ลป.สิมลพ.ชมวัดโป่งนาเกลือ ผงเกษาครูบากลิ่นกู้พระปิดตาลพ.ดัด ท่าโบสถ์ปี๑๕เหรียญขวัญถุงลพ.เทียม

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย Jumbo A, 17 สิงหาคม 2022.

  1. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,703
    ค่าพลัง:
    +21,337
    FB_IMG_1702205647177.jpg FB_IMG_1702205644221.jpg FB_IMG_1702205639490.jpg FB_IMG_1702203980270.jpg FB_IMG_1702203973887.jpg FB_IMG_1702203971517.jpg


    ประวัติเซียน ลื้อท๊งปิง วิหารเซียน จ.ชลบุรี



    อันนี้ออกตัวก่อนว่าเอามาจากพี่ช้าง ในเว็บๆนึงนะครับ ไม่ใช่ความรู้ของผมแต่อย่างใด ลองอ่านดูครับ (คำว่า "ผม" ในที่นี้คือ คุณช้าง คนที่ข้อมูลมานะครับ ไม่ใช่ตัวข้าน้อย)

    กระผมเคยคุยกับท่านอ.สง่า ที่เป็นผู้ก่อตั้งวิหารเซียนที่ชลบุรี ท่านบอกว่า องค์ลื่อตงปินสามารถสื่อกับท่านได้โดยทางจิตแต่ท่านไม่เคยเห็นตัวองค์ท่าน ทางนิมิตเลย ท่านบอกว่าตำแหน่งของท่านลื่อตงปินมีหน้าที่เหมือนรัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทยมี หน้าที่คอยดูแลความสงบเรียบร้อยและปรามปรามผู้ร้าย

    มูลเหตุที่ท่านได้รู้จักกับองค์ท่านนั้นเนื่องมาจากคุณแม่ของอ.สง่าท่านป่วย เป็นโรคทานอะไรไม่ได้ ทำให้ไม่มีกำลังแม้แต่จะลุกยืน ตอนนั้นพวกญาติท่านก็พาไปหาซินแสหรือหมอแผนปัจจุบันมาหลายท่านก็ไม่ดีขึ้น ประจวบกับท่านอ.สง่าในสมัยนั้นไม่ค่อยเชื่อในเรื่องการเผาฮู้ต้มกินแล้วจะ หาย ยิ่งพวกเข้าทรงเจ้าต่างๆท่านไม่เชื่อเลย แต่เมื่อเป็นความต้องกรของญาติๆก็เลยได้แตลองทำดูเพราะไม่มีวิธีอื่นแล้ว จนวันหนึ่งได้เชิญคนทรงมาซึ่งคนทรงนี้ตามปกติจะไม่ใช่ร่างทรงของท่านองค์ เซียนลื่อตงปิน แต่เป็นร่างทรงเทพองค์อื่น แต่วันนั้นพอทำพิธีอัญเชิญปั๊บ ท่านลื่อตงปินก็มาประทับทรงทันทีและก็อกว่าจะช่วยให้คุณแม่ของอ.สง่าลุกเดิน ได้หายภายใน3เดือน แต่มีข้อแม้ว่าอ.สง่าจะต้องทำงานรับใช้ท่าน ซึ่งท่านอ.สง่าก็ได้ถามว่าจะให้ทำอะไรถ้าให้เป็นร่างทรงแบบนี้ท่านไม่เอาและ ท่านก็ไม่เคยศึกษาศาสตร์แนวนี้มาก่อน ม่านลื่อตงปินก็บอกว่าไม่เป็นไรท่านจะคอยช่วยบอกให้เองว่าจะต้องทำอะไร แล้วท่านก็ขียนฮู้ให้ อ.สง่าเก็บไว้เผาให้คุณแม่ของท่านละลายน้ำดื่ม ซึ่งก็ปรากฏว่าพอครบ3เดือนคุณแม่ท่านก็แข็งแรงเป็นปรกติเดินได้ดังเดิม ท่านลื่อตงปินก็มาทวงสัญญาอ.สง่าจึงต้องยอมทำงานรับใช้ท่านสงเคราะห์มนุษย์ โดยที่ท่านกับอ.จะสื่อสัมผัสทางใจกัน เหมือนเป็นอ.กับลูกศิษย์ อภินิหารขององค์เซียนลื่อตงปินที่วิหารเซียนมีเยอะครับ เอาไว้มีเวลาจะมาเล่าเป็นเรื่องๆไปครับ เช่นเรื่องตอนช่วยสร้างวัดญาณสังวร ชลบุรี ตอนปราบมังกรเขียว ตอนไฟไหม้โรงแรมที่พัทยา ตอนที่ช่วยกิจการของเจ้าของผลิตภัณฑ์จากไก่รายใหญ่ ตอนช่วยเจ้าของตึกใบหยกทาวเวอร์ ตอนช่วยแบงค์กสิกรที่จะล่มช่วงIMF

    อีก อย่างหนึ่งคือเพื่อนผมคนหนึ่งเขาบูชาพระผงท่านลื่อตงปินจากที่วิหารเซียนที่ ชลบุรีไป วันหนึ่งก็เจอนักจับพลังพระ ขณะที่นักจับพลังพระกำลังตรวจพระของคนอื่นอยู่ว่าดียังไง จู่ๆเขาก็หันมาที่เพื่อนของกระผมแล้วถามว่เขาห้อยพระอะไรอยู่(พระอยู่ใน เสื้อ ไม่ได้ห้อยออกมาข้างนอก)เพราะเขาเห็นรัศมีสีชมพูพุ่งออกมาดีทางเมตตาร่มเย็น และพลังนี้หมุนวนกลับไปกลับมาเหมือนหยินและหยาง ซึ่งตั้งแต่เขาตรวจพระมาไม่เคยเจอบบนี้เขาก็เลยขอดูพระของเพื่อนผม พอเขาเห็นพระเเล้วเขาก็เลยหายสงสัยว่าทำไมจึงมีพลังแบบนี้ พระนี้คิดว่าที่ทางวิหารเซียนยังมีอยู่นะครับ ผมเองยังเคยไปงานวันที่เขาอัญเชิญท่านองค์ลื่อตงปินมาประทับทรงที่วิหาร เซียนเลย


    สมัยที่สร้างวัดญาณสังวรวราราม ชลบุรีใหม่ๆนั้น ได้ประสบปัญหาและอุปสรรคนานาชนืดทั้งที่เกิดจากคนงานก่อสร้าง และจากสภาพภูมิอากาศที่แปรปรวน จึงได้เชิญผู้ที่มีสมาธิจิตดีมาตรวจดูว่าเป็นเพราะเหตุใด ก็พบว่าบริเวณที่สร้างวัดนั้นมีความสัมพันธ์กับพระนเรศวรมากและมีดวงวิญญาณ ของผู้ที่ตายจากสงครามอยู่มากเป็นเหตุให้กานทำงานมีอุปสรรค ความทราบถึงองค์สมเด็จพระญาณสังวรสมเด็จพระสังฆราชท่านก็เลยได้เดินทางาทำ พิธีแผ่เมตตาให้แก่ดวงวิญญาณเหล่านั้นด้วยพระองค์เองแต่ปรากฏว่า ยิ่งแผ่เมตตาก็ยิ่งมีดวงวิญญาณพากันมามากขึ้นจนท่านต้องมีบัญชาให้ไปตามตัว ซินแสสง่า(ผู้ก่อตั้งวิหารเซียน)มาช่วยตรวจดูให้ ซึ่งเมื่อท่านมาตรวจดูแล้วก็รู้ว่าจุดที่สร้างวัดเคยเป็นที่เดินทัพและเกิด สงครามมาก่อน ท่านจึงได้เผาฮู้ตรงใจกลางของที่นั้นซึ่งก็ได้มีคนที่ตาดีได้เห็นองค์ท่าน ลื่อตงปินสด็จมาบนหลังมังกร ซึ่งเมื่อท่านมาถึงพวกวิญญาณทั้งหลายก็กระเจิงหมด ซึ่งสถานที่ท่านได้เผาฮุ้นั้นได้กลายเป็นใจกลางพระอุโบสถในปัจจุบันนี้ครับ

    สำหรับพระพุทธรูปที่อยู่ในโบสถ์เป็นพระพุทธรูปที่ศักดิ์สิทธิ์มากชื่อ"พระ พุทธหทัยนเรศวร์"สร้างขึ้นจากฝาบาตรพระที่ลงอักขระถึง84000ฝาด้วยกัน อีกทั้งยังได้อัญเชิญเทพระดับพรหมมารักษาพระพุทธรูป และภายในองค์ท่านยังได้บรรจุพระบรมสารีริกธาตุถึง84000องค์ ซึ่งเท่าที่ผมทราบมาน่าจะเป็นพระพุทธรูปที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุมากที่สุด เพราะพระบรมสารีริกธาตุที่บรรจุเกือบเต็มบาตรพระเลยครับ ใครผ่านไปก็ลองแวะไปขอพรท่านดูนะครับและอย่าลืมแวะชมวิหารเซียนกับพระพุทธ รูปเขาชีจรรย์ที่แกะสักด้วยเลเซอร์ด้วยครับ


    ช่วงที่สร้างวัดญาณสังวรใหม่ๆ นอกจากจะประสบปัญหาจากดวงวิญญาณเก่าแก่แล้ว ยังมีปัญหาเรื่องเวลาฝนตกแล้วน้ำจะท่วมถนนทางเข้าขาดทำให้การก่อสร้างต้อง หยุดชะงักและไม่คืบหน้า ทางอ.สง่าได้พิจารณาดูแล้วพบว่าเขาที่อยู่เบื้องหลังของวิหารเซียนในตอนนี้ (ตอนนั้นวิหารเซียนยังไม่ได้ก่อตั้ง)เป็นที่อยู่ของมังกรเขียวที่ดุร้ายตัว หนึ่งเวลาฝนตกจะชอบออกมาเล่นน้ำฝนเป็นประจำ จึงทำให้เกิดน้ำท่วมทางขาดเป็นประจำ มังกรเขียวตัวนี้มีหน้าที่เฝ้าบ่อเงินกับบ่อทอง(ตอนนี้ได้กลายเป็นที่ตั้ง ของวิหารเซียนไปแล้ว)ท่านจึงมีความคิดที่จะปิดปากถ้ำพญามังกรตัวนี้ไว้ ซึ่งท่านลื่อตงปินก็ได้มาแนะนำว่าให้เอาดินทับฟ้าไว้จึงจะปิดปากถ้ำไม่ให้ พญามังกรตัวนี้ออกมาอาละวาดได้ ดังนั้นถ้าใครพอมีความรู้เรื่องฮวงจุ้ยจะต้องเคยเห็นรูปปลาดำปลาขาว (สัญลักษณ์หยิน-หยางที่หน้าอกนักพรตไท้ก๊ก)ซึ่งแทนความหมายฟ้า-ดิน โดยสีขาวหมายถึงฟ้า สีดำหมายถึงดิน ตามปกติเครื่องหมายนี้สีขาวจะต้องอยู่ข้างบนและสีดำจะต้องอยู่ข้างล่าง แต่ที่วิหารเซียนจะกลับกันจากที่อื่นคือสีดำจะอยู่บนสีขาวจะอยู่ข้างล่าง เคยมีนักดูฮวงจุ้ยชื่อดังที่รับดูฮวงจุ้ยเป็นอาชีพได้ไปที่วิหารเซียนและ คยปรามาสท่านอ.สง่าว่าไม่รู้จริงสร้างผิดหลัก ท่านก็ได้แต่หัวเราะไม่ว่าอะไร ท่านมาเฉลยให้ผมฟังว่าที่ท่านทำอย่างนี้พื่อจะได้เอาดินทับฟ้าสะกดปิดปากถ้ำ มังกรเขียวไว้นั่นเอง และตอนนี้มังกรเขียวตัวนั้นก็ได้กลายเป็นพาหนะของท่านลื่อตงปินไปแล้ว อ.สง่าท่านจึงเขียนฮู้มังกรเขียวแจกฟรี ใครสนใจไปขอได้ที่วิหารเซียนครับ และมีอย่างผ้ายันต์มังกรเขียวด้วย ท่านบอกว่าถ้ามีเรื่องเดือดร้อนอะไรให้เผาฮู้กลางแจ้งจุดธู)บอกองค์เซียน ลื่อตงปินท่านแล้วอธิษฐานครับ


    ฮู้นี้มีผู้เคยประสบเหตุบ่อย ๆ คือมีอยู่ท่านหนึ่งได้รับฮู้แบบผ้ายันต์ไปซึ่งตามปกติท่านจะแจกแบบกระดาษซะ เป็นส่วนใหญ่ ก็พับเก็บใส่กระเป๋าเสื้อ ระหว่างทางขับรถกลับบ้านก็ประสบอุบัติเหตรถพังยับแต่ตนเองไม่เป็นอะไร ก็ไม่ได้เอะใจอะไรแต่เมื่อกลับไปถึงบ้านเอาอู้ออกมาจากกระเป๋าเสื้อปรากฏว่า ฮู้ขาดเป็นสองท่อน ก็เลยรีบมาเล่าให้ท่านอ.สง่าฟัง ท่านก็บอกว่ามังกรเขียวเขาออกไปรับแทนไม่งั้นจะเจ็บหนักแน่ ที่น่าแปลกคืออู้นั้นเป็นผ้ายันต์แต่ขาดเหมือนโดนฉีกออกจากกันอย่างแรง ผมเองเคยได้มาเป็นปึกๆสมัยท่านยังอยู่แต่ก็แจกไปซะเกือบหมดแล้ว อย่างกระดาษคิดว่าที่วิหารเซียนยังคงมีอยู่แต่แบบผ้ายันต์ไม่แน่ใจครับ

    วิหารเซียนอยู่เลยพัทยาไปหน่อยครับ(ถ้าไปจากกทม.)ไปทางบางเสร่ ทางเข้าทางเดียวกับทางไปวัดญาณสังวรวรารามและพระพุทธรูปเขาชีจรรย์ ทั้ง3แห่งอยู่ละแวกเดียวกันหมดครับ แต่จะถึงวิหารเซียนก่อนถึงวัดครับ ถามคนที่นั่นรู้จักหมดครับเพราะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวจะมีทัวร์ต่างชาติโดย เฉพาะพวกไต้หวัน จีนมาลงแทบทุกวันครับ ถ้าไปแล้วก็แวะกราบให้หมดทั้ง3แห่งนะครับ โดยเฉพาะที่วัดญาณสังวรนอกจากมีพระพุทธญาณนเรศวร์ที่ศักดิ์สิทธิ์เพราะสร้าง จากฝาบาตรที่ลงอักขระ84000ฝาแล้ว ยังบรรจุพระบรมสารีริกธาตุอีกถึง84000องค์ เสร็จแล้วก็ไปกราบชมพระเจดีย์ที่บรรจุพระบรมธาตุและพระธาตุอรหันตสาวกในสมัย พุทธกาล(เขาโชว์พระธาตุให้เห็นในตู้กระจกด้วยครับ เรียกว่าได้มองเห็นกันแบบใกล้ๆเลย) แล้วก็ขึ้นเขาไปกราบพระมณฑปรอยพระพุทธบาทบนเขาด้วยครับ เรียกว่าไปครั้งเดียวคุ้มครับ อีกอย่างไปจากกทม.ก็นั่งรถประมาณชั่วโมงครึ่งเองครับ

    เทพเจ้าลือท่งปิง
    อาจารย์เซียนสง่า กุลกอบเกียรติ วิหารเซียน จ.ชลบุรี
    ประวัติ เซียน ลื้อตงปิงวิหารเซียน จ.ชลบุรี
    ท่าน อ.สง่า กุลกอบเกียรติ ผู้ก่อตั้ง วิหารเซียนที่ชลบุรี ท่านบอกว่า องค์ลื่อตงปิง สามารถสื่อ กับท่านได้โดย ทางจิต แต่ ท่าน ไม่เคยเห็น ตัว องค์ท่าน ทางนิมิต เลย ท่านบอกว่า ตำแหน่ง ของ ท่านลื่อตงปิน มีหน้าที่เหมือน รัฐมนตรี กระทรวงมหาดไทย มี หน้าที่คอยดูแล ความสงบเรียบร้อย และ ปรามปรามผู้ร้าย
    มูลเหตุ ที่ท่านได้รู้จัก กับองค์ท่าน ลื้อตงปิน นั้นเนื่องมา จากคุณแม่
    ของ อ.เซียน สง่า ท่านป่วย เป็นโรคทานอะไรไม่ได้ ทำให้ไม่มีกำลังแม้แต่จะ ลุกยืน ตอนนั้นพวกญาติท่านก็พาไปหา ซินแส หรือ หมอแผน ปัจจุบันมา หลายท่าน ก็ไม่ดีขึ้น ประจวบกับ ท่านอ.เซียน สง่าในสมัยนั้น ไม่ค่อยเชื่อในเรื่องการเผาฮู้ ต้มกินแล้วจะ หาย ยิ่งพวกเข้า ทรงเจ้า ต่างๆท่านไม่เชื่อ เลย แต่เมื่อเป็น ความต้องการ ของ ญาติๆก็เลยได้แต่ ลองทำดูเพราะ ไม่มีวิธีอื่นแล้ว
    จนวันหนึ่งได้เชิญ คนทรงมา ซึ่งคนทรง นี้ตามปกติจะไม่ใช่ ร่างทรงของ ท่านองค์ เซียนลื่อตงปิน แต่เป็นร่างทรงเทพ องค์อื่น แต่วันนั้นพอ ทำพิธีอัญเชิญปั๊บ ท่านลื่อตงปิน ก็มาประทับทรง ทันที และ ก็บอกว่าจะ ช่วยให้คุณแม่ ของ อ.เซียน สง่า ลุกเดิน ได้หายภายใน 3 เดือน แต่มีข้อ แม้ว่า อ.เซียน สง่า จะต้องทำงาน รับใช้ท่าน ซึ่งท่าน อ.เซียน สง่า ก็ได้ถามว่าจะให้ทำอะไรถ้า ให้เป็นร่างทรง แบบนี้ ท่านไม่เอา และ ท่านก็ไม่เคย ศึกษาศาสตร์ แนวนี้ มาก่อน ท่านลื่อตงปิน ก็บอกว่าไม่เป็นไร ท่านจะ คอยช่วยบอก ให้เองว่าจะ ต้องทำอะไร แล้วท่าน ก็เขียนฮู้ ให้ อ.เซียน สง่า เก็บไว้เผา ให้ คุณแม่ ของ ท่าน ละลายน้ำดื่ม ซึ่งก็ปรากฏว่าพอ ครบ 3 เดือน คุณแม่ท่านก็แข็งแรง เป็นปรกติเดิน ได้ดังเดิม ท่านลื่อตงปิน ก็มา
    ทวงสัญญา อ.เซียน สง่า จึงต้อง ยอมทำงานรับใช้ ท่านสงเคราะห์มนุษย์ โดยที่ท่าน กับ อ.เซียน สง่า จะสื่อ สัมผัสทางใจ กัน เหมือนเป็น อาจาร.กับลูกศิษย์ อภินิหาร ขององค์ เซียนลื่อตงปิน ที่วิหารเซียนมี เยอะ เอาไว้มีเวลา จะมาเล่า เป็นเรื่องๆไป
    เช่นเรื่อง ตอน ช่วยสร้างวัดญาณสังวร ชลบุรี ตอนปราบมังกรเขียว ตอน ไฟไหม้โรงแรม ที่พัทยา ตอนที่ช่วยกิจการ ของเจ้าของ ผลิตภัณฑ์ ไก่
    รายใหญ่ CP ตอนช่วย เจ้าของ ตึกใบหยกทาวเวอร์ ตอนช่วย แบงค์กสิกร ที่จะ ล่มช่วง IMF
    อีก อย่างหนึ่งคือ มีคนหนึ่งเขาบูชา พระผงท่าน ลื่อตงปิน จากที่ วิหารเซียน เมื่อ ครั้ง อ.สง่า ยังมีชีวิต ไป
    วันหนึ่ง ก็ไป เจอ นักจับ พลังพระ ขณะที่นักจับ พลังพระกำลัง ตรวจพระ ของคนอื่น อยู่ว่า ดียังไง จู่ๆเขาก็หันมา ที่ ชายคนนี้ แล้วถาม ว่า เขา ห้อยพระอะไรอยู่
    (พระ อยู่ใน เสื้อ ไม่ได้ห้อย ออกมาข้างนอก)
    เพราะเขาเห็น แสง รัศมี สีชมพู พุ่งออกมาดีทางเมตตา ร่มเย็น และพลังนี้ หมุนวน กลับไปกลับมา เหมือน หยิน และ หยาง ซึ่งตั้งแต่เขาตรวจพระมาไม่เคยเจอ แบบนี้ เขาก็เลยขอดู พระ พอเขาเห็นพระ แกเลย หายสงสัย ว่าทำไมจึงเกิด มีพลังแบบนี้ได้ เจอ พลังสายญาณเทพเจ้าจีน ครั้งแรก ต้องทึ้ง เพราะ แรง จริง
    และ มีพระเกจิชื่อ ดังทาง ภาคตะวันออก ไม่ขอ เอ่ยนาม มีโยมไปขอ ของดี ท่านบอกกลับไปที่ บ้านโยม นะ มีของดีอยู่ ไปค้นดูดีดี ละ
    คนจีน มีหนวด ยาว ถือแส้ คุ้มครองบ้านโยม พอ
    กลับบ้านไป ค้นดู เจอพระผง ตามรูป ถึงรู้ ตรงตาม ที่พระ ท่านบอกไว้ จริง อัศจรรย์
    วันที่ไคกวง พระผง ชุดนี้ ท่าน อ.สง่า ได้ อัญเชิญ ญาณ ท่าน องค์ลื่อตงปิน มา ประทับทรง ปลุกเสก ที่ วิหารเซียน ครั้งนั้น พิธี ยิ่งใหญ่ ที่สุด คนที่ได้รับไปนั้น เกิดประสบการณ์ ปาฏิหาริย์ เพียบ โดนผีเข้า เจ้าที่แรง ห้อย พระผงไป ร้อง หนี บอกว่า กลัวแล้ว อย่าเข้ามา ร้อน ร้อน แคล้วคลาด จากเที่ยวบิน มรณะ องค์ลื้อตงปิ่น ดลจิตดลใจ ให้ยกเลิก ในการเดินทาง อธิษฐานขอเงินได้เท่าไร ได้เท่าใด ไม่ขาดไม่เกิน เศษเกินไม่มี เหลือเชื่อ มากมาย

    พระผงพระวิสุทธิเทพ “ ลื่อตงปิน ”
    โจวซือ รุ่นแรก ปี 2536
    อเนกกุศลศาลา (วิหารเซียน) ชลบุรี #พิมพ์เล็ก
    เพื่อเป็นที่ระลึกในการที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชเสด็จพระราชดำเนินทางเปิด “ ต้าผู่อี่ ” หรือ “ วิหารเซียน ” อย่างเป็นทางการเมื่อวันศุกร์ที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2536
    ถือได้ว่าเป็นวัตถุมงคลรุ่นแรกที่ทางวิหารเซียนได้ดำเนินการจัดสร้างออกมาอย่างเป็นทางการ
    สร้างจากผงเกสรดอกไม้นานาชนิด และผงธูปที่บูชาองค์โจวซือ เพื่อเป็นที่ระลึกในการที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชเสด็จพระราชดำเนินทางเปิด “ ต้าผู่อี่ ” หรือ “ วิหารเซียน ” อย่างเป็นทางการเมื่อวันศุกร์ที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2536 จึงมีคนได้รับไปมากทำให้เกิดประสบการณ์มากเป็นเงาตามตัว โดยเฉพาะเรื่องลาภผลเงินทองและแคล้วคลาดกันผีนี่เป็นที่หนึ่ง
    ท่านบอกว่าตำแหน่งของท่านลื่อตงปินมีหน้าที่เสมือนรัฐมนตรี ว่าการกระทรวงมหาดไทย มีหน้าที่คอยดูแลความสงบเรียบร้อยและปรามปรามผู้ร้าย ดังนั้นในพิธีล้างป่าช้า จึงต้องอัญเชิญองค์ท่านมาเป็นประธานในพิธี
    เคยถามท่านว่าเซียนของจีนนี่เทียบเท่ากับเทพอะไรของทางไทย ท่านว่าเซียนของจีนก็คือพระโพธิสัตว์ของไทยเรา
    มีเรื่องเล่า....คราวหนึ่งมีเพื่อนคนหนึ่งเขาห้อยพระผงท่านลื่อตงปินโจวซือ รุ่นแรก ที่เขาได้บูชาจากวิหารเซียน ชลบุรีไป วันหนึ่งได้ไปเจอเพื่อนอีกคนที่มีความสามารถจับพลังพระได้ ขณะที่เพื่อนคนนี้กำลังตรวจพลังพระของคนอื่นอยู่ จู่ๆ เขาก็หันมาที่เพื่อนคนนี้แล้วถามว่าห้อยพระอะไรอยู่ เพราะเขาเห็นรัศมีสีชมพูพุ่งออกมาแนวเมตตาร่มเย็น และที่แปลกมากๆ ก็คือ พลังนี้หมุนวนกลับไปกลับมาเดี๋ยวมืดเดี๋ยวสว่าง ซึ่งตั้งแต่เขาตรวจพระมาไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อน พอเขาเห็นพระที่เพื่อนคนนี้ห้อยอยู่แล้วเขาก็หายสงสัยเลยว่าทำไมจึงมีพลังแบบนี้ เพราะที่ด้านหลังของพระผงรูปเหมือนท่านมีสัญลักษณ์ “ หยิน-หยาง ” อยู่นั่นเอง
    อาจารย์เซียนสง่า กุลกอบเกียรติ ท่านผู้สร้างวิหารเซียน จ.ชลบุรี สามารถสื่อกับท่าน องค์วิสุทธิเทพลือท่งปิง ได้โดยทางจิตแต่ไม่เคยเห็นตัวองค์ท่านทางนิมิตเลย ท่านบอกว่าตำแหน่งของ ท่านลื่อตงปินมีหน้าที่เหมือนรัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทยมีหน้าที่คอยดูแลความสงบเรียบร้อยและปรามปรามผู้ร้าย
    ท่านอาจารย์เซียนสง่ากุลกอบเกียรติ ได้บอกหลายครั้งว่า “แชเล้งฮู้ก็ดีรูปหล่อบูชาองค์โจวซือก็ดี รูปถ่ายองค์โจวซือก็ดี รูปเหมือนผงเหรียญท่าน ฯลฯ” ของเหล่านี้ล้วนเป็นสมบัติของท่านและเป็นของสำเร็จแล้วทั้งสิ้นเมื่อทำขึ้นมาแล้วสามารถนำไปใช้ได้เลยไม่จำเป็นต้องนำมาให้ท่านปลุกเสกหรือประกอบพิธีใดๆ อีกทั้งสิ้น.. เพียงแค่เมื่อจะใช้ก็ให้รำลึกถึง “โป๊ยเซียนโจวซือ”แล้วค่อยตีวงให้แคบลงมาเป็นอธิษฐานเจาะจงถึง "ลือท่งปิงโจวซือ” แค่นี้ก็ใช้ได้แล้วทุกประการ
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    พระผงโจซือลื่นตรงตีนให้บูชา 400 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ(ปิดรายการ)
    IMG_20231210_173657.jpg IMG_20231210_173737.jpg IMG_20231210_173821.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 ธันวาคม 2023
  2. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,703
    ค่าพลัง:
    +21,337
    01433159341 (1).jpg
    หลวงพ่อไสว เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้รับฉายาว่า "สุทนฺโต" แปลว่า "ผู้มีตนอันฝึกดีแล้ว"
    ตลอดระยะเวลาที่อยู่วัดปรีดาราม หลวงพ่อชมได้ปรนนิบัติรับใช้หลวงพ่อไสวอย่างใกล้ชิด ด้วยความรักและเมตตา หลวงพ่อไสวจึงได้ถ่ายทอดวิชาอาคมต่างๆ ที่มีอยู่ให้หลวงพ่อชม จนหมดสิ้น ไม่มีปิดบังอำพรางแต่ประการใด และเมื่อมีพิธีพุทธาภิเษกวัตถุมงคลที่ไหน ก็ได้ให้หลวงพ่อชมไปร่วมนั่งปรกปลุกเสกด้วย เพื่อเป็นการถ่ายทอดวิชาอาคมไปในตัว
    นอกจากนี้ หลวงพ่อไสวยังได้สอนวิธีการลงอักขระเลขยันต์ต่างๆ การเรียกสูตร การกรึงอักขระ ตลอดทั้งการเรียกนามยันต์ ตามวิธีของโบราณาจารย์ทุกประการ
    โดยเฉพาะอย่างยิ่ง วิชาการทำน้ำพระพุทธมนต์ดอกบัว ๑๐๘ วิชาการเขียนยันต์กำเนิดพระนารายน์ ยันต์หน้านะทอง ยันต์นะหน้าพระ ยันต์หนุมาน วิชาทำมีดหมอ วิชาทำปลัดขิก รวมทั้งวิชาตกวิญญาณ หลวงพ่อไสวก็ได้ถ่ายทอดให้จนหมดสิ้น เพื่อจะได้ไว้ให้ใช้สงเคราะห์อนุเคราะห์ญาติโยมในวันหน้าต่อไป
    "หลวงพ่อชม" นับเป็นพระเกจิอาจารย์ผู้เพียบพร้อมด้วยศีลาจารวัตรอันงดงามมาก ให้การต้อนรับญาติโยมด้วยความมีเมตตาเป็นที่ตั้ง สงเคราะห์อนุเคราะห์ผู้มีความทุกข์ร้อน และผู้มีปัญหาในชีวิตอยู่เสมอ จนเป็นเลื่องลือและศรัทธาเลื่อมใสของบรรดาญาติโยมโดยทั่วไป
    สิ่งที่ได้สร้างความโด่งดังให้หลวงพ่อชมมากก็คือ การอาบน้ำพระพุทธมนต์ดอกบัว ๑๐๘ ที่ผ่านการปลุกเสกและอธิษฐานจิตเป็นอย่างดี จากหลวงพ่อโดยตรง
    ผู้ที่ได้อาบน้ำพระพุทธมนต์ดอกบัว ๑๐๘ นี้แล้ว ชีวิตก็จะมีแต่ความเป็นสิริมงคล เจริญก้าวหน้าในการงาน ปัญหาอุปสรรคทั้งหลายทั้งปวงก็จะหมดไป
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    พระปิดตาปลุกเสกไตรมาสฝังตะกรุดเงินหลวงพ่อชม วัดหลักสอง ปัจจุบัน อยู่วัดกลางขุนแผน อยุธยา
    ให้บูชาองค์ละ 120 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ มี 2 องค์
    IMG_20231210_182704.jpg IMG_20231210_182814.jpg IMG_20231210_182730.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 ธันวาคม 2023
  3. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,703
    ค่าพลัง:
    +21,337
    #หลวงพ่อปานทรงปลา #รุ่นสู่พุทธภูมิ เนื้อ
    ดิน วัดบางนมโค ปี 2536
    พระเนื้อดินประทับสัตว์รุ่นสู่พุทธภูมิ วัดบาง
    นมโค ปี 36
    ปลุกเสกพิธีใหญ่ ในวันเสาร์ 5 วันที่ 27
    มีนาคม 2536
    จัดสร้างโดย พระครูวิหารกิจจานุยุต (อุไร
    กิตติสาร) เจ้าอาวาส วัดบางนมโค
    โดย มี พระเกจิคณาจารย์ ร่วม ปลุกเสก
    มากมาย อาทิเช่น
    1. หลวงปู่ทิม วัดพระขาว จ.อยุธยา
    2.หลวงพ่อแม้น วัดหน้าต่างนอก จ.อยุธยา
    3.หลวงพ่อเพิ่ม วัดป้อมแก้ว จ.อยุธยา
    4.หลวงพ่อพูล วัดบ้านแพน จ.อยุธยา
    5. พระครูวิหารกิจจานุยุต (อุไร กิตติสาร) เจ้า
    อาวาส วัดบางนมโค จ.อยุธยา
    6. หลวงพ่อมี เขมธัมโม วัดมารวิชัย จ.อยุธยา
    7.พระครูกิตติธรรมธาดา (เจ้าอาวาสวัดเจ้า
    แปดทรงไตรย์) จ.พระนครศรี
    อยุธยา
    8.หลวงพ่อเมี้ยน วัดโพธิ์กลเจา
    มวลสาร ได้แก่
    1.พระเนื้อดินที่ หักชำรุดหลวงพ่อปาน
    2.พระเนื้อดินที่หักชำรุดของ หลวงปู่ยิ้ม วัดเจ้าเจ็ด
    3.พระกรเนื้อดินต่างๆ ที่หักชำรุด
    4.พระที่หักชำรุดของ หลวงพ่อเล็ก วัดบางนม
    โค
    5.พระ เนื้อดินรุ่นสู่มาตุภูมิปี 33 ที่หักชำรุด
    โดยมี หลวงปู่ฤาษีลิงดำเสก และ อุด ด้วยผง
    พุทธคุณเก่า ของหลวงพ่อป่าน ผงเก่าหลวง
    พ่อเล็ก วัดบางนมโค ผงพุทธคุณ เขียนลบ
    ตามสูตรหลวงพ่อป่าน ของปู้ฤาษีลิงดำ วัดท่า
    ซุง ท่านมอบให้ตั้งแต่ ปี 33 ผงวิเศษของ
    หลวงปู่ดู่ วัดสะแก และ ผงพุทธคุณ ของ
    หลวงปู้ ทิมวัดพระขาว
    พระมีทั้งหมด 6 พิมพ์ ได้แก่
    1.พิมพ์ทรงไก่ หาง 5 เส้น และหาง พวง
    2.พิมพ์ทรง หนุมาร
    3.พิมพ์ทรง ปลาใหญ่
    4.พิมพ์ทรง ครุฑ
    5.พิมพ์ทรง แม่น
    6.พิมพ์ทรง นก
    พระพิมพ์หลวงพ่อปานขี่ไก่สภาพสวยกล่องเดิมวิธีดีให้บูชา 150 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    IMG_20231210_191821.jpg IMG_20231210_191846.jpg IMG_20231210_191743.jpg IMG_20231210_191915.jpg
     
  4. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,703
    ค่าพลัง:
    +21,337
    ประวัติ หลวงปู่ พระครูแป๋ว (พระครูปัญญาวิมล) ที่ปรึกษาเจ้าคณะตำบล เป็น พระอุปัชฌาย์ อายุ ๘๕ปี บวชตั้งแต่ อายุ ๒๐ ปี พ.ศ. ๒๔๙๖ กับพระราชสิงหมุนี พระครูรัตนาธาร(หลวงพ่อเยื้อน)

    พรรษาแรก "หลวงพ่อแป๋ว" อยู่กับหลวงพ่อเชน วัดสิงห์ ร่ำเรียนวิชา ทำตะกรุด ต่อมา ไปเรียนกับหลวงพ่อกวย สักหนุมาน แผลงฤทธิ์ สักธนูมือ สักมงกุฎพระเจ้า (หลังเหรียญรุ่นแรก) ป้อนน้ำมันงาให้ท่านรูปเดียว ตั้งแต่ปี 2498 หลวงพ่อกวยเอ่ยปากยอมรับว่า "อื้อใช้ได้ใช้ได้ทำเหมือนหลวงพ่อแล้วนี่" ปกติหลวงพ่อกวยไม่ยอมรับใครง่ายๆ
    ต่อมาไปหา "หลวงพ่อทอง วัดพระปรางค์" ศิษย์ "หลวงพ่อศรี วัดพระปรางค์" เรียกหลวงพ่อทองว่า "พ่อ" ปี 2513

    ปี 2517 หลวงพ่อกวยมาเสกพระให้ถึงโบสถ์วัดดาวเรือง หลวงพ่อกวยบอกว่า "ให้พระครูทำบ่อยๆ ทำทุกวันทั้งยืนเดินนั่งนอนกรรมฐานอย่าทิ้ง เมื่ออายุ 70 ปีขึ้นไป ทำได้ขลังเหมือนข้าฯ ” ถึงวันนั้น พระครูแป๋วไม่เป็นสองรองใคร
    https://palungjit.org/threads/หลวงพ่อแป๋ว-วัดดาวเรือง-อ-บางระจัน-จ-สิงห์บุรี.237157/

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงทุกๆท่านครับ
    พระผงรูปเหมือนหลวงพ่อแป๋ว วัดดาวเรือง สร้างสะพานปี 2538 ให้บูชาคู่กัน
    2 องค์
    170 บาท ค่าจัดส่ง 30 บาทครับ
    สภาพองค์พระมีตำหนิ บิ่นขอบ เล็กน้อย ครับ
    (ปิดรายการ)
    IMG_20231211_024350.jpg IMG_20231211_024417.jpg IMG_20231211_024518.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 ธันวาคม 2023
  5. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,703
    ค่าพลัง:
    +21,337
    fb_img_1702198930779-jpg.jpg
    ประวัติ หลวงปู่เหรียญ วัดบางระโหง (นนทบุรี)
    "พระครูนนทสมณวัตร" (หลวงปู่เหรียญ ถาวโร) วัดบางระโหง ท่านถือกำเนิดเมื่อปี พ.ศ.๒๔๓๙ นามเดิมท่านชื่อ "เหรียญ" โยมบิดาชื่อ นายแดง โยมมารดาชื่อ นางอยู่ นามสกุล "สังฆรัตน์" อยู่ที่ ต.ดอนมะดัน อ.เมือง จ.นครราชสีมา
    หลวงปู่ในวัยหนุ่ม ท่านได้ออกจากบ้านมาเป็นคนงานรับจ้างทำนาที่อยุธยา มีครั้งหนึ่ง มีคนมาลักเกี่ยวข้าว หลวงปู่พร้อมพวกมีพี่ใหญ่ชื่อว่า "ก้าน" ได้เสกว่านให้พวกหลวงปู่กินแล้วออกไปต่อสู้กับพวกลักข้าว ซึ่งมีอยู่ประมาณ ๒๐ คน ฝ่ายหลวงปู่มี ๗ คน อาวุธมีแค่คันหลาวกับไม้ เท่านั้น การต่อสู้กับพวกลักข้าวปรากฎว่า ฝ่ายหลวงปู่ไม่ได้รับบาดเจ็บเลยแต่ละคน ตี แทง ไม่เข้า จนทำให้พวกลักข้าวแตกกระจายไปหมด
    หลวงปู่ท่านบวชเมื่อท่านอายุได้ ๓๑ ปี เมื่อวันที่ ๑ กรกฏาคม พ.ศ.๒๔๗๐ อุปสมบท ณ พัทธสีมา วัดขวัญเมือง ต.บางกร่าง อ.เมือง จ.นนทบุรี มี (พระครูชุ่ม) วัดประชารังสรรค์ เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้ฉายาทางพุทธศาสนาว่า "ถาวโร"
    เมื่อบวชแล้วท่านได้เรียนนักธรรมจนได้นักธรรมเอกที่ จ.ขอนแก่น และได้กลับมาจำพรรษาที่วัดขวัญเมือง มี (หลวงพ่อบัว) ท่านเป็นเจ้าอาวาส ครั้งหนึ่ง หลวงพ่อบัวท่านกลับจากธุระได้เข้าไปในโบสถ์ โดยที่โบสถ์ยังใส่กลอนอยู่เลย มีศิษย์หลวงพ่อบัวเป็นใบ้ เรียกว่า "ตาใบ้" หลวงพ่อบัวสอนคาถาให้ตาใบ้ สามารถเสกประทัดไม่ให้แตกได้ และเขียนยันต์ที่ฝ่ามือ และตบไปที่เสาแต่ยันต์จะไปโผล่อีกด้านหนึ่งเรียกว่า "นะปัดตลอด"
    นอกจากหลวงปู่จะเรียนคาถาอาคมกับหลวงพ่อบัวแล้วหลวงปู่ยังเรียนคาถากับ (อาจารย์เที่ยง) ซึ่งเป็นคนบ้านเดียวกันกับหลวงปู่ อาจารย์เที่ยง เป็นคนมีวิชาอาคมขลังและเป็นโยมบิดาของ (พระครูสมุห์บรรจง) วัดขวัญเมืองในปัจจุบัน ตอนหลังพระครูสมุห์บรรจงได้มาเป็นศิษย์ของหลวงปู่เหรียญอีกทีหนึ่ง
    หลวงปู่เคยออกธุดงค์ไปในป่าสมัยก่อน หลวงปู่ธุดงค์ไม่ได้ใช้กลดเลย เพราะหลวงปู่บอกว่าท่านฉันบอระเพ็ดเป็นประจำจนยุงไม่กัดเลย ตอนออกธุดงค์หลวงปู่ได้พบอาจารย์ที่มีวิชาอาคมขลังหลายท่าน หลวงปู่ได้เรียนวิชากับอาจารย์ในป่าหลายอย่าง
    เมื่อท่านมาอยู่วัดบางระโหงแล้วนั้น เวลามีงานปลุกเสกตามวัดจะมีฎีกามานิมนต์หลวงปู่บ่อยๆ พระคณาจารย์ที่หลวงปู่ร่วมปลุกเสกประจำคือ (หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี), (หลวงพ่อทองอยู่ วัดหนองพะอง), (หลวงปู่สาย วัดบางรักใหญ่), (หลวงพ่อสุด วัดกาหลง)
    วัตถุมงคลของหลวงปู่นั้นที่ปรากฎมหัศจรรย์มากคือ "พิศมร" ที่หลวงปู่ให้เด็กแขวนแล้วเด็กตกน้ำไม่จม หลวงปู่จะทำพิศมรแจกโยมที่มาหรือนิมนต์ไปงาน ส่วนมากจะแจกไปทั่ว คนมาช่วยงานที่วัดท่านก็แจกทุกคนที่มา
    ตะกรุดโทนของท่าน แขวนแล้วยิงไม่เข้าเสื้อพรุนหมด แต่เนื้อตัวไม่เป็นอะไร ตะกรุดจักพรรดิ์ มีพระวัดจักรวรรดิ์มาบูชาไปฝากศิษย์ที่มาเลเซีย เมื่อศิษย์เอาไปแขวนแล้วโดนทำร้าย ด้วยมีดปาดยางพารา เสื้อขาดหมดแต่ไม่เข้าเนื้อ ทำให้เค้าศรัทธาหลวงปู่มาก ตะกรุดที่หลวงปู่เหรียญสร้าง เท่าที่ทราบ คือ
    ๑.ตะกรุดโทน
    ๒.ตะกรุดพิศมรเล็ก
    ๓.ตะกรุดพิศมร ๑๙
    ๔.ตะกรุดแคล้วคลาด
    ๕.ตะกรุดสาริกา
    ๖. ตะกรุดจักรพรรดิ์
    ๗.ตะกรุดสามกษัตริย์
    ๘.ตะกรุดมหาอุต
    ๙.ตะกรุดโภคทรัพย์
    ๑๐.ตะกรุดหัวใจ ๑๐๘
    วัตถุมงคลที่หลวงปู่สร้างนั้นมีหลายอย่างมากมาย เช่น ผ้ายันต์ ตระกรุด เบี้ยแก้ พระปิดตา และเหรียญ ด้วยประสบการณ์จากคุณวิเศษที่ได้รับจากวัตถุมงคลของท่าน ก่อเกิดศรัทธามากมาย แต่ความจริงนั้น หลวงปู่เหรียญ เป็นที่เคารพศรัทธาเลื่อมใส อย่างยิ่งของประชาชนทั่วไปมานานแล้ว ครั้งที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ ด้วยวัตรปฏิบัติที่งดงาม ทั้งเป็นพระนักพัฒนา ที่สร้างความเจริญให้แก่ชุมชนบางระโหงเป็นย่างมากตลอดอายุของท่าน หลวงปู่เหรียญท่านได้สร้างวัตถุมงคลมากมายหลายชนิด ทั้งพระเครื่องและเครื่องราง ที่ขึ้นชื่อว่าดีทางเมตตามหานิยม และแคล้วคลาด ไม่แพ้พระเครื่องราคาแพงเลยทีเดียว
    เรื่องปาฏิหาริย์เกี่ยวกับตะกรุดของหลวงปู่เหรียญนั้น ทั้งคนในพื้นที่และนอกพื้นที่ต่างเล่าขานกันมากมายว่า "สายเหนียวเมืองนนท์"
    หลวงปู่เหรียญท่านเป็นคนมีสุขภาพแข็งแรง มีเจ็บป่วยบ้างเล็กน้อย แต่เมื่อประมาณปลายปี พ.ศ.๒๕๓๐ หลวงปู่ได้ฉันยาถ่าย แต่ก็ไม่ถ่าย หลวงปู่ปวดท้อง ท่านจึงฉันยาธาตุทำให้ในท้องปั่นป่วนมาก ผู้ใหญ่จึงพาท่านส่งโรงพยาบาลนนทบุรี พักอยู่หลายวันจึงกลับวัด แต่พักอยู่ได้ไม่นานก็เข้าออกโรงพยาบาลอีกหลายครั้ง และย้ายไปโรงพยาบาลธนบุรี แพทย์วินิจฉัยว่าท่านเป็นมะเร็งปอด ราววันที่ ๑๗ เมษายน พ.ศ.๒๕๓๑ หลวงปู่ก็อาพาธอีกและได้เข้าโรงพยาบาลสงฆ์ เมื่อไปโรงพยาบาลแล้ว อาการของท่านไม่ดีขึ้นเลย
    หลวงปู่ท่านถึงแก่มรณะภาพลง เมื่อวันที่ ๒๗ เมษายน พ.ศ.๒๕๓๑ สิริอายุได้ ๙๒ ปี ๖๒ พรรษา
    เรียบเรียง : พระเกจิ แดนสยาม
    https://www.facebook.com/prakejidansiam/
    #ขอบพระคุณทุกท่านที่ติดตามครับ
    #พระอริยสงฆ์บางท่านในอดีตกาลเราอาจไม่ทราบประวัติท่าน
    #เพจนี้สร้างขึ้นเพื่อศึกษาและเผยแพร่บารมีของท่านเท่านั้นครับ

    ท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    พระผงของขวัญหลวงปู่เหรียญวัดบางระโหงให้บูชา 350 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    img_20231210_155710-jpg.jpg img_20231210_155742-jpg.jpg img_20231210_155813-jpg.jpg
     
  6. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,703
    ค่าพลัง:
    +21,337

    พระชุดหลวงปู่นาค วัดหนองโปร่ง สระบุรี
    ให้บูชา 120 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    IMG_20231211_170811.jpg IMG_20231211_170851.jpg IMG_20231211_170725.jpg
     
  7. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,703
    ค่าพลัง:
    +21,337
    1742-0ab3.jpg



    พระสมเด็จหลวงปู่ปลื้มวัดสวนหงส์สุพรรณบุรีให้บูชา 100 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    IMG_20231211_170557.jpg IMG_20231211_170631.jpg IMG_20231211_170536.jpg
     
  8. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,703
    ค่าพลัง:
    +21,337
    2016-04-06_210930.jpg ต่อไปเป็นข้อเขียนที่ คุณกฤช จันทร์กระจ่าง เขียนเกี่ยวกับพระและผงสาลิกานางพญาทิพย์สุวรรณ
    ตอนที่ได้ผง “สาลิกาหลงรัง แม่ทิพย์สุวรรณ” มีหลายคนก็ไม่เชื่อถือ ว่าจะมีผงอย่างนี้ในโลก หาว่าผมขี้โม้ อุปโลกน์ผงขึ้นมาเอง ทั้งๆที่เกือบทุกคนที่ได้รับพระนางพญาทิพย์สุวรรณไปบูชาต่างได้รับความสำเร็จเป็นที่น่าพอใจทุกคน
    อันผง “สาลิกาทิพย์สุวรรณ” นั้นเป็นผงที่มีอยู่ในธรรมชาติไม่ได้สร้างขึ้นมาจากการเขียนสูตรใดๆทั้งสิ้น ดินนี้เป็นดินเหนือดินที่หายาก ประเภท “หนวดเต่า เขากระต่าย"
    เมื่อหลายปีก่อนมีต้นจามจุรี ในสวนเก่าแถบถนนรามอินทราเจ้าของไม่ได้ทำประโยชน์อะไร ปล่อยทิ้งว่างเปล่าจากโคนต้นประมาณ ๒ เมตร ด้านทิศตะวันออก มีโพรงอยู่ เห็นมีนกจับคู่มาทำรังเมื่อลูกโตพอบินได้แล้วก็ไป นกอื่นก็มาทำรังต่อเป็นเช่นนี้ ทั้งๆตามธรรมชาติของนกนั้นจะไม่เหยียบรังกัน วันหนึ่งนกสาลิกา คู่หนึ่ง ตัวดำขลับจับคู่เข้ามา
    อาจารย์สมชาย เย็นสำราญเห็นเข้าจึงนึกถึงคำของตาเจียมผู้ซึ่งเคยสอนให้ดูลักษณะของโพรงรังนกสาริกาและดูจากโพรงรังก็เข้าเค้าตามตำรา (ตาเจียมคือเป็นนักการภารโรงของโรงเรียนวัดไร่ขิง ซึ่งขณะนั้นอาจารย์ามชายบวชอยู่ที่นั่น)
    มีเหตุการณ์ที่แปลก ไม่แน่ใจว่าจะเป็นอาถรรพ์หรือไม่ คุณวีรศักดิ์ วิไลลักษณ์ หนึ่งในกลุ่มของเรา ได้ไปเอาลูกนกสาลิกาในรังนั้นคล้อยหลัง ๓ ชั่วโมง ถูกรถยนต์ชน กระดูกสะโพกร้าว เมื่อลูกนกครอกนั้นโต รังก็ร้าง ปฏิบัติการก็เริ่มขึ้น นายสม มณีชูเกตุ เป็นผู้ปีนขึ้นไปพิสูจน์ เมื่อกวาดมือเข้าไปในรัง ปรากฏว่ารังสะอาดแทบไม่น่าเชื่อ ไม่มีขี้นก หรือขนนก ร่วงอยู่เลย แต่มีผงดินสีดำ อยู่จำนวนหนึ่ง
    วันที่สองไปใหม่ ก็ได้ผงดินมาเท่าๆวันแรก แต่วันที่สามโพรงรังที่เห็นมานานปีกลับหายไป ให้นายสมปีนขึ้นไปดูเพื่อความแน่ใจ พบว่าโพรงไม่ได้หายไปไหน แต่มีดินดำมาอุดอยู่จนมองไม่เห็นโพรง อาจารย์สมชาย จึงทำพิธีบัดพลี บวงสรวง ให้นายสมใช้มีดหมอกระทุ้งดินที่อุดโพรงอยู่ ได้ดินมาก็ใส่กระป๋องที่เตรียมมา ช่วงหนึ่งที่กระป๋องเต็มอาจารย์สมชายสั่งให้เปลี่ยนกระป๋องใหม่ ระหว่างสั่งไม่ได้อ่านคาถาปรากฏ นายสมร่วงลงมากองที่พื้นจุกแอ้ก บอกว่า “โดนถีบ” คราวหลังชวน สมไปอีก นายสมส่ายหน้า ไม่เอาลูกเดียว วันนั้นได้ผงดินมาร่วม ๕ กิโลฯ หลังจากนั้นก็ไม่มีผงอีกเลยและโพรงก็ร้าง ไม่มีนกมาทำรังอีก
    และเพื่อให้แน่ใจว่าผงดินที่ได้มาเป็นผงสาลิกาหลงรังจริง จึงนำไปให้หลวงพ่อแม้น อคฺคจิตโต วัดเกาะสุวรรณาราม สะพานใหม่ผู้เป็นอาจารย์ของพวกเราตรวจสอบ เมื่อหลวงพ่อตรวจสอบแล้ว ท่านยอมรับเป็นของจริง ท่านว่ามีเทวดา ชื่อ “ทิพย์สุวรรณ” และมีบริวาร ชื่อ “กาละเทสะ” และ “กาละสัทธา” เป็นนกสาลิกา
    มวลสารศักดิ์สิทธิ์ที่ใช้เป็นส่วนผสมในพระนางพญารุ่นนี้มี:-
    - ผงสาลิกาทิพย์สุวรรณ(ผงสาริกาหลงรัง)
    - เส้นเกศาของหลวงปู่คำพันธ์
    - มวลสารจิตรลดา
    - ผงพระสมเด็จวัดระฆัง
    - ดินสนามหลวง เป็นต้น
    อาจารย์เวทย์เล่าว่า ได้มอบพระนางพญาฯให้พระในวัดธาตุมหาชัย ที่สนิทกัน พร้อมแนะนำวิธีใช้ ที่ผมเคยบอกท่านไว้ ไม่นานพระ 2 รูป ซึ่งบวชมานานปี ได้สึกออกมามี “เมีย” ร้อนถึงหลวงปู่คำพันธ์ ได้เรียกอาจารย์เวทย์ มาสอบถาม
    “เวทย์เจ้าให้อะไรพระ 2 รูปนั้น”
    “พระผสมผงสาลิกา ที่หลวงปู่เสกครับ” อาจารย์เวทย์ตอบ
    “ เออ พวกนี้ ได้พระแทนที่จะอธิษฐานในสิ่งที่ดีกับไปอธิษฐานในทางไม่ดี” หลวงปู่บ่น
    นางพญาทิพย์สุวรรณรุ่นแรก หลวงปู่คำพันธ์อธิษฐานจิต มีเรื่องเล่าเยอะพอสมควรสำหรับรุ่นนี้ ทั้งมวลสารและการอธิฐานจิตของหลวงปู่คำพันบางองค์จะเห็นเกษาชัดเจนบางองค์ไม่เห็น แต่ยืนยันว่ามีใส่ทุกองค์
    คาถาบูชาพระนางพญาทิพย์สุวรรณ
    "ทิพย์สุวรรณ กาละเทสะ กาละศรัทธา ประสิทธิเม."
    ...เมื่อขอพร แล้วประสบความสำเร็จดังตั้งใจ พึงแก้บนด้วยขนมชั้น + มะพร้าวอ่อน และสิ่งของที่ได้อธิษฐานบอกกล่าวไว้
    https://ampoljane.com/2017/01/16/1385/
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    พระนางพญาทิพย์สุวรรณวัดแก่งตอยหลวงปู่คำพันธ์อธิษฐานจิตปลุกเสกรุ่น 1 มีเกศาเห็นเด่นชัดมวลสาร
    ให้บูชา
    1500 บาทครับ(ปิดรายการ)
    IMG_20231211_173732.jpg IMG_20231211_173810.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 ธันวาคม 2023
  9. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,703
    ค่าพลัง:
    +21,337
    วันนี้จัดส่ง
    1702371859892.jpg
    ขอบคุณครับ
     
  10. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,703
    ค่าพลัง:
    +21,337
    1702380647886.jpg
    พระราชพัฒนากร (หลวงพ่อสมชาย ฉนุทส
    โร)
    เจ้าอาวาสวัดปริวาสราชสงคราม
    กรุงเทพมหานคร
    พระคณาจารย์ที่ชอบศึกษาวิชาวิทยาคม
    ตั้งแต่สมัยเป็นวัยเยาว์ โดยได้ศึกษาสรรพ
    วิชาอาคมกับ หลวงพ่อเก็บ วัดสวนลำใย
    จ.ชัยนาท ซึ่งเป็นหลานแท้ๆของ หลวงปู่ศุข
    วัดปากคลองมะขามเฒ่า
    ต่อมาเมื่อบรรพชาเป็นสามเณรแล้ว
    ได้รับการถ่ายทอดวิชาจาก หลวงพ่อวงษ์ ผู้
    เป็นพระอุปัชฌาย์ ตั้งแต่พรรษาแรก โดยได้
    รับการอบรมวิชาต่างๆ โดยเฉพาะวิชาสร้าง
    และปลุกเสก "เสือ" รวมทั้งได้รับอนุญาตจาก
    หลวงพ่อวงษ์ ให้ร่วมปลุกเสก "เสือ" รุ่น ๕
    และรุ่น ๖ อีกด้วย
    จากการที่หลวงพ่อวงษ์ มีความไว้วางใจมาก
    จึงได้ให้ท่านรับหน้าที่สงเคราะห์ญาติโยม
    แทนหลวงพ่อมาตลอด นับเป็นศิษย์กันกฏิ
    เพียงรูปเดียวที่หลวงพ่อวงษ์ได้ถ่ายทอดวิชา
    อาคมต่างๆ ให้จนหมดสิ้น
    ขณะเดียวกันหลวงพ่อสมชายยังได้ไปศึกษา
    วิชากับ หลวงพ่ออ่อน วัดแค อ.นครชัยศรี
    จ.นครปฐม ซึ่งท่านได้สำเร็จวิชาลบผง

    จ.นครปฐม ซึ่งท่านได้สำเร็จวิชาลบผง
    มหาราช นอกจากนี้ยังได้ไปศึกษาวิชาต่างๆ
    กับอาจารย์อีกหลายท่าน อาทิ อาจารย์เทพ
    สาริกบุตร , หลวงพ่อแก้ว วัดช่องลม
    จ.สมุทรสาคร , หลวงพ่อเนื่อง วัดจุฬามณี
    จ.สมุทรสงคราม , หลวงพ่อสำเนียง อยู่
    สถาพร จ.นครปฐม และหลวงพ่อหยอด วัด
    แก้วเจริญ จ.สมุทรสงคราม (ศึกษาวิชาไหม
    เจ็ดสี ตะกรุดลูกอมตะกรุดมหาปราบมหา
    ระงับ)
    รวมทั้งได้แลกเปลี่ยนวิชาการสร้างราหอม
    จันทร์-อมสูรย์ กับ พระอาจารย์มานิตย์ เจ้า
    อาวาสวัดศีรษะทอง วิชาการสร้างหนุมาน กับ
    พระอาจารย์ต๊ะ วัดช้าง จ.นครนายก (ศิษย์
    หลวงพ่อพรหม วัดขนอนเหนือ อยุธยา) และ
    ศึกษาวิชาการสร้างผงยาจินดามณี (ผงยา
    วาสนา) สายวัดกลางบางแก้ว อีกด้วย
    ที่สำคัญ หลวงพ่อสมชาย ยังได้ศึกษา
    วิชาการจัดพิธีปลุกเสกหล่อพระกริ่ง การผสม
    โลหะธาตุ ให้เป็นเนื้อต่าง ๆจาก อาจารย์นิรัน
    ตร์ แดงวิจิตร (อดีตพระครูหนู) ศิษย์ผู้รับใช้
    ใกล้ชิดสมเด็จพระสังฆราช (แพ) วัดสุทัศนฯ
    จนมีความชำนาญในการผสมโลหะให้เป็นเนื้อ
    สัมฤทธิกลับดำสนิท และเป็นเนือสัมฤทธิสี
    ต่างๆ ได้
    2562
    คมชัดลึกออนไลน์
    FB_IMG_1702379538389.jpg

    อาจารย์เทพย์ สาริกบุตร
    สูติกาลเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2462 โดยนาม
    ของท่านอาจารย์ ชื่อ เทพย์ ได้มาจากการตั้ง
    ชื่อจากคุณลุงของท่าน คุณหลวงวิศาลดรุ
    นกร (อั้น สาริกบุตร) ซึ่งเป็นโหราจารย์ที่มีชื่อ
    เสียง ตั้งชื่อตามคำบอกเล่าของมารดาท่าน
    เล่าว่า รกของท่านมีลักษณะเป็นหมวกครอบ
    ศีรษะออกมาเป็นที่พิสดาร อาจารย์เทพย์ เป็น
    บุตรคนที่สี่ ในจำนวนห้าคนของ คุณพ่อน่วม
    อดีตนายอำเภอบางกะปี และคุณแม่เป้า สา
    ริกบุตร(อินทพร) มีพี่น้องร่วมบิดามารดา
    เดียวกัน 5 คน คือ บุตรชาย(เสียชีวิตตั้งแต่ยัง
    เยาว์) นายถวิล สาริกบุตร นางปรานี จำนง
    ภูมิเวท นายเทพย์ สาริกบุตร และ นายบุษย์
    สาริกบุตร
    หลังจากที่ท่านกำเนิดมาได้ 5 ขวบเศษ บิดา
    ของท่านก็ถึงแก่กรรมลง ท่านอาจารย์โทพย์
    และคุณบุษย์ สาริกบุตรงได้ไปอยู่ในการดูแล
    ของพระครูสุวรรณรังษี (สุวรรณ สาริกบุตร)
    รองเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศ์ ซึ่งเป็นหลวงอา
    ของท่าน ได้รับการสั่งสอนให้เข้าเรียนที่
    โรงเรียนศรีวิทยา ท่านมีความสนใจในทาง
    โหราศาสตร์และไสยเวทย์ตั้งแต่ยังวัยรุ่น ผิด
    จากเพื่อนฝูงรุ่นราวคราวเดียวกัน เนื่องจาก
    จากเพื่อนฝูงรุ่นราวคราวเดียวกัน เนื่องจาก
    ท่านเห็นความสำคัญของศาสตร์เหล่านี้ว่า
    "เป็นวิชามรดกของไทย บรรพบุรุษไทย
    ถ่ายทอดมาตั้งแต่สมัยโบราณ"โดยปรากฎว่า
    ท่านเริ่มทำหน้าที่เป็นอาจารย์สัก ตั้งแต่อายุ
    เพียง 14 ปี เท่านั้น ด้วยความเป็นอัจฉริยภาพ
    ของท่านทำให้ท่านเรียนได้ดี และสามารถ
    เลื่อนชั้นไปได้เรื่อยๆๆ
    นอกจากนี้ท่านยังได้ญาติของท่านซึ่งแต่ละ
    ท่านเป็นผู้มีชื่อเสียง และมีวิชาที่ทำหน้าที่ใน
    การสั่งสอนท่านเช่น
    ๑) หลวงวิศาลดรุณกร (อั้น สาริกบุตร) อดีต
    ผู้อำนวยการของโรงเรียนสวนกุหลาบ
    นอกจากนี้คุณหลวงยังเป็นผู้รั่งตำแหน่งครู
    ใหญ่ของโรงเรียนพระปฐมวิทยาลัย ซึ่งเป็น
    โรงเรียนประจำมณฑลนครไชยศรี คุณหลวง
    วิศาลดรุณกรนี้ตามประวัติชำนาญทาง

    เทวโลก โหรหลวงในสมัยรัชกาลที่ ๖
    ๒) พันเองหลวงธรณีนิติญาณ ผู้เป็น
    บรรณารักษ์ในสมาคมโหร ผู้เป็นญาติทาง
    ฝ่ายมารดาท่าน เป็นผู้สอนวิชาทาง
    โหราศาสตร์ให้อาจารย์เทพย์ โดยยังปรากฏ
    ลายมือของคุณหลวงในหนังสือเดิมของอา
    จารย์เทพย์ไว้ด้วย ทำให้ท่านเชี่ยวชาญใน
    สรรพวิชาทางโหราศาสตร์เป็นอย่างยิ่ง
    ส่วนทางด้านไสยศาสตร์และไสยเวชย์
    อ.เทพย์ก็ได้ศึกษาหาความรู้ทั้งทางโลกและ
    ทางไสยศาสตร์ในแถบเมืองหลวงหลาย
    สำนักเช่น
    ๑) สำนักวัดสุทัศน์เทพวราราม
    ๒) สำนักวัดสามปลื้ม วัดปทุมคงคา วัดสาม
    จีน
    ๓) สำนักวัดราชบุรณะ
    ๔ )พระครูใบฎีกาเทพย์ สิงหรักษ์
    ๔ ) พระพุทธวิถีนายขก บุญ วัดกลางบางแก้ว
    ๕) ท่านอาจารย์ ปู่แสง พรหมโชติ อดีต
    เปรียญธรรมหกประโยค
    ๖)สำนักวัดภูมรินทร์ราชปักษา
    ๗)สำนักวัดมณีชลขันฑ์ ลพบุรี
    ㆍ สำนักวัดประดู่ทรงธรรม
    ๑๐)อาจารย์เฮง ไพรวัลย์
    ๑๑) พระสมุห์โต้ด วัดชนะสงคราม
    ๑๒) หลวงปู่รอด วัดบางน้ำวน
    ๑๓) อาจารย์ผาด สรุ่มสวมศรี
    ๑๔)อ.พรหม ขมาลา (เปรียญ) สำนักวัด
    พระเชตุพน
    เมื่อ พ.ศ. 2495 ท่านมีเรื่องต้องไปบวชในร่ม
    เงาสมณเพศ เนื่องด้วยผู้นำในขณะนั้นได้
    จับกุมเหล่าสื่อมวลชน ซึ้งขณะนั้นอาจารย์
    เทพย์ทำหน้าที่เจ้าของโรงพิมพ์อยู่ จึงได้
    ตัดสินใจออกบวช และจำพรรษาที่วัดสีห
    ไกรสร บางกอกน้อย ในนามพระเทวศิริ จน
    กระทั่งคลี่คลาย ก่อนงาน 25 ศตวรรษ ที่ได้
    รับการอภัยโทษ ประกอบกับเพื่อนรักขอท่าน
    คือ พลตรีสฤษดิ์ ธนะรัชน์ เรืองอำนาจขึ้นจึง
    ได้ลาสิกขาออกมา และพบรักกับคุณประชุม
    สาริกบุตร
    ผลงานด้านโหราศาสตร์ของท่านเป็นที่
    ประจักษ์ โดยเรียบเรียงตำราไว้หลายเล่ม
    และใช้เป็นหลักในการศึกษาโหราศาสตร์นิ
    รายนะวิธีในปัจจุบัน คือ ปฏิทินโหราศาสตร์
    พ.ศ. ๒๔๔๕ - ๒๕๓๕ หนังสือแนวทางศึกษา
    โหราศาสตร์ หนังสือแนวทางศึกษา
    โหราศาสตร์ภาคนักษัตร(ฤกษ์) จักรทีปนีพิศ
    ดาร ฤกษ์พิศดาร หนังสือชุดโหราศาสตร์

    ปริทรรศน์ ๕ เล่ม เป็นต้น นอกจากนี้ ยังได้
    เขียนบทความลงในนิตยสารโหราศาสตร์เป็น
    ประจำ
    ท่านสิ้นเมื่อ วันที่ 22 กันยายน 2536 ด้วยโรค
    เบาหวาน
    (สังเขปข้อมูลประวัติ จากกลุ่ม facebook
    ศิษย์อ.เทพย์ สาริกบุตร)

    เหรียญพระคุณหลวงพ่อ ปี 27 ลพ.สมชาย วัดปริวาส
    น.ทองแดง ** อ.เทพย์ สาริกบุตร ปลุกเสก **
    สร้างขึ้นโดยหลวงพ่อสมชาย วัดปริวาสราชสงคราม ซึ่งขณะนั้นท่านกำลังเล่าเรียนสรรพวิชาจาก อ.เทพย์ สาริกบุตร ร่วมกับหลวงพี่แอ๊ด และยังเป็นเหรียญ
    รุ่นแรก ของหลวงพ่อสมชาย อีกด้วย
    การระลึกถึงหลวงพ่อนั้น หมายถึง หลวงพ่อวงษ์
    วัดปริวาส ผู้เป็นดั่งพ่อและอาจารย์ของท่าน
    โดยคณะคหบดีลูกศิษย์ในหลวงพ่อวงษ์
    และหลวงพ่อสมชายได้ออกทุนช่วยกันทำเหรียญนี้ขึ้น
    การรจนายันต์โดยหลวงพ่อสมชายเป็นผู้ออกแบบ การคำนวณฤกษ์ยามในการปลุกเสก
    และปั๊มเหรียญโดย อาจารย์เทพย์ สาริกบุตร
    นอกจากหลวงพ่อสมชายจะนำไปให้พระเถระต่างๆ
    ปลุกเสก เช่น หลวงพ่อพรหม วัดขนอนเหนือ
    และ ยังมีอาจารย์เทพย์ สาริกบุตร เป็นผู้ปลุกเสกด้วย
    (ขอบคุณ ข้อมูลจาก พี่หมอโอปอ ครับ)
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    ให้บูชา
    300 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ(ปิดรายการ)
    IMG_20231212_163140.jpg IMG_20231212_163209.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 ธันวาคม 2023
  11. shaj

    shaj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    7,898
    ค่าพลัง:
    +6,817
    -ขอจองครับ
     
  12. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,703
    ค่าพลัง:
    +21,337
    บัญชีธนาคาร กรุงไทย 125-00-89-239
    Supachai thu
    โอนแล้วแจ้งบอก ทางข้อความ พร้อมที่อยู่จัดส่ง ป้อง กัน การเอาข้อมูลจากมิจฉาชีพครับ
     
  13. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,703
    ค่าพลัง:
    +21,337
    1702393905068.jpg
    พระครูธวัชภัทราภรณ์(อ.ต๊ะ)
    พระครูธวัชภัทราภรณ์(ธงชัย) หรือ อา
    จารย์ต๊ะ อดีตเจ้าอาวาสวัดช้าง ท่าน
    เป็นผู้สืบทอดตำนานการสร้าง "พระกริ่ง
    ใหญ่ วัดช้าง" อันลือลั่น เป็นที่รู้จักกันดี
    ในวงการผู้ที่นิยมพระกริ่งในเมืองไทย
    ทั้งนี้พระกริ่งวัดช้างถือเป็นพระกริ่งที่มีค
    วามเป็นมาเกี่ยวพันกับท่านเจ้าประคุณ
    สมเด็จพระสังฆราช(แพ) วัดสุทัศน์เทพ
    วราราม อดีตพระเถระผู้เรื่องวิทยาคม
    อีก รูปหนึ่งของชาวอำเภอบ้านนา
    นครนายก ประวัติพอสังเขป พระอาจาร
    ย์ต๊ะ วัดช้าง บ้านนา เมื่อสมัยท่านเป็น
    เลขารองเจ้าคณะอำเภอบ้านนา ในสมัย
    ที่ พระครูภัทรกิจโกศล (ภู) ท่านได้
    ศึกษาท่องจำตำราของท่านอาจารย์
    เทพ สาริกาบุตร วันหนึ่งในขณะที่อยู่ใน
    โบสถท่านก็ได้ท่องมนต์ของอาจารย์
    เทพ สาริกาบุตรอยู่นั้น หลวงพ่อภูท่าน
    ได้เดินมาในโบสถ์ท่านได้ยิน อาจาร
    ย์ต๊ะกำลังท่องมนต์อยู่นั้น หลวงพ่อภู
    ท่านบอกให้ไปหาที่กูฏิท่านหลังจากทำวั
    ตรเย็นเสร็จแล้ว อาจารย์ต๊ะก็ได้ไปพบ
    ตามที่นัดหม ายไว้ หลวงพ่อภูท่านก็ให้
    ไปหยิบใบพลูมา 1 ใบ แล้วท่านก็ถาม
    อาจารย์ต๊ะว่าจะเอาเปรี้ยวหรือเอาหวาน
    อาจารย์ต๊ะท่านตอบว่าเอาหวาน หลวง
    พ่อภูท่านก็เอาใบพลูมาฉีกแบ่งออกเป็น
    2 ส่วน ท่านหยิบส่วนแรก แล้วเสกลงใน
    ส่วนนั้น ส่งให้ อาจารย์ต๊ะ ท่านเคี้ยว
    ปรากฏว่ารสชาติออกมาหวาน แล้วท่าน
    ก็เสกลงที่ใบพลูส่วนที่เหลือแล้วให้ อา
    จารย์ต๊ะเคี้ยวปรากฎว่ารสเปรี้ยว ด้วย
    เหตุนั้นมาทำให้อาจารย์ต๊ะท่านเกิด
    ความตั้งใจขอเรียนวิชากับ หลวงพ่อภู
    มาโดยตลอดทุกวันหลังทำวัตรเย็นเสร็จ
    จนสามารถสีบทอดสรรพวิชาจากหล
    วงพ่อภูมาอย่างมากมายทั้งทางตรงและ
    ทางอ้อม
    หลังจากนั้นต่อมาท่านติดตาม หลวงพ่อ
    ภูไปนั่งปรก พุทธาพิเษกวัตถุมงคลตาม
    วัดวาอารามต่างๆที่ได้รับนิมนต์ ในยุค
    สมัยนั้น จนท่านอาจารย์ต๊ะได้มีโอกาส
    ไปพบกับ หลวงพ่อพรหม วัดขนอน
    เหนือ ผู้โด่งดังแห่งยุคในจังหวัดพระน
    ครศรีอยุธยา พระนารายณ์ พระบุตร -
    ลบ หนุมาน ราชสีห์ ท่านก็ไปขอศึกษา
    ร่ำเรียนวิชา พระนารายณ์ หนูมาน และ
    วิชาสกยันต์ จากหลวงพ่อมาโดยตรง
    และนอกเหนือจากนั้นท่านร่ำเรียนวิชา
    เสกปลัดขิกจาก ปูพาน ศิษย์ฆราวาส
    คนเดียวของหลวงพ่อเกิด วัดสะพาน
    ตำรานี้เป็นตำราของหลวงพ่อเหลือวัด
    สาวชะโงก
    ต่อมาท่านเดินทางไปเรียนวิชา ทำ
    ตะกรุดหน้าผากเสือ และเสกเสือ จาก
    หลวงพ่อขวัญ วัดอรุณ ฯ ท่านได้เรียน
    มาจากหลวงปู่นาค และฝากตัวเป็นศิษย์
    หลวงพ่อหยอด วัดแก้วเจริญ
    หลวงพ่อเมี้ยน วัดโพธิ์กบเจ้า ตามให้
    ท่านไปเรียนกับท่าน (เจ้าตำหรับ 5 ม)
    หลวงพ่อทองใบ วัดสายไหม ท่านไป
    เรียน วิชาทำน้ำมนต์ เสกนะ หลวงพ่อเก๋
    วัดแม่น้ำ ท่านก็ไปฝากตัวเป็นศิษย์ และ
    ต่อมา อาจารย์นิรันดร์ แดงวิจิตร ผู้เป็น
    ตาเคยเรียก อาจารย์ต๊ะท่านไปอาบน้ำ
    มนต์ครอบครูวิชาและตำราเทพระกริ่ง
    ให้เมื่อ ลอยกระทงปี 36 และปี 40 หลัง
    จากนั่งปรกวัดสุทัศน์เทพวรารามเสร็จ
    แล้ว
    และได้เรียนตำราเสกช้าง เพิ่มเติมจาก
    ตำราเก่าของวัดช้าง จาก หลวงพ่อฉาบ

    พระกริ่งวัดช้าง นครนายก
    วัดคลองจันทร์ จังหวัดชัยนาถ
    อีกทั้งท่านได้ร่ำเรียนวิชาลงตะกรุดบัง
    ปืนใบลานจากหลวงพ่อสง่า วัดบ้านหม้อ
    ราชบุรี พระเกจิอาจารย์แห่งลุ่มแม้น้ำแม่
    กลอง จากหลวงพ่อมาโดยตรงอีกมาย
    มาย และไปมาหาสู่เป็นประจำ หลวงพ่อ
    สง่าท่านรักและเมตตา อาจารย์ต๊ะเป็นอ
    ย่างมาก ที่มีงานพุทธาพิเษกพระกริ่ง
    ของทางวัดช้างครั้งใด หลวงพ่อท่านจะ
    เมตตามานั่งปรกให้ทุกครั้ง
    ท่านไปศึกษาโหราศาสตร์ กับพระมหา
    ณัฐพงษ์ ฐิตปญฺโญ วัดชำนิหัตถการ
    (วัดสามง่าม) เชิงสะพานยศเส ปทุมวัน
    กรุงเทพฯ
    และคาดว่าท่านยังศึกษาวิชาต่างๆ จาก
    พระเกจิอาจารย์อื่น ๆ อีกมากมาย ที่
    มิได้กล่าวมาข้างต้น
    จากหลักฐานรูปถ่ายพิธีปลุกเสกพระ
    กริ่งของท่านไม่ว่ารุ่นใดในอดีต พระ
    เถระคณาจารย์ที่ท่านให้ความเคารพ

    .2550 สร้างเนื่องในงาน
    โดยมี หลวงพ่อเปั่น วัดบางพระ หลวง
    พ่อทอง วัดสำเภาเชย หลวงพ่อพูล วัด
    ไผ่ล้อม นครปฐม หลวงพ่อคูณ วัด
    บ้านไร่ หลวงพ่อถนอม วัดสุทัศน์ พระ
    อาจารย์สาท (โม่ง) ธรรมโชติ วัดขนอน
    เหนือ ศิษย์และมีศักดิ์เป็นหลานชายแท้
    ๆ ของหลวงพ่อพห์ม วัดขนอนเหนือ
    และพระเถระสายสำนักวัดสุทัศน์เทพว
    ราราม อีก หลาย ๆ รูป ด้วยกัน ที่มิได้
    เอ่ยนาม ก็เป็นพระเถระคณาจารย์ที่
    ท่านให้ความเคารพนับถือ และกราบอา
    ราธนามานั่งปรกในมณฑลพิธีพระกริ่ง
    วัดช้างของท่าน
    นับว่าเป็นที่น่าเสียดายที่ท่านมาด่วน
    จากไป เนื่องจากสุขภาพร่างกายท่าน มี
    โรคประจำตัวแทรกซ้อนมากมาย ทั้ง
    เบาหวาน ความดัน ก่อนการเดินทางแ
    พทย์ประจำตัวของท่านตรวจรักษาโรค
    ประจำตัว และกำชับว่าไม่อยากให้เดิน
    ทางในช่วงนี้ แต่เนื่องจากอุปนิสู้ยของ
    พระอาจารย์ท่านมักเป็นคนดื้อรั้น ไม่
    อยากผิดคำพูดที่รับปากว่าจะไป และ
    ท่านก็ไม่ได้นำยาที่ฉันประจำ ติดไปจึง
    ทำให้ท่านมิอาจทนกับความทุกข์ทร
    มานในร่างกายของท่านได้ ท่านระ
    สังขารไปอย่างรวดเร็วโดยที่คณะศิษย์
    ยานุศิษย์ของท่านทุกคนมิทันตั้งตัว
    อย่างไรก็ตามสิ่งที่ท่านหลงเหลือไว้ก็
    เป็นคุณความดี และหลวงพ่อดำศักดิ์
    สิทธิ์ ที่ท่านตั้งใจจัดสร้างขึ้นมาให้ชาว
    อำเภอบ้านนา ได้กราบไหว้บูชา อยู่ทุก
    วันนี้
    ท่านพระครูธวัชภัทราภรณ์ หรือพระอา
    จารย์ต๊ะ เข้าดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าอาวา
    สวัดช้างลำดับ ที่ ๙ หลังจากที่พระจา
    รย์ต๊ะ เข้ารับตำแหน่งแล้ว ก็ได้ดำริที่
    จะให้มีการจัดสร้างพระกริ่งใหญ่ของวัด
    ช้าง ขึ้นมาอีกครั้ง หลังจากที่มีเคยการ
    จัดสร้างพระกริ่งใหญ่วัดช้างขึ้นมาแล้ว
    ครั้งหนึ่ง ซึ่งการสร้างพระกริ่งใหญ่วัด
    ช้างในครั้งนั้น เกิดขึ้นโดยท่านอาจารย์
    นิรันดร์ แดงวิจิตร หรืออาจารย์หนู ได้
    กราบทูลขอท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระ
    สังฆราช(แพ) ให้มีการสถาปนา จัด
    สร้างพระกริ่งวัดช้างขึ้นมา เพื่อหาราย
    ได้มาใช้ในการก่อสร้างโรงเรียนวัดช้าง
    ซึ่งองค์สมเด็จพระสังฆราช(แพ) ก็ทรง
    พระเมตตา ประทานอนญาต ตามคำ
    เพลิงศพ พระครูธวัชภัทราภรณ์(ต๊ะ) จัดเป็นพระกริ่งในสายวัดสุทัศน์ เนื่องจากในอดีตเมื่อพศ.2484 สมเด็จพระสังฆราช (แพ ) ก็มีการสร้างพระกริ่งขึ้นที่วัดช้างแห่งนี้ และอจ.นิรันดร์ แดงวิจิตร(พระครูหนู) ก็ผูกพันกับวัดช้างเนื่องจากเป็นวัดบ้านเกิด พระกริ่งที่สร้างขึ้นที่วัดช้างจึงมีชนวนโลหะพระกริ่งรุ่นเก่าของวัดสุทัศน์เป็นส่วนผสม ที่ใต้ฐานตอกโค๊ตรูปช้าง ที่องค์พระกริ่งมีแป้งเจิมที่ด้านหน้า
    ให้บูชา 600 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    IMG_20231212_220658.jpg IMG_20231212_220730.jpg IMG_20231212_220808.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 ธันวาคม 2023
  14. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,703
    ค่าพลัง:
    +21,337
    วันนี้ จัดส่ง

    1702455732442.jpg
    ขอบคุณครับ
     
  15. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,703
    ค่าพลัง:
    +21,337
    พระสมเด็จวัดไก่จ้น รุ่นถิ่นกำเนิดปี 2542 ผสมผงเก่าหลวงปู่ลำภู

    และ มวลสารพระสมเด็จหลวงพ่อโตในกรุเจดีย์บางขุนพรหม
    พิมพ์เกศทะลุซุ้มสวยเดิม มองเห็น มวลสาร

    พระสมเด็จหลังยันต์หมึก สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) วัดไก่จ้นจ.พระนครศรีอยุธยา ปี 2542
    รุ่น"ถิ่นกำเนิด" เนื้อผงมวลสารเก่าพระสมเด็จลป.ลำภู ปี 2502
    วัตถุมงคล รุ่น"ถิ่นกำเนิด"
    สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) สุดยอดอานุภาพความศักดิ์สิทธิ์ หนึ่งในอมตะปูชนียวัตถุมงคล อันล้ำค่าควรมีไว้สักการะบูชา เพื่อความเป็นสิริมงคลเเก่ชีวิตนและครอบครัว
    เป็นที่ทราบกันดีว่า สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี)อมตะเถราจารย์ ท่านมีถิ่นกำเนิด ณ บ้านไก่จ้น ตำบลท่าหลวง อำเภอท่าเรือ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา วัดไก่จัน ได้ถือเอามหามงคลนามดังกล่าว จัดพิธีมหาพุทธาภิเษกวัตถุมงคล รุ่น'ถิ่นกำเนิด" สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) ณ อุโบสถ วัดไก่จ้น วันเสาร์ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2542 (ขึ้น 14 ค่ำ เดือน 3) ฤกษ์จุดเทียนไชย เวลา 15.39 น. ดับเทียนไชย เวลา 17.39 น. "ราชาฤกษ์" (ฤกษ์แห่งความมีอำนาจ วาสนา มั่งคั่ง มั่นคง โชคลาภ ร่ำรวย)
    พระวิปัสสนาจารย์เจริญจิตภาวนาลงแผ่นฉนวนทอง
    และ ร่วมพิธีพุทธาภิเษกนั่งปรกบริกรรม 19 รูป อาทิ
    ลพ.สวัสดิ์ วัดศาลาปูน
    ลพ.รวย วัดตะโก
    ลพ.เอียด วัดไผ่ล้อม
    ลพ.พูน วัดบ้านแพน
    ลพ.แย้ม วัดสามง่าม
    ลพ.อวยพร วัดดอนยายหอม
    ลพ.เพี้ยน วัดเกริ่นกฐิน
    ลพ.สุนทร วัดหนองสะเดา
    ลพ.บุตร วัดหนองเขื่อนช้าง
    ลป.พวง วัดสหกรณ์รังสรรค์
    ลพ.สารัตน์ วัดดงน้อย
    ลพ.แบน วัดใหม่นพรัตน์
    พระอาจารย์ธรรมนูญ วัดมณีชลขันธ์ ....ฯลฯ
    พระผงพิมพ์สมเด็จหลังยันต์ใบพัด สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี)นั้นได้ผสมผงพระ ผงมวลสารจำนวนมาก ทั้งผงสมเด็จเก่ากรุบางขุนพรหม ทั้งผงพระสมเด็จลป.ลำภู ปี 2502 ชำรุดจำนวนมาก
    ✨ผงพระสมเด็จลป.ลำภู ปี 2502 ✨
    การสร้างพระสมเด็จผงบางขุนพรหม ปี 2502 เพราะในขณะนั้น หลวงปู่ลำภู(รองเจ้าอาวาสวัดใหม่อมตรส)ได้เป็นกรรมการในการเปิดกรุเจดีย์ซึ่งบรรจุพระสมเด็จบางขุนพรหม ในการเปิดกรุครั้งนั้นมีพระสมเด็จที่หัก พระสมเด็จชำรุดจำนวนมาก หลวงปู่ลำภูท่านจึงให้เก็บรักษาไว้ที่กุฏิของท่าน พอผู้คนและบรรดาลูกศิษย์ทราบก็มาขอท่านอยู่บ่อยๆ จนท่านได้ตัดสินใจ นำพระสมเด็จบางขุนพรหมที่หักชำรุดจำนวนมาก มาบดจนละเอียด แล้วนำมาผสมผงมวลสารวิเศษต่างๆ และผงพระสมเด็จวัดระฆังฯซึ่งท่านได้เก็บรวบรวมไว้ นำมาผสมสร้างเป็นพระสมเด็จบางขุนพรหมในปี 2502
    ทางวัดไก่จัน ได้ถือนำเอาผงวิเศษมหามงคล คือ
    -ผงพระสมเด็จกรุบางขุนพรหม
    -ผงจากพระสมเด็จ ลป.ลำภู ที่แตกหักชำรุด จำนวนมาก
    ซึ่งทางวัดได้เก็บรักษาไว้ นำมาจัดสร้างวัตถุมงคล เพื่อหาปัจจัยนำมาบูรณะเสนาสนะสถานของทางวัด และได้จัดพิธีมหาพุทธาภิเษกวัตถุมงคล รุ่น'ถิ่นกำเนิด"ขึ้น เพื่อสมนาคุณ
    ให้แก่ผู้ร่วมบุญกุศลในครั้งนี้เพื่อความเป็นสิริมงคลเเก่ผู้บูชา
    พระสมเด็จวัดไก่จ้นให้บูชา 200 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    IMG_20231213_161954.jpg IMG_20231213_162035.jpg IMG_20231213_161919.jpg
     
  16. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,703
    ค่าพลัง:
    +21,337
    เหรียญพระพุทธไสยาสน์ หลังสมเด็จโต วัดสะตือ อยุธยา ที่ระลึก 215 ปี พ.ศ.2546
    เนื้อกะไหล่ทองตอกหมายเลข กล่องเดิม
    สำหรับ "พระพุทธไสยาสน์ วัดสะตือ" นั้น ในโอกาสฉลองอายุหลวงปู่โตครบ 215 ปี เมื่อปี พ.ศ.2546 ได้มีการจัดสร้างวัตถุมงคล "สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี รุ่น 215 ปี สมเด็จโต" ขึ้น โดยจัดพิธีมหาพุทธาภิเษกอย่างยิ่งใหญ่ ณ มณฑลพิธีหน้าพระพุทธไสยาสน์ วัดสะตือ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ถิ่นกำเนิดของท่านเจ้าประคุณ สมเด็จฯ เมื่อวันที่ 18-20 กรกฎาคม พ.ศ.2546 มีการสวดพระคาถาชินบัญชร 3 วัน 3 คืน หน้าองค์พระพุทธไสยาสน์ วัดสะตือ โดย สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ วัดปากน้ำภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร เป็นประธานจุดเทียนชัย และ หลวงปู่ทิม วัดพระขาว จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นประธานดับเทียนชัย พร้อมพระเกจิชื่อดังร่วมพิธีมากมาย๑๐๘รูปทั่วประเทศ
    ให้บูชา 200 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    IMG_20231213_163503.jpg IMG_20231213_163426.jpg IMG_20231213_163345.jpg
     
  17. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,703
    ค่าพลัง:
    +21,337
    พระชุดฉลองมณฑปหลวงปู่เทียนวัดโบสถ์พิธีใหญ่เกจิอาจารย์ในยุคนั้นปลุกเสก ชุดนี้พิเศษเป็นชุดที่แจกเป็นของขวัญผมแกะโบว์ออกเพื่อถ่ายรูปแต่ติดตามเดิมแล้ว
    ให้บูชา 200 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    IMG_20231213_190104.jpg IMG_20231213_190126.jpg IMG_20231213_190023.jpg
    IMG_20231213_185949.jpg
     
  18. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,703
    ค่าพลัง:
    +21,337
    1702474336413.jpg
    เรื่องราวนี้เกิดขึ้นเมื่อเช้าของ วันที่ ๕ มกราคม พ.ศ. ๒๕๒๘ หนังสือพิมพ์รายวันชั้นนำหลายฉบับรวมทั้ง “อ่านความจริง...อ่านเดลินิวส์” ของท่านผู้อ่านทุกท่านก็เป็นอีกฉบับที่ทำการพาดหัวข่าวตัวโตว่า “นักเรียนยิงครูสาวแล้วฆ่าตัวตายตาม” ส่วนข่าวเนื้อในมีเนื้อข่าวน่าตื่นเต้นดังนี้ “เมื่อเวลา ๑๑.๓๐ น. วันที่ ๔ ม.ค. ๒๕๒๘ “ร.ต.ต.โสรส สุวรรณกูล” นายร้อยเวร สภ.อ. เมืองลพบุรี รับแจ้งมีเหตุ “คนยิงตัวตาย” ที่หน้าร้านขายของเก่า “ธีระพันธ์วานิช” เลขที่ ๑/๒๐-๒๑ ถนนสระแก้ว-ป่าหวาย อ.เมือง จ.ลพบุรี จึงพร้อมด้วย “พ.ต.ท.ชัยณรงค์ ว่องชิงชัย” รอง ผกก. “พ.ต.ท.ปรัชญา สุทธปรีดา” สวญ. และตำรวจจำนวนหนึ่งไปยังที่เกิดเหตุทำการสอบสวนและชันสูตรพลิกศพ พบร่างของนักเรียนหนุ่มซึ่งอยู่ในชุด นักเรียน โรงเรียนวินิตศึกษา นอนหงายจมกองเลือดอยู่ริมถนนทราบชื่อว่า “นายสมศักดิ์ กลิ่นเมฆ” อายุ ๒๐ ปี เป็นนักเรียนชั้น ม.๖/๒ มีบาดแผลถูกยิงที่ “ขมับขวา” ๑ แห่งด้วยกระสุนปืนขนาด .๓๘ กระสุนฝังในโดยที่ข้างตัวด้านขวามือพบปืน “ขนาด .๓๘ ยี่ห้อสมิทแอนด์เวสสัน” ไม่มีหมายเลขทะเบียนตกอยู่ ๑ กระบอก ในรังเพลิงมีปลอกกระสุนเหลืออยู่ ๔ ปลอก และกระสุนอีก ๒ นัด จึงเก็บไว้เป็น หลักฐาน นอกจากนี้พบร่างของ “หญิงสาว” ถูกยิงด้วยกระสุนปืนขนาดเดียวกันนั่งฟุบอยู่บนรถยี่ห้อมาสด้า หมายเลขทะเบียน ลพ บุรี ๓๖๖๘ มีบาดแผลที่ “หน้าท้อง” ๑ แห่ง “หัวไหล่ซ้าย” ๑ แห่ง และที่ “กลางหลัง” อีก ๑ แห่ง กระสุนฝังในอาการสาหัสจึงนำตัวส่ง “โรงพยาบาลลพบุรี” ทราบชื่อภายหลังว่า “น.ส.สุชาดา เศรษฐจินดา” อายุ ๒๓ ปี เจ้าของ “โรงเรียนสอนดนตรี” และเป็นลูกสาวเจ้าของเอเย่นต์ขาย รถยนต์มาสด้า จากการสอบสวนได้ความว่าก่อนเกิดเหตุ “นายสมศักดิ์” ผู้ตายได้มีปากเสียงกับ “น.ส.นฤมล จิตเฉย” อายุ ๑๘ ปี ซึ่งเป็น “นักเรียน” โรงเรียนเดียวกันและคบหาเป็นแฟนกันแต่ต่อมา “น.ส.นฤมล” ตีตัวออกห่างเนื่องจาก “นายสมศักดิ์” ทำตัวเกเรไม่ถูกทรรศนะจึงทำให้ “นายสมศักดิ์” โกรธแค้นจึงชักปืนที่ขโมยของพ่อมายิง “น.ส.นฤมล” ๑ นัดในห้องเรียนแต่ “กระสุนด้าน” ช่วงนั้นเพื่อนและ “ครู” ที่เห็นเหตุการณ์ จึงเข้าห้ามแล้วกันให้ “น.ส.นฤมล” หนีไปแจ้งตำรวจ “นายสมศักดิ์” จึงหนีออกจากโรงเรียน ระหว่างเดินอย่างเร่งรีบมาถึงหน้าร้านขายของเก่า “ธีระพันธ์วานิช” ซึ่ง เป็นที่เกิดเหตุและอยู่หน้าบ้านของ “นายกมล ธีระพันธ์วานิช” ซึ่งเป็น “ส.ส.ลพบุรี” อีกด้วยก็พบเห็น “น.ส. สุชาดา” นำของขวัญปีใหม่มามอบให้ “นายกมล” แล้ว กลับไปขึ้นรถเตรียมจะกลับบ้าน

    ช่วงนั้นเอง “นายสมศักดิ์” ที่มีอารมณ์เสียเป็นทุนเดิมอยู่แล้วจึงระบายอารมณ์ชักปืนออกมายิง “น.ส.สุชาดา” ๓ นัดซ้อน จนเห็นว่า “น.ส.สุชาดา” ถูกกระสุนปืนฟุบหมดสติไปแล้ว “นายสมศักดิ์” จึงใช้ปืนกระบอกเดียวกันจ่อที่ขมับด้านขวาของตัวเอง แล้วลั่นกระสุนปืนยิงตัวเองถึงแก่ความตายจากเนื้อข่าวดังกล่าวมี “ข้อเท็จจริง” ที่ผิดไปจาก “ความจริง” บางส่วนผู้เขียนจึงตรงไป “โรงเรียนวินิตศึกษา” ได้พบกับ “คุณครูชูชาติ ลาวัณย์” ที่ให้รายละเอียดเพิ่มเติมรวมถึงเรื่องราว “อภินิหาร” ที่เกิดขึ้นคือ “กระสุนปืน” ไม่ระเบิดก็เพราะ “น.ส. นฤมล” ผู้ถูกยิงแขวนเหรียญ “หลวงพ่อพระพุทธวรญาณ” ไว้บนคอเพียง “เหรียญเดียว” กระสุนปืนที่จ่อยิงนอกจาก “ลูกปืนไม่ระเบิด” แล้ว “หัวกระสุนปืน” ยังไหลออกมาตกลงกับพื้น โดยเหตุการณ์ในห้องเรียนเกิดขึ้นเพราะ “พิษรักแรงหึง” คือขณะ “คุณครูประไพ พหลยุทธ” กำลังสอนหนังสืออยู่ ๆ “นายสมศักดิ์” ก็ลุกขึ้นยืนแล้วใช้ปืนกระบอกนั้น “ยิงตัวเอง” ถึง ๓ นัดแต่กระสุนไม่ลั่นเพื่อน ๆ และ “คุณครูประไพ” จึงเข้าไปห้ามแต่แทนที่ “นายสมศักดิ์” จะเชื่อฟังกลับหันปากกระบอกปืนยิงเพื่อนอีก “๓ นัด” แต่กระสุนก็ไม่ลั่นเช่นกันเมื่อเป็นเช่นนั้น “นายสมศักดิ์” รีบทำการเปลี่ยนลูกปืนใหม่แล้วหันปากกระบอกปืนจ่อยิง “น.ส.นฤมล” อีก ๑ นัด จากนั้นจึงวิ่งหนีออกจากโรงเรียนไปก่อเหตุระทึกขวัญดังกล่าวข้างต้น ส่วนเหตุที่กระสุนปืนไม่ลั่นในห้องเรียนถึง “๖ นัด” นั้นเป็นเพราะเหตุใด “คุณครูชูชาติ” ซึ่งเป็นผู้เห็นเหตุการณ์เล่าเพิ่มเติมว่า ภายในห้องเรียนทุกห้องมีรูปบูชาสักการะของ “พระพุทธวรญาณ” ติดอยู่ทุกห้องจึงคาดว่าคงเป็นด้วยบารมีของ “พระพุทธวรญาณ” ซึ่งเป็นที่เคารพสักการะของ “ครูและนักเรียน” โรงเรียนวินิตศึกษาทุกคนก็เป็นได้ส่วน “น.ส.นฤมล” ซึ่งถูก “นายสมศักดิ์” ใช้ปืนจ่อยิงประชิดตัวแต่ลูกปืน “ไม่ระเบิด” เพียงแต่กระสุนปืนไหลออกมาจากปากกระบอกตกลงข้างตัวก็ล้วนแล้วแต่เป็นเพราะบารมีของ “เหรียญหลวงพ่อพระพุทธวรญาณ” รุ่นใหม่ที่เพิ่งแจกให้กับ “เด็กนักเรียนวินิตศึกษา” เพื่อนำไปอาราธนาขึ้นแขวนคอนั่นเองเพราะในนาทีที่ “นายสมศักดิ์” จ่อยิงประชิดตัว “น.ส.นฤมล” มีอาการตกใจสุดขีดพร้อมกับยกมือตัวเองประทับกับอกไปตามสัญชาตญาณและร้องออกมาว่า “หลวงพ่อช่วยด้วย” เพราะในคอของเธอแขวนเหรียญรุ่นใหม่เอี่ยมของ “หลวงพ่อพระพุทธวรญาณ” ซึ่งเป็นเหรียญเล็ก ๆ เพียงเหรียญเดียวเท่านั้น จึงทำให้กระสุนปืนไม่ลั่นแสดงถึงอานุภาพบารมีความศักดิ์สิทธิ์ของ “หลวงพ่อพระพุทธวรญาณ” สามารถปกป้องคุ้มครองรักษาชีวิตให้ “น.ส.นฤมล” รอดพ้นภัยไปได้อย่างอัศจรรย์อย่างยิ่ง

    และอานุภาพความศักดิ์ สิทธิ์ของ “เหรียญหลวงพ่อพระพุทธวรญาณ วัดกวิศรารามฯ ลพบุรี” ไม่เพียงเกิดขึ้นเฉพาะเหตุการณ์ครั้งนี้เท่านั้น บรรดาลูกศิษย์ของหลวงพ่อซึ่งได้รับแจกเหรียญจากหลวงพ่อ นำไปอาราธนาใช้แขวนบูชาสักการะประจำตัวต่างมีประสบการณ์กันมาแล้วมากมาย โดยเฉพาะในทางแคล้วคลาดจากอุบัติเหตุอันตราย ถึงแม้เหรียญของหลวงพ่อจะเป็นเหรียญที่เรียบง่าย มีเพียงรูปของท่านและลายเซ็นไว้ก็ตาม แต่ความเข้มขลังยิ่งใหญ่นักเพราะ “หลวงพ่อพระพุทธวรญาณ” เป็นพระผู้มีกิตติคุณในทางคุณงามความดี มีธรรมะแตกฉานเป็นพระราชาคณะผู้ใหญ่ถึงชั้น “รองสมเด็จฯ” ครองเพศบรรพชิตอยู่อย่างสงบวิเวกปฏิบัติธรรมด้วยความบริสุทธิ์และปัญญาญาณของท่าน จึงเป็นพลังอันยิ่งใหญ่ที่ถ่ายทอดลงในวัตถุมงคลของท่านให้มีความศักดิ์สิทธิ์เป็นที่น่าอัศจรรย์ยิ่งนัก
    1702474338198.jpg
    “พระพุทธวรญาณ” (กิตฺติทินฺนเถระ) มีนามเดิมว่า “ทองย้อย บัวอ่อน” เป็นบุตร “นายทิพย์-นางขาว บัวอ่อน” เกิดเมื่อวันจันทร์ที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๔๔๘ เริ่มเรียนหนังสือไทยโดยโยมบิดาได้นำไปฝากไว้ที่ วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ เพื่อศึกษาพระปริยัติธรรมทั้งแผนกธรรมและบาลีจนอายุได้ ๑๖ ปี จึงบรรพชาเป็นสามเณร ณ วัดมหาธาตุฯ อุปสมบทเมื่ออายุ ๒๐ ปี ณ พัทธสีมาวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ โดยมี พระธรรมไตรโลกาจารย์ (เฮง เขมจารี ต่อมาเป็นสมเด็จพระวันรัต) อธิบดีสงฆ์วัดมหาธาตุฯ ขณะนั้นเป็นพระอุปัชฌายะ พระญาณสมโพธิ (สวัสดิ์ กิตฺติสาโร) วัดมหาธาตุฯ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระศรีสมโพธิ (ฐานทตฺโต) วัดมหาธาตุ เป็นพระอนุสาวนาจารย์ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๗๓ สอบได้เปรียญธรรมประโยค ๘ ขณะอายุ ๒๖ ปี ล่วงถึงในปี พ.ศ. ๒๔๗๖ สมเด็จพระวันรัต เขมจารีมหาเถระ พระอุปัชฌายะ ได้จัดส่งกลับมาตุภูมิเพื่อบริหารงานคณะสงฆ์จังหวัดลพบุรี จนได้รับสมณศักดิ์ครั้งสุดท้ายเป็นพระราชาคณะชั้นรองสมเด็จในนาม “พระพุทธวรญาณ” เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๓๒ นับเป็นพระเถระองค์แรกที่ได้รับพระราชทานราชทินนามนี้ ต่อมาได้ถึงแก่มรณภาพ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๑๗ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๓๕ สิริอายุได้ ๘๗ ปี

    “พระพุทธวรญาณ” นับว่าเป็นพระเถระชั้นผู้ใหญ่ผู้มีบารมีธรรมแห่งลพบุรี นับเป็นปูชนียบุคคลอันสูงค่ายิ่ง ควรค่าแก่การบูชาสักการะตลอดกาลนาน.
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    พระสมเด็จบัวทิพย์รุ่น แรก ให้บูชา 150 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ(ปิดรายกการ)
    IMG_20231213_203322.jpg IMG_20231213_203350.jpg IMG_20231213_203253.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 ธันวาคม 2023
  19. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,703
    ค่าพลัง:
    +21,337
    1702571035568.jpg
    หลวงพ่อไป๋ ญาณผโล วัดท่าหลวง พิจิตร
    ข้อมูลประวัติ
    เกิด วันอังคารที่ 14 เมษายน 2439 ณ บ้านวังไม้ดัก พิจิตร เป็นบุตรของ นายน้อย นางเล็ก นาควิจิตร
    บรรพชา อายุ 16 ปี ณ วัดคลองคเชนทร์ ได้ 2 พรรษา จึงลาสิกขาบท
    อุปสมบท อายุ 20 ปี วันที่ 3 พฤษภาคม 2459 ณ วัดมูลเหล็ก
    มรณภาพ วันที่ 21 มิถุนายน 2517 ณ โรงพยาบาลพิจิตร เวลา 22.48 น.
    รวมสิริอายุ 78 ปี
    หลวงพ่อไป๋ ญาณผลโล (สกุลเดิม นาควิจิตร) หรือ พระฑีฆทัสสีมุนีวงศ์ เกิดเมื่อวันที่ 14 เม.ย. 2439 หมู่ที่ 7 ต.โรงช้าง อ.เมือง จ.พิจิตร เมื่อครั้งวัยฉกรรจ์อายุครบเกณฑ์ทหารได้รับใช้ชาติสังกัดทหารราบประจำมณฑลพิษณุโลก เป็นเวลา 2 ปี ได้รับยศเป็นสิบตรี เมื่อปี 2459 ได้ลาออกจากราชการทหารและอุปสมบทเมื่อวันที่ 3 พ.ค. 2459 ณ วัดมูลเหล็ก ต.คลองคะเชนทร์ อ.เมือง จ.พิจิตร โดยมีพระครูศีลธรารักษ์ (ยิ้ม) เป็นพระอุปัชฌาย์ สุดท้ายวันที่ 5 ธ.ค. 2499 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะที่พระฑีฆทัสสีมุนีวงศ์ มงคลพิจิตร ยติคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี (เจ้าอาวาสวัดท่าหลวงและเจ้าคณะจังหวัดพิจิตรตลอดมาจนถึงมรณภาพ 43 ปี) เมื่อวันที่ 22 มิ.ย. 2517 รวมอายุได้ 78 ปี 2 เดือน 8 วัน 53 พรรษา ซึ่งเครื่องรางและพระเครื่องที่ลือเรื่องของท่านคือ ตะกรุดกระดูกแร้ง (เกจิอาจารย์เมืองพิจิตร, 2522)
    วัตถุมงคลที่ได้รับความนิยม
    วัตถุมงคลของหลวงพ่อเพชร วัดท่าหลวง พิจิตร ล้วนเป็นวัตถุมงคลที่สร้างขึ้นในช่วงระหว่างที่ท่านครองวัดเป็นเจ้าอาวาสทั้งสิ้น ทั้งประภทเหรียญปั๊ม พระหล่อ เป็นต้น

    พระเครื่องที่รู้จักกันดีที่หลวงพ่อไป๋ได้สร้างขึ้น คือ หลวงพ่อเพชรสามเหลี่ยม เพื่อสมทบทุนทรัพย์สร้างอุโบสถวัดท่าหลวง แต่พิมพ์นี้คือพระคะแนนทำจากเนื้อเงิน หายากมาก (ที่มา : หนังสือพระเครื่องพระบูชาเมือง

    หลวงพ่อไป๋ ญาณผลโล (สกุลเดิม นาควิจิตร) หรือ พระฑีฆทัสสีมุนีวงศ์ เกิดเมื่อวันที่ 14 เม.ย. 2439 หมู่ที่ 7 บ้านวังไม้ดัก ต.โรงช้าง อ.เมือง จ.พิจิตร เป็นบุตรของ นายน้อย นางเล็ก นาควิจิตร บรรพชา อายุ 16 ปี ณ วัดคลองคเชนทร์ ได้ 2 พรรษา จึงลาสิกขาบท เมื่อครั้งวัยฉกรรจ์อายุครบเกณฑ์ทหารได้รับใช้ชาติสังกัดทหารราบประจำมณฑลพิษณุโลก เป็นเวลา 2 ปี ได้รับยศเป็นสิบตรี เมื่อปี 2459 ได้ลาออกจากราชการทหารและอุปสมบทเมื่อวันที่ 3 พ.ค. 2459 ณ วัดมูลเหล็ก ต.คลองคะเชนทร์ อ.เมือง จ.พิจิตร โดยมีพระครูศีลธรารักษ์ (ยิ้ม) เป็นพระอุปัชฌาย์และได้เรียนวิชาอาคมจากหลวงพ่อเงินบางคลานและท่านยังเป็นศิษย์น้องของหลวงพ่อพิธวัดฆะมังด้วย สุดท้ายวันที่ 5 ธ.ค. 2499 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะที่พระฑีฆทัสสีมุนีวงศ์ มงคลพิจิตร ยติคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี (เจ้าอาวาสวัดท่าหลวงและเจ้าคณะจังหวัดพิจิตรตลอดมาจนถึงมรณภาพ 43 ปี) เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2517 ณ โรงพยาบาลพิจิตร เวลา 22.48 น. รวมอายุได้ 78 ปี 2 เดือน 8 วัน 53 พรรษา
    วัตถุมงคลที่ได้รับความนิยม
    วัตถุมงคลของหลวงพ่อเพชร วัดท่าหลวง พิจิตร ล้วนเป็นวัตถุมงคลที่สร้างขึ้นในช่วงระหว่างที่ท่านครองวัดเป็นเจ้าอาวาสทั้งสิ้น ทั้งประภทเหรียญปั๊ม พระหล่อ เป็นต้น
    พุทธคุณที่เล่าสืบทอดกันมา
    พุทธคุณในเหรียญรุ่นปี 11 นี้เด่นทาง เมตตามหานิยมและรุ่นปี 14 ด้านรักษาโรค ส่วนตะกรุดกระดูกแร้งพุทธคุณ108
    เครื่องรางและพระเครื่องที่ลือเรื่องของท่านคือ ตะกรุดกระดูกแร้ง และเหรียญปลอดโรคปี2514

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ


    ผ้ายันต์มงคลวิเศษหลวงพ่อไป๋วัดท่าหลวงพิจิตรปี 2511
    ให้บูชา 350 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ(ปิดรายการ)
    เอาไปบูชาติดฝาผนังบ้าน ร้านค้า ติดรถ เรือ หรือ ม้วนทำตะกรุด หรือ พับเลี่ยม แขวนคอ ได้ทั้งนั้นครับ
    IMG_20231214_232038.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 ธันวาคม 2023
  20. shaj

    shaj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    7,898
    ค่าพลัง:
    +6,817
    ขอจองครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...