พวกเราไม่ใช่เจ้าของกายสังขารนี้..เพราะว่ากายสังขารนี้มีไว้เพื่อรับใช้มวลหมู่มนุษยชาติ

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย Chayutt, 8 กันยายน 2021.

  1. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    **พวกเราไม่ใช่เจ้าของกายสังขารนี้..เพราะว่ากายสังขารนี้มีไว้เพื่อรับใช้มวลหมู่มนุษยชาติ**

    127262628_3701107456606193_1820566286071703657_n.jpg
    (ขอบคุณภาพประกอบเก่าๆจากเฟสบุ้คนะครับ แต่งด้วย FaceApp)

    "...พวกเราไม่ใช่เจ้าของกายสังขารนี้..เพราะว่ากายสังขารนี้มีไว้เพื่อรับใช้มวลหมู่มนุษยชาติ

    มหาตมะคานธี ในตอนนั้น เขาก็ไม่ได้เป็นเจ้าของกายสังขารนั้นของเขา เพราะว่ากายสังขารนั้นของเขา เป็นแต่เพียงยานพาหนะอย่างหนึ่งเท่านั้น

    ดังนั้น จึงมีจิตวิญญาณมากมายที่เข้าและออกจากกายสังขารของเขาในตอนนั้น และเขาก็รู้ด้วยนะ แต่เขาก็ยินดีให้เป็นเช่นนั้น

    มาติน ลูเธอร์คิง (Martin Luther King) ก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ไม่ได้มีจิตวิญญาณแค่ดวงเดียว แต่เป็นจิตวิญญาณจำนวนมากมายที่พากันนำเอาพรสวรรค์และแนวความคิดใหม่ๆของตัวเองมาสู่กายสังขารนั้น

    แล้วจิตวิญญาณเหล่านั้น ก็ได้นำพากายสังขารของมาติน ลูเธอร์คิง ให้ยกระดับขึ้นไปสู่ความรักและความสมบูรณ์แบบที่สูงส่งยิ่งขึ้นไปอีก"


    (ข้อความจากรูปธรรมชีวิตที่อยู่ในมิติของจิตวิญญาณรูปธรรมหนึ่ง จากหนังสือ The Convoluted Universe-2 by Dolores Cannon.)

    *หมายเหตุ*

    พออ่านมาถึงจุดนี้แล้ว มันทำให้ผมรู้สึกเหมือนกับว่ากำลังกลับหัวกลับหางอยู่ เลยไม่รู้ทิศเหนือทิศใต้เลยคราวนี้

    จริงอยู่..มันเหมือนเข้าใจอะไรกระจ่างชัดขึ้น..แต่ไอ้ความกระจ่างชัดที่ว่านี้ มันทำให้ผมรู้สึกเหมือนว่า "ถูกถีบหงายท้อง แล้วกลิ้งตกจากเตียง" เลยนะครับ ฮิฮิ
    คือมันทั้งงง ทั้งเข้าใจ และทั้งช็อก และทั้งไม่เข้าใจด้วยครับ


    สรุปสั้นๆตรงประเด็นก็คือ: เรื่องการเข้ามาอยู่ในร่างกายเนื้อของมนุษย์ ของจิตวิญญาณของเราแต่ละคน..มันจะประมาณว่า

    - เข้ามาตั้งแต่เกิดเลยก็ได้ หรือจะเข้ามาทีหลังก็ได้

    - จะเข้ามาแบบเดี่ยวๆก็ได้ หรือจะเข้ามามากกว่า 1 ก็ได้ด้วย

    - ซึ่งถ้าเข้ามามากกว่า 1 นั้น จะมาจาก "ตัวตนรวม" เดียวกันก็ได้ หรือต่างกันก็ได้

    - และถ้าเข้ามามากกว่า 1 นั้น จะเข้ามาแบบพร้อมๆกันก็ได้ หรือแบบทีละจิตวิญญาณก็ได้ด้วย แบบแตะมือกันเหมือนวิ่งผลัด 4 คูณ 100 อะไรแบบนั้นครับ

    - และถ้าจิตวิญญาณดวงไหนในจักรวาล ที่อยากมาขอสังเกตการชีวิตของเราด้วย ก็สามารถที่จะมาขอผสานรวมอยู่ในกายสังขารเดียวกันนี้ เพื่อขอร่วมสังเกตการดูอยู่เฉยๆก็ได้ด้วยนะ ถ้าจิตวิญญาณของเรายินยอม

    ซึ่งในกรณีนี้ ทำให้ผมนึกไปถึงการอัญเชิญสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้มาช่วยคุ้มครองปกปักรักษาของเรา ซึ่งมันก็เป็นไปได้ว่าท่านมาจริงๆ คือท่านส่งส่วนหนึ่งของพลังงานของท่านมาอยู่กับเราจริงๆ มาคอยช่วยเหลือเรา ตามที่เราร้องขอ

    ดังนั้น เวลามีคนเห็นว่าเรามีญาณหรือมีพลังงานของเทพองค์นั้นองค์นี้คุ้มครองอยู่นี่ มันก็เลยเริ่มมีความเป็นไปได้ขึ้นมาแล้ว

    - ในตอนกลางคืน ตอนที่เราหลับฝัน จิตวิญญาณของเราก็จะเป็นอิสระจากร่างไป ได้กลับไปสู่สภาวะที่แท้จริงของตัวเอง และไปทำหน้าที่อื่นๆต่อไป

    - ตัวตนรวมของเรา สามารถแบ่งจิตวิญญาณออกมาได้มากมาย และแม้แต่ส่งมาเกิดในคนๆเดียวกัน 3 ดวงก็ได้ด้วย

    - จิตวิญญาณของเรา และรูปธรรมชีวิตที่อยู่ในมิติสูงๆทั้งหลาย จะมองกายสังขารของเราเป็นแค่ "ยานพาหนะ" ชนิดหนึ่งเท่านั้น ไม่มีอะไรไปมากกว่านั้นเลย ดังนั้น จึงไม่มีสิ่งใดต้องยึดติดเลย อะไรแบบนั้น

    ดังนั้น ใครจะขอโดยสารมาด้วย และไปลงตรงไหนบ้าง "คนขับรถ" หรือก็คือจิตวิญญาณของเรา ก็ยอมให้โดยสารมาด้วยหมดนั่นแหละครับ

    - ผมเคยอ่านเจอมาตลอด ในข้อความจากต่างมิติ ว่า..การตื่นรู้ และการรู้แจ้ง ก็คือกระบวนการที่เราเข้าถึง หรือประสานรวมกับ Higher Self ของเราเองได้แล้ว

    ซึ่งเขายกตัวอย่างให้เข้าใจง่ายๆว่า มันเหมือนการวิ่งผลัด 4 คูณ 100 นี่แหละครับ ที่พอภาคที่เป็น "จิตมนุษย์" ของเรา มันยกระดับ vibration ของตัวเองขึ้นมาจนถึงจุดที่สามารถจะทำให้ Higher Self ของเรายื่นมือลงมารับช่วงต่อจากเราได้แล้ว เมื่อนั้น ความตระหนักรู้ของเราก็จะเป็นของ Higher Self ของเราไปแล้ว

    นี่แหละที่ทำให้ผมรู้สึกเหมือนถูกถีบหละครับ เพราะว่าดูเหมือนว่า สิ่งที่ผมแอบรู้สึกว่ามันพิลึกและแปลกๆ หรือแม้กระทั่งน่ากลัวอยู่นี่ หมายถึง..เรื่องการใช้ร่างร่วมกันของจิตวิญญาณหลายดวงนะครับ

    แท้ที่จริงแล้ว..ในขณะเดียวกัน..มันก็คือสิ่งที่เราไขว่คว้าหาในทางจิตวิญญาณหรือเปล่า (การตื่นรู้)? และมันก็เป็นเหตุการณ์ปกติธรรมดาที่เกิดขึ้นอยู่แล้วตลอดเวลา หรือเปล่า?

    - พลังงานทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นกระแสความคิด, อารมณ์, ความรู้สึก หรืออะไรก็ตามแต่ สามารถที่จะเข้าออกร่างกายเนื้อของเราได้ไม่ยากเลย และดังนั้น พวกเขาจึงบอกอยู่เสมอว่า อย่าไปยึด เพราะมันไม่ใช่เรา และบางครั้งก็ไม่ใช่ของเราเองอีกด้วย

    เพราะเราอาจแค่ไปรับรู้อารมณ์ความรู้สึกของคนอื่นที่อยู่แถวๆนั้นมาก็ได้ หรือเราอาจไปรับรู้พลังงานที่อยู่ในสนามพลังงานของจิตสำนึกมวลรวมของคนทั้งโลกมาก็ได้

    - จิตวิญญาณของเราทุกๆคน จริงๆแล้วชอบที่จะอยู่ในรูปแบบพลังงานล้วนๆมากกว่า ตามสภาวะเดิมแท้ที่เป็นธรรมชาติของพวกเขา เพราะมันเป็นอิสระมากกว่าเยอะแยะเลย

    แต่ที่ต้องลงมาเกิดในร่างกายเนื้อของมนุษย์แบบนี้ ก็เพื่อที่จะมาเรียนรู้และยกระดับตัวเองขึ้นไปอีกขั้นเท่านั้นเอง หรือไม่ก็เพื่อมาช่วยเหลือโลกในการทำภารกิจอะไรบางอย่าง

    ดังนั้น ในข้อความสื่อสารชุดนี้ พวกเขาจึงสอนว่า "อย่าหวงร่างกายเนื้อ และอย่าหลงร่างกายเนื้อ เพราะร่างกายเนื้อไม่ใช่สมบัติส่วนตัวของเราเพียงคนเดียว ดังนั้น จงใช้มันเพื่อทำประโยชน์แก่ผู้คนให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้" อะไรประมาณนั้นนะครับ

    - จิตวิญญาณที่อยู่ในมิติสูงๆ เพราะว่าพวกเขาจะรู้สึกไม่ค่อยสบายเวลามาอยู่ในกายเนื้อของเรา ดังนั้น พวกเขาจึงไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ ดังนั้น จึงไม่มีทางเลยที่พวกเขาอยากจะมาครอบงำร่าง หรือมายึดร่าง หรือมาสิงสู่ร่างของเรา

    - การมาเกิดในโลกมนุษย์ เป็นแต่เพียงการลงมาแสดงบทบาทในมายาการอย่างหนึ่งเท่านั้นเอง เพื่อเรียนรู้ หรือให้ความช่วยเหลือโลกดังที่กล่าวไปแล้ว

    ซึ่งถ้าให้เปรียบเทียบขนาด และความยิ่งใหญ่อลังการของจิตวิญญาณของเรา กับกายเนื้อของเรา ก็จะประมาณว่า จิตวิญญาณบางดวง ก็ใหญ่กว่ากาแล็กซี่ หรือใหญ่กว่าจักรวาลซะอีก เพราะว่าจิตวิญญาณเหล่านั้น มีหน้าที่สร้างกาแล็กซี่และจักรวาลขึ้นมา

    ดังนั้น เวลาแบ่งภาคมาเกิดในร่างกายเนื้อของเรานี้ มันก็เลยเหมือนพยายามยัดปลายแหลมของกรวยขนาดใหญ่เข้ามาอยู่ในเมล็ดงาซักเมล็ดหนึ่งนี่แหละครับ

    ซึ่งมันก็จะเข้ามาได้แค่นิดเดียว เท่าที่เมล็ดงาจะสามารถรองรับเอาไว้ได้ เพราะถ้าลงมาเยอะเกินไป เมล็ดงาก็จะแตกสลายหรือมอดไหม้เป็นจุลไปเลยอย่างแน่นอน

    - มันน่าแปลกมาก ที่สวนทางกับที่เราคิด คือ..เรามักคิดว่า และถูกสอนมาว่า ยิ่งจิตวิญญาณมาจากระดับสูงเท่าไหร่ (ซึ่งก็มีนัยยะว่า..มีบุญมากๆนั่นเอง) เมื่อลงมาเกิดในร่างมนุษย์แล้ว ร่างกายเนื้อของมนุษย์ผู้นั้น และชีวิตความเป็นอยู่ของมนุษย์ผู้นั้น ก็ควรจะสะดวกสบาย สวยงาม และเพียบพร้อมไปทุกอย่าง ไร้ทุกข์ไร้โศก ใช่ไหมหละครับ

    แต่ในการสื่อสารของพวกเขาผ่านงานของ Dolores ที่ผมอ่านมานี้ กลับไม่เป็นเช่นนั้นเลย เพราะว่า..อย่างที่พูดถึงไปแล้วนั่นแหละครับว่า ถ้าไม่จำเป็นหรือมีอะไรต้องเรียนรู้ หรือต้องทำ พวกเขาก็จะไม่ลงมาเกิดเด็ดขาดเลย

    และถ้าลงมาเกิดแล้ว ก็จะเอาให้คุ้มเลย คือจะเลือกบทเรียนและบททดสอบที่หนักหนาสาหัสเอาไว้ท้าทายตัวเองเลย เพราะถ้าไม่มีวัตถุประสงค์อะไรเลย พวกเขาก็จะไม่ลงมาเกิดอยู่แล้วหนะครับ

    ดังนั้น ในหลายๆกรณีที่ Dolores พบก็คือ ยิ่งเป็นจิตวิญญาณที่มาจากระดับสูงเท่าไหร่ ก็ยิ่งดูเหมือนว่าจะชอบที่จะเลือกให้ร่างกายเนื้อของตัวเองมีปัญหา หรือมีข้อบกพร่องอะไรบางอย่างเสมอ เพื่อให้มันกลมกลืนกับชีวิตของมนุษย์คนอื่นๆที่ก็ไม่มีใครสมบูรณ์แบบอยู่แล้วนั่นเอง

    ดังนั้น ใครที่เกิดมาแล้วร่างกายพิกลพิการ หรือป่วยเป็นโรคโน้นโรคนี้มาตลอดนี่ ก็อย่าเพิ่งไปตัดสินว่ามาจากวิบากของกรรมที่ไม่ดีของเราในภพชาติก่อนๆนะครับ เพราะมันอาจไม่ได้เป็นเช่นนั้นก็ได้

    **สรุปว่า**

    ไม่ว่าสภาวะทางร่างกายเนื้อของเรา จะเป็นอย่างไรก็ตามแต่ นั่นก็ไม่ใช่เหตุผลและข้ออ้างที่จะทำให้เราบ่ายเบี่ยงหรือหลีกเลี่ยงที่จะทำภารกิจที่จิตวิญญาณของเราตั้งใจลงมาทำได้ เพราะว่าเขาจะไม่ยอมอยู่แล้วครับ

    โดยเฉพาะคนที่มีร่างกายสมประกอบดีทุกอย่าง ที่กลับเอาแต่หมกมุ่นอยู่กับการหากินเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง และบำรุงบำเรอความสุขทางโลกให้กับกายสังขารของตัวเองอยู่ ซึ่งนั่นแหละที่จิตวิญญาณของเราจะยอมไม่ได้หละครับ

    เพราะว่าเขาต้องอดทนสักแค่ไหนกับความรู้สึกไม่สบายเมื่อมาอยู่ในร่างของเรา ดังนั้น เขาจึงจะไม่ยอมเสียภพชาติไปเปล่าๆโดยที่ไม่ได้ทำภารกิจอะไรเลยอย่างแน่นอน ซึ่งเดี๋ยวเขาก็จะมีวิธีการจัดการกับเราเอง ดังที่ผมเคยกล่าวไปแล้วในบทความชุดก่อนหน้านี้นะครับ

    *หมายเหตุ-2* ==> เวลาที่ผมโพสต์ข้อความนี้คือ 22:22 น.ของวันที่ 22 พ.ค.2563, เลขสวยจริงๆเลยครับ เลยอดใจ capture หน้าจอไว้ไม่ได้ ฮิฮิ

    Chayutt Naowarat
    22/05/20
    ....................................................

    #Facebook: Chayutt Naowarat https://web.facebook.com/chayutt.deejaroen

    ?temp_hash=5b2a256136d0e513ecac26433db8d45a.jpg
    #เพจขายหินออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย: Alchemistic Power of Stones (https://facebook.com/chayutt.naowarat)
    #ฝากกระทู้เกี่ยวกับหินด้วยนะครับ http://Alchemistic.2.vu/AlchemisticHere
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 กันยายน 2021

แชร์หน้านี้

Loading...