...พระธาตุลูกศิษย์หลวงปู่มั่น....

ในห้อง 'หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต' ตั้งกระทู้โดย rinnn, 27 ธันวาคม 2006.

  1. rinnn

    rinnn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    7,666
    ค่าพลัง:
    +24,025
    เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
    เมื่อวันที่ ๗ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๔๔
    พระธาตุลูกศิษย์หลวงปู่มั่น
    เมื่อวานไม่ได้ทองคำเลย ดอลลาร์ได้ ๒๐ ดอลล์
    เขาบอกมาเมื่อวานหรือวานซืนนี้ ถึงเรื่องอัฐิของหลวงปู่ชอบกลายเป็นแก้วไปเลย ว่างั้น แต่เรายังไม่ได้ดู ถ้าหากว่ามีโอกาสพอดูได้เราจะไปดูเอง คือถ้าเราได้ดูของเราแล้วเรียกว่าร้อยเปอร์เซ็นต์เลย ได้ดูได้เห็นด้วยตาของเราเองแล้วร้อยเปอร์เซ็นต์ ถ้ายังไม่ได้ดูก็ยังไม่เต็มเท่าไรนัก แต่ผู้ที่ควรเชื่อถือได้ด้วยการรู้เรื่องเหล่านี้ได้ดีเราก็เชื่อเช่นเดียวกับเราไปเห็นเอง หลวงปู่ชอบชื่อท่านก็ชอบแล้วนี่ ท่านเรียบ ๆ ๆ ธรรมดา ท่านชอบอยู่ในป่าในเขามาก พึ่งจะออกมาตอนเป็นอัมพาต ท่านเป็นโรคอัมพาตได้เกี่ยวกับหมอกับอะไร นอกจากเกี่ยวกับหมอแล้วเลยยุ่งไปหมดเลย
    โรคอัมพาตเป็นเหตุที่ให้ท่านมาเกี่ยวกับประชาชน ลูกศิษย์ลูกหาก็ลากท่านไป ท่านไม่ไปก็ลากท่านไป เลยเลอะ ๆ เทอะ ๆ ไปหมด ไม่ใช่ท่านเลอะ ๆ นะ เรื่องราวมันเกี่ยวกับท่านมันยั้วเยี้ย ๆ เลยเสียไปนะอาจารย์ชอบ องค์ท่านเองไม่มีอะไร ลูกศิษย์ลูกหานั่นซี ท่านไม่สบายก็เอาไปหาหมอ ออกจากนั้นก็เลอะ ๆ เทอะ ๆ หามท่านไปที่นั่นที่นี่ไปแล้วใช่ไหมล่ะ เหมือนปลาเน่า หามไปประกาศขายกิน เวลาคุยกับเราคุยดีนะ คือสนิทกันมากกับหลวงปู่ชอบ เราไม่ค่อยเกี่ยวนักตอนที่คนรุมท่าน พระเณรไปรุมท่านทำให้ท่านไม่สบายใจด้วย แล้วเรื่องราวก็เลอะ ๆ เทอะ ๆ ไปด้วย เราเลยไม่เข้าไปเกี่ยว มีแต่มาดุเอาพระองค์หนึ่งมากับท่าน ชี้หน้าเลยเทียวนะเรา อย่างนั้นละ ต่อหน้าท่าน ท่านมาเยี่ยมเราบนศาลานี้
    เพราะเราได้ทราบข่าวเลอะ ๆ เทอะ ๆ มากับพระองค์นี้ เขาบอกชื่อบอกนามมา พอมาก็ถาม องค์นี้ชื่อว่ายังไง ๆ พอถึงองค์นี้ชื่อว่าอย่างนั้นก็เปรี้ยงทันทีเลย ท่านอาจารย์ชอบท่านก็นิ่งไม่พูดอะไร เราเอาจริง ๆ ฟาดเปรี้ยง ๆ ต่อหน้าท่านอาจารย์ชอบ ท่านสึกเสียอย่ามาอยู่ให้หนักศาสนา เอาขนาดนี้นะ ท่านมาทำครูบาอาจารย์ให้เลอะให้เสีย ครูบาอาจารย์ไม่เสีย ท่านกำลังเสียเป็นส้วมเป็นถานไปแล้วเหม็นคลุ้งไปหมดท่านรู้ไหม ซัดเอาจริง ๆ ต่อหน้าท่านนะ อย่างนี้ละหลวงตาไม่ไว้ใคร นี่พวกนี้ทำให้ท่านเสีย ท่านไม่เสียก็เลอะ ๆ ไปกับพวกเหล่านี้เลยเสียไป
    นี่เกี่ยวกับเรื่องหลวงปู่ชอบ ครูบาอาจารย์องค์ใดมักจะมีพระไปทำให้เหม็นคลุ้ง ๆ เป็นยังไงไม่รู้นะ ไม่ปรากฏเลยแต่พ่อแม่ครูจารย์มั่น นอกจากนั้นมี ท่านไม่มีอะไร แต่พวกพระเณรซีไปทำเลอะ ๆ เทอะ ๆ มันก็เหม็นคลุ้งทั่วกันไปหมดจะว่าไง ครูอาจารย์องค์ไหนก็มีพระตัวสำคัญ ๆ ไปแทรกเป็นเปรตเป็นผีอยู่นั้น มี ถึงได้เอาพระองค์นี้ เดี๋ยวนี้ก็สึกไปแล้ว ผู้ที่ยังไม่สึกไล่เบี้ยกับนั้นเลย ท่านอยู่ให้หนักศาสนาทำไม เอาขนาดนั้นนะต่อหน้าหลวงปู่ชอบข้างบนนี้
    พอหันมาทางนี้ก็ถามล่ะซี เพราะได้เรื่องมานานแล้วเต็มหัวอกแล้ว ถามเข้าไป พอองค์ที่ตรงเป๋งกับที่เขาบอกก็เปรี้ยงเลยทันที อย่างนั้นเลอะเทอะ ไม่มีใครพูดนะ ครูอาจารย์ท่านขี้เกียจพูดท่านก็ปล่อยของท่านอยู่อย่างนั้นละจะว่าไง มันก็เลอะ ๆ เทอะ ๆ ครูอาจารย์องค์ไหนก็แบบเดียวกันท่านขี้เกียจยุ่ง ท่านไม่ยุ่ง แล้วก็สนุกสร้างความสกปรกรกรุงรังเข้าใส่ครูบาอาจารย์ เข้าใส่วงคณะตลอดศาสนาไปอย่างนั้น มันมีมันเป็นได้ ครูบาอาจารย์องค์ไหนมักจะมีเสมอ ไม่ปรากฏเลยก็พ่อแม่ครูจารย์มั่น เพราะเรื่องอติเรกลาภก็มี สำหรับหลวงปู่มั่นไม่ต้องถาม สำหรับท่านเองท่านไม่เคยเกี่ยว แต่นี้เราอยู่ใกล้ชิดละซีถึงไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้
    เอาจริงเรา เครื่องบริขารเราควบคุมหมดเลย นั่นเห็นไหมล่ะ ใครมายุ่งไม่ได้ว่างั้นเลย เราเป็นคนสั่งทีเดียวเลย สั่งนี้ไปนั้นสั่งนั้นไปนั้น แยก ๆ เรียบวุธหมด บริสุทธิ์เต็มที่ นั่นเห็นไหมล่ะ เราเป็นคนจัดเอง พ่อแม่ครูจารย์มั่นจึงไม่ปรากฏเลยแม้นิดหนึ่งไม่มี ตอนนั้นจะว่าเราควบคุมอยู่นั้นก็ถูก แต่เราไม่ตั้งใจควบคุมเหล่านี้ละนะ เราตั้งใจกับครูบาอาจารย์ แต่เวลาสิ่งเหล่านี้มีมามันก็มาเกี่ยวโยงที่จะรับผิดชอบ นั่นซีที่เราเข้าไปเกี่ยวข้อง เรียกว่ากุมอำนาจเลยก็ได้ สั่งทันทีเลย ก็เรียบไปตลอด เราเป็นคนจัด บริขารอะไรที่เขามาถวายท่านมากน้อยนี้ เราสั่งเขาทันทีเลย บอกจำนวนมา บอกมา ๆ เสร็จแล้วเราเป็นคนสั่งแยก ๆ อันนี้แยกไปทางนั้น ๆ แยกไปจนหมดไม่มีอะไรเหลือเลย เป็นอย่างนั้นละเราจัดเอง เรียบไปเลยไม่เห็นมีอะไร
    ครูบาอาจารย์เหล่านั้นท่านไม่ค่อยพูด มันก็สนุกเลอะ ๆ เทอะ ๆ พระหน้าด้าน มาหน้าด้านกับเราไม่ได้นะหน้าผากแตกทันทีเลย ไม่ว่าองค์ไหนก็มาเถอะน่ะ คิดดูซิฟาดต่อหน้าหลวงปู่ชอบเห็นไหมล่ะ ท่านก็นั่งเฉยเลย ก็เราเก็บไว้หมดแล้วเรื่องราวทุกอย่างมีแต่รอจะออกเท่านั้นเอง พอได้จังหวะปั๊บพุ่งทันทีเลย บอก ให้สึกท่านอย่าอยู่ให้หนักศาสนา เอาขนาดนั้นนะ คนทั้งโลกเขารู้กันหมดท่านทำไมไม่รู้ท่าน ว่าขนาดนั้นนะ เอาขนาดนั้นต่อหน้าหลวงปู่ชอบ ท่านไม่ว่าอะไร เฉย ก็ท่านรู้ยิ่งกว่าเราทุกสิ่งทุกอย่างแล้วเรื่องของพระเหล่านี้น่ะ เราเก็บเอามาจากคนนั้นคนนี้แล้วก็ใส่เปรี้ยง ท่านจะว่าอะไรเราก็เราพูดตามหลักความจริง ท่านไม่ว่าท่านก็เฉยของท่าน
    แต่ก่อนท่านมีแต่อยู่ในป่าในเขาทั้งนั้นนะ หลวงปู่ชอบ ก็มาเกี่ยวกับท่านเป็นอัมพาต แล้วแห่ไปโน้นหามไปนี้ สุดท้ายก็เลยเอาสินค้าท่านหามประกาศขายกินไปซิพระเลอะเทอะ พวกเลอะเทอะ ใครเลอะเทอะก็ตามมันก็ยุ่งไปตาม ๆ กันหมด เหม็นคลุ้งไปหมด หลังจากนั้นเราก็ไม่ค่อยเข้าไปเกี่ยวข้องกับท่าน ไปก็จะไปเจออีกก็จะเอาอีกนะ เจอตรงไหนเอาตรงนั้นไม่เหมือนใครนี่ ผิดจะให้มาเหยียบหน้าผากอยู่ได้ยังไง ก็รู้ว่าผิด ต่างคนต่างมาชำระความผิดแท้ ๆ ทำไมจะพูดกันไม่ได้ ชำระกันไม่ได้ นั้นซิมันออกตรงนั้น เปรี้ยงเลยแหละเรา
    ส่วนมากครูบาอาจารย์มักจะมีแต่เราเป็นผู้น้อยกว่าท่านนะ แต่ถ้าพูดแบบโลกมักจะเป็นเรื่องเราโจมตีท่านเสมอแหละ ท่านไม่ค่อยได้ว่าอะไรเราเพราะเห็นมันไม่ถอยใครพระองค์นี้น่ะ ไปที่ไหนก็ใส่เปรี้ยงใส่ครูบาอาจารย์ ไล่เบี้ยหาเหตุหาผลแล้วก็ใส่กันเปรี้ยง ทีนี้ท่านก็ไม่ทราบจะเถียงเราว่ายังไง เพราะที่เปรี้ยง ๆ มีแต่ถูกทั้งนั้น ยิ่งหลวงปู่ฝั้นด้วยแล้วเข้าท่าดีนะ นิสัยท่านน่ารักน่าเคารพเลื่อมใส เราเทิดทูนท่านตลอดนะ หลวงปู่ฝั้นอัธยาศัยใจคอทุกสิ่งทุกอย่างเรียบหมดเลย ถึงขนาดนั้นยังถูกเราโจมตีได้ ฟังซิพระองค์นี้มันถอยใครเมื่อไร
    อยู่ ๆ ก็พวกบ้ามันสร้างเหตุการณ์ขึ้นมา รวมหัวกันเต็มอยู่ในครัวของท่านยั้วเยี้ย ๆ พระก็ไม่มีองค์ไหนกล้าแตะต้อง มันจะตั้งโครงการขึ้นใหญ่โตเสียด้วย นิมนต์พระมาตั้งสองร้อยสามร้อย จะทำบุญใหญ่โตถวายอายุท่านครบรอบ เขาไม่มาปรึกษาท่าน เขาประชุมกันเรียบร้อยแล้ว ตกลงกันคนนั้นเอาอย่างนั้น คนนี้เอาอย่างนี้ไปหมดแล้ว มีแต่เขาโค้ง ๆ เราไม่โค้งใส่เปรี้ยงเดียวเอาหลงทิศไปเลย ทีนี้พระก็ไม่กล้าพูดว่ายังไง ไม่กล้ากราบเรียนท่าน เดี๋ยวพระก็จะกระทบกระเทือนไปด้วย คงอย่างนั้นแหละ พระไม่มีทางไปก็วิ่งมาหาเรานั่นละเรื่องมัน ตั้งหน้ามาเลยเชียว มาเล่าเหตุการณ์ให้ฟังต่าง ๆ นานา เหตุการณ์เหล่านี้มีแต่เรื่องเสียหายทั้งนั้น วงกรรมฐานไม่มีชิ้นดีเลย เสียหายหมด ตั้งอะไร ๆ ขึ้นมาไม่เห็นมีเหตุมีผลอะไรเลย
    เราพูดจริง ๆ เรื่องเหตุกับผล ต้องไปกับเหตุกับผล เขามาเล่าให้ฟังละซี เวลากับพระเราไม่ตอบอย่างไรเลย เฉย ท่านมาเล่าให้ฟัง อะไร ๆ เล่าให้ฟังหมดเรื่องราวในวัด เราไม่ตอบสักคำเดียวเลย เฉย เหมือนไม่รู้ไม่ชี้นะ อย่างนั้นนะเฉย ฟังอยู่เฉย ๆ อย่างนั้นก็มี ไม่ตอบไม่ถามคำไหน เพราะพระที่เล่าให้ฟังมันแจ่มแจ้งหมดแล้ว ไม่ทราบจะไปถามอะไร ๆ จากนั้นพระท่านก็กลับไป อีกสองวันมั้ง เพราะจวนวันเข้าไปแล้วเราก็ไปเลยเทียว ไปก็บึ่งเข้าหาท่านเลย เด็กโจมตีผู้ใหญ่เข้าท่าดีนะ เหอ ๆ ขึ้นเลย ซัดผู้ใหญ่ ท่านใจดี เรามันอย่างที่เห็นนี่แหละ ยกเหตุยกผลมาอย่างนั้น ๆ พอรวบรวมมาแล้วนี้วงกรรมฐานจะเสียตรงนี้ มีแต่ครูจารย์เท่านั้นที่จะห้ามทัพนี้ได้ นอกนั้นไม่มีใคร พระมาบอกเราก็ไม่ได้กราบเรียนท่านนะ กลัวจะกระทบกระเทือนท่าน เป็นเรื่องของเราล้วน ๆ เก็บเรื่องทั้งหมดแล้วก็ขึ้นกราบเรียนท่านเลย ไม่บอกว่าใครมาบอกเราอย่างนั้นอย่างนี้ ไม่บอก เอาความจริงเข้าใส่เปรี้ยง ๆ เลย
    พอเสร็จแล้ว นี่ครูจารย์จะว่ายังไง เรื่องราวเป็นอย่างนี้ ครูจารย์จะปล่อยให้เป็นอย่างนี้หรือครูจารย์จะพิจารณา ก็มีแต่ครูจารย์เท่านั้นจะชี้ขาดได้เรื่องเหล่านี้ นอกนั้นไม่มีในวัดนี้ ว่างั้น กระผมในฐานะเป็นลูกศิษย์มากราบเรียนให้ทราบ ด้วยความรักสงวนครูบาอาจารย์และคณะกรรมฐานของเรา เหอ ไม่ได้ ๆ ไม่ได้ก็ครูจารย์ต้องเป็นผู้ห้ามเอง ไม่ได้ ๆ ขึ้นเลยทันที ไม่ได้ก็ต้องเป็นเรื่องของครูจารย์ กระผมมากราบเรียนเฉย ๆ เรื่องราวเป็นความจริงอย่างนี้ ๆ พอเรามาแล้วท่านก็คงจะเอาใหญ่ละท่านะ เรื่องนั้นเลยหายเงียบไปเลย ก็มีแต่ท่านองค์เดียวเท่านั้น ท่านสั่งคำเดียวก็หมดเลย ทีนี้ท่านไม่รู้ซี เขาตั้งทัพอยู่ด้านหลัง ๆ รอบด้านไม่ให้ท่านรู้ พระท่านรู้หมดแล้วท่านมาหาเรา เราจึงไปเองก็เพราะสงวนครูบาอาจารย์วงหมู่คณะจะเลอะเทอะไปหมด เพราะหัวหน้าผู้ใหญ่ทำได้ ผู้น้อยต้องทำได้หมด ตรงนั้นตรงจะเสีย
    วันเกิดองค์นั้น วันเกิดองค์นี้ ใครก็เกิด ไอ้หยองมันก็เกิด ทำไมไม่เห็นทำบุญวันเกิดมัน ไอ้หยอง ไอ้ปุ๊กกี้ นั่น ทำบุญวันเกิดองค์นั้น ทำบุญวันเกิดองค์นี้ เราโมโหนะ ของเราเราไม่ได้มีนะ เรื่องของเราแต่ก่อนใครมาแตะไม่ได้เลย อันนี้มีช่วยชาติบ้านเมืองเราก็เลยเฉย ๆ ไปเสีย เพื่อชาติบ้านเมืองไม่ได้เพื่อเรา เรื่องของเรามีอะไร พ่อแม่ครูจารย์เองท่านก็ไม่เคยมี จนกระทั่งท่านมรณภาพจากไปไม่เคยมีวันเกิดวันตายอะไรเลย ที่จะดำริขึ้นมาหรือพูดมาแย็บหนึ่งไม่เคยมี เราก็ไม่เคยมี เรื่องก็รู้กันอยู่แล้วยุ่งหาอะไร
    สำหรับวัดป่าบ้านตาดนี้งานอะไร ๆ ไม่มีโดยเด็ดขาด ห้ามเด็ดขาดไม่ให้มายุ่งเลย แต่ก่อนเป็นอย่างนั้นตลอดมาไม่ให้ยุ่ง ให้มีแต่ภาวนาอย่างเดียว พระองค์ไหนไม่ทำอย่างนั้นควรไล่ออกจากวัดไล่ทันทีเลย นี่มันเลอะเทอะมาพอแล้ว หูหนวกตาบอดไปอย่างนั้นนะอยู่ทุกวันนี้ มันของดีเหรอ อยู่แบบหูหนวกตาบอด อดเอาทนเอาอย่างนั้น ก็เราไม่เคยทำมานี่ มันเลอะเทอะเสียจนแหลกหมด ไม่ว่าที่ไหนต่อที่ไหนเลอะเทอะไปตาม ๆ กันหมด
    พระก็ต้องได้เอาอีกแบบหนึ่ง คราวนี้เด็ดขาดเลยไม่ต้องถาม เราสั่งให้ไปทันที ๆ ไม่ต้องวินิจฉัย ถ้าอะไรเราเห็นด้วยตาของเราแล้วให้ออกจากวัดได้ ไล่ทันทีเลย ไม่ต้องถามให้เสียเวล่ำเวลา เอาอย่างนั้นจริง ๆ ไม่เด็ดอย่างนั้นไม่ได้จะฉิบหายหมด ศาสนาจะไม่มีอะไรเหลือ พระเณรเข้ามาเลอะ ๆ เทอะ ๆ มองเห็นเก้ง ๆ ก้าง ๆ เอาแล้ว เปรี้ยงไล่หนีทันทีเลยไม่ให้อยู่ให้หนักวัด ผู้รักษา-รักษาอยู่ ผู้ทำลายเข้ามาทำลายหาอะไร เอาตรงนั้นซี ผู้รักษา-รักษาแทบล้มแทบตายรักษาอยู่ ผู้ไม่ได้หน้าได้หลังอะไรเข้ามาเหยียบมาถีบมาเตะมายันให้แหลกมันก็เสียหมดทั้งวัดล่ะซิ นี่ละถึงไม่วินิจฉัย ถ้าเจอด้วยตาแล้วเอาเลย ๆ ไล่เลยทันที
    นี่พูดถึงเรื่องหลวงปู่ชอบ แต่ก่อนท่านอยู่ในป่าในเขาทั้งนั้นเลย อันนี้ก็มาเกี่ยวกับโรคอัมพาตท่านถึงได้ถูกแห่หามไปโน่นหามไปนี่ เลยกลายเป็นพระเลอะ ๆ เทอะ ๆ ไปตามกิริยาของโลกที่มองเห็น แต่ท่านเองท่านไม่ได้เป็นอะไร เรื่องภาวนาเล่าสู่กันฟัง โอ๊ย น่าฟัง ท่านเก่งนะกับพวกเทวบุตรเทวดาเก่งมาก เฉพาะสัตว์นี้คือเสือกับงู งูมันมาคลอเคลียอยู่กับหัวท่าน ไม่ใช่งูธรรมดางูเห่าเสียด้วย ท่านนอนพักอยู่กลางวัน มันมาอะไรก็ไม่รู้ท่านว่า มันขึ้นมา ท่านนอนอยู่กลางวันมันมาคลอเคลียอยู่หัว เอ้า นี่มันอะไรท่านว่างั้น ก็ไม่ได้นึกว่าเป็นงู งูมันมาเที่ยวธรรมดา ท่านนอนอยู่แคร่ท่านว่า มันมาได้ยังไงขึ้นมาแคร่นั่น มันมาอยู่ที่บ่าท่านคลอเคลียอยู่กับท่าน หัวมันอยู่ข้างบน งูเห่าตัวใหญ่ท่านว่า เห็นมันมาคลอเคลียก็เลยปัดไปถึงได้รู้ว่าเป็นงูเห่า มึงมาอะไร ไป
    ไล่มันไป มันก็เลยไป ท่านว่าอย่างนั้น ท่านเขี่ยไปเฉย ๆ ท่านไม่รู้ว่าเป็นงู มันมาคลอเคลียอยู่นี่ ท่านเลยเอามือเขี่ยไปตกเป๊ะ มึงมาอะไรนี่ไป มันค่อย ๆ เลื้อยไป ท่านว่างั้น มันก็ไม่ทำอะไรละ มันก็มาตามประสาของมัน มันไม่รู้ว่าคนนะ มันรู้มันจะเข้ามาหาอะไร มาคลอเคลียอยู่บนหัวท่านว่า ท่านนอนอยู่ ท่านกับงูนี้รู้สึกจะมีนิสัยเกี่ยวโยงกัน กับหมานี้เหมือนกันกับหลวงตาบัวเลยนะ วันนั้นไปด้วยกัน เดินไปบิณฑบาตด้วยกัน นั่นละคนเราคุ้นกันพูดได้อย่างนั้นละ ท่านถือไม้เท้า ไม้เท้านั้นปลายมันแตก ๆ ท่านถือไปอย่างนั้นแหละ เดินคุยกันไป พระเณรไปก่อนแล้ว เราไปกับท่านสององค์ เพราะมีเวลาเท่านั้นได้คุยกัน
    หลวงปู่ชอบ ท่านมหา ขอเงินสักสามพันน่ะ
    หลวงตา จะเอาไปอันใด๋ พระบวชมาบ่ได้บวชมาหาเงิน มาหาธรรมต่างหาก
    หลวงปู่ชอบ เวลาบ่มีเงินมันก็อยากได้เงินเด๊ล่ะ เวลามันจำเป็นกับเงินมันกะมีอยู่นี่
    หลวงตา แล้วจะเฮ็ดจังใด๋ล่ะ ข้าน้อย เว้าเบิ่งดู
    หลวงปู่ชอบ ซิเฮ็ดอันนั้น ๆ
    หลวงตา เออ ให้เลย สามพัน เรากะบ่ลืมเด๊ เอ้า.ถวายเลย แน่ะ จังซั่นแหละ ไม่ยากอีหยัง ทีนี้พอเดินไปถึงนั่น พวกญาติโยมเขายืนเป็นแถวรอใส่บาตรท่าน พอไปถึงนั้นก็มีหมา นี่ละมันเข้ากันได้กับหลวงตาบัวนะ เดินไปพอดีเขากำลังยืนกันเป็นแถวใส่บาตร พวกเขารู้นิสัยท่านแล้วละ เขาเฉยเขาไม่สนใจนะ เขารู้นิสัยกันแล้ว เราก็จับนิสัยได้เข้ากันได้กับเราสนิท พอไปปั๊บ ๆ ไปใกล้ ๆ แล้วมีหมาตัวหนึ่งมาเดินป้วนเปี้ยน ๆ อยู่นี่ ไม้เท้านั้นเวลาท่านจะรับบาตร ท่านก็วางทิ้งไว้แล้วเข้ารับบาตร กำลังจะไปถึงที่ทิ้งไม้เท้านั่น หมามันก็ป้วนเปี้ยน ๆ ท่านก็จับอันนี้ละใส่หลังหมาเปรี๊ยะเลย ฟังเสียงหมาร้องแง้ก อันนี้ร้องแค๊กเลย พอหมาร้องแง้ก หมาวิ่ง ท่านก็ทิ้งปั๊วะ เราก็ขบขันดีแต่เราก็ไม่พูดนะ เฉย ส่วนโยมเขาเฉยเขารู้นิสัยท่าน ท่านก็เข้ารับบาตร ไอ้หมาตัวนั้นถูกไม้ตีหลังมันก็แง้กวิ่งเลย ท่านก็ทิ้งไม้เข้ารับบาตร ท่านกับหมาเอาดีอยู่นะ นี้อันหนึ่งตามปกติท่านชอบเล่นกับหมา
    ทีนี้อยู่ในวัด อยู่ดี ๆ นี่นะ วัดท่านมีคลองข้ามวัด คลองข้ามผ่านวัดไปนั้น น้ำเต็มอยู่นั้น ทีนี้เวลาหมามานั่น ท่านบอกพระเณร ลัด ๆๆๆ พระเณรไปไหนหมด ลัด ๆๆๆ พระเณรมา อะไร นี่หมาตัวนี้ ให้ลัดหมา ให้องค์นั้นลัดตรงนั้น องค์นั้นลัดตรงนั้น ๆ ลัดตรงนี้ ๆ ไล่หมาลงคลอง ไม่ใช่อะไรนะ มันไม่มีที่ไป พระวิ่งมาก็ไม่รู้เรื่องรู้ราว ท่านสั่งให้มาเดี๋ยวนี้ ๆ วิ่งมา ที่ไหนได้มาลัดหมาตัวเดียว วิ่งไล่ทางนั้นก็ไล่ ทางนี้ก็ไล่ ท่านก็ไล่ทางนี้ มันก็โดดลงคลอง โดดลงคลองมันก็ว่ายน้ำไปทางนั้น นั่นเห็นไหมมึงสู้พระได้เหรอ มันกระโดดลงน้ำ ท่านก็หนีเลยนะไม่มีอะไร เท่านั้นแหละ ท่านชอบหมา เห็นหมา ไล่จนกระทั่งมันไม่มีที่ไปมันก็ลงคลอง ว่ายน้ำ นั่นเห็นไหมมึงเก่งกว่าพระเหรอ เราก็ขบขันดี ท่านอาจารย์ชอบนิสัยท่านชอบหมา
    อยู่ในป่าในเขา เวลาท่านพูดถึงเรื่องเทวบุตรเทวดา เสือนี่มาบ่อย มาหาท่าน แปลกอยู่นะ มันขึ้นมาบางทีกลางคืน บางทีตอนเช้ามันก็มา ท่านอยู่ถ้ำ มันร้องโว้ก ๆ ขึ้นมา กำลังจะบิณฑบาตท่านว่า สว่างแล้วแหละท่านกำลังเดินจงกรม จะลงไปบิณฑบาต ตอนนี้ท่านอยู่ไหนไม่ทราบแต่อยู่ถ้ำ ฟังเสียงมันร้องโว้ก ๆ ๆ ขึ้นมา เสือตัวนี้มันขึ้นมาอะไร ขึ้นมาตามทางคนขึ้นมา ท่านก็เดินจงกรมอยู่ มันก็โว้ก ๆ ๆ ตามประสา มาจริง ๆ มาถึงที่ท่านเดินจงกรม พอมาเห็นท่านมันก็ยืนจ่ออยู่ มึงมาอะไร มันก็เฉย ท่านก็เดินไป พอมันมาอย่างนั้นแทนที่ท่านจะหนีท่านไม่หนีนะ มึงมาอะไรนี่ มันก็ยืนจ่อดูอยู่ดูท่าทางของคน ท่านก็จับผ้าจีวรโครมคราม ๆ มันก็โก้กทีเดียว เปิดเลยเท่านั้นละ ท่านไม่กลัวมัน มันก็โก้กทีเดียวเปิดเลย ท่านว่านะ ตอนเช้าออกบิณฑบาต
    กลางคืนมันก็มา เล่นกันเรื่อยกับเสือ ท่านว่างั้นนะ แต่มันไม่เคยทำอะไร ดูลักษณะท่านไม่กลัวเสือนะ ไม่ว่าจะมาหาท่านกลางคืนตอนไหนก็ตาม ท่านเล่นกับมันได้อย่างสบายไม่มีลักษณะกลัวนะ ดูกิริยาท่านพูดท่านอะไร มึงมาอะไร มึงภาวนาเป็นไหม กูภาวนามึงขึ้นมายุ่งทำไม สักเดี๋ยวก็เดินเข้าไปหามัน ทำผ้าจีวรใส่ปุ๊บปั๊บ มันก็หนีเสีย ลักษณะท่านไม่กลัวนะ เจอบ่อยกับเสือ หลวงปู่ชอบ นิสัยมันต่างกันนะ งูหนึ่ง เสือหนึ่ง หลวงปู่ชอบ กับพวกเรื่องเทวบุตรเทวดานี้หากเกี่ยวข้องอยู่เสมอละ
    ท่านพูดถึงเรื่องที่ท่านกลับมาจากพม่า เรียกว่าเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายมา ท่านว่างั้นนะ ก็เรียกว่าสมท่านเป็นกรรมฐานกล้าหาญนั่นเอง ตอนนั้นเป็นสงครามโลกครั้งที่สอง พวกทหารอังกฤษมาป้วนเปี้ยนอยู่ในเขตพม่า พอดีท่านบิณฑบาต กำลังนั่งให้พรเขาอยู่ พวกทหารอังกฤษเข้ามาเขาก็เลยมาถามพวกนี้ เขาไม่ไว้ใจว่าพระนี้เป็นพระไทย เวลานั้นเหมือนกับว่าทางโน้นเป็นข้าศึกกับไทยอยู่ พวกอังกฤษนะ ทางนี้ก็พูดรับรองยืนยัน ท่านมาตั้งแต่ก่อนสงครามโลกเกิด ท่านมาหลายปีแล้ว ท่านมาพักอยู่นี้นานท่านไม่มีอะไร เขาก็ยังไม่แน่ใจเขาดูแล้วดูเล่า พอกลับไปวันหลังเขามาอีก มาอีกเขายิ่งถามหนักเข้า ๆ เห็นท่าไม่ได้การเขาจึงมาส่งท่าน กลัวว่าพวกอื่นมาจะหนักยิ่งกว่านี้ ดีไม่ดีฆ่าท่านเสีย เลยเอาท่านไปส่งใส่ทาง
    ทางนี้ก็เป็นทางไปเมืองไทย เป็นทางที่พวกขายของเถื่อน พวกฝิ่นพวกอะไร เขามีทางพอเป็นด่าน ๆ พอไปได้ เขาก็ไปบอกทาง ให้ท่านจับต้นทางอันนี้ไว้ให้ดี ท่านสังเกตให้ดีนะ รอยพวกสัตว์พวกเนื้อพวกเสือพวกช้าง มันผ่านไปผ่านมาก็ให้สังเกตให้ดี ให้จับต้นทางให้ดี ถ้าผิดจากนี้แล้วท่านจะไปไหนไม่ได้เลย ดงใหญ่มาก เดินเป็นวันเป็นคืนเลยจะว่าไง ท่านก็พยายามจับทางนั้นละมา นี่ละที่นี่ก็มาสำคัญตอนที่เคยเล่าให้ฟังแล้วว่า วันนั้นท่านเพลียมากจริง ๆ ท่านบอก ข้าวก็ไม่ได้ฉัน แล้วก็เดินทั้งวันด้วย เพลียมาก ท่านเลยรำพึงในใจ ท่านเล่าให้ฟังนะที่มันถนัดชัดเจนมาก
    พอมาถึงที่นั่นเพลียเป็นกำลัง ก้าวขาจะไม่ออกแล้ว ยังไงกัน แต่ก่อนตั้งแต่เราอยู่เป็นปกติ เทวบุตรเทวดาก็มาเกี่ยวข้องกับเราอยู่เสมอ ท่านนึกในใจ แต่เวลานี้เรากำลังจะเป็นจะตาย เทวบุตรเทวดาทำไมใจดำน้ำขุ่นเอานักหนา พระกำลังจะตายก็ไม่เหลียวแลกันบ้างเลยยังไงกัน ท่านนึกอย่างนี้ คือท่านอดอาหาร ท่านไม่ได้ฉันอาหาร ไปอีกดูไม่ถึง ๓๐ นาทีนะปรากฏว่า ถ้าว่าอย่างนานก็ระยะนี้ ท่านก็เดินไปๆ ดงข้างล่างมันโล่งๆ หน่อย ข้างบนมันมืดหนาไปหมดด้วยใบไม้ ข้างล่างมองเห็นโล่งๆ ท่านมองไปเห็นบุรุษคนหนึ่งนั่งจบอาหารอยู่ เลยมองไป อ้าว นี่คนจะใส่บาตรน้า ก็ดงอันนี้เป็นดงทั้งดงไม่มีผู้มีคน คนๆ นี้เขามาจากไหนถึงมาใส่บาตรเราน้า
    ท่านก็เดินไป พอเดินไปถึงนั้นเขาก็บอกว่านิมนต์ท่านพักที่นี่ก่อน ขอใส่บาตรท่าน โยมมาจากไหนท่านถาม มาจากโน้นชี้นิ้วสูงๆ โน่น ไม่ได้บอกว่ามาจากบ้านนั้นบ้านนี้ มาจากโน้นชี้ไปสูงๆ เขาก็เตรียมจะใส่ ท่านก็เลยปลดเปลื้องอะไรออกเอาบาตรออกรับเขา แล้วเขาก็บอกว่าไม่เป็นไรแหละ ท่านจะถึงเมืองไทยในวันนี้แหละ นิมนต์ฉันบิณฑบาตเสียก่อนค่อยไป จะถึงเมืองไทยในวันนี้แหละเขาว่าอย่างงั้นนะ แล้วแต่งเนื้อแต่งตัวก็เหมือนทางคนไทยเราแต่งว่างั้นนะ แต่ดูลักษณะท่าทาง อู๊ย เป็นสง่าราศีทุกอย่าง คนๆ เดียวผู้ชาย อายุจะประมาณสัก ๓๐ นี้กะว่าประมาณนั้น
    พอท่านเตรียมบาตรออกไป เขาก็มาใส่บาตร พอเข้ามานี้กลิ่นไม่ใช่กลิ่นธรรมดา กลิ่นปึ๋งขึ้นมานี้ อ๋อ นี่พวกเทพใส่บาตรเรา ท่านนึกในใจ ใส่บาตรนั้นของพอดิบพอดีนี้อันหนึ่งที่สำคัญมากท่านว่า อาหารท่านบอกมีปลามีอะไรหลายอย่างไม่ใช่อย่างเดียว เขาใส่อย่างละพอดีๆ เขาจัดใส่บาตรเสร็จเรียบร้อยแล้วท่านก็ให้พรเขา ให้พรแล้ว ทีนี้ผมจะลากลับบ้านแหละ บ้านโยมอยู่ไหนล่ะ อยู่โน้น ชี้ไปทางโน้นอีกแหละ ชี้ขึ้นฟ้าโน่น ทีนี้จับจ้องจะดูเขาจะเคลื่อนไหวไปไหนมาไหน พอรับบาตรแล้ว เขาไหว้เสร็จเรียบร้อยให้พรเขาแล้วเขาก็ไป มีต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งอยู่ข้างๆ นั้น พอไปนี้เขาก็ไปลับต้นไม้ใหญ่ ทีนี้ยิ่งจ้องใหญ่เลยเขาจะไปยังไง พอถึงต้นไม้ใหญ่แล้วหายเงียบออกทางนี้ดักดูก็ไม่เห็น ออกทางไหนดักดูไม่เห็น หายเงียบเลย โอ๊ย เทวดาแล้วแหละท่านว่าอย่างงั้น ไม่เห็นเลยหายเงียบเลย นี่ท่านพูดเอง
    แล้วก็มาฉันจังหัน จังหันนี้ก็เอาอีกแหละ ถ้าจะเกินนั้นไปอีกก็ไม่ได้ อิ่มพอดีเลย ทุกสิ่งทุกอย่างเรียกว่าหมดทุกชิ้น พอดีทุกอันท่านว่าอย่างงั้น เอ๊ มันทำไมถึงพอเหมาะพอสม ไม่ใช่เทวดาจะมาใส่ได้ยังไงอย่างนี้เอาอีกแหละ ต้องเทวดาแน่ๆ วันนั้นรู้สึกว่าปีติยินดีธาตุขันธ์ก็มีกำลัง เดินมาถึงเมืองไทยในวันนั้น เข้าทางเมืองกาญจน์นะ ท่านมาทางเมืองกาญจน์ นี่ท่านเล่าให้ฟัง เทพแหละไม่ใช่ใครท่านว่าอย่างงั้น อาหารการกินหอมหวน อาหารเอร็ดอร่อย ก็พวกปลาพวกอะไรธรรมดา แต่ทำไมหรือว่าจะเป็นเพราะเราหิวมากก็ไม่ทราบ ถ้าว่าหิวเราก็เคยหิวนี่นะ ถ้าว่ากลิ่นมันก็แปลกๆ อะไรก็แปลกๆ ไปหมดนี่น่ะท่านว่าอย่างงั้น นี่ท่านเล่าให้ฟังเป็นกันเอง ทุกอย่างท่านเล่าน่าฟังนะ กับพวกเทพรู้สึกท่านชำนาญอยู่มาก
    ท่านอาจารย์ฝั้นหนึ่ง ท่านอาจารย์ชอบหนึ่ง ยกพ่อแม่ครูจารย์มั่นเราเสีย เหล่านี้รู้สึกเด่นๆ ทั้งนั้น ท่านอาจารย์ชอบนี้องค์หนึ่งเด่นมาก เวลาท่านไปพักอยู่ทางเชียงใหม่ก็เหมือนกัน พูดถึงเรื่องพวกเทพพวกอะไรเขามาฟังเทศน์ฟังธรรม เขามาขับกล่อมท่านก็มีท่านว่านะ ขับกล่อมตามประสาของเทพเขานั่นแหละ ขับกล่อมเป็นลักษณะเหมือนเพลงแต่ไม่ใช่เพลงท่านว่าอย่างงั้นนะ เป็นเรื่องของเทพท่านว่า เขาทำนั้นเขาไม่ได้มีเรื่องโลกสงสารมาเจือปน กิริยาอาการที่เขาแสดงออก เขาแสดงออกด้วยความปลื้มปีติในครูบาอาจารย์ในธรรมทั้งหลายของเราต่างหาก ที่เขาแสดงอาการอย่างนั้นออกมา แต่ถ้าทางโลกแล้วก็เรียกว่า แสดงความรื่นเริงกันแบบมหรสพครบงันไปอย่างนั้นแหละนะ แต่นี้ไม่เป็นอย่างนั้น ท่านเล่าให้ฟัง นี่พูดถึงเรื่องเทพนะ
    นี่อัฐิของท่านได้ทราบว่าเป็นพระธาตุแล้ว ใสเป็นแก้วไปเลยแต่เรายังไม่ได้ไปดู มีโอกาสเราถึงจะไปดูอัฐิ อัฐิของครูบาอาจารย์จะไม่เหมือนกันนะ อย่างอัฐิของหลวงปู่ตื้อนี่เหมืองทองคำเลยนะเหลืองอร่ามเลย หลวงปู่ตื้อเราไปดูเอง ตั้งหน้าไปดูเลย ฉันจังหันเสร็จแล้วก็บึ่งไป เพราะเขาเล่าให้ฟังว่าเป็นมานานแล้ว คือเขาเล่าให้ฟังนานแล้วว่าอัฐิของท่านกลายเป็นพระธาตุ แล้วไปก็เป็นจริงๆ ให้พระเอามาให้ดูใส่ตลับสวยงามมากนะตลับ มาเปิดให้เราดู โอ๊ย สวยงามจริงๆ มีหลายองค์ องค์เล็กๆ ดูจะเล็กกว่าเม็ดข้าวโพดเรา แต่สวยงามมาก เป็นสีทองคำเหลืองอร่ามเลย องค์หนึ่งเป็นอย่างหนึ่ง ๆ อัฐิของครูบาอาจารย์
    อันนี้จะขึ้นอยู่กับคำอธิษฐานของท่านก็ได้ไม่สงสัย เพราะอำนาจของจิตมีมากทีเดียว ที่จะครอบครองสิ่งทั้งหลายที่เป็นสมบัติของตน เช่น อัฐิ ร่างกายของท่านก็เป็นสมบัติของท่าน ท่านจะตั้งสัจจอธิษฐานอะไรๆ ที่ใจเป็นเจ้าของก็อาจเป็นไปได้ตามนั้นๆ หรือบางองค์ท่านตั้งสัจจอธิษฐานว่าอัฐิของท่านนี้ตายแล้วไม่ให้เป็นพระธาตุ จะเป็นอะไรก็แล้วแต่ท่านจะตั้งสัจจอธิษฐาน ไม่ให้เป็นพระธาตุอย่างนี้ก็เป็นได้เราแน่ใจ เป็นได้เลยเพราะจิตเป็นเจ้าของครองอยู่แล้ว ตั้งสัตยาธิษฐานอะไรมีอำนาจๆ เป็นตามนั้น เพราะฉะนั้นเราจึงกล้าพูดได้เลยว่า อัฐิของครูบาอาจารย์ทั้งหลายไม่เหมือนกัน องค์หนึ่งจะเป็นอย่างหนึ่ง ๆ ตามแต่แง่อธิษฐานของท่าน จะอธิษฐานอย่างไรๆ ก็เป็นไปตามนั้น เพราะจิตขั้นนั้นเป็นจิตที่เลิศเลอจิตที่มีอำนาจมาก สามารถที่จะตั้งสัจจอธิษฐานควบคุมสิ่งที่เป็นสมบัติของท่าน เช่น ธาตุขันธ์ให้เป็นต่างๆ ก็ได้
    เวลานี้อัฐิลูกศิษย์หลวงปู่มั่นที่กลายเป็นพระธาตุนี้มีตั้งหลายองค์นะ ลองนับดูซิ ( ๑๑ องค์ครับผม) ลองนับดูซิ นับไปเลยว่าไปเลยเป็นไร ตั้งแต่ความชั่วมันทำเต็มโลกเต็มสงสาร ทำไมจึงกล้าทำกัน ทำไมจึงดูกันได้อย่างหน้าด้านไม่สนใจแก้ไขดัดแปลง ความดีทำไมพูดไม่ได้ ถ้าความดีพูดไม่ได้ศาสนาจะไม่มีในโลกนะ ความดีมีเต็มยันเหมือนกันกับความชั่ว พูดออกมาได้เต็มยันเหมือนกัน มีองค์ไหนบ้างที่ปรากฏ นับหนึ่งไปเลย หลวงปู่ขาว หลวงปู่แหวน หลวงปู่พรหม หลวงปู่ตื้อ ท่านอาจารย์ฝั้น ท่านอาจารย์จวน ท่านอาจารย์สิงห์ทอง หลวงปู่หล้า หลวงปู่คำดี หลวงพ่อชาก็เป็น ฝ่ายผู้หญิงก็แม่ชีแก้ว หลวงพ่อตันองค์หนึ่ง
    กี่องค์แล้วล่ะ เวลานี้น้อยเมื่อไร (๑๓ องค์ครับผม) เห็นไหมหลวงปู่มั่นเพียงองค์เดียว กระจ่ายผลอันเลิศเลอให้บรรดาลูกศิษย์ทั้งหลายได้ทราบทั่วหน้ากัน จากการปฏิบัติจริงตามคำสอนพระพุทธเจ้าที่สอนอย่างแม่นยำ ผลปรากฏขึ้นมาอย่างนี้ แล้วเป็นยังไงมรรคผลนิพพาน ศาสนาบาปบุญมีหรือไม่มีพิจารณาซิ ยังไม่ยอมฟังเสียงอะไรเลยเหรอ ฟังเสียงตั้งแต่ความขี้เกียจขี้คร้าน เอาออกอวดกันเต็มศาลานี้ไม่มีที่เก็บ ตู้ไหนก็มีแต่ตู้ขี้เกียจขี้คร้าน เปิดไปเป็นงูเห่างูจงอางเต็มไปหมดแถวนั้น งูเห่างูจงอางตัวขี้เกียจขี้คร้านตัวเก่งๆ ว่างั้นเถอะ เป็นอย่างงั้นนะ เอาละวันนี้สายแล้ว

    เปิดดูข้อมูล วันต่อวัน ทันต่อเหตุการณ์ หลวงตาเทศน์ถึงเรื่องอะไร ทาง internet
    www.luangta.com หรือ www.luangta.org


    http://larndham.net/
     

แชร์หน้านี้

Loading...