ร่างไร้วิญญาณบนยอดเขาเอเวอเรสต์ (18+)

ไปเจอมาในเว็ป Clipmass
เคยเห็นแต่ภาพอันสวยงามของเขาเอเวอร์เรสต์
แต่ระหว่างทางสู่ยอดเขา
นักปีนเขาก็จะต้องพบ กับร่างไร้วิญญาณของพวกเขาเหล่านี้...

ร่างไร้วิญญาณบนยอดเขาเอเวอเรสต์






​

เป็นที่ทราบกันอยู่แล้วว่ายอดเขาที่สูงที่สุดในโลกคือ "ยอดเขาเอเวอเรสต์" ของเทือกเขาหิมาลัยจุดสูงสุดอยู่บนรอยต่อระหว่างประเทศเนปาลและทิเบต ชื่อยอดเขาตั้งตามชื่อของนายพลนักสำรวจชาวอังกฤษชื่อ "จอร์จ เอเวอเรสต์" (George Everest) ซึ่งมาปฏิบัติงานในอินเดียราวช่วงปลายศตวรรษที่ 19 ส่วนผู้ที่พิชิตยอดเขานี้ได้สำเร็จเป็นคณะแรกคือ "เซอร์เอ็ดมันด์ ฮิลลารี " (Sir Edmund Hillary) ชาวนิวซีแลนด์ และ "เตนซิง นอร์เก" (Tenzing Norgay) ชาวเชอร์ปา เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 1953 นับจากนั้นก็ได้มีผู้พิชิตยอดเขานี้ได้สำเร็จอีกเป็นจำนวนมาก

มีคนมากกว่า 200 คน ที่ต้องสังเวยชีวิตในความพยายามที่จะพิชิตยอดเขาแห่งนี้ สาเหตุการตายนั้นมีมากมายทั้งอากาศบนยอดเขา การตกเขา รอยแยกของน้ำแข็งแบบเฉียบพลัน ช็อคจากการที่มีอ๊อกซิเจนน้อยเกินไป หินถล่ม หรือแม้แต่สภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงได้ในทุกนาที โดยเฉพาะอย่างยิ่งลมที่สามารถพัดแรงขึ้นจนถึงระดับเฮอริเคน ซึ่งสามารถพ้ดนักปีนเขาให้ร่วงไปสู่เหวข้างล่าง อ๊อกซิเจนที่ต่ำลงทำให้นักปีนเขาเริ่มหายใจลำบาก ส่งผลให้มีอากาศไปเล้ยงสมองไม่เพียงพอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลานอนหลับ ปฏิกริยาของร่างกายจะค่อยๆช้าลงจนไม่ตื่นขึ้นมาอีกเลย

นอกจากเหตุร้ายทั้งหมดนี้หากไปถามบรรดานักปีนเขาที่เคยเผชิญกับความสูงระดับ 29,000 ฟุต เขาถึงจะสามารถบอกคุณได้ว่ามีอุปสรรคมากมายเพียงใด โดยเฉพาะร่างไร้วิญญาณสภาพสมบูรณ์เพราะถูกปกป้องด้วยสภาพอากาศอันหนาวเหน็บตลอดทางขึ้นสู่ยอดเขา เป็นเครื่องเตือนความจำได้ดี ศพส่วนมากนั้นจะอยู่ในสภาพอากาศที่หนาวเย็นจึงมีสภาพที่ค่อนข้างสมบูรณ์ ในบางครั้งสาเหตุการตายของผู้คนเหล่านั้น ไม่อาจระบุได้เพราะบางคนตายแม้แต่ตอนที่กำลังหายใจ ในสภาวะที่ทุกย่างก้าวคือการต่อสู้ การช่วยชีวิตคนที่ตายหรือกำลังจะตายนั้นจะมีการทำในทุกทาง แต่ถ้าหากคุณตายแล้วนั้นการกู้ศพถือเป็นการกู้ศพเพื่อเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ร่างคนตายจะกลายเป็นหนึ่งในภูมิประเทศ หรือเหมือนอย่างที่หลายๆร่างกำลังเป็นคือจุดสนใจแก่คนรุ่นหลังที่ผ่านไป อย่างที่กล่าวไว้ในตอนแรกคือ มีกว่า 200 ร่างในระหว่างทางที่คุณจะพิชิตยอดเขาที่สูงที่สุดในโลกแห่งนี้

 

ตัวอย่างของผู้เสียชีวิต




​

David Sharp ร่างของเขายังคงนั่งอยู่ในถ้ำ นักปีนเขารู้จักเขาในนาม "Green Boots Cave" บนยอดเขาเอเวอเรสต์ เดวิดพยายามที่จะพิชิตมันในปี 2005 เมื่อใกล้ถึงยอดเขา เขาหยุดนั่งลงในถ้ำเพื่อพักผ่อน (ที่นี่ตลอดกาล) ร่างของเขาถูกตรึงไว้ด้วยน้ำแข็งที่ฉาบเขาไว้ทำให้ไม่สามารถเคลื่อนที่ได้ ในวันที่เขานั่งลงนั้นนักปีนเขาคนอื่นๆอีกกว่า 30 คน ก็ได้นั่งพักที่ตรงนั้นแล้วผ่านไป ก่อนที่เขาจะตายทีมของเขาได้ยินเสียงหายใจครางพวกเขาจึงหยุดแล้วเข้าไปคุยกับเดวิด ซึ่งตอนนั้นเขายังพูดจาโต้ตอบได้ ระบุชื่อตัวเองได้แต่ขยับร่างกายไม่ได้!! เพื่อนๆนักปีนเขาพยายามนำร่างที่แข็งของเขาออกไปสู่แสงแดด แต่เดวิดไม่สามารถขยับได้เลย ในที่สุดพวกเขาจึงต้องจากไปโดยทิ้งร่างของเดวิดไว้เบื้องหลัง ร่างของเขาจึงยังนั่งอยู่ในถ้ำซึ่งตอนนี้กลายเป็นจุดชี้ทางแก่นักปีนเขารุ่นหลังว่าพวกเขาใกล้ถึงยอดเขาแล้ว

​

ร่างของ "Green Boots" (นักปีนเขาชาวอินเดียผู้เสียชีวิตในปี 1996) นอนอยู่ใกล้กับถ้ำที่นักปีนเขาทุกคนต้องผ่านเพื่อไปสู่ยอดเขา ตอนนี้ร่างของกรีนบู๊ทถูกใช้เป็นจุดวัดระดับของนักปีนเขารุ่นหลังว่าพวกเขาอยู่ห่างจากยอดเขาเท่าใด ปี 1996 กรีนบู๊ทพลัดหลงจากกลุ่มและเดินออกมาในบริเวณชะง่อนเขา (เป็นปากถ้ำที่มีขนาดเล็กมาก) เขาหลบสภาพอากาศที่เลวร้ายอยู่ในชะง่อนนั้น เขานั่งลงตัวสั่นด้วยความหนาวเย็นจนกระทั่งเขาตาย เขาถูกพบเนื่องจากมีลมพัดหิมะที่ปกคลุมร่างของเขาขึ้นมา

 

​

ร่างของผู้เสียชีวิตที่ Advanced Base Camp หรือแค้มป์ 2 สาเหตุการเสียชีวิตเนื่องจากทนอากาศหนาวเย็นไม่ไหว

​

George Mallory เสียชีวิตในปี 1924 และเป็นคนแรกที่พยายามขึ้นสู่ยอดเขาที่สูงที่สุดในโลก ร่างของเขายังคงอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ มีการค้นพบร่างของเขาในปี 1999

​

ส่วนใหญ่ร่างของนักปีนเขาที่เสียชีวิตจะอยู่บนก้อนหินและมีหิมะปกคลุมร่างอยู่โดยรอบ ซึ่งจะรักษาสภาพศพไว้ไม่ให้เน่าเปื่อยแต่ไม่มีใครรู้ว่าเหตุใดศพนี้จึงเหลือแต่โครงกระดูก

​

ร่างนี้นอนแช่แข็งอยู่บนเขาในตำแหน่งที่เขาเสียชีวิต ที่นี้เขาตกลงมาในขณะที่เขาพยายามจะปีนขึ้นเขาและตายในท่าที่ตก

 

​

ร่างนี้คิดว่าน่าจะเสียชีวิตในขณะที่หยุดพักแล้วมีหิมะถล่มลงมา เมื่อหิมะละลายก็ได้เผยตำแหน่งของเขาขึ้นมา

​

บางครั้งการเสียชีวิตเนื่องจากการตกจากที่สูง จะไม่สามารถพบเห็นหรือหาพบได้ร่างเหล่านั้นอาจไปติดอยู่ที่แง่งหิน แล้วมีหิมะปกคลุมทับร่างไว้ซึ่งไม่มีใครสามารถมองเห็นได้ตลอดกาล

​

เมื่อมีลมพัดและน้ำแข็งละลายทำให้เสื้อผ้าขาดวิ่นแลดูเป็นผ้าขี้ริ้ว ดังเช่นภาพนี้ที่ถ่ายจากก้นเหว

​

ที่มา :
http://pantip.com/topic/30546000
http://board.postjung.com/644935.html
www.vcharkarn.com/vcafe/59654/1

 

ดูแล้วก็ปลงชีวิตได้ดี ชีวิตนี้ไม่มีอะไรมาก ทุกสิ่งทุกอย่างสุดท้ายที่แสวงหาได้มาก็ทิ้งไว้บนโลกใบนี้เเหละ ในที่สุดแม้กระทั้งร่างกายก็ต้องทิ้งไว้เปลื่อยผุพังเน่าไปตามกาลเวลา อนิจจา สังขารจริงๆ

 

ปกติแล้วฝรั่งเป็นพวกที่ยึดติดในวัตถุ และความรักมาก ดูอย่างที่มาตายกันในเมืองไทย เขาจะต้องแห่เอาเอฟบีไอ เอาตำรวจ เอานั้นเอานี้มาตามเอาศพคนที่เขารักกลับบ้านไปฝัง ขนาดตายไปแล้วบางคนร้อยปี หกสิบกว่าปีก็ทำเป็นสุสานประจำตระกูล มีของเล่นเด็ก มี ม้าโยกเด็ก มีตุ๊กตาไปประเคนให้ถึงหลุมฝังศพ แต่ในข่าวนี้ก็แปลกที่ญาติขผู้ตายไม่คิดจะมาตามหาเอาศพผู้ตายกลับบ้าน

 

เห็นกระทู้ คุณ สร้อยฟ้ามาลา แล้วทำให้นึกถึงคุณ พ่อเพื่อนคนหนึ่งที่เป็นศิษย์เอก
ของศิษย์เอกของพระรูปหนึ่งที่มีชื่อตรงที่ท่านเสกใบไม้เป็นเงิน.ที่เล่าต่อมาถึงเพื่อน
ซึ่งตอนนั้นก็ฟังหูไว้หูว่า.มีครูบาร์อาจารย์บางท่านในทางภพภูมิ
.ที่ไปอยู่อาศัยบนยอดเขาสูงๆที่มีน้ำแข็งปลุกคลุมบอกว่าเด่วนี้ขนาดไปอยู่ที่สูงอย่างนั้นก็ยังมีมนุษย์พยายามขึ้นไปและไปรบกวนก็เลยคิดๆว่า..
ภูเขาที่นำมาเล่านี้.ก็น่าจะมีส่วนวิญญานอาศัยอยู่.แต่คงไม่ใช่สาเหตุ
ที่ทำให้บุคคลเหล่านั้นเสียชีวิต.แต่ลึกๆก็ไม่ทราบนะครับ.และจากเรื่องที่ยกมาดูมีเหตุ
ผลน่าเชื่อถือและเป็นสากลสำหรับสาเหตุการเสียชีวิต...
แต่ถ้าเป็นบ้านเราไม่เชื่อแต่ไม่หลบหลู่..จะมีการไหว้เจ้าป่าเจ้าเขาก่อนเสมอที่จะเดิน
ทางโดยมีความเชื่อว่าแสดงเจตนาและบอกกล่าวว่าไม่ได้มาหลบหลู่.และขอ
ให้ท่านช่วยคุ้มครองให้เดินทางอย่างปลอดภัย..
แต่ที่นี้ถ้ามองในเหตุที่เป็นเรื่องเหนือธรรมชาติบ้างหละ..แบบที่ต้องฟังหูไว้หู.
และกรองอีกรอบด้วย.และควรมองว่าเป็นปัจจัตตัง..ไหนๆแต่ละท่านก็เปลี่ยนภพภูมิไปแล้ว
..ขอเล่าเป็นนิทานขำๆนะครับดังนี้...ขออนุญาติไล่ไปทีละภาพเลยนะครับ.เริ่มจาก #Rep 1 , #Rep 2 , #Rep 3 และ #Rep 4ตามลำดับ.
.ปล..(150- ถึง 18 - ) แปลว่า ผู้อ่านควรมีอายุระหว่าง 150 ปีลงมา
และไม่ควรต่ำกว่า 18 ปี

เริ่มจาก #Rep 1 ภาพที่ ๑ และภาพที่ ๒ นั้นสวยมากครับ ฮ่าๆๆๆ..
คือ ภาพที่ ๑ ส่วนที่เป็นสันเขายอดแหลมๆเป็นทางยาวแต่มีช่วงเขาขยายออกมองดูแล้ว
เป็นสามเหลี่ยม--> /\.ส่วนมากจะมีผู้ดูฝ่ายที่คอยช่วยเหลืออยู่ช่วงต้นนับจากสันเขาลงมาถึงช่วงกลางๆ
และมีฝ่ายมีฤิทธิ์มีอำนาจลึกลับที่คอยดูแลอยู่ร่วมกัน..ถ้าเป็นแบบหน้าฝาตัดตรงๆชันๆ ---> | เลยจะมีแต่ฝ่ายมีฤิทธิ์อย่างเดียว
และที่ก้นหรือคือฐานของสามเหลี่ยมในกรณีที่เป็นร่องระหว่างสันเขา ๒ นึกภาพตาม
เหมือนเราวาดเส้นสามเหลี่ยม ๒ ภาพมาต่อกันตรงฐานที่ต่อข้างล่างนั้นหละครับ.
---> /\./\ข้างล่างเนี่ยหรือเรียกก้นเหวจะน่ากลัวจะมีฝ่ายที่เป็นทางสายเกี่ยวกับการบาดเจ็บและเสียชีวิตร่วมด้วยดูแลอยู่..
.ซึ่งยังพบเห็นฝ่ายนี้ได้อีกตามแนวสันเขาที่ด้านหนึ่ง
ลาดลงเป็นสามเหลี่ยม --> /--
และอีกด้านโล่งๆที่มีแนวทางเดินที่สามารถเชื่อม
ไปถึงยอดเขาด้วย...ส่วนภาพที่ ๒ ก็จะคล้ายๆกัน.
ปล.๒ ส่วนภาพ # Rep ที่ 2, # Rep ที่ 3 และ #Rep 4 ต่อใน #Rep ต่อไป(150- 18-)​

 

เรื่องที่จะโม้ต่อไปนี้อาจไม่เหมาะสมผิดพลาดประการใดต้องขออภัยมา ณ ที่นี้
ต่อครับ..ภาพจาก # Rep 2
ภาพที่ ๑ เจ้ากรรมนายเวรมาก.และมีอาการทางร่างกายแล้ว.
ตำแหน่งที่นั่งมีฝ่ายไม่ดีเหมือนก้นเหว..ที่สำคัญโดนฝ่ายมีอำนาจลึกลับร่วมด้วยบางส่วน..
ภาพที่ ๒ บาดเจ็บมาแล้วเล็กน้อยและมีเหตุร่วมกับเจ้ากรรม..

ภาพจาก # Rep 3
ภาพที่ ๑ เจ้ากรรมกับอำนาจลึกลับ
ภาพที่ ๒ จากสภาพร่างกายอย่างเดียว
ภาพที่ ๓ น่ากลัว มีพวกแบบก้นเหวและอำนาจลึกลับเยอะมาก..
ภาพที่ ๔ เพราะสภาพร่างกายได้รับบาดเจ็บมากๆ..

ภาพจาก # Rep 4
ภาพที่ ๑ บาดเจ็บก่อนบวกเจ้ากรรมและอำนาจลึกลับบางส่วน(ท่านอนนั่ง)
ภาพที่ ๒ บาดเจ็บและอำนาจลึกลับ(ท่านอนชุดขาว)
ภาพที่ ๓ หลักๆบาดเจ็บและอำนาจลึกลับบางส่วนและเจ้ากรรม
ภาพที่ ๔ บาดเจ็บและเจ้ากรรมนายเวรแรงมาก(มีผ้าสีม่วงๆ)
ภาพที่ ๕ อำนาจลึกลับก่อน.บาดเจ็บน้อยมากๆ(ชุดดำ)
ภาพที่ ๖ หลักๆเพราะบาดเจ็บ(เห็นแต่มือ)
ภาพที่ ๗ รู้แต่บาดเจ็บ และเห็นแต่ตุ๊กตาหมีน้อย
ภาพที่ ๘ ซ้ำกับภาพที่ ๔
ภาพที่ ๙ บาดเจ็บเพราะเจ้ากรรมเป็นเหตุ
ภาพที่ ๑o อำนาจลึกลับ
ภาพที่ ๑๑ บาดเจ็บและอำนาจลึกลับ
ภาพที่ ๑๒ เจ้ากรรม บาดเจ็บไม่มาก และอำนาจลึกลับบางส่วน
และภาพที่ ๑๓ เจ้ากรรมกับอำนาจลึกลับเยอะมาก

ที่โม้ๆให้ฟังมาเราพูดกับแบบความเชื่อนะครับ.หวังว่าคงพอจะเดาสาเหตุ
การตายได้ว่าใครเสียชีวิตอย่างไร น่าจะพอคาดได้ว่าก่อนหน้านั้นทำอะไรมา
ถึงได้เป็น อุบัตเหตุเป็นหลัก หรืออุบัติเหตุร่วมกับสิ่งลึกลับ ร่วมทั้งอาจมีเจ้ากรรมด้วย..
หรือใครที่มาจากอำนาจลึกลับ..หรือใครที่ได้เวลาพอดี
คงพอไปคาดคะเนพฤติกรรมกันเองได้..
ปล.เรื่องเล่าแบบขำๆ.เชิงความเชื่อส่วนบุคคล
มิได้มีเจตนาหลบหลู่ผู้เสียชีวิตประการใด..​

 

เรื่องนี้ไม่แปลก...

เพราะธรรมเนียมนักปีนเขาโดยเฉพาะเขาเอเวอร์เรส มีว่า
ถ้านักปีนเขาเกิดตายลงจะไม่มีการนำศพลงมา
นอกเสียจากว่า นักปีนเขารายนั้นได้แจ้งความประสงค์ว่า
ถ้าเขาตายให้นำศพลงมาด้วย นั่นเขาถึงจะนำลงมากัน....

 

คุณ nopphakan...

แต่ตอนนี้พวกเขาเหล่านั้น ได้กลายเป็นอนุสาวรีย์ไปแล้ว...
ให้นักปีนเขา ไม่ประมาท...

 

อนิจจังวตสังขารา ครับ

 

พ.ศ. 2007 สามีบอกว่าจะพาไปเดินเขา ดิฉันไม่ได้เตรียมตัวมาก่อน นึกว่าไปเดินเขาธรรมดาๆ ก็ตกลงไป พอไปถึงเนปาล ติดต่อไกด์ แล้วนั่งเครื่องบินเล็กไป ระหว่างทางน่ากลัวมาก คือบินไปลงที่ ลุกลาห์ ซึ่งทราบภายหลังว่าเป็นสนามบินที่อันตรายมาก ระหว่างทางที่มองเห็นข้างล่าง มีแต่ยอกภูเขาที่สุดลูกหูลูกตา ความกลัว เลยภาวนาคาถาหลวงพ่อทวดตลอดทาง พอถึงจุดหมาย ก็ต้องเดินทางด้วยเท้า โชคดีที่มีกางเกงเล่นสกีติดไป และหลังจากนั้นก็เดิน ไปเรื่อยๆ ถ้าไกด์บอกวันนี้เราเดิน ไปตรงนั้น คือชี้มือแล้วมองตามไป มองด้วยตาใกล้ แต่ไกลเท้ามาก ยิ่งเดินมาก ยิ่งเหนื่อย ดิฉันพยายามสังเกตุดูพวก แชปาร์เดิน คือเค้าจะเดินช้าๆ คล้ายเต่าเดิน ระหว่างเดินจะไม่พูด ก้มหน้าเล็กน้อย ตามองพื้น เวลาหยุดพัก ถึงพูดคุยกัน และมองทิวทัศน์รอบกายได้ หลังจากผ่านจุดที่สาม ดิฉันเลยทำตาม และภาวนาพุทโธ ไปด้วย จิตสงบมาก ระหว่างทางต้องพักแรมตามโฮมเสตย์ต่างๆ จนกระทั่งถึงเบสแคมป์ ที่นี่หนาวมาก จนถึงมากที่สุด เคยคิดว่าจะไปปีนเขาดู แต่พอพอทราบค่าใช้จ่ายต่างๆ อืม แพงมาก แต่ก็คิดไว้ว่าอาจกลับไปเดินอีก เพราะได้เรียนรู้ธรรมะไปไหนตัว ประสบการณ์เล็กของดิฉันค่ะ เล่าสู่กันฟัง

 

ขึ้นภูเขาสูงๆ ต้องเดินช้าๆ ถูกแล้วอ่ะจ่ะ เพราะมีปริมาณอากาศเบาบาง ไม่งั้นหายใจไม่ทัน เคยเจอกับตัวเองตอนไปเที่ยวอุทยานแห่งชาติแถบภาคเหนือ ซึ่งไปนอนกางเต้นท์(แต่ความสูงคงจะเทียบกันไม่ได้มั้ง ที่นี่คงจะเตี้ยกว่า) ด้วยความรีบเดิน แต่ลืมว่าเราอยู่บนเขานะ นั่นแหล่ะ ต้องหยุดเดินทันทีแล้วยืนนิ่งๆ อยู่อย่างนั้นเป็นสิบนาทีได้ หอบ หายใจเข้าออกๆ เหนื่อย หายใจไม่ทัน เกือบน็อคเหมือนกัน....

 

ขอถามเป็นความรู้เพิ่มเติมค่ะว่า
เคยอ่านเจอมาว่า
ยอดเขาเอเวอเรสต์มีสิ่งศักดิ์สถิตย์
หรือมีพลังบางอย่างอยู่บนนั้น

คุณ nopphakan ลองสัมผัสด้วยจิตดูแล้ว...
มันเป็นจริงตามเขาว่าไหมคะ​

 

ประเด็นแรกเรื่องสิ่งศักดิ์สิทธิ์หรือพลังงานรอบๆตัว.จริงๆมีทุกที่แตกต่างกันไป
และมีมานานแล้ว..เพียงแต่ว่ามนุษย์เราชอบไปศึกษาแต่เรื่องภายนอกตัวเอง.
โดยลืมมามองดูที่ใจตัวเอง.เลยเป็นเหตุให้มองไม่เห็นและไม่เข้าใจสิ่งต่างๆที่อยู่รอบๆตัวเราเฉยๆครับ.
อุปมาอุปไมยเราจะชอบไปศึกษาใบไม้พันธ์อื่นๆจากต้นไม้ต้นอื่นๆ.แต่ลืมศึกษาใบไม้
ใบเดียวที่เรามีอยู่.อาจจะพบว่าถ้าเราเข้าใจใบไม้ใบเดียวที่เรามีได้เท่าไร
ก็เข้าใจใบไม้ใบอื่นๆได้เท่านั้นเหมือนกัน..ซึ่งเป็นเรื่องปกติธรรมดา
ที่เราจะชอบมองกันแบบนี้.และไม่ใช่เรื่องแปลก..

ประเด็นต่อมาเรื่องจริงหรือไม่จริงหรือว่าจะมีหรือไม่มี
.ตอนนี้ไม่ขอออกความเห็นนะครับ.
ขอมองว่าเป็นความเชื่อเฉพาะบุคคลแล้วกัน.
.ไม่ใช่เป็นประเด็นหลักอะไร.และก็เคารพทุกความเห็น..
เป็นว่าใครทราบก็เป็นว่ารู้ๆกัน..ใครมองประเด็นอื่นๆก็ว่ากันไป..

สุดท้ายเทคนิคคือมองด้วยตาเปล่านี่หละครับ....
.แต่หลักสังเกตุคือ ถ้าดูบุคคลิกหน้าตาเลยจะยังไม่ทราบ
ว่าผู้ดูแลสูงสุดตรงนั้นท่านเป็นใคร.ให้สังเกตุพาหนะยกตัวอย่าง เช่น คล้ายวัวแต่ไม่คล้ายวัวบนโลกทีเดียวนะครับ.
หรือการแต่งตัวจะพอคาดคะเนได้ว่าท่านเป็นใครเพราะหน้าตาท่านจะเด่นกว่าเพื่อน
ที่สำคัญจะมองเห็นทั้งตัว.บางครั้งอยู่ในท่ายืนหรือท่านั่งต้องสังเกตุร่วมด้วย
..ส่วนท่านอื่นๆมีฤิทธิ์ออกทางไหนซึ่งบ่งบอกถึงหน้าที่และความรับผิดชอบได้
ให้มองที่สีของออร่าครับ.
ปล.ขำๆนะครับ..​

 

สาธุคะ ...

.... ภาพวิวสวยจังเลยนะคะ .. และ ขอไว้อาลัยแด่คนที่จากไป .. แต่อย่างน้อยก็ได้สัมผัสกับสถานที่ที่ตนเองชื่นชอบก่อนตาย ...

.... ถ้าเดาไม่ผิดนะคะ เทือกเขาหิมาลัยในความเชื่อของสายฮินดู ถือว่า เทือกเขานี้เป็นที่อยู่ของเทพเจ้าสูงสุดในศาสนา ... นั้นคือ องค์ศิวะ .. ผู้มี โคนนทิ เป็นพาหนะ เป็นผู้มีร่างกาย กำยำ ล่ำสัน คมเข้ม สมชายชาตินักรบ และ เป็นผู้ปกครอง ยักษ์ อสุรกาย ภูตผี ทั้งปวง และ เป็นที่เคารพของฤษีทั้งหลาย ... ด้วยเชื่อว่าเทือกเขาหิมาลัย คือ " เทือกเขาไกรลาส " นั้นเอง ...

... ส่วนเรื่องการมองเห็น มองไม่เห็นอะไรจร้านอกจากคนตาย 5555555

 

ภาพภูเขารูปแรกทำไมเห็นมีสัญลักษณ์เหมือนหน้าคนเยอะมาก...

สงสัยอยู่อย่สงค่ะ อยากถามผู้รู้ว่า ไม่รู้ว่าพวกเขามีกรรมอะไรจึงชอบปีนเขา ทั้งๆที่รู้อยู่ว่าอันตรายก็ยังดั้นด้นข้ามน้ำข้ามทะเลไป แล้วก็ไปเสียชีวิตที่นั่น แบบนี้วิญญาณเขาเสียชีวิตพื้นที่ไหนก็ต้องไปเกิดในพื้นที่นั้นหรือเปล่าคะ