มงคลยอดชีวิตข้อ ๔ ปฏิรูปเทสวาโส จ - อยู่ในถิ่นที่เหมาะสม

ในห้อง 'ทวีป อเมริกา' ตั้งกระทู้โดย Wat Pa Gothenburg, 1 ธันวาคม 2008.

  1. Wat Pa Gothenburg

    Wat Pa Gothenburg เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    920
    ค่าพลัง:
    +260
    <table border="0" cellpadding="7" cellspacing="7" width="500"><tbody><tr><td colspan="3" align="center">[​IMG]</td> </tr> <tr> <td colspan="3" align="center">[SIZE=+2]สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ ( พิมพ์ ธมฺมธโร)[/SIZE]</td> </tr> <tr> <td colspan="3" align="center">[SIZE=+1]วัดพระศรีมหาธาตุ เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร[/SIZE]</td> </tr> </tbody></table>

    <center> มงคลยอดชีวิตข้อ ๔ </center>
    <center> ปฏิรูปเทสวาโส จ - อยู่ในถิ่นที่เหมาะสม </center> เมื่อเราเรียนรู้มงคลยอดชีวิตในมงคลคาถาที่หนึ่ง คือไม่คบพาล คบบัณฑิต และบูชาบุคคลควรบูชาแล้ว ก็ควรมาพากันศึกษา มงคลยอดชีวิตในมงคลคาถาที่สองต่อไป คืออยู่ในถิ่นที่เหมาะสม เป็นข้อ ๔ มีบุญบารมีข้อ ๕ และตั้งตนไว้ถูกทางข้อ ๖
    เชิญเถอะ เรามาศึกษามงคลยอดชีวิตข้อ ๔ ก่อน คือการอยู่ในถิ่นที่เหมาะสม เรียกตามภาษาบาลีว่า "ปฏิรูปเทสวาสะ" ซึ่งเป็นหลักการที่พระทรงวางไว้ แยกออกแปลเป็น ๓ บท คือ "ปฏิรูปะ" ว่าสมควรคือเหมาะสม "เทสะ" ว่าถิ่น สถาน บ้าน เมือง ประเทศ "วาสะ" ว่าการอยู่ แปลรวมกันว่า "การอยู่ในถิ่นที่เหมาะสม"
    แต่โดยเฉพาะเทสะนั้น หมายถึงถิ่นทั่วไป จะอยู่ในบ้านในเมืองหรือในประเทศก็ตาม และลักษณะของถิ่นที่เหมาะสมจะเป็นฉันไร เราจะต้องหาความเข้าใจเอาเองตามควรแก่กาลเทศะ แต่ก่อนอื่นเราควรทราบลักษณะของถิ่นที่เหมาะสม ในปรมัตถโชติกาบ้าง ในมังคลัตถทีปนีบ้าง จะเก็บใจความมาบรรยายเป็น ๓ นัยดังต่อไปนี้
    นัยที่ ๑ ว่า ถิ่นที่มีบริษัท ๔ คือ ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา สัญจรไปมา มีการบำเพ็ญบุญดำเนินไปอยู่ และมีนวังคสัตถุศาสนา คือ พระพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรืองอยู่ จัดเป็นถิ่นที่เหมาะสมท่านเรียกการอยู่ในถิ่นที่เหมาะสมนี้ว่าเป็นมงคล เพราะเป็นถิ่นอำนวยให้ผู้อยู่ได้บำเพ็ญกิริยาวัตถุ ๑๐ประการ คือ
    ๑. บำเพ็ญทานการให้ปันสิ่งของแก่ผู้ควรให้ปัน สำเร็จเป็นบุญ เรียกทานมัย
    ๒. บำเพ็ญศีลรักษากายวาจา ให้ไม่ละเมิดข้อห้ามและทำตามข้ออนุญาต สำเร็จเป็นบุญ เรียกสีลมัย
    ๓. รวมใจเข้าสู่ห้องสงบและหยั่งรู้เหตุผลของสิ่งทั้งปวงชัดแจ้ง สำเร็จเป็นบุญ เรียกภาวนามัย
    ๔. ประพฤติถ่อมตนต่อผู้ใหญ่หรือผู้เจริญโดยชาติวัยและคุณ สำเร็จเป็นบุญ เรียกอปจายนมัย
    ๕. ตั้งใจช่วยขวนขวายในกิจที่ชอบของกันและกัน สำเร็จเป็นบุญ เรียกเวยยาวัจจมัย
    ๖. ตั้งใจส่งส่วนบุญที่ตนบำเพ็ญแล้วให้ผู้อื่น สำเร็จเป็นบุญ เรียกปัตติทานมัย
    ๗. พลอยยินดีในส่วนบุญที่ผู้อื่นบำเพ็ญแล้ว สำเร็จเป็นบุญ เรียกปัตตานุโมทนามัย
    ๘. ตั้งใจฟังและจดจำคำสั่งสอนของบัณฑิต แล้วถือปฏิบัติ สำเร็จเป็นบุญ เรียกธรรมสวนมัย
    ๙. ตั้งใจชี้แจงคำสั่งสอนของบัณฑิตแก่คนอื่น สำเร็จเป็นบุญ เรียกธรรมเทสนามัย
    ๑๐. ควบคุมความเห็นให้เข้าตรงเป้าหมาย สำเร็จเป็นบุญ เรียกทิฏฐุชุกรรม
    ถิ่นที่เหมาะสมเช่นนี้ ย่อมเป็นถิ่นอำนวยให้ผู้อยู่ได้บำเพ็ญกุศลกิจเหล่านี้ให้ดียิ่งขึ้นตามสัตติ กำลังของตน ดังนั้น ท่านจึงเรียกการอยู่ในถิ่นที่เหมาะสมว่าเป็นมงคล
    นัยที่ ๒ ว่า สถานที่ตรัสรู้ สถานที่ทรงแสดงปฐมเทศนา สถานที่ทรงแสดงยมกปาฏิหาริย์ สถานที่เสด็จลงจากเทวโลก และสถานที่พระองค์ประทับอยู่ มีเมืองสาวัตถีและเมืองราชคฤห์ เป็นตัวอย่าง จัดเป็นถิ่นที่เหมาะสม ท่านเรียกการอยู่ในถิ่นที่เหมาะสมนี้ว่าเป็นมงคล เพราะเป็นถิ่นอำนวยให้ผู้อยู่ได้บำเพ็ญอนุตตริยกิจ ๖ ประการ คือ
    ๑. ให้ผู้อยู่ได้เห็นพระพุทธเจ้า เห็นสาวกของพระองค์ หรือเห็นผู้ประพฤติดีปฏิบัติชอบ และหยั่งเห็นคุณของผู้ทรงคุณ เรียกทัสสนานุตตริยะ คือการเห็นชั้นเยี่ยม
    ๒. ให้ผู้อยู่ได้ฟังโอวาทของพระพุทธเจ้า และของสาวกของพระองค์ หรือได้ฟังคำสอนของนักปราชญ์ราชบัณฑิตอื่นอีก เรียกสวนานุตตริยะ คือการฟังชั้นเยี่ยม
    ๓. ให้ผู้อยู่ได้ศรัทธาเชื่อในคุณของพระรัตนตรัย และเชื่อกรรมเชื่อผลของกรรม เชื่อว่าสัตว์บุคคลมีกรรมทั้งดีและชั่วที่ตนทำแล้วต้องเป็นของตน เรียกลาภานุตตริยะ คือการได้ชั้นเยี่ยม
    ๔. ให้ผู้อยู่ได้ศึกษาในศีลสมาธิปัญญา แล้วน้อมเข้ามาถือปฏิบัติ อบรมกายวาจาใจให้เป็นศีลฝึกฝนใจให้เป็นสมาธิ ควบคุมความเห็นให้สอดส่องด้วยปัญญา เรียกสิกขานุตตริยะ คือการศึกษาชั้นเยี่ยม
    ๕. ให้ผู้อยู่ได้ปรนนิบัติพระรัตนตรัย หรือผู้ประพฤติปฏิบัติชอบ และผู้ทรงศีลทรงธรรมอื่นอีก เรียกปาริจริยานุตตริยะ คือการปรนนิบัติชั้นเยี่ยม
    ๖. ให้ผู้อยู่ได้ระลึกถึงคุณพระรัตนตรัย และคุณของผู้ทรงคุณอื่นอีกเป็นอารมณ์ เรียกอนุสสตานุตตริยะคือการระลึกชั้นเยี่ยม
    ถิ่นที่เหมาะสมเช่นนี้ ย่อมเป็นถิ่นอำนวยให้ผู้อยู่ได้เห็นพระผู้บริสุทธิ์ ได้ฟังโอวาทของท่าน หรือของนักปราชญ์ราชบัณฑิตอื่นอีก ได้ศรัทธาปสาทะ ได้ศึกษาไตรสิกขา ได้ปรนนิบัติท่าน และได้ระลึกถึงคุณของท่าน ซึ่งแต่ละอย่างๆ เป็นสื่อนำให้ละโทษและบำเพ็ญคุณความดีอย่างนี้ ดังนั้น ท่านจึงเรียกการอยู่ในถิ่นที่เหมาะสมนี้ว่าเป็นมงคล
    นัยที่ ๓ ว่า มัชฌิมประเทศ ซึ่งเป็นที่อุบัติแห่งพระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า พระมหาสาวกพุทธอุปัฏฐาก พระพุทธมารดา พระพุทธบิดา และพระเจ้าจักรพรรดิ จัดเป็นถิ่นที่เหมาะสม มวลชนอยู่ในถิ่นเช่นนี้มีโอกาสได้รับโอวาทของพระปัจเจกพุทธเจ้า และพระจักรพรรดิ เมื่อตั้งอยู่ในศีล ๕ ก็มีสวรรค์เป็นเบื้องหน้า ถ้าผู้ได้รับโอวาทของพระพุทธเจ้าและพระพุทธสาวก ก็มีสวรรค์และนิพพานเป็นเบื้องหน้า ดังนั้น ท่านจึงเรียกการอยู่ในถิ่นเช่นนี้ว่า เป็นมงคล เพราะเป็นเหตุให้ผู้อยู่ได้สวรรค์สมบัติและนิพพานสมบัติ
    เมื่อเราทราบลักษณะของถิ่นที่เหมาะสมในคัมภีร์ดังกล่าวแล้ว ควรหาความเข้าใจในลักษณะของถิ่นที่เหมาะสมนอกนั้นต่อไป ข้าพเจ้าได้พูดแล้วว่า เทสะนั้นหมายถึงถิ่นทั่วไป จะอยู่ในบ้านในเมืองหรือในประเทศที่เป็นถิ่นเหมาะสมแล้วก็ตาม แต่พื้นที่จะตั้งภูมิลำเนาอยู่ในบ้านเมืองหรือประเทศนั้นๆอาจเป็นพื้นที่ เหมาะสมก็มี ไม่เหมาะสมก็มี เราต้องเลือกตั้งภูมิลำเนาในพื้นที่อันเหมาะสม เมื่อเลือกได้แล้ว ต้องปรับปรุงตนให้คู่ควรแก่ถิ่นที่เหมาะสม ซึ่งมีอยู่ ๒ ประเภท คือ
    ๑. ถิ่นที่เหมาะสมภายนอก หมายเอาถิ่นที่มวลชนตั้งภูมิลำเนาเป็นที่อยู่อาศัย เมื่อผู้อยู่ในถิ่นนั้นไม่นิ่งนอนใจ เร่งรัดพัฒนาชีวิตให้มีหลักฐานมั่งคั่ง สมบูรณ์ด้วยทรัพย์สินและคุณความดี ก็จะเป็นมงคลคู่ควรแก่ถิ่นที่อยู่อาศัย ถ้าผู้อยู่ชะล่าใจมัวแต่กระหยิ่มอยู่ว่า ตนได้อยู่ในถิ่นที่เหมาะสมก็เป็นมงคลแล้ว ไม่เร่งรัดพัฒนาชีวิตให้เกิดคุณประโยชน์อะไรเลย ดีแต่กินๆ นอนๆ เที่ยๆ เตร่ๆ มิหนำซ้ำประพฤติเลวทราม แทนที่จะเป็นมงคล ก็กลับเกิดอัปมงคลแก่ตัวเอง ถิ่นที่เหมาะสมจะช่วยผู้ชะล่าใจหาได้ไม่ เพราะถิ่นจะชื่อว่าดี อยู่ที่คนในถิ่นเป็นคนดี ถ้าคนในถิ่นเป็นคนเลวแล้ว ถิ่นนั้นก็จะดีไม่ได้
    กฎธรรมดามีว่า พื้นดินจะดีขึ้นอยู่ที่ต้องฟื้นต้องไถต้องหว่านต้องปลูกพืชพันธุ์ต่างๆ แม้ตัวบุคคลก็เช่นกัน ต้องฝึกฝนอบรมให้เกิดความมั่งคั่งด้วยทรัพย์สินและคุณความดี มิใช่ว่าได้อยู่ในถิ่นที่เหมาะสมแล้วก็จะเป็นคนมั่งคั่งสมบูรณ์ขึ้นทีเดียว เพราะคนจะดีอยู่ที่ประพฤติคุณความดี และดีจริงดียิ่งกว่าถ้อยคำสรรเสริญกันว่าดี แม้คนจะชั่วก็อยู่ที่ประพฤติชั่ว และชั่วจริง ชั่วยิ่งกว่าถ้อยคำติกันว่าชั่วเสียอีก
    พึงทราบว่า คนดีมีภูมิธรรมสูงแล้ว ถึงจะอาศัยบ้านเล็กๆอยู่ก็เป็นมงคล เพราะบ้านหลังเล็กนั้นได้สมญาว่าบ้านผู้ดี ชวนให้ผู้คนผ่านไปอุ่นใจ ดีกว่าคนชั่วใจต่ำประพฤติแต่สิ่งอัปมงคล ซึ่งด้อมอยู่ในบ้านใหญ่โตรโหฐาน ผู้คนผ่านไปมาต่างก็ชี้บอกกันว่าบ้านคนชั่ว อันคนดีนั้นแม้ถูกธรณีกลบแล้ว แต่ธรณีก็ไม่อาจคลุมชื่อของคนดีไว้ได้ ต้องแยกช่องให้ชื่อเขากลับตลบขึ้นมา ส่งกลิ่นหอมหวนชวนชมอยู่ทุกเมื่อ
    ๒. ถิ่นที่เหมาะสมภายใน หมายเอาอัตภาพมนุษย์ที่สมประกอบ มีอวัยะสมบูรณ์ทุกส่วน อัตภาพมนุษย์ที่สมประกอบนี่เอง ชื่อว่าถิ่นที่เหมาะสมภายใน และจัดเป็นมงคลอยู่ในตัว คนผู้ได้อัตภาพมนุษย์ที่สมประกอบแล้ว เร่งสร้างตนให้เป็นคนดีมีหลักฐานอุ่นหนาฝาคั่ง ดังปรากฎเห็นอยู่ในปัจจุบันนี้ คือ เป็นคฤหบดีก็มี เป็นเศรษฐีก็มี เป็นนักปราชญ์ราชบัณฑิตก็มี แม้จะเป็นเทวดาอินทร์พรหมเสวยทิพยสมบัติ หรือจะเป็นพระโสดาบัน พระสกทาคามี พระอนาคามี และพระอรหันต์ เสวยโลกุตรสมบัติ ก็ล้วนแต่อาศัยอัตภาพมนุษย์นี้ทั้งสิ้น
    ดูอีกที ดูคนเลวเมื่อได้อัตภาพมนุษย์สมประกอบแล้ว แม้คุณความดีชั้นโลกิยะและโลกุตระ ก็คู่ควรแก่อัตภาพมนุษย์ทุกประการ แต่เขาไม่สำนึกในคุณความดีใดๆ ดังคำโบราณว่า "จำพวกเนื้อปองหญ้ากับน้ำ มิปองทอง จำพวกลิงปองผลไม้ มิปองแก้ว จำพวกหนูปองของสกปรก มิปองของหอม แม้คนเลวก็ปองแต่บาปหยาบช้า มิปองคุณความดีเลย"
    ที่จริง คนดีเขาสร้างโบสถ์บ้าง สร้างโรงงานบ้าง สร้างคลังสินค้าบ้าง แต่คนเลวมุ่งอาศัยอัตภาพที่เป็นมงคล ประพฤติความชั่วตัวอัปมงคลแก่ตน ชื่อว่าสร้างคุกสร้างตะรางเพื่อตัวเอง ไม่สำนึกเลยว่า การทำดีรู้กันไม่พ้นประตู ส่วนการทำชั่วอื้อฉาวไปได้ไกล เหมือนสีขาวเปื้อนสีขาวไม่มีใครใส่ใจ ถ้าสีดำเปื้อนสีขาวแม้นิดเดียว ก็เห็นกันทั่วไป ชื่อว่าประทุษร้ายตัวเอง หรือทำบาปหนาแก่ตนด้วยเจตนา ยิ่งการประทุษร้ายนั้น มีผลสืบเนื่องไปถึงลูกหลานด้วยแล้ว บาปนั้นก็ยิ่งอุกฤษณ์เสมอด้วยอนันตริยกรรม
    ดีชั่วสองสิ่งนี้ ฤทธา มากแล
    เป็นประดุจดวงตรา ประทับไว้
    แม้นเราจะล่วงลา ละชีพ แล้วนา
    ดีชั่วนี่แหละไซร้ มอบไว้เป็นตรา
    ดังนั้น เราทุกคนชอบมงคล และทุกคนเกลียดอัปมงคล เมื่อได้อยู่ในถิ่นเหมาะสมทั้งภายใน และภายนอกแล้ว จึงควรประพฤติคุณธรรม คือ ทำดีพูดดีคิดดี ให้คู่ควรแก่ถิ่นเหมาะสม อย่าประพฤติบาปกรรม คือทำชั่วพูดชั่วคิดชั่ว อันจะก่อให้เกิดอัปมงคลขึ้นในตน จงรีบแก้ปัญหาชีวิต การละโทษและอบรมคุณความดี นี่คือวิธีแก้ปัญหาชีวิต ผู้ละโทษได้เท่าใด อบรมคุณความดีได้เท่านั้น ชื่อว่าแก้ปัญหาชีวิตตก ระลึกเสมอว่า การหยุดลมหายใจเป็นหลุมฝังศพของคนตาย แต่กิริยาวาจาใจที่ชั่วร้ายคือหลุมฝังศพของคนเป็น ซึ่งเป็นสิ่งน่าเกลียดน่ากลัวยิ่งนักของคนทั้งหลาย
    ถิ่นที่เหมาะสมทั้งภายในและภายนอกนี้ จะเจริญก้าวหน้า จะด้อยพัฒนาหรือล้าหลัง ย่อมอยู่ที่ตัวบุคคลเป็นสำคัญ ถ้าผู้อยู่เป็นคนดีและปรับปรุงที่อยู่ให้ดีเป็นที่ควรอยู่ ก็เป็นมงคลแก่ผู้อยู่ ถ้าผู้อยู่ไม่ปรับปรุงหรือทำไม่ดี ก็เป็นอัปมงคลแก่ตัวเอง ถิ่นที่เหมาะสมนั้น มีลักษณะสมบูรณ์ ๕ ประการ ผู้ปฏิบัติพึงศึกษาดังต่อไปนี้ คือ
    ๑. ถิ่นที่เป็นศูนย์กลาง หมายถึงถิ่นเป็นที่รวมระเบียบแบบแผน ลัทธิประเพณี ศีลธรรมวัฒนธรรมและเป็นที่มารวมของประชาชนในถิ่นและต่างถิ่นจากทิศทั้ง ๔ เมื่อคนหมู่มากมารวมกัน ย่อมจะเกิดพฤติการณ์ต่างๆ เช่น แย่งอาหารการกิน แย่งถิ่นที่อยู่ แย่งคู่สวาท และแย่งอำนาจวาสนากัน มีประสพการณ์สิ่งแวดล้อมทั้งดีและไม่ดี คนฉลาดสามารถปรับตนให้เป็นคนดีทำแต่ดี มีชีวิตอยู่ดีกินดีได้แต่คนโง่มักลืมตัวกลายเป็นคนชั่วทำแต่ชั่ว ต้องมีชีวิตอยู่ชั่วกินชั่ว
    ดังนั้น เจ้าถิ่นจึงควรเร่งรัดพัฒนาชีวิต ให้มีหลักฐานจรรยาและระเบียบวินัย เมื่อคนในครอบครัวแต่ละครอบครัว มีจรรยาและระเบียบวินัยแล้ว จะช่วยให้ส่วนใหญ่คือประเทศชาติเจริญก้าวหน้า เพราะว่าประเทศจะเจริญก้าวหน้าเป็นอารยประเทศ อยู่ที่พลเมืองในประเทศแต่ละคนเป็นอารยชน แม้ความเป็นอารยชนก็อยู่ที่ความมีจรรยาและระเบียบวินัย ส่วนประเทศที่ด้อยพัฒนาหรือล้าหลังเล่า ก็เพราะพลเมืองเป็นคนล้าหลัง หรือย่ำเท้ายังไม่ก้าวเดิน คงยังอยู่ในสภาพอนารยะ แม้ความเป็นอนารยะก็อยู่ที่ความไม่มีจรรยาและระเบียบวินัยนั่นเอง โปรดอย่าลืมว่า
    จิตใจที่อยู่ในระเบียบวินัย ชื่อว่าเป็นวิหารของพระ ถ้าจิตใจออกนอกระเบียบวินัยแล้ว จิตใจนั่นเองที่ควรเป็นวิหารของพระ ถึงจะกลายไปเป็นถ้ำของโจร ความเจริญก้าวหน้าของชาติและศาสนาอยู่ที่การพัฒนา หาอยู่ที่ได้แต่พูดอย่างเดียวไม่ เชิญแปรคำพูดที่พูดกันมานานแล้ว ออกเป็นการกระทำเถิด จะได้ชื่อว่าลงมือร่วมกันพัฒนา ชาติบ้านเมืองของตน
    ๒. ถิ่นที่มีการอาชีพสะดวก หมายถึงถิ่นที่ทำเลทำมาหาเลี้ยงชีพได้ง่าย ช่วยให้ผู้อยู่คิดตั้งเนื้อตั้งตัวได้เอง ไม่มุ่งต่อการค้ำจุนของคนอื่นถ่ายเดียว มุ่งแต่จะกินอาหารภายในเหงื่อไคลแห่งหน้าตนเอง เร่งรัดก่อร่างสร้างตัวให้เป็นหลักแหล่ง มีบ้านเรือนเป็นของตนเอง มีที่ดินเป็นของตนเอง สร้างการอาชีพที่เป็นหลักทรัพย์เช่น มีเรือกสวนไร่นามั่นคง ประกอบการงานของตนตามลำพังตนให้เป็นชิ้นเป็นอัน เป็นล่ำเป็นสัน เพื่อยังโภคทรัพย์ให้เกิดแก่ตนและประเทศชาติ ทำให้ตนและครอบครัวได้อยู่ดีกินดี มีหน้ามีตาเป็นเกียรติยศ
    เมื่อผู้อยู่แต่ละคนพึ่งตนเองสร้างหลักฐานได้แล้ว แม้จะพึ่งผู้อื่นบ้าง ก็มีคุณความดีพอพึ่งพาอาศัยผู้อื่นได้ และอำนวยให้เขาเป็นที่พึ่งของตนได้ด้วย ทั้งนี้ก็เท่ากับตนพึ่งตนเอง คือพึ่งคุณความดีของตน ซึ่งช่วยให้เขาพลอยยินดีให้ตนพึ่งเขา และเมื่อช่วยตัวเองได้แล้วก็ช่วยครอบครัว ช่วยคณะญาติช่วยเพื่อนร่วมบ้าน และช่วยชาติได้ในคราวที่ชาติต้องการ
    สำนึกเถิดว่า ชีวิตที่รบความชั่วชนะ เป็นแม่ทัพที่มีชื่อเสียง แต่ชีวิตที่รบความชั่วแพ้ เป็นแม่ทัพที่มีชื่อเสีย เป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ของชาติ มิใช่อยู่ที่การแต่งกายหรูหรา แต่อยู่ที่การประพฤติดีงาม อย่าครองชีวิตอยู่ด้วยกาลเวลา แต่จงครองชีวิตอยู่ด้วยการประพฤติดีปฏิบัติ ชอบ
    ๓. ถิ่นที่มีการศึกษาสะดวก หมายถึงถิ่นที่มีระบบการศึกษาเปิดโอกาสให้ผู้อยู่ศึกษาได้ง่ายเช่นจำนวน ๕๐ ครัวเรือนในทุกหมู่บ้าน มีโรงเรียนชั้นประถม ๑ แห่ง จำนวน ๕๐๐ ครัวเรือนในทุกตำบลมีโรงเรียนชั้นมัธยม ๒ แห่ง จำนวน ๒,๕๐๐ ครัวเรือนในทุกจังหวัดมีวิทยาลัย ๑ แห่ง และในทุกภาคของรัฐมีมหาวิทยาลัย ๑ แห่ง ผู้ใคร่ศึกษาเมื่อเรียนจบชั้นประถมมัธยมแล้ว จะเลือกเรียนวิชา แขนงใดๆในวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยได้ตามใจสมัคร หรือจะเรียนวิชาอาชีพพิเศษอื่นใดก็ได้ง่าย
    ที่จริง การศึกษาเป็นเครื่องส่งเสริมความเจริญงอกงามของบุคคลและสังคม ทำให้คนฉลาดรู้จักคิดหาเหตุผล นำให้เข้าใจซาบซึ้งในสิ่งต่างๆซึ่งอยู่รอบๆตัว และช่วยให้สามารถประกอบสรรพกิจได้ดีซึ่งจะบันดาลให้เกิดผลแก่ตนและชาติ เร่งเร้าให้ผู้ศึกษาคิดชอบทำชอบ เห็นใจหรือรู้ใจคนอื่นในทางชอบ ช่วยตัวเอง ช่วยผู้อื่นและเข้าร่วมมือกันกับผู้อื่นในทางชอบ ทำให้สถานะของตนและชาติมีสภาพดีขึ้น โปรดจำไว้ด้วยว่า
    วิทยาช่วยให้คนเลิศลอย แต่อย่าลืมว่าวิทยาอาจทำให้คนล่มจมได้ เหมือนน้ำชะลอให้เรือลอยได้ แลก็อาจทำให้เรือจมได้ด้วย จึงควรเลือกใช้วิทยาให้ถูกกาลเทศะ มนุษย์เป็นสัตว์ที่เชื่อง ถ้าได้รับการศึกษาอบรมถูกที่ จะเป็นสัตว์น่ารักที่สุด ถ้าให้การศึกษาอบรมไม่พอและผิดที่ ก็จะเป็นลูกหลานว่านเครือของโลกที่ป่าเถื่อนโหดร้ายมาก
    ๔. ถิ่นที่มีศาสนาประกาศสัจจธรรม หมายถึงถิ่นที่มีศาสนาสอนให้ละโทษ สอนให้อบรมคุณความดี และสอนให้ชำระจิตใจให้บริสุทธิ์สะอาด อันเป็นหลักประพฤติดีปฏิบัติชอบของมวลชน พึงทราบว่า ศาสนาเป็นมูลฐานแห่งการศึกษาที่ชอบ ดูเถิดดูวิธีการสอนซึ่งสอนคนให้เฉลียวฉลาด รู้จักคิดชอบทำชอบพูดชอบสอนวิธีคำนวณหัดให้คิดแม่นยำ สอนภาษาหัดให้พูดถูกต้องตามความจริง สอนวิชาประวัติศาสตร์หัดให้รู้มนุษยธรรม สอนวิชาภูมิศาสตร์หัดให้คิดกว้างขวาง สอนวิชาฝีมือหัดให้พินิจพิเคราะห์ละเอียดถี่ถ้วน สอนวิชาดาราศาสตร์ให้รู้ความใหญ่หลวงของธรรมชาติ และสอนวิชากีฬาหัดให้เล่นด้วยความเป็นธรรม ไม่เอารัดเอาเปรียบผู้อื่นเหล่านี้ ล้วนแต่เกี่ยวกับศาสนาทั้งสิ้น
    เมื่อศาสนาคือการศึกษาที่ชอบ แม้การศึกษาที่ชอบก็คือศาสนา จนแยกกันไม่ออกแล้ว เราจะจำกัดใช้ศาสนาแต่เฉพาะในวันพระ ในโอกาสที่ต้องลำบากยากเข็ญ หรือในวัยชราที่ใกล้จะถึงความตายเท่านั้น ดูจะเป็นการไม่ชอบเลย และเราจะดูหมิ่นถิ่นแคลนศาสนา หรือเยาะเย้ยผู้ปฏิบัติตามศาสนาก็จะเป็นความผิดอันจะโทษใครมิได้ ความจริง ศาสนาเป็นสิ่งที่ต้องใช้อยู่ทุกวัน เริ่มแต่วันรู้เดียงสาเข้าโรงเรียนไปจนตลอดชีวิต ถ้าขืนแยกศาสนาออกจากการศึกษาแล้ว ก็จะเป็นผลร้ายแก่เยาวชน เพราะศาสนาเป็นการศึกษาที่ชอบ นำให้คนตั้งอยู่ในความคิดที่ชอบ ความคิดที่ผิดเกิดแต่การศึกษาที่ผิด ถ้าเราจะหลีกให้พ้นความคิดที่ผิดแล้ว ก็จะต้องฝึกฝนอบรมเยาวชนด้วยศาสนาเสียแต่ต้นมือ เพื่อปิดช่องมิให้ความคิดที่ผิดเกิดขึ้นได้
    รู้ตัวเสียเถิดว่า ศาสนาทำให้อนารยะเป็นอารยะ สมัยเหี้ยมโหดป่าเถื่อนจะสิ้นสุดลง สมัยเกษมศานต์จะย่างเข้ามาแทน น้ำไหลพุ่งตัดกระแส เบียดน้ำสมุทร แต่ในวาระสุดท้ายก็จะถูกกลืนหายไปในความเป็นอารยะ คนดูหมิ่นศาสนาเมื่อมั่งมีศรีสุขแล้ว มักจะลืมพระ แต่เมื่อ เขาตกทุกข์ได้ยากสิ จึงบ่นเพ้อซมซานไปหาพระ
    ๕. ถิ่นที่มีคนทรงศีลทรงธรรมทรงวิทยาคุณมาก หมายถึงถิ่นที่มีนักปฏิบัติทรงศีลทรงธรรมมากมีใจสูงใจเป็นระเบียบเรียบร้อย มุ่งให้เป็นคุณประโยชน์แก่ตนและเพื่อนมนุษย์ มีการปฏิบัติตามเหตุผล มีสติปัญญาแนบไปด้วยการทำพูดคิด มีศีลมีธรรมประจำตนเป็นผู้ที่คนอื่นคาดได้ว่า เขาจะบำเพ็ญอะไร จะเว้นอะไรอย่างไร ไม่ใช้กโลบายหรือเล่ห์กะเท่ปราศจากลูกไม้ ใช้สัตยธรรมเป็นมรรคา มีสัมมาอาชีพเป็นอุดมคติซึ่งรักยิ่งกว่าชีวิต มีน้ำใจสุจริตแน่นเหนียวมั่นคง เคารพในผลประโยชน์ของคนอื่นเหมือนของตน ทำดีเป็นกายสุจริตพูดดีเป็นวจีสุจริต คิดดีเป็นมโนสุจริต ซึ่งตนและคนอื่นติเตียนตนไม่ได้ แม้ผู้รู้ใคร่ครวญแล้วก็สรรเสริญ
    อนึ่งในถิ่นนั้นมีนักปราชญ์ราชบัณฑิตผู้ทรงวิทยาคุณมาก และเป็นคนคงแก่เรียน รู้มากกว่าคนธรรมดา เชี่ยวชาญในภาษาช่วยให้พูดได้ถูกต้อง รู้คำนวณช่วยให้คิดได้เร็ว รู้บทเรียนด้วยของช่วยให้รักสิ่งธรรมชาติสามารถทำงานยากงานหนักงานใหญ่ ปกครองตนเองได้ ดำรงชีพอยู่ด้วยการช่วยตัวเอง และช่วยผู้อื่นให้ดำรงชีพอยู่ด้วยการร่วมมือกัน เป็นผู้คิดกว้างและชอบด้วยเหตุผล ถือการช่วยตัวเองเป็นกุญแจของชีวิต ถือการร่วมมือกันเป็นแม่จักรของชีวิต เข้ารวมกำลังในการงานของคนอื่นเหมือนแม่จักรของนาฬิกา ช่วยจักรตัวอื่นให้เดินและเข็มเคลื่อนที่ ให้รู้ชั่วโมงนาทีวินาที และแต่ละคนร่วมใจกันแนะนำพร่ำสอนมวลชน ให้รู้จักดำเนินชีวิตไปสู่เป้าหมาย
    ดูเถิดท่าน คนทรงศีลทรงธรรมทรงวิทยาคุณ ยิ่งมีความรู้ยิ่งอ่อน โยน กลดังต้นไม้มีผลดกน้อมกิ่งลง ดูคนทะนงด้วย ยิ่งมีความรู้ ยิ่งแข็งกระด้าง น้อมไม่ลง กลดังไม้แห้งอ่อนไม่เป็น ได้แต่หักท่าเดียว ดูอีกทีดูคนยินดีในบาป เขามักเห็นบาปเป็นดังน้ำผึ้ง แต่มองไม่เห็นทุกข์อันจะตามมา เหมือนปลามองเห็นแต่เหยื่อ ไม่แลเห็นเบ็ด
    ประมวลความ ถิ่นที่มีลักษณะสมบูรณ์ ๕ ประการ คือถิ่นที่เป็นศูนย์กลาง ถิ่นที่มีการอาชีพสะดวก ถิ่นที่มีการศึกษาสะดวก ถิ่นที่มีศาสนาประกาศสัจจธรรม และถิ่นที่มีคนทรงศีลทรงธรรมทรงวิทยาคุณมาก ชื่อว่าถิ่นที่เหมาะสม พระพุทธองค์ทรงเรียกการอยู่ในถิ่นที่เหมาะสมนี้แหละว่า "เป็นมงคลยอดชีวิต" เพราะเป็นปัจจัยให้ผู้อยู่ได้ตั้งตนเป็นหลักฐานทั้งในทางโลกและทางธรรม
    นักปราชญ์มีการอยู่ร่วมแสนสุขสำราญ เหมือนการมารวมแห่งหมู่ญาติ บรรดาป่าไม้น้อยใหญ่ ไม่เป็นที่ยินดีของฝูงชน แต่เป็นถิ่น รื่นรมย์ของท่านผู้ปราศจากราคะไม่แสวงหากามแล้ว

    *********
     

แชร์หน้านี้

Loading...