พระกรรมฐานวิชชามโนมยิทธิ โดยคำชี้แนะจากเทพเทวาคนสนิทขององค์อินทร์

—- •• พระกรรมฐานวิชชามโนมยิทธิ โดยคำชี้แนะจากเทพเทวาคนสนิทขององค์อินทร์ •• —-​

-เทพเทวาท่านชี้แนะว่า “เราจะชี้แนะกรรมฐานวิชชามโนมยิทธิแก่ชายคนนี้ การจะเรียนวิชชามโนมยิทธิให้บังเกิดความสำเร็จดั่งใจหมายมิใช่เรื่องง่าย และก็ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับคนที่มีบารมีเก่า! แต่เราจะอาศัยแต่บารมีเก่าเพียงอย่างเดียวจึงมิได้! การจะเรียนมโนมยิทธิให้ก้าวหน้าขึ้นทุกวัน ผู้เรียนจึงต้องฝึกจิตให้พร้อมในทุกครั้งก่อนจะขึ้นกรรมฐาน เพราะถ้ามีกำลังจิตไม่เพียงพอ ถึงจะขึ้นพระกรรมฐานไปจิตก็ไม่พร้อม! ดังนั้น ในเรื่องการเตรียมพละกำลังจิตจึงเป็นเรื่องที่สำคัญมาก! เป็นพื้นฐานอันสำคัญของวิชชามโนมยิทธิ! สิ่งนี้ตัวชายคนนี้ควรกระทำให้ถึงเสียก่อน!

และเมื่อตระเตรียมพละกำลังของจิตไว้พร้อมแล้ว ก็ถึงขั้นตอนของการขึ้นพระกรรมฐาน หลังจากขึ้นพระกรรมฐานเสร็จ ให้ดวงจิตของผู้ฝึกทำการจดจ่ออยู่ในสภาวะอารมณ์ใดอารมณ์หนึ่ง จากนั้น ให้กำหนดนิมิตขึ้นมาสักหนึ่งนิมิต และคงสภาวะแห่งนิมิตนั้นไว้ที่หทัยจักราหรือก็คือที่ตรงทรวงอก ต่อจากนั้น ให้พิจารณาเปลี่ยนแปลงรูปนิมิตดังกล่าวให้เป็นไปตามใจนึกคิด! ทำเช่นนี้อยู่ซ้ำๆไปเรื่อยๆ จนเกิดภาพนิมิตใหม่ขึ้นมา! โดยนิมิตใหม่นี้ก็คือ นิมิตแห่งมโนมยิทธิ คือ ภาพแห่งความเป็นจริงนั่นเอง! โดยภาพลักษณะนี้ยังเป็นภาพที่ยังไม่ค่อยชัดเจนสักเท่าใด ผู้ฝึกจำเป็นต้องฝึกกระทำขั้นตอนแบบนี้ซ้ำไปซ้ำมาอยู่เสมอ จนกว่าภาพสุดท้ายหรือภาพแห่งมโนมยิทธิจะมีความชัดเจนจนผู้ฝึกสามารถมองเห็นรายละเอียดของภาพแห่งมโนมยิทธิได้ทุกส่วน และผู้ฝึกต้องสอบอารมณ์ของการเห็นภาพแห่งมโนมยิทธิ โดยเทียบกับภาพของจริงที่มีอยู่จริงบนโลก อาทิเช่น เมื่อเอากล้วยใส่ลงในกล่องปิดผนึกไว้โดยไม่ให้ผู้ฝึกล่วงรู้สิ่งของที่อยู่ในกล่อง จากนั้น ผู้ฝึกก็ใช้กำลังของมโนมยิทธิส่องดูของที่มีอยู่ในกล่อง ว่าภายในกล่องมีวัตถุอะไรที่ซ่อนอยู่! ต้องซื่อสัตย์กับตนเองเสมอ! จะทายมั่วมิได้! ถ้าเห็นสิ่งใดในนิมิตก็ให้ผู้ฝึกพูดตามที่เห็น! ถ้าไม่เห็นก็คือไม่เห็น! ไม่จำเป็นต้องโกหกว่าเห็น! ขอให้ชายคนนี้ตั้งใจฝึกดีๆ อย่าละความเพียรลงเสียก่อน! หลายคนที่เคยฝึกวิชชามโนมยิทธิแต่ไม่สำเร็จ ก็เพราะไม่มีความเพียรที่มากพอ! มิใช่เพราะไม่มีบารมีที่จะทำ!”

 

อนุโมทนาสาธุครับ