มี ใคร รู้ สึกแบบนี้ ไหม ครับ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย kasikorn_f, 27 มีนาคม 2012.

แท็ก: แก้ไข
  1. kasikorn_f

    kasikorn_f เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    45
    ค่าพลัง:
    +117
    มี นักปฎิบัติ คน ไหน รู้ สึก ว่า ความรู้ สึก รัก สมหวัง เสียใจ ดี ใจ มัน เกิดๆๆดับ ๆๆ รู้ สึก เฉยๆๆ กลาย เป็น ว่า ความรู้ สึกหยากมี ครอบครัว มี แฟน หรือ มี ครอบ ครัว มี ห่วงมี ความผูกพันเป็นทุกข์ ผมชอบบมองคนสวยๆๆ ว่า สวยงามแบบไหน พอ มองๆๆ ไป บ้างครั้งเห็น คนสวย คน นั้น ตีน กา ขึ้น หน้า อ้วน ขึ้น เฉย เลย บ้าง คน ก็ เห็น เป็น คนหน้า เหี่ยวๆๆ แล้ว จิตมัน ก็ คิด ว่า สังขารทั้งหลายทั้ง ปวงไม่เที่ยง เป็น ทุกข์ ไม่ ยั้งยืน คนสวยมากที่เราเคยชอบ สมัย เรียนที่เราเคยหลง รักหลง ชอบ พอ เจอ กัน อี ก ครั้งเมื่อ5 ปี ผ่านไป พ่อแม่ พี่ น้อง ครับ บอก เลย ว่า กูรัก มึง แบบนั้น ไม่ ได้ อีก แล้ว เขา บอก ว่า ครั้ง หน้า มา ทาน ข้าว กัน อีก นะ ปาก ก็ บอก ว่า ได้ แต่ ใน ใจ บอก ว่า( เลี้ยงก็ไม่ ไป ) นี้ หรือ คน ที่ เรา ชื่น ชม เรา รัก เรา ยึด แต่ ความ สวย งาม ใน รูป ความ sex ของ รูป ร่าง ทำให้ มองชีวิตครอบครัว เป็น ทุกข์ เลย อะ ต้อง อยู่ กับ คนแก่ อ้วน จน ตาย ขนาน เรา เอง ก็ เป็น เหมือน กัน มอง กระจก แล้วก็ คิก ว่า พรุ่งนี้ ถ้า ตาย วันนี้ จำ ทำอะไร ดี จิต มันคิดนึกตลอดเวลา เห็นมัน มอง มัน คิดเรื่อง ต่างๆๆ ขนานพิมนี้ จิตยัง คืด เรื่อง นี้น เรื่อง นี้ ความหลง ใน กามความยินดีในกาม มัน เฉยๆๆ ไป อะ เห็นคนสวยก็ ยัง มอง ดู อะ แต่ มัน จะ คิดถึง สวยsex ไม่ คงทน มัน เลย บื่อไป เองแต่ จะ มี ความหยากทางกายเกิดขึ้น มา เป็น ระยะแต่จิตไม่ลุ่มหลงหยากได้ใคร่ มี หรือแสวง หา มี ใครเป็นแบบนี้ บ้างไหมครับ
     
  2. Alonegirl

    Alonegirl เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    27
    ค่าพลัง:
    +192
    เป็นค่ะ..มันมา แล้วก็หาย แล้วก็เป็น แล้วก็หาย
    ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ถ้าดิฉันไม่มีลูก คงโกนผมเข้าวัดบวชไปแล้ว
    สังคมมันฟอนเฟะเกินไปที่จะอยู่ ..พูดจริงๆนะ
     
  3. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    มีเยอะแยะ

    เขาเรียกว่า อาการเหยียดหยามทางเพศ

    จะมีการบรรยายข้อเสีย ของอิสตรีแบบมากล้นพรรณา แต่ ทว่า ไม่กล่าวถึงคุณ

    พระพุทธองค์กล่าวกับพระโมคัลลานะว่า เธออย่าดูถูกกาม เพราะ กามทำให้พระ
    ตถาคตเกิดมาบนโลก ให้พวกเธอได้สมาทานสิกขาอันเกิดจากตถาคตที่มีแหล่งกำเหนิด
    มาจากกาม

    ดังนั้น สตรีนั้นมีคุณอยู่ไม่ใช่ไม่มีคุณ เวลาจะพรรณาถึง สตรี ต้องพรรณาให้ครบ
    ด้าน ทั้งคุณ และ โทษ ไปตามความเป็นจริง

    ถ้าพรรณาโทษ เพียงด้านเดียว หรือ พรรณาโทษอันเกิดจาก รูปร่างที่ตนวาดภาพ
    เอาเองว่าเขาเป็น แทนที่จะกล่าวว่า เรานั่นแหละเป็น คือ ตัวคนภาวนานั่นแหละที่
    อ้วน เน่า เหม็น โสโครก ขี้หู ขี้ตา ขี้จมูก กลิ่นตัว น้ำมุก น้ำลาย ของตน
    นั่นแหละที่เป็นสิ่งโสโครก แล้วค่อยน้อมออกไปว่า ผู้หญิงก็เหมือนกัน ด้วยความเป็น
    สัตว์ที่ติดข้องในภพ เป็นเพื่อนทุกข์เพื่อสุข ไม่ต่างกัน ก็รับรองได้เลยว่า พวกที่
    พรรณาโทษของผู้หญิงแต่ถ่ายเดียว คือ "พวกโรคจิต" "เหยียดหยามทางเพศ"
    และ มีแนวโน้มจะเอาประโยชน์โดยไม่เลือกว่ามีหางหรือไม่ในวันหน้า
     
  4. Bull_psi

    Bull_psi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    889
    ค่าพลัง:
    +1,445
    แสดงธรรมเร้าใจอีกแล้วลูกพี่เรา ถามต่อให้ครับเมื่อชี้ว่านี่ผิด แล้วอย่างถูกต้องปฎิบัติอย่างไร แก้ไขอย่างไรครับ อาราธนาให้ครับ :boo:
     
  5. ผู้พันจุ่น

    ผู้พันจุ่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,396
    ค่าพลัง:
    +2,983
    มันเบื่อ ๆ อยาก ๆ น่า ....

    เดี๋ยวพอธรรมชาติของร่างกายมันผลิตน้ำเชื้อมาเต็ม มันก็จะทำให้เรา
    อยากระบายออก เพื่อรักษาสมดุลทางธรรมชาติไว้มิให้เสียดุลย์...

    อะไรที่เป็นทุกข์ เราก็ต้องรู้ได้ด้วยสติปัญญา ทำให้ถูกต้องตามฐานะที่ควรเป็น
    คฤหัสถ์มีหน้าที่อย่างไร ??? นักบวชมีหน้าที่อย่างไร ??? ทำให้ถูกด้องก็ดีแล้ว

    อย่าทำอะไรที่มันก้ำกึ่ง เหมือนกระเทย มันก็จะมองดูแล้วไม่งาม อยากบวชก็ไปบวช
    เมื่อไม่ได้บวชก็ส่งเสริม ทำบุญ ทำทาน รักษา บำรุงศาสนาให้อยู่ได้นาน ๆ

    หน้าที่ ๆ ๆ ๆ ๆ ให้ถูกด้อง และเหมาะสม ดีงาม เท่านั้นแหละ................
     
  6. นาอินจัง

    นาอินจัง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2009
    โพสต์:
    304
    ค่าพลัง:
    +36
    ถึงโลกนี้ ไม่มีผู้หญิง ผู้ชายก็ยังต้องการอยู่นั้นแระ
    เหตุไม่ใช่เพราะเพศตรงข้ามหร๊อก!
     
  7. jintanakarn

    jintanakarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    128
    ค่าพลัง:
    +236
    ความยินดีในกามไม่ได้หมดไปไหนหรอก แค่จิตสร้างความเกลียดชังในรูปร่าง เพียงเพราะได้เรียนรู้เกี่ยวกับรูปร่างมันไม่เที่ยง ก็เลยสร้างภาพออกมาให้รับรู้ว่าน่าเกลียดอย่างนั้นอย่างนี้ ถ้าปัญญาเกิดจริงๆความเบื่อหน่ายในกามจะปรากฏให้เห็น ไม่ไช่จิตปรุ่งแต่งให้เกลียดชังแล้วโน้มน้าวให้เบื่อ เพียงเพราะความเห็นตามที่ได้ศึกษามาว่าไม่เที่ยงน่าเกลียดอย่างนั้นอย่างนี้ ถ้ามีความรู้สึกเบื่อหน่ายจริงๆก็จะรู้ได้เองและจะปฏิบัติแบบไหนก็จะทำไปเอง เรียกว่าวางเฉยต่อสิ่งที่เห็น,ได้ยิน,นึกคิด,สัมผัส ไม่ไช่คิดเอาเองแล้วคล้อยตามความเห็นที่จิตหลอกให้เป็นไป ควรทบทวนให้นานๆ
     
  8. ทิพย์พิมล

    ทิพย์พิมล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    245
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,512
    ก่อนตอบขอถามสักหน่อยได้มั้ยค่ะ...
    จะพิมพ์เว้นวรรคเยอะๆ...เพื่ออะไรค่ะ......
     
  9. pczophie

    pczophie Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มกราคม 2012
    โพสต์:
    222
    ค่าพลัง:
    +61
    ลองใช้วิธีนี้ดูไม่รู้จะได้ผลกับ จขกท. ไหม (แต่เราใช้วิธีนี้แหละ)

    สมัยก่อน เราเกลียดมนุษย์ทุกคนบนโลกนี้เลย.. เรารู้สึกว่า ที่ยังมีเด็กหิวโหย ที่ยังมีไร้บ้าน ที่คนเจ็บป่วยแต่ไม่มีเงินไปหาหมอ เราว่ามันเป็นผลจาก มนุษย์ทุกคน เห็นแก่ตัว แต่ขึ้นอยู่กับว่าใครจะเห็นแก่ตัวในระดับมากน้อยแค่ไหน

    ด้วยความคิดเช่นนี้แหละ ทำให้เราใจไม่เป็นสุข ภายในจิตใจมีแต่การดูถูก เหยียดหยัน โกรธ เกลียด ฯลฯ

    จนกระทั่ง เราได้ศึกษาเรื่องของ กฎแห่งกรรม (ขอข้ามไปเลยว่าศึกษาอย่างไร เพราะเรื่องมันยาว ไม่สามารถเล่าได้ที่นี่)

    ตั้งแต่เรารู้เรื่อง กฎแห่งกรรม เราก็เริ่มมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับมนุษย์คนหนึ่ง จนส่งผลกระทบต่อจิตใจของเขา เพราะมันมีเหตุให้เขาต้องเป็นเช่นนั้น

    แต่การศึกษาเฉพาะเรื่อง กฎแห่งกรรม ยังไม่เพียงพอ จนกระทั่งได้รู้จักคำว่า "อวิชชา" จิตใจเราก็โล่งเลย

    เวลามองไปทางไหน เราจะเห็นมนุษย์เดินไปเดินมา หัวเราะ ร้องไห้ ใช้ชีวิตอย่างประมาท ดำเนินชีวิตอยู่บนอวิชชา

    ถามว่าเราเปลี่ยนคนทั้งโลกได้ไหม?? เราไปเที่ยวบอกเขาว่า โลกนี้มันเป็นโลกสมมติ มันเป็นฉาก เป็นโรงละคร เราทำให้คนทั้งโลกตาสว่างได้ไหม??

    ตอบ: ทำไม่ได้หรอก.. เพราะแม้แต่ธรรมะของพระพุทธเจ้า ยังมีทั้งคนที่เข้าใจและไม่เข้าใจ จนพระองค์ต้องเปรียบมนุษย์ไว้เหมือนบัวสี่เหล่า

    มนุษย์ทุกคน ตราบใดที่ยังมีอวิชชา พวกเขาจะพบเจอกับเหตุการณ์ต่างๆในชีวิตไปตามกฎแห่งกรรม เหตุการณ์นั้นๆจะส่งผลต่ออารมณ์ของเขา ให้สุข ทุกข์ ดีใจ เสียใจ ร้องไห้ หัวเราะ

    แต่ถ้าเรารู้ทันสิ่งเหล่านี้ เราจะไม่สุข ไม่ทุกข์ ไม่ร้องไห้ ไม่หัวเราะ ไม่ดีใจ ไม่เสียใจ ไม่รัก ไม่โกรธ

    เพราะเรารู้แล้วว่า โลกนี้เป็นแค่โลกสมมติ สรรพสิ่งเป็นแค่คลื่นที่มากระทบกับประสาทสัมผัสของเรา ทำให้เราหลงเข้าใจผิดว่ามันมีอยู่จริงๆและเที่ยวไปจับจองว่าสิ่งนั้นสิ่งนี้เป็นของเรา พอถึงวันที่ต้องสูญเสียมันไปก็ร้องห่มร้องไห้เสียใจ

    แต่ถ้าเรารู้ทันมัน ว่ามันไม่มีสิ่งไหนเป็นของเรา และเราไม่ต้องการจะกลับมาเวียนว่ายตายเกิดอีกแล้ว เรารู้แล้วว่า ความสุขบนโลกมนุษย์เป็นความสุขชั่วคราว คนที่เกิดมาเป็นเด็กกำพร้าแถมยังยากจน เขาอาจจะคิดว่าชีวิตเขาคือชีวิตที่มีแต่ความทุกข์

    แต่ลองไปถาม คนที่มีครอบครัวสมบูรณ์ มีพ่อ แม่ ลูก มีบ้าน มีรถ สักวันหนึ่ง 3 คนนี้จะต้องมีคนใดคนหนึ่ง "ตายจากไป" แล้วไปถามคนที่เหลือ 2 คนดูสิ่ ว่าระหว่างคนที่เกิดมาเป็นเด็กกำพร้า กับคนที่เกิดมามีพร้อมทุกอย่างแล้วต้องสูญเสียสิ่งนั้นไป ถามว่าใครทุกข์กว่ากัน??

    เด็กกำพร้า กับเด็กที่มีพ่อแม่ ต่างกันแค่ เด็กกำพร้ารู้สึกทุกข์ตั้งแต่เกิด แต่เด็กที่มีพ่อแม่รู้สึกสุขตลอดเวลาที่มีแม่ จนกระทั่งวันที่เสียแม่ไป ความทุกข์ของเขาก็มีมากกว่าเด็กกำพร้าเป็นทวีคูณ

    บนโลกมนุษย์ไม่มีความสุขที่ยั่งยืนชั่วนิรันดร์เลย พวกเราเหมือนโดนหลอก คนทุกข์อยู่แล้วก็ทุกข์อยู่อย่างนั้น คนที่มีความสุขพอถึงเวลาสูญเสียกลับมีทุกข์มากกว่าคนที่ทุกข์อยู่แล้วเสียอีก

    นี่คือ 1 ภพชาติ แต่เมื่อเราระลึกได้ว่า.. ทุกๆชาติมันก็เป็นแบบนี้แหละ เกิดมา มีความรักต่อพ่อแม่ มีความรักต่อแฟน มีความรักต่อลูก แล้ววันหนึ่งก็ค่อยๆสูญเสียไปทีละคน ทีละคน ไม่เราตายจากเขาเขาก็ตายจากเรา ไม่มีอะไรที่ยั่งยืนเลย

    แล้วมันก็เป็นแบบนี้ "ทุกชาติ" เสียใจแล้ว เสียใจอีก เสียใจแล้ว ก็เสียใจอีก วนๆแบบนี้ repeat repeat ไม่สิ้นสุด

    เพราะมนุษย์มีอวิชชาเป็นสิ่งนำพาให้ดำเนินชีวิตไปในแต่ละวัน รู้ไม่เท่าทันกิเลสและตัณหาของตน จึงยังตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของกฎแห่งกรรม

    แต่ถ้าเรารู้เท่าทันกิเลสและตัณหา รู้เท่าทันอวิชชา เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นรอบๆตัวเราในแต่ละวัน ก็ไม่สามารถทำอะไรเราได้ ^_^ ไม่สุข ไม่ทุกข์ แต่เข้าใจว่า สรรพสิ่งก็เป็นเช่นนี้แล ฯลฯ
     
  10. kasikorn_f

    kasikorn_f เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    45
    ค่าพลัง:
    +117
    สาธุกับทุกคอมแมนต์ครับ
    ผมนั่งสวดมนต์นั่งแล้วมองพระบรมสาริริกธาตุ รู้สึกสะบายใจ ดี พระธาตุของอริสงฆ์ ในยุคนี้
    ผมเคยมีประสบการณ์เห็นพระบรมสาริริกธาตุเสด็จ เคย เห็นหล่น มาเป็นฝนเลย อะ ครับตอนแรกนึกว่าฝาเพดานผุ เเต่เห็นร่วงลงกลางอากาศ มีเสียงดัง เหมือนแก้วร้าว พอได้มาก็ไม่ได้เชื่อในที่แรก นะ เลย ลองนับดูพี่ผมได้ 10 ผมได้ 9 นับกันเองเพราะยังไม่เชื่อเต็ม100 ครับ พอพี่ผมกลับบ้านมันก็ไปทะเลาะกับ พ่อแม่ คุณเชื่อไหม หายได้ เหลือ5 องค์ ครับ เลยไปนั่งดูบ่อยๆขอเห็นจะๆๆ ลอยมากลางอากาศครับ งง เลย ครับแล้วในผ้าป่าคนที่นั่งในศาลามีเป็นคนเป็นร้อยนะครับ บ้างคนก็เอาพานดอกบ้วมาวางตรงหน้า ผมก็งง ทำไมไม่เอาไปถวายพระด้านหน้า พอพระสงฆ์กับแม่ชีสวดจบผม มีก็ผลึกเต็มดอกบัวที่คุณยายแก่ เอามาวางข้างหน้า เลยหายสงสัยครับว่าเขาเอามาวางทำไมถึงบางอ้อเลย พอนำกลับมาที่บ้านใส่ครอบแก้วไว้ บางวันดังเปรี้ยงๆๆ นึกว่า ครอบแตก นั่งมองทุกวัน เลย ครับ มี หลายสีงามมากๆๆ ได้ที่เสด็จมาเองส่วนหนึ่ง ญาติธรรมให้ส่วนหนึ่ง ญาติธรรมใจดี มากๆๆครับ มอบพระธาตุหลวงพ่อฤาษี (ชานหมาก)หลวงตาบัว หลวงปู่ทวด สมเด็จโต หลวงปู่มั่น อังคารธาตุหลวง พ่อ พุธ (นี้ได้จากวัดหนองจรเข้) หลวงปู่ตื้อ เป็นความชอบส่วนตัวนะครับ ผมเคยเห็นดินเปล่าๆที่พุทธคยา แปลเป็นพระบรมสาริริกธาตุ แปลกมากๆๆครับ มาทางอากาศ แยกจากของเดิม นี้ แปลจากดินครับ แต่ สำหรับผมนะครับชอบดูแต่ไม่หลงครับสิ่งที่ผมจะเชื่อผมต้องพิจารณาด้วยปัญญา จริงที่เกิดจากการปฎิบัติครับ ปาฎิหารใดก็ไม่เท่าปฎิบัติ ครับกายกับจิต แยกแยอะแล้วรู้ได้ด้วยปัญญา แปลก ดี ครับความรู้สึกแบบนี้
     
  11. ทัพขวัญชัย

    ทัพขวัญชัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    127
    ค่าพลัง:
    +218

แชร์หน้านี้

Loading...