ผู้บรรลุธรรมทุกขั้นห้ามพบแพทย์ทางจิต หรือแม้แต่ผู้ ที่เริ่มใหม่

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ธรรมะชาติ, 25 มิถุนายน 2008.

  1. ธรรมะชาติ

    ธรรมะชาติ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2008
    โพสต์:
    190
    ค่าพลัง:
    +64
    ผู้บรรลุธรรมทุกขั้นห้ามพบแพทย์ทางจิต หรือแม้แต่ผู้ ที่เริ่มใหม่
    ทางการแพทย์มักบอกว่าป่วยเป็นโรค...ไบโพล่า....คือใช้เงินเก่งไม่เสียดาย..อะไร..สละหมด....ชอบนั่งสมาธิ...แพทย์จะจ่ายยา..แล้วห้ามนั่งสมาธิ......
    แถวบ้านผมเป็นกันเยอะ...ตอนนี้..เป็นอาจารย์ดังระดับประเทศก็มี...ออกหนังสือขายเซเว่น..เลย...ส.ส.ที่นี่ก็เป็น....โรคนี้แหละ..ใครรู้ว่าไบโพร่านี้..จิตแพทย์เขาคิดยังไง....จิตแพทย์เล่าว่า...พระสงค์เป็นกันเยอะ...ใครรู้บอกหน่อยนะว่า...ยังงัย

    สรุปคือ หากคุณสงสัยว่าคุณบรรลุธรรมขั้นใดก็ตามห้ามไปหาหมอทางจิต ต้องหาครูบาอาจารย์ ที่บวชศึกษามาก่อน เมื่อหมดภูมิความรู้ของอาจารย์แล้ว จึงออกแสวงหาสัจจะธรรมด้วยตนเอง
    แท้จริงสิ่งที่เราค้นหาไม่นานอยู่ในตัวเรานี่เอง พระพุทธองค์สอนสั้นๆ ว่า ศีล สมาธิ ปัญญา แล้วท่านก็ไม่ตรัสอะไรอีก และครูที่ดีคือ พระเจ้า 5 พระองค์ และทุกพระองค์ ย้ำว่า ทดแทนบุญคุณบิดามารดาและแผ่บุญให้สัตว์ทั้งหลายตลอดเวลา

    กระทู้นี้มีข้อสรุป.........................................ทุกปัญหามีทางออกแล้ว
    ขอบุญจงมีแด่ท่านทั้งซ้ายและขวา และทั้ง 10 ทิศ ขอทุกท่านจงอภัยบาปแก่ทุกๆคนด้วยเทอญ ปิดกระทู้
    สงสัยไม่ต้องถามใครถึงเวลารู้เอง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 กุมภาพันธ์ 2011
  2. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,493
    น่าสนใจโรคไบโพล่า
     
  3. บุคคลทั่วไป 3 คน

    บุคคลทั่วไป 3 คน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,938
    ค่าพลัง:
    +1,253
    ก็เนื่องมาจาก ทางการแพทย์ซึ่งหมายถึงนักวิชาการฟรั่งแท้ๆ ที่ไม่เคยยอมเปิดใจอ่าน
    ปรัชญาตะวันออกเลย จะมีทิฏฐิเหนียวแน่นเรื่อง คนเราเกิดมาแค่ชาติเดียว

    ดังนั้น อาการของจิตที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะถอดจิต พลังจิต ติดบุญ ไม่สะสมวัตถุเงินทอง
    นั้นเป็นอาการของเด็กที่ไม่รู้จักโต จมอยู่กับจินตนาการที่เพ้อฝัน หรือจมไปในความ
    คิดแบบถอนตัวไม่ขึ้น ไม่ได้สติ คือ ไม่ต่างจากคนบ้า ในกรณีขั้นสุด

    ก็ไม่ควรแปลกใจ หรือไปกล่าวว่าเขา เพราะเขาแค่ตั้งข้อสมมติฐานเอาไว้ แล้วในวิถี
    การศึกษาก็จำเป็นต้องทดลอง และสรุปข้อสันนิฐานไปในทางที่สอดคล้องกับสมมติฐาน
    เอาไว้เท่านั้น กล่าวคือ เขาเองก็ถอนตัวจากทิฏฐิที่คิดเอาไว้ไม่ขึ้นนั่นเอง

    ดังนั้น จะเห็นว่า การมีสัมมาทิฏฐินั้นจำเป็นยิ่งต่อการเข้าถึงความจริงอันเป็นที่สุด
    ไม่เสียเวลาในการเข้าไปศึกษา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 มิถุนายน 2008
  4. พชร (พสภัธ)

    พชร (พสภัธ) ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    5,746
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +49,866
    แปลกดี....คนเป็นแค่พระโสดาบัน เป็นพระอริยเจ้าขั้นต้น เป็นคนดีระดับ"ผู้ดี"(ผู้มีศีล-มีความเคารพพระรัตนไตร-ไม่ลืมความตาย-มีพระนิพานเป็นอารม เป็นคุณธรรมของพระโสดาบัน) ทำไม่ต้องเป็นโรคอะไร ไบๆล่าๆ ที่คุณว่า? สมัยก่อน"โสเภณี"หรือ"หญิงงามเมือง" ในสมัยพุทธการเค้ายังเป็นได้เลย " (ในพระสูติมีผูดไว้ตั้งหลายท่าน)แต่ความดีของท่านเหล่านั้นท่านหนักแน่นมากความดีของท่านมันไม่เสื่อมคราย" ไม่ใช่พวก(ศรัทธาหัวเต่า)เดี๋ยวดีเดี๋ยวไม่ดี
     
  5. Aqua-ma-rine

    Aqua-ma-rine เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2008
    โพสต์:
    820
    ค่าพลัง:
    +1,242
    [​IMG]


    โรคไบโพลาร์ (Bipolar) เป็นโรคที่จัดอยู่ในกลุ่มโรคทางด้านเรื่องอารมณ์ กลุ่มเดียวกับโรคซึมเศร้า โรคซึมเศร้านั้นคือ โรคอารมณ์ที่ชัดเจน ที่มีอารมณ์เบื่อเศร้า แต่โรคไบโพลาร์ จะมีลักษณะที่มีอารมณ์ช่วงหนึ่งจะมีลักษณะครื้นเครง รื่นเริง สนุกสนานสลับกับอารมณ์ซึมเศร้าอีกช่วงหนึ่ง

    ในประเทศไทย มีผู้ที่มีอาการป่วยทางจิต ทางด้านอารมณ์ จำนวนหลายแสนคน บางครั้งอาจเรียกว่า
     
  6. Khundeaw

    Khundeaw เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    339
    ค่าพลัง:
    +706
    คนบรรลุโสดาบันแล้วไปหาจิตแพทย์ให้วินิจฉัยโรคหรือครับ

    หรือว่าจิตแพทย์พูดเองว่าคนนี้(คนนั้นบังเอิญบรรลุโสดาบันแล้ว)เป็นโรคที่ว่า

    และดูจากอาการของโรคที่โพสต์ให้รับรู้ข้างบน ไม่น่าจะตรงกับผู้บรรลุโสดาบันแล้ว

    ฟังหรืออ่านมาเราต้องคิดก่อนก็ดีนะครับ คนอื่นๆจะได้ไม่ตกใจไปด้วย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 มิถุนายน 2008
  7. Nu_Ni

    Nu_Ni เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2008
    โพสต์:
    219
    ค่าพลัง:
    +2,782
    อาการของ biopolar จะเป็นลักษณะของโรคจิตชนิดหนึ่ง คือมีสองบุคคลิกในคนเดียว เวลาปกติ หรือกินยาคุม ก็เหมือนคนปกติ
    แต่ถ้าไม่ได้กินยาจะมีอาการจะแสดงเป็นอีกคนไปเลย เมื่อแสดงอาการอาจอันตรายหรือไม่อันตรายก็แล้วแต่คน เช่น เป็นนาง ก อยู่บ้านเลี้ยงลูกพอมีอาการอาจลืมว่ามีลูก นึกว่าตัวเองเป็นนาง ข เป็นต้น บางคนเมื่อมีอาการอาจแสดงอาการทางจิตด้วยจิตตั้งแต่จิตอ่อน ๆ อาจถึงขั้นคลุ้มคลั่งเป็นพัก ๆ ซึ่งการแสดงของโรคแต่ละคนไม่เหมือนกัน

    ไอ้อาการใช้เงินเก่ง ไม่เสียดายน่ะ คนธรรมดาก็เป็น ถ้าบอกว่าใช้เงินเก่งพวกผู้หญิงคงเป็นกันเกือบหมดแล้ว ประเภทช้อบกระจาย พอใช้เสร็จมานั่งเสียดาย 555 ไม่จริงหรอก
    ชอบนั่งสมาธิ ไม่น่าทำให้เป็นโรคจิต น่าจะเป็นพวกที่เป็นโรคจิตอยู่แล้วมานั่งเลยเกิดหลอนมากกว่า
    โรคนี้ดูยาก ไม่ใช่ดูกันง่าย ๆ ไม่งั้นคนอารมณ์เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายก็เป็นไบโพลาร์ด้วยสิ เพราะมีสองอารมณ์แถมเปลี่ยนเร็วอีก
    โรคพวกนี้ฝรั่งเป็นเยอะ ไม่เข้ใจว่าทำไม ไม่ว่าโรคทางจิตแปลก ๆ ไปดูสิ ฝรั่งเป็นทั้งนั้น คนไทยไม่ค่อยมีหรอก อาจเพราะศาสนาพุทธ ช่วยกล่อมเกลาจิตใจเลยไม่เป็นปัญหา

    คนไทยเรียนตำราฝรั่งเลยไปก็อปฝรั่งมาหมด ไม่เข้าใจแต่ก๊อปๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เอาง่าย ๆ ทำไมฝรั่งต้องไปหาหมอโรคจิตระบายเรื่องส่วนตัว ระบายกันเข้าไป ทำไมคนไทยไม่ต้อง สังคมมันต่างกัน เรามีเพื่อนพ่อแม่พี่น้องระบายได้แต่ฝรั่งไม่มีต้องไประบายกับหมอ แถมเสียเงินอีกต่างหาก ลองคนไทยไประบายกับหมอสิ อาจรู้ไปทั้งอำเภอ 555
    อ่านแล้วอย่าไปเชื่อ เหมือนพระพุทธเจ้าสอน ต้องวิเคราะห์ก่อน
     
  8. DevilBitch

    DevilBitch เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2005
    โพสต์:
    9,776
    ค่าพลัง:
    +36,838
    ผู้ไม่ปฏิบัติ ย่อมมองไม่ถ่องแท้ ดังนั้นคำกล่าวของนักวิจารย์จิตแพทย์ที่ว่า(ชื่ออะไร ทำงานสถาบันไหน ชาติอะไร ศาสนาอะไร)


    ถ้าเราแค่เป็ฯเพียงผู้จับตามอง หากไม่รู้อะไรถ่องแท้นะคะ ไม่ควรเอาเรื่องต่างๆ มาวิจารณ์เป็นเรื่องเป็นราว

    อันนี้หมายถึงนักจิตวิทยาที่ไม่เคยทดลองปฏิบัติด้วยตนเอง ระวังการปรามาสพระรัตนตรัยนะคะ อเวจีเชียวค่ะ

    ผู้ที่เขาสงบ เขาไม่ซึมเศร้าค่ะ แต่คนมองว่าแปลก ทั้งๆ ที่คนมองเขาต่างหากที่แปลก เพราะว่าไม่มีศีล สมาธิ ปัญญา แต่กลับไปวิพากวิจารณ์

    โรคที่ว่านั้นมันมีจริง แต่ไม่ใช่กับคนที่บรรลุอริยะมรรคผลแล้ว ใช้กันไม่ได้ เทียบกันไม่ได้

    โรคที่ว่ามันไม่ศีล ไม่มีธรรม จิตใจมันฟุ้งซ่าน หดหู หวาดกลัว

    แต่ว่าผู้เข้าใจสัจธรรมและมุ่งมั่นหาทางหลุดพ้นนั้น

    โรคใดๆ ก็เกาะกินไม่ได้ค่ะ

    ผู้ตั้งกระทู้ลองฝึกและอบรมจิตแบบง่ายๆ ดูสิคะ แล้วจะรู้ว่า เป็นอาการของโรค หรือเกิดจากจิตใจที่ผ่านการกล่อมเกลาให้เกิดศีล สมาธิปัญญาดีแล้วเป็นระดับๆ ไป

    แต่อย่าทำแบบไม่ดูตาม้าตาเรื่อ ไม่มีครูบาอาจารย์ เดี๋ยวบ้า เพราะขาดความเข้าใจในการวางกำลังใจและจิต อย่างนี้ยิ่งกว่าโรคที่ว่าเสียอีกค่ะ

    เดินสายกลางค่ะ พิจารณาโลกให้เป็นด้วยสติ ปัญญา
     
  9. oomsin2515

    oomsin2515 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    2,934
    ค่าพลัง:
    +3,393
    กุศลผลบุญใด ๆ ก็ตามที่ข้าพเจ้าได้ทำมาแล้ว ตั้งแต่ต้นจนถึงปัจจุบันนี้ ข้าพเจ้าขออุทิศให้<O:p</O:p


     
  10. lukchai

    lukchai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2006
    โพสต์:
    326
    ค่าพลัง:
    +323
    แปลกดีนะครับที่มีผู้กล่าวว่า ผู้ที่บรรลุโสดาบันป่วยทางจิต ทั้งๆที่ท่านที่บรรลุต่างมีศีล 5 ครบถ้วน แต่ผู้ที่กล่าวหาท่านต่างมีศีลที่ด่างพร้อย และบางคนก็ทราบว่าการดื่มสุรานั้นก่อให้เกิดโรคหลายอย่างแต่ก็ยังดื่มอยู่ ทั้งๆที่ผู้ที่บรรลุโสดาบัน ท่านละได้แล้ว ผมก็อยากรู้เหมือนกันนะครับว่า ใครป่วยกันแน่
     
  11. @^น้ำใส^@

    @^น้ำใส^@ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    2,330
    ค่าพลัง:
    +4,674
    ทุกสิ่งไม่เที่ยงแท้ อย่ายึดติดกับตัวหนังสือ

    แต่จงปฏิบัติ แล้วจะรู้เอง

    โดยไม่ต้องบอกผู้อื่น

     
  12. คีตเสวี

    คีตเสวี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มกราคม 2007
    โพสต์:
    980
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +750
    โสดาบัน สุขภาพจิตจะดีมาก ๆ ครับ

    ส่วนท่านที่คิดเอาเองว่าเป็นโสดาบัน อันนี้ คงเป็นพวกไบโพล่า นั่นแหละ

    ลองดูนะครับ ถ้าคิดว่า เป็นโสดาบันแล้ว ปัญหาต่าง ๆ ผ่านเข้ามา จะ ผ่านพ้นไปได้ สบาย มาก ๆ แล้วก็ไม่ก่อปัญหาให้เกิดขึ้นใหม่ด้วยครับ
     
  13. อุดรเทวะ

    อุดรเทวะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,925
    ค่าพลัง:
    +130
    ผู้ได้ชื่อว่าเจริญแล้วอย่างพระโสดาบัน จิตตานุภาพท่านย่อมไม่ไหวต่อโลกโดยง่าย จะป่วยเป็นโรคจิตอย่างที่มนุษย์ตัวเหม็นคาดเดาไปได้อย่างไรกัน
     
  14. ธรรมะชาติ

    ธรรมะชาติ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2008
    โพสต์:
    190
    ค่าพลัง:
    +64
    อ่านแล้วอย่าไปเชื่อ เหมือนพระพุทธเจ้าสอน
     
  15. ธรรมะชาติ

    ธรรมะชาติ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2008
    โพสต์:
    190
    ค่าพลัง:
    +64
    ลองไปซื้อดู...อ.ทิพากร อ.เปี๊ยก..ผู้เปิดบุญ....ก็เป็นอดีตผู้ป่วยโรคนี้...รักษากับ..หมอสกล..นะ.. เป็น.10.กว่าปีแล้ว.........เคยมีใหมเรื่องที่พระพุทธเจ้าห้ามภิคษุไปบิณทบาทบ้าน..ผู้บรรลุโสดาบรรณ....หาดูนะ..แว่วๆ
     
  16. ธรรมะชาติ

    ธรรมะชาติ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2008
    โพสต์:
    190
    ค่าพลัง:
    +64
    ลองไปซื้อดู...อ.ทิพากร อ.เปี๊ยก..ผู้เปิดบุญ ที่ เซเว่น
     
  17. น้องหน่อยน่ารัก

    น้องหน่อยน่ารัก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    1,976
    ค่าพลัง:
    +4,975

    ไบพอล่า คือ อาการเหมือนคนสองคนที่ขัดแย้งกันเองมากๆ
    คือภาวะ บุคคลิกภาพขัดแย้งเป็นสองทางในคนๆ เดียว เช่น
    ใจหนึ่งเวลาโกรธจะดุดัน โมโหร้ายมาก ใจหนึ่ง จะใจดีให้เงิน
    คนง่ายๆ ใช้จ่ายหมดง่าย ไม่เสียดาย ไม่หวงทรัพย์ ฯลฯ


    แล้วแต่อาการของแต่ละท่านค่ะ


    สำหรับพระสกิทาคามี อาจถูกแพทย์สงสัยว่าเป็นไบพอล่าได้
    เพราะภาวะ "กระทบกระทั่งกันในจิต" ยื้อกันไปกันมาระหว่าง
    จิตที่จะละกิเลส กับจิตที่ยังถูกกิเลสครอบงำ


    แต่จิตแพทย์ที่เก่งจริงๆ และไม่หลงในวิชชาตนเอง สุดท้ายจะ
    ลงความเห็นว่า ไม่ใช่อาการที่จะวินิจฉัยได้ว่าเป็น "โรค" ค่ะ
    เป็นแค่บุคคลิกที่เกิดการเปลี่ยนแปลงบางช่วงขณะของชีวิตเท่านั้นค่ะ
     
  18. น้องหน่อยน่ารัก

    น้องหน่อยน่ารัก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    1,976
    ค่าพลัง:
    +4,975
    ในสมัยพุทธกาล นางวิสาขา เกือบถูกมองว่าเป็นคนบ้า


    เมื่อนางวิสาขา บรรลุโสดาบัน และร่ำรวย จนได้ถึงเวลาที่จะทำบุญใหญ่
    คือ สร้างวัดวาอาราม ถวายพระพุทธเจ้า แข่งกับท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี
    นางสร้างวัดเสร็จ ก็มีอาการปีติแช่มชื่นเป็นที่สุด เดินร่างเริงร้องเพลงเต้น
    ไปมา


    พระสงฆ์สาวก เห็นเข้าก็ตกใจ นึกว่านางเป็นบ้า และได้ตรัสถามพระพุทธเจ้า
    พระพุทธเจ้าก็ทรงตอบให้พระสงฆ์สาวกรูปนั้น หมดความสงสัยไป


    อาการของพระโสดาบัน จะดูคล้ายๆ กับคนช่างจินตนาการ และดู "ไฮเปอร์"
    ได้เพราะผลจากการละสักกายทิฐิ ไม่ถือเนื้อถือตัวเหมือนก่อน เปิดจิตไม่
    ปิดกั้น จึงมีจินตนาการมากขึ้นได้ และไฮเปอร์ เพราะมีพลังชีวิต รู้เท่าทันโลก
    มีความเข้าใจในมรรควิถีแห่งการดำรงชีพที่ถูกต้อง หมดวิจิกิจฉาในชีวิตที่ต้อง
    ดำเนินไปนั่นเอง


    บางท่านจึงเผลอคิดไปว่า "พระโสดาบันเป็นโรคจิตประเภท ไฮเปอร์แอคทีฟ"
     
  19. civil60

    civil60 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2007
    โพสต์:
    175
    ค่าพลัง:
    +60
    คงต้องใช้คำสอนของพระพุทธเจ้าเรื่องกาลามสูตรมาพิจารณา
     
  20. 16

    16 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    351
    ค่าพลัง:
    +419
    ใครจะว่าอย่างไรก็ช่างเขาเถอะ หันมามองตัวเองดีกว่า

    บทความพวกนี้ไม่มีผลประการใดแก่ผู้ได้บรรลุธรรมแล้ว เลยสักนิดเดียวครับ เพราะผู้ที่บรรลุแล้ว ศรัทธาย่อมมั่นคง รู้ได้ด้วยตัวเองว่ามีการเปลี่ยนแปลงที่จิตอย่างถาวร มองโลกอย่างที่เป็นจริง

    ส่วนผู้ที่ยังไม่บรรลุ แล้วนึกว่าบรรลุ ถ้ากรรมไม่บังตา ทิฐิไม่หนักหนา ผ่านไปสักระยะเมื่อผลแห่งสมาธิคลายลง ผู้นั้นก็จะทราบเองว่า บรรลุแล้วหรือคิดไปเองครับ

    อันที่จริง ทุกสรรพสัตว์บนโลก ก็ป่วยด้วยความไม่รู้ทั้งสิ้น ตราบที่บรรลุธรรมแล้วนั้นแหละ ถึงจะเรียกได้ว่า พ้นจากการป่วยอย่างถาวรแล้ว

    ^-^^-^^-^
     

แชร์หน้านี้

Loading...