ริชชี่ มนุษย์พลังจิตคนเชียงใหม่ที่โด่งดังในตอนนี้

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย nnn, 15 สิงหาคม 2007.

  1. nnn

    nnn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มกราคม 2005
    โพสต์:
    307
    ค่าพลัง:
    +1,298
    [​IMG]


    ครอบครัวอริยทรัพย์กมล ประกอบไปด้วยสมาชิกทั้งสิ้น 5 คน คือ คุณพ่อสรเดช อริยทรัพย์กมล คุณแม่กรทอง อริยทรัพย์กมล พี่ชายคนโตคุณวรเชษฐ์ อริยทรัพย์กมล พี่สาวคนรองคุณรจนลักษมณ์ อริยทรัพย์กมล และคนสุดท้อง พีระวัฒน์ อริยทรัพย์กมล หรือ "ริชชี่"

    ก่อนหน้านั้นริชชี่ก็เหมือนคนปกติทั่วไป ไม่ได้มีความสามารถพิเศษทางพลังจิตใดๆ เป็นเด็กชายที่คุณแม่มักจะสอนให้นั่งสมาธิ เพื่อให้ชีวิตมีสติ มีความคิดและจิตใจที่ดี จนริชชี่เรียนอยู่ชั้น ม.2 โรงเรียนมงฟอร์ตวิทยาลัย ขณะนั้นมีอายุ 13 ปี ชีวิตที่ดำเนินไปอย่างปกติก็เริ่มมีเหตุการณ์แปลกประหลาดอัศจรรย์เกิดขึ้น เริ่มจากความฝันที่เหมือนจริงทุกประการของหม่าม้า (คุณแม่กรทอง) หม่าม้านอนหลับฝันเห็นว่าท้องฟ้ามีชาย 2 คนที่แต่งกายด้วยชุดแปลกๆ

    คนหนึ่งใส่ชุดหนังเสือ มีงูพันที่คอ อีกคนแต่งกายด้วยผ้าที่มีสีสันสวยงาม ทั้งสองรูปร่างหน้าตาดีมาก ร่างกายสูงใหญ่ ผมยาว นั่งชิดกันลอยมาบนท้องฟ้า แล้วก็มาหยุดที่ตรงหน้าของหม่าม้า เรื่องราวและภาพที่เห็นเหมือนเป็นจริงมากขณะเดียวกันหม่าม้าเองก็ไม่รู้จักว่าผู้ชายทั้งสองในฝันเป็นใคร เรื่องราวที่หม่าม้าฝันมีอยุ่เพียงเท่านี้ แต่ก็สร้างความสงสัยให้กับหม่าม้ามาก

    5 วันหลังจากความฝันของหม่าม้า เวลาประมาณหนึ่งทุ่ม หม่าม้าออกไปทำธุระข้างนอกบ้าน ขณะที่ริชชี่กำลังนั่งอยู่ในบ้านฟ้าก็ผ่าต้นตาลที่อายุกว่า 200 ปี ที่ขึ้นอยู่หลังบ้านของริชชี่ ลำแสงจ้าและลมที่เกิดจากแรงดันของฟ้าผ่าพุ่งเข้ามาในบ้านอย่างแรง จากนั้นไฟในบ้านก็ดับลง เสียงฟ้าผ่านั้นดังลั่นไปทั่วทั้งๆที่ไม่มีฝนตกลงมาแต่อย่างใด

    ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในบริเวณนั้นโจษจันท์กันว่าเห็นเป็นแสงสีเงินและสีทองพุ่งตัดกันลงมายังต้นตาลสูงหลังบ้านของริชชี่จากนั้นไฟก็ลุกไหม้ต้นตาล ชาวบ้านแถวนั้นเห็นไฟที่ลุกไหม้ได้อย่างชัดเจนเป็นลูกไฟสองลูกที่ดูคล้ายพุ่มเงินพุ่มทองไหม้อยู่ที่ต้นตาล และมีไฟตกลงมาเหมือนดอกไม้ไฟคล้ายน้ำตก ตกลงมาที่พื้น

    ขณะที่ไฟไหม้ต้นตาลอยู่นั้น ชาวบ้านก็โทรศัพท์เรียกรถดับเพลิงมาช่วยดับไฟ เพราะกลัวไฟจะลามไม่หยุด แต่พอรถดับเพลิงมาถึงก็ไม่สามารถฉีดน้ำดับไฟได้เพราะบริเวณที่ไฟไหม้นั้นอยู่สูงเกินไป ทุกคนได้แต่ยืนดูสิ่งที่เกิดขึ้นโดยไม่รู้ว่าจะช่วยได้อย่างไร พอริชชี่ออกมาจากบ้านเห็นเหตุการณ์นั้นและพอรู้ว่าไม่มีใครจะดับไฟที่ไหม้ต้นตาลนั้นได้ จึงตะโกนออกไปสุดเสียงว่า "หยุดได้แล้ว" สิ้นเสียงตะโกนฝนก็เท ตกลงมาทันทีไฟที่กำลังไหม้ต้นตาลจึงดับลง เป็นจังหวะที่หม่าม้าขับรถกลับมาถึงบ้านพอดี ตอนนั้นทั้งครอบครัวพากันตรวจดูความเสียหาย โชคดีที่ทุกอย่างเป็นปกติ

    9 วันหลังจากนั้น ต้นตาลที่ทุกคนคิดว่าต้องตายเพราะถูกฟ้าผ่ากลับแตกกิ่งก้านเล็กๆออกมา ซึ่งก็เป็นวันเดียวกันกับริชชี่ได้ยินเสียงก้องกังวานอยู่ในหู และขณะที่ริชชี่นั่งทำสมาธิตามกิจวัตรอยู่นั้นก็เกิดอาการแปลกๆกับตัวริชชี่ โดยมีอาการยกมือขึ้นชี้นิ้วแล้วหมุนๆ เป็นวง แล้วหูของริชชี่ก็มีเสียงก้องขึ้นด้วย เสียงนั้นก้องอยู่ในหูทั้งวันจนอดที่จะบ่นให้คนหม่าม้าฟังไม่ได้

    หูก้องมาได้ระยะหนึ่งจนเกิดความรำคาญจึงถามตัวเองขึ้นมาในใจว่า "ทำไมถึงเป็นแบบนี้" ถึงตอนนั้นเองก็มีเสียงตอบกลับมาว่า "เราคือองค์นารายณ์" และเสียงนั้นก็ตอบคำถามทุกๆคำถามที่ริชชี่ถามไปจนทำให้เริ่มเข้าใจ แต่ตอนนั้นก็ยังไม่รู้ว่าองค์นารายณ์คือเทพจากที่ไหน สมาชิกในบ้านทุกคนก็ไม่มีใครรู้เช่นกันกอรปกับทุกคนไม่แน่ใจว่าอาการที่ริชชี่เป็นนั้นจะเป็นเหมือนเจ้าเข้าทรงหรือไม่ จึงยังไม่วางใจ

    วันหนึ่งหลังจากที่หม่าม้าไปรับริชชี่ที่โรงเรียน จู่ๆริชชี่ก็บอกกับหม่าม้าให้ขับรถไปที่วัดแขกที่อยู่หน้าสนามกีฬาเก่าจังหวัดเชียงใหม่ พอดีกับวันนั้นทางวัดแขกทำพิธีบูชาองค์เทพอยู่พอดี ภาพเด็กหนุ่มหัวเกรียน ใส่ชุดนักเรียนกางเกงขาสั้น ค่อยๆเดินผ่านผู้ที่มาประกอบพิธีแล้วขึ้นไปไหว้เทวรูปขององค์นารายณ์ ริชชี่นั่งลงนิ่งมองไปยังองค์รารายณ์ที่ประทับอยู่เบื้องหน้าพร้อมกับเทพองค์อื่นๆ การมองในขณะนั้นริชชี่เห็น เทพ พรหม ในอีกมิติได้อย่างชัดเจน

    ภาพของริชชี่ที่สงบนิ่งอยู่หน้าเทวรูปขององค์นารายณ์ ทำให้หม่าม้าเริ่มที่จะเข้าใจเป็นครั้งแรกว่า สิ่งที่ริชชี่พยายามที่จะสื่อสารกับทั้งครอบครัวนั้นเป็นเรื่องจริง แม้จะไม่ได้มีตาทิพย์ที่สามารถมองเห็นได้ในสิ่งที่ริชชี่เห็น แต่ท่าทีแข็งขันจริงจังของริชชี่ทำให้ในใจของหม่าม้ารู้ได้ทันทีว่าลูกไม่ได้ล้อเล่น หากแต่มาทำความเคารพองค์รารายณ์ด้วยความตั้งใจ

    พิธีการศักดิ์สิทธิ์เพื่อบูชาเทพที่ทางวัดแขกกำลังทำ เป็นพิธีการที่มีอารยธรรมความเป็นมายาวนานและมีบันทึกอยู่ในประวัติศาสตร์หลายประเทศทั่วโลก เป็นพิธีการที่นับถือศาสนาฮินดูทำขึ้นเพื่อแสดงความเคารพต่อเทพเจ้าบนสรวงสวรรค์ ซึ่งพวกเขาปฏิบัติสืบต่อกันมาเป็นพันๆปี หม่าม้าได้ทราบวันนั้นเองว่าองค์นารายณ์คือมหาเทพศักดิ์สิทธิ์ที่มีผู้คนเกือบค่อนโลกให้การเคารพบูชามานานหลายพันปี


    ครอบครัวริชชี่ได้รับรู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับริชชี่นั้นเป็นความจริง และได้รู้จักกับเรื่องราวขององค์นารายณ์มหาเทพผู้ดูแลรักษาโลกพร้อมๆกับได้รับรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นกับริชชี่ในเวลาต่อมา


    (ติดตามเรื่องราวของริชชี่ได้ในหนังสือ SUPER RICHY it's not easy to be me อุบัติการณ์มหัศจรรย์ ได้ตามร้านหนังสือชั้นนำทั่วไป)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • img635.gif
      img635.gif
      ขนาดไฟล์:
      42.5 KB
      เปิดดู:
      15,695
  2. nnn

    nnn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มกราคม 2005
    โพสต์:
    307
    ค่าพลัง:
    +1,298
    หลายอย่างหลายเรื่องในโลกมนุษย์นี้ล้วนมีข้อสงสัยและมีคำถาม จริง ๆ แล้ว ทุกสิ่งมีเหตุมีผลของมันเองทั้งสิ้น เพียงแต่เรารู้ไม่ถึง มนุษย์นั้นเข้าใจเพียงแค่กายที่สัมผัสกระทบกับโลกแห่งธรรมชาติพื้นๆ เท่านั้น ที่เห็นเหตุผลด้วยตาเนื้อพร้อมสมองที่คิดตามได้ แต่มนุษย์ส่วนใหญ่ลืมและไม่เข้าใจถึงความเชื่อที่ว่าในความเป็นมนุษย์แต่เนื้อหนังนั้นมีโลกแห่งจิตวิญญาณซ้อนอยู่ ถ้าเราเรียนรู้โลกแห่งจิตวิญญาณอันกว้างใหญ่ไพศาลยิ่งกว่าความรู้ทางโลกมนุษย์อันแสนจะกระจอกใบนี้ได้มนุษย์ก็จะพบกับสันติสุข โลกมนุษย์จะน่าอยู่ทุกคนจะรู้สึกแค่โลกใบนี้เป็นเพียงสถานที่จอดพักจิตวิญญาณชั่วขณะเท่านั้น ยากครับที่จะให้เป็นเช่นนั้น เพราะมนุษย์เกิดมาด้วยแรงกรรมเป็นเครื่องกำหนดให้ทุกข์ ดังนั้นโลกนี้คือกรงขังทรมานมนุษย์นั้นเอง เหลือเพียงมนุษย์ส่วนน้อยในทุกๆ ศาสนาที่มีบุญได้ผ่านการฝึกฝนเรียนรู้พัฒนาจิตของตนเองมาหลายภพชาติ แม้เกิดมาซ้ำแล้วซ้ำเล่าก็ไม่ถูกกักขังให้จมอยู่กับความทุกข์เพราะรู้เท่าทันสรรพสิ่งที่ตนเองอยู่ร่วม อ่านหนังสือเล่มนี้แล้วทุกท่านจะรู้สึกสามแบบด้วยกัน หนึ่งคือ ตอแหล สองคือ จริงหรือเปล่าว๊ะ? สามคือ สนใจและเชื่ออย่าคิดมากกับหนังสือเล่มนี้ เพราะเป็นไปไม่ได้ที่จะพิสูจน์หรือจับวิญญาณมาให้ตาเนื้อมนุษย์ขี้เหม็นเห็นได้ ริชชี่เป็นผู้พิเศษด้วยบุญเก่าและมีสัญญาคือความจำ เป็นช่องพิเศษที่ติดตามมาในภพชาตินี้ ซึ่งทุกคนจะลืมทุกสิ่งไม่มีเหลือเมื่อเข้าสู่ขบวนการเกิดใหม่ หลายคนในหลายๆ เชื้อชาติ ศาสนา แม้กระทั้งผู้นับถือผีต่าง ๆ ในชนเผ่าในป่าลึกล้วนมีคนแบบริชชี่มาตลอดเริ่มตั้งแต่มีมนุษย์บนโลกใบนี้ ผมอยากจะให้กำลังใจกับผู้ที่มีความเชื่อว่าเป็นไปได้ เมื่ออ่านจบขอให้ท่านอย่านึกอยากเป็นแบบริชชี่ผู้มีญาณพิเศษมันเป็นไปไม่ได้เพราะท่านมีความอยากได้ อยากเป็น ขอให้ท่านจงตั้งใจฝึกฝนปฎิบัติธรรมเรียนรู้เรื่องของการเข้าถึงจิตเดิมแท้ให้ได้ ท่านก็จะเป็นสุขหาทุกข์ไม่เจอแล้วครับ ส่วนเรื่องอื่น ๆ พลังลี้ลับหรือโลกแห่งวิญญาณนั้นมันเป็นของตามมาไม่ใช่เรื่องใหญ่โตของผู้ที่ตั้งใจปฎิบัติ ทุกสิ่งในโลกวัตถุที่ตาเนื้อ กายเนื้อสัมผัสล้วนเป็นเรื่องง่าย ๆ ในการที่จะใช้ความเพียร ความอดทน มุ่งมั่น เพื่อให้ได้มาซึ่งวัตถุเงินทอง สมบัติ บ้าเหล่านั้น ถ้าเราเพียงแค่นำหลักธรรมของพระพุทธเจ้ามานำทาง มาเป็นตัวเบรคชีวิตที่มีแต่กิเลสให้เกิดสภาวะธรรมที่เป็นกลาง การใดก็ตามย่อมสำเร็จโดยง่าย ( ทางโลก ) ทางจิตวิญญาณนั้นเป็นเรื่องที่ยากกว่าทางโลกหลายล้านเท่า ความเพียรต้องสูงมากจนหาขีดจำกัดไม่ได้ ขอให้คิดเสียว่าโชคดีที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์อีกครั้ง ได้มีโอกาสเพียรอีกครั้งไปเรื่อย ๆ หลายภพ หลายชาติ แล้วภพหนึ่ง ชาติหนึ่งของท่านจะเข้าใจถึงสัจธรรม เข้าใจทุกอย่าง จะไม่มีคำถามข้อสงสัยใด ๆ ต่อโลกทั้งสองโลกอีกเลย


    ด้วยความรักที่มีต่อริชชี่
    เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 สิงหาคม 2007
  3. nnn

    nnn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มกราคม 2005
    โพสต์:
    307
    ค่าพลัง:
    +1,298
    (one-eye) ว่าง ๆ ก็ไปแวะทักทายเขาหน่อยนะ (one-eye)

    http://www.superrichy.com/
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 สิงหาคม 2007
  4. __

    __ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    24
    ค่าพลัง:
    +144
    คลื่นลูกใหม่ คนรุ่นใหม่ กำลังรับช่วงต่อจากคลื่นรุ่นเก่าที่ได้นำพาจิตวิญญาณส่วนหนึ่งพัฒนาขึ้นไป เสมือนคลื่นซัดเข้าหาฝั่งเป็นระลอกๆรับช่วงกัน.
     
  5. นายดอกบัว

    นายดอกบัว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    1,696
    ค่าพลัง:
    +5,676
    สมัยเรียนมหาลัยตอนปีหนึ่งผมก็รู้จักริชชี่นะ แต่ผมไม่รู้เลยว่าเค้ามีพลังอะไรมาก่อน เพิ่งมารู้ก็ตอนนี้แหละ

    แต่คนที่มีพลังแบบริชชี่นี้ ไม่ใช่มีน้อยๆ ผมก็เจอมาเยอะเลย แต่พวกนี้กับไม่เปิดเผยตัว

    มีริชชี่นี่แหละที่ผมดูไม่ออกและคาดไม่ถึง
     
  6. yutkanlaya

    yutkanlaya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    865
    ค่าพลัง:
    +4,403
    คุณ kasemt
    http://www.palungjit.org/board/showthread.php?t=12773&page=4

    ทางจิตนี่ไม่รู้เลยครับ สำหรับผม
    แต่ ทางมหาลัยเมืองนอก เขาสนใจเรื่องพลังจิตมานานแล้ว ขณะนี้มีการเปิดการเรียนการสอน การวิจัยในระดับ ปริญญาโท ปริญญาเอก ในสาขาวิชา paracycology มากกว่า 100 มหาวิทยาลัยแล้ว

    เขายอมรับว่า พลังจิต วิญญาณ มีจริง แต่จะทำการวิจัยให้เป็นวิทยาศาสตร์ เช่นเอาคนที่จะตายไปชั่งว่าตายแล้ว น้ำหนักหายไปเท่าไหร่ แล้วมาเข้าสูตรคำนวน

    เขาเชื่อว่า วิญญาณ เป็น สสารและพลังงานชนิดหนึ่ง ที่มีองค์ประกอบซับซ้อนมากมาย ขณะนี้ก็ได้มีพิศูจน์ แล้วตั้งเป็นทฤษฏีไปแล้วหลายอย่าง

    เช่น วิญญาณ 1 ดวง ถ้าต้องการรวบรวมพลังงาน ให้เห็นเป็นรูปร่าง วิญญาณหรือดวงจิต ที่มีพลังงานสูง ก็สามารถดึงพลังงานความร้อน บริเวณรอบ ๆๆ มาทำให้เกิดรูปร่างชัดเจน เพื่อให้คนอื่นเห็นที่เราเรียกว่าผีนั่นแระครับ เขาสรุปได้ว่า ความชัดแค่นี้ ต้องใช้พลังงาน กี่ เอิร์ก กี่ จูลส์

    ขณะที่ดวงจิต รวบรวมพลังงานความร้อนเพื่อทำให้ปรากฏร่าง พี้นที่บริเวณนั้นจะขาด สมดุลย์ทันที เพราะพลังงานความร้อนถูกดวงจิตดึงไป เป็น บริเวณกว้าง อาจถึง ครึ่งตารางกิโลเมตร พื้นที่นั้นก็จะกลายเป็นพื้นที่ ที่มีความกดอากาศต่ำ

    อากาศจากพื้นที่ใกล้เคียงที่มีความกดอากาศสูงกว่า ก็จะพุ่งเข้าใส่พื้นที่ ที่ วิญญาณที่มีพลังงานสูงกำลัง ฟอร์มรูปร่างอยู่

    ดังนั้นสรุปได้ว่า พี้นที่ไหน วิญญาณ(หรือผีในภาษาเรา) กำลังจะปรากฏตัว พื้นที่บริเวณนั้น จะเยือกเย็นลงอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นจะปรากฏ ลมแรงพัดกระหน่ำ เสียงดังหวีดหวิวไปหมด ลองไปดูเรื่องเก่า ๆๆ ตอนผีจะมา ต้องมีปรากฏการนี้ก่อนเสมอ ไปดูหนังแม่นาค ก็ได้

    การเรียนการสอนในสาขาวิชานี้ ศึกษาโดยนักวิทยาศาสตร์ แต่ต้องร่วมมือกันกับ วิศกร ในการผลิต เครื่องมือที่มีความ ละเอียดซับซ้อนมาก ๆ เพื่อใช้วัด

    ความถี่เหนือเสียง ต่ำกว่าเสียง เหนือแสง ต่ำกว่าแสง การปฏิบัติการทดลองในยุคแรก ๆๆ ก็ให้ คณะที่จะทำการศึกษา เข้าไปฝังตัวพร้อมกับเครื่องมือพวกนี้ในที่ ที่ได้รับรายงานว่ามีวิญญาณปรากฏตัวบ่อย ๆๆ

    หลังจากจบมาจะได้รับปริญญาโท M.sc (Paracycology) ปริญญาเอก Ph.D (Paracycology)

    เมื่อสิบปีกว่ามาแล้ว คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เคยริเริ่มทำการเปิดสอนใน สาขาวิชานี้ โดยรับสมัคร ปริญญาโท 15 คน ปริญญาเอก 5 คน เท่าที่ทราบ อาจารย์ในสาขาอื่น ๆๆ มาสมัครเรียนครบหมดแล้ว

    แต่มีปัญหาตามมาโดยโดนคัดค้าน จากมหาวิทยาลัยอื่น ๆ เช่น จุฬ่าฯ ม.เชียงใหม่ ม.ขอนแก่น ต่างกล่าวหาว่า มหิดลสงสัยจะเพี้ยนไปแล้วที่นำเรื่องนี้มาเรียน โครงการนี้เลยจบเห่ไป เรื่องนี้เข้าไปถามดูใน มหิดล ได้ยังมีคนจำเรื่องนี้ได้อยู่แยะ

    รู้สึกจะโดนมหาลัยอื่นล้อว่า จบมาจะได้ปริญญา วิทยาศาสตร์มหาบัณฑิต(วิญญาณศาสตร์) ทำนองนี้แระครับ สรุปคือเขาว่าเป็น ปริญญาหมอผี น่ะ

    ใครสนใจก็ไปหาข้อมูลจากต่างประเทศได้ครับ ผมติดตามดูเขาพยายามสรุปกฏเกณฑ์ต่าง ๆ กันอยู่ เรียกว่ากำลังทำการ พิศูจน์กันอยู่อย่าง ขมักเขม้นครับ

    สำหรับผมสนใจ ดวงดาวกับท้องฟ้ามาแต่เด็กแล้วครับ ทฤฎี บิ๊กแบง ทั้ง ฟิวชั่น และ ฟิชชั่น ชอบดู เนบิวล่าร์มากมาย เหมือนดอกไม้ทิพย์ในสรวงสวรรค์

    สนใจหมดแระครับ เอกภพ กาแลคซี่ การเกิด การดับ องค์ประกอบและความเป็นไปของ เอกภพ ควอซ่าร์ พัลซ่าร์ หลุมดำ พวกนี้มีรายละเอียดอีกมากครับ ต้องเก่งด้าน ควอนตั้มฟิสิกส์ ครับ
    <!-- / message --><!-- edit note --><HR style="COLOR: #ffffff" SIZE=1>แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย kasemt : 10-11-2006 เมื่อ 07:39 AM.
    <!-- / edit note -->
    ผมใช้จิตเคลื่อนที่วัตถุได้แบบเล็กน้อยครับ
    จ้องให้จิตเราไปรวมอยู่ที่วัตถุนั้นทั้งหมด(นิ่งจนแทบไม่มีลมหายใจ)
    แล้วกำหนดจิตให้เคลื่อนที่...ตามทิศทางที่เราต้องการ
    เริ่มจากวัตถุที่ไวต่อการเปลี่ยนแปลงพลังงานก่อน..เช่นพวก เพนดูลั่ม
    ที่ใช้วัดพลังงานหิน วัตถุมงคลต่างๆ (ลองไปหาซื้อมาฝึกดู)
    บังคับให้หมุนวนซ้าย ขวา โยกหน้า โยกหลัง

    เมื่อชำนาญแล้วก็มาลองแบบเดียวกันกับวัตถุอื่นๆ...ใช้อารมณ์แบบเดียวกัน
    เอาแค่ให้กระดิก เขยื้อนได้เล็กน้อยก็ใช้ได้แล้วครับ

    ลองไปฝึกกันดูนะครับ...เอาแบบของจริงเลย กายเนื้อเลย ไม่ต้องใช้ความฝัน
    สนุกดี..ฝึกสมาธิไปในตัวด้วย...สมาธิดี..วิปัสสนาให้เห็นทุกข์ง่าย..เห็นตามจริงง่าย...ตัดกิเลสได้เร็วด้วย

    ถ้าเข้าเขตพระอริยเจ้าแล้วก็ไม่อยากสนใจเรื่องฤทธิ์เดชแล้ว...ความสุขจากใจที่ไม่ตกอยู่ในอำนาจรัก โลภ โกรธ หลง...แจ๋วกว่ากันเยอะครับ
    (bb-flower (b-cap)
    <!-- / message -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 สิงหาคม 2007
  7. วิทย์

    วิทย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    2,036
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,439
    บางเรื่องก็ไม่มีในตำรา บางทีอาจจะเป็นไปได้ก็ได้เหมือนกันนะครับ (มหาเทพบางพระองค์อาจจะเป็นพระโพธิสัตว์ที่ตั้งความปรารถนาจะโปรดสรรพสัตว์ให้หมดสิ้นหรือไม่ จึงได้ดำรงอยู่มาเป็นเวลายาวนาน) อย่างท่านฤาษีอสิตะที่มาเข้าเฝ้าเจ้าชายสิทธัตถะตอนที่พระองค์พึ่งประสูติยังทราบเลยว่าท่านจะมาตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า แถมในตำราโหรศาสตร์ของพราหมณ์ทั้ง 8 ที่มาทำนายลักษณะให้กับพระราชกุมาร ทำไมถึงรู้จักพระพุทธเจ้าล่ะครับ(น่าคิดเหมือนกันนะ.........)

    ว่ากันว่าตอนที่เจ้าชายสิทธัตถะประสูติเทวดาทั้งหลายต่างก็ป่าวประกาศกันไปทั่วว่าท่านผู้นี้แหละจะมาตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า ฤาษีผู้ที่มีอภิญญาย่อมสามารถทราบเรื่องราวจากเทวดาทั้งหลายได้อยู่แล้ว แถมก่อนที่เจ้าชายสิทธัตถะจะประสูติ ท่านก็เป็นท้าวสันดุสิตเทพบุตรคุมเทวดาทั้งหลายอยู่บนสวรรค์ชั้นดุสิต บรรดาเทวดานางฟ้าที่เป็นบริวารของท่านก็ย่อมจะทราบเรื่องราวได้เป็นอย่างดี...........
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 16 สิงหาคม 2007
  8. Bajang

    Bajang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    148
    ค่าพลัง:
    +1,268
    พระอัญญาโกฑัญญะ พระสงฆ์องค์แรก สมัยท่านเป็นพราหมณ์นั้น

    ท่านทำไมบอกได้ล่วงหน้าได้ครับว่า.... เจ้าชายสิทธัตถะ มีทางไป 2ทาง
    คือ เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ หรือ เป็นผู้สำเร็จสัมมาสัมพุทธะ

    ถ้าจำไม่ผิด ท่านทำนายว่า เป็นได้อย่างเดียว คือ พระพุทธเจ้า นะครับ แต่ก้อไม่ค่อยแน่ใจ
     
  9. สุริยัน-จันทรา

    สุริยัน-จันทรา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    35
    ค่าพลัง:
    +106
    งง เเฮ่ะ....
     
  10. kaxmy

    kaxmy Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +45
    จากหนังสือ "ตามรอยพระพุทธองค์ โดยสินธพ ทรวงแก้ว

    ข้อเสียของการนั่งสมาธิสี่ประการ
    • ดับทุกข์ไม่ได้ โดยยกตัวอย่างเจ้าชายสิทธัตถะ ซึ่งเคยศึกษาการทำสมาธิกับฤาษีอาฬารดาบส และอุทกดาบสจนในที่สุดท่านค้นพบว่านี่ไม่ทางแห่งการดับทุกข์ จึงกราบลาอาจารย์ไปทำวิปัสสนา และตรัสรู้โดยพระองค์เอง
    • พาตัวเองไปติดตาข่ายของมาร คุณสินธพกล่าวว่า มีเพียงพระพุทธเจ้าเท่านั้นที่สามารถยกตัวเองออกจากตาข่ายของฌานอภิญญาขึ้นไปเป็นวิปัสสนาได้ คนอื่นๆไม่มีผู้ใดทำสำเร็จ แม้แต่พระอรหันต์อัครสาวกยังต้องอาศัยพระพุทธเจ้าช่วยฉุดดึงขึ้นไปจึงบรรลุธรรมได้ นอกจากนี้ผู้ที่ฝึกสมาธิจนได้ณานระดับสูงเมื่อตายไปแล้วสามารถเป็นได้แค่พรหมเป็นอย่างมาก
    • เปิดโอกาสให้เปรตอสุรกายทำร้ายตัวเอง คุณสินธพอธิบายว่า ระหว่างทำสมาธิ เมื่อเราเลื่อนจิตจากฟุ้งซ่านไปหาความสงบ จะมีจุดจุดหนึ่งที่จิตของเราจะไปตรงกับคลื่นเจ้ากรรมนายเวรที่คอยทำร้ายเราอยู่ และจะเข้าแทรกแซงจิตของเรา โดยเนรมิตให้เราเห็นสิ่งที่เราอยากเห็น เช่น นรก สวรรค์ เทพต่างๆ ทำให้เราแสดงอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ อ่านใจคนได้ หรือเข้าใจว่าตนเองบรรลุธรรมแล้ว ทั้งนี้เพื่อให้เราหลงคิดไปว่ามาถูกทางแล้ว หรือแม้แต่ร่างทรงต่างๆ หรือคนที่ถูกทักว่ามีองค์ แท้จริงล้วนเกิดจากการที่ถูกเปรตอสุรกายเข้าครอบงำทั้งสิ้น
    • ผลักตัวเองออกไปจากศาสนาพุทธ คุณสินธพให้เหตุผลไว้ว่า การนั่งสมาธิเป็นของศาสนาพราหมณ์ และการที่เปรตอสุรกายเนรมิตให้ผู้ทำสมาธิเห็นเทพต่างๆ ย่อมส่งผลให้ผู้ทำสมาธิเกิดความลุ่มหลงมัวเมาในเทพเจ้า โดยลืมหลักการและเหตุผลของพุทธศาสนาว่าเป็นการประกาศอิสรภาพให้แก่ตนเอง ไม่อ้อนวอนผู้ใด ใช้ปัญญาแทนศรัทธา
    <O:p</O:p
     
  11. MOUNTAIN

    MOUNTAIN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    15,035
    ค่าพลัง:
    +132,081
    [b-wai] [b-wai] [b-wai] (verygood) (verygood) (verygood) (verygood) (verygood)

    โมทนากับคุณ kaxmy ครับ
     
  12. NaCl

    NaCl เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    180
    ค่าพลัง:
    +289
    เอ่อ เดี๋ยวจะไปกันใหญ่

    คนที่มาอ่านแล้วไม่ทราบมาก่อนว่าหมายถึงอะไร ทำไมนั่งสมาธิไม่ดี

    สมาธินั้นจริงๆ แล้วดี แต่ต้องมีสติกำกับตลอด

    การทำสมาธิไปเฉยๆ ลอยๆ ไม่มีปัญญา ไม่ใช่ทางสู่นิพพาน

    ต้องมีสติรู้ตลอด แต่ไม่ใช่บังคับรู้ เราเป็นผู้ดู ดูเฉยๆ ไม่บังคับ ไม่ห้าม ไม่ยุส่ง ให้อารมณ์(จิต)ที่เห็นเป็นครูสอน เรียนรู้จากอารมณ์ที่สังเกตพบ ดูการเกิด ดับ ของอารมณ์

    สติ และปัญญา ต้องมีพร้อมในสมาธิ

    การเพ่งเกินไปอาจกลายเป็นหลงทาง เพี้ยนไปได้

    สมาธิเป็นเรื่องดี แต่ ระวัง



    อย่าทำสติหล่น !



    อ้อ เราสามารถ ทำสมาธิ โดยรู้สติรู้ตัวตลอดเวลาว่าอารมณ์ใดเกิด ดับ ได้ทุกเวลา ทั้งขณะทำงาน ขณะนั่งขี้ ขณะกวาดบ้าน ขณะคุยกับเพื่อน แม้ขณะกำลังทำอะไรกับแฟน!!







    ขอสติจงอยู่กับคุณ ทุกที่ ทุกเวลา








    ฟังธรรมได้ทุกวัน สี่ทุ่ม ก่อนนอน ที่ FM 89.25 วิทยุสังฆทานธรรม
    หนูๆ ฟังนิทานได้ทุกเช้า เจ็ดโมงครึ่ง นะจ๊ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 สิงหาคม 2007
  13. วิทย์

    วิทย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    2,036
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,439
    <!-- / message --><!-- sig -->
    บางทีก็อาจจะเป็นคนรุ่นเก่านี่แหละครับ เพียงแต่เวียนตายเวียนเกิดสลับกันไปมา

    ปล.เรื่องของสมาธิเป็นเรื่องละเอียดอ่อนน่ะครับ ถ้าสนใจจริงๆอยากจะศึกษาควรศึกษาจากตำราที่สอนกรรมฐานโดยตรงจากผู้มีประสบการณ์ เพราะบางสิ่งบางอย่างก็ลึกซึ้งมากๆ ขนาดพระพุทธเจ้ายังทรงตรัสว่า "วิสัยของผู้ได้ฌานเป็นอจินไตย" เลยครับ _/\_
     
  14. {ผู้ชนะสิบๆทิศ}

    {ผู้ชนะสิบๆทิศ} เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2006
    โพสต์:
    221
    ค่าพลัง:
    +917
    ผมว่าคุณwit ยังไม่ได้มองเจตนาเขา ผมว่าเขาหมายความว่า คนที่มารับช่วงต่อกัน ประมาณว่า เหมือนมีคนดีๆทยอยเกิดมารับใช้บ้านเมือง เป็นลูกโซ่ต่อๆกันไป แบบนั้น

    ถ้ามองแบบคุณwit ที่บอกว่าคนรุ่นเก่าเกิดมารับช่วง ผมว่าไม่ต้องแค่โลกมนุษย์นี้หรอกครับ สามโลก คือ กามภูมิ รูปภูมิ อรูปภูมิ ก็มีจิตวิญญาณเวียนว่ายตายเกิดทั้งนั้นแหละครับ และคำว่า "คนรุ่นเก่า " ก็ไม่มี ไม่มีทั้งรุ่นเก่า รุ่นใหม่หรอก มีเพียงแต่จิตวิญญาณจะขัดเกลากิเลสให้ละเอียดขึ้นเพียงใด บารมีมากแค่ไหน เพียงพอหรือไม่ที่จะพร้อมหลุดพ้นจาก วัฏฏสงสาร (f)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 17 สิงหาคม 2007
  15. กองทัพเทพ

    กองทัพเทพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    468
    ค่าพลัง:
    +2,629
    ถือเป็นข่าวดี กองทัพเทพ ขอต้อนรับ และอนุโมทนา กับ คุณริชชี่

    จะได้มาช่วยกัน

    กองทัพเทพ ก็อยู่เชียงใหม่ แต่เพิ่งมาทราบ ที่ พลังจิต นี่แหละ

    ท่านว่าท่าน เป็นนารายณ์

    เลยนึกถึงคำหมอลักษณ์ เลขานิเทศ เคยแนะนำให้ คนดวงตกในช่วงปีนี้
    ให้บูชาพระนารายณ์ วัดไตรมิตร เพราะในยุคฮวงจุ้ย ยุคที่ ๘ นี้
    พระนารายณ์จะมาปราบทุกข์เข็ญ

    กองทัพเทพยังยืนยัน ในปณิธาน ของเทพที่ว่า

    เทพ มีหน้าที่ โปรดสัตว์ กับ ปราบมาร

    ถ้าบุญ บารมีต้องกัน ก็คงได้พบปะกันบ้าง ตาม เหตุปัจจัย
    แต่จะไปอยากเจอเขาทำไมก็ไม่รู้ อธิบายไม่ได้


    [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]

    โอม นะโม นารายะณา ยะนะมะฮา
     
  16. nnn

    nnn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มกราคม 2005
    โพสต์:
    307
    ค่าพลัง:
    +1,298
    ที่เวปนี้อบอุ่นจริง ๆ นะครับ ขอขอบคุณทุกความคิดดเห็นอย่างสูงจริง ๆ

    ***** หากพูดถึงเรื่ององค์เทพเทวาแล้ว *****

    ตัวผมเองก็ศรัทธาในองค์พ่อพระศิวะเจ้าและองค์พ่อพระพิฆเนศวรอย่างมากสุด ๆ เลยครับ

    ทุกวันนี้ก็บูชาท่านติดตัวตลอดเลย...ศรัทธา เชื่อมั่น สำเร็จ...
     
  17. คนขายธูป

    คนขายธูป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    252
    ค่าพลัง:
    +2,964

    ดวงจิตใหม่ๆ อยากบำเพ็ญเพียรตามบ้าง เพราะปลื้มปิติองค์ไหน
    บ้างก็ไปขอทำหน้าที่ ท่านก็อนุญาติให้ทำแทนบ้างก็มีมั้ง


    ดังนี้ ใหม่ๆ เข้ามาก็มี (ทำถูกๆ ผิดๆ ก็มีให้เห็น)
    เก่าๆ ก็ยังต้องคอยตามมาดูแลอยู่ หุๆๆ

    (จิตไม่มีเก่าใหม่ แต่อาจใหม่ในแง่การหันกลับใจมาบำเพ็ญเพียรภายหลัง)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 สิงหาคม 2007
  18. mor_kanate

    mor_kanate สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +23
    เอาละ ซิ ริชชี่ เป็นร่าง ปู่นารายณ์ (คอยบอก)
    เอาละ ซิ หมอนิด เป็นร่าง ปู่นารายณ์ (คอยบอก)
    ^^!
     
  19. ohogamez

    ohogamez เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    361
    ค่าพลัง:
    +2,327
  20. สิกขิม

    สิกขิม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    1,310
    ค่าพลัง:
    +6,034
    อวตาร คือการแบ่งอณูจากองค์ต้นกำเนิดลงมาเกิดเป็นกายหยาบ
     

แชร์หน้านี้

Loading...