วันอัฐมีบูชา...แรม ๘ ค่ำ เดือน ๖ และเรื่องรอยพระบาท

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย clearlove, 12 มิถุนายน 2011.

  1. clearlove

    clearlove เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    273
    ค่าพลัง:
    +644
    วันนี้วันแรม ๘ ค่ำ เดือน ๖ วันที่ถูกลืม...
    เป็นวันอัฐมีบูชา....
    คือวันที่มีเหตุการณ์สำคัญทางพระพุทธศาสนา
    ถือเป็นวันที่ตรงกับวันที่ตรงกับวันถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระ
    ...เป็นวันที่ชาวพุทธต้องวิปโยค....
    และสูญเสียพระบรมสรีระแห่งองค์พระบรมศาสดา
    ซึ่งเป็นที่เคารพสักการะอย่างสูงยิ่ง
    และเป็นวันควรแสดงธรรมสังเวช
    และระลึกถึงพระพุทธคุณให้สำเร็จ
    เป็นพุทธานุสสติภาวนามัยกุศล
    และสูญเสียพระบรมสรีระพระบรมศาสดา ซึ่งที่เป็นที่เคารพอย่างสูงสุดยิ่ง
    และเป็นวันควรแสดงธรรมสังเวช และระลึกถึงพระพุทธคุณ
    ให้สำเร็จเป็นพุทธานุสติ
    ภาวนามัยกุศลและสูญเสียพระบรมสรีระแห่งองค์พระบรมศาสดา
    ซึ่งเป็นที่เคารพสักการะอย่างสูงยิ่ง
    และเป็นวันควรแสดงธรรมสังเวช
    และระลึกถึงพระพุทธคุณให้สำเร็จ
    เป็นพุทธานุสสติภาวนามัยกุศล

    ขอขอบคุณท่านพี่ ผู้ที่ให้ข้อมูลแก่ทุกท่านได้ทราบ
    [ame="
    "]YouTube - ‪40.ดับขันธปรินิพพาน40_2.avi‬‏[/ame]



    เรื่องรอยพระบาท
    โดย
    สุริยเมตตา
    หลวงพ่อใหญ่อภินันโท(จุฬ)จุฬโลกจุฬธรรม วัดถ้ำใหญ่คูหาสวรรค์ ต.นิคมสร้างตนเอง อ.เมือง จ.ลพบุรี
    เทวบัญชาเรื่องรอยพระบาท ๕ แห่ง<O:p
    พระบาท ๕ แห่งตามที่ได้รับฟังมาจากเจ้าพ่อหลักเมือง (เดี๋ยวนี้เป็นเจ้าพ่อหลักโลก โดยโอภาสีตั้งให้) ซึ่งได้รับเทวบัญชาจากพระอิศวรผู้เป็นเจ้าว่า มีรอยพระบาทที่แท้จริงอยู่ ๕ แห่ง ดังนี้ :-<O:p
    ๑. พระบาทเขานางเหม็น (เขาน้ำเหม็นก็เรียก คือ เขาเขมรนั่นเอง เหม็น = เขมร นานมาภาษาเรียกเลือนรางไป กลายเป็นชื่อ น้ำเหม็น น้ำแปลเปลี่ยนมาเป็น นาง น้ำเหม็น = น้ำใจเขมรก็ได้ เพราะสถานที่นั่นดั้งเดิมเป็นเมืองของเขมร) ตั้งอยู่ในเขตจังหวัดนครราชสีมา<O:p

    เดาเอาหน้าจะเป็นสถานที่ข้างล่างนี้
    รอยพระพุทธบาทเขายาย “หอม” เดิมชื่อ รอยพระพุทธบาทเขายาย “เหม็น” ได้เปลี่ยนชื่อนับตั้งแต่ปี พ.ศ.2500 เป็นต้นมา รอยพระพุทธบาทเขายายหอม ตั้งอยู่ใน ต.นายางกลัก อ.เทพสถิต จ.ชัยภูมิ

    ๒. พระบาทเขาสระบาป ตั้งอยู่ในเขตจังหวัดจันทบุรี (สระบาป = สละบาป = ล้างบาป) ถือกันว่า ผู้ที่มีบาปกรรมขึ้นไปนมัสการ อธิษฐานล้างบาปล้างกรรมได้ ตามเทพบัญชามีเนื้อความต่อไปนี้ว่า เมื่อพระพุทธองค์เสด็จจากกรุงราชคฤห์ เสด็จมาโดยอากาศวิถี ถึงที่ลานหินบนยอดเขาอันกว้างใหญ่ จึงเสด็จลงมาประทับบนลานหินนั้น เสวยบิณฑบาตในบาตรเสร็จเรียบร้อยแล้ว พระองค์จึงทรงล้างบาตร แล้วคว่ำบาตรลงไว้บนลานนั้น ปรากฏการณ์เป็นรูปหินคล้ายบาตรคว่ำอยู่ ให้ผู้ที่ขึ้นไปนมัสการเห็นเป็นสักขีพยานจนถึงทุกวันนี้ ที่นั่นจึงเรียกว่าเขาสระบาป หรือเขาสละบาป สละบาป คว่ำบาปให้หมดไปจากบาตรคือ หัวใจ เหมือพระพุทธองค์คว่ำบาตรไม่มีเมล็ดข้าว และแกงกับเหลืออยู่ในบาตรนั้นเลย ชาวโลกถือเอานิมิตตอนคว่ำบาตรนี้ เป็นเครื่องจูงใจให้เกิดความเลื่อมใส เกิดความอุสาหะพยายามบากบั่น ก้มหน้าก้มตาขึ้นไปบนยอดเขาสระบาปนั้น เพื่อนมัสการ บูชาและอธิษฐาน เพื่อสระบาป สละบาป ละบาปและคว่ำบาปไม่ให้เหลือในจิตใจของตน เหมือนพระพุทธองค์ทรงล้างและคว่ำบาตรแล้ว ไม่มีข้าวและแกงกับเหลือยู่ในบาตรฉันนั้น<O:p</O:p

    ๓. พระบาทกลางน้ำ ตั้งอยู่บนหินใหญ่หาดทรายแก้ว ริมทะเล เมืองภูเก็ต<O:p
    ๔. พระบาทเขาวงพระจันทร์ ตั้งอยู่บนยอดเขาสูงเมืองลพบุรี<O:p
    ๕. พระบาทสีรอย ตั้งอยู่ในเขตจังหวัดเชียงใหม่ รอบพระบาทพระกุกกุสันโธ ยาวประมาณ ๓ วาเศษ ลึกลงไปหน่อย เป็นรอยพระบาทพระโกนาคมโน ยาวประมาณ ๒ วาเศษ ลึกลงไปอีกหน่อย เป็นรอยพระบาทพระพุทธกัสสโป ยาวประมาณ ๗ ศอก ลึกลงไปอีกหน่อย เป็นรอยพระบาทพระสมณโคดมบรมครู ยาวประมาณ ๔ ศอก ต่อไปเบื้องหน้าโน้น พระพุทธศรีอริยเมตไตรยจะเสด็จไปประทับกดรอยพระบาท ซ้อนลึกลงไปอีก ยาวประมาณ ๓ ศอก<O:p
    รอยพระบาททั้ง ๕ แห่งนี้ เป็นปูชะนีวัตถุสิ่งที่น่าอัศจรรย์ยิ่ง เพราะบังเกิดขึ้นด้วยอำนาจพระธรรมบันดาลโดยแท้จริง หรือทวยเทพผู้มีธรรมรักษาศาสนาดลบันดาลให้เป็นไป พระอิศวรผู้เป็นเจ้าเฝ้าดูแลโลกและศาสนามาตลอดกาล จึงมีเทวบัญชามาให้เจ้าพ่อหลักโลก เปิดเผยความจริงไว้ให้ชาวโลกได้รู้ยิ่งเห็นจริง ในเรื่องรอยพระบาทอันแท้จริง ซึ่งเกี่ยวเนื่องอยู่กับพระพุทธเจ้าทั้ง ๔ พระองค์ อันจัดเป็นบริโภคเจดีย์ และมีรอยพระบาทที่เป็นอุเทสิกเจดีย์ที่เหล่าพระพุทธบุตรสลักไว้ หล่อไว้มากมาย อุทิศให้เป็นพุทธบูชาเพื่อหวังปลูกศรัทธาแก่ชาวโลกมีอยู่ทั่วไป<O:p
    ใครไปไหว้สักการบูชาเคารพนับถือ รอยพระบาททั้งสองประเภทนั้น (คือรอยพระบาทที่เป็นบริโภคเจดีย์และอุเทสิกเจดีย์ หรือทั้งของจริงและของจำลอง) ย่อมมีเท่ากันเพราะเป็นพุทธานุสสติ คือ เป็นวัตถุเตือนใจให้ระลึกถึงคุณพระพุทธเจ้า อันได้แก่ปัญญาคุณ บริสุทธิคุณและกรุณาคุณ เท่านั้น<O:p
    เพราะฉะนั้น ขอชาวโลกจงอย่างกินแหนงระแวงใจไปอย่างอื่นเลย ในเรื่องรอยพระบาท จะเป็นรอยพระบาทประเภทไหน ไม่สำคัญเท่ากับทำกายวาจาใจไตรบาทประเภทไหน ไม่สำคัญเท่ากับทำกายวาจาใจไตรทวารให้บริสุทธิสะอาดผ่องใส สงบสงัดแน่นิ่งอยู่ภายในเลยอันความสะอาด สว่าง สงบ ระงับอยู่ภายในใจตลอดกาลเป็นนิจนี้ เป็นนิมิตเครื่องหมายการกราบไหว้บูชารอยพระบาทภายใน ดีกว่าการกราบไหว้รอยพระบาทภายนอกร้อยเท่าพันทวีจริง ๆ ขอเตือนชาวโลกอย่าไปติดตังแต่วัตถุภายนอกนัก ให้ปฏิบัติกราบไว้เดินตามรอยพระบาทภายใน จึงจะพบพระพุทธเจ้าทั้ง ๕ พระองค์ ได้โดยไม่ต้องเคลือบแคลงสงสัย ถ้าเราเมามัวติดตังยางเหนี่ยว ตั้งหน้าตั้งตาแต่จะไปไหว้รอยพระบาทภายนอกอย่างเดียวทุก ๆ ปี พอถึงปีก็ไปกราบไหว้ ต่อให้แสนโกฏิปี-มีนับชาติไม่ถ้วน ก็ไม่พบพระเลยเป็นแน่แท้ข้าพเจ้าหลวงพ่อได้นำพวกคุณ ๆ ผู้อ่านเรื่องรอยพระบาท ๕ แห่ง ตามนัยแห่งพระอิศวรบัญชาให้ชาวประชากรสากลได้รับรู้เห็นเป็นพยานไว้ พอเป็นเครื่องเตือนใจให้เกิดสติปัญญาบารมีต่อไป<O:p

    ต่อจากนี้ขอนำพวกคุณ ๆ ไปเที่ยวชมต่อในเรื่องพระบาท ๕ แห่งตามหลักฐานทางตำนานต่อไปใหม่ เพื่อเป็นแนวทางพิจารณา ดังสำเนาเรื่องมี ณ เบื้องหน้าของคุณดังต่อไปนี้ :-
    <O:pรอยพระพุทธบาท ตามหนังสือสวดมนต์ฉบับหลวงกล่าวไว้ว่ามีถึง ๕ ด้วยกัน คือ :-<O:p
    ๑. สุวัณณมาลิเก ที่เขาสุวรรณมาลิก
    ๒. สุวัณณปัพพเต ที่เขาสุวรรณบรรพต

    ๓. สุมนกูเฏ ที่ยอดเขาสุมนกูฏ<O:p</O:p
    ๔. โยนกปุเร ที่ใกล้เมืองโยนก
    ๕. นัมมทายนทิยา ที่ริมฝั่งแม่น้ำนัมมทา
    รอยพระพุทธบาทตั้ง ๕ แห่งนี้ ตั้งอยู่เมืองไหน รู้ได้อย่างไร ข้าพเจ้าจะขอแนะนำให้รู้แต่ที่ค้นพบและพิจารณาเทียบเคียงได้เท่านั้น

    ๑. รอยพระพุทธบาทที่สุวรรณมาลิก เข้าใจว่าตั้งอยู่ในต่างประเทศ แต่จะเป็นประเทศ<O:p</O:p
    ไหนก็เหลือเดา (แต่ได้ทราบจากเทวบัญชา อันเจ้าพ่อหลักโลกรับมาเสนอว่า ได้แก่พระบาทเขานางเหม็น จังหวัดนครราชสีมานั้นเอง
    ๒. รอยพระพุทธบาทที่สุวรรณบรรพตกับสัจจพันธคีรีคงเป็นอย่างเดียวกัน ที่สัจจพันธ<O:p</O:p

    ฤาษี ขออาราธนาให้พระพุทธองค์ทรงเหยียบรอยไว้ ให้เป็นที่ไหว้สักการบูชา แก่เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ใกล้เมืองสระบุรีอันได้แก่พระบาทใหญ่เดี๋ยวนี้ และมีรูปสัจจพันธฤาษีไว้เป็นพยาน ซึ่งทำตามตำนานที่เขียนไว้<O:p</O:p
    ๓. รอยพระพุทธบาทที่ตั้งอยู่บนยอดเขาสุมนกูฏนั้นที่อยู่ในประเทศลังกา ภูเขา<O:p</O:p
    สุมนะ บนยอดมีรอยพระบาท ภูเขาสุมนะดูสูงชะลูดสูงเด่นอยู่เมืองลังกาตามรูปถ่ายและรูปเขียน มีมณฑปสรวมรอยพระบาทตั้งอยู่บนยอดเขา<O:p</O:p
    ๔. รอยพระพุทธบาท ที่มีอยู่ใกล้แว่นแคว้นแดนเมืองโยนกนั้น ปรากฏว่าอยู่ ณ เมือง<O:p</O:p

    เชียงใหม่ เข้าใจว่าได้แก่พระบาท ๔ รอย อันมีอยู่จริง ปรากฏขึ้นเองบนแผ่นหิน ไม่ใช่แกะสลัก เป็นขึ้นมีขึ้นด้วยธรรมะบันดาลและเทพบันดาลอย่างแท้จริง และทางตำนานว่า เมืองโยนกได้แก่เมืองเชียงใหม่<O:p</O:p
    ๕. รอยพระบาท ที่ตั้งอยู่ริมฝั่งหาดทรายแก้วของแม่น้ำนัมมทา มีฝูงปลา จระเข้ เหรา <O:p</O:p
    สัตว์น้ำนานาชนิดชาวมนุษย์ และพวกอทิสสมานกาย (คือพวกวิญญาณทุก ๆ ประเภท) มากราบไหว้บูชา มีปรากฏอยู่ที่เมืองภูเก็ต ที่เมืองนี้มีพระบาทปรากฏอยู่บนแผ่นหินชายทะเลมีน้ำเค็มล้อมรอบ มีก้อนหินใหญ่ตั้งอยู่ริมก้อนหินรอยพระบาท มีรูปพัดปรากฏอยู่ที่กลางก้อนหินใหญ่นั้นแสดงเป็นสัญลักษณ์ให้รู้สำนึกว่า ผู้ที่ไปกราบไหว้นมัสการเคารพบูชา จะต้องปฏิบัติทางใน ทำใจให้สงบจึงจะรู้ชัดแจ้งเห็นจริงว่า เป็นรอยพระบาทของพระพุทธองค์จริง เมื่อหลวงพ่ออยู่ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช มีพระวัตหน้าพระธาตุองค์หนึ่งไปนมัสการพระบาทกลางน้ำที่เมืองภูเก็ต ท่านได้ไปถึงแล้วนมัสการกราบไหว้และอธิษฐานแล้ว จึงนั่งภาวนาทำใจให้สงบพักหนึ่ง เมื่อลืมตาขึ้นเห็นรอยพระบาทนั้นมีรูปมงคล ๑๐๘ ประการปรากฏชัดอยู่ทุก ๆ รูป เพื่อจะสำรวจดูว่าจะครบ ๑๐๘ อย่างตามตำนานกล่าวไว้ไหม จึงเอาดอกไม้วางตามรูปจนครบทุกรูป แล้วเก็บดอกไม้นั้นมานับดูใหม่ ก็ได้ครบจำนวน ๑๐๘ เท่ากับรูปมงคล ๑๐๘ ประการนั้นทุกประการ อันเป็นปรากฏการณ์เห็นชัดด้วยตาเนื้อแท้ ๆ แต่ถ้าใครไม่ปฏิบัติทำใจให้สงบและไม่อธิษฐานดูก็ไม่เห็น จะเห็นแต่รูปรอยเท้าใหญ่ลึกอยู่ในแผ่นหิน มีพื้นอันขรุขระเท่านั้นที่ก้อนหินที่ตั้งอยู่ติดกันมีรูปพัดนั้นเป็นพยาน และเตือนใจให้ผู้ที่ไปไหว้นมัสการ เมื่อปรารถนาอยากจะเห็นของจริงตามความเป็นจริงของรอยพระบาทแล้วจะต้องปฏิบัติทำใจให้สงบและอธิษฐานขอบารมีญาณเปิดให้ดูจึงจะเห็นเป็นของจริงขึ้นมา แต่ถ้าไม่เป็นของมีจริงถึงแม้จะปฏิบัติและอธิบานอย่างไร ๆ ก็ไม่ปรากฏ ของจริงย่อมพิสูจน์ได้เฉพาะคนทำจริงเท่านั้น ของจริงมีอยู่ ผู้ไม่จริงจะรู้เห็นของจริงได้อย่างไร เพราะไฝฝ้ากิเลสหนาบังตาไว้หนาแน่นนัก<O:p</O:p
    ที่พระบาทกลางน้ำนี้ เป็นอัศจรรย์อย่างหนึ่งคือตั้งอยู่บนแผ่นหินกลางน้ำ มีน้ำเค็มล้อมรอบ ใต้<O:p</O:p

    น้ำมีทรายขาวใสสะอาด และมีฝูงปลานานาชนิดว่ายแหวกไปมาในระหว่างก้อนหิน มีคลื่นน้ำทะเลชัดดังอยู่ซ่า ๆ แต่น้ำทะเลนั้น ไม่ไหลมาท่วมท้มรอยพระบาทสักที แลดูด้วยสายตามองเห็นน้ำล้อมรอบอยู่สูง ๆ ส่วนที่ก้อนหินรอยพระบาทตั้งอยู่ในระดับต่ำกว่า น่าจะจมน้ำอยู่ตลอดกาล แต่ตรงกันข้าม กลับลอยอยู่เด่นพ้นอยู่เหนือน้ำทะเลเสียอีก จึงนับว่าเป็นที่น่าอัศจรรย์มิใช่น้อย ลักษณาการของพระบาทกลางน้ำนี้ มีนิมิตตรงกับคำสดุดีในหนังสือสวดมนต์ฉบับหลวงว่า นัมมทาย นทิยาปุลิเน จ ตีเร อันแปลความว่า รอยพระบาทตั้งอยู่ริมฝั่งหาดทรายแก้ว แห่งแม่น้ำนัมมทา (แม่น้ำนัมมทา ตัวจริงตั้งอยู่ในประเทศอินเดีย)

    รอยพระบาทมีมากกว่า ๕ แห่ง

    เมื่อเรามาใคร่ครวญดูสมัยนี้แล้ว จะเห็นว่ารอยพระบาทมีมากมายหลายแห่ง ครบจำนวน ๘๔,๐๐๐ เท่ากับพระธรรมขันธ์ ฯ ทางภาคอิสานหลวงพ่อได้เคยไปนมัสการกราบไหว้หลายแห่ง เช่น พระบาทบัวบก พระบาทบัวบาน พระบาทคอแจ้ง พระบาทหลังเต่า พระบาทนางโอสา พระบาทเวินปลา ข้ามไปนมัสการฝั่งเวียงจันทร์ที่พระบาทดินเพียง และพระบาทจอมศรี เมืองหลวงพระบาง ทางภาคเหนือไปไหว้พระบาท ๔ รอยเขตเชียงใหม่ ทางภาคกลาง ไปไหว้พระบาทใหญ่ที่สระบุรีพระบาทเขาวงพระจันทร์ พระบาทใหม่เขาเลี้ยว พระบาทใหม่โคกสำโรง ฯลฯ<O:p
    เหตุผลพระบาทเกิน ๕ แห่ง

    จะอธิบายเหตุผลที่พระบาทมีเพียง ๕ แห่งในขั้นแรกเสียก่อน แต่ต้องเท้าความถึงเรื่องนิทานอันมีในพระสุตันตปิฎกต่อไปจึงจะเข้าใจเหตุผลได้ผลดี เนื้อความในเรื่องพุทธประวัติของพระองค์มีอยู่ว่า เมื่อพระพุทธองค์เสด็จไปโปรดพวกเบญจวัคคีย์ที่ป่าอิสิปตนมิคทายวันใกล้เมืองพาราณสี เพียง ๕ วัน ได้ตรัสสอนพระเบญจวัคคีย์ ๕ องค์ ให้สำเร็จเป็นพระอรหันต์พร้อมทั้ง ๕ องค์ ในวันแรม ๕ ค่ำ เดือน ๘ รอยพระบาทภายใน อันได้แก่รอยวิมุติ ๕ ศีล สมาธิ ปัญญา วิมุติ วิมุติญาณ ทัสสนะ หรือ รอยมรรค ๘ รอยโลกุตตรธรรม ๙ หรือรอยชัยชนะตัณหา ๑๐๘ ได้เหยียบย่ำกดลงเป็นรอยลึกฝั่งไว้ภายในใจ อันเป็นดุจแผ่นหินศิลาแลงอันแข็งแกร่งแห่งพระอรหันต์ทั้ง ๕ องค์ เป็นรอยฝั่งลึกลงตรงกลางใจทั้ง ๕ ในวันแรม ๕ ค่ำ อย่างสมบูรณ์เรียบร้อย เป็นปฐมฤกษ์แห่งการเอารอยพระบาทภายใน คือ วิมุติ ๕ เหยียบลงไปบนหัวใจทั้ง ๕ ของภิกษุอรหันต์ทั้ง ๕ สำเร็จพร้อมกันในวันแรม ๕ ค่ำ รอยพระบาทฝ่ายธรรมาทิฏฐานปรากฏการณ์พร้อมกันเมื่อครั้งแรกนั้น จึงบันดาลใช้เป็นปรากฏก่อนเพียง ๕ แห่งดังแสดงมา<O:p</O:p
    เมื่อพระพุทธองค์ เหยียบรอยพระบาทภายในลงไว้กลางใจทั้ง ๕ ของพระเบญจวัคคีย์จนชนะมารทั้ง ๕ ตัณหา ๑๐๘ ได้แล้ว กลับกลายแปรสภาพมาเป็นมงคล ๑๐๘ ประการ เป็นปรากฏการณ์เด่นชัดดีแล้ว ต่อจากนั้นพระพุทธองค์จึงเสด็จไปโดยพระองค์เดียวเที่ยวไปโปรดพวกอื่น ๆ ต่อไปเช่น ไปโปรดพวกภัททวัคคีย์ ชฏิล ๓ พี่น้องพร้อมด้วยบริวาร พระยสพร้อมด้วยสหายและพระเจ้าพิมพิสารพร้อมด้วยบริวารนับหมื่น ฯลฯ และพวกอื่น ๆ เทพอื่น ๆ พรหมอื่น ๆ อีกนับได้ถึง ๒๐ อสงขัย ในระยะกาล ๔๕ ปี จึงปรินิพพาน
    รอยพระบาทภายใน อันได้แก่พระธรรมทำลายอวิชชา จนได้ชัยชนะแก่มารทั้ง ๕ กิเลส ๑,๕๐๐ ตัณหา ๑๐๘ แล้ว แปรสภาพมาเป็นมงคลคุณแห่งพระรัตนตรัย ๑๐๘ ประการ ปรากฏเป็นรอยลึกอยู่บนกลางแผ่นหินอันแข็งแรงและมั่นคง ณ บนยอดเขา คือยอดหัวใจ หรือยอดกระหม่อมจอมศีรษะของสัตว์โลกทั่วไป จนนับจะประมาณมิได้ จึงเรียกว่าอสงขัยถึง ๒๐ อสงขัย พระบาทภายใน ๘,๔๐๐ พระธรรมขันธ์ เหยียบไว้รอยลึกบนยอดหินยอดผาแห่งนานาจิตสัตว์โลกครั้งกระโน้น และต่อ ๆ มา จึงดลบันดาลให้เป็นปรากฏการณ์ในด้านพระสูตรคลอดออกมาเป็นรูปรอยพระบาทภายนอก เพื่อให้ชาวโลกรู้เห็นด้วยตาเนื้อ และเพื่อปลูกศรัทธาเป็นนาบุญสำหรับกราบไหว้เคารพบูชา เป็นมหากุศล แก่ฝูงชนทุกถ้วนหน้าจะได้มีโอกาสสะสมบุญบารมีไว้สำหรับตนส่งให้พ้นจากความทุกข์ต่อไป เหมือนพระสาวกเจ้าทั้งหลาย รอยพระบาทภายนอกจึงมีปรากฏทั่วไป เหมือนเงาตามตัวฉะนั้น<O:p</O:p

    รอยพระบาทมี ๒ ประเภท
    รอยพระบาททั้งหลายที่ปรากฏ แก่สายตาของชาวโลกมีอยู่ ๒ ประเภทด้วยกัน คือปรากฏบนแผ่นหินโดยธรรมะบันดาล และทวยเทพผู้รักษาศาสนาบันดาลให้ดินฟ้าอากาศฟ้าฝนตกลงมาเซาะหินให้สึกกร่อยร่อยหรอ เป็นรอยลึกเป็นรูปรอยพระบาทอย่างหนึ่ง ตัวอย่างเช่นที่รอยพระบาทเขาเลี้ยว พระบาทใหม่โคกสำโรง พระบาทเขาวงพระจันทร์พระจอมศรี เมืองหลวงพระบาท เป็นต้นและอีกอย่างหนึ่ง เป็นรอยที่นายช่างทำจำลองขึ้นให้มีรูปมงคล ๑๐๘ อย่าง ตามตำนานกล่าวไว้
    รอยพระบาทมี ๒ ขนาด

    รอยพระบาทมี ๒ ขนาด คือขนาดเล็กหรือขนาดใหญ่ ขนาดเล็กยาวประมาณ ๑ ศอก ชาวประเทศอินเดียต้นศาสนาทำขึ้นให้เท่ากับรอยเท้าคน สลักไว้บนแผ่นหินเคลื่อนที่ได้ ตัวอย่างที่สมเด็จกรมพระยาดำรง ฯ นำมาจากพุทธคยาเอาไปไว้ที่มณฑปเกาะสีชัง ก็ยาวประมาณ ๑ ศอกเหมือนกัน และที่แกะสลักไว้บนก้อนหินบนยอดเขาเคลื่อนที่ไม่ได้ก็มี แล้วแต่ความนิยมของพุทธบุตรแต่ละบุคคล<O:p</O:p
    ส่วนที่ปรากฏในต่างประเทศ เช่น ประเทศไทย พม่า เขมร ฯลฯ ใหญ่ยาวประมาณ ๓-๔ ศอก ของคนปานกลาง<O:p</O:p


    เหตุผลที่รอยพระบาทขนาดไม่เท่ากัน

    ประเทศอินเดียเป็นต้นศาสนา เป็นต้นแสงสว่างแห่งพระธรรม คนในต้นศาสนาเมื่อ ๒๕๐๐ ปีเศษ ล่วงเลยมาแล้วกล่าวกันว่า สูง ๘ ศอก และในหลักพระสูตรกล่าวไว้ในเรื่องพุทธประวัติว่า พระวรกายของพระพุทธองค์ สูง ๘ ศอกเหมือนกัน เมื่อพระวรกายของพระองค์สูง ๘ ศอก พระบาตรก็ต้องยาวประมาณ ๑ ศอก พระพุทธองค์ปรินิพพานสิ้นสูญกายเนื้อไปแล้ว บรรดาเหล่าพวกพุทธบุตรจึงสลักหินเป็นรอยพระบาทไว้สักการบูชาแทนองค์พระศาสดาของตนต่อมา รูปรอยสลักทำให้เท่ากับรอยเท้าจริง ยาวประมาณ ๑ ศอก เท้าภายนอกของกายเนื้อและเท้าภายในของกายใน คือ ธรรมกายเหยียบย่ำฝังรากเหง้าลงมั่นไว้ในมัชฌิมประเทศต้นศาสนาดีแล้ว จึงแผ่ขยายกว้างออกไปทั่วมณฑลภายนอกศาสนาแผ่ซ่านไปทั่วสากลจักวาฬ ประดิษฐานตั้งอยู่ทั่วแคว้นแดนปัจจันตประเทศ เช่น ประเทศไทย พม่า เขมร มอญ ลาว ฯลฯ รอยพระบาทนอกจึงใหญ่กว่า โตกว่า กว้างกว่า และลึกกว่า ส่วนที่ตั้งอยู่ต้นประเทศดั้งเดิมเป็นธรรมดาเปรียบเหมือนแสงสว่างของต้นไฟฉาย ย่อมเล็กกว่าปลายไฟฉาย หรือเหมือนกับความร้อนแรงแผดแสงกล้าแผ่ซ่านออกรอบดวงอาทิตย์ ย่อมมีวงแคบกว่า ความร้อนอ่อนที่แผ่ซ่านไปทั่วรอบขอบเขตแดนสากลพิภพ ความร้อนอ่อนย่อมคลุมรอบครอบไปทั่วสากลจักรวาฬกว้างไพศาลจะนับจะประมาณไม่ถ้วน<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    รอยพระบาทมี ๒ ประเภทอีก<O:p

    รอยพระบาทที่ปรากฏบนก้อนหินใหญ่บนยอดเขานั้นมี ๒ ประเภทด้วยกัน คือ :-<O:p</O:p
    ๑. เกิดจากมนุษย์ผู้หวังดี เพื่อให้มีศรัทธาบังเกิดขึ้นแก่มวลมนุษย์ทั่วโลก จึงเกิดมุมานะบากบั่น เจาะหินให้เป็นรอยลึกลงไปคล้ายรอยเท้าคน แต่ทว่า โตกว่าใหญ่กว่า กว้างกว่า และลึกว่ารอยเท้ามนุษย์ธรรมดาประมาณ ๔ ๕ ศอก ทั้งนี้ก็เนื่องจาก ธรรมะบันดาล และเทพผู้รักษาศาสนา บันดาลให้เกิดปฏิภาณความรู้ในเรื่องรอยพระบาทมีรูปมงคล ๑๐๘ ประการ ตามตำราทำนายพุทธลักษณะบันทึกไว้ และบันดาลให้โตใหญ่กว่าไว้เมื่อนิมิตเครื่องหมายให้รู้ว่า รอยพระบาทภายในคือ รอยพระธรรม คำสั่งสอนคือ ศีล สมาธิ ปัญญา ความชนะตัณหา ๑๐๘ นั้น แผ่ไพศาลกว้างใหญ่ ขยายไปทั่วสากลโลกธาตุ ซึ่งเป็นนิมิตบอกให้รู้ชัดแจ้งตามความเป็นจริงว่า ใหญ่โตมากกว่ารอยปฐมต้นเดิมอันมีปรากฏอยู่ประเทศอินเดีย<O:p</O:p

    ๒. เกิดจากธรรมะบันดาล หรือทวยเทพผู้รักษาศาสนาบันดาลให้ดินฟ้าอากาศ ฟ้าฝนตกลงเซาะแผ่นหินให้เป็นรอยลึกลงทีละน้อย ๆ จนได้ขนาดและคล้ายคลึงกับรอยพระบาทขนาดใหญ่ อันปรากฏในปัจจันตประเทศตีวงขอบเขตไปทั่วนานาประเทศ เช่น ประเทศไทย พม่า เขมร มอญ ลาว เป็นต้น<O:p</O:p</O:p

    รอยพระบาทสระบุรี<O:p</O:p

    ตามตำนานพระบาทสระบุรี มีปรากฏในคัมภีร์พระพุทธศาสนา คือ :-
    มีในเรื่อง ปุณโณวาทสูตร ในพระไตรปิฎก ถอดใจความย่อว่า พระพุทธองค์ เสด็จไปกดรอยพระบาทไว้ที่เชิงเขาด้านตะวันออกเฉียงเหนือ แห่งกรุงศรีอยุธยาเดี๋ยวนี้อันเป็นที่อยู่ของสัจจพันธเถระ (เดิมเป็นสัจจพันธฤาษี) ในสมัยแผ่นดินพระเจ้าทรงธรรม มีพระภิกษุไทยหลายรูปไปนมัสการพระบาทที่เขาสุมนกูฏในลังกา พบกับภิกษุลังกา ๆ ถามจึงได้ความว่า ที่เขาสุวรรณบรรพตหรือเขาสัจจพันธคีรีมีรอยพระบาทเหมือนกัน เมื่อทราบถึงพระเจ้าทรงธรรม พระองค์จึงโปรดสั่งหัวเมืองต่าง ๆ สืบหาพระบาท จึงรู้ได้จากนายพรานบุญผู้ไปพบ จึงมีใบบอกเข้ามากราบบังคมทูล เมื่อพระองค์ทรงทราบตามใบบอกนั้น ก็เสด็จพระราชดำเนินไปทอดพระเนตรเสด็จไปทางแม่น้ำ ไปจอดเรือพระที่นั่ง ซึ่งมีจอดเรือเรียกว่าท่าเรือมาจนถึงทุกวันนี้ เมื่อเสด็จขึ้นเรือแล้วเสด็จเดินทางป่านายพรานบุญเป็นผู้นำ ครั้นไปถึงได้ทอดพระเนตรเห็นรอยพระบาท ก็ทรงเลื่อมใสเป็นอย่างยิ่ง ทรงยกที่ดินถวายเป็นบริเวณพระบาทโยชน์หนึ่งโดยรอบ และโปรดให้สร้างมณฑปครอบพระพุทธบาท และสร้างพระอุโบสถพระวิหารการเปรียญ กุฏีสงฆ์ ตัดทางกว้าง ๑๐ วา ตรงตลอดมาถึงท่าเรือ เพื่อการไปนมัสการพระบาทสะดวกแก่ประชาราษฎร์ตลอดมาถึงทุกวันนี้</O:p

    รอยพระบาทมี ๒ ชนิด<O:p</O:p

    รอยพระบาทที่ปรากฏแก่สายตามของชาวโลกมีอยู่ ๒ ชนิด คือพระบาทซ้าย กับรอยพระบาทขวา รอยพระบาทซ้ายปรากฏที่เข้าเลี้ยวใกล้เจ้าพ่อเขาตกสระบุรี ที่โคกสำโรง ที่เขาวงพระจันทร์ และพระบาทจอมศรี ที่ประเทศลาวเมืองหลวงพระบาง พระบาทเบื้องขวามีที่จังหวัดสระบุรี ซึ่งเราเรียกว่า พระพุทธบาทมาจนทุกวันนี้<O:p</O:p
    ๑. พระพุทธบาท กับพระโพธิบาท
    รอยพระบาทเบื้องขวา เป็นสัญลักษณ์แห่งรอยพระบาทของพระพุทธองค์ ส่วนรอยพระ<O:p</O:p
    บาทเบื้องซ้ายเป็นสัญลักษณ์แห่งรอยพระบาทของพระโพธิสัตว์ศรีอริยเมตไตรย แต่ชาวโลกคงเข้าใจว่าเป็นรอยพระบาทของพระพุทธองค์ทั้งซ้ายและขวา แต่อย่าลืมว่า ถ้าพระบาทของพระพุทธองค์ทรงประทับยืน ต้องทำคู่กันไว้เหมือนอย่างชาวเมือง อมรวดี ประเทศอินเดียสร้างเป็นพระบาทคู่ในประเทศไทยเช่นที่ใกล้พระแท่นศิลาอาสน์ จังหวัดอุตรดิตถ์ และวัดบวรนิเวศเป็นต้น ดังนี้รับรองได้ว่าเป็นรอยพระบาทของพระพุทธองค์ทั้งคู่ แต่หากประดิษฐานปรากฏอยู่คนละแห่ง แสดงว่าไม่ใช่รอยพระบาทของพระพุทธองค์หากเป็นรอยพระบาทของพระบรมโพธิสัตว์เจ้าต่างหาก<O:p</O:p

    ๒. พระบาทเบื้องขวาทั้งสอง ๒<O:p</O:p
    พระบาทเบื้องขวาของพระพุทธเจ้า ปลายนิ้วพระบาททั้ง ๕ สม่ำเสมอกันเป็นระเบียบอันดี<O:p</O:p
    งาม ฯ ส่วนนิ้วพระบาททั้ง ๕ ของพระโพธิสัตว์ศรีอริยเมตไตรย ประดิษฐานไว้บนยอดเขาใหญ่ ตั้งอยู่ระหว่างเขาทั้งสองมองดูจากทางเทศบาล จะเห็นเป็นเขา ๓ ลูกที่ตำบลนิคมสร้างตนเอง อ.เมือง จ.ลพบุรี มีการก่อสร้างเพิ่มเติมอยู่ทุ ๆ ปีเป็นประจำตามกำลังทรัพย์ นับจำนวนเงินก่อสร้างที่ส่งเสริมพระบารมีโพธิญาณแห่งพระศรีอริยเมตไตยหลายล้านบาท ผู้มีความปรารถนาสร้างบารมีเชิญได้ทุกโอกาส ขอต้อนรับความปิติยินดีทุกเมื่อ
    ๓. รอยพระบาทของพระบรมโพธิสัตว์<O:p</O:p
    ศรีอริยเมตไตรย<O:p</O:p
    รอยพระบาทของศรีอารย์ ที่สถิตประดิษฐานอยู่ที่หัวเขาเลี้ยว เทือกเดียวกันกับเขาพระพุทธบาทใหญ่สระบุรีห่างกันประมาณ ๓-๔ กิโลเมตรเท่านั้น ปรากฏอยู่ที่เขาเลี้ยว เพื่อให้เป็นสัญญาลักษณ์แห่งการสืบต่อศาสนาของพี่และน้อง ในหัวเลี้ยวหัวต่อระยะกึ่งพุทธกาลนี้ พระบาทของพระศรีอารย์เหยียบย่ำลงบนรอยโค (โคที่เป็นแม่เลี้ยงของพระสมณโคดม รอยโคนี้เป็นสัญญาลักษณ์ชี้บ่งถึงรอยพระบาทของพระโคดม) ตามเหตุผลนี้ จึงรู้ว่ารอยพระบาทเบื้องที่เหยียบย่ำทับลงไปบนรอยเท้าโค จึงเป็นรอยพระบาทเบื้องซ้ายที่เหยียบทับลงไปบนรอยเท้าโคนั้น ก็เป็นรอยพระบาทเบื้องซ้ายที่เหยียบทับลงไปบนรอยเท้าโคนั้น ก็เป็นรอยพระบาทของพระพุทธองค์เหมือนกัน ดังนั้น เหตุผลไม่เพียงพอ คือว่าโคแม่เลี้ยงนั้นมาเหยียบไว้เพื่อประโยชน์อันใด ถ้าพระพุทธองค์เหยียบทับรอยของแม่เลี้ยงโคลงไปก็แสดงว่าเป็นอาการส่อถึงความกดขี่ และไม่เคารพนับถือต่อแม่เลี้ยงของพระพุทธองค์เอง ถ้าจะออกตัวว่าเป็นการคารวะ จึงเหยียบทับกันก็ไม่ถูกเหตุผล เพราะความเคารพต่อกันและกันมิให้หมายถึงการทับถมกัน ลักษณะแห่งความเคารพของกันและกัน ต้องอยู่ห่างกันตามเหตุผลที่สมควร รอยจะห่างกันคืบหรือศอกนั่นแหละจึงจะเป็นเครื่องหมายแสดงถึงหลักความเคารพแท้ แต่ที่เป็นปรากฏการณ์ประจักษ์พยานอยู่เฉพาะหน้านี้ หาเป็นดังเช่นกล่าวมานั้นไม่ รอยเท้าโคปรากฏอยู่ตรงกลางระหว่างพระบาทซ้ายจริง ๆ และปลายรอยทั้งสองชี้แทงไปทางทิศตะวันออกทั้งสองรอย
    หากรอยเท้าโคกับรอยพระบาทอยู่ห่างกันคืบหรือศอกหรือยู่ใกล้ ๆ กันกับบริเวณนั้น อันเป็นสัญญาลักษณ์แห่งความเคารพนับถือของพระพุทธองค์ อันมีต่อมารดาเลี้ยงก็จะรับรองได้ทันทีว่า เป็นรอยพระบาทของพระพุทธองค์แท้แน่นอน แต่นี่หาเป็นดังเช่นว่าไม่ รอยเท้าโคกับปรากฏอยู่ตรงกลางจริง ๆ ระหว่างรอยพระบาทเบื้องซ้ายอันเป็นนิมิตเครื่องหมายแห่งการสืบต่อเนื่องถึงกันในระหว่างท่ามกลางศาสนาของพี่น้องทั้งสอง (คือศาสนาพระโคดมกับพระศรีอารย์) ต่อกันในระยะท่ามกลางหรือกึ่งพุทธกาล และรอยต่อกันที่หัวเขาเลี้ยว อันเป็นหัวเลี้ยวหัวต่อกันจริง ๆ เป็นปรากฎการณ์พยานหลักฐานบ่งชัดว่า รอยทั้งสองต่อกันนั้น ก็คือศาสนาทั้งสองต่อกันเข้าแล้ว เริ่มแต่ พ.ศ. ๑-๒ เป็นต้นไป พ.ศ. ๒๕๐๑-๒)
    ส่วนพยานหลักฐานภายนอกประกอบยังมีอยู่อีก คือ เมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๐ พระอาจารย์ทองดีทำพิธีหล่อพระรูปของพระโคดม และพระรูปของศรีอารย์ที่เชิงเขาเลี้ยว แล้วเอาขึ้นไปประดิษฐานไว้บนเขาเลี้ยวภายในมณฑป อันสวยงามราคาเกือบสามแสนบาท ทั้งสองพระองค์ พระรูปของพระโคดมตั้งอยู่บนแท่นสูงใหญ่ ต่ำลงมาเบื้องหน้าทำแท่นสูงครึ่งหนึ่งของแท่นใหญ่ ต่ำลงมาเบื้องหน้าทำแท่นสูงครึ่งหนึ่งของแท่นใหญ่ ตั้งพระรูปของพระศรีอารย์บนนั้น อันเป็นนิมิตเครื่องหมายและเป็นเครื่องเตือนใจ สะกิดใจและจูงใจให้รู้ความจริงได้ว่าพอศาสนาของพระโคดมบรมครู ประกาศมาได้ครึ่งหนึ่งหรือกึ่งของศาสนาแล้ว ต้องมีพระโพธิสัตว์พระศรีอารย์ผู้รับตำแหน่งศาสนทายาท มารับช่วงศาสนาประกาศแทนสืบต่อไปจากพระพุทธองค์โดยแน่นอน

    ถ้าคำคัดค้านถูกก็ต้องหล่อพระพุทธรูปโคตัวเมีย อันเป็นเครื่องหมายถึงแม่เลี้ยงไว้เป็นสักขีพยาน ในระยะกึ่งพุทธกาลนี้ใช่ไหม ฯ เพราะไม่เป็นความจริง กล่าวทางด้านธรรมะและทวยเทพที่คุ้มครองปกป้องศาสนาจึงดลบันดาลให้พระอาจารย์ทองดี ลูกศิษย์หลวงพ่อเล็ก วัดใหม่โพธิ์ทอง หล่อพระรูปสองพี่น้องไว้เป็นพยาน ในเวลากาลหัวเลี้ยวหัวต่อ เพื่อต่อศาสนาให้ติดต่อสืบเนื่องกันไว้ ในระยะกึ่งศาสนานี้ เมื่อมีพยานเป็นมาตรฐานรับรองให้เห็นชัดเป็นปัจจุบันทันตาอยู่เช่นนี้ จึงชี้ให้เห็นชัดรับรองเป็นความจริงได้แล้วว่า รอยพระบาทเบื้องซ้ายเป็นนิมิตเครื่องหมายบ่งชี้ให้รู้ว่า เป็นพระบาทของพระศรีอารย์ผู้น้อง ส่วนรอยพระบาทเบื้องขวา จึงเป็นนิมิตเครื่องหมายบ่งชัดไปทางฝ่ายรอยพระโคดมบรมครู ผู้พี่ธรรมดาว่าพี่ต้องใหญ่กว่า โตกว่า ภาคภูมิกว่า จึงใช้ฝ่ายขวาเป็นสัญลักษณ์ เมื่อพี่ใช้ฝ่ายขวาเป็นสัญลักษณ์ของท่านแล้ว ฝ่ายน้องต้องใช้ฝ่ายซ้ายก้าวสืบต่อไปข้างหน้า เป็นสัญลักษณ์ของตน เพื่อมิให้ไขว้เขวเข้าใจผิด ธรรมดาของโลกฝ่ายซ้าย ถือว่าต่ำกว่าฝ่ายขวาอยู่แล้ว เช่นมือซ้ายล้างก้นแต่ใช้มือขวาล้างหน้า ถ้าพระจับด้ายสายสิญจน์ ชักบังสุกุลด้วยมือซ้ายถือว่าไม่เคารพศพ พวกญาติโยมของศพไม่พอใจ ถ้าพระเณรจับด้ายสายสิญจน์มือขวา และหงายมือชักบังสุกุล ถือว่าเคารพต่อศพและพวกญาติของศพด้วย บรรดาผู้รู้ย่อมสรรเสริญเยินยอพอใจแก่ประชุมชนทุกชั้น ถ้าหากว่าน้องใช้ฝ่ายขวาเป็นสัญลักษณ์ต่อแทนก็ไม่รู้ว่า ใครเป็นใคร และอะไรเป็นของอะไร และถือว่าไม่เป็นการเคารพด้วย เพราะเกียรติยศศักดิ์ศรีของน้องย่อมด้อยกว่าศักดิ์ศรีของพี่อยู่แล้ว จึงไม่ควรอาจเอื้อมในสิ่งที่ไม่ควรแก่ตนอยู่เอง<O:p</O:p


    สรุปพระบาททั้งหมดมีอยู่ ๕

    พระบาทที่มีลักษณะโตใหญ่เล็กกว้างยาวลึก อันเกิดจากธรรมมะบันดาลและทวยเทพบันดาลก็ดี และเกิดจากพุทธบุตรผู้มองกาลไกลสลักไว้บนแผ่นหินบ้าง หล่อด้วยโลหะบ้างก็ดี อย่างนี้จัดเป็นรอยพระบาทภายนอกซึ่งประชาชนคนทั้งปวงภายในและภายนอกประเทศหลั่งไหลไปนมัสการกราบไหว้เป็นประจำทุก ๆ ปี เช่นพระบาทสระบุรี พระบาทเข้าเลี้ยวและพระบาทเขาวงพระจันทร์เป็นต้น ประชาชนนิยมไปนมัสการกราบไหว้รอยพระบาทภายนอกกัน นับจำนวนไม่ถ้วนปีหนึ่ง ๆ ซึ่งพาให้เกิดประโยชน์และได้รับสมบัติ ๒ ประการ คือ มนุษย์สมบัติ และสวรรค์สมบัติเท่านั้น เราจะเกิด ๆ ตาย ๆ นับชาติไม่ถ้วนวนเวียนไป ๆ มา ๆ กราบไหว้รอยพระบาทภายนอก นับโกฏิครั้งหรือนับครั้งไม่ถ้วน ก็ไม่ทำให้เราดีขึ้น เจริญขึ้น มากขึ้น และเกินเลยไปจากสมบัติทั้งสองนั้นเลย เพราะฉะนั้นชาวโลกทั้งหลาย จงพยายามก้าวไปข้างหน้าอีกเพียงก้าวเดียว ก็จะได้ประสบพบผลประโยชน์สูงสุดกว่านั้นไปอีกได้อีกอย่างหนึ่งได้แก่พระบาทภายใน อันได้แก่ ศิลสมาธิปัญญา, อันเป็นอริยมรรคา พาให้สัตว์โลกผู้ดำเนินตาม ได้สำเร็จประโยชน์และสมบัติทั้ง ๓ ประการคือ มนุษย์สมบัติ สวรรค์สมบัติ และนิพพานสมบัติ ควรที่สัตว์โลกทั้งหลายใฝ่หานิพพานกันให้มาก ๆ เพราะพาให้ตนพ้นจากทุกข์ได้จริง ๆ ถ้าหากยังหลงใหลใฝ่หาแต่สมบัติต่ำ ๆ ทั้งสองนั้นจะมีมากมายหลายโกฏิอสงขัย ก็ไม่นำตนให้พ้นจากทุกข์ภัยได้ เหตุผลดังกล่าวมาโดยย่อนี้ ขอให้ปวงสัตว์โลกจงยินดีให้ยิ่ง ๆ ขึ้นไปสนใจแสวงหาแต่ในทางนิพพานให้มากขึ้นเถิดจะเกิดนาบุญภายใน ได้ดวงตาเห็นธรรม นำตนให้พ้นจากสังสารวัฏการเวียนว่ายตายเกิดในทะเลหลวงได้<O:p</O:p
    หลวงพ่อได้อธิบายเหตุผลเรื่องรอยพระพุทธบาท และรอยพระโพธิบาท อันเป็นดุจแสงเทียนส่องให้เกิดปัญญาตกใจมีญาณอันผ่องใส่ พิจารณาใคร่ครวญตามแนวทางที่ชี้แจงนี้ จะเกิดมีความรู้ และความเข้าใจ กันความเข้าใจไขว้เขวยุ่งเหยิงได้ และเป็นบ่อเกิดปลูกความเชื่อเลื่อมใสในองค์พระบรมโพธิสัตว์ศรีอริยเมตไตรยต่อไป ซึ่งให้สมกับความตั้งใจของประชาชนที่ปรารถนาพบประสบพักตร์ให้เห็นประจักษ์ในระยะกึ่งศาสนานี้ และจะรู้ว่าพระศรีอารย์อันเป็นองค์จริงองค์แท้นั้นอยู่ที่ไหน รู้ได้อย่างไร
    ถ้าใคร่ครวญดูให้ดี ก็พอจะมีความรู้ความเข้าใจได้ถ้าหากยังโง่เขลาเบาปัญญาบารมียังอ่อนอยู่ ถึงจะชี้แจงแนะนำสั่งสอนก็คงเข้าใจยาก และเชื่อยากด้วย อาจเชื่อในองค์จริงว่า เป็นองค์ไม่จริงได้ และอาจเชื่อขนองค์ที่เป็นจริงว่าไม่จริงองค์แท้แน่นอนได้ เมื่อเรารู้ว่าเป็นองค์จริง แต่ไม่ประพฤติปฏิบัติตามโอวาทคำสั่งสอนของพระองค์ก็ไม่ได้รับผลประโยชน์อะไรนัก สำคัญที่เรารู้แล้วว่า “เป็นองค์จริงองค์แท้แน่ แก่ใจตนจริง ๆ แล้ว” ต้องเข้าไปใกล้นั่งกราบไหว้เคารพบูชาสักการะ แล้วขอคำแนะนำสั่งสอนจากพระองค์ เมื่อตนพิจารณาใคร่ครวญตามเข้าใจแจ่มแจ้งแล้วปฏิบัติตาม จึงจะสำเร็จประโยชน์แก่ตนอย่างใหญ่หลวงขอให้ประชาชนคน ทั้งปวงจงอุส่าห์พาตนให้เข้าใกล้ ให้ได้รับพระพรชัยและพระโอวาท แล้วประกาศตนเป็นโพธิบุตรทุก ๆ คนเถิด จะเกิดประโยชน์ โสตถิผลแก่ตน ทั้งชาตินี้และ ชาติหน้าต่อไปตลอดกาลนาน.

    <O:p</O:p
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 กันยายน 2020
  2. วิชา ละ

    วิชา ละ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    338
    ค่าพลัง:
    +2,416
    พุทธคุณ9

    พุทธคุณ ๙คำว่าพุทธคุณเป็นคำที่ชาวพุทธคุ้นหูกันเป็นอย่างดีแต่เชื่อว่าหลายคนยังไม่เข้าใจคำนี้ได้อย่างถูกต้องนักดังนั้นจึงขอนำมาอธิบายขยายความไว้ในที่นี้โดยในพจนานุกรมพุทธศาสน์ของรองศาสตราจารย์ดนัย ไชยโยธา ได้ให้ความหมายไว้ว่าพุทธคุณ ๙ คือ คุณความดีของพระพุทธเจ้า ๙ประการดังที่นักปราชญ์ได้ร้อยกรองเพื่อใช้เป็นบทสวดสรรเสริญพระคุณอันประเสริฐไว้ดังนี้
    ๑. อรหํเป็นพระอรหันต์มีคำแปลและความหมายอย่างน้อย ๔ ประการ ดังนี้
    ๑.๑ เป็นผู้ควร คือผู้ทรงสั่งสอนสิ่งใดก็ทรงทำสิ่งนั้นได้ด้วย เป็นผู้มีศีลบริสุทธิ์
    ๑.๒เป็นผู้ไกล คือ ผู้ทรงไกลจากกิเลสและบาปกรรม เพราะทรงละได้เด็ดขาดแล้วทั้งโลภ โกรธและหลง
    ๑.๓ เป็นผู้หักซี่กำแพงล้อสังสารวัฏ คือผู้ทรงตัดวงจรแห่งการเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในสังสารวัฏได้แล้ว
    ๑.๔เป็นผู้ไม่มีข้อลี้ลับ คือ ผู้ทรงไม่มีบาปธรรมทั้งที่ลับและที่แจ้งเป็นผู้ควรแนะนำสั่งสอนผู้อื่น และเป็นผู้ควรได้รับความเคารพของผู้อื่น
    ๒. สมฺมาสมฺพุทฺโธเป็นผู้ทรงตรัสรู้ชอบด้วยพระองค์เอง คือ ทรงตรัสรู้อริยสัจ ๔ อันได้แก่ ทุกข์สมุทัย นิโรธ มรรค เป็นการค้นพบด้วยพระองค์เอง ไม่มีครูอาจารย์เป็นผู้สอน
    ๓. วิชฺชาจรณสมฺปนฺโนเป็นผู้ทรงเพียบพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ คือ มีวิชชาความรู้ตั้งแต่ความรู้ระดับพื้นฐาน จนกระทั่งความรู้ระดับสูงสุด และมีจรณะความประพฤติดีประพฤติได้ตามที่ทรงรู้ เช่น ความสำรวมในศีล เป็นต้น
    ๔. สุคโตเป็นผู้เสด็จไปดี คำว่า ไปดีมีความหมายหลายนัย คือ
    ๔.๑ เสด็จดำเนินตามอริยมรรคมีองค์แปดอันเป็นทางเดินที่ดี
    ๔.๒ เสด็จไปสู่พระนิพพาน อันเป็นสภาวะที่ดียิ่ง
    ๔.๓เสด็จไปดีแล้ว เพราะทรงละกิเลสได้โดยสิ้นเชิง
    ๔.๔ เสด็จไปปลอดภัยดีเพราะเสด็จไปบำเพ็ญประโยชน์แก่สัตว์โลก
    ๕.โลกวิทูเป็นผู้ทรงรู้แจ้งโลก คือ ทรงรอบรู้โลกทางกายภาพ เช่น โลกมนุษย์สัตว์โลก สังขารโลก โอกาสโลก และทรงรู้โลกภายใน คือทุกข์และการดับทุกข์
    ๖. อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิเป็นสารถีผู้ทรงฝึกคนได้อย่างยอดเยี่ยม คือ พระองค์ทรงรู้นิสัย (ความเคยชิน)อุปนิสัย (มีแวว) อธิมุตติ (ความถนัด) อินทรีย์ (ความพร้อม) ของบุคคลระดับต่างๆและทรงฝึกสอนด้วยเทคนิควิธีการที่เหมาะแก่ความเคยชิน แววถนัดและความพร้อมของเขาให้บรรลุมรรคผลเป็นจำนวนมาก๗. สตฺถา เทวมนุสฺสานํเป็นศาสดาของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย คือพระองค์ทรงประกอบด้วยคุณสมบัติที่ควรเป็นครูของบุคคลในทุกระดับชั้นเพราะพระองค์ทรงรอบรู้และทรงสอนคนได้ทุกระดับ ทรงสอนด้วยความเมตตามิใช่เพื่อลาภสักการะและคำสรรเสริญแต่ทรงมุ่งความถูกต้องและประโยชน์สุขของผู้ฟังเป็นใหญ่ทรงสอนให้เหมาะสมกับอัธยาศัยของผู้ฟัง และทรงทำได้ตามที่ทรงสอนนั้นด้วย
    ๘. พุทฺโธเป็นผู้ตื่น ผู้เบิกบานคือ พระองค์ทรงตื่นเองจากความเชื่อถือและข้อปฏิบัติทั้งหลายที่ยึดถือกันมาผิดๆ ด้วยทรงรู้จักฐานะ คือ เหตุที่ควรเป็น เปรียบได้กับคนตื่นจากหลับแล้วทรงปลุกผู้อื่นให้พ้นจากความหลงงมงายด้วยอนึ่งพระองค์ทรงตื่นแล้วเป็นอิสระจากอำนาจของโลภ โกรธ หลง แล้วเมื่อทรงตื่นแล้วก็ทรงแจ่มใสเบิกบาน มีพระทัยบริสุทธิ์สะอาด
    ๙. ภควาเป็นผู้มีโชค ผู้ทรงแจกแบ่งธรรมคือพระองค์ทรงเพียบพร้อมไปด้วยคุณธรรมทั้งหลายอันเป็นผลสัมฤทธิ์แห่งพระบารมีที่ทรงบำเพ็ญมา นับเป็นผู้มีโชคดีกว่าคนทั้งปวงเพราะพระองค์ทรงทำการใดก็ลุล่วงปลอดภัยทุกประการ ส่วน ภควาแปลว่าทรงแจกแบ่งธรรมหมายถึง มีพระปัญญาล้ำเลิศจนสามารถจำแนกธรรมที่ลึกซึ้งให้เป็นที่เข้าใจง่ายและมีพระกรุณาธิคุณจำแนกแจกจ่ายคำสั่งสอนแก่เวไนยสัตว์ให้รู้ตาม
    พระพุทธคุณทั้ง ๙ ประการนี้ สรุปลงเป็น ๓ ประการคือ
    ๑. พระวิสุทธิคุณคือความบริสุทธิ์ อันได้แก่ พระคุณข้อที่ ๑, ๓ และ ๙
    ๒. พระปัญญาคุณคือ ปัญญา อันได้แก่ พระคุณข้อที่, ๕ และ ๘
    ๓. พระมหากรุณาธิคุณคือพระมหากรุณา อันได้แก่ พระคุณข้อที่ ๔, ๖ และ ๗
    คัดลอกมาจาก ::ศัพท์ธรรมคำวัด : พุทธคุณ ๙โดย ผู้จัดการออนไลน์ 3 มีนาคม 2548 10:06 น.
    ข้อมูลจาก ลานธรรมจักร อ่าน - พุทธคุณ ๙.htm<O:p
    เมื่อเราทราบว่า พระพุทธรูปคืออะไร และมีความสำคัญต่อพระพุทธศาสนาอย่างไรแล้วเวลาที่กราบไหว้พระพุทธรูป เราจึงตั้งใจระลึกถึงพระคุณ ๓ ประการ ได้แก่ ๑.พระพุทธคุณ คือ คุณของพระพุทธเจ้า อันประกอบด้วย พระปัญญาคุณ ที่ทรงรู้ดีรู้ชอบโดยสิ้นเชิง พระบริสุทธิคุณ ที่ทรงละความเศร้าหมองได้หมด และ พระกรุณาคุณที่ทรงสงสารผู้อื่น และสั่งสอนให้ปฏิบัติตาม ๒. พระธรรมคุณ คือ คุณของพระธรรมที่จะรักษาผู้ปฏิบัติตามไม่ให้ตกไปในทางที่ชั่ว และ ๓. พระสังฆคุณ คือคุณของพระอริยสงฆ์ ที่ได้ปฏิบัติดี ปฏิบัติตรง ปฏิบัติชอบ และกระทำการสืบพระพุทธศาสนาให้ยืนยาวต่อมาถึงปัจจุบัน พุทธศาสนิกชนที่ดีนั้นนอกจากจะถือปฏิบัติตามหลักธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าโดยการละเว้นจากความชั่วและทำความดีประกอบกันแล้วการสวดมนต์และกราบไหว้พระก่อนนอนเป็นประจำทุกวันก็จะนำความสุขและความเจริญให้เกิดแก่ตัวเราตลอดไป<O:p
    ข้อมูลจากThailand Thai Junior Encyclopedia Project.htm<O:p
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 มิถุนายน 2011
  3. ปิยะราช

    ปิยะราช Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 เมษายน 2011
    โพสต์:
    42
    ค่าพลัง:
    +85
    อยากทราบที่อยู่พระบาทเขาเหม็น ที่โคราช ครับว่า อยู่อำเภอหรือตำบลใด ท่านใดรู้กรุณาตอบหน่อยนะครับ
     
  4. คมศักดิ์

    คมศักดิ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2006
    โพสต์:
    790
    ค่าพลัง:
    +886
    ขออนุโมทนา สาธุกับการให้ข้อมูลดี ๆ ครับ ถ้าเป็นแรม 8 ค่ำเดือน 6 น่าจะผ่านมาแล้ว ปีนี้น่าจะตรงกับวันที่ 25 พ.ค. 54
     
  5. clearlove

    clearlove เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    273
    ค่าพลัง:
    +644
    ที่จริงผมก็ต้องการทราบเหมือนกัน ถ้ามีโอกาสจะได้ถ่ายภาพมาเอง
    ได้ข่าวมาว่ามีพระบาท ที่ ตำบลกลางดง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา
    พระบาทกลางดง
    พระบาทป่าหิน
    พระบาทถ้ำเต่าทอง
    วัดเขาแผนที่
    นั้นพวกเราต้องช่วยกันหาต่อไปให้เจอนะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 มิถุนายน 2011
  6. clearlove

    clearlove เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    273
    ค่าพลัง:
    +644
    ธรรมคุณ ๖

    คุณของพระธรรมคุณมี ๖ ประการ ดังที่นักปราชญ์ได้ร้อยกรองเป็นบทสวดสำหรับน้อมนำระลึกไว้ในใจ ดังนี้

    ๑. สวากขาโต ภควตา ธัมโม หมายถึง ธรรมอันพระผู้มีพระภาคตรัสดีแล้วท่ามกลาง อันได้แก่ สมาธิและงามในที่สุด อันได้แก่ ปัญญา พร้อมทั้งอรรถและพยัญชนะ ประกาศพรหมจรรย์หรือหลักการครองชีวิตอันประเสริฐ บริสุทธิ์บริบูรณ์สิ้นเชิง

    ๒. สันทิฏฐิโก หมายถึง ผู้ปฏิบัติจะพึงเห็นชัดด้วยตนเอง ผู้ใดปฏิบัติ ผู้ใดบรรลุ ผู้นั้นย่อมเห็นประจักษ์ด้วยตนเอง ไม่ต้องเชื่อตามคำบอกเล่าของผู้อื่น ผู้ใดไม่ปฏิบัติ ไม่บรรลุ ผู้อื่นจะบอกก็เห็นไม่ได้

    ๓. อกาลิโก หมายถึง ไม่ประกอบด้วยการ ผู้ปฏิบัติไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา พร้อมเมื่อใดบรรลุได้ทันที บรรลุเมื่อใดเห็นผลได้ทันที นั่นคือ ให้ผลในลำดับแห่งบรรลุไม่เหมือนผลไม้อันให้ผลตามฤดูกาล

    ๔. เอหิปัสสิโก หมายถึง ควรเรียกให้มาดู พระธรรมเป็นคุณอัศจรรย์ดุจของประหลาดที่ควรเชิญชวนให้มาชมและพิสูจน์หรือท้าทายต่อการตรวจสอบ เพราะเป็นของจริงและดีจริง

    ๕. โอปนยิโก หมายถึง ควรน้อมเข้ามา ผู้ปฏิบัติควรน้อมเข้ามาไว้ในใจของตนหรือน้อมใจเข้าไปให้ถึงด้วยการปฏิบัติให้เกิดขึ้นในใจ

    ๖. ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหิ หมายถึง อันวิญญูชนพึงรู้เฉพาะตน ผลอันเกิดจากการปฏิบัติธรรมนั้น ทุกคนที่น้อมนำมาปฏิบัติ จะรู้ซึ้งถึงผลแห่งพระธรรมนั้นด้วยตนเอง ทำให้กันไม่ได้ เอาจากกันไม่ได้ และรู้ได้ประจักษ์ในใจของตนเอง

    คุณของพระธรรมข้อที่ ๑ มีความหมายกว้าง รวมทั้งปริยัติธรรม คือ คำสั่งสอนด้วย ส่วนคุณของพระธรรมข้อที่ ๒ ถึงข้อที่ ๖ มุ่งให้เป็นคุณของโลกุตตรธรรม

    ดังนั้น เมื่อทราบความหมายของธรรมคุณ ๖ ทั้งหมดแล้ว การสวดมนต์เพื่อสรรเสริญพระธรรมคุณในครั้งต่อๆ ไป คงจะทรงความหมายอย่างเปี่ยมล้น

    อนึ่ง การน้อมนำคุณของพระธรรม เพื่อเจริญธัมมานุสตินั้น มีอานิสงส์มาก ดังที่ ปัญญา ใช้บางยาง ได้บอกไว้ในหนังสือธรรมาธิบาย เล่ม ๑ ว่า

    - ย่อมเป็นผู้มีความเคารพยำเกรงในพระศาสดา

    - ตระหนักและอ่อนน้อมในพระธรรม

    - ย่อมได้ความไพบูลย์แห่งคุณ มีศรัทธา เป็นต้น

    - เป็นผู้มากด้วยปีติปราโมทย์

    - ทนต่อความกลัว ความตกใจ อดกลั้นต่อทุกข์

    - รู้สึกว่าได้อยู่กับพระธรรม

    - เป็นบาทฐานให้บรรลุธรรมอันยิ่ง

    - เมื่อประสบกับวัตถุที่จะพึงล่วงละเมิด หิริโอตตัปปะ ย่อมปรากฏแก่เธอ

    - เมื่อยังไม่บรรลุคุณอันยิ่ง เธอย่อมมีสุคติต่อไป

    -------------------------กัลยาณธรรม
    ขอขอบคุณข้อมูลมาจากนี้ครับ
    :: หลวงพ่อสด.คอม :: แหล่งรวมประวัติหลวงพ่อสด หลักธรรม บทสวดมนต์ วิชาธรรมกาย หนังสือธรรมะ
     
  7. clearlove

    clearlove เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    273
    ค่าพลัง:
    +644
    พระสังฆคุณ

    พระสังฆคุณ พระสงฆ์สาวกอริยะ ผู้รู้แจ้ง ก็มีพระคุณมาก

    รอยพระพุทธบาทเขายาย “หอม” เดิมชื่อ รอยพระพุทธบาทเขายาย “เหม็น” ได้เปลี่ยนชื่อนับตั้งแต่ปี พ.ศ.2500 เป็นต้นมา รอยพระพุทธบาทเขายายหอม ตั้งอยู่ใน ต.นายางกลัก อ.เทพสถิต จ.ชัยภูมิ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 กันยายน 2020
  8. atta454

    atta454 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    131
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +263
    ตังหนังสือสีฟ้า อ่านเเล้ว ลายตา อ่านยาก สำหรับคนแก่
     
  9. clearlove

    clearlove เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    273
    ค่าพลัง:
    +644
    ข้อมูลจากพี่นาคา เพื่อมาประกอบการพิจารณาในด้านอื่นๆประกอบ ถ้าจะให้แน่ต้องนั่งไปดูเองได้นะ ขอบคุณพี่ชายมากครับ
    รอยพระพุทธบาท[FONT=พส. พิมพ์ดีด ๒ ใหม่]ซึ่งได้รับการอ้างกันว่าเป็นรอยที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้เสด็จไปประทับไว้[/FONT][FONT=พส. พิมพ์ดีด ๒ ใหม่]ด้วยพระองค์เอง[/FONT][FONT=พส. พิมพ์ดีด ๒ ใหม่]มีอยู่ [/FONT][FONT=พส. พิมพ์ดีด ๒ ใหม่]๕ แห่ง[/FONT][FONT=พส. พิมพ์ดีด ๒ ใหม่]ซึ่งก็มีตำนานต่าง[/FONT][FONT=พส. พิมพ์ดีด ๒ ใหม่]ๆ [/FONT][FONT=พส. พิมพ์ดีด ๒ ใหม่]กัน [/FONT][FONT=พส. พิมพ์ดีด ๒ ใหม่]คือ[/FONT]

    [FONT=พส. พิมพ์ดีด ๒ ใหม่]๑[/FONT][FONT=พส. พิมพ์ดีด ๒ ใหม่].[/FONT][FONT=พส. พิมพ์ดีด ๒ ใหม่] เขาสุวรรณมาลิก[/FONT]
    [FONT=พส. พิมพ์ดีด ๒ ใหม่]๒[/FONT][FONT=พส. พิมพ์ดีด ๒ ใหม่].[/FONT][FONT=พส. พิมพ์ดีด ๒ ใหม่] เขาสุมนกูฏ[/FONT]
    [FONT=พส. พิมพ์ดีด ๒ ใหม่]๓[/FONT][FONT=พส. พิมพ์ดีด ๒ ใหม่].[/FONT][FONT=พส. พิมพ์ดีด ๒ ใหม่] เมืองโยนก[/FONT]
    [FONT=พส. พิมพ์ดีด ๒ ใหม่]๔[/FONT][FONT=พส. พิมพ์ดีด ๒ ใหม่].[/FONT][FONT=พส. พิมพ์ดีด ๒ ใหม่] หาดทรายในลำน้ำนัมมทานที[/FONT]
    [FONT=พส. พิมพ์ดีด ๒ ใหม่]๕[/FONT][FONT=พส. พิมพ์ดีด ๒ ใหม่].[/FONT][FONT=พส. พิมพ์ดีด ๒ ใหม่] เขาสุวรรณบรรพต[/FONT]
    มีผู้อ้างถึงไว้เพื่อให้ทุกท่านพิจารณาด้วยปัญญากัน
    รอยพระพุทธบาท ๕ แห่ง

    แต่ก่อนที่ถึงเรื่องราวทั้งหลายต่อไป จะขอ ย้อนกล่าวถึงรอยพระพุทธบาททั้ง ๕ แห่งเสีย ก่อน ความจริงรอยพระพุทธบาทในประเทศไทย ยังมีอีกมาก แต่เท่าที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลกจนเป็น ที่ยอมรับของท่านพุทธศาสนิกชนทั้งหลายนั้น มีปรากฏอยู่ในพระบาลีดังนี้ คือ :-

    ๑. สุวรรณมาลิก (ลังกา)


    ๒. สุวรรณบรรพต อ.พระพุทธบาท จ.สระบุรี


    ๓. สุมนกูฏ(ลังกา)


    ๔. โยนกปุระ อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่


    ๕. นัมทานที เกาะแก้วพิสดาร จ.ภูเก็ต


    ข้อความในวงเล็บนั้น ผู้เขียนลงเอาไว้เพื่อความเข้าใจตามที่ได้ค้นคว้ามา ซึ่งจะหาอ่านรายละเอียดได้จากหนังสือ “ธัมมวิโมกข์” ฉบับ ที่ ๑๕๖, ๑๖๓, ๑๖๔ (ปี ๒๕๓๗) ในที่นี้จะขอกล่าวเฉพาะรอยพระพุทธบาทที่ ๕ “นัมทานที” ซึ่งได้ยืนยันไว้เป็นหลักฐานจากหนังสือ “พุทธสาสนสุวัณณภูมิปกรณ์”อ่านคำจารึกโดย พระราชกวี (อ่ำ ธมฺมทตฺโต) วัดโสมนัสราชวรวิหาร กรุงเทพฯ มีใจความตามสำนวนสมัยเมื่อสอง พันห้าร้อยกว่าปีมานี้เองว่า



    “บุญมุนี อยู่ถ้ำฤษี ผู้นำพุทธ สู่เกาะ คนชาวน้ำ หมู่คนน้ำ เกาะแก้ว เข้ากราบไหว้ ห้อมล้อม พุทธสอนมาก หมู่คนขอรอยตีนไว้ ชายทเล พุทธเหยียบดิน ทำให้ใหญ่กว่า ๓ เท่า เมื่อวันขึ้น ๑๓ ค่ำ เดือนอ้าย พุทธพัสสา ๒๒...”


    ถ้าใช้สำนวนในปัจจุบันอ่านได้ดังนี้



    “พระปุณณะ อยู่ถ้ำฤษี (เขางู จ.ราชบุรี) ผู้นำพระพุทธเจ้า สู่เกาะคนชาวน้ำ (ชาวเล) หมู่คนน้ำ เกาะแก้ว เข้ากราบไหว้ ห้อมล้อม พระพุทธเจ้าสอนมาก หมู่คนขอรอยพระบาท ไว้ที่ชายทะเล...”


    ท่านเจ้าคุณพระราชกวี ได้วินิจฉัยเรื่องนี้ ไว้อีกว่า



    “เท่าที่ปรากฏรอยตีนพุทธนี้ ย่อมทรงแสดงให้เห็นหลักฐาน พระพุทธเจ้าทรงแสดงพระองค์ว่า ได้เสด็จตั้งแต่ใต้สุดถึงเหนือสุดของ ดินแดน “สุวัณณภูมิ” จึงเสด็จเพื่อทรงเหยียบ แสดงรอยพระบาทเป็นประจักษ์พยานไว้


    สัจจพันธ์คีรี (จังหวัดสระบุรี)


    และที่ เกาะแก้ว(เกาะแก้วพิสดาร?,ภูเก็ต) หรือ “นิมมทานที” (ไทยว่า..นัมมะทา)


    ซึ่งเป็นที่เลื่องลือมานาน กระทั่งถึงต่างประเทศคือลังกาและชมพูทวีป เพราะคำใน “อรรถกถา” ยืนยันอยู่



    ที่มา


    พระพุทธบาทที่ปรากฏในพระไตรปิฏก มีกี่รอยจ๊ะ และมีอยู่ที่ไหนบ้าง


    http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=181.0


    ขอบคุณภาพจาก www.siamfreestyle.com,http://g1.buildboard.com,http://gallery.palungjit.org




    อรรถกถา มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์ สฬายตนวรรค




    ปุณโณวาทสูตร




    ๓. อรรถกถาปุณโณวาทสูตร




    (คัดมาเพียงบางส่วน)


    พระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จไปถึงหมู่บ้านพ่อค้าพร้อมกับภิกษุ ๕๐๐ รูป ที่อยู่ในเรือนยอด ทรงทำให้ใครๆ มองไม่เห็นเรือนยอดแล้วเสด็จไปสู่หมู่บ้านพ่อค้า. พวกพ่อค้าได้ถวายทานใหญ่แก่หมู่ภิกษุซึ่งมีพระพุทธเจ้าทรงเป็นประมุข แล้วทูลอาราธนาพระศาสดาเสด็จไปยังมกุฬการาม. พระศาสดาทรงเข้าสู่โรงปะรำ.



    มหาชนรอเวลาจนพระศาสดาดับความกระวนกระวายเกี่ยวกับพระอาหาร ให้สงบต่างรับประทานอาหารมื้อเช้าเสร็จแล้วสมาทานองค์อุโบสถ์ถือของหอม และดอกไม้เป็นอันมากกลับมาวัดเพื่อต้องการฟังธรรม. พระศาสดาทรงแสดงธรรม. การหลุดพ้นจากกิเลสเครื่องผูกเกิดแก่มหาชนแล้ว. ความโกลาหลเกี่ยวกับพระพุทธเจ้า ขนานใหญ่ได้มีแล้ว.



    เพื่อสงเคราะห์มหาชน พระศาสดาประทับ ๒-๓ วันในที่นั้นเอง. และก็ทรงยังอรุณให้ตั้งขึ้นในพระมหาคันธกุฏีนั่นแหละ. เมื่อประทับในที่นั้น ๒-๓ วันแล้วก็เสด็จเที่ยวบิณฑบาตในหมู่บ้านพ่อค้าแล้วตรัสสั่งให้พระปุณณเถระกลับว่า เธอจงอยู่ในที่นี้แหละ ในระหว่างทางมีแม่น้ำชื่อ นิมมทา ได้เสด็จไปถึงฝั่งของแม่น้ำนั้น. นิมมทานาคราชถวายการต้อนรับพระศาสดาทูลเสด็จเข้าสู่ภพนาคได้กระทำสักการะพระรัตนตรัยแล้ว.


    พระศาสดาทรงแสดงธรรมแก่นาคราชนั้นแล้ว ก็เสด็จออกจากภพนาค.


    นาคราชนั้นกราบทูลขอว่าได้โปรดประทานสิ่งที่พึงบำเรอแก่ข้าพระองค์ด้วยเถิด พระพุทธเจ้าข้า.


    พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงทรงแสดงบทเจดีย์ รอยพระบาท ไว้ที่ฝั่งแม่น้ำนิมมทา.


    รอยพระบาทนั้น เมื่อคลื่นซัดมาก็ถูกปิด เมื่อคลื่นเลยไปแล้วก็ถูกเปิด.


    กลายเป็นรอยพระบาทที่ถึงสักการะอย่างใหญ่.


    เมื่อพระศาสดาทรงออกจากนั้นแล้วก็เสด็จถึงภูเขาสัจจพันธ์ ตรัสกับพระสัจจพันธ์ว่า มหาชนถูกเธอทำให้จมลงในทางอบาย เธอต้องอยู่ในที่นี้แหละ แก้ลัทธิของพวกคนเหล่านี้เสีย แล้วให้พวกเขาดำรงอยู่ในทางพระนิพพาน.


    แม้ท่านพระสัจจพันธ์นั้น ก็ทูลขอสิ่งที่จะต้องบำรุง.


    พระศาสดาก็ทรงแสดงรอยพระบาทไว้บนหลังแผ่นหินทึบ


    เหมือนประทับตราไว้บนก้อนดินเหนียวสดๆ ฉะนั้น.


    ต่อจากนั้นก็เสด็จไปถึงพระเชตวันทีเดียว. ท่านหมายเอาข้อความนี้จึงกล่าวคำเป็นต้นว่า ด้วยภายในพรรษานั้นเองดังนี้.


    อ่านเรื่องนี้เต็มๆ(อรรถกถา)ได้ที่


    http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=14&i=754


    อ่าน เนื้อความในพระไตรปิฎก


    http://www.84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=14&A=9641&Z=9745


    ขอบคุณภาพจาก http://gallery.palungjit.org,



    17 กันยา 2551 ร่วม มุทิตาจิต หลวงปู่สุภา กันตสีโลอายุครบ 114ปี วัดสีลสุภารามภูเก็ต15 เมษา ร่วมโมทนาบุญ ถวายสมเด็จพระอุปคุต หน้าตัก 29 นิ้ว ที่สำนักสงฆ์สวนวาง อ.คุระบุรี จ.พังงา<!-- google_ad_section_end --> <HR style="COLOR: #ffffff; BACKGROUND-COLOR: #ffffff" SIZE=1>





    <!-- google_ad_section_end -->​




     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 เมษายน 2012
  10. ด้วยรัก30

    ด้วยรัก30 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    3,756
    ค่าพลัง:
    +1,220
    น่าสนใจพระบาทนี้นะ
    1พระบาทเขานางเหม็น(เขาน้ำเหม็นก็เรียก คือเขาเขมรนั้นเอง เหม็น คือ เขมร ตั้งอยู่ในเขตจังหวัดนครราชสีมา)
    ใครอยู่จังหวัดนครราชสีมา บ้างหรือผู้รอบรู้ช่วยนำมาบอกพวกด้วยเทอญ รู้ว่ามีพระบาทในจังหวัดนี้ มีอยู่ ภูเขาลูกไหนบ้างอยู่วัดไหน ชื่อภูเขานางเหม็น บ้าง ขอให้นำมาบอกด้วย
    พวกเราน่าจะรวมตัวกันนะแล้ว จัดรถไปกราบพระกันนะตลอดจนได้ท่องเที่ยวจังหวัดนครราชสีมา ไปนอนค้างซัก 1 คืน ก็คงจะดีไม่น้อยนะ
    ข้อมูลจากนี้ขอขอบคุณ


    ข้อมูลจากนี้ขอขอบคุณ
    http://www.danpranipparn.com/web/pratttas/pratta15.html
    นครราชสีมา มีประมาณ 31-32 แห่ง (เรายังไม่ทราบว่าจะเป็นที่ไหน)
    32 วัดพระพุทธบาทคีรีวันน์เขาพริก วัดเขาพริก พระพุทธบาทวัดเขาพริก หมู่7 ตำบลบ้านไผ่ อำเภอสี่คิ้ว จังหวัดนครราชสีมา
    1 พระพุทธบาทกลางดง ต.กลางดง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา
    2 อุทยานพระพุทธบาทป่าหิน บ.ถ้ำเต่า ต.กลางดง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา
    3 พระพุทธบาทเขาสรรพยา (ถ้ำศรีวิไล) บ.หัวโกรก ต.ดงพญาเย็น อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา
    4 พระพุทธบาทน้ำตกหินเพิง บ.คลองม่วง ต.มิตรภาพ อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา
    5 พระพุทธบาทเขาสีสด ต.คลองม่วง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา
    6 วัดมอจะบก(เขาเหิบ)ต.มิตรภาพ อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา
    7 แหล่งหินตัด(อยู่ริมถนน) อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา
    8 วัดวังกระสวย บ.วังกระสวย ต.กฤษรา อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา
    9 วัดเขาพระนั่ง บ.ซับเจริญ ต.หนองหญ้าขาว อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา
    10 วัดเสมาคีรีวนาราม ต.ลาดบัวขาว อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา
    11 สำนักสงฆ์ถ้ำแม่กุหลาบ อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา
    12 วัดถ้ำจำปา ต.ลาดบัวขาว อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา
    13 พระพุทธบาทบ้านถ้ำมังกร ต.วังโรงใหญ่ อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา
    14 พระพุทธบาทวัดโกรกเดือนห้า บ้านโกรกเดือนห้า ต.สุรนารี อ.เมือง จ.นครราชสีมา
    15 พระพุทธบาทวัดเขาตะกรุดลัง ต.อุดมทรัพย์ อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา
    16 พระพุทธบาทที่พักสงฆ์เขาเทพบุตร ต.อุดมทรัพย์ อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา
    17 พระพุทธบาทวัดป่าเซตวัน บ้านโคก ต.สระแกราช อ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา
    18 พระพุทธบาทวัดภูวังทองศลาอาสน์ บ้านซับคุ้ม ต.ตะขบ อ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา
    19 พระพุทธบาทวัดเสาเดี๋ยว(เขาภูหลวง)ต.ภูหลวง อ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา
    20 พระพุทธบาทวัดซับยาง ต.ครบุรี อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา
    21 พระพุทธบาทวัดป่ามหาวัน ต.ครบุรีใต้ อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา
    22 พระพุทธบาทวัดเขาน้อยมูลบน บ้านมูลบน ต.จระเข้หิน อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา
    23 พระพุทธบาทจอมทอง บ้านตลิ่งชัน ต.จระเข้หิน อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา
    24 พระพุทธบาทวัดสุวรรณบรรพต(ถ้ำวัวแดง)บ้านเฉลี่ยงโคก ต.เฉลียง อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา
    25 พระพุทธบาทวัดถ้ำเขาแกลบ ต.จระเข้หิน อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา
    26 พระพุทธบาทวัดป่าเขาคงคา บ้านโนนระเวียง ต.โคกกระชาย อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา
    27 พระพุทธบาทสำนักสงฆ์ถ้ำพระ-เขาเต่า ต.บ้านใหม่ อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา
    28 พระพุทธบาทวัดเขาชาด ต.มะเกลือเก่า อ.สูงเนิน จ.นครราชสีมา
    29 พระพุทธบาทวัดใหม่สันติ ต.มะเกลือใหม่ อ.สูงเนิน จ.นครราชสีมา
    30 น้ำตกวะภูแก้ว บ.วะภูแก้ว ต.มะเกลือใหม่ อ.สูงเนิน จ.นครราชสีมา
    31 พระพุทธบาท 4 รอย หน้าปั้มน้ำมันพี.ที.(บ.คลังเจริญโคราช) ถ.มิตรภาพ อ.สูงเนิน จ.นครราชสีมา
     
  11. clearlove

    clearlove เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    273
    ค่าพลัง:
    +644
    ถ้าไม่ผิดหน้าจะเป็นที่นี้
    รอยพระพุทธบาทเขายาย “หอม” เดิมชื่อ รอยพระพุทธบาทเขายาย “เหม็น” ได้เปลี่ยนชื่อนับตั้งแต่ปี พ.ศ.2500 เป็นต้นมา รอยพระพุทธบาทเขายายหอม ตั้งอยู่ใน ต.นายางกลัก อ.เทพสถิต จ.ชัยภูมิ เมื่อปี พ.ศ. 2592 ท่านพระครูมนูญชยกิจ ได้พาพระภิกษุสามเณรออกเดินธุดงค์มาทางตำบลนายางกลัก และได้พบตาขำ อายุ 70 กับนายหมี อายุ 35 ปี คนบ้านวังตาท้าว มากราบนมัสการ ตาขำ เล่าถวายว่า บนยอดเขายายเหม็น มีรอยเท้าคนใหญ่ปรากฏอยู่ ส่วนนายหมีก็เล่ายืนยันว่ามารดาของตนเคยเล่าว่าให้ฟังว่า ตอนที่ยายของนายหมียังเล็กอยู่ ได้ติดตามผู้ใหญ่ขึ้นไปบนยอดเขายายเหม็น ได้เห็นรอยเท้าคนใหญ่อยู่พลาญหิน ข้างบ่อตาทอง รอยใหญ่มาก

    ต่อมาได้มาชาวบ้าน (ชาวมอญโบราณ) ที่มาทำกิน ขึ้น-ลงบนเขาอยู่เนืองๆ ได้เห็นช้างเก็บดอกไม้มาวางบริเวณนี้บ่อยๆ จึงพากันค้นหา จนพบรอยเท้าคนใหญ่เข้าก็เกิดความกลัวว่าถ้าทางหน่วยงานราชการมาพบเข้าจะทำให้พวกตนเข้ามาทำมาหากินที่นี่ลำบาก จึงพากันทุบต่อยรอยเท้าให้แตก จุดไฟเผา และนำต้นสลักไดมาปลูกเพื่อปกปิดไม่ให้ใครพบเห็น

    ต่อมาปี พ.ศ.2493 พระครูมนูญชยกิจ ทราบเรื่องราวรอยพระพุทธบาทบนเขายายเหม็น จึงได้มีหนังสือเรียนไปยังท่านพระครูพินิจสมณวัตร (คง ชาลีวรรณ) เจ้าคณะกิ่งอำเภอบำเหน็จณรงค์ วัดเพ็ชรภูมิสุวรรณ ในสมัยนั้น และได้เรียกประชุมญาติโยมบ้านชวน บ้านวังเสมา และอำเภอจัตุรัส ออกสำรวจค้นหาจนพบรอยพระพุทธบาท นิ้วเบื้องซ้ายพระบาทและปลายนิ้วเรียบเสมอกัน หันปลายนิ้วพระบาทไปทางอาคเนย์ ท่านพระครูพินิจสมณวัตร (คง ชาลีวรรณ) ลงมือวัดตรวจสอบความยาว 180 เซนติเมตร ความกว้าง 75 เซนติเมตร ความลึก 45 เซนติเมตร ลักษณะหินรอยพระบาทมีสีแดง ด้านซ้ายแตกตามง่ามนิ้วพระบาท

    พระครูพินิจสมณวัตรฯ จึงได้ร่วมกับญาติโยมในอำเภอจัตุรัสและกิ่งอำเภอบำเหน็จณรงค์ ทำทางพอเป็นถนนให้ขึ้น-ลงได้ และยกที่นี่เป็นวัดพระพุทธบาทเขายายเหม็น สงวนอาณาเขตกว้าง 100 เส้น ยาว 100 เส้น มีเนื้อที่ประมาณ 10,000 ไร่ เมื่อทำถนนเสร็จเรียบร้อยแล้ว จึงร่วมบอกบุญกับญาติโยม จัดงานนมัสการรอยพระพุทธบาทขึ้นเป็นงานประจำปี ตรงกับวันขึ้น 11 ค่ำ จนถึงวันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 ซึ่งตรงกับวันมาฆบูชาของทุกๆ ปี


    ความคิดเห็นที่ 2
    น่าจะเป็นที่นี้ มีความเป็นได้เท่าที่หาข้อมูลมา
    รอยพระพุทธบาทเขายาย “หอม” เดิมชื่อ รอยพระพุทธบาทเขายาย “เหม็น” ได้เปลี่ยนชื่อนับตั้งแต่ปี พ.ศ.2500 เป็นต้นมา รอยพระพุทธบาทเขายายหอม ตั้งอยู่ใน ต.นายางกลัก อ.เทพสถิต จ.ชัยภูมิ เมื่อปี พ.ศ. 2592 ท่านพระครูมนูญชยกิจ ได้พาพระภิกษุสามเณรออกเดินธุดงค์มาทางตำบลนายางกลัก และได้พบตาขำ อายุ 70 กับนายหมี อายุ 35 ปี คนบ้านวังตาท้าว มากราบนมัสการ ตาขำ เล่าถวายว่า บนยอดเขายายเหม็น มีรอยเท้าคนใหญ่ปรากฏอยู่ ส่วนนายหมีก็เล่ายืนยันว่ามารดาของตนเคยเล่าว่าให้ฟังว่า ตอนที่ยายของนายหมียังเล็กอยู่ ได้ติดตามผู้ใหญ่ขึ้นไปบนยอดเขายายเหม็น ได้เห็นรอยเท้าคนใหญ่อยู่พลาญหิน ข้างบ่อตาทอง รอยใหญ่มาก ต่อมาได้มาชาวบ้าน (ชาวมอญโบราณ) ที่มาทำกิน ขึ้น-ลงบนเขาอยู่เนืองๆ ได้เห็นช้างเก็บดอกไม้มาวางบริเวณนี้บ่อยๆ จึงพากันค้นหา จนพบรอยเท้าคนใหญ่เข้าก็เกิดความกลัวว่าถ้าทางหน่วยงานราชการมาพบเข้าจะทำให้พวกตนเข้ามาทำมาหากินที่นี่ลำบาก จึงพากันทุบต่อยรอยเท้าให้แตก จุดไฟเผา และนำต้นสลักไดมาปลูกเพื่อปกปิดไม่ให้ใครพบเห็น
    ต่อมาปี พ.ศ.2493 พระครูมนูญชยกิจ ทราบเรื่องราวรอยพระพุทธบาทบนเขายายเหม็น จึงได้มีหนังสือเรียนไปยังท่านพระครูพินิจสมณวัตร (คง ชาลีวรรณ) เจ้าคณะกิ่งอำเภอบำเหน็จณรงค์ วัดเพ็ชรภูมิสุวรรณ ในสมัยนั้น และได้เรียกประชุมญาติโยมบ้านชวน บ้านวังเสมา และอำเภอจัตุรัส ออกสำรวจค้นหาจนพบรอยพระพุทธบาท นิ้วเบื้องซ้ายพระบาทและปลายนิ้วเรียบเสมอกัน หันปลายนิ้วพระบาทไปทางอาคเนย์ ท่านพระครูพินิจสมณวัตร (คง ชาลีวรรณ) ลงมือวัดตรวจสอบความยาว 180 เซนติเมตร ความกว้าง 75 เซนติเมตร ความลึก 45 เซนติเมตร ลักษณะหินรอยพระบาทมีสีแดง ด้านซ้ายแตกตามง่ามนิ้วพระบาท

    พระครูพินิจสมณวัตรฯ จึงได้ร่วมกับญาติโยมในอำเภอจัตุรัสและกิ่งอำเภอบำเหน็จณรงค์ ทำทางพอเป็นถนนให้ขึ้น-ลงได้ และยกที่นี่เป็นวัดพระพุทธบาทเขายายเหม็น สงวนอาณาเขตกว้าง 100 เส้น ยาว 100 เส้น มีเนื้อที่ประมาณ 10,000 ไร่ เมื่อทำถนนเสร็จเรียบร้อยแล้ว จึงร่วมบอกบุญกับญาติโยม จัดงานนมัสการรอยพระพุทธบาทขึ้นเป็นงานประจำปี ตรงกับวันขึ้น 11 ค่ำ จนถึงวันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 ซึ่งตรงกับวันมาฆบูชาของทุกๆ ปี
    หลวงพ่อทอง สุทธสีโล
    เจ้าอาวาสวัดพระพุทธบาทเขายายหอม
     

แชร์หน้านี้

Loading...