่ฝันของคนหัวใจแกร่ง-ต้น นามแก้ว

ในห้อง 'ทุกข์และปัญหาชีวิต' ตั้งกระทู้โดย NoOTa, 4 ตุลาคม 2006.

  1. NoOTa

    NoOTa Super Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    20,125
    กระทู้เรื่องเด่น:
    349
    ค่าพลัง:
    +64,492
    'ผมตั้งใจจะเป็นแพทย์'ความใฝ่ฝันของคนหัวใจแกร่ง-ต้น นามแก้ว

    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width=567 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top>"ผมตั้งใจจะเป็นแพทย์" ความใฝ่ฝันของคนหัวใจแกร่ง ต้น นามแก้ว</TD></TR><TR><TD class=Text_Story vAlign=top><!-- [​IMG] [​IMG] "แม่เคยบอกไว้ว่า...คนเราความดีเท่านั้น ที่ทำให้เราอยู่ได้..."


    คำพูดดีๆ ของคนที่เรารักคือสิ่งมีค่าต่อชีวิต แล้วจะคิดถึง แม้เขาหรือเธอจะไม่มีลมหายใจอีกต่อไป เช่นเดียวกับคำพูดนี้ที่แม่ได้ทิ้งไว้ให้ ต้น นามแก้ว หนุ่มน้อยเยาวชนสานรัก คนเก่งหัวใจแกร่ง ซึ่งหลายๆ คนได้รู้จักเขาแล้วจากโฆษณาเอไอเอส กับเรื่องราวมรสุมชีวิตการเสียคนที่รักไปถึงสามคน ของ "ต้น" หนุ่มน้อยพิการขาขาดตั้งแต่สองขวบ จากอุบัติเหตุ ทำให้ต้องใช้ไม้ค้ำพยุงร่างกาย หลังจากนั้นไม่นานพ่อก็มาจากไป ต้นจึงอยู่กับแม่และน้องสาวอีกสองคน พออายุ 9 ขวบ แม่ก็ป่วยและเสียชีวิตอีกคน ต้นจึงย้ายมาอยู่กับยาย แต่เหมือนเคราะห์ซ้ำกรรมซ้อน เมื่อยายป่วยเป็นโรคชราและเสียชีวิตลงไปอีกคน ตอนต้นอายุ 16 ปี ขณะนี้เขาจึงอาศัยอยู่กับน้าชาย
    แต่เมื่อ "กำลังใจ" คือปัจจัยหลักในการดำเนินชีวิตวันนี้ จึงทำให้เขาเอาชนะความพิการของตัวเองจนใช้ชีวิตและทำทุกอย่างได้ปกติเหมือนคนทั่วไป ทั้งยังสามารถทำบางอย่างที่คนทั่วไปทำไม่ได้อีกต่างหาก
    เรื่องราวของนักสู้ ใครๆ ก็พากันยกย่อง เมื่อเจ้าภาพเอไอเอสชักชวนสื่อมวลชนไปเยี่ยมเยียน "น้องต้น" กันถึงบ้านที่ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ จึงไม่มีใครปฏิเสธที่จะไปฟังเขาบอกเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนี้ และการวางแผนชีวิตในอนาคต ซึ่งต้นบอกอย่างหัวใจไม่พิการว่า...ผมตั้งใจจะเป็นแพทย์
    "ผมโชคดีมากที่สังคมรอบข้างไม่ซ้ำเติม และให้การช่วยเหลือ พร้อมทั้งสนับสนุน รวมทั้งครูที่คอยช่วยเหลือในเรื่องการเรียน ทุกวันนี้ผมภูมิใจในการทำความดีและการดำรงชีวิตของตัวเอง เพราะคนอื่นให้กำลังใจ ไม่ดูถูก ตัวผมขอแค่ไม่มีคนล้อเลียนว่าพิการ และใช้ชีวิตอยู่ในสังคมได้แค่นี้ก็พอแล้ว"
    หนุ่มน้อยคนเก่งจากเมืองปราณบุรี เริ่มเล่าด้วยอารมณ์ที่สดใส และเป็นกันเอง ความตั้งใจอยากเป็นแพทย์ของเขานั้น ได้คำแนะนำที่ดีจากครู โดยต้นเลือกคณะแพทย์ศาสตร์ จุฬาฯ อันดับหนึ่ง และเลือกวิทยาการคอมพิวเตอร์ มศว ไว้ด้วย ในการสมัครสอบต่างๆ ก็จะมีค่าใช้จ่าย จึงต้องนำทุนที่ได้มาใช้จ่ายในเรื่องเรียน ส่วนวันที่หยุดเรียนก็จะไปรับจ้างทำงานรับเหมาได้เงินวันละ 160 บาท หรือออกเรือไปกับลุงเพื่อจับปลาหมึกในตอนเย็น แล้วกลับมาตอนเช้าวันรุ่งขึ้น แต่ช่วงนี้ใกล้สอบก็จะอ่านหนังสือ และทบทวนมากขึ้น บางทีเห็นเพื่อนได้เรียนพิเศษก็อยากไปบ้าง แต่ต้นก็บอกว่าเขาคงทำไม่ได้ เพราะใช้เงิน ทั้งค่าหนังสือ ทั้งเรื่องการเดินทางต้องไปเรียนแถวหัวหิน เป็นระยะทางที่ไกล
    "ครูเลยช่วยหาข้อสอบเก่า และแนวข้อสอบมาให้ทำ แล้วสิ่งที่ยึดเหนี่ยวและเป็นกำลังใจให้ผม ก็คือ น้องสาว เพราะเมื่อผมเสียพ่อแม่ไป น้องก็ต้องแยกกันอยู่ ลุงได้รับน้องเป็นลูกบุญธรรม ส่วนผมอยู่กับน้า จึงอยากตั้งใจเรียนให้จบปริญญาตรี มีงานทำ เป็นหลักให้ครอบครัวได้ จะขอลุงกับป้ารับน้องสาวมาอยู่ด้วยกัน" ต้น บอกเล่าด้วยดวงตาเป็นประกาย
    รายได้วันนี้นอกจากแบ่งให้น้า ส่วนหนึ่งจึงต้องเก็บไว้เป็นค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการเรียน และซื้อของที่จำเป็น ส่วนน้องสาว ต้นบอกว่าเขาก็ช่วยเรื่องการเรียนมากกว่า เช่นเรื่องการบ้านถ้าไม่เข้าใจ เขาก็จะให้ผมสอน ตอนนี้อยู่กับน้ารู้สึกอบอุ่นมาก เพราะน้าเขารักผมเหมือนกับลูกชายคนหนึ่ง เวลาซื้อของให้ลูกเขาทั้งสองคน ก็จะซื้อให้ผมด้วย เขาจะไม่ลำเอียง ต้น แจกแจงด้วยความภูมิใจ
    "เคยมีบางทีที่อยู่คนเดียวก็จะนึกย้อนถึงเรื่องที่เกิดกับตัวเอง อย่าง...ขาก็ไม่มี เสียพ่อแม่ไป ก็รู้สึกท้อแท้ใจ แต่ไม่เป็นบ่อย บางคืนก็มีแอบร้องไห้ ว่าใกล้ถึงวันพ่อแล้ว แต่เราไม่มีพ่อแม่ แต่น้าชายก็ไปร่วมงานตลอด ทำให้ผมรู้สึกว่าผมก็ยังมีพ่ออยู่ อย่างเรื่องขอไปเที่ยวกับเพื่อนๆ น้าเขาก็เข้าใจนะครับ ให้ไปแต่ถึงเวลาต้องกลับบ้าน ผมก็ไม่ได้ไปบ่อยเพราะถ้าไปเที่ยวก็ต้องใช้เงิน แล้วยังทำให้เราเสียเวลา สูญเสียรายได้อีกด้วย ถ้าจะไปก็เฉพาะมีงานวิชาการจัดไปเกี่ยวกับการเรียน ทุกวันนี้ที่ทำก็เพื่อน้องสาว เพราะอยากเป็นหลักให้เขา เวลาโตอยากเรียนอะไรก็จะให้เขาเรียน"
    ตั้งแต่โฆษณาออกไป ความเป็นอยู่เขาก็ดีขึ้นเยอะ มีคนโทรศัพท์มาให้กำลังใจ และช่วยเหลือในเรื่องต่างๆ มีโอกาสที่ดีเรื่อยมา สังคมสมัยนี้ได้ให้ความสำคัญกับคนพิการมากขึ้น
    "เพราะฉะนั้นเราอย่าท้อแท้ เราก็สามารถทำอะไรได้เหมือนคนปกติ ก่อนหน้านี้ผมก็มีรายได้ไม่แน่นอน เต็มที่เดือนละ 3,000 บาท บางเดือนก็ไม่ถึงพัน ตอนอยู่กับยายก็เก็บทางมะพร้าวมาขาย กิโลกรัมละ 5 บาท ยายก็เคยบ่นว่าไม่ให้ขึ้นเพราะอันตราย ตอนแรกก็กลัวจะขึ้นไม่ถึงยอดเพราะไปได้ครึ่งต้นก็เหนื่อยแล้ว จึงต้องหัดวันละนิดๆ จนสูงขึ้นเรื่อยๆ ใช้เวลาหลายเดือนเหมือนกันครับกว่าจะชำนาญ ส่วนเรื่องกีฬาตอนประถมผมก็เล่นไม่เป็น แต่เพราะเพื่อนล้อ ทำให้เอามาเป็นกำลังใจ เริ่มหัดเล่นฟุตบอล หัดเลี้ยงลูกไปเรื่อยๆ ก็มีล้มบ้าง เห็นเพื่อนว่ายน้ำกันก็อยากเล่นบ้าง ผมเล่นตะกร้อได้ เล่นกีฬาได้หลายอย่างแล้ว จนตอนนี้ขี่ได้ทั้งจักรยาน ขับรถมอเตอร์ไซค์" ต้น บอกอย่างภูมิใจในตัวเอง
    ส่วนเรื่องในอดีตที่เสียทั้ง พ่อ แม่ ต่อมาก็ยาย เขาก็คิดเสียว่ามันเป็นเคราะห์กรรมที่เราทำมาไม่ดี จึงส่งผลมาให้คนรอบข้าง "คนเรามีปัญหาและอุปสรรคทุกคน จะแก้ปัญหานั้นได้อยู่ที่ตัวเรา ท้อได้แต่ห้ามถอย และความดีเท่านั้นที่จะอยู่ต่อไป อยากฝากถึงคนที่ท้อแท้ และหมดกำลังใจ" หนุ่มน้อยหัวใจแกร่ง ย้ำทิ้งท้ายอีกครั้งกับอาชีพที่เขาใฝ่ฝันว่า "อยากเป็นหมอ" เพราะตั้งใจอยากช่วยคน แต่ถ้าได้วิทยาการคอมพิวเตอร์ เขาก็อยากเป็นนักสังคมสงเคราะห์ โดยนำความรู้ทางคอมพิวเตอร์มาประยุกต์ช่วยเหลือคนพิการในสังคมต่อไป

    -->[​IMG]
    "แม่เคยบอกไว้ว่า...คนเราความดีเท่านั้น ที่ทำให้เราอยู่ได้..."
    คำพูดดีๆ ของคนที่เรารักคือสิ่งมีค่าต่อชีวิต แล้วจะคิดถึง แม้เขาหรือเธอจะไม่มีลมหายใจอีกต่อไป เช่นเดียวกับคำพูดนี้ที่แม่ได้ทิ้งไว้ให้ ต้น นามแก้ว หนุ่มน้อยเยาวชนสานรัก คนเก่งหัวใจแกร่ง ซึ่งหลายๆ คนได้รู้จักเขาแล้วจากโฆษณาเอไอเอส กับเรื่องราวมรสุมชีวิตการเสียคนที่รักไปถึงสามคน ของ "ต้น" หนุ่มน้อยพิการขาขาดตั้งแต่สองขวบ จากอุบัติเหตุ ทำให้ต้องใช้ไม้ค้ำพยุงร่างกาย หลังจากนั้นไม่นานพ่อก็มาจากไป ต้นจึงอยู่กับแม่และน้องสาวอีกสองคน พออายุ 9 ขวบ แม่ก็ป่วยและเสียชีวิตอีกคน ต้นจึงย้ายมาอยู่กับยาย แต่เหมือนเคราะห์ซ้ำกรรมซ้อน เมื่อยายป่วยเป็นโรคชราและเสียชีวิตลงไปอีกคน ตอนต้นอายุ 16 ปี ขณะนี้เขาจึงอาศัยอยู่กับน้าชาย
    แต่เมื่อ "กำลังใจ" คือปัจจัยหลักในการดำเนินชีวิตวันนี้ จึงทำให้เขาเอาชนะความพิการของตัวเองจนใช้ชีวิตและทำทุกอย่างได้ปกติเหมือนคนทั่วไป ทั้งยังสามารถทำบางอย่างที่คนทั่วไปทำไม่ได้อีกต่างหาก
    เรื่องราวของนักสู้ ใครๆ ก็พากันยกย่อง เมื่อเจ้าภาพเอไอเอสชักชวนสื่อมวลชนไปเยี่ยมเยียน "น้องต้น" กันถึงบ้านที่ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ จึงไม่มีใครปฏิเสธที่จะไปฟังเขาบอกเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนี้ และการวางแผนชีวิตในอนาคต ซึ่งต้นบอกอย่างหัวใจไม่พิการว่า...ผมตั้งใจจะเป็นแพทย์
    "ผมโชคดีมากที่สังคมรอบข้างไม่ซ้ำเติม และให้การช่วยเหลือ พร้อมทั้งสนับสนุน รวมทั้งครูที่คอยช่วยเหลือในเรื่องการเรียน ทุกวันนี้ผมภูมิใจในการทำความดีและการดำรงชีวิตของตัวเอง เพราะคนอื่นให้กำลังใจ ไม่ดูถูก ตัวผมขอแค่ไม่มีคนล้อเลียนว่าพิการ และใช้ชีวิตอยู่ในสังคมได้แค่นี้ก็พอแล้ว"
    หนุ่มน้อยคนเก่งจากเมืองปราณบุรี เริ่มเล่าด้วยอารมณ์ที่สดใส และเป็นกันเอง ความตั้งใจอยากเป็นแพทย์ของเขานั้น ได้คำแนะนำที่ดีจากครู โดยต้นเลือกคณะแพทย์ศาสตร์ จุฬาฯ อันดับหนึ่ง และเลือกวิทยาการคอมพิวเตอร์ มศว ไว้ด้วย ในการสมัครสอบต่างๆ ก็จะมีค่าใช้จ่าย จึงต้องนำทุนที่ได้มาใช้จ่ายในเรื่องเรียน ส่วนวันที่หยุดเรียนก็จะไปรับจ้างทำงานรับเหมาได้เงินวันละ 160 บาท หรือออกเรือไปกับลุงเพื่อจับปลาหมึกในตอนเย็น แล้วกลับมาตอนเช้าวันรุ่งขึ้น แต่ช่วงนี้ใกล้สอบก็จะอ่านหนังสือ และทบทวนมากขึ้น บางทีเห็นเพื่อนได้เรียนพิเศษก็อยากไปบ้าง แต่ต้นก็บอกว่าเขาคงทำไม่ได้ เพราะใช้เงิน ทั้งค่าหนังสือ ทั้งเรื่องการเดินทางต้องไปเรียนแถวหัวหิน เป็นระยะทางที่ไกล
    "ครูเลยช่วยหาข้อสอบเก่า และแนวข้อสอบมาให้ทำ แล้วสิ่งที่ยึดเหนี่ยวและเป็นกำลังใจให้ผม ก็คือ น้องสาว เพราะเมื่อผมเสียพ่อแม่ไป น้องก็ต้องแยกกันอยู่ ลุงได้รับน้องเป็นลูกบุญธรรม ส่วนผมอยู่กับน้า จึงอยากตั้งใจเรียนให้จบปริญญาตรี มีงานทำ เป็นหลักให้ครอบครัวได้ จะขอลุงกับป้ารับน้องสาวมาอยู่ด้วยกัน" ต้น บอกเล่าด้วยดวงตาเป็นประกาย
    รายได้วันนี้นอกจากแบ่งให้น้า ส่วนหนึ่งจึงต้องเก็บไว้เป็นค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการเรียน และซื้อของที่จำเป็น ส่วนน้องสาว ต้นบอกว่าเขาก็ช่วยเรื่องการเรียนมากกว่า เช่นเรื่องการบ้านถ้าไม่เข้าใจ เขาก็จะให้ผมสอน ตอนนี้อยู่กับน้ารู้สึกอบอุ่นมาก เพราะน้าเขารักผมเหมือนกับลูกชายคนหนึ่ง เวลาซื้อของให้ลูกเขาทั้งสองคน ก็จะซื้อให้ผมด้วย เขาจะไม่ลำเอียง ต้น แจกแจงด้วยความภูมิใจ
    "เคยมีบางทีที่อยู่คนเดียวก็จะนึกย้อนถึงเรื่องที่เกิดกับตัวเอง อย่าง...ขาก็ไม่มี เสียพ่อแม่ไป ก็รู้สึกท้อแท้ใจ แต่ไม่เป็นบ่อย บางคืนก็มีแอบร้องไห้ ว่าใกล้ถึงวันพ่อแล้ว แต่เราไม่มีพ่อแม่ แต่น้าชายก็ไปร่วมงานตลอด ทำให้ผมรู้สึกว่าผมก็ยังมีพ่ออยู่ อย่างเรื่องขอไปเที่ยวกับเพื่อนๆ น้าเขาก็เข้าใจนะครับ ให้ไปแต่ถึงเวลาต้องกลับบ้าน ผมก็ไม่ได้ไปบ่อยเพราะถ้าไปเที่ยวก็ต้องใช้เงิน แล้วยังทำให้เราเสียเวลา สูญเสียรายได้อีกด้วย ถ้าจะไปก็เฉพาะมีงานวิชาการจัดไปเกี่ยวกับการเรียน ทุกวันนี้ที่ทำก็เพื่อน้องสาว เพราะอยากเป็นหลักให้เขา เวลาโตอยากเรียนอะไรก็จะให้เขาเรียน"
    ตั้งแต่โฆษณาออกไป ความเป็นอยู่เขาก็ดีขึ้นเยอะ มีคนโทรศัพท์มาให้กำลังใจ และช่วยเหลือในเรื่องต่างๆ มีโอกาสที่ดีเรื่อยมา สังคมสมัยนี้ได้ให้ความสำคัญกับคนพิการมากขึ้น
    "เพราะฉะนั้นเราอย่าท้อแท้ เราก็สามารถทำอะไรได้เหมือนคนปกติ ก่อนหน้านี้ผมก็มีรายได้ไม่แน่นอน เต็มที่เดือนละ 3,000 บาท บางเดือนก็ไม่ถึงพัน ตอนอยู่กับยายก็เก็บทางมะพร้าวมาขาย กิโลกรัมละ 5 บาท ยายก็เคยบ่นว่าไม่ให้ขึ้นเพราะอันตราย ตอนแรกก็กลัวจะขึ้นไม่ถึงยอดเพราะไปได้ครึ่งต้นก็เหนื่อยแล้ว จึงต้องหัดวันละนิดๆ จนสูงขึ้นเรื่อยๆ ใช้เวลาหลายเดือนเหมือนกันครับกว่าจะชำนาญ ส่วนเรื่องกีฬาตอนประถมผมก็เล่นไม่เป็น แต่เพราะเพื่อนล้อ ทำให้เอามาเป็นกำลังใจ เริ่มหัดเล่นฟุตบอล หัดเลี้ยงลูกไปเรื่อยๆ ก็มีล้มบ้าง เห็นเพื่อนว่ายน้ำกันก็อยากเล่นบ้าง ผมเล่นตะกร้อได้ เล่นกีฬาได้หลายอย่างแล้ว จนตอนนี้ขี่ได้ทั้งจักรยาน ขับรถมอเตอร์ไซค์" ต้น บอกอย่างภูมิใจในตัวเอง
    ส่วนเรื่องในอดีตที่เสียทั้ง พ่อ แม่ ต่อมาก็ยาย เขาก็คิดเสียว่ามันเป็นเคราะห์กรรมที่เราทำมาไม่ดี จึงส่งผลมาให้คนรอบข้าง "คนเรามีปัญหาและอุปสรรคทุกคน จะแก้ปัญหานั้นได้อยู่ที่ตัวเรา ท้อได้แต่ห้ามถอย และความดีเท่านั้นที่จะอยู่ต่อไป อยากฝากถึงคนที่ท้อแท้ และหมดกำลังใจ" หนุ่มน้อยหัวใจแกร่ง ย้ำทิ้งท้ายอีกครั้งกับอาชีพที่เขาใฝ่ฝันว่า "อยากเป็นหมอ" เพราะตั้งใจอยากช่วยคน แต่ถ้าได้วิทยาการคอมพิวเตอร์ เขาก็อยากเป็นนักสังคมสงเคราะห์ โดยนำความรู้ทางคอมพิวเตอร์มาประยุกต์ช่วยเหลือคนพิการในสังคมต่อไป
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    ที่มา: คมชัดลึก
     
  2. BirdSoul

    BirdSoul เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2007
    โพสต์:
    4,248
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +12,020
    พิการกายแต่ไม่พิการใจ คนบางคนเช่นฉัน ร่างกายสมบูรณ์ครบ แต่รู้สึกว่าตัวเองแย่จัง ทำอะไรก็ไม่ได้เรื่อง ตัดสินใจอะไรก็ผิดมาตลอด ไม่เคยภาคภูมิใจในตัวเองเลย แถมยังเกลียดตัวเองอีกต่างหาก...แบบนี้ซินะ เรียกว่า พิการใจขั้นรุนแรง
    ได้อ่านเรื่องราวของน้องต้น แล้วทึ่ง หัวใจทำด้วยอะไรนะ ช่างเข้มแข็งและแกร่ง เกินวัย ผู้ใหญ่อย่างฉันยังอายแทบเอาหัวมุดท่อ
    ขอบคุณ คุณหนูตาที่นำเรื่องราวดีๆมาลงให้คนอ่อนแออย่างฉันได้อ่าน ขอบคุณจริงๆ...
     
  3. ธรรมทิพย์

    ธรรมทิพย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    520
    ค่าพลัง:
    +433
    ชีวิตน้องต้น นามแก้ว เป็นตัวอย่างที่ดีให้เด็กทุกคน น้องเป็นคนมุ่งมั่น สุขภาพจิตดี มีความฝันและความหวังในชีวิต หวังใจอย่างยิ่งว่าน้องจะ
    สมหวังในสิ่งที่ใฝ่

    ที่สำคัญหากน้องได้เป็นนายแพทย์จริง มั่นใจว่าจะเป็นแพทย์ด้วยใจเสียสละทำเพื่อผู้อื่นเพราะชีวิตที่ลำเค็ญจะช่วยให้เห็นใจคนจนมากขึ้น ไม่ใช่แพทย์หน้าเลือดเหมือนบางคนที่ทำงานเพื่อเงินขูดรีดคนจนอย่างที่เราเคยพบเห็น

    ขออนุโมทนาบุญกับคุณหนูตา ที่นำสิ่งดี ๆ มาให้มวลมิตรได้อ่าน เพื่อศึกษาเรื่องราวชีวิตดี ๆ ที่น่าสนใจและน่าติดตาม
     

แชร์หน้านี้

Loading...