ผีป่า และเจ้าป่าเจ้าเขา

ย้อนเวลาไปสัก30กว่าปีที่แล้ว สมัยตอนคุณพ่อผมเป็นหนุ่มในวัยคึกคะนอง ท่านได้ไปเที่ยวป่ากับพวกเพื่อนๆวัยเดียวกัน ในผืนป่าลำน้ำเข็กจังหวัดพิษณุโลก ซึ่งจะเป็นผืนป่าเดียวกันกับทุ่งแสลงหลวงในปัจจุบัน โดยจะมีลำน้ำ เกาะแก่ง มากมาย ก็เป็นธรรมดาของวัยรุ่น. ที่จะไม่ไปเที่ยวในสถานที่ที่เค้าจัดไว้ให้อยู่แล้ว คุณพ่อของผมกับพวกเพื่อนรวมกันแล้ว4ท่าน ก็ออกหาที่กางเต้นท์ในที่ ที่ไม่ค่อยมีคน แต่แกก็บอกว่าในสถานที่นั้นก็มีบ้านคนอยู่บ้างแต่ไม่มาก ในระหว่างหาที่กางเต้นท์อยู่นั้นก็มีเด็กผู้ชายผมเปียอายุสักประมาณ7-8ขวบก็มาเล่นกับพวกพ่อของผม พ่อบอกว่าเด็กคนนี้ดูมันจะแก่นๆ ซน ถามนู่นถามนี่ เหมือนกับไม่เคยเจอคนอยู่ต่างถิ่น ตามประสาเด็กที่อยู่ในป่าในดง เดินไปไหนมันก็ตาม จนไปถึงที่ตั้งเต้นท์ ไอ้เจ้าเด็กเปียมันก็ทักมาว่า พี่มานอนกลางคืนในป่าไม่กลัวผีเรอะ พ่อผมก็นึกอยู่ในใจไอ้เด็กเวรเข้าป่าเค้าห้ามทัก แต่ก็ไม่ได้อะไร แถมพวกพ่อผมกับเพื่อนยังตอบไปด้วยความคึกคะนอง ไม่กลัวหรอก จนใกล้จะค่ำเด็กเปียมันก็รีบกลับบ้านไปเหลือแต่พวกพ่อผม แกก็ทำกิจกรรมของแกไปตามปกติ จนเวลาโพ้เพล้ มีผู้หญิงสาวมาอาบน้ำที่น้ำตก ซึ่งเหมือนหญิงสาวชาวบ้าน พวกพ่อผมก็เจ้าชู้ใส่เลยครับ แซวโน่นแซวนี่ จนหญิงสาวนั้นเขินอาย แซวไปแซวมาได้ทีเดินเข้าไปใกล้แค่นั้นแหละครับ พ่อผมบอกว่า ผู้หญิงอะไรมีเขี้ยวด้วย แยกเขี้ยวให้ด้วย ตาสีแดง ตัวซีด มีไฟออกจากจมูก เท่านั้นแหละครับ วิ่งหนีกันสี่คนโดยมิได้นัดหมาย พ่อบอกว่าความรู้สึกในขณะนั้นนานมาก แค่วิ่งขึ้นมาบนตลิ่งใช้เวลานานมาก แต่ผีตัวนั้นก็ตามมาติดๆลักษณะเหมือนเดิน แต่เราวิ่งยังไม่พ้นเลย พอผีตัวนั้นจะทันที่บนตลิ่งโชคดีของพวกพ่อผมครับ เจอคุณตาท่านหนึ่งรูปร่างผมแกใช้ไม้เรียวฟาดไปที่ผีตัวนั้น แล้วแกก็เหมือนเสกคาถาอะไรสักอย่าง เหมือนแกมีวิชาอาคม แล้วแกก็บอกผีตนนั้นว่า มึงอย่าไปทำเค้า ให้ต่างคนต่างอยู่ แล้วผีตัวนั้นก็หายไป คุณตาบอกว่าแถวนี้ ผีป่ามันดุ เห็นหลานแก(ซึ่งมารู้ทีหลังว่าคือเจ้าเปีย)บอกว่ามีคนต่างถิ่นมาเที่ยวแกเลยออกมาดูกลัวว่าจะเกิดเรื่อง คุณตาแกก็เลยชวนไปนอนที่บ้านแก พวกพ่อผมด้วยความกลัวก็ตกลงครับ เต้นท์ที่กลางไว้ไม่เก็บเลยไปนอนที่บ้านของคุณตา พอไปถึงบ้านคุณตาเป็นบ้านชั้นเดียวคล้ายกระท่อมยกสูง เจอเจ้าเปียถามเหมือนเย้ยหยันว่า "ไงละ ผมบอกแล้ว" แล้วก็เจอคุณยายท่าทางใจดี หาข้าวปลามาให้ ส่วนมากก็จะเป็นผลไม้กับไข่ต้ม ก็นั่งจุดตะเกียงคุยกันอยู่ใต้ถุนบ้าน เพราะบ้านออกจะหลังเล็กเลนอยู่บนบ้านได้ไม่หมด ยายแกบอกว่าให้นอนกันที่นี่ เพราะว่าตาแกเค้าพอมีวิชา ผีป่าไม่กล้ายุ่งหรอก ก็ทำให้พวกพ่อผมอุ่นใจ เลยขอนอนกันใต้ถุนบ้าน แต่กว่าจะนอนได้ไอ้เปียมาเล่นด้วยทั้งคืน แถมเล่าเรื่องผีให้ฟังซะอีก จน ตากะยายต้องว่ามันมันถึงจะไปนอน. พวกพ่อผมก็หลับไป ..................................................ตื่นเช้ามาพ่อผมเห็นชาวบ้านสักสี่ห้าคนมายืนมุงดูพ่อกับเพื่อนที่นอนอยู่ แล้วทำท่าตกใจ แกนึกในใจว่าเรื่องของแกคงดังไปทั้งหมู่บ้านที่รอดจากผีป่ามาได้ชาวบ้ายเลยมาดู แล้วมีชาวบ้านคนหนึ่งถามมาว่า "ไอ้หนู มานอนที่นี่กันได้ไง" พ่อเลยบอกว่า ตากับยายชวนมานอน ชาวบ้านก็ตกใจ แล้วถามว่า ตากับยายไหน พ่อเลยบอกว่า ก็ตากับยายเจ้าของบ้านนี่ไง แต่พ่อผมกับเพื่อนก็ต้องตกใจ เมื่อหันไปมองรอบๆไม่มีบ้านเลยครับแต่ข้างตัวกับมีศาลเจ้าที่เล็กๆตั้งอยู่ บนศาลมีไข่ต้มกับผมไม้ มีตุ๊กตา ตายาย แล้วก็เด็กผมเปีย ณ เวลานั้นไม่รู้ว่าจะดีใจหรือเสียใจดีครับ แต่ทุกวันนี้พ่อผมเชื่อเรื่องเจ้าที่เจ้าทางมาก และเมื่อผ่านไปแถวนั้นก็จะพาผม ไปไหว้ศาลตายาย และก็พี่เปียของผมเสมอ


ภาพประกอบจาก http://www.dhammajak.net/board/files/paragraph_1_161.jpg

 

หนูก้ชอบไปนอนในป่าเหมือนกัน ชอบมากๆเป็นชีวิตจิตใจ
แต่เรื่องนี้น่ากลัวถ้าไม่โชคดีแบบเจ้าของกระทู้ก็เรียบร้อย

 

คนรักป่าไม้ ชอบท่องเทียวเจอเรื่องเเบบนี้ ในถ้ำในป่า ลุยเเหลก
เเต่ทีหนักๆๆเห็นจะมีอยู่ถ้ำมรกต เเละถ้ำ ชะอางค์ทรงเครื่อง ผีถ้ำเจ้าเเม่ดุ ซิบ
เล่นเอาผมหลวงพ่อต้องออกจากถ้ำมานอนหน้าถ้ำเลย กรรมฐานก็ยังเอาไม่อยู่
ผีอะไร จะเล่นทำผัวทำเมียตลอดเลย เซ่งสิครับ สงใสจะเป็นนางลับเเลมากกว่า
หนาวไหมอ้าย ร้อนไหมอ้าย นอนกะข่อยไหมอ้าย นั่งกรรมฐาน ก็ยังดึงขาได้ดูสิ
ขนาดหลวงพ่อท่านเก่งสมาธิ ก็ยังเบื่อ ออกนอกถ้ำเลย ดึงกันทั้งวันทั้งคืน
ผมละเป็นตาหน่ายเลยละ โดนหนักกว่าเพือน มากอดเฉยๆๆเลย ดูเขาสิ เเม่ท่าน
ทดสอบกันมันเชียวเเละ

 

สงสัยอย่างนึงค่ะว่า ผีสาวที่มาเขาดลจิตดลใจให้เราหลงมั้ยหรือว่าแค่ยั่วให้ตบะกระเจิงเฉยๆ เพราะถ้าปกติเราก้รู้นะว่าผี แต่ก้เห็นหลุดบ่อยๆ

 

สนุก ๆๆ
ส่วนตัวก้อชอบลุยเที่ยวป่า ถ้ำ ภูผา ภูเขา ทะเล เหมือนกัน
เวลาจะเข้าพักตามสถานที่ต่างๆ ก้อขอขมา ขออนุญาต เป็นเชิงบอกกล่าว
เจ้าของสถานที่ เจ้าที่ เจ้าทาง เจ้า ป่า เจ้าเขา เทวาดา อารักษ์
และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ที่ท่านปกปักษ์รักษา ณ สถานที่แห่งนั้น
ให้ื่ท่านช่วยคุ้มครอง บางทีก็อธิษฐานจิตบอกกล่าวท่านเฉยๆ
หรือถ้าไม่รีบจนลืมก็จะมีพวงมาลัย ดอกไม้ ธูปเที่ยน
เพื่อความอุ่นใจและสบายใจ ใครจะว่างมงายก็ชั่ง
เพราะบางสถานที่เราไม่รู้ประวัติความเป็นมา ว่าบริเวณนั้น
เคยใช้ทำอะไรมาก่อน หรือเป็นอะไรมาก่อน
บางทีลืมบอกขออนุญาต ก้อเจอดีมั่งเหมือนกัน
เคยมีเพื่อนเล่าให้ฟังว่าไปตั้งแคมป์ทับที่ ที่เค้าเคยใช้เป็นที่เผาศพมาก่อน
ก่อนกางเต๊นท์ ก้อสงสัยว่าสถานที่มันแปลกๆ อยู่เหมือนกัน
พอกลางคืน ได้เรื่อง แกฝันว่ามีกระดูกที่ไหม้ไฟเหลือแต่กระดูกท่อนขา
ข้างเดียวเข้ามายืนอยู่ในเต๊นท์อ้ะ

 

เรื่องคล้าย ๆ แบบนี้ผมก็เคยเจอ แต่เป็นใน กทม. ผมเดินอยู่ในซอยแถวถนนเพชรเกษม พบผู้ชายกลางคตน มายืนคุยกับผม แล้วยังบอกให้คืนให้นอนค้างที่บ้านของแกก่อนก็ได้ ผมแปลกใจทำไมเขาไม่กลัวผมจะขโมยของ เพราะบ้านของชายคนนี้ เป็นบ้านเดี่ยวหลังใหญ่พอสมควร

ผมตัดสินใจนอนตามมคำชักชวน โดยนอนที่โซฟาชั้นล่าง ในบ้านมีเฟอร์นิเจอร์ตู้โชว์ โทรทัศน์ แล้วเปิดไฟส่องสว่างในบ้านทั้งคืน ผมนอนหลับไปถึงเช้า ตกใจตื่นเพราะมีตำรวจมาเรียกให้ตื่น แล้วถามว่ามานอนที่นี่ทำไม

พอตื่นขึ้นมา ปรากฏว่าเป็นบ้านร้าง ทุกอย่างที่เคยเห็นเป็นภาพลวงตาทั้งสิ้น บ้านที่มีแต่ขี้ฝุ่น ตู้โชว์พัง ๆ โซฟาเก่า ๆ

 

อ่านแล้วสนุกดีคับ ขอบคุณคับ

 

ทุกสถานที่ มีทั้งนั้น กายทิพย์นานาประเภท ส่วนเขาจะเป็นสัมมาทิฏฐิ รึเป็นมิจฉาทิฏฐิ ก็ดูสิ่งที่เขาทำ

 

สนุกมากครับ ขอบคุณที่แบ่งปันประสบการณ์นะครับ

 

ตื่นเต้นครับ ขอบคุณที่มาเล่าครับ

 

แปลกดีครับ เป็นไปได้ไง ชอบครับ

 

อ่านตอนกลางคืน ทำให้หลอนๆ อินในเรื่องมากๆเลย ทั้งในป่าเขา ทั้งในเมือง เจอแบบนั้นกลางค่ำกลางคืนก็คงไม่รู้เหมือนกันว่าผีหรือคน
ว่าแต่ว่าสาวที่อาบน้ำนั้นเป็นผีชนิดไหนนะ มีทั้งเขี้ยวมีทั้งแสงออกจมูก แถมวิ่งไล่คนด้วย
ส่วนศาลตายายชื่อว่าอะไรคะ??? ขออนุโมทนากับท่านทั้งสองรวมทั้งพี่เปียด้วยที่ช่วยเหลือคน
เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าแม่เคยเล่าให้ฟังว่า สมัยก่อนป่าไม้เยอะ คุณตากับคนในหมู่บ้านพากันเข้าป่าไปหามันหากลอยโดยเดินไปตามทางเกวียนเป็นหลัก เข้าป่าไปก็ไม่รู้ว่าลึกขนาดไหน แกก็ไปเจอบ้านหลังหนึ่งในป่า มีตากับยายอยู่สองคน และมีหมาตัวใหญ่ๆ 3-4ตัว แล้วหมาก็แปลกๆเพราะลายเหมือนเสือ พวกหมาก็นอนหมอบอยู่ข้างๆบ้าน ดูท่าทางเชื่อง ทางตายายก็ทักทายตาเราประมาณว่าไปไงมาไง เดินหาอะไรกัน มาพักกินน้ำกินท่ากันก่อน ตาเราก็บอกว่ามาหามัน-หา.กลอย ทางตายายก็บอกว่าเอาเลยๆเยอะแยะพากันไปหาขุดเอาเลย ทางตายายก็ชวนให้กินข้าวกินน้ำ แต่ทางตาเราบอกว่าไม่เป็นไร เพราะแกเตรียมเสบียงไปด้วย เลยพากันก่อไฟข้างบ้านตายายแล้วทำอาหารเองกับคนที่ไปด้วยกัน แล้วก็หามันหากลอยต่อ ตาก็บอกว่าทั้งมันทั้งกลอยรอบๆบ้านแกเยอะจริงๆ ก็พากันขุดอยู่รอบๆบ้านของสองตายายจนได้เยอะแยะแล้วตาเราก็ลาสองตายายกลับ แกก็เดินกลับตามทางเกวียนเหมือนเดิม

พอวันหลังตาเราก็ไปอีก กะจะไปขอบคุณตายายที่เมื่อวานแกมีน้ำใจ ก็เดินไปตามทางเกวียนเหมือนเดิม แกก็จำได้ว่าบ้านอยู่ตรงไหน เพราะจำจากทางเกวียนและต้นไม้ที่ขึ้นอยู่ตรงไหนๆบ้าง แกก็จำได้หมด แต่ปรากฎว่าเดินจนสุดทางเกวียนก็แล้วก็หาบ้านหลังนั้นไม่เจออีกเลย!!!เห็นก็แต่จุดที่แกก่อไฟหุงหาอาหาร แต่ไม่มีบ้านคนสักหลัง จะมีก็แต่ต้นไม้ใหญ่ๆต้นเดียวที่ขึ้นอยู่ตรงนั้นแทนบ้าน ตาก็เลยรู้เลยว่าเจออะไรเข้าแล้ว และหมาที่แกเห็นก็อาจจะเป็นเสือที่เขาลวงตาทำให้เห็นเป็นหมา ถ้าเกิดว่าวันก่อนที่แกเจอ เกิดปากพล่อย พูดไม่ดี สงสัยไม่มีชีวิตรอดกลับบ้านแน่นอนเลย ต้องขอบคุณท่านทั้งสองที่อาจจะเป็นเจ้าที่เจ้าป่า,,,(ไม่มีภูเขาเลยไม่เติมเจ้าเขา)
เสียดายที่ตาเราก็เสียชีวิตไปตั้งแต่เราเกิดได้แค่วันเดียว ถ้าแกยังอยู่คงมีเรื่องเล่าให้หลานคนนี้ฟังเยอะแยะเลย

 

พอเดาเนื้อเรื่องได้ แต่อ่านจบก็ขนลุกอยู่ดี ขอบคุณนะคะ

 

มีเรื่องเล่า เกี่ยวกับนางไม้ในต้นสะเดา ที่ป่าจังหวัดสุโขทัย คือคณะนี้ เขามีอาชีพตัดไม้ แล้ววันนั้น ตั้งใจจะตัดต้นสะเดานั่นแหละ

ตอนคนงาน 2 คน กำลังจะจรดเลื่อยไปที่ลำต้น ก็มีเสียงผู้หญิงตะคอกอย่างดุดัน แต่ไม่ได้ดังลั่น ก็พอได้ยินเฉพาะ 2 คนนั้นว่า " ไป..กูบอกให้ไป "

แล้วยังมีเสียงพูดซ้ำด้วย คนงานเลยกลัว ไม่กล้าตัดต้นที่ว่า

ลองฟังเรื่องภพภูมิ เรื่องวิญญาณ เป็นคำตถาคตจากพระสูตร ลองฟังดู

[ame="http://www.youtube.com/watch?v=4dXcAEoTiBs"]???????? ??? ????????????????????? - YouTube[/ame]

 

เรื่องภพภูมิ เรื่องวิญญาณ ผมเชื่อ.

 

คุณตาคุณยายและพี่เปียสงสัยว่าจะดูแลพื้นที่นั้นอยู่มังคะ พอมีวิญญาณนิสัยไม่ดีมาหลอกเอาพวกแกเลยต้องให้ที่พักพิงหลบภัย ถ้าไม่มีพี่เปียกับคุณตาคุณยายล่ะก็เจอผีตาแดง จมูกมีไฟ ตัวขาวซีด วิ่งไล่แบบนั้น คิดแล้วบรื๋อๆ

 

วิญญาณตายาย สองตนนั้นคือ อยู่ในภูมิ ภูมิเทวดา ซึ่งก่ำกึ่งมนุษย์และวิญญาณ แต่ปกติเค้าจะไม่ยุ่งกัน คือมีบุญจากการที่คนให้ แต่ต้องอาศัยอยู่ตรงนั้น ส่วนผีผู้หญิงนั่นคือผีป่า คือสัมภเวสี ที่ตายแถวนั้นแหละ พูดตรงๆให้เดาคือวิญญาณผู้หญิงชาวบ้านในหมู่บ้านใกล้ๆนั่นแหละที่ตาย และก็วนเวียนอยู่แบบนี้แหละ บ้านนอกเจอบ่อย ยิ่งใกล้ๆโพล้เพล้พระอาทิตย์ตกดิน อยากให้เค้าใจภพภูมิมันมีมิติซ้อนกัน ยิ่งใกล้พระอาทิตย์ตกดิน คือช่วงเวลาที่พลังงานเราใกล้กับเค้า และมักจะมึนๆ คนโบราณไม่ชอบให้นอนเลยพระอาทิตย์ตกดิน เพราะภูมิมันซ้อนกัน อีกอย่างตื่นมา อุณหภูมิ และสภาพมันต่างกัน จะทำให้ปวดหัว

 

อ่านแล้วสนุก น่าตื่นเต้นดีคะ

 

สนุกดีคะ