พระสมเด็จเบญจรงค์ พระเครื่องวังหน้า

<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=550><TBODY><TR><TD style="BORDER-RIGHT: #538ab1 2px solid; PADDING-RIGHT: 10px; PADDING-LEFT: 10px; BORDER-TOP: #538ab1 2px solid; PADDING-BOTTOM: 10px; BORDER-LEFT: #538ab1 2px solid; PADDING-TOP: 10px; BORDER-BOTTOM: #538ab1 2px solid" class=content>พระสมเด็จเบญจรงค์ พระเครื่องวังหน้า

พระสมเด็จเบญจรงค์ หรือปัญจสิริ (อาจารย์ประถม อาจสาคร เป็นผู้ตั้งชื่อ) เป็นพระเครื่องที่สร้างขึ้นที่วังหน้า เมื่อ พ.ศ. 2411 หลังการเสด็จสวรรคตของรัชกาลที่ ๔ เพื่อเป็นการฉลองการขึ้นครองราชย์ของรัชกาลที่ ๕ เจ้าพระยาภาณุพงษ์มหาโกษาธิบดี เป็นผู้ทูลเกล้าขอพระบรมราชานุญาต จึงมีชื่ออีกชื่อหนึ่งว่าสมเด็จเจ้ากรมท่า แต่ความที่สร้างกันที่วังหน้า และทำพิธีมหาพุทธาภิเษกที่โบสถ์วังหน้า จึงมีชื่อว่าพระสมเด็จวังหน้า เจ้ากรมวังหน้าคือรองพระเจ้าแผ่นดิน พระนาม สมเด็จกรมพระราชวังบรวิไชยชาญสถานมงคล เป็นพระโอรสของพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์มีพระชนม์มากกว่าสมเด็จพระจุลจอมเกล้าถึง 15 พระชันษา มีวิชาความรู้มาก และเป็นที่สนิทสนมของขุนนางทั้งปวง ทั้งขุนนางไทยและต่างประเทศ วังของพระองค์จึงเป็นที่ชุมนุมของเหล่าเจ้านายทั้งวังหน้าและวังหลวง ทั้งขุนนางต่างประเทศที่รับราชการอยู่ในประเทศไทย จึงเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดการเขม่นกันขึ้นระหว่างวังหลวงและวังหน้า แต่วังหน้าท่านชอบความสงบ จึงมักหลบออกไปสัญจรอยู่ต่างจังหวัดเสียส่วนมาก โดยเฉพาะวังสีทาที่สระบุรีของเสด็จพระบิดาของท่าน และที่วังปากน้ำสมุทรปราการ
อาจารย์ประถม และหลายท่านมีความเชื่อว่า วังหน้าสำเร็จวิชาจากหลวงปู่ใหญ่ ท่านแกล้งตายหรือหลอกตาย แล้วไปฝึกวิชาต่อในดงลี้ลับกับหลวงปู่ใหญ่หรือหลวงปู่ดำ
เล่ากันว่า นอกจากสร้างพระชุดฉลองขึ้นครองราชย์รัชกาลที่ ๕ แล้ว ท่านได้สร้างพระปิดตา ไว้เป็นจำนวนมากหลากหลายพิมพ์ แต่มันก็เป็นการเล่าที่ไม่มีหลักฐาน ยากที่จะยอมรับหรือปฏิเสธ ก็เพียงยอมรับฟังไว้
ผมไปเยี่ยมคุณเม้าตาอินกับองค์ญาณ คุณเม้าก็มอบพระชุดนี้ให้มาจำนวนหนึ่ง แต่เพราะความที่ผมชอบจึงได้เก็บไว้ แต่จะถ่ายรูปลงเว็บให้ดูวันหลัง
พระวังหน้า นอกจากอยู่ในกรุเจดีย์ทองวัดพระแก้วแล้ว ยังอยู่ในเจดีย์พระธาตุพนมที่อยู่หลังวัดบวรสถานของวังหน้าด้วย ซึ่งคนมักเรียกว่ากรุพระธาตุพนม ซึ่งหาใช่พระธาตุพนมเมืองนครพนมไม่ พระเจดีย์องค์นี้ถูกยุบไปแล้ว ไม่ทราบปีไหน และมีพระชุดกรุพระธาตุพนมทะลักออกมา ซึ่งผมจะนำภาพมาเสนอทีหลังเช่นเดียวกัน

ผู้ตั้งกระทู้ Admin :: วันที่ลงประกาศ 29-11-2007 12:28:10​

</TD></TR></TBODY></TABLE><!-- End Show Question --><!-- Start Answer Loop -->
<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=550><TBODY><TR><TD style="BORDER-RIGHT: #538ab1 1px solid; PADDING-RIGHT: 10px; PADDING-LEFT: 10px; BORDER-TOP: #538ab1 1px solid; PADDING-BOTTOM: 10px; BORDER-LEFT: #538ab1 1px solid; PADDING-TOP: 10px; BORDER-BOTTOM: #538ab1 1px solid" class=content>ความเห็นที่ 1 (935589)


พระชุดนี้มีจารึก พ.ศ.2408 แต่ก็มาจากกรุวัดพระแก้วเหมือนกัน สันนิษฐานว่าสร้างเพื่อเป็นที่ระลึกถึงความสำคัญอย่างใดอย่างหนึ่งในปี 2408 และผู้สร้างคือสมเด็จโตสร้างถวายเจ้านาย ช่างแกะพิมพ์เป็นช่างชาวบ้าน ฝีมือจึงออกหยาบ ๆ แตกต่างจากฝีมือช่างหลวง

พระ 2 องค์นี้ เป็นชุดทดลองเตาเผาเซรามิคของวังหน้า ซึ่งท่านและเจ้ากรมท่าได้ชักชวนกันทำ โดยเสด็จไปประเทศจีน นำปูนเซรามิคมามาย สร้างเตาเผาขึ้นในวังหน้า ดังนั้นปูนที่ใช้สร้างพระเครื่องวังหน้าจำนวนมากจึงเป็นปูนเซรามิค ซึ่งมีความแข็งแกร่งเหมือนหินอ่อน แต่พระที่ทดลองเผาจะมีพบเห็นน้อยองค์

2 องค์นี้เป็นพิมพ์ไกเซอร์ของวังหน้า พิมพ์ไกเซอร์คือพระเศียนบาตรหูยานประทับนั่งบนดอกบัว ถ้าเป็นพระเศียรบาตรก็มีหลายพิมพ์ แยกไปอีกแผนกหนึ่ง

พระสมเด็จรูปหลวงปู่โต มีจารึก 2411 ด้านหลังประดับมุก ผมไม่แน่ใจว่าสร้าง 2411 จริง เพราะสมเด็จโตท่านไม่นิยมให้ใครสร้างรูปของท่าน นัยว่าท่านไม่อยากตีเสมอพระพุทธเจ้า แต่เจ้านายบางองค์ก็มักแอบสร้างขึ้นมาแล้วไปถวายท่าน ผมค่อนข้างมั่นใจว่สร้างสมัยหลัง แต่ใส่พ.ศ.2411 เพื่อระลึกถึงการขึ้นครองราชย์ของรัชกาลที่ ๕ และมีอีกเหตุผลหนึ่งที่ผมไม่เชื่อ เพราะการสร้างพระวังหน้าใช้เวลาเพียง 1 เดือนในการระดมพลช่างทั้ง 3 วังมาช่วยกันสร้างแม่พิมพ์และปั๊มพระ เพื่อให้ทันปลุกเศกในงานวันขึ้นครองราชย์ ในวันที่ 11 พฤศจิกายน 2411 จึงไม่สามารถประดิดประดอยพระให้ละเอียด ประดับนั่นประดับนี่ พระที่ประดับเพชรพลอยมักสร้างเพื่อฉลองครบรอบ 100 ปี กรุงเทพมหานคร 2425 และฉลองครบรอบครองราชย์ 40 ปี 2451

ผู้แสดงความคิดเห็น Admin วันที่ลงประกาศ 29-11-2007 13:04:01​

</TD></TR><TR><TD bgColor=#ffff66 colSpan=2></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=550><TBODY><TR><TD style="BORDER-RIGHT: #538ab1 1px solid; PADDING-RIGHT: 10px; PADDING-LEFT: 10px; BORDER-TOP: #538ab1 1px solid; PADDING-BOTTOM: 10px; BORDER-LEFT: #538ab1 1px solid; PADDING-TOP: 10px; BORDER-BOTTOM: #538ab1 1px solid" class=content>ความเห็นที่ 2 (935590)




พระองค์สุดท้าย มีลักษณะใหม่มาก เศษทองที่ผสมก็เป็นตะไบทองเหลือง เพิ่งสร้างขึ้นเลียนแบบพระกรุวัดพระแก้ว เมื่อไม่กี่ปีมานี่เอง เมื่อตรวจดูพลังอิทธิคุณก็แผ่วเบามาก เป็นการนำเข้าร่วมพิธีปลุกเสกณ วัดใดวัดหนึ่งในสมัยปัจจุบัน นำมาให้ท่านชมเพื่อเปรียบเทียบระหว่างของเก่าและใหม่
จุดตายของพระวังหน้า 2411 คือแทบจะทุกองค์มีเศษตะไบทองคำผสมอยู่ หรือบางองค์ก็ไม่มี เพราะเศษตะไบทองมีไม่เพียงพอนั่นเอง ส่วนตราด้านหลังนั้นมีบ้างไม่มีบ้าง เอาแน่ไม่ได้เหมือนกัน

ผู้แสดงความคิดเห็น Admin วันที่ลงประกาศ 29-11-2007 13:24:39​

</TD></TR><TR><TD bgColor=#ffff66 colSpan=2></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=550><TBODY><TR><TD style="BORDER-RIGHT: #538ab1 1px solid; PADDING-RIGHT: 10px; PADDING-LEFT: 10px; BORDER-TOP: #538ab1 1px solid; PADDING-BOTTOM: 10px; BORDER-LEFT: #538ab1 1px solid; PADDING-TOP: 10px; BORDER-BOTTOM: #538ab1 1px solid" class=content>ความเห็นที่ 3 (935591)

ผู้แสดงความคิดเห็น Admin วันที่ลงประกาศ 29-11-2007 13:43:59​

</TD></TR><TR><TD bgColor=#ffff66 colSpan=2></TD></TR></TBODY></TABLE><!-- End Answer Loop --><!-- Start Answer Form -->

 

ให้สาธารณชน พิจารณาพระชุดนี้กันเอาเอง

 

ขี้เกียจคุยกะพวก 18 มงกฎ ขายพระเก๊ หลอกชาวบ้านตาดำๆ

<TABLE id=post167195 class=tborder border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center><TBODY><TR><TD style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" class=thead><!-- status icon and date --> 23-12-2005, 06:59 AM <!-- / status icon and date --></TD><TD style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" class=thead align=right>#1 </TD></TR><TR vAlign=top><TD style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" class=alt2 width=175>sithiphong<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_167195", true); </SCRIPT>
สมาชิก ยอดนิยม
สมาชิกยอดฮิต



เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: วันนี้ 11:33 PM
วันที่สมัคร: Dec 2005
ข้อความ: 21,849 <!-- Start Post Thank You Hack -->
ได้ให้อนุโมทนา 5,240 ครั้ง
ได้รับอนุโมทนา 131,843 ครั้ง ใน 17,946 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
พลังการให้คะแนน: 13767


</TD><TD style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" id=td_post_167195 class=alt1><!-- icon and title --> พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....
<HR style="COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- / icon and title --><!-- message -->พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร ถ้าต้องการที่จะได้......................<O</O
<O</O

พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสกไว้ (มีการจัดสร้างในสมัยรัชกาลที่ 4 ,รัชกาลที่ 5) ถ้าท่านใดต้องการที่จะได้เพื่อไว้บูชา ผมพอมีจะแบ่งปันให้ได้





สำหรับผู้ที่นับถือและบูชาหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรครับ<O</O
<O</O


ถ้าเป็นพระพิมพ์ที่เป็นพิมพ์พระสมเด็จวังหน้า ผมขอองค์ละ 1,000.- บาท ,พิมพ์สมเด็จกรมเจ้าคุณท่า องค์ละ 1,500.-บาท ,พิมพ์สมเด็จกรมเจ้าคุณท่าคะแนนร้อย องค์ละ 2,000.- บาท ,พิมพ์สมเด็จเนื้อปัญจศิริ (ไม่ใช่รุ่นแรกนะครับ ) องค์ละ 1,000.-บาท พิมพ์ปี 2408 องค์ละ 500.- บาท แต่ถ้าเป็นพิมพ์อื่นๆ ผมขอองค์ละ 500.-บาท

ส่วนเงินนั้น ผมขอให้นำไปบริจาคให้กับ สภากาชาดไทย , มูลนิธิชัยพัฒนา , โรงพยาบาลสงฆ์ ,วัดพระพุทธบาทน้ำพุ ลพบุรี ที่ใดที่หนึ่งก็ได้นะครับ

แล้วให้แจ้งที่อยู่มาให้ผม ผมจะจัดส่งพระไปให้ครับ



[b-wai] [b-wai] [b-wai]


**********************************************************

ปัจจุบันนี้ (เริ่มตั้งแต่ วันที่ 6 เมษายน 2549)

ผมได้ยุติการแจกพระในกรณีการทำบุญ ด้านบน(ถ้าเป็นพระพิมพ์ที่เป็นพิมพ์พระสมเด็จวังหน้า ผมขอองค์ละ 1,000.- บาท ,พิมพ์สมเด็จกรมเจ้าคุณท่า องค์ละ 1,500.-บาท ,พิมพ์สมเด็จกรมเจ้าคุณท่าคะแนนร้อย องค์ละ 2,000.- บาท ,พิมพ์สมเด็จเนื้อปัญจศิริ (ไม่ใช่รุ่นแรกนะครับ ) องค์ละ 1,000.-บาท พิมพ์ปี 2408 องค์ละ 500.- บาท แต่ถ้าเป็นพิมพ์อื่นๆ ผมขอองค์ละ 500.-บาท

</TD></TR></TBODY></TABLE>

อ้างมูลนิธิมากมายลับหลังทำไงรู้ๆกันอยู่ คนใกล้ๆตัวยังไม่รู้ไส้เลย
น่าสงสาร รีบๆเห็นทางออกเถอะ


พอเถอะอย่าทำลายคนไปมากกว่านี้เลย สงสารเขาหน่อย เคยมีคนเอาพระที่โดนคุณหลอกมาให้ดู เห็นแล้ว อนาถใจ

 

ขออนุโมทนาด้วยครับ ขอยืนข้างคุณราตรีกาล ครับผู้คนโดนหลอกมานานมากแล้ว ถึงเวลาที่จะต้องทำอะไรเพื่อนคนที่นับถือสมเด็จโตบ้างแล้วครับ ไม่ยังงั้นก็จะโนหลอกไปอีกนาน

 

อย่างเรื่องกรุพระธาตุพนม ตามหลักฐานไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับสมเด็จโตเลย และการบูรณะ ในระยะเวลาต่างๆก็ไม่มีกล่าวถึงสมเด็จโตท่านเลย เรื่องพศ. ด้านหลังสมเด็จอีก หากเป็นรัชสมัยของร4.และร.5 จะต้องใช้จศ.,รศ.มากกว่าพศ. และพระเก๊มือผีก็เอารูปร.5ตอนที่ท่านมีอายุมากมาสร้างพระเก๊ ซึ่งเป็นไปไม่ได้เพราะสมเด็จท่านมรณภาพก่อนร.5หลายปีมากครับ แต่เคยสอบถามเรื่องราวเหล่านี้จากกลุ่มมพวกพระเก๊เหล่านี้ ก็ได้รับคำตอบในรูปแบบเหนือจริง ไม่มีอะไรทางประวัติศาสตร์บ้างเลย

 

แท้เก๊อย่างไรไม่รู้ครับ แล้วแต่คนดูจะใช้วิจารณญาณ แต่วงการไม่ให้การยอมรับครับ สำหรับผม เช่าแพงไม่ว่า แต่เอาสบายใจและมั่นใจครับ

 

ใช่ขอรับ เห็นด้วยขอรับ ประหนึ่งว่าคนบ้าเพี้ยน นั่งสมาธิจนเบลอประมาณตนว่า ชาติที่แล้วเป้นพระเจ้าแผ่นดิน ก๊ากกกกกกกกกก ใครหว่า

 

มีเหมือนกัน แถวท่าพระจันทร์ องค์ละ 5บาท เห็นแปลกดี เก็บไว้ดูเล่น

 

มีกะเค้าเหมือนกันคับ 5555
องค์นี้อ่ะ ไม่ต้องถามเลยคับว่าแท้ป่าว แต่เก็บไว้ในรถมาตลอดเพราะชอบพิมพ์แซยิคคับ

 

ชีวิตหนอชีวิตจะให้ประชาชนบูชาแต่ละที ดันเอาพระเก๊มาให้บูชาได้ ประวัตินะใช่ไม่มีเถียงแต่พระนี่ซิไม่จริงเหมือนตามประวัติ

 

น่าสังเวชจัง ไอ้ขี้กราก
ระวังเกลื้อนจะขึ้นกบาล เอาชื่อพระมาเล่น

 

มีสติหน่อย ขี้กราก มันก็ยังพอรักษาให้หายกันได้ แต่นิสัยนี่ซิ มันรักษายากเอาการเลย นิสัยมันรักษายากเอาการเลย

 

ทำไมเวลาทำวัดแล้วยังมาเข้าเน็ต มาติเตียนชาวบ้านด้วยวาจาที่พระมิควรเปล่งออกมาหนอ

 

ตอนที่ทำผ้าป่าช่วยสำนักสงฆ์บ่อเงินบ่อทอง เราเปิดให้บริจาคและรับพระกรุวังหน้า เป็นงานบุญ "ในนามเว็บพลังจิต" ตอนนั้นน้องโจนี่บุดดิสซึ่มยังไม่เข้ามาเป้นแอดมินเลยนะคะ เวบนี้ล่มบ่อยๆ ไม่มีค่าใช้จ่าย ไม่มีเชริฟเวอร์ที่มีเสถียรภาพดีพอ เงินส่วนมากก็มาจากกลุ่มที่เขาให้บูชาพระกรุวังหน้านี้แหละ

พวกคุณทำอะไรบ้าง นอกจากเข้ามาโพสเรี่ยราด ขยันโพส ไปก๊อบเขามา


ตกลงว่าอย่างไร เราจะไปตามนัดไหม

ไม่ไปแค่ท่าพระจันทร์ที่เดียวนะ ไปหลายที่ รวมทั้งการเข้าหาผู้ใหญ่ที่พวกคุณจะงงว่าท่านทำไมถึงมีพระกรุวังหน้า ทำไมถึงภูมิใจที่ได้รับ

โอเค ที่ท่าพระจันทร์ทีคุณถ่ายมานั้นมันมีเยอะ แต่ยืนยันได้อย่างไรว่าปลอมหรือทำเพิ่มทั้งหมด

คอลัมนิสต์แน่จริง ไปลุยถึงโรงงานเลยสิคะ เหมือนโรงงานเพฃรพญานาคที่จีน ที่นครศรีธรรมราชนั่นแหละค่ะ หาต้นตอให้ได้สิคะ อย่ามัวแต่สุมไฟเพื่ออวดตัวสิคะ

เจตตนาพวกคุณไม่ต้องการรู้ว่าพระวังหน้ามีจริงไหม แต่พวกคุณต้องการแค่ทำให้กลุ่มที่ให้ทำบุญแล้วรับพระวังหน้าเป้ฯที่ระลึกเขาถูกมองในทางไม่ดี อย่างที่พวกนายเรียก พวกสิบแปดมงกุฏอย่างไรคะ จริงไหม

 

ที่ท่าพระจันทร์มีทั้งพระทำใหม่และตาดีได้ตาร้ายเสีย เพราะมีซ่อนไว้เช่นกันยายผีป่าเชื่อเช่นนั้น

พอๆ กับการซื้อพระจากแหล่งใหญ่โตโอ่อ่า แต่พระทำเหมือนเลียนแบบก็มีนะคะ

เคเล่าแล้วนี่คะว่า

เซียนใหญ่คนหนึ่ง ไปหาลูกศิษย์หลวงปู่แย้มประจำ ไปให้ทำพระตามที่หลวงปู่เคยทำยังไงละคะ ออกจากปากเซียน ยังไงมันก็แท้

เซียนเขามีระบบการปั่นพระของเขา

แต่เขาปั่นเพื่อประโยชน์ของเขา เราเอาพระมาเพื่อทำบุญ มันต่างกัน

จะบอกอีกละสิว่า

เอาพระสนามมาให้คนบูชาอ้างเอาเงินไปทำบุญ

พระสนาม พระเก๊ ถ้าคนเขาอยากทำบุญเขาไม่ครนาหรอกนะคะ

แล้วรู้ได้อย่างไรว่าเก๊ทั้งหมด

ต๊อกติ๊กต๊อก โทสิ...รอสายอยู่ ยอมเสียเวลานะคะเนี่ย

 

ก็ว่ากันไป มากันเป็นทอดๆๆ มากันเป็นทอดๆๆ นำมาเป็นกันทอดๆๆ นำพระมากันเป็นทอดๆๆ

 

เห็นด้วยครับ นานาจิตตังดีกว่า...ศรัทธาเกิด ปาฏิหาริย์เกิด

 

พระสมเด็จเบญจรงค์หรือปัญจสิริที่เป็นแบบมาตรฐานของจริงเขามีอยู่ ลองอ่านบทความที่เคยลงในหนังสือพุทธามหาเวท ตามคำให้การของท่านพระยาทิพยโกษาก่อนครับ ส่วนอย่างอื่นเดี๋ยวค่อยว่ากัน

20 ประวัติพระสมเด็จ ฯ วังหน้า จากบันทึกของ มหาอำมาตย์ตรี พระยาทิพโกษา (สอน โลหะนันท์)
บทความจาก ปีที่ 2 ฉบับที่ 13 เดือนเมษายน 2549

ผมได้รับบันทึกฉบับนี้จากความ กรุณาของ ด.ต.ประดิษฐ์ โพธิ์แดง (ตำรวจน้ำ) ท่านส่งแฟกซ์ให้ทั้งฉบับ แต่ไม่ทราบว่าท่านอยู่ที่ไหน ขอขอบพระคุณท่านนายดาบตำรวจ
เป็นอย่างสูง ....เมื่ออ่านดูก็เห็นว่า สนุกสนานและน่าสนใจดี จึงนำมา ลงให้ผู้อ่านได้อ่านต่อ ท่อนแรกเป็นบันทึกของ มหา อำมาตย์ตรี ต่อจากนั้น เขียนโดย
เซียนพระชื่อ คุณสมศักดิ์ ฉัตรจรัส แสง ความจริงผมอยากนำมาลงทั้ง หมดแต่บทความที่เขาส่งมาเลอะ เลือนบางทีเนื้อหาสำคัญไม่สามารถ
คาดเดาได้จึงคัดเอาเฉพาะที่เกี่ยวข้อง กับพระสมเด็จฉัพพรรณรังสีเพื่อ เสริมบทความฉบับที่ผ่านมาเรื่อง สมเด็จพระฉัพพรรณรังสี สันยาสี ขอนำมาถ่ายทอดให้
ผู้อ่านอีกต่อหนึ่ง ขอเรียนว่า ลอกมา ทั้งดุ้น สมเด็จพระพุฒาจารย์(โต) ขึ้น ไปนมัสการพระพุทธบาทคราวใด เป็นต้องมีไตรไปพาดที่หัวนาค ตีนกระได
แล้วนิมนต์พระชักบังสุกุล ให้โยมผู้หญิงของท่านที่เมืองพิจิตทุก คราวว่า