พระอภิญญาโดนวัวเขาอ่อนขวิด

ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย joni_buddhist, 11 กรกฎาคม 2007.

  1. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,555
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,444
    [​IMG]
    เมื่อออกจากพระพุทธฉายก็มุ่งมาเขาวงพระจันทร์ ระหว่างทางยังไม่คุยนะ เพราะเกริ่นไว้วานนี้ว่าจะเล่าเรื่องพระได้อภิญญาถูกวัวเขาอ่อนขวิด หลาน ๆ คงคงไม่รู้จักวัวเขาอ่อนกระมัง ประเดี๋ยวก็รู้จัก ฟังต่อไปจะเล่าให้ฟังแบบลัด เพราะมันเริ่มเหนื่อย ขืนอ้อมไปมากเหงื่อหัวล้านจะไหลมาก เป็นอันว่าระหว่างทางจากพระพุทธฉายมาพระพุทธบาทไม่มีอะไรมากนัก เมื่อเลยพระพุทธบาทมาเข้าเขตลพบุรี หลวงพ่อท่านบอกคณะลิงทั้งหลายไม่มีใครรู้จักทางและไม่ทราบเขตแดน หลวงพ่อท่านชำนาญ ท่านพาเข้าไปพบพระองค์หนึ่ง อยู่ในถ้ำองค์เดียว ไม่ทราบว่าเขาเรียกว่าถ้ำอะไร ด้วยไม่ได้ถามท่าน สถานที่นี้ไม่มีบ้านเลย แม้เสียงสุนัขชาวบ้านก็ไม่เคยได้ยิน มันไกลบ้านจริง ๆ เมื่อแวะเข้าไปปรากฏว่าพระองค์นั้นท่านต้อนรับหลวงพ่อด้วยดี รู้จักกันมานาน ท่านแนะนำพวกคณะลิงหน้าพลับพลาว่า ท่านองค์นี้ทรงอภิญญาโลกีย์สมาบัติ ชำนาญในการเนรมิต พวกลิงไหว้ท่านก็รับไหว้ด้วยดี ท่านคุยกัน 2 องค์สนุกสนาน คุยเรื่องที่ลิงไม่ค่อยจะรู้เรื่อง ในที่สุด หลวงพ่อท่านก็บอกว่า ที่พาคณะศิษย์ชุดนี้มาก็เพราะอยากให้เขาเห็นของจริง ของจริงของพระพุทธศาสนานำออกในบ้านในเมืองไม่ได้ เพราะพวกเดียวกันคอยลิดรอน เมื่อพระด้วยกันว่าไม่มี ทำไม่ได้เสียแล้ว ชาวบ้านเขาก็เชื่อ เมื่อเขาเชื่อพระใหญ่หรือพระหมู่มาก พวกเราเป็นพระเล็กที่ไม่มีเครื่องหมายยศให้ ชาวบ้านนับถือ ไปทำอะไรเข้าเขาก็พากันประณาม คณะศิษย์ผมเขาอยากเห็นของจริงชอบค้นคว้า ชอบนึกทุกอย่างที่มีในหลักสูตร เมื่ออยู่ในวัดก็ได้แต่บอกหรืออย่างมากก็ใช้เจโตปริยญาณเป็นคราวๆ เพื่อให้สนใจเป็นอัศจรรย์บ้าง แต่พอออกป่าก็ออกท่าได้เต็มที่ เขาจะได้ทราบว่าความรู้ทุกอย่างในพระพุทธศาสนาแม้แต่อรหัตผลก็ยังไม่คลายตัว นักปราชญ์ท่านเขียนไว้อย่างนั้นเองว่าพระอรหันต์ไม่มีแล้ว ท่านกลัวคนจะตกใจว่าเมื่อพระอรหันต์ยังมี คนที่มีเมียแล้วถ้าจะบวชเกรงว่าเมียจะคิดว่าถ้าผัวเป็นพระอรหันต์แล้วตัวจะเป็นม่าย จะไม่อนุญาตให้ผัวบวช ท่านเลยเขียนเสือหลอกวัวไว้ให้ ท่านพูดแล้วท่านก็ชวนกันหัวเราะ ฟังท่านคุยกันแล้วไม่รู้เรื่อง ต่อมาท่านเจ้าของถิ่นหันมาคุยว่า ผมเองไม่ได้เป็นพระอรหันต์เพียงแต่ได้ฌานโลกีย์ ที่ออกจากหมู่คนก็เพราะยังไม่แน่ใจตนเองและประสงค์อรหัตผล ฟังแล้วสบายใจดีแต่ไม่ค่อยรู้เรื่อง เมื่อยามค่ำก็นอนในห้องของท่าน ถ้ำนั้นกว้างขวางมาก สมัยนี้ที่เขาเรียกว่าถ้าคูหาสวรรค์จะใช่หรือไม่ใช่ไม่เคยไปดูอีกเลย
    พอรุ่งเช้าท่านทั้งสองนั่งคุยกันอีก วันนี้หลวงพ่อไม่สั่งให้บิณฑบาต เมื่อท่านไม่สั่งคณะธุดงค์ก็ ไม่เตรียมตัว เมื่อท่านคุยกันสักครู่ ท่านเจ้าของถิ่นถามหลวงพ่อว่า ที่นี่กับข้าวก็หายากแต่บอนใกล้ถ้ำในบึงเล็ก ๆ มีมาก ท่านถามว่าฉันแกงบอนไหม หลวงพ่อบอกว่าฉัน เมื่อถามกันแล้วท่านเจ้าของถิ่นก็ไปตัดบอนมา 1 ต้น มาถึงก็ไม่ปอกเปลือก หั่นตามแบบแกง แล้วก็เอาหม้อดินใหม่เอี่ยมมา 1 ลูก หั่นออกใส่ แล้วก็เอาน้ำใส่หน่อยหนึ่ง เอาฝาหม้อปิด แล้วเอาข้าวสารหยิบมือหนึ่งใส่ในหม้อดินอีกลูกหนึ่ง เอาน้ำใส่หน่อยหนึ่ง เอาฝาปิด เอาหม้อทั้งสองลูกวางไว้ข้างหน้า ไม่เห็นตั้งเตา วางไว้กับพื้นเฉย ๆ นั่งคุยกันไปสักครู่หนึ่ง เวลาประมาณ 8 . ท่านเจ้าของถิ่นถามว่าหิวหรือยัง หลวงพ่อท่านตอบว่าหิวแล้ว ท่านเจ้าของถิ่นท่านตอบว่าหิวก็ฉันได้แล้วนี่ ข้าวแกงสุกนานแล้ว ว่าแล้วท่านก็เปิดฝาหม้อข้าวหม้อแกง ปรากฏว่าข้าวสุกเต็มหม้อถึงฝาละมี มีควันคลุ้งเหมือนเอาลงจากเตาใหม่ ๆ แกงก็เต็มหม้อ มีควันขึ้น กลิ่นหอมเหมือนแกงบอนปกติ แถมมีเนื้อปลาในแกง หม้อทั้งสองลูกดูแล้วเห็นว่าจุข้าวไม่ถึงจาน เพราะมันลูกเล็กนิดเดียว ท่านให้ล้อมวงกันฉัน แต่ตัวท่านเองไม่ฉัน ท่านบอกว่าท่านไม่ได้ฉันมาหลายปีแล้ว พวกคณะลิงหน้าพลับพลาสงสัย ถามท่านว่าท่านไม่หิวหรือ ท่านบอกว่าอยู่ด้วยธรรมปีติ ไม่หิวและมีกำลังเป็นปกติ คณะห้าธุดงค์มีหลวงพ่อปานเป็นประมุขต่างก็ล้อมวงกันฉัน แต่ละองค์ฉันจนเต็มอัตราศึก ข้าวสุกกับแกงที่คิดว่าแม้องค์เดียวก็ไม่ได้ตึงท้อง มันแปลกเมื่อยังไม่มีใครอิ่ม ตักออกมาเท่าไรก็ไม่หมด รสก็อร่อยดีกว่าพ่อครัวแม่ครัวชั้นเลิศแกงกว่าไหน ๆ แต่พอทั้งหมดอิ่มพร้อมกันแล้ว หาข้าวสุกสักเม็ด น้ำแกงสักหยดก็ไม่มี หลวงพ่อท่านรู้ใจศิษย์ท่าน ท่านรีบบอกว่าข้าวแกงอย่างนี้เรียกว่าอาหารอภิญญา คือเกิดได้จากการเนรมิต คำว่าเนรมิตหรือนิรมิตแปลเหมือนกัน นิรมิตเป็นศัพท์เดิมที่ยังไม่แปลง ท่านแปลงสระอิเป็นสระเอตามแบบของภาษาบาลี มีความหมายอย่างเดียวกัน เมื่อฉันเสร็จแล้วก็พักกับท่าน 3 วัน ท่านก็สอนวิชาอภิญญากับคณะธุดงค์ เมื่อครบ 3 วันแล้วก็ลาท่านเดินทางต่อไป
    ขอเล่าเรื่องท่านให้จบไปเลย เวลากาลผ่านไปกลาง พ.. 2481 ตอนเย็นวันหนึ่ง เวลาประมาณ 15 . หลวงพ่อปานกำลังรับแขกอยู่ มีชายคนหนึ่งไปหาหลวงพ่อ ขึ้นจากเรือเดินประจำทาง กรุงเทพฯ
     

แชร์หน้านี้

Loading...