พราหมณธรรมิกสูตร

ในห้อง 'พระไตรปิฎก เสียงอ่าน' ตั้งกระทู้โดย wvichakorn, 15 ตุลาคม 2010.

  1. wvichakorn

    wvichakorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    3,681
    ค่าพลัง:
    +9,239
    <HR style="BACKGROUND-COLOR: #ffffff; COLOR: #ffffff" SIZE=1>​

    <!-- google_ad_section_start -->
    [​IMG]


    นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมา สมฺพุท ธสฺส
    นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมา สมฺพุท ธสฺส
    นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมา สมฺพุท ธสฺส



    ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
    ขอนอบน้อมแด่พระธรรม พระสงฆ์


    [​IMG]



    พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๕ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๗
    ขุททกนิกาย ขุททกปาฐะ-ธรรมบท-อุทาน-อิติวุตตกะ-สุตตนิบาต
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="90%" background="" align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD><TR><TD bgColor=darkblue width="100%" hspace="0" vspace="0">[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>​

    พราหมณธรรมิกสูตรที่ ๗


    [๓๒๒] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้
    สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวันอารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี ใกล้พระนครสาวัตถี ครั้งนั้นแล พราหมณ์มหาศาลชาวแคว้นโกศลเป็นอันมาก ผู้แก่เฒ่าเป็นผู้ใหญ่ ล่วงกาลผ่านวัยมาโดยลำดับ เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ได้สนทนาปราศรัยกับพระผู้มีพระภาค ครั้นผ่านการปราศรัยพอให้ระลึกถึงกันไปแล้ว นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง แล้วทูลถามพระผู้มีพระภาคว่า
    ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ บัดนี้ พวกพราหมณ์ย่อมปรากฏในพราหมณธรรมของพวกพราหมณ์เก่าหรือ
    พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรพราหมณ์ทั้งหลาย บัดนี้ พวกพราหมณ์หาปรากฏในพราหมณธรรมของพวกพราหมณ์เก่าไม่ ฯ
    พ. ขอประทานพระวโรกาส ขอท่านพระโคดมโปรดตรัสพราหมณธรรมของพวกพราหมณ์เก่า แก่ข้าพระองค์ทั้งหลายเถิด ถ้าท่านพระโคดมไม่มีความหนักพระทัย ฯ
    ภ. ดูกรพราหมณ์ทั้งหลาย ถ้าอย่างนั้น ท่านทั้งหลายจงตั้งใจ จงใส่ใจให้ดี เราจักกล่าว ฯ
    พราหมณ์มหาศาลเหล่านั้นทูลรับพระผู้มีพระภาคแล้ว พระผู้มีพระภาคได้ตรัสคาถาประพันธ์นี้ว่า

    [๓๒๓] ฤาษีทั้งหลายมีในครั้งก่อน สำรวมตน มีตบะละเบญจกามคุณแล้ว ได้ประพฤติประโยชน์ของตนๆ พวกพราหมณ์แต่เก่าก่อนไม่มีสัตว์เลี้ยง ไม่มีเงิน ไม่มีสิ่งของต่างๆ พราหมณ์เหล่านั้น มีทรัพย์และข้าวเปลือกอันเป็นส่วนแห่งการสาธยายมนต์ ได้รักษาขุมทรัพย์อันประเสริฐไว้ ภัตที่ประตูเรือนทายกทั้งหลาย เริ่มทำตั้งไว้แล้วเพื่อพราหมณ์เหล่านั้น ทายกทั้งหลายได้สำคัญภัตนั้นว่า เป็นของที่ตนควรให้แก่พราหมณ์เหล่านั้น ผู้แสวงหาภัตที่เริ่มทำไว้แล้วด้วยศรัทธา ชาวชนบท ชาวแว่นแคว้น ผู้มั่งคั่งด้วยผ้าที่ย้อมด้วยสีต่างๆ และด้วยที่นอนและที่อยู่ ได้นอบน้อมพราหมณ์เหล่านั้น พราหมณ์ทั้งหลายผู้อันธรรมรักษาแล้ว ใครๆ ไม่พึงฆ่า ไม่พึงชนะ ใครๆ ไม่ห้ามพราหมณ์เหล่านั้น ที่ประตูแห่งสกุลทั้งหลาย โดยประการทั้งปวง พราหมณ์เหล่านั้นประพฤติพรหมจรรย์ตั้งแต่เป็นเด็กมาตลอดเวลาสี่สิบแปดปี ได้เที่ยวไปแสวงหาวิชชาและจรณะในกาลก่อน พราหมณ์เหล่านั้นไม่ไปหาหญิงอื่น ทั้งไม่ซื้อภรรยา อยู่ร่วมกันเพราะความรัก ชอบใจเสมอกันเท่านั้น พราหมณ์ผู้เป็นสามี ย่อมไม่ร่วมกับภรรยาผู้เว้นจากฤดู นอกจากสมัยที่ควรจะร่วมพราหมณ์ย่อมไม่ร่วมเมถุนธรรมในระหว่างโดยแท้ พราหมณ์ทั้งหลายสรรเสริญพรหมจรรย์ ศีล ความเป็นผู้ซื่อตรง ความอ่อนโยน ตบะความสงบเสงี่ยม และความไม่เบียดเบียน และแม้ความอดทน พราหมณ์ผู้เสมอด้วยพรหม ผู้มีความบากบั่นมั่นคง เป็นผู้สูงสุดกว่าพราหมณ์เหล่านั้น และพราหมณ์นั้นย่อมไม่เสพเมถุนธรรมโดยที่สุดความฝัน พราหมณ์บางพวก ผู้มีชาติแห่งบุคคลผู้รู้แจ้งในโลกนี้ศึกษาตามวัตรของพราหมณ์ผู้เสมอด้วยพรหมนั้นอยู่ ได้สรรเสริญพรหมจรรย์ ศีลและแม้ขันติ พราหมณ์ทั้งหลายขอข้าวสาร ที่นอน ผ้า เนยใสและน้ำมัน แล้วรวบรวมไว้โดยธรรม ได้กระทำยัญ คือ ทานแต่วัตถุ มีข้าวสารเป็นต้นที่เขาให้แล้วนั้น ในยัญที่ตนตั้งไว้ พราหมณ์เหล่านั้นไม่ฆ่าแม่โคเลย มารดา บิดา พี่น้อง ชายหรือญาติเหล่าอื่น มิตรผู้ยิ่งใหญ่ ไม่ฆ่าแม่โค ซึ่งเป็นที่เกิดแห่งปัญจโครสอันเป็นยา ฉันใด แม่โคเหล่านี้ให้ข้าว ให้กำลัง ให้วรรณะ และให้ความสุข พราหมณ์เหล่านั้นทราบอำนาจประโยชน์นี้แล้ว จึงไม่ฆ่าแม่โคเลย ฉันนั้น

    พราหมณ์ทั้งหลายผู้ละเอียดอ่อน มีร่างกายใหญ่ มีวรรณะ มียศ ขวนขวายในกิจน้อยใหญ่ โดยธรรมของตน ได้ประพฤติแล้วด้วยข้อปฏิบัติอันเป็นเหตุให้หมู่สัตว์นี้ถึงความสุขในโลก ความวิปลาสได้มีแก่พราหมณ์เหล่านั้น เพราะได้เห็นกามสุขอัน (ลามก) น้อย ที่เกิดขึ้นจากกามคุณอันเป็นของ (ลามก) น้อย พราหมณ์ทั้งหลายได้ปรารถนาเพ่งเล็งสมบัติของพระราชา เหล่านารีที่ประดับดีแล้ว รถเทียมด้วยม้าอาชาไนย ที่สร้างตกแต่งไว้เป็นอย่างดี มีการขลิบอันวิจิตร พื้นที่เรือน เรือนที่สร้างกั้นเป็นห้อง ๆ และโภคสมบัติซึ่งเป็นของมนุษย์อันโอฬาร เกลื่อนกล่นไปด้วยฝูงโค ประกอบไปด้วยหมู่นารีผู้ประเสริฐ พราหมณ์เหล่านั้นผูกมนต์ในที่นั้นแล้ว ได้เข้าไปเฝ้าพระเจ้าโอกกากราชในกาลนั้นกราบทูลว่า

    พระองค์มีทรัพย์และข้าวเปลือกมากมาย ขอเชิญพระองค์ทรงบูชายัญเถิด พระราชทรัพย์เครื่องปลื้มใจของพระองค์มีมาก
    ลำดับนั้นแล พราหมณ์ทั้งหลายยังพระราชาผู้ประเสริฐ ให้ทรงยินยอมบูชายัญ อัสสเมธะ ปุริสเมธะ (สัมมาปาสะ) วาชเปยยะ นิรัคคฬะ พระราชาทรงบูชายัญเหล่านี้แล้ว ได้พระราชาทานทรัพย์แก่ พราหมณ์ทั้งหลาย คือ แม่โค ที่นอน ผ้า เหล่านารีที่ประดับดีแล้ว รถเทียมด้วยม้าอาชาไนย ที่สร้างตกแต่งไว้ เป็นอย่างดี มีการขลิบอันวิจิตร รับสั่งให้เอาธัญชาติต่างๆ บรรจุเรือนที่น่ารื่นรมย์ อันกั้นไว้เป็นห้องๆ จนเต็มทุกห้องแล้วได้พระราชทานทรัพย์แก่พราหมณ์ทั้งหลาย ก็พราหมณ์เหล่านั้นได้ทรัพย์ในที่นั้นแล้ว ชอบใจการสั่งสมเสมอตัณหาย่อมเจริญยิ่งแก่พราหมณ์เหล่านั้น ผู้มีความปรารถนาอันหยั่งลงแล้ว

    พราหมณ์เหล่านั้นผูกมนต์ในที่นั้นแล้ว ได้เข้าเฝ้าพระเจ้าโอกกากราชอีก กราบทูลว่า แม่โคทั้งหลายเกิดขึ้นเพื่อประโยชน์สำหรับรับใช้ในสรรพกิจของมนุษย์ เหมือนน้ำ แผ่นดิน เงิน ทรัพย์ และข้าวเหนียว ฉะนั้น เพราะว่าน้ำเป็นต้นนั้นเป็นเครื่องใช้ของสัตว์ทั้งหลาย ขอพระองค์ทรงบูชายัญเถิด ราชสมบัติของพระองค์มีมาก ขอเชิญพระองค์ทรงบูชายัญเถิด พระราชทรัพย์ของพระองค์มีมาก

    ลำดับนั้นแล พราหมณ์ทั้งหลายยังพระราชาผู้ประเสริฐให้ทรงยินยอมบูชายัญแล้ว ในการบูชายัญ พระราชาทรงรับสั่งให้ฆ่าแม่โคหลายแสนตัว แม่โคทั้งหลายเสมอด้วยแพะ สงบเสงี่ยม ถูกเขารีดนมด้วยหม้อ ย่อมไม่เบียดเบียนด้วยเท้า ด้วยเขา ด้วยอวัยวะอะไรๆ โดยแท้ พระราชารับสั่งให้จับแม่โคเหล่านั้นที่เขาแล้วให้ฆ่าด้วยศาตรา

    ลำดับนั้นเทวดา พระอินทร์ พระพรหม อสูรและผีเสื้อน้ำ ต่างเปล่งวาจาว่า มนุษย์ไม่มีธรรม แล่นไปเพราะศาตราตกลงที่แม่โค โรคสามชนิด คือ ความปรารถนา ๑ อนสนัญชรา ๑ (ความแก่หง่อม) ๑ ความปรารภสัตว์ของเลี้ยง ๑ ได้มีในกาลก่อน ได้แพร่โรคออกเป็น ๙๘ ชนิด บรรดาอาชญาทั้งหลาย อธรรมนี้เป็นของเก่า เป็นไปแล้ว แม่โคทั้งหลายผู้ไม่ประทุษร้ายย่อมถูกฆ่า คนผู้บูชายัญทั้งหลายย่อมเสื่อมจากธรรม ธรรมอันเลวทรามนี้เป็นของเก่า วิญญูชนติเตียนแล้วอย่างนี้ วิญญูชนเห็นธรรมอันเลวทรามเช่นนี้ในที่ใด ย่อมติเตียนคนผู้บูชายัญในที่นั้นเมื่อธรรมของพราหมณ์เก่าฉิบหายแล้วอย่างนี้ศูทรและแพศย์แตกกันแล้ว กษัตริย์เป็นอันมากแตกกันแล้ว ภรรยาดูหมิ่นสามี กษัตริย์พราหมณ์ผู้เป็นเผ่าพันธุ์แห่งพรหม แพศย์และศูทรเหล่าอื่น ผู้อันโคตรรักษาแล้วทำวาทะว่าชาติให้ฉิบหายแล้ว ได้ตกอยู่ในอำนาจแห่งกามทั้งหลาย ฯ

    [๓๒๔] เมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสอย่างนี้แล้ว พราหมณ์มหาศาลเหล่านั้นได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ ภาษิตของพระองค์แจ่มแจ้งนัก ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ ภาษิตของพระองค์แจ่มแจ้งนัก พระองค์ทรงประกาศธรรมโดยอเนกปริยาย เปรียบเหมือนหงายของคว่ำ เปิดของที่ปิดบอกทางแก่ผู้หลงทาง หรือตามประทีปในที่มืดด้วยหวังว่าคนมีจักษุจักเห็นรูป

    ฉะนั้น ข้าพระองค์เหล่านี้ขอถึงพระโคดมผู้เจริญ กับทั้งพระธรรมและพระภิกษุสงฆ์ว่าเป็นสรณะ ขอพระองค์โปรดทรงจำข้าพระองค์เหล่านี้ว่า เป็นอุบาสกผู้ถึงสรณะตลอดชีวิต จำเดิมแต่วันนี้เป็นต้นไป ฯ


    <CENTER>จบพราหมณธรรมิกสูตรที่ ๗</CENTER><CENTER></CENTER>
    เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๕ บรรทัดที่ ๗๙๒๔ - ๘๐๓๗. หน้าที่ ๓๔๗ - ๓๕๑.
    http://84000.org/tipitaka/pitaka2/v.php?B=25&A=7924&Z=8037&pagebreak=0




    [MUSIC]http://palungjit.org/attachments/a.1180605/[/MUSIC]​
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 ตุลาคม 2010

แชร์หน้านี้

Loading...