เรื่องเด่น ฝึกมโนยิทธิครั้งที่ 3 ไปฝึกที่วัดท่าซุง ที่วิหาร 100 เมตร

ในห้อง 'ประสบการณ์อภิญญา' ตั้งกระทู้โดย Bens, 1 ตุลาคม 2006.

  1. Bens

    Bens เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มกราคม 2006
    โพสต์:
    227
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,498
    ฝึกมโนยิทธิครั้งที่ 3 ฝึกที่วัดท่าซุงในวิการ 100 เมตร

    Picture9 temples 046_resize_resize.jpg

    <O:p</O:p
    การเดินทางที่มีอุปสรรคแต่ไม่ย้อท้อเพราะกำลังศรัทธา<O:p</O:p
    ออกเดินทางวันเสาร์ตอนตี 3<O:p</O:p

    การฝึกมโนยิทธิแบบครึ่งกำลังครั้งนี้เป็นการฝึกครั้งที่ 3 สองครั้งแรกไปฝึกที่บ้านสายลม ครั้งที่ 3 เป็นการฝึกที่วัดท่าซุงเลย ตอนที่ผมยกพานครูผมได้อธิฐานต่อหน้าพระพุทธชินราชในวิหาร 100 เมตรว่าถ้าลูกฝึกมโนยิทธินี้ได้สำเร็จลูกจะมาเผยแพร่ความรู้ที่ได้ฝึกมาบอกเล่าเป็นธรรมทานให้ผู้คนทั้งหลายได้อ่านและศึกษากัน การเดินทางของผมในครั้งนี้ผมเช่ารถตู้ไป วัดหลวงพ่อจรัญก่อนที่สิงห์บุรี การไปคราวนี้ผมไปทั้งครอบครัวเลย เช่ารถตู้ไป 2

    ที่คือไปวัดอัมพวันก่อน แล้วต่อด้วยวัดท่าซุง ซึ่งตาของผมเป็นเจ้าภาพจัดไปไป 2 คันรถซึ่งเป็นคนในครอบครัวของผมทั้งหมด ซึ่งเสียค่ารถตู้ 5000 บาท วิ่งจากราชบุรีคือบ้านของผม ไปถึงสิงห์บุรีก่อนคือผมตั้งใจจะไปวัดท่าซุงแต่ตาของผมศรัทธาในตัวหลวงพ่อจรัญมากผมก็ศรัทธาเหมือนกัน แต่ผมตอนนั้นอยากไปวัดท่าซุงเป็นที่สุด ไปถึงวัดหลวงพ่อจรัญตอน 8 โมงเช้าพอดี คณะผมมีทั้งหมด 14 คน

    ขึ้นไปถวายอาหารพระฉันในตอนเช้า พระที่วัดอัมพวันมีจำนวนมาก ผมคิดว่าไม่ต่ำกว่าร้อยองค์ ผมตั้งใจจะไปถวายสังฆทานครบชุดมีพระพุทธผ้าไตร และอาหารแห้ง ผมจัดสังฆทานไป 3 ชุด วัดหลวงพ่อจรัญวัดหนึ่ง วัดท่าซุงวัดหนึ่งอีกถังนั้นเป็นของป้าผมไม่รู้จะถวายวัดไหนกันแน่เขาเลือกไม่ถูก ผมเองได้ซื้อพระพุทธรูปหน้าตัก 12 นิ้ว ไว้องค์หนึ่งตั้งใจจะไปถวายวัดท่าซุงแต่มีเหตุขัดข้องก่อนแล้วจะกลับมาเล่าให้ฟังทีหลังครับ

    เอาเป็นว่าไปวัดอัมพวันอต่ไม่เจอหลวงพ่อจรัญเพราะหลวงพ่อจรัญนั้นจะลงตอน 4 โมงเช้า คณะผมส่วนหนึ่งอยากไปวัดท่าซุงไม่อยากรอถึง 4 โมงเช้าแต่ตาผมก็อยากจจะเจอมาก ผมเองก็อยากจะไปวัดท่าซุงเร็วๆแต่ไม่พูดอะไร แต่มัติลงเป็นเอกฉันสรุปไปวัดท่าซุงเลยไม่รอ

    เราก็เริ่มเดินทางไปวัดท่าซุงเลยต้องเดินทางจากสิงห์บุรีไปอุทัยธานี แวะกินข้าวในตัวเมืองอ่างทองก็ต้องเดินทางไม่ต่ำกว่า 50 กิโล ฝนก็ตกลงมาเกือบจะตลอดทาง เรากะจะไปวัดท่าซุงโดนเอารถขึ้นแพโป๊ะข้ามฝั้งไปเพราะถึงเร็วกว่าแต่วันนั้นน้ำขึ้นทำให้แพเขียนป้ายว่าหยุดทำให้เราต้องวกรถกลับออกมาต้องเสียเวลาขับรถกลับทางเดินไปอีก 10 กิโลเพื่อไปทางถนนหลัก

    ถ้าเราขึ้นแพไปรถก็จะขับต่อไปอีกประมาณ 10 กว่ากิโลก็จะถึงวัด แต่ไปทางถนนหลักต้องอ้อมแม่น้ำต้องมีถึง 30 กิโลได้ ไม่เป็นไรอยากไปก็ขับไปเจอทางเข้าวัดก็ดีใจแต่ไหนได้ต้องเดินทางไปต่ออีกยาวพอไปถึงทางแยก 2 ทาง ถ้าไปตรงคนขับเขาบอกว่าทางลัดแต่ไม่เคยไปแต่มีป้ายบอก

    ถ้าเหลียวขวาเป็นทางถนนที่กว้างและไม่ขลุขละผมบอกให้คนขับเลี้ยวไปทางขวาเขาไม่ฟังไปตรงเลย เขาบอกว่าลัดผมก็มองป้ายไม่ทันมันเป็นกระดาษแผ่นเล็กๆผมมองแต่ป้ายใหญ่สีน้ำเงินทำด้วยเล็กเขียนว่าไปวัดท่าซุง ตาคนขับก็ขับไปทางก็แคบทุละกันดานขับไปลึกมากก็เจอนาบ้าง สวนผักบ้าง ทางชักแคบ ขับไปลึกมาก

    ทางชักยังไงแคบซะจนถ้ารถสวนมาต้องถอยหลังสถานเดียว ข้างทางหญ้าก็ขึ้นสูงกว่าตัวรถซะอีก พอขับไปผมชักบ่นอะไรหว่า เอะเห็นวัดก็เลยบอกให้คนขับรถจอดผมก็ไปดูโอแม่เจ้า พระเจ้าจอชโลกตะลึงอยู่คนละฝั่งแม่น้ำเลย ตานี้พามาอีกเกาะ ผมคิดว่าไอ้ป้ายนั้นเขาคงไม่ได้เขียนว่าวัดท่าซุงแต่เขียนว่า

    บ้านท่าซุงโออยากจะตายผมละอยากร้องเพราะอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้าก็จะเพลแล้วไม่ทันถวายอาหารพระแน่ ก็เลยนึกถึงหลวงพ่อฤาษีลิงดำนึกในใจว่าลูกอยากมาพบหลวงพ่อมากๆตั้งใจมาจะมากราบศพของหลวงพ่อขอให้หลวงพ่อช่วยลูกด้วยเทอญ จากนั้นผมก็กลับขึ้นรถกลับทางเดิน พอขับไปได้หน่อยเดียวเห็นป้ายเขียนว่าแพข้ามฝั่ง โอ้ยดีใจมากแต่รถข้ามไม่ได้ข้ามได้แต่คน

    ผมก็ลงไปถามว่าข้ามได้ไหมครับก็มีผู้หญิงคนหนึ่งออกมาบอกว่าข้ามได้แต่คนรถไปไม่ได้ ผมก็กลับไปเรียกคนในรถ มีคนลงมาแค่ ตาผมและป้าน้อยและน้องอีก 3 คน ที่เหลือขึ้นรถตู้กัน พอเรือถึงฝั่งเราก็เดินไปเดินไป 200 เมตรก็เจอวิหาร 100 เมตร <O:p</O:p
     
  2. Bens

    Bens เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มกราคม 2006
    โพสต์:
    227
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,498
    เข้าไปฝึกมโนยิทธิ

    เข้าไปฝึกมโนยิทธิ



    อากาศร้อนนะแต่รู้สึกว่าเดินสบายมากเดินไปก็เจอศาลาพักในบริเวณวิหารร้อยเมตร ใจก็อยากจะเข้าไปในวิหารหลวงพ่อแต่อายเพราะเสื้อนี้เปลื้อนมากเสื้อสีขาวที่เปลื้อนก็เพราะแบกลังพระมาลังมันเปลื้อนครับ ไม่กล้าเข้าไปนั่งพักที่ศาลาได้พักหนึ่งก็มีแม่ชีคนหนึ่งเดินมามาทักผมว่าไม่เข้าไปข้างในหรือ เดียวพอประตูจะปิดแล้วนะเพราะว่าข้างในกำลังจะฝึกมโนยิทธิกันพอได้ยินว่ามโนยิทธิเท่านั้นอยากจะฝึกบ้างก็อายเสื้อเปลื้อน ไม่กล้าเข้าไป

    ก็เลยบอกแม่ชีว่าผมไม่กล้าเข้าไปครับเสื้อผมเปลื้อนสกปรกเพราะเคยเห็นในหนังสือว่าในวิหารหลวงพ่อข้างในสวยมาก เรากลัวจะไปทำเรอะ แต่มีชีคนนี้มีเมตตามากบอกว่าไม่เป็นไรจ๊ะเข้าไปได้เลยซึ้งเลยเลยบอกตาว่าขอไปนะอยากไปฝึกอีกครั้ง เราก็ตามแม่ชีไปแม่ชีคนนี้ก็ถามว่าเคยฝึกไม้ผมก็บอกว่าเคยครับสองครั้งที่บ้านสายลม แม่ชีก็บอก ดีจ๊ะดีแล้ว แม่ชีก็พาเดินเข้าวิหาร ข้างนอกร้อนนะครับร้อนมากพอเดินเข้าไปในวิหารแค่นั้นความร้อนหายไปข้างในสวยมาก ข้างในตัววิหารทำด้วยแก้วสวยมากขนผมลุกเลยปลื้มปีติมากฝันเหลือเกินว่าอยากจะมา

    ยิ่งเห็นพระพุทธชินราชด้วยแล้วใจมันพองโตเลยทีเดียวปลื้มจนน้ำตาคลอเบ้า ก็ขอพรท่านให้ช่วยฝึกมโนยิทธินี้สำเร็จด้วยถ้ารู้ฝึกได้ก็จำนำความรู้นี้มาแผยแพร่อีกครั้ง ตอนไปฝึกที่บ้านสายลมนั้นไปได้ครั้งที่ 2 เท่านั้นแต่พอกลับมาฝึกที่บ้านก็ทำไม่ได้ ฝึกคราวนี้กะจะเอาความรู้เต็มที่แล้วจะกลับมาฝึกให้คล่อง จากนั้นก็กลับหันหลังเดินไปเจอโรงแก้วที่เก็บร่างของหลวงพ่ออยู่อยู่ฝั่งตรงข้ามกันก็เดินไป ร่างของหลวงพ่อมีสีดำรู้สึกว่าร่างกายจะหดเล็กลง ก็กราบหลวงพ่อ 3 ครั้งแล้วก็อธิฐานขอพรแล้วก็เห็นสังฆทานชุด 100 อยู่ก็พอดีพกเงินไปด้วยประมาณ 500 บาทเพราะก่อนที่จะมาคือก่อนจะมาไปทำผม

    วันนั้นแม่ผมป่วยก็ว่าจะไม่ไปเปิดร้านแล้วก็ขับรถเอาป้ายไปปิดว่าจะปิดซัก 2 วันเพราะว่าอีกวันนั้นจะไปเที่ยววัด พอไปถึงเห็นลูกค้ารอที่หน้าบ้านเต็มเลย ก็เลยตัดสินใจเปิดร้านซัก 3 ชั่วโมง แล้วก็ตั้งใจว่ารายได้ทั้งหมดในวันนี้จะทำบุญให้หมด และก็จะเก็บไว้ทอดกฐินปีนี้ด้วย ปีนี้ทอดกฐิน 3 วันครับ ตาของผมและก็ผมกะว่าจะทอดกฐินวัดละ 5000 บาท มีอยู่วัดหนึ่งคือวัดเขาแดนเป็นวัดที่ผมไปถืออุโบสถศีลปีนี้ วัดนี้ห้องน้ำชำรุดมากหลังคาพังหมด ผมกับตาคิดว่าจะร่วมสร้างห้องน้ำใหม่ และก็ว่าจะเรี่ยไรจากชาวบ้านให้ร่วมสร้างหอระฆังให้วัดด้วยเพราะยังไม่มี ผมเองไม่ค่อยจะคลุกครีกับวัยรุ่น มักจะอยู่กับวัยสูงอายุซะมากกว่าเพราะชอบฟังเรื่องประสบการณ์ของคนเหล่านั้นทำให้เรามีความรู้มากขึ้น เข้าเรื่องต่อ จากนั้นผมก็คิดว่าคงไม่มีโอกาสที่จะถวายสังฆานที่เราเอามาแน่ก็เลยคิดว่าไม่รอหละก็เลยถวายสังฆทานชุดละร้อย1ถังมีพระพุทธรูปด้วย 100 เดียวมีพระพุทธรูปประจำวันเกิดด้วยดีจริงๆ

    จากนั้นก็เห็นตู้บริจาค หลายตู้เป็นตู้ทำบุญต่างๆ ก็เห็นที่แลกเหรียญถ้วยหนึ่งมีเหรียญบาทอยู่ 20 เหรียญก็ให้แบงค์ 20 ไปไปอยู่ตู้ละบาทมี 20 ตู้พอดี จากนั้นก็มีแม่ชีคนเดิมเดินเข้ามาบอกว่าให้ไปยกพานครูแล้วก็มานั่งแถวนี้ เดี๋ยวจะมีคนมาบอกว่าใครฝึกขั้นต้นบ้างก็ให้เรายกมือขึ้นแล้วเดินตามครูเข้าห้องไป ขณะที่ผมรอผมก็ได้เข้าไปคุยกับอุบาสิกาคนหนึ่งอายุประมาณสัก 50 ได้ ท่านก็ถามผมว่าเคยฝึกบ้างไหม ผมก็บอกว่าเคยครับ ฝึกที่บ้านสายลมที่กรุงเทพ ท่านก็ถามผมว่าฝึกได้ไหม ผมก็ตอบว่าวันแรกยังไม่ได้แต่วันที่ 2 ไปได้ ครับ ท่านก็บอกว่า มีบุญนะดีแล้วจ๊ะทำต่อไป จากนั้นผมก็ถามว่า แม่ฝึกได้ยังครับ (คือผมชอบเรียกอุบาสิกาว่าแม่เพราะติดปากมาตั้งแต่ที่ไปบวชเป็นอุบาสกแดนมหามงคลที่จ.กาญจนบุรี)

    ท่านก็บอกว่า ตอนนี้ฝึกญาณ 8 อยู่ แล้วเป็นอย่างไงบ้างครับตอนฝึกมโนยิทธิครั้งแรก ท่านก็ตอบว่า ครั้งแรกๆก็ไม่รู้อะไรหรอกไม่รู้จักคำว่ามโนยิทธิด้วยมีคนชวนฝึกก็ไปฝึกกับเขา เขาให้นะมะพะธะก็ภาวนาไป ก็เห็นวิมานเป็นเหมือนโบสถ์เลยแต่ไม่ร็ว่าคืออะไรก็สงสัยถามครูฝึก สรูปว่าวันแรกได้แค่นั้นแต่ก็ได้ฟังคำครูฝึกสอนพอวันที่สองเอาใหม่ คราวนี้ภาวนาไปแป๊ปเดียวเห็นวิมานไปคล่องเลย ผมก็ถามต่อว่าแล้วได้คุยกับเทวดาบ้างหรือเปล่า ท่านก็ตอบว่าไม่ได้คุยดูอย่างเดียวแต่บางครั้งพระพุทธเจ้าท่านก็โปรดสอนเราบ้าง

    จากนั้นมีชีคนเดิมก็บอกว่าให้ย้ายมานั่งตรงนี้เดี๋ยวครูฝึกจะมา นั่งสักพักก็ให้ตายายป้าอาม่าและป้าน้อยเดินเข้ามาก็ชวนกันไปฝึกมโนยิทธิด้วยก็พาไปยกพานครูวุ่นวายไปหมดเพราะไม่เคยทำเล่นซะผมปวดหัวเลย จากนั้นครูฝึกก็จัดให้ไปนั่งในห้องห้องผมก็มี ยายแท้ๆกับป้าและผมและมีผู้หญิงอีกคนหนึ่งแต่ไม่รู้จัก คนที่พามาในห้องก็บอกให้ภาวนาไปนะมะพะธะเดี๋ยวจะมีพระมาสอน ก็นั่งไปก็มีเสียงเทปหลวงพ่อให้สมาทานศีลและก็สมาทานพระกรรมฐานจากนั้น พระครูฝึกก็เข้ามา<O:p</O:p
     
  3. Bens

    Bens เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มกราคม 2006
    โพสต์:
    227
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,498
    รู้ด้วยใจไม่ใช่ทางตา

    รู้ด้วยใจไม่ใช่ทางตา

    จากนั้นพระก็มานั่งถามว่าเคยฝึกที่ไหนกันบ้าง ก็พูดคุยกันไปจากนั้นพระก็บอกว่ามโนยิทธินี้เป็นการรู้สึกทางใจ ใช้อารมณ์ใจท่านให้เปรียบเทียบว่าเหมือนการเรานั่งอยู่ที่นี่ตาเราก็อยู่ที่นี่ เราลองหลับตาแล้วนึกถึงบ้านซิประตูหน้าต่างบ้านเราเป็นอย่างไรรู้ใช้ไม่นึกออกใช้ไม้

    ทุกคนก็ตอบว่านึกออก ท่านก็บอกว่า การที่เรารู้ว่าบ้านนั้นเป็นอย่างนั้นเพราะเราเคยเห็นมาก่อนแต่ตอนนี้เราจะไปสัมผัสในสิ่งที่เราไม่เคยเห็น ท่านก็บอกให้หายใจเข้าให้นึกว่านะมะ หายใจออกให้นึกว่าพะธะไปสัก 10 นาที จากนั้นท่านก็ให้หยุดภาวนาแล้วก็พูดให้ปลงขันธ์ 5 ว่างร่างกายมันเป็นทุกเป็นรังของโลก คนบนโลกนี้เกิดมาเท่าไหร่ ตายหมด ทุกสิ่งทุกอย่างมันไม่เที่ยงมันเป็นอนัตตา เกิดแก่เจ็บตายเป็นเรื่องธรรมดา

    จากนั้นท่านก็ให้พวกเรานึกน้อมจิตไปกราบพระพุทธชินราชในวิหาร ท่านก็ถามว่าทำได้ไหม ป้าผมก็ถามว่า พอทำได้เจ้าค่ะแต่เห็นไม่ชัด ท่านก็บอกว่าไม่เป็นไร เราลองเอาจิตคิดไปว่าเรากราบพระทำได้ไหม ทุกคนก็ตอบว่าได้ (ในที่นี้ยายกับป้าผมไม่เคยฝึกมาก่อนและไม่เคยได้ศึกษาเกี่ยวกับการฝึกพอสัมผัสกันได้ลางๆ)

    จากนั้นครูก็ถามว่า รู้สึกว่ามีในบริเวณมีใครอยู่บ้างไหม ความรู้สึกก็ตอบว่ามี (จากนี้จะเล่าเฉพาะที่ฝึกได้ก็แล้วกันนะครับไม่ได้เจาะจงว่าเป็นผมคนเดียว เดี๋ยวจะหาว่าอวดอีกเพราะว่ามีบางคนคิดว่าคนที่ฝึกวิชาพวกนี้ได้ต้องเป็นพระอริยเจ้าตั้งแต่พระโสดาบันถึงพระอรหันต์เท่านั้นถึงจะฝึกได้เดี๋ยวจะไปกันใหญ่)

    จากนั้นครูฝึกก็ถามว่า ท่านที่มาสงเคราะห์เรานั้นเป็นอย่างไร ก็ตอบว่า รองเท้าท่านงอนขึ้นครับมีกายสว่าง ครูฝึกก็บอกให้กราบท่าน แล้วขอบารมีพระพุทธเจ้ากับหลวงพ่อปานหลวงพ่อฤาษีลิงดำขอท่านช่วยให้เรารับสัมผัสในสิ่งที่เป็นจริงและชัดเจนแจ่มใส จากนั้นครูฝึกก็บอกให้ขอท่านผู้ที่มาสงเคราะพาเราไปที่พระจุฬามณีเจดียสถานด้วยเทอญพระพุทธเจ้าค่ะ จากนั้นครูฝึกก็ถามว่า พระจุฬามณีมียอดไหม ตอบว่า มี ครับ แล้วพระจุฬามณีมีกำแพงหรือเปล่า ตอบ มีครับ ครูฝึก ดูสิว่าพระจุฬามณีมีทางขึ้นหรือเปล่า ตอบว่ามีครับ เป็นบันได

    ครูฝึก บอกท่านผู้ที่มาสงเคราะห์เราช่วยพาผมเดินขึ้นบันไดพาเข้าไปพระจุฬามณีด้วยเทอญพระพุทธเจ้าค่ะ ครูฝึก ถึงหน้าประตูยังเห็นใครไหม ตอบ เห็นครับท่านใหญ่มาก ครูฝึก ขอท่านเข้าไปพระจุฬามณีได้ไหม ตอบ ได้ครับ ครูฝึก ตอนนี่เราเข้าไปพระจุฬามณีแล้วตรงกลางเห็นพระพุทธเจ้าไหม ตอบ เห็นครับ ครูฝึก ท่านนั่งหรือยืน ตอบ นั่งครับ ครูฝึกนั่งห้อยพระบาทหรือนั่งขัดขา นั่งห้อยพระบาทครับ ครูฝึก ท่านสวมรองเท้าหรือเปล่าแล้วขอเท้าท่านมีอะไร ตอบ สวมครับรองเท้าปลายงอนขึ้นเป็นแก้ว ข้อเท้ามีกำไรครับ ท่านองค์ใหญ่ไหม ตอบ ใหญ่มากครับ ครูฝึกแล้วรอบๆพระวรกายท่านสว่างไหมมีสีเดียวหรือหลายสี ตอบ สว่างมากครับ มีหลายสี ครูฝึก สีอะไร ตอบ บ่างคนก็ว่าแดงบ้าง เหลืองบ้าง

    ครูฝึก ตามแสงนั้นไปนะดูสิว่าพระจุฬามณีกว้างมากไหม ตอบ กว้างมากครับสว่างมาก ครูฝึก แล้วมีใครอยู่รอบๆบ้างไหมทางซ้ายทางขวาด้วย ตอบ มีครับเยอะมากๆเลย ครูฝึก น้อมกราบท่านทุกคนเลยทำได้ไหม ตอบ ทำได้ครับ ครูฝึก ดูสิท่านดีใจไหมที่เราฝึกมโนยิทธิได้ ตอบ ดีใจครับท่านยิ้ม แล้วเอามือมาลูบหัว ครูฝึก เราน้อมบุญกุศลให้ท่านซิการที่เรามาฝึกมโนยิทธินี้เป็นบุญนะจิตเป็นกุศล ครูฝึก ท่านว่ายังไง ตอบ บางคนก็ว่า ดีใจที่ลูกขึ้นมาหามา บางคนก็บอกให้มาหาบ่อยๆ บางคนก็ ยิ้มเฉยๆ ครูฝึก จากนั้นให้เราออกไปนอกพระจุฬามณีซิว่ามีวิมานอยู่ไหม ตอบ มีครับ ครูฝึก วิมานสวยไหมใหญ่หรือเปล่า ตอบ สวนมากครับใหญ่โตมาก

    ครูฝึก ขออนุญาตเจ้าขอวิมาน ขอให้เราเข้าไปได้ไหม ตอบ ได้ครับ ครูฝึก ท่านเป็นอย่างไรเป็นเทวดาหรือนางฟ้า ตอบ บางคนก็บอกว่านางฟ้า บางคนก็บอกว่าเทวดา ครูฝึก ขอท่านพาไปแท่น...(แท่นอะไรผมก็จำไม่ได้เหมือนแท่นบรรทมศิลาอาตอะไรทำนองนี้ครับมันติดอยู่ที่ปากจำไม่ค่อยได้) ครูฝึก ถึงหรือยัง ตอบ ถึงแล้วครับ ครูฝึก ดูสิแทนนี้เป็นสี่เหลี่ยมหรือเป็นแทนกลมๆ ตอบ สี่เหลี่ยมครับ ครูฝึก แท่นนี้เป็นอย่างไร ตอบ เป็นชั้นๆครับมีลวดลายสวนสว่างด้วย ครูฝึก มีใคร นั่งอยู่ไหม ตอบว่ามีครับ ครูฝึก ข้างๆมีอีกไหม ตอบว่ามีครับ ครูฝึก เป็นใคร ตอบ เป็นนางฟ้าครับ ครูฝึก บอกว่า นี่คือท่านปู่และท่านย่านะ

    จากนั้นลองขอบารมีพระพุทธเจ้าซิขอไปพระนิพพาน ไปได้ไหม ตอบ ได้ครับ ครูฝึก เห็นวิมานของพระพุทธเจ้าไหม ตอบ เห็นครับ ครูฝึก เป็นไงสวยไหม แล้วข้างหน้ามีอะไร ตอบ สวยครับใหญ่มาก ข้างหน้ามีสระโบกขรณี ครูฝึก ขอพระพุทธเจ้าเข้าไปในวิมานซิเข้าได้ไหม ตอบ เข้าได้ครับ ครูฝึก พระพุทธเจ้าคล้ายครับพระพุทธเจ้าที่เราเห็นพี่พระจุฬามณีไหม ตอบ คล้ายกันครับ ครูฝึก ดูซิมีใครอยู่อีกไหม ตอบ มีครับเยอะมาก ครูฝึก คนที่ข้างๆเราเป็นใคร ตอบ หลวงพ่อครับหลวงพ่อปานกับหลวงพ่อฤาษีลิงดำ ครูฝึก

    ขอท่านพาไปดูวิมานขอเราที่นิพพานมีไหม ตอบ มีครับ ครูฝึก วิมานใหญ่ไหม ตอบ บางคนก็ว่าเล็ก บางคนก็ว่าใหญ่ ครูฝึก เข้าไปวิมานได้ไหม ตอบ ได้ครับ ครูฝึก ลองขึ้นไปนั่งที่แท่นซินั่งได้ไหม ตอบว่า ได้ครับ ครูฝึก นั่งสบายหรือเปล่าลองขยับตัวดูซิว่าจะตกมาไหม ตอบ นั่งสบายครับไม่ตก ครูฝึก ดีแล้วเรามีโอกาสที่จะได้ที่มาอยู่ ครูฝึก เข้าไปกราบหลวงพ่อขอบคุณหลวงพ่อที่ได้ช่วยเหลือพามาที่วิมานพามาที่พระนิพพาน ตอนนี้ที่มือหลวงพ่อมีอะไรไหม ตอบ มีครับ มีไม้เท้า ครูฝึก ตอนนี้หลวงพ่อมาในชุดพระสงฆ์นะ ดูซิหลวงพ่อท่านทำอะไรท่านดีใจไหมที่เราขึ้นมาได้ กราบลาหลวงพ่อนะ ตอบ ท่านยิ้มครับแล้วเอามือมาลูบที่หัว ครูฝึก ครูฝึก เอาหละการที่เรามาได้นี้แปลว่ากำลังใจเราดีนะ เป็นปรมัตถบารมี สร้างสมบารมีเพื่อพระนิพพานมาหลายชาติแล้ว เอาหละการฝึกมโนยิทธิก็เป็นอันพอแก่เวลาแล้ว คนที่ไปไม่ได้ก็ไม่ต้องเสียใจนะก็พยายามฝึกฝนหมั่นภาวนา

    ให้จิตเป็นกุศล บางคนถามว่าทำไมถึงไม่เห็นภาพครับ ครูฝึกบอกว่า มโนยิทธิเป็นการรู้สึกทางใจถ้าวิปัสนายังอ่อนก็อาจจะพอเห็นลางๆถ้ามีวิปัสนาที่เข้มแข็งก็จะสัมผัสภาพได้ชัดเจน จากนั้นก็เป็นการกรวดน้ำอุทิศสว่นบุญ จากนั้นครูฝึกก็ออก จากนั้นผมก็เดินออกจากวิหารร้อยเมตร ทั้งๆที่เดินออกมาพร้อมกับคณะที่พอหันหลังกลับหายไปหมด สรุป หลง แต่ผมก็เดินหารถก็โชคดีที่เจอเจอคนขับนอนอยู่ก็บอกว่าเดี๋ยวผมไปซื้อหนังสือก่อนนะครับ จากนั้นผมก็นั่งรถเครื่องเป็นสามล้อบริการที่อยู่ในวัดพระวัดหลวงพ่อนี้กว้างมาก เดินวันนี้ก็ไม่หมด ขณะที่ที่นั่งก็มีแม่ชีอีก 3 คนนั่งไปด้วยและที่นั่งไปด้วยก็มีแม่ชีคนที่พามานั่งไปด้วยซึ่งเป็นการบังเอิญเสียจริง

    ท่านก็ทักว่าเป็นอย่างไรบ้าง ขณะทมี่นั่งรถไปก็ชมวิวข้างทางไปมองไปทางไหนก็สวยทั้งนั้นวิหารของหลวงพ่อที่สร้างนี้สวยจริงๆ ผมกะว่าถ้ามีโอกาศเดือนธันวานี้จะไปถือเนกขัมบวชพรหมอยากจะไปฝึกแบบเต็มกำลังบ้าง จากนั้นก็ไปที่ศาลารับแขกไปซื้อหนังสือหลวงพ่อเสียไป เกือบ 200 บาทน่าอ่านทั้งนั้น และก็เห็นตู้ร่วมทำบุญบวชเณรก็หยอดไป 20 บาทเพราะเงินเหลือน้อยกลัวจะไม่มีตังค์จ่ายค่ารถกลับ ก็เดินข้ามถนนเห็นรถจอดพอดีแต่ไม่มีใครนั่ง แกก็บ่นว่า คนเดี๋ยวอีกแล้ว ในใจผมก็คิดว่าจะให้แก่สัก 20 บาท สงสารระหว่างทางก็ก็บ่นแค่ครั้งเดียวแล้วก็เงียบพอใกล้จะไปถึงวิหาร 100 จะให้ 20 บาท ที่จริงจ่ายแค่ 3 บาทหรือ 5 บาทนี้แหละ พอให้ 20 บาทแกหละพูดจ้อยเลยยังกะรู้จักกันมานานยังงั้นผมก็อดขำในใจไม่ได้
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ทวดที่เสียชีวิตพาแม่คุณไหวที่ป่วยอยู่ไปเที่ยวที่วิมานของตัวเองและไปเที่ยวเมืองลับแล<O:p</O:p

    พอมาถึงก็ต้องได้ยินคำว่าตาย ผมถามว่าใครตาย แม่ผมบอกว่าแม่คุณไหวตายแล้ว ผมก็ตกใจ อะไรกันเมื่อวานเขาบอกว่าดีขึ้นแล้วมาพูดกันแจ๋วเลยแม่ก็มาเล้าอาการให้ฟัง ทวดที่ตายไปนานแล้วซัก 5 ปีได้ ตอนนั้นผมอยู่แค่ป.6เอง อายุ 13ปีตอนนี้ผมย่างเข้า 18 แล้ว แม่คุณไหวที่ฟื้นขึ้นมาบอกว่าทวดพาไปเที่ยวที่วิมานและก็พาเที่ยวเมืองลับแล เดี๋ยวจะไปถามว่าเป็นอย่างไรผมก็แค่ฟังมาแค่นี้<O:p</O:p
     
  4. Bens

    Bens เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มกราคม 2006
    โพสต์:
    227
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,498
    นะมะพะธะแล้วหลับไป

    พระพุทธชินราชมาโปรด

    buddhachinarat2.jpg


    พอกลับมาจากการเดินทางรู้สึกเหนื่อยมากก็ลอยอาบน้ำแล้วก็นอนเลยแต่ปากก็ภาวนานะมะพะธะไปเรื่อยๆ ไม่รู้หลับไปตอนไหน อยู่ดีๆก็ไปนั่งเล่นที่ไหนก็ไม่รู้สว่างมาก ได้เห็นพระพุทธชินราชองค์ใหญ่มากสวยอร่ามลอยมาใกล้ ผมก็ก้มลงกราบท่าน

    ตอนนั้นผมรู้สึกเหมือนครึ่งหลับครึ่งตื่น คือไงอะมันงงมึนๆ เห็นตัวเองนอนและก็เห็นตัวเองอีกกายหนึ่ง นั่งฟังพระอยู่ ตอนนั้นรู้สึกว่าพระท่านจะพูดว่า ไม่ให้สนใจในโลกมนุษย์ ท่านพูดแค่ประโยคนี้แต่ตอนนั้นรู้สึกว่าเข้าใจอะไรได้หลายอย่างเลยแตกออกมาเป็นหัวข้อ ตอนนั้นเข้าใจว่าท่านไม่ให้สนใจผู้อื่นให้สนใจตัวเองให้มากอันนี้ชัดมาก และแตกออกมาหลายอย่างแต่บรรยาทไม่ถูกแต่รู้ในใจ พอมารู้สึกตัวอีกทีก็ 6 โมงเช้า ผมเวลา 6 โมงปั๊ปคือเวลาหลับตั้งใจว่าจะตื่นเวลานี้มันก็ตื่นเองคือจะรีบไปอาบน้ำแล้วไปสวดมนต์รอพระมาบิณฑบาตร

    อันนี้ไม่เชื่อไม่เป็นไรผมว่าอะไรอ่านกันพอสนุกก็ได้แต่ว่าหลัดธรรมที่สอนนี้ผมจะนำไปใช้ ผมเคยอ่านหนังสือหลวงพ่ออยู่เล่มหนึ่ง ท่านเขียนถึงพระอานนท์ ตอนนั้นพระพุทธเจ้านิพพานไปแล้วพระอานนท์เสียใจมาก ท่านก็คิดว่าตอนนี้เรายังไม่ได้เป็นพระอรหันต์เลย

    แล้วใครจะมาคอยสอนเรา พระอานนท์ก็ได้ยินเสียงพระพุทธเจ้าว่า ถึงตถาคตจะนิพพานแล้วแต่คำสั่งสอนคือพระธรรมยังอยู่ พระธรรมเหล่านี้จะเป็นผู้สอนเจ้า ผมจำคราวๆนะครับประมาณนี้ผิดถูกก็ช่วยกันแก้ด้วยนะ และผมก็อ่านเจออีกว่า ตถาคตเป็นเพียงผู้บอกเท่านั้น เหมือนกับว่า

    ท่านแนะนำทางให้ปฏิบัติแล้วอยู่ที่ว่าเราจะปฏิบัติหรือไม่แค่นั้น เหมือนพระอรหันต์ท่านหนึ่งที่ปฏิบัติธรรมจนตาแตกทั้งสองข้าง ท่านฟังคำสั่งสอนจากพระพุทธเจ้าแค่ครั้งเดียวว่าไม่ให้สนใจในกาย ร่างกายไม่ใช่ของเรา ร่างกายนี้อีกไม่นานก็ปราศจากร่างแล้วก็ไม่ต่างอะไรจากท่อนไม้ เพียงเท่านี้ท่านก็นำไปปฏิบัติ

    จนบรรลุเป็นพระอรหันต์ หลวงพ่อบอกว่า พวกเราในยุคนี้ฟังธรรมขององค์สมเด็จพระประทีปแก้วมามากกว่านั้นอีก เอาแค่ศีล 5 ก็พอบางคนผมชวนรักษาศีลกลัวไม่กล้ารักษาศีลบอกว่าโอ้ยทำไม่ได้หรอก สงสัยกลัวขึ้นสวรรค์กัน
     
  5. ยอดยาหยี

    ยอดยาหยี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    576
    ค่าพลัง:
    +2,697
    ดีจัง เรายังไม่มีโอกาสได้ฝึกเลย แต่ได้ไปวัดท่าซุงมาแล้วครั้งหนึ่ง ตอนนั้นยังไม่รู้อะไรเลยค่ะ คิดว่าเป็นวัดที่สวยงามอลังการใหญ่โตมากเลย ขอให้สำเร็จนะค่ะ ในสิ่งที่หวังไว้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 ตุลาคม 2006
  6. pong-sit

    pong-sit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,626
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +17,781
    ชื่นใจแทนคุณนะครับ ที่ฝึกพอได้แล้ว ตัวผมเองก็อยากไปฝึกบ้าง แต่ไม่มี โอกาศซักทีเลย อยากไปวัดท่าซุงจัง
     
  7. KomAon11

    KomAon11 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    4,803
    ค่าพลัง:
    +18,983
    โมทนาสาธุครับ กำลังอ่านๆ

    อ่า อ่านจบแล้วครับ อิอิ มาเล่าต่อสิครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 2 ตุลาคม 2006
  8. Bens

    Bens เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มกราคม 2006
    โพสต์:
    227
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,498
    สาธุครับ

    ขอบคุณครับ ผมเองก็ยังไม่เก่งอะไรหรอกครับ ผมคิดว่าทุกคนก็ต้องทำได้เหมือนกัน เพราะผมเองก็ไม่ได้เป็นผู้ดีมีวิเศษมาจากไหน มี ตา หู จมูก ปาก แขน ขา เช่นเดียวกับทุกคน แค่มีใจตั้งมั่นที่อยากจะฝึกให้ได้แค่นั้น อยากจะพิสูจน์ความจริงในเรื่องนี้ แต่ยังพิสูจน์ได้ไม่เต็มที่และยังไม่เป็นที่น่าพอใจอยากจะพยายามให้ได้มากกว่านี้อีก และผมก็แค่อยากจะพิสูจน์ให้บางคนรู้ว่าวิชานี้ไม่ใช่ว่าต้องเป็นพระอริยเจ้าเท่านั้นถึงจะฝึกกันได้ ปถุชนคนธรรมดากิเลสหน้าเป็นชั้นอย่างผมก็ฝึกได้เหมือนกันเพราะว่านี้เป็นฌานโลกีย์ และคนที่ฝึกไม่ได้อย่าพึ่งท้อนะครับ พยายามเข้าครับต้องทำได้แน่ ขนาดพระเทวทัตที่ไม่รู้คุณของพระพุทธเจ้าไม่มีความเคารพพระพุทธเจ้ายังสามารถฝึกอภิญญาเหาะเหินเดินอากาศได้เลย แต่พวกเรานั้นมีความเคารพในตัวของพระพุทธเจ้ากันทั้งนั้นผมคิดว่าต้องทำได้อยู่แล้ว อย่างพระสูตรเรื่องนี้ เป็นสัตว์เดรัจฉานฟังธรรมไม่รู้เรื่องแค่ชอบใจในเสียงธรรมนั้นเท่านั้นก็ทำให้ไปเกิดเป็นเทวดาลงมาเกิดอีกทีก็บรรลุเป็นพระอรหันต์ได้และมีประโยชน์มากครับถ้าอ่านแล้วอาจจะเป็นหนทางที่ให้บรรลุธรรมของท่านง่ายขึ้นก็ได้ จะเล่าเพียงคราวๆนะครับเดี๋ยวจะเบื่อกันซะก่อน

    เรื่องมีอยู่ว่า ในสมัยพระพุทธกัสสปในสมัยในปรากฏว่ามีงูเหลือมอยู่หนึ่งตัวแก่มากแล้วอาศัยอยู่ในถ้ำแห่งหนึ่ง อาศัยอยู่ในเขตสถาน ในคราวในพระพุทธเจ้าได้สอน อภิธรรมทั้ง 7 คัมภียร์ คือปกรณ์ 7 ประการ องค์สมเด็จพระประทีปแก้ว กล่าวว่า เป็นปิฏกที่ 3 ในด้านอภิธรรม ทั้ง 7 ประการนี้ ได้ครบถ้วน ท่านผู้นั้นก็จะเข้าถึงพระนิพพานได้เร็วที่สุด เมื่อพระพุทธเจ้าได้สอนอภิธรรมแก่บรรดาสาวกแล้ว คณะสาวกก็มีความประสงค์ที่จะท่องจำให้ขึ้นใจจึงพากันไปซ้อมที่ถ้ำใหญ่ ในถ้ำนั้นปรากฏว่ามีค้าวคาว 500 ตัว นอกจากนั้นก็มีงูเหลือมแก่มากตัวหนึ่งอาศัยอยู่ในถ้ำ เรื่องของค้าวคาวของดไว้ก่อน ขอเล่าเรื่องของงูเหลือมก่อน งูเหลือตัวนี้ นอนอยู่ได้ยินเสียงซ้อมอภิธรรมทั้ง 7 คัมภีย์ แต่ทว่าบทอื่นๆแก่ฟังแล้วไม่เคยชอบ ที่จริงแก่ฟังไม่ร็เรื่องไม่เข้าใจ พอใจในเสียง ก็พอใจอยู่บทเดียว คือบท อายตนะ ในตอนหนึ่งของบทอายตนะ ที่เขาเรียกกันว่า บทปัญจักขันธาใหญ่ ท่านสวดกันว่า จักขุนทริยัง โสตินทริยัง ฆานินทริยัง ชิวหินทริยัง เหล่านี้ มันลงท้าย ยังๆ เมื่องูเหลือมฟังบทว่า ทริยังๆ แกชอบตรงนี้ ไม่รู้ว่าพระว่าดีหรือไม่ดี ว่าอะไรก็ไม่ทมราบ แกชอบตรง ทริยัง มันลงท้ายเหมือนๆกัน ฟังเพราะดี เมื่อฟังมาได้ 2-3 วัน อายุของท่านงูเหลือมตัวนี้ก็ถึงแกเวลาตายเพราะแก่มากแล้ว อาศัยที่ฟังบทสวดของอภิธรรม ประเภทไม่รู้เรื่องเพียงชอบใจในเสียง ปรากฏว่าแกตายแล้วไปเกิดบนสวรรค์ชั้นดาวดึงสเทวโลกมีบริวาร 500 หรือ 1000 เป็นบริวาร จำไม่ได้นัก เมื่อหมดกาลจากเทวดา ก็มาเกิดในเขตของชมพูทวีปเกิดก้อน พระเจ้าอโศกมหาราช ประมาณ 30 ปี ในระหว่างที่เกิดมา มาจากด้านของความดี คือเป็นเทวดาได้ เพราะเขตของพระพุทธศาสนา แต่เวลาที่จะมาเกิดเป็นคน มาเกิดในตระกูลที่เคารพอเจลก คือ พระแก้ผ้า ในตอนนั้นก็ปรากฏว่าแกบวชเป็นพระในสำนักของอเจลกเดินแก้ผ้าสบายเพราะไม่มีกฎหมาย แต่อาศัยที่ได้ฟัง ทริยังๆ มานั้นแหละ เป็นเหตุให้ได้ ทิพขักขุญาณ มันเป็นเรื่องหน้าแปลกไหม ดารเข้าถึงพระพุทธศาสนาขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ด้วยกำลังใจที่เคารพเพียงเล็กน้อย มาเกิดเป็นคน บวชเป็นอเจลก ก็ได้ทิพจักขุญาณ สามารถรู้อะไรได้ตามสมควร เพราะเป็นฌานโลกกีย์ <O:p</O:p
    มาวันหนึ่งแกได้พบพระเจ้าอโศกมหาราชซึ่งกำลังเดินเที่ยวอยู่นอกพระราชวังกับพระมารดา เมื่อเห็นเด็กคนนี้เข้าก็ยืนมองดู พระราชินีสงสัยจึงถามอเจลกว่า พระคุณเจ้าดูลูกชายของหม่อมฉันเพื่อประสงค์อะไรพระเจ้าข้า อเจกลกนั้นจึงกล่าวว่า ภคินี ดูก่อนน้องหญิงลูกชายคนนี้เลี้ยงให้ดีนะ เมื่อพระราชบิดาทิวงคตแล้ว จะเป็นกษัตริย์ที่มีความสำคัญมาก จะมีเดชอำนาจมากเหลือเกินแต่ทว่าจะต้องฆ่าน้องชายต่างมารดา 80 พระองค์ ด้วยความจำเป็น เมื่ออเจลกได้ทำนายอย่างนั้น นางจึงจำเรื่องราวนั้นไว้แต่ไม่บอกกล่าวกับใคร ต่อมาไม่นานไม่เจ้าอโศกมหาราชก็ได้ขึ้นเป็นกษัตริย์ต่อจากพระราชบิดา แต่อาศัยที่พระราชบิดามีพระชายามากมีน้องชายต่างมาดา 80 พระองค์ เมื่อพระเจ้าอโศกมหาราชได้ขึ้นครองราชย์แล้วน้องชายต่างมาดา ก็คิดที่จะกบฏ ยึดราชสมบัติมาครอบครองเสียเองจึงได้นำกองทัพไปล้อมภายนอกทั้งหมด เข้ามาล้อมพระราชวัง เรามาข้ามกันถึงพระเจ้าอโศกมหาราชที่ฆ่าน้องชายต่างมารดาทั้ง 80 คนแล้ว ท่านก็สงสัยว่าเรื่องร้ายอย่างนี้มีคนพยากรณ์ไว้บ้างหรือเปล่าจึงได้ไปถามารดาของท่าน มารดาของท่านก็เล่าความเป็นไปให้ท่านฟัง เมื่อพระเจ้าอโศกมหาราชได้ฟังอย่างนั้นจึงอย่ากได้อเจลกคนนั้นมาเป็นอาจารย์ประจำสำนัก พระเจ้าอโศกมหาราชจึงได้ส่งกองเกียรติยศไปรับอเจลกงูเหลือมคนนั้น เมื่อเจลกได้เห็นบรรดาอำมาตย์ข้าราชบริพารไปรับ ก็ดีใจจึงขึ้นเสลี่ยงตั้งใจมาเฝ้าพระเจ้าแผ่นดิน ด้วยอาศัยที่ยังมีกิเลสอยู่ในใจ ก็นึกครึ้มคิดว่าเราเป็นพระแก้ผ้าดีกว่าพระสงฆ์ในพระพุทธศาสนา ที่พระราชาไม่เคาระ เคารพในเรา เมื่อผ่านวัดของสาวกขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเขาจึงบอกให้หยุดคามหาม วางคามหามก่อน เราจะไปเยี่ยมสมณะด้วยกัน นี่แสดงว่า เบ่ง เมื่อวางคามหามแล้ว ท่านก็นวยนาดเข้าไปในวัด เดินแก้ผ้าโทงๆเข้าไป บังเอิญวัดนั้น มีพระอรหันต์เป็นสมภาร เป็นหัวหน้า เมื่อท่านเห็นอเจลกเดินเข้ามา ท่านจึงถามว่า ว่าอย่างไร พ่ออายตนะ พ่องูเหลือม ลืมอายตนะเสียแล้วหรือ เมื่อสะกิดถูกแผลเก่าเข้า สิ่งที่เป็นกุศลประจำใจมันปรากฏ มีความละอาย นั่งพับเพียบ เอาเขาปิดหน้าล่างเข้าไว้ พระรู้ว่าท่านอายจึงส่งผ้าให้นุ่ง ท่านอเจลกเห็นสัตว์ร้าย มีเสือ สิงห์ หมู ละมั่ง กวาง เก้ง เป็นต้น นอนอยู่ไม่ทำอันตรายต่อกัน จึงถามทว่า สัตว์ทั้งหลายเหล่านั้น เขา เรียกว่าอะไร พระก็ตอบตามใจเดิมของท่าน เขาเรียกกันว่า อายตนะ ท่านพูดเรื่องอายตนะ ท่านพูดเรื่องอายตนะพอเบาๆปรากฏว่า อเจลกงูเหลือม ได้ พระโสดาปัตติผล เมื่อเป็นพระโสดาบันแล้ว ก็มีความรู้สึกตัวว่า ความรู้เก่ามันเลวเหลือเกิน ใช้ไม่ได้ ตั้งใจจะไปหากษัตริย์ จึงได้บอกอำมาตย์เข้าไปก่อน กิจที่เราทำยังพึงมี ไปกราบทูลพระราชาว่าเราเสร็จกิจในพระพุทธศาสนาแล้ว เราจะเข้าไป เมื่อกลับเข้ามาใหม่ปรากฏว่า พระองค์นั้น ซึ่งเป็นพระอรหันต์ เทศน์อายตนะซ้ำอีกคราวหนึ่ง อย่างละเอียด ท่านก็บรรลุอรหันต์ผล เป็นพระอริยบุคคลขั้นสูงสุดในพระพุทธศาสนา แล้วจึงกลับมาสอนพระเจ้าอโศกมหาราช ให้มีความเคารพในพระพุทธศาสนา นี่แหละฟังเรื่องราวของงูเหลือมว่า มีจิตใจเคารพในพระธรรม คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า เพียงแค่พอใจในเสียงตายไปเป็นเทวดา กลับลงมาเป็นคนเป็นพรอรหันต์ได้ฉันใด เราซึ่งเกิดเป็นคนมีความรู้ว่านี้เป็นเสียงของกุศล หรือเสียงที่เป็นอกุศล ถ้าเราถูกใจในบทใดบทหนึ่ง หรือคำภาวนาอย่างใดอย่างหนึ่งเป็นเครื่องจับใจ เวลาตายลงไป ใจยังพอใจในเรื่องนั้นหรือเวลาก่อนตายเวลาป่วยไม่สบายหรือยามปกติเปิดเครื่องบันทึกเสียงชอบธรรมมะตอนนั้นฟังตอนนั้นเป็นปกติ เป็นเครื่องจับใจตายแล้วก็ไปสวรรค์กลับลงมาเกิดอีกทีดีไม่ดี เป็นพระอรหันต์เลยเช่นเดียวกับงูเหลือม คนเราดีกว่างูเหลือม เพราะเรารู้เรื่องว่า นี้เป็นพระธรรม คำสั่งสอน ของพระพุทธเจ้า สิ่งทั้งหลายเหล่านี้เป็นบุญเป็นกุศล <O:p</O:p
    <O:p</O:p


    จากหนังสือกฎแห่งกรรมเล่ม 2 ของพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ)
    <O:p</O:p


     
  9. wutlions

    wutlions เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    793
    ค่าพลัง:
    +1,384
    ยินดีด้วยครับ
     
  10. สายชน

    สายชน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    251
    ค่าพลัง:
    +1,232
    ยินดีด้วยครับ

    อยากไปเหมือนกันแต่ยังไม่มีโอกาศจะไป
     
  11. pattarawat

    pattarawat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    1,671
    ค่าพลัง:
    +7,981
    อนุโมทนากับคุณ pasaway007 ด้วยนะครับ เป็นประโยชน์ต่อชาวพลังจิตอย่างมากครับ โดยเฉพาะคนที่กำลังฝึกมโนอยู่ครับ
     
  12. MOUNTAIN

    MOUNTAIN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    15,035
    ค่าพลัง:
    +132,081
    อนุโมทนากับคุณ pasaway007 ด้วยครับ
    <!-- / message --><!-- sig -->
     
  13. perter

    perter เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    72
    ค่าพลัง:
    +187
    อนุโมทนาด้วยนะครับ อายุยังน้อยมีความสนใจพระพุทธศาสนาขอให้ได้บุญบารมีเยอะๆนะครับ


    อยากไปวัด? บ้างจังเลย
     
  14. นายฉิม

    นายฉิม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2004
    โพสต์:
    2,105
    ค่าพลัง:
    +2,696
    ผมเคยมีโอกาสได้ไปตอนสมัยเด็กๆน่ะครับ จำได้คลับคล้ายคลับคลาจำไม่ได้ว่าไปมากี่ครั้ง
     
  15. jenny

    jenny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    113
    ค่าพลัง:
    +1,263
    -ขอโมทนาสาธุ...สาธุ...สาธุ...ค่ะแล้วเดี๋ยวมาอ่านต่อ [b-wai] [b-wai] [b-wai]
     
  16. marine24

    marine24 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    2,223
    ค่าพลัง:
    +15,632
    พรุ่งนี้ วันที่ 4 ธ.ค. 2549 ผมจะไปวัดท่าซุง เพื่อพาภรรยาไปฝึกมโนมยิทธิ ขออำนาจองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ หลวงปู่ปาน หลวงพ่อพระราชพรหมยาน และบุญกุศลที่ได้สร้างไว้โปรดดลบันดาลให้ ข้าพเจ้าและภรรยาได้บรรลุรู้แจ้งในมรรคผลนิพพานด้วย เทอญ
     
  17. Newone

    Newone เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    118
    ค่าพลัง:
    +2,964
    เมื่อวันเสาร์ ได้มีโอกาสไปฝึกมโนมยิทธิที่บ้านสายลม
    ที่ชั้น 3 แอบเห็น คุณ Tamsak คุณ เอฟ เด็กท้ายแถว คุณ Prapasri....
    และท่านอื่น ๆ ที่เป็นสมาชิกในแวป พลังจิตด้วย.....

    ส่วนนิววัน ไปนั่งฝึกมโนมยิทธิ ทั้งวันเสาร์ และวันอาทิตย์ (แต่คิดว่าตัวเองยังไม่ได้เรื่องเลย....ฮือ ๆ ฮือ ๆ)...จะพยายามต่อไปค่ะ...

    สำหรับวันเสาร์ ที่ชั้น 3 เป็นการฝึกครั้งแรก ก็พอจะผ่านไปได้
    วันอาทิตย์ก็เลยฝึกขั้นที่ 2 ที่ชั้น 2 คนฝึกกันเต็มห้องเลยค่ะ...
    หลังจากนั่งแล้วท่านอาจารย์ได้สอบจิต..และมีการถามถึงผู้ตาย
    ตรงนี้แหล่ะทำให้เรา รู้ตัวเองว่าจิตยังเข้าไม่ถึงจริง ๆ หรือว่าถ้าจิตตกเราก็ไม่สามารถเห็นภาพที่ท่านอาจารย์บอกได้..ว่า ท่านที่มาเป็นใคร
    อายุประมาณเท่าไหร่ ตายเพราะอะไร... เป็นผู้หญิงหรือผุ้ชาย...
    มีผู้ฝึกหลาย ๆ ท่านตอบได้ตรงเกือบทั้งหมด...

    ข้าพเจ้า...นั่งอึ้ง ๆ กิมกี่...ไปเลย...

    เดี่ยววันที่ 30 ธ.ค. - 1 ม.ค.ก็จะไปฝึกที่บ้านสายลมอีก....
     
  18. udomchai

    udomchai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มกราคม 2008
    โพสต์:
    64
    ค่าพลัง:
    +334
    อนุโมทนา สาธุ ด้วยนะครับผม "เป็นความรู้สึกทางใจ ไม่ใช่ใช้ตาเห็น" ;-)
     
  19. piya0101

    piya0101 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    184
    ค่าพลัง:
    +255
    ค่อย ๆ ฝึกกันไปครับ ทุกอย่างไม่ได้มาง่าย ๆ ในภพชาติเดียว เป็นเพราะสัญญาเดิมทำให้เราสนใจในเรื่องนี้ อย่างที่พระเดชพระคุณหล่วงพ่อฤาษี เคยกล่าวไว้ว่า


    "....ที่มาเนี่ยมีแต่พวกเดิม ๆ เคยฝึกมาแล้วทั้งนั้น ไม่มีผู้มาฝึกใหม่...."


    ภพชาตินี้มาเติมเต็มในส่วนที่ขาด ก็จะสำเร็จถึงปลายทางที่ปรารถนาครับ อนุโมทนา
     
  20. สรรเสริญมหาโพธิสัตว์

    สรรเสริญมหาโพธิสัตว์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    402
    ค่าพลัง:
    +1,176
    ครับ
    ผมขอเรียนถามท่านว่า แท่นที่่ว่า
    ใช้ "บัณฑุกัมพลศิลาอาสน์" ป่าวครับ ประทับนั่งของพระอินทร์บนสวรรค์
    เรียนมาด้วยความเคารพ ขออนุโมทนาบุญครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...